หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พลังงาน และ การสั่นสะเทือน: “นี้คือภาษาของพระเจ้า!” ฟังสิ!

 พลังงาน และ การสั่นสะเทือน: “นี้คือภาษาของพระเจ้า!” ฟังสิ!

Energy and Vibration: "This is The Language of God!" Tune in!

         https://youtu.be/G69qpS6NwP4?si=yDEMp0Bcvlx_Z6pS


“จักรวาลไม่ได้อยู่ภายนอกคุณ.

มองดูภายในตัวของคุณสิ;

ทุกสิ่งที่คุณปรารถนา,

คุณได้มีมันแล้ว.”

-รูมิ

 

         จินตนาการว่าคุณกำลังเดินผ่านป่าหนึ่ง. คุณเห็นต้นไม้หนึ่งเบื้องหน้าของคุณ. คุณมองเห็นอะไร?

         สำหรับผู้คนส่วนมาก, คำตอบนั้นเรียบง่าย(the answer is simple).

         ต้นไม้หนึ่ง(a tree).

         แต่ถ้าฉันบอกกับคุณว่าคุณสามารถเห็นบางอย่างอื่นอีกล่ะ?(that you could see something else?)

         อะไรที่คุณเห็น, ที่จริงแล้ว(in fact), เป็นการฉายส่องความสนใจไปของคุณ(is a projection of your attention).

         ความสนใจของคุณเหมือนโคมไฟที่ฉายส่องเน้นเฉพาะจุด(your attention is like a spotlight), สว่างขึ้นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของความเป็นจริง(illuminating only a part of reality).

         อะไรที่คุณไม่ได้เห็น(what you do not see), คือความเป็นไปได้ทั้งหลายอื่นๆทั้งหมดที่ปรากฏอยู่(is all the other possibilities that are present). แต่อยู่นอกขอบเขตทัศนภาพของคุณ(but outside your field of vision).

         นี้คือความจริงขั้นมูลฐานของสภาพที่แท้จริง(this is a fundamental truth of reality).

         มันถูกทำให้เป็นรูปร่าง(it is shaped)โดยวิธีที่เราเพ่งเน้นและกำกับทิศทางจิตทั้งหลายของเรา(by the way we focus and direct our minds).

         มุมมองนี้(this view), ที่ผสมผสานรวมเอาความคิดโบราณทางจิตวิญญาณทั้งหลายเข้ากับแนวคิดสมัยใหม่ทั้งหลายของฟิสิกซ์ควอนตัม(which combines ancient spiritual with modern concepts of Quantum physics)ชี้แนะว่าความเป็นจริงไม่ใช่บางอย่างที่ถูกยึดติดแน่นและถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว(reality is not something fixed and predetermined), แต่เป็นกระบวนการที่เคลื่อนไหวที่กำลังเปลี่ยนรูปอย่างสม่ำเสมอ(but a dynamic process that is constantly transforming).

         จากนี้ไป, เรามาสำรวจค้นหาแนวความคิดนี้(let’s explore this concept)และแสดงให้คุณเห็นว่ามันสามารถเป็นเครื่องอันทรงพลังสำหรับการเปลี่ยนรูปในชีวิตของคุณ(how it can be a powerful tool for transformation in your life).

         ความเป็นจริงเป้นกระบวนการที่เคลื่อนไหวซึ่งกำลังเปลี่ยนรูปอยู่อย่างสม่ำเสมอ(reality is a dynamic process that is transforming). มันถูกปรับแต่งรูปร่างโดยปฏิกิริยาของเหตุปัจจัยอันหลากหลาย(it is shaped by the interaction of various factors), รวมทั้งความสนใจของมนุษย์(including human attention).

         เมื่อเราเพ่งความสนใจไปยังบางอย่าง(when we focus our attention on  something), เรากำลังให้พลังและความสำคัญกับมัน(we are giving it power and importance). นี้หมายความว่าเราเหมือนว่าที่จะมองรูปลักษณ์ความเป็นจริงนี้ยิ่งกว่า(we are more likely to see this aspect of reality)และเหมือนว่าน้อยไปกว่าที่จะมองเห็นสิ่งอื่นๆ(and less likely to see others).

         ตัวอย่างเช่น, ถ้าเราได้ถูกเพ่งอยู่กับปัญหาทั้งหลายของเรา(if we are focused on our problems), เราก็เหมือนว่าจะมองเห็นพวกมันยิ่งกว่าและเหมือนว่าจะน้อยกว่าที่จะมองเห็นทางคลี่คลายแก้ไขทั้งหลาย(we are more likely to see them and less likely to see the solutions).

         ถ้าเราได้เพ่งที่ความมุ่งมาดปรารถนาของเรา(if we are focused on our aspirations), เราก็จะเหมือนว่าที่จะมองเห็นพวกมัน(more likely to see them), และเหมือนว่าน้อยกว่าที่จะมองเห็นถึงอุปสรรคทั้งหลาย(and less likely to see the obstacles), ความคาดหวังทั้งหลายของเรามีอิทธิพลอย่างแข็งแรง(our expectations strongly influence our experience). ถ้าเราคาดหวังบางอย่างที่จะบังเกิดขึ้น(if we expect something to happen), มันก็ยิ่งเหมือนว่าที่จะบังเกิดขึ้น(it is more likely to happen).

         นี้เป็นเพราะความสนใจของเราได้ถูกเพ่งอยู่กับความเป็นไปได้ของการบังเกิดขึ้นของมัน(because our attention is focused on the possibility of it happening), และเราค่อนข้างที่จะแปลความหมายข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปตามความคาดหวังนั้นๆ(we are more likely to interpret information according to that expectation).

         การที่จะใช้เครื่องมือภายในนี้อย่างมีประสิทธิภาพ(to use this innate tool effectively), มันเป็นสิ่งสำคัญที่เราเข้าใจอย่างถูกต้องชัดเจนว่ามันทำงานอย่างไร(it is important that we understand exactly how it works). มีสองรูปแบบพื้นฐานของการสนใจ(there are basically two types of attention). การสนใจแบบขั้ว/ศูนย์กลาง(polar attention)และการสนใจแบบไร้ขั้ว(non-polar attention).

         การสนใจแบบขั้ว/ศูนย์กลางจะเป็นการถูกเพ่งที่จุดสนใจและตั้งใจ(polar attention is focused and intentional). มันถูกใช้เพื่อที่จะกำกับทิศทางพลังงานของเราไปยังเป้าหมายย่าง0egrktg0kt0’(it is used to direct our energy towards a specific goal). เมื่อเราเพ่งความ

 


สนใจกับบางอย่าง, เราก็กำลังให้พลังและความสำคัญแก่มัน(we are giving it power and

importance). ความสนใจแบบขั้ว/ศูนย์กลาง(polar attention)เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ทรงพลังอย่างเต็มเปี่ยมสำหรับการสำแดงความปรารถนาทั้งหลายของเรา(is a powerful tool for manifesting our desires).

         เมื่อเราเพ่งจุดสนใจของเรา(when we focus our attention)กับบางอย่างที่เราต้องการ(on something we want), เราก็กำลังส่งข่าวสารหนึ่งออกไปยังจักรวาล(we are sending a message to the universe)ที่เราได้สัญญาผูกมัดต่อเป้าหมายนั้น(that we are committed to that goal). สิ่งนี้สามารถเพิ่มโอกาสทั้งหลายขึ้นได้ของการสำแดงความปรารถนาของเรา(this can increase the chances).

         ความสนใจแบบไร้ขั้ว(non-polar attention), มันถูกใช้เพื่อยอมให้ความเป็นไปได้ใหม่ๆได้ปรากฏขึ้นทั้งหลาย(is used to allow the emergence of new possibilities).


         เมื่อเราอยู่ในความสนใจแบบไร้ขั้ว(when we are in non-polar attention), เราได้เปิดออกสู่ทุกสิ่งที่ชีวิตสามารถเสนอมาให้เราได้(we are open to everything). เราเป็นอิสระจากความคาดหวังและความปักใจตัดสินทั้งหลาย(we are free from expectations and judgements).

         ความสนใจแบบไร้ขั้ว(non-polar attention)เป็นเครื่องมืออันทรงพลังเต็มเปี่ยมสำหรับการสร้างสรรค์และนวัตกรรม(is a powerful tool for creativity and innovation). เมื่อเปิดออกสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆทั้งหลาย(when we open to new possibilities), เราก็ยิ่งเหมือนกับว่าที่จะเห็นได้ถึงนวัตกรรมของทางแก้ไขคลี่คลายต่อปัญหาทั้งหลายที่เราเผชิญหน้า(we are more likely to see innovative solutions to the problems we face).

         ตัวอย่างเช่น, เมื่อคุณติดอยู่กับปัญหาหนึ่ง(if you stuck with a problem), คุณอาจจะพยายามในการย้ายจุดเพ่งสนใจของคุณไปหาความสนใจแบบไร้ขั้ว(you might try shifting your focus to non-polar attention). คุณสามารถนั่งอยู่เงียบๆ(you can sit quietly)และสังเกตดูความคิดและความรู้สึกทั้งหลายของคุณ(and observe your thoughts and feelings)โดยปราศจากการปักใจตัดสิน(without judgement).

         ความสนใจแบบขั้วและไร้ขั้ว(polar and non-polar attention)คือสองด้านของเหรียญเดียวกัน(are two side of a coin). พวกเขาเป็นสิ่งซึ่งทำให้สมบูรณ์และจำเป็นสำหรับชีวิตที่เต็มและสมดุล(they are complementary and necessary for a full and balanced life).

         ความสนใจแบบขั้ว(polar attention)ช่วยเราประกาศแสดงความปรารถนาและเป้าหมายทั้งหลายของเรา(help us manifest our desires and goals). มันให้เราสัมผัสรู้สึกของทิศทางและเจตจำนง(it gives us a sense of direction and purpose).

         ความสนใจแบบไร้ขั้ว(non-polar attention)ช่วยให้เรามีความสร้างสรรค์และนวัตกรรม(helps us to be creative and innovative). มันเปิดเราให้ออกสู่ความสามารถเป็นไปได้ใหม่ๆทั้งหลาย(it opens us to new possibilities), และช่วยเราค้นหาทางออกคลี่คลายต่อปัญหาทั้งหลายที่เราเผชิญหน้า(help us find solutions to the problems we face).

         ถ้าความสนใจทั้งหลายของมนุษย์แรงอันทรงพลังอย่างหนึ่ง(if human attentions is a powerful force)ที่สามารถปรับรูปร่างและกำหนดความเป็นจริงขึ้นมาใหม่ได้(that can shape and redefine reality), เราจะสามารถใช้แรงกำลังนี้ในการที่จะสร้างสรรค์ชีวิตหนึ่งให้เติมเต็มยิ่งขึ้นและมีความหมายมากยิ่งขึ้นได้อย่างไร?(how can we use this force to create a fuller and more meaningful life?)

         หนทางหนึ่งที่จะใช้ความสนใจในการที่จะสร้างสรรค์ชีวิตให้เติมเต็มยิ่งขึ้นและมีความหมายมากยิ่งขึ้น(one way to use attention to create a fuller and more meaningful life)คือการที่จะศึกษา/ปลูกฝังตรีนิมมาณกาย/องค์สามแห่งการแปรรูป(is to cultivate the TRINITY OF TRANSFORMATION), ที่เกี่ยวข้องกับการยอมรับในปัจจุบัน(which involves accepting the present). การศึกษา/ปลูกฝังความสงบสุขและสันติสุขภายใน(cultivating tranquility and inner peace). และเปลี่ยนทิศทางความสนใจโดยเจตนาที่จะจัดเรียงรูปด้วยปณิธานเชิงลึกทั้งหลาย(and intentionality redirecting attention to align with deep aspirations).

         ขั้นแรก, ในการศึกษา/ปลูกฝัง(the first step in cultivating)คือการยอมรับความเป็นปัจจุบัน(is accepting the present). นี้ไม่ได้หมายความว่าเราต้องยอมรับกับทุกสิ่งที่กำลังบังเกิดขึ้นอยู่ในชีวิตทั้งหลายของเรา(doesn’t mean we have to agree with everything that’s happening in our lives). มันหมายความอย่างง่ายๆว่า, เราต้องรับทราบความเป็นจริงของชั่วขณะปัจจุบันนี้(we must acknowledge the reality of the present moment)โดยปราศจากการใช้ดุลพินิจตัดสิน(without judgement).

         เมื่อเรายอมรับความเป็นปัจจุบันแล้ว(when we accept the present), เราก็สามารถเริ่มต้นที่จะมองเห็นชีวิต(we can start to see life)อย่างแจ่มชัดและด้วยทัศนภาพมากยิ่งขึ้น(more clearly and perspective), เราสามารถที่เริ่มที่จะแยกแยะถึงรูปแบบและแนวโน้มทั้งหลาย(we can begin to identify patterns and trends)ที่ช่วยเราให้เข้าใจตัวเราเองทั้งหลายและโลกดที่อยู่รายรอบเราได้ดียิ่งขึ้น(that help us better understand ourselves and the world around us).

ขั้นที่สอง(the second step), คือการที่จะศึกษา/ปลูกฝังความสงบและสันติสุขภายใน(is to cultivate tranquility and inner peace). สิ่งนี้สามารถทำได้ผ่านการฝึกฝนปฏิบัติสติ, สมาธิ, โยคะ หรือกิจกรรมอื่นทั้งหลาย(this can be done through the practice  of  mindfulness, meditation, yoga and other activities)ที่ช่วยให้เราเป็นอยู่ปัจจุบันในขณะนั้น(that help us be present in the moment)โดยปราศจากการใช้ดุลพินิจตัดสิน(without judgement).

เมื่อเราอยู่ในสภาวะที่สามารถสงบ(when we are in state of tranquility), เราก็ยิ่งสามารถเข้าถึงปัญญาภายในของเรามากขึ้น(we are more able to access our inner wisdom). เราสามารถเริ่มต้นที่จะมองเห็นหนทางคลี่คลายแก้ไขทั้งหลายต่อปัญหาทั้งหลายที่เราเผชิญหน้ากระจ่างชัดมากขึ้น(we can begin to see solutions to the problems we face more clearly).

ขั้นที่สาม(the third step)คือการตั้งใจปรับเปลี่ยนความสนใจที่จะจัดเรียงด้วยปณิธานเชิงลึก(is intentionally redirect attention to align with deep aspirations). นี้หมายความว่า, การเพ่งความสนใจของเรากับสิ่งทั้งหลายที่สำคัญต่อเรา(focusing our attention on things that are important to us)และนั่นนำความปีติให้เรา(and that bring us joy).

เมื่อเราได้ปรับทิศทางความสนใจของเรา(when we redirect our attention). เรากำลังสร้างสรรค์ความเป็นจริงใหม่ให้กับตัวเราทั้งหลาย(we are creating a new reality for ourselves). เรากำลังกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมเชิงรุกทั้งหลายในการีสร้างสรรค์ชีวิตของตัวเราเอง(we are becoming active participants in creating our own life).

มันสำคัญที่ต้องจำไว้ว่า เมื่อเราพูดถึงความสนใจ(it is important to remember that when we talk about attention), เราจำเป็นต้องระแวดระวังว่ามันสามารถถูกได้รับอิทธิพลโดยปัจจัยทั้งหลายทางสังคมและส่วนบุคคล(we need to be aware that it can be influenced by social and personal factors)ที่บิดเบือนการรับรู้ของเราต่อความเป็นจริงได้(that distort our perception of reality).

อิทธิพลทางสังคม(social influence)ประกอบด้วย เรื่องราวของวัฒนธรรมประเพณีทั้งหลาย(include the cultural narratives), คุณค่า(values), ความเชื่อ(beliefs)และความคาดหวังทั้งหลายของกลุ่มที่เราสังกัดอยู่(and expectations of the group we belong to). อิทธิพลเหล่านี้สามารถนำเราไปยังการมองเห็นโลกในหนทางที่ไม่เข้ากันได้กับคุณค่าและความเชื่อทั้งหลายของกลุ่มนั้น(these influenced can lead us to see the world in a way that is consistent of the values and beliefs of the group). สิ่งนี้สามารถนำเราให้หลบเลี่ยงสิ่งทั้งหลายที่สำคัญต่อเราไปอย่างไม่รู้สึกตัว(this can lead us to unconsciously set aside things that are important to us), อย่างเช่นสัมพันธภาพทั้งหลาย(relationships), สุขภาพ(health), หรือสัมพันธภาพของเรากับจิตวิญญาณ(or relationship with spirituality).

อิทธิพลส่วนบุคคล(personal influence)ประกอบด้วย ประสบการณ์รับรู้ทั้งหลายของเรา(our experiences), อารมณ์ความรู้สึกทั้งหลายของเรา(our emotions), และความทรงจำทั้งหลายของเรา(and our memories). อิทธิพลทั้งหลายเหล่านี้สามารถนำเราที่จะมองเห็นโลก(can lead us to see the world)ในหนทางที่เป็นความสม่ำเสมอคงเส้นคงวากับประสบการณ์รับรู้ทั้งหลายของเราและอารมณ์ความรู้สึกทั้งหลายของเรา(in a way that is consistent with our experiences and our emotions).

บ่อยครั้งพวกเขาได้มีอิทธิพลขึ้นโดยการบาดเจ็บทั้งหลายของประสบการณ์รับรู้เชิงลบ.ovfu9(often they are influenced by the traumas of negative experiences in the past). สิ่งนี้สามารถนำเราไปสู่การมีมุมมองในแง่ลบต่อโลก(this can lead us to have a negative view of the world).

เป็นไปได้ไหมที่เราจะตั้งโล่กำบังตัวเราจากอิทธิพลทั้งหลายเหล่านี้?(is it possible to shield ourselves from these influences?)

เราสามารถทำเช่นนี้ได้อย่างไร?(how can we do this?)

คำตอบสั้นๆก็คือ...ไม่.

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะตั้งโล่กำบังตัวเราทั้งหลายอย่างสมบูรณ์สิ้นจากอิทธิพลทั้งหลายทางสังคมและส่วนบุคคลที่จัดรูปร่างกับความสนใจของเรา(it is not possible to completely shield ourselves from social and personal influences that shape our attention).

อย่างไรก็ตาม(however), มันเป็นไปได้ที่จะพัฒนาความตื่นรู้และการเลือก(it is possible to develop awareness and choice regarding our attention), ที่สามารถเราทำให้ลดน้อยลง(which can help us minimize the impact of these influences).

เมื่อใดที่เราได้ตื่นรู้ระแวดระวังถึงปัจจัยภายนอกทั้งหลาย(when  we are aware of external factors)เราสามารถเริ่มต้นที่จะเลือกว่าเราจะสัมพันธ์เชื่อมโยงกับพวกนั้นอย่างไร(we can start to choose how we want to relate to them). เราสามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยการให้ความสนใจต่อความคิดทั้งหลาย, ความรู้สึกทั้งหลายและความประพฤติทั้งหลายของเรา(we can do this by paying attention to our thoughts, feelings and behaviors). เราจำเป็นต้องเลือกว่าที่ไหนและอย่างไรที่จะเพ่งจุดความสนใจของเรา(we need to choose where and how to focus our attention).

เราสามารถทำสิ่งนี้ได้อย่างจงใจด้วยการกำกับควบคุมความสนใจของเราไปยังสิ่งทั้งหลายที่สำคัญต่อเรา(we can do this deliberately by directing our attention to things that are important to us). ด้วยวิธีนี้, เราเลือกอะไรที่เราต้องการจะมองเห็น(in this way, ae choose what we want to see)และอะไรที่เราต้องการจะมีประสบการณ์รับรู้(and what we want to experience).

ฝึกฝนปฏิบัติสติ(practice mindfulness), ระแวดระวังต่ออารมณ์ทั้งหลายของคุณ(be aware of your emotions)และที่สำคัญอย่างมากที่สุด(and most importantly), ถามตนเองว่า “ทำไม”เมื่อคุณกำลังจะให้ความสนใจในอะไรบางอย่าง(ask yourself “why” when you are about to pay attention to something), คุณกำลังให้การสนใจต่อมันเพราะว่ามันเป็นสิ่งสำคัญต่อคุณหรือไม่?(are you paying attention to it because it is important to you?) หรือว่าคุณกำลังให้ความสนใจต่อมันเพราะได้รับอิทธิพลโดยอะไรบางอย่างอื่น?(or are you paying attention to it because you are being influenced by something else?)

เมื่อเราได้ทำการเลือกทั้งหลายอย่างมีสำนึกรู้กับความสนใจของเรา(when we make conscious choices about our attention), เรากลายเป็นผู้มีส่วนร่วมกระทำเชิงรุกทั้งหลายในการสร้างสรรค์ความเป็นจริงของตัวเราเอง(we become active participants in creating our own reality). ความสนใจคือกุญแจสำคัญในการสร้างสรรค์ความเป็นจริงที่ดีกว่า(attention is the key to creating a better reality). มันอนุญาตให้เราได้มองเห็นโลกในหนทางใหม่ๆทั้งหลาย(it allows us to see the world in new ways), เชื่อมติดต่อกับผู้อื่นเชิงลึกมากยิ่งขึ้น(connect with others more deeply), และสำแดงปรากฏซึ่งความฝันทั้งหลายของเรา(and manifest our dreams).

เมื่อเราใช้ความสนใจอย่างสำนึกรู้และอย่างจงใจตั้งใจ(when we use attention consciously and intentionally), เราสามารถที่จะสร้างสรรค์โลกที่กรุณา, สรรสร้างและยั่งยืนมากยิ่งขึ้นได้(we can create a more compassionate, creative and sustainable world).

เราสามารถสร้างความเป็นจริงที่เป็นธรรมอันงดงามสำหรับทุกคนที่ให้โอกาสทั้งหลายสำหรับทุกคนที่จะเจริญก้าวหน้า(we can built a reality that fair for everyone and that offers opportunities for everyone to thrive).

ดังที่ท่านกวีรูมิ(the person poet Rumi1)ได้กล่าวอย่างอลังการไว้ว่า(elegantly

         1https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2_%E0%B8%8D%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99_%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%94_%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B5

stated): “จักรวาลไม่ได้อยู่ภายนอกเรา, แต่อยู่ภายใน (the universe is not outside of us, but within)

         ด้วยการเข้าใจและกำกับทิศทางความสนใจของเรา(by understanding and directing our attention), เราก้าวข้ามบทบาทของผู้สังเกตการณ์ทั้งหลายเท่านั้น(we transcend the role of mere observers).

         จักรวาลไม่ได้เป็นแก่นธาตุลักษณ์ที่ห่างไกลและแยกออกไป(the universe is not a distant and separate entity), แต่เป็นส่วนหนึ่งอันสนิทแนบของการมีอยู่ของเราเอง(but an intimately part of our own being).

         ความสนใจของเรากระทำตนดุจสะพานระหว่างอาณาจักรนามธรรมของความคิดทั้งหลายและโลกรูปธรรมของวัตถุ(our attention acts as a bridge between the intangible realm of thoughts and the tangible world of matter), รับใช้ดุจเครื่องมืออันทรงพลังที่เราใช้ผ่านในการก่อรูปปรับแต่งความเป็นจริงซึ่งเราอาศัยอยู่(serving as a powerful tool through which we shape the reality we inhabit).

         การเลือกของการที่เราจะใช้ความสนใจของเราอย่างไรนั้นเป็นสิ่งทรงพลังยิ่ง(the choose of how we use our attention is powerful). มันสามรารถช่วยเราให้สร้างสรรค์โลกให้ดียิ่งขึ้น(it can help us create a better world)หรือรักษาเราไว้ในที่เดิม(or keep us in the same place).

         การเลือกนั้นเป็นของเราทั้งหลาย(the choice is ours).

         จงไว้วางใจในปัญญาภายในของคุณ(trust your inner wisdom); มันอยู่ที่การจัดการจ่ายแจกและตรงไปตรงมาที่จะตื่นรู้มากยิ่งกว่าคุณสามารถจินตนาการได้(it is at your disposal and much more straightforward to awake than you can imagine).

         และเราได้พัฒนาเครื่องมือทางเสียงที่ทำให้เรื่องนี้ง่ายขึ้น(we develop an audio tool that makes this easier).

         คุณแค่จำเป็นต้องมีหูฟังคู่หนึ่ง(you just need a pair of headphones).

         ถ้าคุณต้องการจะเสริมยกความสั่นสะเทือนของคุณขึ้นอย่างรวดเร็ว(if you want to raise your vibration quickly).

         ก็กดที่ลิงก์ในช่องความคิดเห็นข้างล่างนี้เพื่อดาวน์โหลดในทันที(click the link in the comments for immediate download).

         ถ้าวีดิโอนี้ได้มีเหตุผลกับคุณ(if this video made sense to you), โปรดเขียนแสดงความคิดเห็นที่ช่องข้างล่างนี้ด้วยว่า(write in the comments):มันมีเหตุผลกับฉัน!(“IT MAKES SENSE TO ME!”)

         อย่าลืมที่จะกดปุ่ม “ติดตาม(subscribe)”กับช่องนี้(this channel)และกด”ระฆัง”ให้ทำงานด้วย เพื่อที่จะได้รับการสอนล่าสุดทั้งหลาย.

         https://youtu.be/G69qpS6NwP4?si=K_w7tJEznIwgalqv

วันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2566

ยานิส วารูฟาคิส - กับเรื่องการตายของทุนนิยม, สตาร์เมอร์1 และ ทรราชย์เทคใหญ่

 ยานิส วารูฟาคิส - กับเรื่องการตายของทุนนิยม, สตาร์เมอร์1 และ ทรราชย์เทคใหญ่

Yanis Varoufakis on the death of capitalism, Starmer and the tyranny of big tech

         https://youtu.be/Q9lJQONTC7Y?si=y2D5okew7-JEnRUX

            1https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C_%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C

         ยานิส วารูฟาคิส(Yanis Varoufakis)เป็นนักเศรษฐศาสตร์และนักการเมือง. เขาได้เป็นรัฐมนตรีคลังกรีก(the Greek Minister of Finance)ในปี 2015, และได้เขียนหนังสือทั้งหลายจำนวนมากที่ประสบสำเร็จ, รวมทั้ง “อีกอื่นเดี๋ยวนี้(another now)”, ที่สำรวจเสาะค้นความหมาย/ความเกี่ยวพันทั้งหลายของความเป็นไปได้ของสังคมในอนาคตภายหลังลัทธิทุนนิยม(explores implications of a possible future post-capitalist society).

: มีเพียงจีนและสหรัฐอเมริกาเท่านั้น(only China and the United States)มี เทคใหญ่(have Big Tech). ยุโรป(Europe), บริเทน(Britain)ไม่มีเลย(nothing), ศูนย์(zero), เราอยู่นอกประเด็น(we are irrelevant), ผมรู้, มันเป็นคำก้าวร้าวอย่างมากที่จะพูดเช่นนั้น, แต่บริเทน(Britain), สหรัฐอเมริกา(the United States), สหภาพยุโรป(the European Union), อืม, น่าจะเข้าใจให้ดีว่าการถกเถียงทั้งหลายเหล่านี้ในกรณี Brexit(Britain-exit การลาออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ)และอะไรทั้งหมดในเรื่องนั้น(better understand that these Brexit discussions and all that stuff)ที่ได้ยึดครองเรา 7 ปีสุดท้ายมาถึงในตอนนี้แล้ว(has been occupying us now for the last 7 years)ได้แสดงผลกับเราให้อยู่นอกประเด็นโดยปราศจาก cloud(has rendered us irrelevant without cloud).



พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี/Krishnan Guru-Murthy2):      สวัสดีและยินดีต้อนรับสู่รายการ “หนทางทั้งหลายที่จะเปลี่ยนแปลงโลก(Ways to Change the World)”. ผมกฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี

         2 https://en.wikipedia.org/wiki/Krishnan_Guru-Murthy

และนี้เป็นpodcastที่เราพูดคุยกับผู้คนพิเศษ(talk to extraordinary people)ถึงความคิดใหญ่โต(Big ideas)ในชีวิตของพวกเขาและเหตุการณ์ทั้งหลาย(events)ที่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงพวกเขา. แขกของผมสัปดาห์นี้คือ นักหเศรษฐศาสตร์กรีก, ยานิส วารูฟาคิส(the Greek Economist, Yani Varoufakis). เขาได้ดำรงตำแหน่งในระยะสั้นๆของปี 2015 เป็นรัฐมนตรีคลังกรีก(the Greek Finance Minister), ในช่วงเวลาของวิกฤตสูงของการเป็นหนี้(during the height of the debt crisis). เขาได้เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทางการเมืองทั้งหลายในประเทศของเขา(involved in electoral politics in his own country), เขาได้ทำการรณรงค์ไปทั่วเกี่ยวกับ BREXISTและได้เกี่ยวข้องอย่างมากกับพรรคแรงงานในประเทศ(อังกฤษ)นี้(the Labor Party)แต่ล่าสุดเขาก็ได้สูญเสียที่นั่งทั้งหลายของเขาในรัฐสภาด้วยตัวของเขาเอง(recently lost his Parliamentary seats himself). เขาเป็นนักประพันธ์ของหนังสือมากมายและผลงานล่าสุดของเขาที่ชื่อ “ศักดินาเทคนนิยมได้ฆ่าทุนนิยม(techn feudalism was  killed Capitalism)”. ขอขอบคุณเป็นอย่างมาก, ยานิส, ที่มาร่วมกับเรา. (ยานิส - ขอบคุณเช่นกันครับ). เรามาไปกันผ่านเรื่องนี้อย่างง่ายมากๆ, ผมหมายถึงว่า, อย่างแรกสุดเลย, ลัทธิศักดินานิยมโดยศักดินา(feudalism by feudal), ผมจินตนาการไปถึงชาวไร่ชาวนาในยุคกลาง(medieval peasants)ผู้ถูกบังคับอย่างเต็มที่ให้เป็นแค่ผู้อาศัยอยู่ในที่ดินที่เป็นของเจ้านายหรือนายทั้งหลายของพวกเขา(who are effectively forced to live on the land of their Lords or Masters). พวกเขาให้เสี้ยวหนึ่งของผลผลิตหรือรายได้ของพวกเขาแก่เขา(they give him a slice of their produce or their income). แล้วพวกเขาโดยพื้นฐานก็ผูกติดอยู่กับเจ้านายนั้น(they are basically bound to him)และไม่มีอิสรภาพ(have no freedom). คุณหมายถึงศักดินานิยมเช่นนี้รึ?

ยานิส วารูฟาคิส:      นั่นคือเวลาที่เราหมายถึงว่า โดยระบอบศักดินา(that’s what we mean by feudalism)แต่ไม่ใช่ โดยศักดินาเทคโนนิยม(but not by techn feudalism).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   แล้วอะไรคือศักดินาเทคนนิยมล่ะครับ?

ยานิส วารูฟาคิส:      ผมดีใจที่คุณเริ่มต้นด้วยศักดินานิยม/ระบอบศักดินา(feudalism), เพราะว่าการเปลี่ยนรูปอย่างใหญ่ยิ่ง(the great transformation)ที่ได้สร้างสรรค์โลกสมัยใหม่ขึ้น(has created the modern world)คืออันหนึ่งจากศักดินานิยมไปสู่ทุนนิยมดังที่คุณให้ความหมายอย่างถูกต้องนั้น.(was a one from feudalism to capitalism as you correctly put it).

ศักดินานิยมเป็นระบบเศรษฐกิจสังคม(feudalism was a socioeconomic system)สรุปวินิจฉัยที่การอำนาจเหนือที่ดินและความเป็นเจ้าของที่ดิน(predicated upon land and land ownership). แล้วดังนั้นชนชั้นผู้ดี/ชนชั้นสูงเป็นเจ้าของที่ดิน(so the aristocracy own the land), มันก็มีอำนาจทางการเมืองสังคมเศรษฐกิจอย่างมากมาย(it got a lot of economic social political power). มันคือทั้งหมดเป็นหนึ่งสิ่งในสมัยนั้น(it was all one thing back then), ไม่มีการแบ่งแยกถ้าคุณมีอำนาจทางการเมือง(there was no distinction if you had political power). แต่คุณมีอำนาจทางเศรษฐกิจที่ไม่เหมือนกันภายใต้ระบอบทุนนิยม(you had economical power unlike under capitalism), และความมั่งคั่ง(the wealth)ได้ถูกเปลี่ยนผ่านไปสู่ชนชั้นปกครอง(was transferred to the ruling class), ไปสู่ชนชั้นสูง/อภิสิทธิ์ชน, ผ่านช่องทางอย่าวงที่คุณว่าไว้, คือ การเช่า(to the aristocracy through as you put it, rent), เฉือนเอาผลผลิตในการเก็บเกี่ยวไป(take a slice of the produce of the Harvest of the peasants), ผู้ไม่ได้เป็นผู้ขายแรงงาน(who didn’t labor for a wage), ไม่มีตลาดแรงงาน(there was no labor market). คุณออกจากงานไม่ได้(you couldn’t quit), คุณไม่ได้รับเป็นเงินค่าจ้างแรงงาน(you didn’t receive a wage). คุณแค่เก็บเอาจากที่เหลือจากที่เจ้าที่ดินหรือนายงานที่จัดการงานแทนในนามเจ้าที่ดิน(you just kept that which the landlord or sheriff operating on the landlord’s behalf)ที่จะเหลือทิ้งไว้ให้(would leave behind after the Harvest). แล้วมในเรื่องนั้นนั่นเองที่มีการเปลี่ยนรูปอันน่ามหัศจรรย์ใจ(had the Fantastic transformation). อภิมหาการเปลี่ยนรูปกระดานตราชั่ง/ความสมดุลย์(the Great Transformation of scal poan), นำมันจากระบอบศักดินาไปสู่ทุนนิยม(put it from feudalism to capitalism), อำนาจย้ายเปลี่ยนไปจากผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินเหล่านั้นไปยังผู้ที่เป็นเจ้าของเครื่องจักรทั้งหลาย(power shifted from those who owned land to those who owned the machines), เครื่องยนต์ไอน้ำทั้งหลาย(the steam engines), โรงงานทั้งหลาย(the factories), เรือกลไอน้ำทั้งหลาย(the steam ships), โทรเลข(the telegraphs), ภายหลังที่มาเป็นพลังงานไฟฟ้า(the later on electrical power), ระบบผลิตกำเนิดไฟฟ้าทั้งหลาย(generating systems).

และความมั่งคั่งก็มาจากการสะสม(the wealth came from accumulation), ไม่ใช่จากค่าเช่าทั้งหลาย(not of the rents), แต่จากกำไรทั้งหลาย(but of profits). ดังนั้นคุณมีทรัพยากรเป็นมูลค่าเพิ่มของสินค้าจากที่ดิน(you had commodification3 of land), ที่ดินซึ่งอยู่นิ่งๆนั้นกลายเป็น

3 https://asacrew.asa.or.th/feature18/

สินค้าโภคภัณฑ์/วัตถุซื้อขายกัน(became a commodity). เมื่อสิ่งที่แนบติดอยู่ทั้งหลายถูกย้ายออกไปจากที่ดิน(when the enclosures checked out of the land), ไพร่สามัญชนชาวนาชาวไร่ทั้งหลายนั้น(the Peasants), และแทนที่พวกเขาด้วยแพะแกะ(and replace them with sheep), ถ้าคุณจำได้, แน่นอนละว่าคุณย่อมจำได้. และนี่คือการเริ่มต้นของโลกสมัยใหม่(and this is the beginning of the modern world), ของความทันสมัย(of modernity)ดังที่เรารู้กันอยู่.

         ตอนนี้, อะไรที่ผมกำลังพูดด้วยคำว่าศักดินาเทคโนนิยม(what am I saying with techn feudalism), ผมกำลังพูดว่า, ทุน(Capital)ได้รับชัยชนะอย่างสง่างามเหลือเกินจนกระทั่งมีนกลายพันธุ์(triumphed so magnificently that it mutated), มันได้สร้างสรรค์รุ่นกลายพันธ์ของมันขึ้นมา(it created a mutant version of it)ที่ผมเรียกว่าทุนเมฆ(Cloud Capital). แล้วอะไรคือสิ่งที่แตกต่างระหว่างทุนเมฆและทุนปกติ(so the what is the different between Cloud Capital and normal Capital)ยกเอาเรื่องหุ่นยนต์อุตสาหกรรมเป็นตัวอย่าง(an industrial robot)ที่ทุนตามจารีต(traditional Capital)มันโก้เก๋มากๆ(it’s very snazzy), มันได้ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างมากๆ(it’s very technologically advanced), มันเคลื่อนที่ในเขตของมัน(it moves its zone), มันมีอิเล็กทรอนิกส์ในตัวของมัน(it’s got electronics in it)ซอฟต์แวร์และทั้งหมดนั้น(software and all that). มันได้ทำงานเดียวกันไม่มากก็น้อยที่เครื่องยนต์ไอน้ำ(it does more or less the same job that the steam engine did). มันทำการผลิตอย่างอัตโนมัติในโรงงาน(it automates the production in the factory).

         ทุนเมฆ(Cloud Capital)คือเครือข่ายของเครื่องจักรทั้งหลายนี้และซอฟท์แวร์(is this network of machines and software)ที่เปิดให้เราที่จะได้พูดคุยซึ่งกันและกัน(which allows us to talk to one another), เทคใหญ่(Big Tech). สมมติฐานของผมก็คือว่า(my hypothesis is that), รุ่นใหม่ของทุนนี้(this new version of capital), ทุนเมฆ(Cloud Capital), เป็นสัตว์ร้ายที่แตกต่างอย่างมากไปจากหุ่นยนต์อุตสาหกรรมและเครื่องยนต์ไอน้ำทั้งหลาย(is a very different beast from industrial robots and steam engines). และใครก็ตามที่เป็นเจ้าของมันก็เป็นเจ้าของอย่างมีประสิทธิภาพในรูปแบบใหม่ของที่ดินแบบดิจิตอล(anyone who owns it owns effectively a new form of digital land). ลองคิดถึง amazon.com ดูสิ. เหมือนขโมยในก้อนเมฆ(like a cloud thief), มันคือขโมยที่อาศัยอยู่ในก้อนเมฆอย่างมีประสิทธิผล, บนเตียงนอนของทุนเมฆ(that lives in the cloud effectively on a bed of Cloud Capital), ที่เปิดยอมให้เจ้านายคนใหม่อย่างเจฟฟ์ เบโซส4 หรือใครก็ตาม, เป็นเจ้าของส่วนพิเศษของที่ดินดิจิตอลนั่น(which allows the new Lord Jeff Bazos or whoever owns that particular piece of digital land), เพื่อที่

         4https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%9F%E0%B8%9F%E0%B9%8C_%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B8%AA

จะเก็บค่าเช่าทั้งหลาย(to charge rents), เพราะว่าเจฟฟ์ เบซอส ไม่ได้ผลิตสร้างสิ่งใดๆขึ้นมาเลยที่คุณซื้อบน Amazon(doesn’t produce anything that you buy on Amazon), เช่นเดียวกับผู้ที่เป็นเจ่าของทั้งหลายของอะลีบาบาและอื่นๆอีกทั้งหลาย(same with owners Alibaba and so on).

         อะไรที่พวกเขาทำ, ทำอย่างไรก็ตามนั้น, ก็คือพวกเขาคิดค่าใช้จ่าย/เก็บค่าเช่า 40% (they charge 40%), คิดถึงมันดูสิ, 40% เป็นการยินยอมมหึมาบนราคาของทุกสิ่งที่มันถูกขายให้กับคุณ[o Amazon.com(40% is gigantic grant of the price of everything that it sold to you on Amazon.com). ทีนี้, นี่ไม่ใช่ประเด็นทางทฤษฎี(this is not a theoretical point), ประเด็นของผม(my point). ประเด็นที่ผมกำลังพยายามที่จะทำขึ้นในหนังสือก็คือว่า สิ่งนี้คือการเปลี่ยนรูปอย่างใหญ่ยิ่ง(the point I’m trying to make in the book is that this is a great transformation), ที่ซึ่งถ้าคุณหันมามอง, ถ้าคุณใส่ใจของคุณกับมัน(put your mind to it), มันอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมเราถึงมีความกระตือรือร้นสนใจอย่างยิ่งในโลกนี้(it explains the reason why we have so much anxiety in the world).

เรามีวิกฤตการณ์มากมายหลากหลายนี้(we have this poly crisis). วิกฤตการณ์วันนี้นั้นไม่มีอะไรเหมือนกับวิกฤตการณ์ของยุค 1970. กระทั่งวิกฤติค่าครองชีพ(the cost of living crisis, เงินเฟ้อที่เรามีในวันนี้(the inflation we have today), นี่ก็ไม่ได้มีความคล้ายคลึงกับเงินเฟ้อที่เราได้ประสบกันมาในยุค 1970(no resemblance to the inflation that we experienced in 1970s). ที่คุณมีช่วงระยะของเงินฝืด(a period of deflation), ช่วงเวลาของเงินเฟ้อ(inflation), คุณมีการขาดเชื่อมติดต่อมหึมานี้ระหว่างก้อนเงินในเศรษฐกิจ(you have this gigantic disconnect between the amount of money in the economy), (ตอนนั้น)เราไม่เคยได้มีเงินมากมายเหลือเกินอย่างที่เรามีในตอนนี้(we never had so much money as we have now), การพูดอย่างทั่วโลกข้ามฝ่ายตะวันตกหรือโลกทั้งหมด(globally speaking across the west or the whole world), แล้วกระนั้นการลงทุนก็อยู่ในระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบสัดส่วนว่ามีเงินอยู่มากมายแค่ไหนในเศรษฐกิจ(and yet investment is at the lowest level in proportion to how much money there is in the economy).

และผมเชื่อที่สุดว่าคำตอบนั้นทอดวางอยู่ในการเปลี่ยนรูปอันมหัศจรรย์นี้(the answer lies in this fantastic transformation), การเปลี่ยนรูปอย่างโหดร้ายมากของโลก(very violent transformation of the world)จากทุนนิยมไปสู่บางอย่างที่ผมเรียกว่าศักดินาเทคนิยม(from capitalism to something that I call techn feudalism), ที่ตั้งอยู่บนพิ้นฐานของปริมาณอันมหึมาของทุน(based on enormous quantities of capital)ที่ไม่เหมือนกันกับระบอบศักดินารุ่นเก่า(unlike the old version of  feudalism)อย่างที่คุณได้บรรยายมา.

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   ดังนั้น, ยังมีอีกมากมายที่ต้องแกะกล่องกันออกมาในประเด็นของคำเปรียบเทียบว่าการเช่านั้น(in terms of the analogy of rent), แล้วใครคือข้าที่ดิน(who are the Surfs5), เราทั้งหมดเป็นข้าที่ดิน(the Surfs)หรือว่าพวกเขาที่กำลังจ่ายเงินอยู่นี้เป็นมัน, หรือว่าคนที่

         5https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%A5

ทำสินค้าทั้งหลายที่ Amazon ที่กำลังขายมัน(the makers of the goods that  Amazon is selling)หรือว่าอะไร?

ยานิส วารูฟาคิส:      ค่าเช่าในตัวของพวกมัน(the rent themselves)ถูกจ่ายโดยนายทุนทั้งหลาย(are paid by the capitalists), ดังนั้นถ้าคุณผลิตจักรยานคันหนึ่งขึ้นมา(a bicycle), หรือหนังสือเล่มหนึ่ง(a book), แล้วขายมันผ่าน Amazon, หรือผ่าน Alibaba, ผ่านแพลตฟอร์มทั้งหลายเช่นนั้นที่มีจำนวนมากมายในตอนนี้(through a myriad of such platforms now)กำลังทำธุรกิจอันน่าทึ่งในอินโดนีเซีย(doing amazing business in Indonesia), ในอัฟริกา(in Africa). มันไม่ใช่แค่ปรากฏการณ์ในฝั่งตะวันตก(not just a western phenomenon), ถูกมั้ย, แน่นอนละ, ในจีน(in China).

เอ้อ, ถ้าคุณกำลังผลิตสินค้าวัสดุสิ่งของทั้งหลาย(are producing stuff material goods), หรือบริการทั้งหลาย(services)หรือภาพยนตร์ทั้งหลาย(movies), คุณขายมันผ่านอะไรประเภทการป้อนเสนอของ cloud (you sell them through that kind of cloud feed)แล้วคุณก็จ่ายเงินค่าเช่านั้น(and you pay a rent). เป็นครั้งแรกอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ(for the very first time in the history of humanity), ที่ทุนกำลังถูกผลิต(capital is produced)หรือถูกผลิตซ้ำ(or reproduced)โดยผู้คนที่ไม่ได้กำลังได้รับค่าจ้างเป็นเช่นค่าแรงงานทั้งหลาย(who are not being paid as wage labors).

ดังนั้น, ทุกครั้งที่คุณโพสต์, อื้อ, รีวิว(สินค้า)บน Amazon.com(every time you post a review on Amazon), แบบว่า, คุณเดินไปรอบๆลอนดอน(you walk around London)หรือ จับรถไปรอบๆลอนดอน(drive around London)ด้วยโทรศัพท์ของคุณ(with your phone)และโทรศัพท์นั้นกำลัง pinging6 อยู่กับ Google Maps ที่คุณกำลังผลิตสร้างข้อมูลอยู่(where you are

6 https://youtu.be/8MBIecpqbdo?si=nACqVQzmE7c5s_h7

producing data) แล้วแผนที่กูเกิ้ลกลายเป็นมีคุณค่ามากขึ้น (so Google Maps becomes more valuable), มันสามารถคาดการณ์กลุ่มความแออัด, ดังนั้นคุณกำลังมีส่วนช่วยต่อทุนของเหล่ากลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลายเหล่านี้(so you are contributing to the capital of these large conglomerates)โดยไม่ได้เป็นแรงงานที่ได้ค่าจ้าง(without being a paid laborer). ผมเรียกนั่นว่าข้าติดที่ดินของ cloud(a cloud surf). ทีนี้ผมได้สนใจอย่างยิ่ง(interestingly I was)ผมกำลังวิจัยค้นคว้าเขียนหนังสือนี้(researching this book), ผมได้ค้นพบว่า, กับค่าเฉลี่ยกลุ่มบริษัทแบบทุนนิยมเก่าทั้งหลายนั้น(on average conglomerates of the old capitalist type)จ่ายถึงเกือบ 80% ถึง 85% ของรายได้ให้กับผู้ทำงานทั้งหลาย(80% to 85% of their revenues to workers). Facebook จ่าย 1%, ทำไม? เพราะว่า Facebook, ทุนของ Facebook ได้ถูกผลิตขึ้นมาฟรีๆโดยทุกคนที่สร้างหน้าเพจทั้งหลาย, โพสต์, ส่งmessagesทั้งหลายของพวกเขาเอง(the capital of Facebook is produced for free by everybody who creates their own pages, post, messages). และส่งการวิจารณ์ทั้งหลายไปหาผู้อื่นกันและอีกมากมาย(sends reviews to one another and so on), ทั้งหมดนี้เป็นแรงงานฟรีๆทั้งสิ้น(this is all free labor)...

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   ใช่, แต่พวกเขาจะต้องบอกว่า นี่ไม่ใช่แรงงานของพวกเขา, นี่ไม่ใช่คนที่ทำงานให้พวกเขา(they would say this is not labor, this is not people working for us)นี้คือผู้คนที่ได้สินค้าหนึ่งๆไปด้วยการตัดสินใจเลือกของตนเอง(this is people who getting a product by choice), ไม่ได้มีใครไปบังคับพวกเขาให้ทำมัน(no one force them to do it). พวกเขากำลังเลือกที่จะใช้แพลตฟอร์มนั้น(they are choosing the platform)ที่ Facebook, อย่างที่คุณรู้, ไม่ว่าแพลตฟอร์มอันไหนที่คุณเอ่ยถึง. และพวกเขาก็กำลังได้รับความสะดวกสบายออกมาจากมัน(they are getting a convenience out of it). พวกเขากำลังได้รับบริการจากการนั้น(they’re getting a service from that).

ยานิส วารูฟาอิส:      มันเป็นความจริงที่ว่านั่น, แต่ไม่ตรงประเด็นกันนัก(irrelevant). มันเป็นความจริงที่ว่าผู้คนทำมันอย่างสมัครใจเอง, ผมเองก็ทำมัน. ผมไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีโทรศัพท์ของผม(I couldn’t live without my phone), โดยไม่มี Tik Tok ของผม, โดยไม่มี...ผมเป็นผู้เสพติดไปแล้ว, ถูกมั้ย? (พิธีกร: แต่ว่า...) ผมสมัครเอง(I volunteer), ผมสมัครเอง, แต่ ศักดินาสวามิภักดิ์(voluntary serfdom)คือประเภทที่เลวร้ายที่สุดของข้าติดที่ดิน(is the worst kind of the surf).

         แค่อย่างไรก็ตาม, นี่ไม่ใช่ประเด็นของเรื่องจริยธรรมที่ผมกำลังพยายามทำอยู่(not an ethic point that I’m making). มันไม่สำคัญว่าคุณถูกบังคับหรือว่าเราไม่ได้บังคับ(it doesn’t matter whether you’re forced or we are not forced). ความจริงก็คือว่า, คุณกำลังทำงานมากมาย(you’re doing a lot of work), คุณก็รู้, ลูกหลานทั้งหลายเหล่านี้ของพวกคุณ, อัพโหลดวีดิโอ Tik Tok(uploading Tik Tok video), พวกเขารักมัน คุณก็รู้, ถ้าคุณเอามันไปจากพวกเขา, พวกเขาก็จะเกลียดคุณ. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, พ่อแม่ของคุณเช่นเดียวกับผม, ผมแน่ใจว่าคุณด้วย, แต่ไม่มากก็น้อย, ความจริงก็ยังคงมีอยู่ว่า, พวกเขาได้ทำงานมากมายแต่พวกเขาไม่คิดว่ามันเป็นการทำงาน(they put a lot of work but they don’t think of it as work), แต่นี่คืองาน(but this is work). และมันคืองานที่เป็นการเติมเต็มเสริมกำลังหุ้นทุน­ของ Tik Tok(it is work that is replenishing Capital stock of Tik Tok).

         ทีนี้, นั่นเป็นทัศนียภาพขนาดใหญ่เป็นสิ่งสำคัญ(macro perspective is crucial), เพราะว่าคุณมีทุนถูกผลิตซ้ำโดยปราศจากค่าจ้างแรงงาน(you have Capital being reproduced without wage labor). ทีนี้ทำไมมันถึงสำคัญเพราะว่าค่าจ้างแรงงาน(wage labor)หมายถึงว่ามันมีค่าจ้างทั้งหลายที่ถูกจ่ายไปอยู่(wage labor means that there are wages that are being paid), และค่าจ้างทั้งหลายเหล่านั้นมีส่วนช่วยอุดหนุนต่ออุปสงค์กับสิ่งทั้งหลายในตลาด(those wages contribute to the demand of things in the marketplace). เมื่อคุณมีแรงงานทั้งหมดนี้สร้างทุนขึ้น(when you have all this labor producing capital), แต่มันไม่ได้จ่ายค่าตอบแทนให้(it is not remunerated)นั่นก็จะไปหดอุปสงค์มวลรวมลง(that shrinks aggregate demand), ในแง่เศรษฐกิจมหภาค(macro economically). แล้วนั่นหมายถึงอะไร, มันหมายถึงว่าธนาคารกลางทั้งหลายก็ไม่สามารถหลบไปได้โดยปราศจากการพิมพ์เงินออกมาเพิ่มขึ้น(central banks cannot get away without printing more money), เพื่อที่จะเติมเสริมหนุนอุปสงค์นั้น(to replenish the demand). แต่แล้ว, โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณมีเงินเฟ้อจากราคาสินค้าสูงขึ้นของภาวะวิกฤติค่าครองชีพเหมือนเช่นเราทำในตอนนี้(especially when you have an inflationary cost of living crisis as we do now).

         มีการปะทะต่อสู้ขัดแย้งกันของวัตถุประสงค์ทั้งหลายอยู่ในมือข้างหนึ่งที่จะจับกุมราคาที่สูงขึ้น(there a clash of objectives on the one hand to arrest Rising price), แต่ในมืออีกข้างหนึ่ง, ถ้าคุณไม่พิมพ์เงินออกมาเพิ่มขึ้น(if you don’t print the money)เพราะว่าคุณมีงานมากเหลือเกินที่ไม่ได้รับค่าจ้างตอบแทน(because you have so much work that is not remunerated), แล้วอุปสงค์มวนรวมก็หดตัวลง(then aggregate demand is shrinking). นี่คือทำไมนายธนาคารกลางทั้งหลายอยู่ในภาวะโรคลมชักเพราะเส้นโลหิตแตกในสมอง(why central bankers are in a state of apoplexy). พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไร, พวกเขาถูกสาป(they are damned). ถ้าเขาขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก(do raise interest rates)และเขาก็โง่, ถ้าเขาไม่ได้โง่ล่ะ.

ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่หนังสือทฤษฎีอะไร(this is not a theoretical book)จากตามทัศนภาพ/มุมมองของผม(as from my perspective), มันเป็นความพยายามที่จะเข้าใจโลกที่ผมอาศัยอยู่(it’s an attempt to understand the world we live in)รวมไปถึงที่ระดับจุลภาค(micro level), ที่ระดับของเด็กๆของเรา(at the level of our kids). ความกังวลของผม(my concern)เป็นความกังวลด้วยเช่นกันที่นักเสรีนิยม(the liberal7)ควรจะมีเกี่ยวกับแนวความคิดของนักเสรีนิยมปัจเจกชน

         7https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1

(about the concept of the liberal individual), เพราะว่าถ้าคุณคิดได้เกี่ยวกับมัน, กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วได้มีการแบ่งเขตกันอย่างเข้มงวดระหว่างงาน(work)และเล่น(play)และเวลาว่าง(leisure).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   แล้วนั่นก็หมดไปแล้ว.

ยานิส วารูฟาอิส:      และนั่นก็จากไปแล้ว(and that is gone)ก็เพราะถ้าคุณผลิตทุนขึ้นมา(producing capital)แม้กระทั่งในตอนที่นอนหลับ, ไม่มากก็น้อย, ถ้าคุณอยู่ในสังคมหนี่งที่, อย่างที่คุณรู้ว่าผมเองเป็นศาสตราจารย์มาหลายปีก่อนที่ผมจะเข้าไปสู่การเมือง(got into politics), ผมสังเกตเห็นว่าผู้คนหนุ่มสาวในตอนนี้เข้าไปอยู่อย่างสม่ำเสมอตลอดในสื่อสังคมของพวกเขา(constantly at in their social media). ทำไม. ก็เพราะพวกเขารู้ว่าเมื่อเขาสมัครงาน(apply for a job)คณะสัมภาษณ์งาน(the interviewing panel)จะมองไปที่สื่อสังคมของพวกเขา(look at their social media), ดังนั้นพวกเขาจึงอย่างสม่ำเสมอพยายามที่จะสร้างตัวตน(constantly trying to create the self), ที่พวกเขาคิดว่ากำลังจะขายกันอยู่ในตลาดแรงงาน(they think is going to sell in the labor market). ตอนนี้นี่คือทั้งหมดซึ่งกำลังเกิดขึ้นอย่างไม่รู้สึกตนและอย่างสมัครใจ(this is all happening subconsciously and voluntarily).

         แต่มันหมายความว่า, นั่นไม่มีความเป็นเอกราช/อิสรภาพของเสรีนิยมปัจเจกชนอีกต่อไป(there’s no autonomy of liberal individual anymore). มันยังหมายความด้วยเช่นกันว่า, เราสามารถที่จะไม่มีสังคมประชาธิปไตย(we can have no social democracy), พรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยทั้งหลายลงหลุมหลบภัยไปหมด(the Social Democratic parties are bunk).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   แล้วคุณคิดว่า, ในความเป็นจริงแล้ว, มันไม่ได้เป็นไปได้จริงๆที่จะคัดทั้งหมดนี้ออกไป(it is not really possible to opt out of all of this). ผมแค่พูดว่า...

ยานิส วารูฟาอิส:      ผมไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปได้(I’m not doing it’s possible), แต่คุณต้องกลายไปเป็นนีโอไลท์(you have to become a neolite8), คุณต้องปิดสวิทช์โทรศัพท์นั่นกลับไปใช้โนเกียรุ่นเก่าที่ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต(that cannot connect to the internet).

         8 https://en.wiktionary.org/wiki/neolite

ผมรู้จักผู้คนที่ทำเช่นนั้น, แต่นั่นไม่ใช่เส้นทางหลบหนีสำหรับสังคม(not an Escape Route for society). มันอาจจะเป็นเส้นทางหลบหนีสำหรับปัจเจกชน(it may be an Escape Route for individual)แต่มันไม่สามารถเป็นเส้นทางหลบหนีให้กับมนุษยชาติได้(it can’t be Escape Route for Humanity).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   แล้วเช่นนั้นทำไม, อะไรบางอย่างนี้(this something)ที่ผมหมายถึงว่าทำไมอะไรบางอย่างนี้ที่มาแทนที่ทุนนิยม(replaces capitalism)มากกว่าที่จะเป็นแค่บางส่วนของมัน., ตลาดทั้งหลาย(markets did all the work)

ยานิส วารูฟาอิส:      มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณให้ความหมายของทุนนิยมว่าอย่างไร(depends on how you define Capitalism). คำจำกัดความทุนนิยมของผมนั้น(my definition of capitalism)คือ ระบบที่มี 2 เสาหลัก(is a system that has two pillars), หนึ่งคือตลาดทั้งหลาย(one is markets), ไม่เหมือนของระบอบศักดินา(unlike feudalism), เมื่อเราเปลี่ยนย้ายจากระบอบศักดินามาสู่ทุนนิยม(shifted from feudalism to capitalism), ตลาดทั้งหลายเป็นตัวทำงานทั้งหมด(markets did all the work), ในรูปของการประสานกันในกิจกรรมทั้งหลายของมนุษย์(in terms of coordinating of human activities). ทุกอย่างถ้าไม่ขายผ่านตลาดก็ซื้อหาที่ตลาดนั่น(everything is either sold through a market or purchased at the marketplace). ดังนั้น, ตลาดทั้งหลาย(markets)คือหนึ่งเสาหลักที่หนึ่งของทุนนิยม(capitalism).

         เสาที่สอง(the second pillar), คือกำไรทั้งหกลาย(profits). เป็นอะไรที่หล่อลื่นให้กับทุนนิยม(lubricates capitalism), อะไรที่ทำให้ทุนนิยมเติบโต, ไปต่อ และทั้งหมดที่ทำกำไร(what makes capitalism grow, continue and all that is profit making).

         ถ้าผมพูดถูกกับสมมติฐานในเรื่องศักดินาเทคโนนิยม(right with hypothesis in Techn Feudalism), ทั้งสองเสาหลักนั้นก็ได้จากไปแล้ว. พวกนั้นเป็นละครเร่ข้างถนนทั้งหลาย(sideshows),แน่นอนว่ายังมีกำไรอยู่ที่นั้น, ยังมีแรงขับดันในเรื่องทำกำไรอยู่ทุกหนแห่ง(the profit motive is everywhere), แน่นอนว่ายังมีตลาดทั้งหลายอยู่ทุกหนทุกแห่ง(there are markets everywhere), แต่พวกนั้นเป็นแค่สิ่งจำเป็นไปแล้วในตอนนี้(they are optional now).

         เจฟฟ์ เบโซส(Jeff Bazos)ไม่ได้ทำเงินของเขาออกมาจากกำไรทั้งหลาย(does not make his money out of profits), เขาเก็บรวบรวมค่าเช่าทั้งหลาย(he collects rents).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   นั่นไม่ใช่สิ่งเดียวกัน(the same thing)หรือครับ?

ยานิส วารูฟาอิส:      ไม่ครับ, ตรงกันข้ามกันอย่างแน่นอนเลย(exactly opposite). เหตุผลที่ทำไมทุนนิยมจึงเป็นความก้าวหน้าหลักใหญ่ถึงขนาดนี้(the reason why capitalism was such a major advancement)หรือเป็นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงถึงขนาดนี้จากระบอบศักดินา(such a revolutionary change from feudalism), ก็เพราะการเปลี่ยนย้ายไปจากค่าเช่าทั้งหลายที่ไม่ได้มีเพื่อการพยายามที่จะให้มีการผลิตสร้างอะไรเลย(because of the shift from rents that were collected for no productive effort)และไม่มีเพื่อกิจกรรมประกอบการของอุตสาหกรรมใดไปเป็นกำไรทั้งหลาย(for no entrepreneurial activity of the AR to profits).

         เจฟฟ์ เบโซส(Jeff Bazos – Amazon.com), แน่นอนละว่า, เป็นผู้ประกอบการที่ชาญฉลาดยอดเยี่ยมในการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมดิจิตอลนี้(a brilliant entrepreneur in created this digital landscape)อยู่เหนือสิ่งที่เขาได้สิทธิทั้งหลายในการผูกขาดสินทรัพย์(over which he has Monopoly property rights), ที่เขาใช้ในการเก็บรวบรวมค่าเช่าทั้งหลาย(that he use to collect the rents).

         เช่นนั้นเองที่เศรษฐกิจมหภาคเป็นสิ่งสำคัญมาก(so that is, macroeconomic very significant)เพราะผลของเศรษฐกิจตกต่ำต่ออุปสงค์มวลรวม(the depressing effect on aggregate demand)ซึ่งแล้วก็ถูกแทนที่ด้วยเงินของธนาคารกลาง(which is then replaced by Central Bank money). และมันก็ยังมีสิ่งสำคัญมหกึมาด้วยเช่นกัน(it’s also hugely significant), จากทัศนภาพในคำถามของคุณ(from the perspective of your question). เพราะว่าถ้าตลาดทิ้งหลายนี้ถูกแทนที่ด้วยเจ้าที่ดินศักดินาดิจิตอล(if markets have been replaced by these digital Fiefs), รูปแบบทางดิจิตอลทั้งหลาย(digital forms), และกำไรทั้งหลาย(profits)ได้ถูกแทนที่โดยค่าเช่าทั้งหลาย(have been replaced by rents)แล้วนั่นก็ไม่ใช่ระบอบทุนนิยมอีกต่อไป(then that’s not capitalism anymore).

         ตอนนี้, แน่นอนละว่า, ไม่เอาน่ายานิสมาเรียกมันกัน, คุณรู้, ทุนนิยมแพลตฟอร์ม(platform capitalism)หรือ rer capitalism, นั่นจะผิดไหม? ไม่เลย, มันไม่น่าจะผิดในวิธีเดียวกัน(it would not be wrong in the same way). อย่างไรก็ตาม, นั่นก็จะไม่ผิดสำหรับอดัม สมิธ(Adam Smith9)

         9https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%A1_%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%98

ไม่ได้เอ่ยถึงว่าระบบนายทุนใหม่เป็นเช่นระบอบทุนนิยม(not to refer to the new capitalist as capitalist). แต่เอ่ยถึงมันในฐานที่เป็นเช่นระบอบศักดินาแสวงหากำไรเชิงอุตสาหกรรม (but refer to it as an industrial profit-driven feudalism), โดยการทิ้งคำว่าระบอบศักดินาเอาไว้ในบรรดาบัณฑิตทั้งหลายของตอนต้นของศตวรรษที่ 19(by dropping the word feudalism in the early 19th century intellectuals), โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ในบริเทนในยุคสมัยนั้น(especially in Britain at that time), ได้ช่วยให้เราได้เข้าใจถึงว่านี่คือสิ่งใหญ่โตอันหนึ่ง(this was a big thing). มันเป็นการเปลี่ยนรูปร่างอันยิ่งใหญ่(it was a great transformation)และนั่นคืออะไรที่ผมกำลังพยายามทำ(and that’s what I’m trying to do). ผมกำลังพยายามที่จะเตือนภัยให้กับผู้คนถึงความจริงที่เรามีโลกอันแตกต่างกันอย่างมากอยู่ในตอนนี้(I’m trying to alert people to the fact that we have a very different world now). ที่ซึ่งกฎเกณฑ์ทั้งหลายทางสังคมที่มีแพร่หลายมาก่อน 2010, 2015 - 2020 ก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว(no longer prevail). และนี่เองที่ทำไมถึงธนาคารกลางทั้งหลาย(central banks), นั่นคือทำไมรัฐบาลทั้งหลาย(governments), นั่นคือทำไมผู้นำทั้งหลายโลก(that’s why world leaders), นั่นคือทำไมโลกานุวัฒน์ถึงกระจุยกระจายขาดวิ่นไปในตอนนี้(that’s why globalization is now in tatters).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   แล้ว, ผมหมายถึง, มันง่ายที่จะเข้าใจการเปรียบเทียบนั้นเมื่อคุณมองไปที่ Amazon(it’s easy to understand the analogy when you look at Amazon), หรือหนึ่งในอะไรประเภทแพลตฟอร์มทั้งหลายเหล่านั้น(one of those sort of platforms). มันจะยากกว่านิดที่ผมคาดว่า, เมื่อคุณเริ่มต้นมองที่ X หรือ Facebook, ที่จะเข้าใจได้ค่อนข้างในการอุปมาอุปมัยเดียวกัน(to understand quite the same analogy). หรือถึงแม้ว่า, คุณก็รู้, ในกรณีบริษัทรถยนต์ทั้งหลาย(car companies), อย่างที่สุดสัมบูรณ์แล้วก็ไม่ใช่บริษัทรถยนต์เหมือนเช่น Tesla (ultimately isn’t a car company like Tesla). หรือบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอื่นๆใดเลย. บริษัทรถยนต์ประเภทที่ขับเคลื่อนจากข้อมูล(a data driven kind of car company). เป็นเพียงผลิตภัณฑ์ที่เราซื้อและใช้มัน. มันมีองค์ประกอบข้อมูลอะไรๆที่เป็นคุณค่าของมัน(it’s got a data element to its value). แต่อ้า, มันไม่ใช่หรอกหรือ, ที่จริงแล้วเป็นแค่ประเภทหนึ่งของสิ่งเก่าๆเหมือนกัน(actually just kind of the same of thing)?

ยานิส วารูฟาอิส:      ม่ายอ่ะ. อะไรที่เป็นความแตกต่างระหว่าง Tesla กับ Volkswagen, Volkswagen ในตอนนี้คือ...บริษัทยักษ์ใหญ่เยอรมัน(the mighty German company). พวกเขาเปลี่ยนย้ายไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าทั้งหลาย(they are shifting towards electric cars). ดังนั้นใครสักคนก็อาจจะคิดว่านั่น โอเค, แล้วก็ Volkswagen ได้ลอกแบบ Tesla(has copied Tesla), เป็นTeslaอีกตัวหนึ่ง, แต่มันไม่ใช่. ทำไมรึ? ก็เพราะว่ามันไม่มีทุนเมฆที่ในเยอรมนี(because there’s no cloud capital in Germany). Volkswagen ไม่ได้มีช่องทางเข้าไปสู่ทุนเมฆ (has no access to Cloud Capital). คุณคิดว่าทำไมอีลอน มัสก์(Elon Musk10)ซื้อTwitter11 แล้วพลิกเปลี่ยนมันไปเป็น X (turned it into X)? Tesla อย่างเพิ่มขึ้นเหมือนบรรดารถยนต์ไฟฟ้าทั้งหลาย (increasingly like all electric cars), BYD รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนหรืออะไรอื่นๆอีก (BYD10 from China and so on).

         10 https://www.carsome.co.th/news/item/car-review-byd

         กับ มูลค่าเพิ่ม(on value added), ผลผลิตส่วนเกินทั้งหลาย(the surpluses), กำไรทั้งหลาย(the profits), เงินที่ออกมาจากการผลิตสร้างสิ่งเหล่านี้กำลังเพิ่มขึ้น, จะเปลี่ยนย้ายจากวิศวกรรมชั้นเยี่ยมเพราะรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหลาย(the money that comes out of producing these things is increasingly going to shift from fine engineering because electric cars)ที่ไม่ค่อยมีวิศวกรรมมากนักมาเกี่ยวข้องกับพวกเขา(have that much engineering involved them), ใช่มั้ย, ไปยังทุน เมฆ(to the Cloud, to Cloud Capital). Volkswagen ไม่ได้มีช่องที่จะเข้าไปสู่นั่น (doesn’t have access to that). นั่นคือทำไมแบบจำลองธุรกิจเยอรมันจึงกำลังพังพาบลง(that is why the German business model is collapsing). นั่นคือทำไมเยอรมันพวกเขาเอง(the Germans themselves), อุตสาหกรรมทั้งหลายของคนเยอรมันพวกเขาเอง(the German industrials themselves)อยู่ในสภาวะที่ตื่นตระหนก(are in a state of panic), เพราะพวกเขารู้ว่าแม้ว่าถ้าเขาจะแค่ลอกเลียน Tesla จนสมบูรณ์ทุกอย่าง(even if they just copy Tesla completely)และสร้างสรรค์ Tesla หนึ่งขึ้นก็ตาม(create a Tesla), พวกเขาไม่ใช่ประเทศเยอรมนีเท่านั้นที่ล้มเหลวเท่านั้น(they do not Germany has failed only).

         จีนและอเมริกา, มีเทคใหญ่(China and United States have Big Tech), ยุโรปและ

บริเทนไม่มีเลย(Europe and Britain nothing), ศูนย์(zero). เราอยู่วงนอกไม่เกี่ยวข้องด้วย(we are irrelevant). ผมรู้ว่ามันกร้าวร้าวรุนแรงมากที่พูดนั่น(it’s very harsh to say that), แต่บริเทนและอเมริกา, สหภาพยุโรป(the European Union)ดีกว่าที่จะเข้าใจว่า, การถกเถียงทั้งหลายเหล่านี้ในเรื่องเบร็กซิตและอะไรอื่นทั้งหมดนั่น(these Brexit11 discussions and all that stuff)ที่ได้กำลัง

         11https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%95

ครอบครองเราอยู่ในตอนนี้มาเจ็ดปีแล้ว(that has occupying us now for seven years)ได้ขีดเขียนภาพว่าเรานั้นอยู่นอกวงซึ่งปราศจากทุนเมฆ(has rendered us irrelevant without Cloud Capital).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   แล้วอะไรคือแบบว่าการตอบโต้ทางประชาธิปไตย(what is the sort of the democratic response), หรือว่าอะไรคือการตอบโต้ที่ถูกต้องในเรื่องนี้(what is the right response this).

ยานิส วารูฟาอิส:      อนุญาตให้ผมคุณในอะไรที่ผมไม่คิดว่าทางออกนั้นคือสังคมประชาธิปไตยจะทำมันได้(I don’t think the solution is social democracy cannot do it). ดังนั้นทางออกของสังคมประชาธิปไตยคือธนาคารทั้งหลาย(the social democracy solution is banks). เราจำเป็นต้องจัดการให้เป็นสังคมนิยมกับทุนเมฆ(we need to socialize Cloud Capital). ทุนเมฆจะต้องถูกทำให้เป็นสังคมนิยม, ถ้าจะพูดอีกอย่างหนึ่ง(CLOUD Capital must be socialized in other words).

         มันต้องตกเป็นของผู้คนที่ทำการผลิตมันขึ้นมาอย่างแท้จริง(Cloud Capital must belong to the people who actually produce it). และ เจฟฟ์ เบโซส(Jeff Bazos)ไม่ใช่หนึ่งในผู้ที่กำลังผลิตมันขึ้นมา(is not the one who’s producing it).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   อย่างไรรึ?(how?)

ยานิส วารูฟาอิส:      อนุญาตผมยกตัวอย่างให้กับคุณสักสองอัน. เพราะว่านี่จะเป็นการสนทนาที่ยาวมากๆในตัวของมันเอง(this is a very, very long conversation in itself).

         ลองจินตนาการไปว่าเราได้เปลี่ยนกฎหมายเทคโนโลยีสารสนเทศ(we changed cyber law12)อย่างเช่น, ลูกจ้างทุกคนได้หนึ่งหุ้นทันทีที่พวกเขาได้ถูกจ้างงาน(every employee gets on share the moment they are employed), หุ้นทั้งหลายที่ไม่สามารถถูกขายได้(shares that cannot be traded), และพวกนั้นก็ไม่สามารถถูกให้เช่าได้(they cannot be leased). ดังนั้นในหนทางเดียวกันคุณก็มีหนึ่งเสียงในการลงคะแนนในระหว่างการเลือกตั้ง(so in the same way that your have one vote during an election), การเลือกตั้งทางการเมือง(political election), ไม่ว่ามันจะเป็นรัฐบาลท้องถิ่น(local government)หรือรัฐบาลประเทศ(national government), หรือการเลือกตั้งสภายุโรป(European Parliament election). คุณไม่สามารถซื้อขายมันได้(you cannot trade it). คุณไม่สามารถปล่อยมันให้เช่าได้(you cannot release it). ดเหมือนกับบัตรนักศึกษาเมื่อคุณเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่คุณได้มัน(like a student card when you enter University you get it). คือความเอื้อเฟื้อของการเป็นผู้ทำงาน(courtesy of being a worker), ผู้รับจ้าง(an employee).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   แล้วมูลค่านั้นก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นหรือลดลง(so the value doesn’t go up or down).

ยานิส วารูฟาอิส:      ใช่เลย, เพราะว่ามันไม่สามารถถูกซื้อขายได้, แต่มันให้คุณมีสิทธิลงคะแนน(it gives you vote). และคุณสามารถที่จะลงคะแนนเสียงในอะไรก็ตามที่เหมือนว่าคุณคือสมาชิกคนหนึ่ง(like you are a member), สมาชิกที่เท่าเทียมกันขอผู้ถือหุ้นสหกรณ์(an equal member of the share holders communion).

         ลองจินตนาการนั่นดูสิว่า, นั่นจะเปลี่ยนแปลงโลกอย่างไร(how that would change the world).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   ประชาธิปไตยของผู้ถือหุ้นอย่างแท้จริง(a real shareholder democracy).

ยานิส วารูฟาอิส:      ชัดเลย. แล้วประชาธิปไตยนั้นก็จะขยายออกไปเป็นวิสาหกิจ/นิติบุคคล(so democracy extended to the corporation)ก็ไม่ได้หมายความว่าสถานะนั้นจะได้ยึดครองบริษัททั้งหลาย(doesn’t mean that the state has taken over the companies). มันเป็นระบบที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานโดยตลาดอย่างสมบูรณ์(it’s a market-based system). ยังคงอยู่, นอกเสียจากว่าคุณทิ้งสองตลาดไป(still except you drop two markets). สองตลาดที่เป็นปัญหาจริงๆภายใต้ระบอบทุนนิยม(the two really problematic markets under capitalism), และตอนนี้คือศักดินาเทคโนนิยม(and now techn feudalism), ตลาดหุ้น(the share market), เพราะว่าคุณไม่สามารถซื้อขายหุ้นทั้งหลายได้(because you can’t buy and sell shares). แล้วมันไปเป็นเช่นนั้น, คุณกระทั่งไม่จำเป็นต้องซื้อมัน. มันก็จะเหี่ยวเฉาและตายไปเองอย่างง่ายๆ. และอย่างที่สองก็คือ, ตลาดแรงงาน(the labor market). เพราะว่าในทันทีนั้น, ก็ไม่มีความแตกต่างกันระหว่างการเป็นผู้ทำงานกับการเป็นเจ้าของ(suddenly there’s no different between being a worker and being an owner), ดังนั้นจึงไม่มีความแตกต่างกันระหว่างกำไรกับค่าจ้างทั้งหลาย(so there’s no different between profit and wages).

         ดังนั้น, ผมทำงานให้กับบริษัทหนึ่งเหมือนนั้นในรัฐวอชิงตัน(I work for a company like that in Washington state), ในสหรัฐอเมริกาเมื่อ 10 ปีก่อน, มันน่าหลงใหลมากที่เฝ้าดูมันทำงาน(it was fascinating to watch it work), บริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก(a very successful company), บริษัทที่ประกอบด้วยลูกจ้าง 350 คน(company comprising 350 employees)กับ 1.2 พันล้านดอลลาร์หมุนเวียนในแต่ละปี(with $1.2 billion turnover a year). แล้วก็ไม่ใช่สิ่งนี้, ผมไม่ได้กำลังพูดถึงอะไรบางอย่างแบบคอมมูนของโรเบิร์ต โอเวน(about some kind of Robert Owen commune)ของศตวรรษที่ 19 ในยุคสมัยวิคตอเรียน(in the  19th century Victorian era).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   เอาละ, ผมหมายถึงว่า, โอเค, สมมติว่า(suppose), เรามาแบบว่ากระโดดข้ามขั้นตอนทั้งหมดที่มันต้องมีกันเพื่อให้คุณไปถึงตรงนั้น(let’s sort of jump all the steps that it would require to get you there), ไม่ว่ามันจะเป็นการปฏิวัติหรืออะไรก็ตามแต่ที่มันอาจจะเป็นได้ในการที่จะทำให้คุณไปถึงตรงนั้น(it was a revolution or whatever it might be that might get you there), คุณคิดอย่างจริงใจหรือว่าผู้คนส่วนใหญ่จะต้องการที่จะทำการตัดสินใจทั้งหลายแบบนั้นทั่วบริษัททั้งหลายที่พวกเขาทำงานให้อยู่(that most people would want to take those sorts of decisions around the companies that they work for).

ยานิส วารูฟาอิส:      ใช่, ใช่อย่างแน่นอนที่สุดเลยล่ะ(yes, absolutely). ผู้คนรักที่จะรู้สึกว่าพวกเขามีสิทธิเช่นนั้น(people love to feel that they have the right).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   เพราะว่าการตัดสินใจทั้งหลายของธุรกิจส่วนใหญ่เป็นที่สลับซับซ้อน(most business decisions are complex), ซึ่งคุณก็ทราบดี.

ยานิส วารูฟาอิส:      ดังนั้น, นี่นะ, นั่นคือทำไมประสบการณ์ของผมกับบริษัทนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ. เพราะว่ามันไม่ใช่ภาคบังคับที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในทุกการออกเสียง(it wasn’t compulsory to in every vote). ผมหมายถึงว่า, มันจะไม่มีประสิทธิภาพอย่างมากถ้าทุกคนได้ออกเสียงลงคะแนนไปในทุกๆสิ่ง(it would have been very inefficient if everybody voted on everything), เพราะว่ามีบางอย่างทั้งหลายที่คุณก็ไม่รู้เกี่ยวกับมันมากนัก(there some things you don’t know much about), และบางอื่นๆที่คุณก็ไม่ใส่ใจด้วย(and some other things you don’t care about). แล้วทำไมคุณถึงต้องไปออกเสียงลงคะแนนกับสิ่งเหล่านั้นล่ะ.

         แต่วิธีที่เราได้กำลังทำมัน(but the way we were doing)มันคือว่าคุณได้รู้ว่าคุณมีสิทธิที่จะออกเสียงลงคะแนน(that you know you had the right to vote). มีพันธกรณีทางสังคม(social contract), นัยยะสัญญาอย่างง่ายๆ(implicit convention), แบบว่ามาตรฐานทางจริยธรรมในหมู่พวกเรา(a kind of ethical standard amongst us), ที่คุณจะออกเสียงลงคะแนนแค่กับสิ่งทั้งหลายที่คุณเข้าไปทำงานในมันเท่านั้นเพื่อที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมัน(you would only vote for things that you put some work into get becoming informed about). คุณได้มีช่องทางเข้าถึงอย่างถาวรในการประชุมทั้งหลายทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ต(you had permanent access to Internet meetings), เมื่ออย่างเช่น, ผมได้ต้องการที่จะจ้างนักออกแบบกราฟฟิคคนหนึ่ง(for instance, I wanted to employ a graphic designer). ดังนั้น, ในบริบทของ(in context of this horizontal decision making), ผมก็ส่งข่าว(message)ไปยังเพื่อนร่วมงานทั้งหลายและบอกว่า, คุณรู้จักใครบ้างไหม, ที่คุณคิดว่าเราควรจะจ้างมาเป็นนักออกแบบกราฟิคอื่นอีก, เพิ่มพิเศษอีกราย(an extra one). และใครบ้างที่อยากจะร่วมเป็นคณะกรรมการค้นหากับผม(who wants to form a search committee with me). มีสามสี่ผู้คนที่สนใจและแล้วเราก็ได้ทำการสัมภาษณ์ผู้คนและมันก็เป็นวีดิโอถ่ายทอดสด(it was video streamed live), ถ่ายทอดไปให้กับใครก็ได้ที่ใส่ใจที่จะค้นหาออกมาว่าผู้เสนอตัวลงแข่งขันเหล่านี้กำลังทำอย่างไร. และความคิดก็เป็นเช่นนั้นที่เมื่อสิ้นสุดวันลง, เมื่อการสัมภาษณ์ทั้งหลายนั้นได้เสร็จสิ้นลง, ผู้ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในกระบวนการนี้(participated in the process)ถึงแม้จะแค่เฝ้าดูการสัมภาษณ์ทั้งหลายก็จะลงคะแนนออกเสียง(would vote)และคนอื่นๆที่เหลือจะงดออกเสียง(the rest would abstain). ถ้าพวกเขาไม่มีจังหวะเหมาะเจาะที่จะสร้างความคิดเห็น(if they hadn’t have had the opportunity to form an opinion).

มันใช้การได้ผลจริงๆ(it actually worked), อย่างดีมากจริงๆเลย(really very nicely)และวิธีนั้นผู้คนรู้สึกได้มีแรงดลใจกระตุ้นที่จะมีส่วนร่วม(people feel motivated to participated)ในที่ที่พวกเขาคิดว่าสามารถช่วยได้(where they think they can help). และมันเป็นระบบบริหารจัดการที่ดีไปไกลยิ่งกว่าแบบบนลงล่าง(far better management system than top-down thing).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   ผมหมายถึงว่า, เรามาพูดกันถึงประสบการณ์ของคุณเองทางการเมืองและการเมืองเรื่องเลือกตั้งกันบ้าง(your own experience of politics and elected politics). เอ้อ, ผมหมายถึงว่า, เราควรจะจริงๆแล้วกันที่ปี 2015 อย่างสรุปสั้น, ผมหมายถึงว่า, ในประเด็นแบบว่า, คุณทันทีทันใดนั้นได้มีอำนาจมหึมาอันนี้ขึ้นในรูปของดูเหมือนว่าเป็นรัฐบาลภาวะวิกฤติ(this amount of power in a sort of a crisis government).

ยานิส วารูฟาคิส:      ไม่, ไม่เลย. ผมเป็นนักการเมืองที่ไร้อำนาจมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของยุโรป(the most powerless politician in history of Europe), เพราะว่า, จำได้ไหม, ผมเป็นแค่รัฐมนตรีคลังของรัฐที่ล้มละลายทางการเงินมากที่สุดในโลก(the Finance Minister of the most bankrupt state in the world). แล้วนั่นคืออำนาจเดียวเท่านั้นที่คุณมีก็คืออำนาจที่จะออกเสียงคัดค้าน(the power to veto), ออกเสียงคัดค้านการกู้เงินทั้งหลายที่ถูกโยนมาในเส้นทางของคุณ(to veto loans that are being thrown your way).

         ทำไมพวกมันถูกโยนมาในเส้นทางของเราให้กับนั่นว่าเราได้ล้มละลายที่จะปกปิดการสิ้นเนื้อประดาตัวของเราได้(why were they thrown our way given that we were bankrupt to cover our bankruptcy), ก็เพราะว่าสหภาพยุโรป(the European Union)ไม่ได้ต้องการที่จะยอมรับความจริงที่ว่า(did not want to admit to the fact that)รัฐสมาชิกหนึ่งของยูโร โซนสามารถที่จะล้มละลายได้(a member state of the Euro Zone could go bankrupt).

         และเพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการที่จะให้นายธนาคารทั้งหลายสูญเสียสิทธิในทรัพย์สินเหนือธนาคารทั้งหลาย(they didn’t want the bankers to lose property rights over the banks)ที่ได้ล้มละลายทางการเงินไปกับตาทั้งหลายของพวกเขา(which went bankrupt on their watches).

         ดังนั้นมันก็เหมือนกับว่า, ลองจินตนาการดูว่าคุณกำลังเดินลงไปตามถนน, แล้วก็มีแก๊งค์อันธพาลทั้งหลายหนึ่งกำลังตรงเข้ามาหาคุณ(there’s a gang of thugs approaching you), และคุณก็มีเพียงอาวุธหนึ่งเดียวเท่านั้นแต่มันดันบังเอิญว่าเป็นระเบิดปรมาณู(it happens to be a nuclear bomb)นั่นคืออะไรที่คุณได้ยินมา, และคุณรู้สึกอย่างไร.

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   แต่นั่นเมื่อคุณมองย้อนกลับไปยังที่คุณได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งนั้น, คุณคิดว่ามันเป็น, ผมหมายถึงว่า, คุณคิดว่ามันแบบว่าเป็นสิ่งผิดพลาดหรือ, มันเป็นแบบว่าในหนทางของประชาธิปไตยแบบพวกพ้องหรือ(was it sort of crony democracy in a way). คุณได้งานนี้มาเพราะว่าคุณเป็นเพื่อนๆกับ...

ยานิส วารูฟาคิส:      ไม่เลย. ที่แน่ชัดคือตรงกันข้ามกับนั่น. เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมภาคภูมิใจว่านั่นไม่ใช่หนึ่งในกรณีทั้งหลายพวกนั้น(one thing I proud of was that this was not one of those cases), ผมไม่ใช่นักการเมือง(I am not a politician), เอ้อ, ผมได้กลายเป็นที่รู้จักเพราะว่าผมได้กำลังเตือนรัฐบาลทั้งหลายของกรีโดยปราศจากความต้องการที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทางการเมือง(because I was warning Greek governments without wanting ever to be part of the political). ผมได้กำลังเตือนอยู่ว่า, กรีซได้ล้มละลายไปแล้ว(Greece had gone bankrupt), ได้โปรด(please, please, please), อย่าได้ทำผิดพลาดในการคิดว่าทางออก/ทางแก้ไขคือเงินกู้มหึมาอีกก้อนหนึ่งบนเงื่อนไขทั้งหลายอย่างเข้มงวด(do not make the mistake of thinking that the solution is another huge loan on conditions of austerity). นั้นยิ่งจะทำให้สูญเสียไปไกลกับสมรรถนะของเราในการชดใช้หนี้ทั้งหลายของเรายิ่งขึ้น(that will deplete further our capacity to repay our debts).

         ดังนั้นผมได้รับการเลือกตั้งเพราะว่าที่จุดหนึ่งผู้คนของกรีซได้เหลืออดเหลือทนกับการยืดขยายและเสแสร้งในการกู้เงินก้อนหนึ่งตามมาอีกหลังจากการปกปิดการล้มละลายของเราไปแล้ว(some point the people of Greece had enough of this extending and pretending of one loan coming after the next cover up our bankruptcy)ภายใต้สถานะเงื่อนไขทั้งหลายที่เราได้กำลังทำลายชีวิตผู้คนถึง 90% ของประชากร(under conditions that we destroying the lives of 90% of the population), และ, คุณรู้ไหม, มีการส่ง 1 ล้านคนออกมาจาก 10% ของประชากรหนุ่มสาวที่มีการศึกษาดีที่สุดไปยังต่างประเทศ, เพื่อเป็นการอพยพ(to migrate), ผมหมายความว่า, ที่ลอนดอนเองก็เต็มไปด้วยพวกเขาเหล่านี้, เอ้อ, ถูกต้องมั้ย.

         ดังนั้น, นั่นคือชั่วขณะสั้นๆหนึ่งเมื่อประชาธิปไตยได้ทำงาน(a brief moment when the democracy worked). ผมไม่ได้เป็นคนหนึ่งที่ได้รับการเลือกตั้ง, แต่เพราะว่าผมคิดว่ามันเป็นที่ชัดเจนว่า, ระบบนั้น(the system), ระบบสื่อดาวเทียม(the media star system)โอนเติมอำนาจทั้งหลายให้ผม, ซึ่งนั่นไม่เป็นอย่างทั่วไปเหมือนการส่งข่าวสารของผม(not be generally did not like mt message), พวกเขาไม่ชอบที่รัฐมนตรีคลังออกมาพูดว่าเรากำลังล้มละลาย, และมันเป็นสิ่งฉุดรั้งการล้มละลาย(it’s a bracer bankruptcy)แทนที่จะทำเสแสร้งว่าเราสามารถครอบคลุมจัดการมันได้ผ่านการกู้เงินทั้งหลาย(we can cover it up through loans). และผมรู้ว่ามันกำลังจะเป็นการดิ้นรนต่อสู้อย่างมโหฬาร(it was going to be a massive struggle). ผมคิดว่ามันมีโอกาสนี้ 20 ถึง 30% ของความอาจเป็นไปได้ของความสำเร็จ(probability of success)ถ้าเราร่วมกันต่อสู้. และโดยการนั้นก็คือนายกรัฐมนตรีและผมเกาะยึดไว้ด้วยกัน(the Prime Minister and I stuck together). นายกรัฐมนตรีและผมไม่ได้ยึดเกาะไว้ด้วยกันเพราะว่าฝ่ายตรงข้ามทั้งหลายของเรา(our opponents), เจ้าหนี้เงินกู้ทั้งหลาย(the creditors)ผู้ที่ได้ยืนกรานกับเงินกู้ทั้งหลายมากยิ่งขึ้นเพื่อเป็นอาหารจากการล่าเหยื่อเป็นเงินกู้ของตน(insisting on more predatory loans money)ได้จัดการตอกลิ่มลงระหว่างเรา(ให้แยกออกจากกัน)และในตอนท้ายสุด, พวกเขาก็เอาชนะเขาได้(they won him over)และเขาก็ตัดสินใจที่จะยอมแพ้, และยอมรับเงินกู้นั้น(take the loan), และผมก็ออกจากนั่นมา(and I left).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   อะไรที่คุณคิดว่าเป็นอะไรที่ได้แบบว่าผิดไปยิ่งขึ้นเมื่อเร็วๆนี้สำหรับคุณในประเด็นของการเมืองแบบเลือกตั้ง(has sort of gone wrong more recently for you in term of electoral politics). คุณได้พยายามแบบว่าเริ่มต้นการเคลื่อนไหว(tried to sort of start a movement). คุณก็รู้, มันได้ถูกปฏิเสธอย่างขนานใหญ่ในตอนนี้(it has largely reject now), ไม่ได้รึ?

ยานิส วารูฟาคิด:      ใช่. อย่างสมบูรณ์ที่สุดว่าทำไมเราถึงได้เป็นผู้แพ้ทั้งหลายอย่างยิ่งใหญ่(absolutely why we are the great losers). แต่ทั้ง Zas, อดีตสหายและนายกรัฐมนตรีของผมและผม, เราคือผู้แพ้ตัวใหญ่(we both the big Losers). เหตุผลในเรื่องนี้คือ, ผมคิดว่าค่อนข้างตรงไปตรงมา(straightforward)เมื่อมันมาถึงในเรื่องสาระของเหตุทั้งหลายเหล่านี้(when it comes to these matters), ผมคิดว่าคำอธิบายที่ง่ายที่สุดคือดีที่สุดอัตราผลลัพธ์ที่ออกมา(the simplest explanation is the best its outcome rates). ในปี 2015, เราได้จัดการที่จะทำให้เชื่อว่า 62% ของประชากรที่ไม่ใช่ฝ่ายซ้าย(we managed to convince 62% of population who were not leftwing), ที่จะเชื่อมั่นในเรา(to believe in us), ที่จะลุกขึ้นมาต่อต้านสื่อโทรทัศน์ทุกช่อง(to rise up against every television channel), ข่าวลือที่มีอำนาจอย่างสื่อหนังสือพิมพ์, เอ้อ, ธนาคารทั้งหมด(all the banks), ธนาคารกลางยุโรป(the European Central Bank), กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(the International Monetary Fund12), คณะกรรมการยุโรป(the European Commission), ระบบทั้งปวง(the whole system). พวกเขา, ที่เป็นผู้คน 62% ของ

         12https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8

ประชากรได้หนุนหลังเรา(they the people 62% of the population backed us). เราได้ยกความคาดหวังทั้งหลายของพวกเขาขึ้นมาว่าเราจะสามารถที่จะจัดส่งให้พวกเขาได้(we raised their expectations that we would be able to deliver them), จากพันธนาการเป็นทาสหนี้ถาวรนี้(from this permanent debt bondage)และเราก็ล้มเหลว(and we failed).

         เราเหลว(we failed), คุณรู้ไหม, ผู้ออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งทั้งหลาย(voters out there)ผ่านไปสักพักหนึ่งก็ไม่ใส่ใจแล้วว่าเป็นความผิดของใคร(after a while don’t care whose fault it was). ที่จุดหนึ่ง, พวกเขาได้บอกว่า, คุณก็รู้, ไปซะ(go away) คุณทำให้เรามีความหวัง(you made us hope), ความหวังนั้นได้ถูกทรยศ(that hope was betrayed), เราไม่สนใจหรอกว่าเกิดขึ้นอย่างไรและทำไม(we don’t care how and why), ไปเหอะ, แล้วจะกลับไปสู่การเมืองอันน่าเศร้าใจแบบเลือกตั้ง(will go back to the sad politics of voting). สำหรับผู้นำทางการเมืองหรือพรรคการเมือง(for the political leader or the party), ที่จะทำให้พันธนาการหนี้ถึงตายของเรายืดเยื้อต่อไป(that will perpetuate our dead bondage).

แต่อย่างน้อยที่สุดจะให้เราอะไรบางอย่าง(but at least it will give us something), บางอย่าง, คุณก็รู้, เพราะว่าเราไม่ต้องการที่จะคิดเกี่ยวกับวิกฤตการณ์อีกแล้ว(because we don’t want to think about crisis anymore). เหตุผลว่าทำไมพรรคของเรา, Mar 25, พรรคของผม, ได้ลงถัง(tanked)เป็นเพราะเราได้คอยแต่พยายามที่จะบอกกับผู้คนในอะไรที่เราคิดว่าคือความจริง(because we kept trying to tell people what we thought was the truth).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   แล้วคุณคิดหรือไม่ว่าเป็นเพราะเราพูดคุยกันอย่างมากเกี่ยวกับความจำเป็นต้องการความสัจจริงในทางการเมืองในตอนนี้(so do you think because we talk a lot about need for truth in politics now), โดยเฉพาะอย่างยิ่ง(especially), ภายหลังยุคของโปปูลิส(after the era of the Populis).

ยานิส วารูฟาคิส:      อะไรที่คุณยื่นเสนอต่อประชาชนล่ะครับ, ความจริงหรือความหวัง?(what you offer people, truth or hope?)

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   คำถามนั้น, เอ้อ, ผมหมายถึงว่า, คุณกำลังพูดตามพื้นฐานว่าผู้คนไม่สามารถรับมือกับความจริงได้หรือ?(are you basically saying people, people can’t handle the truth?)

ยานิส วารูฟาคิส:      ไม่, ไม่. ผู้คนมีมันเพียงพอแล้ว(people had enough), คุณรู้ไหม, ผู้คนที่ลุกขึ้นมาและได้ไว้วางใจต่อที่คุณให้(people who rose up and trusted you gave)ให้คุณถึง 62% จากการออกเสียงลงคะแนน(gave you 62% of the vote)และมองเห็นไม่มีอะไรอแอกมาจากเราเลย(nothing came out of us), พวกเขาบอกว่า, คุณได้โปรดช่วยออกไปเสียทีได้ไหม(they say can you please go away).

เรารู้ว่าที่จริงแล้วพวกเขาก็ไม่ต้องการการโกหกทั้งหลาย(they don’t want lies), พวกเขาแค่ไม่ต้องการได้ยินจากคุณ(they just don’t to hear from you), โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, ภายหลังที่คุณถูกชี้ให้เห็นได้ชัดโดยระบบ(after you’ve been spot of by the system), ที่จะคอยมาบอกสิ่งทั้งหลายที่พวกเขารู้ว่าควรจะเป็นจริง(to keep telling them things which they know to be true), ซึ่งเป็นสิ่งเจ็บปวด(which are painful), ที่ไม่นำไปสู่คำตอบว่าแล้วเราจะทำอย่างไรในวันพรุ่งนี้(which do not lead to the answer what do we do tomorrow).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   เย้, คุณคิดหรือไม่ว่านั่นคือทำไมพรรคแรงงานถึงไม่พูดคุยถึงการกลับเข้าไปในสหภาพยุโรปอีก? (that’s why labor doesn’t talk about going back?)

ยานิส วารูฟาคิส:      มุมมองของผมในพรรคแรงงานนี้(my view of this labor party)คือค่อนข้างมัวๆและ เคียร์ สตาร์เมอร์(Kier Starmer13)มีความน่าเชื่อเป็นศูนย์ไม่ว่ากับใครๆ(has zero

         13https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B9%8C_%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C

credibility with anyone).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   เขาทำงานอยู่...

ยานิส วารูฟาคิส:      ภายใต้ป้ายแขวนโฆษณาของเจเรมี  คอร์บิน(he ran under the banner of Jeremy Corbin), ตามที่คาดคะเนกันได้ว่ากำลังพยายามที่จะทำให้เจเรมี, ผู้ที่ก็เป็นเพื่อนสนิทของผมด้วย, เปิดเผยอย่างเต็มที่เพื่อให้เขาได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี, แล้วเขาก็รณรงค์เพื่อขึ้นมาเป็นผู้นำของพรรคแรงงาน(then he run for the leadership of the labor party), บอกว่าเขาจะรักษาไว้ในแถลงการณ์ 2019 อย่างครบถ้วน(he will retain the 2019 Manifesto intact), และเขาจะต่อสู้เพื่อให้มันดำเนินกดารจนประสบผลสำเร็จ(will fight for its implementation).

         แล้วเขาก็เทแถลงการณ์ที่ว่านั้นทิ้งลงท่อไป(then he ditches that Manifesto). เขาสัญญาว่าจะไม่ไปเยือนเบร็กซิตอีก(he’s not going revisit Brexit), ในตอนนี้เขาพูดถึงวิธีแก้ไขปัญหาอย่างได้ผลของนอร์เวย์(now he talk about effectively the Norway solution). การนำบริเทนกลับไปยังตลาดเดียวอีกครั้ง(bringing back to the single market). อีกประการหนึ่ง(by the way), ผมสามารถ...

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   เขาบอกว่านั่นไม่ใช่ทางเลือก(not an option), นั่นกระทั่งไม่มีมูลเหตุกับเรื่องนั้น(not even there’s no case for it)...

ยานิส วารูฟาคิส:      แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็พูดว่า, เขาจะยังคงไว้กับการวางแนวแถวต่อตลาดเดียวนั้น(he’s going to maintain the alignment with a single Market). ทำไมคุณถึงจะต้องทำเช่นนั้นนอกเสียจากว่าคุณต้องการจะกลับเข้าไปร่วมอีกกับตลาดเดียวนั้น(why would you ever do that unless you want to rejoin the single market). ดังนั้น, เขาจึงอย่างสัมบูรณ์สิ้นเลยว่าเป็นศูนย์ในความน่าเชื่อถือของเขา(so he has zero credibility).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   แต่ตอนนี้ผมหมายถึงว่า, เคียร์ สตาร์เมอร์(Kier Starmer)กำลังนำหน้าอยู่กับโพลทั้งหลาย, มันดูเหมือนว่าเขากำลังจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปถ้าเหตุการณ์ยังคงอยู่เช่นนี้ไปเรื่อยๆ(is way ahead in the polls it does look like he’s going to be the next prime minister as things stand). เพราะว่าคำตอบของคุณเมื่อครู่นี้, ที่ว่าผู้คนก็อาจจะแค่เบื่อกับรัฐบาลนี้(that people may just be sick of this government). พวกเขาได้รู้มามากพอแล้ว(they’ve had enough know), พวกเขาไม่ได้รับในสิ่งที่พวกเขาสนใจ(they didn’t deliver in their terms). ดังนั้นคุณจึงกำจัดเขาออกไป, คุณลองพยายามบางอย่างอื่น(so you get rid of them you try something else). แล้วมันเป็นเรื่องสำคัญจริงๆหรือที่คุณจะพบว่าเขาไว้ใจได้หรือมีความน่าเชื่อถือหรือไม่(whether you find him trustworthy or credible)หรือว่าอะไรก็ตาม, เขาก็อาจจะกำลังขึ้นไปมีอำนาจ, ไม่ใช่หรือ?

ยานิส วารูฟาคิส:      แน่นอนว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าผมคิดอะไร(in doesn’t matter what I think), เอาละ, คุณรู้มั้ย, ....

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   ผมรู้เรื่อการวิเคราะห์นั่น, แต่การวิเคราะห์นั่นเป็นเรื่องสำคัญหรือ(does that analysis matter?)

ยานิส วารูฟาคิส:      ไม่, มันไม่สำคัญว่าเขาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่(it doesn’t matter whether he becomes prime minister or not). เพราะว่า...เขาจะไม่ได้มีอำนาจที่ว่านั้นอยู่ดี(he’s not going to have power anyway). เขาไม่ได้มีอำนาจ, เขาไม่ได้มีกระดูกสันหลังอีกด้วย(he doesn’t have a spine either). เช่นเดียวกับซูนาค(Sunak14)ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง(is spineless). ดูที่เขาด้วยสิ. ผมหมายถึงว่ามันน่าสมเพชในตอนนี้(it is pathetic now)ที่พวกเขากำลังคุยกันถึงเรื่องการหยุดมันอยู่ที่เบอร์มิงแฮม(they’re talking about stopping it at Birmingham). ปีหน้าพวกเขาก็จะหยุดมันที่วัตฟอร์ด(next year they will stop it at Watford), ถูกมั้ย.

         คุณอาจจะไม่ทำมันด้วยเช่นกัน, ถ้าคุณจะไม่กำลังจะทำมัน(if you’re not going to do it). และนั่นคือที่เขาไม่มีกระดูกสันหลัง. เขากำลังร่วนละเอียดอยู่ใต้ความกดดัน(he’s crumbling under the pressure), แรงกดดันของงบประมาณ (the budget pressure)แต่ก็เช่นเดียวกันกับ เคียร์ สตาร์เมอร์(Kier Starmer). ถ้าคุณไม่สามารถออกมาด้วยนโยบายทางการเมืองทั้งหลายที่น่าเชื่อถือซึ่งคุณจะยึดถือกับมันได้(if you can’t come up with credible policies), นอกเสียจากว่าตัวเร่งปฏิกิริยาบางอย่างได้เข้ามาแทนที่แล้ว, มันก็ไม่เป็นสิ่งสำคัญเลบยว่าซูนาคหรือเคียร์ สตาร์เมอร์ได้อยู่อยู่ในอำนาจนั้น(is in power). นี้คือความพ่ายแพ้อย่างใหญ่หลวงของประชาธิปไตย(this is the greatest defeat of democracy). มันไม่ใช่สิ่งสำคัญหรอกว่าซูนาคหรือสตาร์เมอร์อยู่ในอำนาจ.

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นรัฐบาล. เรากลับมายังศักดินาเทคโนนิยมกันอีกครั้งดีกว่า. ผมหมายถึงว่าคุณได้อ้างอิงไปถึงบางตัวอย่างทั้งหลายของปัญญาประดิษฐ์(you’ve cited some examples of AI), ว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นใจมาก(as so very exiting).

         แล้วอะไรคือ, อะไรที่ปัญญาประดิษฐ์ทำกับศักดินาเทคโนนิยม(what does AI do to techn feudalism), แบบว่ากินมันไปด้วยเลยไหม, หรือว่าแบบว่าไปเป็นหนึค่งเดียวกับศักดินานั้น.

ยานิส วารูฟาคิส:      จำได้ไหมว่า, ปัญญาประดิษฐ์นี้ไม่เพิ่งเกิดมาเมื่อวานนี้(artificial intelligent was not born yesterday). อัลกอริธึมทั้งหลาย(the algorithms14)ที่ยอมให้กูเกิ้ล(Google)ที่จะ

         14https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5

เสาะค้นหาอะไรในเครือข่ายสำหรับสายพันธุ์ปัญญาประดิษฐ์ของพวกเขา(to search the net for their species of artificial intelligence). ตอนนี้อะไรที่เรามีก็คือแบบจำลองภาษาขนาดใหญ่ทั้งหลายเหล่านี้(those large language models)ที่เอาAIไปสู่ระดับสูงขึ้น(take AI to a high level).

         แต่ทุนเมฆขึ้นอยู่กับปัญญาประดิษฐ์(Cloud Capital based on artificial intelligence), ดังนั้นมันคือหนึ่งสิ่งเดียว(one thing), มันไม่ใช่อะไรบางสิ่งอื่น(it’s not something else). มันเป็นส่วนหนึ่งของศักดินาเทคโนนิยมด้วยไหม? (it’s part of techn feudalism?) มันง่ายๆเลยว่าเป็นเทอร์โบชาร์จให้กับศักดินาเทคโนนิยม(it’s simply turbocharging Techn Feudalism).

         เอ้อ, แต่เช่นนั้นก็ไม่ใช่อะไรที่เป็นนามธรรมเกินไปที่สำหรับการสนทนากัน(this is not too abstract to a conversation). ดังนั้นขอให้ผมได้ให้คุณด้วยภาพทัศน์หนึ่งของการที่ว่าทุนเมฆทำงานอย่างไร(a vision of how would like Cloud Capital to work).

         ลองจินตนาการไปว่า, คุณได้ต้องการที่จะเรียกทักทายกันทางวิทยุคลื่นสั้น(to hail a CB), หรือ, จะไปที่ไหนสักแห่งในลอนดอน(to go somewhere in London). ตอนนี้คุฯมีUberหรือLyftหรือหนึ่งในบริษัททั้งหลายเหล่านั้น, ที่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, ใช้คุณเป็นแบบนักcloud surfเพราะว่ามันใช้ข้อมูลของคุณ(it uses your data), แล้วมันก็หาประโยชน์จากแรงงานสามัญชน(it exploits proletarian labors)ผู้ที่กำลังขับรถแลกกับเศษเงินเพียงเล็กน้อย(who are driving for pittance). ทีนี้ลองจินตนาการดูว่า, ถ้าคุณเป็นเจ้าของdigital identityของคุณเอง, ที่คุณไม่ได้มีในตอนนั้น, ในขณะนั้นบนเครือข่าย(at that moment on the internet)คุณก็จำเป็นต้องการไม่ว่าธนาคารของคุณหรือไม่ก็กูเกิ้ล(you need either your bank or Google)ผู้ที่ใช้บัตรเครดิตของคุณ(who use your credit card๗ เพื่อที่จะตุ้ดตุ้ดตุ้ดตุ้ด...ที่จะแจ้งสถานะไปยังที่เหลือของผู้ใช้เครือข่าย(to state to the rest of the internet users), ว่าคุณเป็นใครตามที่คุณบอกจริงๆ(that you are who you say you are).

แต่ถ้าคุณได้เป็นเจ้าของอัตลักษณ์ดิจิตอล(but if you owned your digital identity), สิ่งนี้ได้ถูกเสนอมาให้คุณโดยรัฐ(this was offered to you by the state). รัฐเป็นผู้ให้อัตลักษณ์ดิจิตอลแก่คุณ(the state gave you a digital ID)ที่ได้ระบุยืนยันตัวคุณในโลกของดิจิตอล(which identified you in digital world), ในอวกาศไซเบอร์(in cyberspace).

แล้วคุณกำลังยืนอยู่ด้านนอกสถานีทีวีโน่นแล้วคุณก็บอกว่าฉันต้องการที่จะไปใส่ให้เต็มที่บรอดเวย์, ใครจะมาช่วยรับจ้างให้กับมันบ้าง(going to stand outside channel for you say I want to go to full and Broadway, who want to bid for it). แล้วคุณก็ได้ตำรวจทุกเครื่องแบบแตกต่างกันทั้งหมดทำงานกับเครื่องมือAIของพวกเขาเอง, แม้กระทั่งการขนส่งสาธารณะ, คุณก็ได้รับข่าวแจ้งมาบอกว่าเจ้าโง่, สถานีรถไฟใต้ดินอยู่ประตูถัดไปข้างหน้านี่เอง(get a message saying you idiot the Tube is next door), มันไปได้เร็วกว่า, ถ้าแกใช้มัน. แล้วคุณก็เลือกใช้มัน, ซึ่งจัดเต็มให้คุณไปถึงบรอดเวย์ได้.

มันเหมือนกันกับอะไรที่เรากำลังทำอยู่ในตอนนี้, แต่มันอยู่ในอีกโลกหนึ่งต่างออกไปจากภาพทัศน์ทางเศรษฐกิจ(but it is a world apart from an economic point of view), จากภาพทัศน์ทางจริยธรรม(from an ethical point of view), จากภาพทัศน์ทางสังคมวิทยา(from a sociological point of view)ต่ออะไรที่เรามี(to what we have).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   ถ้าคุณสามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้(if you could change the world), แล้วไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง, คุณจะเปลี่ยนแปลงมันอย่างไร?(how would you change it?)

ยานิส วารูฟาคิส:      ผมคิดว่า, สองสิ่งนะที่เป็นสำคัญอย่างยิ่งยวด(two things are absolutely crucial). หนึ่งนั้นคือการทำประชาธิปไตยในสถานที่ทำงาน(to democratize in the workplace), ในวิถีทางที่เราได้ถกเถียงกันมาก่อนหน้านี้. หนึ่งบุคคล(one person), หนึ่งหุ้น(one share), หนึ่งสิทธิออกเสียงลงคะแนน(one vote).

         อย่างที่สอง(the second)คือ สำหรับธนาคารกลางของเรา(for our Central Bank), ธนาคารแห่งอังกฤษของประเทศนี้(the bank of England in this country), ที่จะจัดสรรฟรีให้ทุกคนด้วยบัญชีดิจิตอลและหมายเลขPIN(to provide everyone with a free digital account and a PIN number), และแล้วก็ปล่อยให้บาร์เคลย์ส และ ลอยด์สหาเหตุผลทั้งหลายที่จะดำรงอยู่ได้เองโดยการเสนอให้บริการคุณในอะไรอื่นที่มากไปกว่าระบบการชำระหนี้(and then let Barclays and Lloyds find reasons to Exist by offerings you services other than the payment system).

         การเคลื่อนที่ไปทั้งสองนี้(these two moves)จะปฏิวัติโลกที่เราอาศัยอยู่นี้อย่างแท้จริง(would really revolutionize the world we live in). พวกเขาฟังดูเหมือนเป็นการเคลื่อนไหวค่อนข้างเล็กๆ(they sound like relatively small moves), แต่โลกที่เราอาศัยอยู่นี้จะไม่มองดูเหมือนเดิมถ้าพวกเขาทำมัน(but the world we live in would not look the same if they were made).

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   ยานิส วารูฟาคิส, ขอบคุณท่านเป็นอย่างมากที่ได้สละเวลามาให้กับรายการนี้.

พิธีกร(กฤษณัน คุรุ-เมอร์ธี):   ขอบคุณเช่นกันครับ.

         https://youtu.be/Q9lJQONTC7Y?si=6G3Qb6xqg-Qvcrrs