หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ดร ริชาร์ด ดีเซนโซ – “ความแตกต่างระหว่าง สมอง และ จิต”

 

ดร ริชาร์ด ดีเซนโซ – ความแตกต่างระหว่าง สมอง และ จิต”

"Difference Between the Brain and Mind"

 

ดร.ริชาร์ด ดีเซนโซ: (จากบรรณาธิการของหนังสือ “BEYOND MEDICINE” เขียนถึงไว้ว่า)เป็นนักประพันธ์, นักพูดระดับนานาชาติ, ผู้เชี่ยวชาญการดูแลสุขภาพ(care expert), มีประสบการณ์มากว่าสามสิบปีในการบำบัดรักษาอาการเรื้อรังจากเส้นเสียงอัมพาต(the  chronic symptom of VCD)ด้วยการใช้ชุดเงื่อนไข/ข้อแม้ทั้งหลายที่จะแปลความหมายเป็นผลที่ได้รับทั้งหลายจาก Matrix Assessment Profile (M.A.P.)ของเขา. ด้วยประสบการณ์ทางคลินิกอย่างกว้างขวางของเขา, เขาจึงเป็นผู้นำในกลุ่มผู้มีอำนาจใน"Whole Person Therapy." ใช้ภูมิหลังการพิจารณาตัดสินใจในชีวเคมีของมนุษย์(human biochemistry)และโภชนาการโมเลกุลบำบัด(Orthomolecular Nutrition), เขายังได้ช่วยเหลือผู้คนหลายพันทั่วโลกที่ป่วยด้วยโรคซึ่งไม่สามารถวินิจฉัยอาการได้ทั้งหลาย(undiagnosable symptoms)ในกาที่จะฟื้นฟูสุขภาพของพวกเขาโดยปราศจากการใช้บาหรือการผ่าตัด.





สวัสดีทุกคน, ผม ดร ริชาร์ด ดีเซนโซ วันนี้ผมต้องการที่จะตอบสนองต่อหนึ่งในคำถามที่ผมถูกถามกันมาบ่อยครั้งมากที่สุด(get asked most frequently)ในการเกี่ยวพันกับ(in dealing with)การแปลความหมายของเค้าโครงการประเมินแบบmatrix(the interpretation of the matrix assessment profile). เพราะว่าดังที่คุณได้ทราบดี, สามอิทธิพลหลัก(three major influences)ที่จะบงการความสมบูรณ์เป็นหนึ่งเดียวของสภาพแวดล้อมทางชีวภาพของคุณ(dictate the integrity of your biological environment)ก็คือ โครงสร้างของคุณ(your structure), ชีวเคมีวิทยาของคุณ(your biochemistry)และ ชุดความคิดของคุณ(your mindset – ผังความคิด). โลกเสมือนจริง(the virtual realm), ทัศนคติทางจิตศาสตร์, ทางอารมณ์รู้สึก, กระทั้งทางจิตวิญญาณ/ศาสนา(the psychological the emotional even spiritual aspect)ในประสบการณ์รับรู้วันต่อวันของคุณ(of your day-to-day experience).

และในการถามคำถามทั้งหลายนั้นได้เชื่อมโยงไปยังแนวความคิดนี้(related to this concept). หนึ่งในพวกนั้นที่ขึ้นมาถี่ๆมากที่สุด(comes up most frequently)คือ, เอ้อ, อะไรคือความแตกต่างระหว่าง สมองกับจิตใจ? และมีความแตกต่างนั้นหรือไม่?

เอาละ, ที่จริงแล้ว, มันมี. เพราะว่า สมองนั้นที่จริงแล้วเป็นแค่โครงสร้าง(the brain is actually a structure). มันเป็นเครื่องแปลงไฟ/เครื่องแปลงสัญญาณ(a transformer), ถ้าคุณประสงค์. และจิตนั้น(the mind)โดยพื้นฐานแล้วคือ ประสบการณ์รับรู้(the mind is basically an experience), ฐานรากสำหรับประสบการณ์รับรู้ของคุณ(a fundamental for your experience).

ดังนั้น, ความรู้สึกทั้งหลาย(the feelings), อารมณ์ทั้งหลาย(the emotions), ความคิดทั้งหลาย(the thoughts), พฤติกรรมทั้งหลาย(the behaviors), การกระทำทั้งหลาย(the activities)ที่คุณจินตนาการ(imagine)ที่คุณอยากจะเข้าไปถูกผูกพันด้วย(would like to be engaged in), หรือชีวิตที่คุณปรารถนาที่จะสามารถได้มีชีวิตอยู่แต่คุณไม่ได้เป็น(the life that you wish that you could be living that you’re not). แต่คุณก็ไม่รู้ว่าทำอย่างไร, คุณไม่รู้ว่าทำไม, และเช่นนั้นคุณถูกนำไปตามลำดับบนการเดินทางอันฟั่นเฟือนวุ่นวาย(subsequently you are led on a frantic journey)ผ่านมืออาชีพทั้งหลายในการดูแลสุขภาพอย่างมากมายมหาศาล(a myriad of health care professionals), ผู้อย่างสมบูรณ์สุด(who ultimately)จบลงด้วยการบอกกับคุณด้วยหนึ่งในความหลากหลายของสิ่งทั้งหลาย(one of a variety of things).

บอกว่า, เราไม่สามารถค้นพบว่ามีอะไรผิดปกติอต่อย่างใด(we can’t find anything wrong), อาการโรคทั้งหลายนั้นเป็นปกติสำหรับวัยของคุณ(the symptoms are normal for your age), เราต้องรอดูว่าจะพบอะไร(have to wait and see). เราต้องดำเนินการทดสอบทั้งหลายอีกgot to run more tests).

หรือไม่ก็, อาการโรคทั้งหลาย(the symptoms)นั้นทั้งหมดอยู่ในหัวของคุณ(all in your head). และกับขอบเขตนั้น(to extent).

บางทีนี่อาจะเป็นความจริง(probably true)เมื่อคุณพิจารณาตัดสินเอาว่า ความจริงนั้น(the fact)คือว่าสมอง(the brain)คือที่จริงแล้วรับเอาความน่าประทับใจทั้งหลายของข้อมูลเข้ามา(actually taking in information impressions)ผ่านห้าประสาทสัมผัส(through five senses)และพลิกเปลี่ยนมันไปเป็นรูปของ(converting it into a form of experience). ที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของบุคลิกภาพของคุณ(part of your personality), และกลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณลักษณะของคุณ(part of your character), ในขณะที่คุณดำเนินต่อไปที่จะมีอายุเพิ่มขึ้น(continue to age).

ตอนนี้, มีอยู่มากมายของส่วนที่เคลื่อนไหว(a lot of moving parts)กับสมอง(to the brain), สมองเชิงกายภาพ(the  physical brain), และระบบประสาทของมันเอง(and nervous system itself)และมันน่าจับใจมากที่จะไปผ่าน(fascinating to go through). และมันก็ใช้เวลาของผมอย่างมากมายที่โรงยิม(the gym)เมื่อผมไม่ได้เอาใจใส่ที่จะออกกำลังกาย(not pay attention to working out). แต่ผมก็พยายามที่จะแยกตนเองจากการกระทำด้านกายภาพที่แท้จริง(to distract myself from the actual physical activity)ของการยกน้ำหนักทั้งหลาย(of lifting weights).

ผมจะฟังอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเปลือกสมองส่วนหน้า(the prefrontal cortex)หรือกลีบสมองด้านหน้าส่วนเจริญสติ(the anterior cingulate gyrus1- ส่วนหน้าของเปลือกสมองเป็นส่วนของระบบประสาทอิสระ)หรือกลุ่มนิวเคลียสอะมิกดาลาของสมองกลีบขมับส่วนกลาง(the amygdala2)หรือใดๆของส่วนที่มีชื่อเสียงทั้งหลายของสมองที่เป็นสิ่งสำคัญ.

1https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B4

2https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B2

แต่มีมากมายเหลือเกินของพวกเขาและในตัวของพวกเขาเอง(in and of themselves)ได้มีลักษณะสำคัญเพียงน้อยนิดอื่นใดไปกว่า(have very little significance other than)ความจริงที่ว่าพวกเขาทั้งหมดมีสัมพันธภาพด้วย(they all have a relationship). ดังนั้น, สำหรับทุกกิริยาเคลื่อนไหว(every action)ก็จะมีปฏิกิริยา(a reaction).

 และตรงกันข้ามกับความเชื่ออันโด่งดัง(contrary to popular belief), มันอาจจะไม่เป็นถึงปฏิกิริยาที่เสมอภาคและตรงกันข้ามกันสิ้นเชิง(an equal and opposite reaction), เพราะว่ามันชนกระทบพื้นที่อิทธิพลที่หลากหลายทั้งหมด(impacts all the various areas of influence)ที่ประกอบกันด้วยสภาพแวดล้อมเชิงชีวภาพ(comprise the biological environment). และพวกเขาประกอบประสบการณ์รับรู้วันต่อวันของคุณเข้าด้วยกัน(comprise your day-to-day experience of).

ดังนั้นแล้ว, สำหรับตัวอย่างก็เช่น, เอาสถิติอย่างง่ายๆแบบว่าค่าเฉลี่ยบุคคล(the average person)สูญเสียการเพ่งความสนใจ(loses focus), พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ, พวกเขาเลิกให้ความสนใจ(they quit pay attention)ในอะไรก็ตามที่พวกเขากำลังทำอยู่, เป็นค่าเฉลี่ยอยู่ที่เจ็ดส่วนสิบครั้งต่อนาที(on average seven to ten times a minute). นั่นเป็นเวลาล่าช้าที่มากมาย(a lot of lag time)ในประเด็นของสุขภาพดี.

เพราะว่าพลังงานไหลไปยังที่ซึ่งความสนใจไปจับอยู่(energy flows where attention goes). ถ้าความสนใจของผมเลื่อนออกไปเจ็ดส่วนสิบครั้ง(drift off seven to ten times)ทุกหนึ่งนาที, นั่นก็คือมีห้องมากมายทั้งหมดสำหรับคุณที่จะไม่สนใจต่ออะไรที่มันเป็น(there’s a whole lot of room for you not to pay attention to what it is), ที่คุณสามารถที่จะได้ทำหรือที่ควรจะได้ทำเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรที่มันเป็นที่คุณไม่ชอบเกี่ยวกับชีวิตของคุณ.

ตอนนี้สิ่งนี้ได้ถูกเชื่อมโยงโดยตรงกับแนวความคิดอีกอันหนึ่ง(directly linked to another concept). และแนวความคิดนั่นก็คือ ภายในอาณาจักรเสมือนจริงที่เราได้มีความคิดทั้งหลาย(within the virtual realm we have thoughts)และความคิดทั้งหลายเหล่านี้กำเนิดเริ่มต้นขึ้น(originate)ผ่านระบบกลไกของสมอง(through the mechanism of the brain), พลิกเปลี่ยนความประทับใจทั้งหลายที่เข้ามาข้างในผ่านประสาทรับรู้ทั้งหลายนั้น(converting impressions coming in through the senses)ไปเป็นประสบการณ์รับรู้ที่แท้จริง (into actual experience).

ทีนี้, ขึ้นอยู่กับว่าคุณได้ไปปรึกษา(depending on who you consult), เราถูกบอกว่าโดยค่าเฉลี่ยแล้ว(on average), ปัจเจกบุคคล(an individual)จะมีห้าสิบถึงเจ็ดสิบพันความคิดต่อวัน(will have fifty to seventy thousand thoughts per day).

ตอนนี้, นี่แหละที่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาก็คือว่า, เมื่อคุณนำมารวมเข้าด้วยกันนั้นกับองค์ประกอบของความสนใจซึ่งขาดพร่องอยู่(combine that with the attention deficit factor). และความจริงที่ว่าคุณกำลังมีห้าสิบถึงเจ็ดสิบพันความคิดต่อวันอยู่, แต่ 90 เปอร์เซ็นต์ของห้าสิบถึงเจ็ดสิบพันความคิดต่อวันเหล่านั้นคืออันเดียวกัน(the same ones)กับที่คุณมีเมื่อวานนี้. แล้วถ้าพลังงานไหลไปยังที่ซึ่งความสนใจได้ไปยังที่ซึ่งคุณไม่ได้ใส่ใจ(do not pay attention)เจ็ดถึงสิบครั้งทุกนาที, คุณก็จะมีอันเดียวกันของห้าสิบถึงเจ็ดสิบพันความคิดทั้งหลายในวันนี้กับที่คุณมีเมื่อวานนี้.

แล้วคุณก็สงสัยไปว่าทำไมอะไรที่คุณต้องการจะได้เปลี่ยนในชีวิตของคุณถึงไม่ได้กำลังเปลี่ยนไปในหนทางที่คุณต้องการ(why what you want changed in your life is not changing in the way that you want).

และแล้วเราก็เห็นว่าแกนของฐานราก(the core foundation)สำหรับสภาวะลำบากนี้(this dilemma). และดังนั้นเพื่อที่จะคลี่คลายแก้ปัญหาสภาวะลำบากนี้(in order to solve this dilemma),หนึ่งในกลยุทธทั้งหลายดีที่สุด(one of the best strategies)ก็คือปรับเปลี่ยน(alter)สิ่งที่ป้อนเข้ามานั้น(the input), พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ, เปลี่ยนแปลงอะไรที่มันเป็นที่เรากำลังคิดเกี่ยวกับมัน(change what it is that we’re thinking about), แนะนำถึงสิ่งที่ป้อนเข้ามาใหม่และแตกต่างออกไป(introduce new and different input).

เพ่งความสนใจไปที่สิ่งที่ป้อนเข้า(focus on that input), พูดอีกอย่างก็คือ, ให้ความสนใจที่มัน(pay attention to it).

และในฐานะที่เป็นผลสืบเนื่องสำคัญ(a consequence), แนวความคิดของความยืดหยุ่นของสมอง(the concept of neuroplasticity3- กระบวนการเปลี่ยนแปลงข้ามระบบประสาท)

         3 https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97

กลายมาเป็นความหมายที่เป็นจริง(becomes a reality meaning)ว่าสมองนั้นเต็มไปด้วยความสามารถของการที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีที่คุณมีประสบการณ์รับรู้กับสิ่งทั้งหลาย(the brain is fully capable of changing the way you experience things)เป็นเช่นผลลัพธ์ของทักษะความสามารถของมัน(as a result of its ability)ที่จะปรับเปลี่ยนเส้นทางข้ามระบบประสาทที่ยืดหยุ่นในการสมาคมกัน(alter the neuroplasticity pathways associated), สมาคมกันด้วยความเชื่อทั้งหลาย(beliefs)กับพฤติกรรมทั้งหลาย(behaviors)และทัศนคติทั้งหลาย(attitudes)และอารมณ์รู้สึกทั้งหลาย(feelings – เวทนาขันธ์)และความคิดทั้งหลาย(thoughts).

และจากนั้นเมื่อคุณจัดประกอบของสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ทั้งหมดเข้ามาด้วยกัน(factor all these things in together), อย่างสัมบูรณ์สุด(ultimately), อะไรที่บังเกิดขึ้นภายใน(what happen within)คือในช่วงเวลาราว 21 ถึง 46 วัน(a 21 to 46 days period of time), ถ้าคุณให้ความสนใจต่อกระบวนการ(pay attention to the process), คุณก็กำลังจะได้เห็นว่าคุณได้มีประสบการณ์รับรู้ที่โดดเด่นหนึ่งเดียวและแตกต่างออกไป(that you’re having a unique and different experience). บนพื้นฐานในแต่ละวันซึ่งสอดคล้องกันยิ่งขึ้นและคงเส้นคงวายิ่งขึ้น(on day to day basis that’s more congruent and more consistent)กับอะไรก็ตามที่คุณต้องการจริงๆที่จะมีประสบการณ์รับรู้(what it is that you really want to experience).

ดังนั้น, เราได้มีข้อมูลอีกมากมายที่จะแบ่งปันให้กับพวกคุณเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้. มีข้อมูลอีกอย่างมากที่มีประโยชน์กับsiteส่วนสมาชิกภาพของเรา, และมีกองพะเนินมากมายของภาพและเสียงใหม่ๆที่ได้อยู่ในกระบวนการของการพัฒนาการติดต่อสัมพันธ์อยู่, โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, ในประเด็นเรื่องนี้. จนถึงตอนนั้น, ผม ดร ริชาร์ด ดีเซนโซ และขอขอบคุณสำหรับการรับฟัง.

https://youtu.be/lss3dsDmW7U



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น