หน้าเว็บ

หน้าเว็บ

วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562

ฝุ่นควาาาายยยยยยๆๆๆๆ - fine dust...และการจัดการปัญหาของเกาหลี

ฝุ่นควายยยยๆ - Fine dust
สาเหตุและมาตรการ - Cause and measurement
โดยทั่วไปแล้ว, มลพิษทางอากาศทั้งหลายเป็นสสารในอากาศที่สามารถเปลี่ยนมามีผลกระทบต่อมนุษย์และระบบนิเวศน์.  สสารนั้นสามารถเป็นได้ทั้งอนุภาคแข็ง(solid particles), หยดของเหลว/ละอองของเหลว(liquid droplets), หรือ ก๊าซ(gases).  มลพิษ(pollutants)นี้สารมีได้ทั้งที่เกิดในธรรมชาติ หรือที่มนุษย์ทำให้เกิดขึ้น(natural origin or man-made).

อนุภาคมลพิษ(Particle pollution)ถูกผลิตสร้างขึ้นเมื่อความชื้นในอากาศ(moisture in the air)รวมกันเข้ากับอนุภาคละเอียดของสสาร(fine particle matter). อนุภาค(Particles)ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง เล็กกว่า 10 ไมครอน(micrometers (PM-10)), ที่ประมาณ 1/7 ของความกว้างเส้นผมเส้นเดียวของมนุษย์(a single strand of human hair), นั้นเล็กมากพอที่จะเข้าไปตามลมหายใจสู่ปอด. มลพิษรูปแบบนี้ยังสามารถบรรจุองค์ประกอบอื่นเข้าไปด้วยเช่น ควัน(smoke), ไนเตรท(nitrate-สารประกอบไนโตรเจน), ฝุ่น หรือโลหะ(dirt or metals), และทำให้อากาศปรากฏเป็นหมอก(hazy)ขึ้น.

นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่ทางการสภาพแวดล้อมทั้งหลาย(Scientists and environment officials)ส่วนใหญ่กังวลในอนุภาคที่เล็กไปกว่า 10 ไมครอน. สสารอนุภาคฝุ่นละเอียด (fine dust particle matter), พิจารณาว่าอะไรก็ตามที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเล็ก 2.5 ไมครอน(2.5 micrometers)หรือเล็กกว่า, จะมีอันตรายเป็นพิเศษ. อนุภาครูปแบบนี้ถุกปล่อยออกมาโดยตรงจากโรงงานผลิตไฟฟ้า(power plants – โรงไฟฟ้าถ่านหิน/น้ำมัน/ก๊าซ), ไอเสียจากรถยนต์และควัน(car exhausts and smoke), และมักจะบรรจุไว้ด้วยส่วนประกอบหลากหลายของสารเคมีเสมอ(various chemical elements).

ในฤดูหนาว(winter), อนุภาคมลพิษมักจะสามารถถูกพบเห็นได้ในวันค่อนข้างอุ่น(warmer days).  เมื่อความกดอากาศสูงภาคพื้นทวีป(continental high pressure) ในตอนเหนือแผ่ขยายลงมาถึงเกาหลี(Korea), ลมเหนืออันหนาวเย็นจะพัดพาฝุ่น(the dust)มา, แต่เมื่อคาบสมุทร(peninsula)ลดผลภาวะน้อยลงด้วยแรงกดอากาศสูง, ฝุ่นเหล่านั้นก็บินร่อนอยู่เหนือประเทศ(hovers over country).

ศูนย์พยากรณ์คุณภาพอากาศ ของสถาบันวิจัยสภาพแวดล้อมแห่งชาติ(ของเกาหลี - The Air Quality Forecasting Center of the National Institute of Environmental Research (국립환경과학원 대기질통합예보센터)) ชี้ว่าความหนาแน่นเฉลี่ยของ ฝุ่นละเอียด(fine dust)นี้, หว่างสามเดือนแรกในปี 2017 วัดได้ถึง 32 ไมครอน/ลบ.ม.(32/), เลวร้ายที่สุดในรอบสามปี. ในเดือนมีนาคม 2017, กระทรวงสิ่งแวดล้อม
 (Ministry of Environment) ถือว่า( attributed)มลพิษทางอากาศ จากฝุ่นละเอียดภายในประเทศ(domestic fine dust) เป็นอิทธิพลจากภายนอก 86 เปอร์เซนต์ของยอดสูงสุดthe total), ซึ่งนั่นหมายความว่า, ส่วนใหญ่ของฝุ่นละเอียด(fine dust)มาจากประเทศจีน.  กระทรวงสิ่งแวดล้อมอธิบายว่าเป็นอิทธิพลภายนอก(external influences)ที่ 30-50 เปอร์เซนต์บนค่าเฉลี่ย, และ 60-9-80 เปอร์เซนต์ตอนที่รุนแรง(hard times).  อย่างไรก็ดี, มันไม่เพียงพอที่จะย้ายความรับผิดชอบ(responsibility)ไปยังประเทศจีน.  มีผลการวิจัยเล็กน้อยมากที่ผลิตสร้างโดยนักวิชาการท้องถิ่นบนประเด็นของเรื่องนี้(subject matter).  ในปี 2014, เกาหลีและจีนเซ็นข้อตกลง MOU เข้าสู่ระดับที่จะทำโครงการวิจัยร่วมกัน(MOU to stage joint research projects), แต่ผลิตสร้างงานวิจัยสำคัญๆออกมาน้อยมาก, นอกจากการระบุถึงแหล่งกำเนิดฝุ่นละเอียดในประเทศจีน(except identifying the origins of fine dusts in China).

ในเดือนมีนาคม 2017, นักสภาพแวดล้อมชาวเกาหลีเจ็ดคน(seven Korean environmentalists) ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อสองรัฐบาลประเทศเกาหลีและประเทศจีน, ในข้อหาเป็นตัวการทำให้เกิดมลพิษฝุ่นละเอียดออกมา(for damages arising out of fine dust pollution). โดยปราศจากหลักฐานในรายละเอียดของข้อกล่าวหา(Without detailed evidence on the subject matter), อย่างไรก็ตาม, การดำเนินการทางกฎหมายเช่นนั้นดูเหมือนจะไม่ก่อให้เกิดทางแก้ปัญหาของมลพิษทางอากาศเหนือคาบสมุทรเกาหลีแต่อย่างใด.

ฝุ่นควายยยยๆๆๆและการเกี่ยวพันกับสาธารณสุข
อนุภาคมลพิษกำลังมาเป็นปรากฏการณ์ติดต่อเรื้อรัง(chronic phenomenon)ในฤดูหนาว(winter).  มันถูกกล่าวโทษยืนยันว่ามีศักยภาพที่จะก่อกวนอย่างสำคัญต่อชีวิตชาวเมือง(significantly disrupt urban life), และดัชนีมลพิษทางอากาศชี้ให้เห็นว่ากรุงโซล(Seoul)ได้กลายมามีมลภาวะเป็นพิษมากขึ้นในหลายปีที่ผ่านมา.
ในบางโอกาส, กรมอุตุนิยมวิทยาของเกาหลีได้ประกาศระบุทีละเมือง(the Korea Meteorological Administration issued city by city ).
-          เตือนภัยฝุ่นละเอียด(fine dust alert); หรือ
-          เฝ้าระวังมลพิษอนุภาคละเอียด(fine particle pollution).
บางรัฐบาลท้องถิ่น(local government) ประกาศกฤษฎีกา(own ordinance)ของตนเองในเรื่องมลพิษทางอากาศ(air pollution).

ประกาศ(issue)นี้เป็นต้นเหตุเกี่ยวข้องกับการสาธารสุขอย่างมากมาย(.myriad of public health concerns).  อนุภาคเหล่านี้(particles)เป็นอันตรายพิเศษเพราะว่าพวกมันไม่ได้มองเห็นด้วยตาเปล่าของมนุษย์เสมอไป  , ทำให้มลพิษนี้ไม่ถูกสังเกตเห็นได้ง่าย.

ตามที่สำนักบริหารมหานครโซล(the Seoul Metropolitan Government), ค่าเฉลี่ยความเข้มข้นของอนุภาคละเอียดของนครหลวงต่อปีเป็น 61 ไมครอน/ลบ.ม.(61 micrograms per cubic meter)ในปี 2007, หลังจากนั้นก็ลดลงมาถึง 41 ไมครอน/ลบ.ม.(41 micrograms per cubic meter)ในปี 2012.  แต่รูปร่างเริ่มฟื้นคืนขึ้นมาอีกในปี 2013 ถึง 44 ไมครอน/ลบ.ม.(44 micrograms per cubic meter), และเมื่อปีที่แล้วเป็น 46. แต่ใมนขณะที่มันยังคงอยู่ต่ำกว่า 50, หน่วยงานมาตรฐานได้แนะนำต่อรัฐบาล, ว่ามันยังคงเป็นสองเท่าของมาตรฐานนานาชาติที่คือ 20 ไมครอน/ลบ.ม.(20 micrograms per cubic meter), ที่เสนอไว้โดย องค์การอนามัยโลก(World Health Organization (WHO)).

จากการศึกษาในปี 2015, สถาบันวิจัยเพื่อสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยยอนเซย(Yonsei University's Institute for Environmental Research)รายงานให้เห็นว่า ผู้คน 1,179 รายได้เสียชีวิตในแต่ละปีจากประเด็นเกี่ยวโยงกับ หรือจากสาเหตุของมลพิษอนุภาคละเอียด(fine particle pollution)ที่เกิด(produce-ผลิตสร้าง)ขึ้นในถนนทั้งหลาย(on streets).  คำนวณอีกวิธีหนึ่ง, งานวิจัยสรุปได้ว่า มากกว่า 14,000 คนได้สูญเสียหยุดพักจากชีวิตปกติไป 1 ปีจากที่คาดหวังไว้ในแต่ละปี(losing a year off their normal life expectancy annually).
สถาบันนี้ยังอ้างด้วยว่าจากการศึกษาอื่นอีก, ในการออกไปเดินเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเมื่อมีอนุภาคละเอียดเข้มข้น(fine particle concentrations) ที่ 161 ไมครอน/ลบ.ม.(162 micrograms per cubic meter), จะมีผลกระทบเดียวกันเท่ากับการสูดควันบุหรี่ในที่ปิด 60-ลบ.-ม. เป็นเวลาชั่วโมงครึ่ง.
ที่ทำให้สถานะการณ์ทั้งหลายเลวร้ายลงไปอีก, คือมลพิษอนุภาคสุดละเอียด(ultrafine particle pollution), ที่สามารถบรรจุโลหะหนักทั้งหลาย(heavy metals), กำลังจะลุกขึ้นมาหา.  อนุภาคทางอากาศสุดละเอียด(Ultrafine atmospheric particles)เหล่านี้คือที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1/13 ของเส้นผมเดียวของมนุษย์(one-thirtieth the diameter of a strand of human hair), ซึ่งหมายถึงว่ามันสามารถเข้าไปลึกในระบบหายใจของมนุษย์(enter deep into a person’s respiratory system).
ฝุ่นสุดละเอียด(Ultrafine dust) สามารถไม่ใช่แค่เพิ่มความเสี่ยงในโรคทางเดินหายใจ(respiratory diseases), แต่ยังทำให้เกิดการอุดตันของเส้นโลหิตไปเลี้ยงสมอง(stroke)และโรคหลอดเลือดหัวใจ(cardiovascular diseases)ทั้งหลาย.
ประเทศจีนได้กล่าวโทษมลพิษอนุภาคทางอากาศมานานแล้วจากในชนบท(the country), ถึงแม้ว่าการศึกษาใหม่ๆกว่าได้แสดงไปอีกทางหนึ่ง.

มาตรการตอบโต้ของเมืองใหญ่ทั้งหลาย - Countermeasures of big cities
ศูนย์บัญชาการภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของมหานคร, ประกาศเมื่อเดือนมกราคม 2015 ว่า, ประเทศจีนและมองโกเลียมีส่วนทำให้เกิด(contributed)มลพิษอนุภาคสุดละเอียด(ultrafine particle pollution) 30 ถึ. 50 เปอร์เซนต์, ขณะที่ 45 ถึ. 55 เปอร์เซนต์ของสสารอนุภาคสุดละเอียด(ultrafine particulate matter)ถุกผลิตสร้าง(produced)ในกรุงโซลและปริมณฑล.  แถลงการณ์ประกาศนี้ได้บ่งชีถึงความจริงที่ว่านโยบายต่างๆของมหานครในเรื่องสิ่งแวดล้อมกำลังจะเผชิญหน้าของการเปลี่ยนผ่านสำคัญทั้งหลาย(face major shifts).

ในการประชาพิจารณ์เมื่อเร็วๆนี้โดยสำนักงานมหานครและกระทรวงสิ่งแวดล้อมให้ความสำคัญไปที่(focused on), เป็นพิเศษ, การควบคุมยานพาหนะที่ใช้น้ำมันดีเซลในการขับเคลื่อน.

สำนักงานมหานครโซล(Seoul city government)ได้ใช้มาตรการ(measure)อย่างเข้มข้นมากขึ้นและยืนยันว่า, มันจำเป็นต้องร้องขอให้กระทรวงสิ่งแวดล้อมได้รับรองกฎหมายควบคุมไอเสียที่เข้มงวดมากขึ้น(strong exhaust gas regulations).  อีกทั้งยังรวมไปถึงการทำงานสู่การออกแบบพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่(designating large green areas)ในกลางกรุงโซล(central Seoul)เป็นเช่น เขตสะอาด(clean zones), ที่ซึ่งจะอนุญาตให้แต่รถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์ไฟฟ้า(hybrid or electronic cars )เท่านั้นได้เข้าไป.  เพิ่มเติมมากไปกว่านั้น, สำนักงานมหานคร(municipal government)กำลังมองที่จะทำงานร่วมกันกับสำพนักงานท้องถิ่นอื่นๆ(other local governments)ในการให้ความสำคัญมากขึ้นในการปกป้องสิ่งแวดล้อม, เช่น ชางวอน หรือ เจจู, ที่จะร่วมกันลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้า.

การขนส่งสาธารณะฟรี - Free public transportation
ในเดือนมกราคม 2018, สำนักงานมหานครโซล(Seoul city government)ได้ออกระบบฉุกเฉินในการลดฝุ่นละเอียด(emergency fine dust reduction system)ของตนมาหลายครั้ง, โดยที่ประกาศห้ามใช้รถยนต์ของทางราชการไม่ว่าสลับกันเป็นเลขทะเบียนคู่-หรือ-คี่(either odd- or even-number license plates), ขึ้นอยู่กับแต่ละวันนั้นๆ, ปิดที่จอดรถยนต์สาธารณะสำหรับยานพาหนะ, ลดปฏิบัติงานลงที่โรงงานสาธารณะเพียงหนึ่งโหล(a dozen public factories) และจัดหาระบบขนส่งสาธารณะไม่เสียค่าใช้จ่ายในชั่วโมงเร่งด่วน(free public transportation during rush hours).  มาตรการนี้กลายมาเป็นมีผลในการลดการจราจรโดยรถยนต์ในย่านกลางเมืองของกรุงโซล(ineffective in reducing automotive traffic in downtown Seoul).

ในเดือนมกราคา 2013, เจ้าหน้าที่ของเมือง ทาลลินน์, ประเทศเอสโตเนีย(Tallinn, Estonia), ได้คาดการณ์อย่างกล้าหาญบางอย่าง(some bold predictions)เกี่ยวกับอะไรน่าจะเป็นผลขึ้นมา.  จะมีการไหลหลั่งอย่างท่วมท้นของผู้โดยสารใหม่ๆบนรถบัสและรถรางของเมืองทาลลินน์(Tallinn's buses and trams)---มากกว่า 20 เปอร์เซนต์ของผู้ขับขี่ยานยนต์. การปล่อยคาร์บอน(Carbon emissions)จะโฏน้มเอียงลดลงอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน, เมื่อผู้ขับขี่ยานยนต์ทิ้งรถยนต์ของเขาไว้ที่บ้านและใช้บริการขนส่งมวลชน( transit )(แทน.  ถึงแม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนนักว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของชุมชนมากไปทั้งหมดขนาดนั้น, เจ้าหน้าที่นครทาลลินน์(Tallinn city officials)ได้ยังคงนโยบายภายในของตนเช่นนี้ไว้อยู่.

แล้วกรุงปารีส, นิวยอร์ค ล่ะเป็นอย่างไร? - How about Paris, New York?
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายกล่าวว่านโยบายปฏิบัติการต่อต้าน-อนุภาคละเอียดให้ได้ผลนั้น, ขึ้นอยู่กับเวลา
(a matter of time), การให้มาตรการพิเศษเหมือนๆกันได้กลายมาเป็นผลกระทบในหลายๆเทศบาลมหานครอื่นๆในประเทศก้าวหน้า(many other metropolitan cities in advanced countries).

กรุงปารีสเองเมื่อปีที่แล้วบังคับใช้กฎหมายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าต่อผู้ขับขี่ – เลขทะเบียนวันคู่-และ-คี่ถูกจำกัดให้ขับขี่ได้ในวันนั้นๆ – หลังจากพบความเข้มข้นของอนุภาคละเอียด(fine particle concentrations)สูงขึ้นกว่ามาตรฐานของประเทศเป็นเวลาต่อเนื่องกัน 5 วัน.  มหานครปัจจุบันได้พยายามที่จะใช้มาตรการทางกฎหมายอื่นที่จะเป็นการห้ามรถยนต์เชื้อเพลิงดีเซลในการเข้าสู่ใจกลางนคร.

มหานครนิวยอร์คยังได้ลดจำนวนช่องทางเดินรถ(number of lanes)ในด้านหน้าของ ไทม์ สแควริ์(in front of Times Square) , พื้นที่แออัดอันเป็นตำนาน(a chronically congested area), ลดความห้าวหาญของผู้ขับขี่ลงจากการเข้ามาสู่.  สำนักงานขนส่งมหานครนิวยอร์ค(New York City Department of Transportation )ประเมินว่าการลดลงของมลพิษเป็นผลบุญมหาศาลมาจากมาตรการนั้น.

ยุโรปเองปัจจุบันมีนโยบายกระตุ้นในขนาดใหญ่(a large-scale incentives policy)ถึงระดับจำกัดอัตราการใช้เชื้อเพลิงในครัวเรือน.  อุตสาหกรรมรถยนต์ก็เช่นกันในการเผชิญกับการจะเปลี่ยนผ่านกระบวนทัศน์หลักของการที่จะหันมาใช้การขนส่งสาธารณะ(public transportation)และจักรยาน(bicycles)เพิ่มขึ้น, และถนนกลายเป็นแคบลงและแคบลง(become narrower and narrower).

นโยบายรัฐบาล - Government policy
อากาศปนฝุ่นในเมืองใหญ่ได้มาถึงจุดเกินกว่าที่รัฐจะทนทานได้แล้ว(an intolerable state), และได้เรียกร้องให้ปฏิบัติการนโยบายทุกอย่างทั้งหมดออกมาในการที่จะลดมลพิษฝุ่นละเอียด(fine dust pollution).  รัฐบาล(เกาหลี)วางแผนที่จะขึ้นไปถึงมาตรการสมบูรณ์แบบ(เบ็ดเสร็จ - a comprehensive measure).  แต่ก่อนที่จะเป็นเช่นนั้นก็มีการประชุมกันหลายครั้งของคณะรัฐมนตรี(cabinet meeting), มันจำเป็นต้องรีดอะไรออกมาถึงความแตกต่างในท่ามกลางหน่วยงานของรัฐทั้งหลาย.

ก่อนที่ความพยายามปกระสานกันใดๆ(any coordinated efforts), กระทรวงสิ่งแวดล้อมประสงค์ที่จะขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเพื่อควบคุมฝุ่นสุดละเอียดหลากหลาย(various ultrafine dust)และมลพิษไอเสียจากยานพาหนะเครื่องยนต์ดีเซล(pollutant emissions from diesel-fuel vehicles)ที่ตอนนี้มีจำนวนมากกว่าครึ่งของรถยนต์บนท้องถนนในประเทศ, เพราะว่าสัมพันธืกันกับน้ำมันเชื้อเพลิงราคาถูก.  มันถูกอ้างว่าอากาศจะสะอาดมากยิ่งขึเนถ้าราคาน้ำมันเชื้อเพลิงถูกทำให้แพงขึ้น, และรถยนต์เชื้อเพลิงดีเซลถุกลดลงไปจากท้องถนน, ในราว 70 เปอร์เซนต์ของไอเสียที่ปล่อยออกมาจากยานพาหนะ(70 percent of vehicle dust emissions).  แต่กระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมได้คัดค้านในการเคลื่อนไหวนี้เพราะหวาดกลัวต่อการทำร้ายผู้ขับขี่ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อยหรือกิจการของตัวเอง(lower-income class or self-employed).

การที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น(higher fuel cost)นั้นไม่ใช่หนทางสุดท้ายของการคลี่คลายปัญหา.  อากาศควัน(smoky air )ส่วนใหญ่ นั้นมีผลมาจากลมฝุ่น(dust winds)จากจีน.  มาตรการในเรื่องอากาศฝุ่น(dusty airควรจะเป็นประการแรกที่ต้องกำหนดในบริบทของความพยายามที่จะร่วมมือกันระหว่างเกาหลี, จีน, และญี่ปุ่น, ที่จะมีการจัดประชุมระดับรัฐมนตรีอย่างสม่ำเสมอมาตั้งแต่ปี 2013.

การควบคุมไอเสียจากพื้นที่ตั้งอุตสาหกรรมทั้งหลาย(industrial sites), โรงผลิตไฟฟ้า(power stations), และไอเสียไนโตรเจน ออกไซด์ของยานพาหกนะดีเซล ยังคงเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน.  การเพิ่มขึ้นของยวดยานน้ำมันดีเซลโดยปราศจากกฏบัญญัติบังคับขั้นพื้นฐานในเรื่องควันจากจีน, จะเป็นเพียงแค่เพิ่มค่าใช้จ่ายในการขนส่งและขบวนการลอจิสติกส์, และเงินเฟ้อ(transportation and logistics costs and inflation).  รัฐบาลชักจูงให้ลดการใช้รถยนต์ดีเซลโดยการสงเคราะห์(subsidies)ในเบื้องต้น.  ผู้ขับรถท๊กซี่และผู้ค้าขายกิจการส่วนตน(self-employed merchants )ผู้ที่พึ่งการใช้รถบรรทุกเชื้อเพลิงดีเซลราคาถูกกว่าจะถูกกระทบอย่างหนัก.

มันไม่จำเป็นที่จะต้องไปถึงหนทางสุดท้ายที่จะคลี่คลายปัญหา.  ลำดับความสำคัญ(Priorities)จะต้องปรับแต่งกำหนดขึ้นอย่างประณีต(fine-tuned).  ก่อนที่จะขึ้นราคาน้ำมัน, ยานพาหนะเชื้อเพลิงดีเซลอายุมากกว่า 10 ปีต้องถูกนำออกไปจากท้องถนน.  ผู้มีอำนาจทั้งหลายต้องเพิ่มความเข้มแข็งในการดูแลตรวจตราควบคุมในระบบเครื่องยนต์(supervision on mechanisms)ที่จะควบคุมไอเสียสารผสมของไนโตรเจน (nitrogenous compound emissions)ที่มักออกมาจากยานพาหนะเครื่องยนต์ดีเซลและมลิษจากพื้นที่ตั้งอุตสาหกรรม.



วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2562

มหามฤตฺยู มชยฺ มนฺตร


Mahamrityunjaya Mantra - Sacred Sound Choir - Ancient Chant For Healing & Peace
 महामृत्युंजय मंत्र or महामृत्युञ्जय मन्त्र, mahāmtyujaya mantra  มหามฤตฺยู มชยฺ มนฺตร

มนตร์นี้อยู่ในภาษาสันสกฤตโบราณ, เป็นบทสวดเพื่อพุทธิปัญญา(enlightenment -โมกษะ – การหลุดพ้น) และใช้ภาวนาเพื่อทำความบริสุทธิ์ในกรรม(purifying karma)ของจิตวิญญาณที่ระดับความลึกสุด(a very deep level). กล่าวกันว่าเพื่อเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับสุขภาพจิตและกาย(beneficial for emotional and physical health). มฤตฺยู มชยฺ มนฺตร(Mrityunjaya Mantra), ยังเป็นที่รู้จักกันในฐานะ “รุทฺร มนฺตร” (Rudra mantra – เทพองค์หนึ่งใน 3 – อินทร์/อัคนี/รุทร) ถูกพบในคัมภีร์พระเวทบรรพ “ฤคเวท บรรพ 7.59.12”( Rig veda VII.59.12), “ยชุรเวท บรรพ 3.60”( Yajur Veda III.60), “อธรรพเวท บรรพ14.1.17”( Atharva Veda XIV.1.17), “ศิวะ  ปุรณะ”( Shiva Purana) ปรากฏอยู่ในท่ามกลางเหล่านั้น.  ตามตำนานที่อ้างถึง, มนตร์นี้ถูกประทานมาให้โดยพระศิวะ(Lord Shiva )ด้วยพระองค์เองแก่โยคีศักระจารย์(sage Sukracharya) ว่า :-


==O houm om joom saha Boorbhuvassuaha
==Tryambakaa yajāmahe sugandhi puṣṭi-vardhanam ǀ Urvārukam-iva bandhanātmtyormukīya māmtāt
==Boorbhuvassuvarom joom saha houm om ǁitiǁ==


ความหมายของ คำสวดนี้ คือ

เราสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าสามพระเนตร ผู้ซึ่งหอมจรุงและผู้ซึ่งบำรุงเลี้ยงและอุปถัมภ์แก่สรรพสิ่งทั้งปวง. We worship the Three-eyed Lord who is fragrant and who nourishes and nurtures all beings. (1)ดังเช่นแตงผลสุกงอม(ด้วยการดูแลของคนสวน) เป็นอิสระจากพันธนาการ(จากเครือเถา), ขอพระองค์ทรงปลดปล่อยเราพ้นจากมรณะเพื่อความเป็นอมตะเทอญ. As is the ripened cucumber (with the intervention of the gardener) is freed from its bondage (to the creeper), may he liberate us from death for the sake of immortality. (2)

Word by word Meaning of Lyrics ॐ = o = is a sacred/mystical syllable in Sanatan Dharma or hinduความหมายของคำต่อคำนั้นคือ :-
ॐ = o = โอม เป็นพยางค์ศักดิ์สิทธิ์/อาคม ใน สนาตนธรรม” (Sanatana Dharma - แปลว่า ศาสนาที่ดำรงอยู่นิจนิรันดร) หรือ ศาสนาชนฮินดู (hindu religions), เช่น ฮินดู(Hinduism), เชนนะ(Jainism), พุทธ (Buddhism), และ ซิกข์ (Sikhism(เป็นเครื่องหมายของ สัจจะสูงสุด - symbol of ultimate reality). त्र्यम्बकम् = ตระยัมภกัม - tryambakam, त्रि (ตรี - Try= สาม -Three)+ अम्बकम् (อัมภกัม - Ambakam= เนตร – ดวงตา-Eyes)= “ผู้ซึ่งมีสามพระเนตร” หมายถึง พระรุทร หรือพระศิวะ(Rudra or Siva) ผู้แบ่งปันคุณลุกษณะเดียวกัน(ถือว่าเป็น องค์เดียวกัน).  (1) อย่างแรก, วิศวรูป (vishwaroopa) หรือ สากลรูป (universal form), เนตรทั้งสามเป็นเครื่องแสดงสำคัญถึง พระอาทิตย์, พระจันทร์ และ ไฟ (symbolically signify the sun, moon and fire). แสงอาทิตย์(Sunlight)ในระหว่างกลางวัน, แสงจันทร์(moon)ในตอนกลางคืนและไฟในตอนที่พวกเขาว่างหายจากแสงสว่างสำคัญนั้นๆ(their absence signify illumination). (2) อย่างที่สอง, สองพระเนตรนั้นให้มองเห็นยังโลกวัตถุและเหตุอุบัติของมัน. ดวงเนตรที่สามนั้นคือ เครื่องหมายแห่ง “อัตมะ-ญาณ”( atma-jnana) หรือ “วิชชาของตน”( knowledge of the Self) ที่ผู้นั้นจะมองผ่านได้”เห็น”ซึ่งความสัจจ์จริงของโลกุตร. กามเทพ หรือ มานมัธ(Kamadeva or Manmatha) คือเทพแห่งความปรารถนา(God of Desire)ที่ปลุปปั่นก่อกวนจิตใจมายาวนาน(perennially churning the mind) และก่อให้เกิดความทุรนทุรายไม่สงบ. यजामहे=ยาจามาเห - yajāmahe = เราสักการ(worship), บูชา(adore), สรรเสริญ(honour), เคารพอย่างสูงต่อพระองค์. सुगन्धिम् = สุกันธิม - sugandhim = กลิ่นหวานหอมจรุงจิต(sweet smelling, the fragrant (สารัตถะแห่งจิตวิญญาณ - spiritual Essence). เครื่องหอม(fragrance) คำนี้ในมนตร์ไม่ได้หมายถึงความหอมทางรูปกาย(physical fragrance), เช่น น้ำหอม, แต่หมายถึงคุณลักษณะความหอม(fragrance of character). น้ำปรุงหอมที่ฟุ้งกระจายจากแหล่งกำเนิดและแผ่ออกไปยังหนทางอันมนสิการ(emanates from a source and spreads to a reasonable distance). ดังเช่นคุณลักษณะผู้ทรงธรรมแผ่ขยายออกไปอย่างอบอุ่น.पुष्टि = ปุฉิ - puṣṭi = สถานะชีวิตที่เต็มเปี่ยม(fullness of life) ด้วยการบำรุงเลี้ยงอย่างดี(A well-nourished condition),เจริญรุ่งเรือง( thriving), สำเร็จมั่งคั่ง(prosperous).
 वर्धनम् = วารธะนัม - vardhanam = คือผู้ซึ่งทำนุเลี้ยงดู(nourishes), เสริมสร้าง หรือฟื้นฟู(strengthens or restores)- ในสุขภาพ, มั่งคั่ง, อยู่-ดี(in health, wealth, well-being); คนสวนที่ดี(a good gardener).
 उर्वारुकमिव =  อุรฺวารุกะมิวา - urvārukamiva: उर्वारु, อุรวารุ – แตง(Urvaaru=Cucumber) इव อิวา – เหมือน, ในอากัปกิริยาเช่นเดียวกัน(Iva=Like, In the same manner)= เหมือนแตงกวา, ในที่นี้ “อุรวา”(urva) หมายถึง “วิชาล”( vishal) หรือ ใหญ่, มีอำนาจ หรือมรณะภัย(deadly). อารุกัม(Arukam) หมายถึง โรคภัย(disease). เพราะฉะนั้น อุรวารุกัม(urvarukam) หมายถึง โรคภัยที่มีอำนาจถึงมรณะภัย(deadly and overpowering diseases). ฟักทองหรือแตงกวา(pumpkin or cucumber)ที่หมายถึงนี้คือ ให้มาเพื่อแสดงถึง การวางเฉย( detachment). โรคภัยคือเหล่าที่เป็นเหตุให้เกิดผลกระทบทางด้านลบของสามกุนนะ(the negative effects of the three gunas) และดังเช่น (a) อวิชชา(avidya)ไม่รู้ หรือเข้าใจผิด(ignorance or falsehood) และ (b) สัฑริปู(sadripu)ข้อจำกัดยับยั้งของร่างกายภาพ(a constraint of the physical body).
 बन्धनात् = พันธะนัต – bandhanāt = หมายถึง ผูกมัดไว้(bound down), เป็นทาส(Bondage) - ของ สังสารวัฏ(of Samsara) หรือ ชีวิตโลก(Worldly Life 'ข้าผูกติดไว้อยู่ดั่งแตงกวา(ด้วยเถาเครือ-to a vine)'.
 मृत्यु = มฤตยู - (mrtyu) = ความตาย(Death).  मुक्षीय = มุขชิยะ - (mukīya) = อิสระ(Liberation)  मृत्योर्मुक्षीय = อมฤตยู มุขชิยะ - mtyormukīya = พ้น(Free), ปลดปล่อยให้อิสระ(Liberate) กับเราจากความหวาดกลัวของมรณา(the fear of Death)  मामृतात् มา-อมรตะอัต - (Maa-Amrtaat): ปลดปล่อยเราจากความตาย(มรณา - the death) – เพื่อความเป็นอมตะ(the sake of Immortality); मा = มา - Maa = ไม่(Not), अमृत = อมรตะ - Amrta = อมตะ – ไม่ตาย(Immortal)