หน้าเว็บ

หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2568

โภคิน พลกุล - รัฐสวัสดิการ คือ สิทธิของประชาชน

 โภคิน พลกุล - รัฐสวัสดิการ คือ สิทธิของประชาชน

          https://youtu.be/zEY6e3ISAaI?si=2OzXExWzPws0nUhR

* รองศาสตราจารย์ โภคิน พลกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร และ อดีตรองประธานศาลปกครองสูงสุด เป็นนักวิชาการและนักการเมืองชาวไทย ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศพรรคไทยสร้างไทย อดีตประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคด้านนโยบายและแผนงานของพรรคเพื่อไทย นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)

          *https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%99_%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5

          ครับ ก็ขอสวัสดีท่านผู้มีเกียรติและพี่ๆน้องๆ ทุกคนนะครับ. นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสมาพูด ในเรื่องของคณะราษฎรจากอภิวัฒน์สยามปีที่แล้วก็พูด ปีที่แล้วก็ 89 ปี ปีนี้ก็ 90 ปี.

          ผมเองนั้นฟังท่านอาจารย์ชาญวิทย์นะครับ ได้พูดถึงความประทับใจที่มีต่อท่านปรีดี ผมเองนี้ก็เป็นลูกศิษย์ของท่าน ตอนที่ผมได้ทุนรัฐบาลไทยไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยปารีสนั้นเนี่ยะ ตลอดเวลา 5 ปีที่ผมอยู่ผมก็มีความใกล้ชิดกับท่านปรีดีและครอบครัวของท่านค่อนข้างมาก แทบทุกคนเลย เอ่อ ปกติแล้วแทบจะทุก...อย่างน้อยก็ทุก 2 อาทิตย์ก็จะไปที่บ้านอังตัวนีคืออยู่ชานเมืองปารีสของท่าน สิ่งที่ผมประสบและได้รับจากท่านโดยตรงเนี่ยะ เห็นได้ชัด 2 เรื่อง เรื่องแรกก็คือ ความรู้ความคิดความเป็นวิทยาศาสตร์ ที่ท่านคณบดีพูดไปสักครู่นี้ วิทยาศาสตร์หมายความว่า ไม่งมงาย ไม่เชื่อในอะไรที่เลอะเทอะ ทุกอย่างต้องตรวจสอบ ต้องดูแล้วดูอีก นะครับ.

          อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ชีวิตส่วนตัวของท่าน ท่านั้นน่ะเจ็บช้ำน้ำใจที่สุด หลังจากที่หมดจากอำนาจไป ทั้งที่มีความตั้งใจดี สิ่งที่ประเทศนี้ทำกับท่าน อย่าว่าประเทศเลยครับ คนส่วนหนึ่งทำกับท่าน ก็คือทำร้ายท่านอย่างถึงที่สุด แต่ท่านเนี่ยะ สนมใจประเทศไทย สนใจพี่น้องคนไทย หาความรู้ แล้วท่านยังถูกใส่ร้ายตลอดเวลา เรื่องคดีสวรรคตของในหลวง ร.8 บ้าง อะไรบ้าง มีคนไปเขียนหนังสือ ไปเขียนอะไรต่างๆ ท่านก็ต้องมาทำคดีต่อสู้ ทั้งชีวิตเนี่ยะ ทำอย่างนี้ ไม่ได้ไปเที่ยวเตร่ที่ไหน ไปประชุมสัมมนาท่านก็ไปกล่าวปาฐกถาให้นักเรียนไทยในฝรั่งเศสในเยอรมัน นี่ก็คือชีวิตของรัฐบุรุษ คนหนึ่งของประเทศไทย.

          ผมเองนั้นมีโอกาส ไปพบท่านอีกครั้งหนึ่ง อีก 2-3 ปีต่อมาเมื่อผมเรียนจบแล้วนะครับ ก็มาสอนหนังสือที่รามคำแหง มีโอกาสไปฝึกอบรมดูงานด้านการสอนที่ประเทศอังกฤษ พอวันศุกร์บ่ายๆเนี่ยะหมดแล้วก็จะ มาเยี่ยมท่านที่บ้านอังตัวนี ก่อนท่านจะถึงแก่อสัญกรรมประมาณ 2 วันเนี่ยะ ผมก็ไปเยี่ยมท่านไปทานข้าวกับท่าน ก็ทานกัน 2 คนน่ะ อยู่ๆท่านก็บอกว่า อ้น ท่านเรียกชื่อเล่นผมว่า อ้น นะครับ บอกว่า ถ้าลุงตายไปแล้วเนี่ยะ อย่าเอาศพกลับไปเมืองไทยเลยนะ อยากอยู่ที่นี่ดีกว่า ผมก็มาเล่าให้ท่านผู้หญิง  เล่าให้พี่ๆซึ่งเป็นลูกของท่านทุกคนฟัง แต่ก็โชคดีนะครับที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แห่งเนี้ยะ ก็ได้ดำเนินการทุกอย่างเพื่อเอาท่านกลับมา อย่างสมเกียรติ วันนี้เราถึงได้มีอนุสาวรีย์ของท่าน อยู่ตรงริมแม่น้ำเจ้าพระยา อย่างนี้เป็นต้น.

          นี่แหละครับ ชีวิตของคนที่ เสียสละ แล้วก็ซื่อสัตย์สุจริต ก็ต้องขอโอกาสคารวะ อาจารย์.

          ผมอยากเข้าไปสู่ประเด็นต่อไปนี้นะครับว่า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้นเนี่ยะ สิ่งที่คณะราษฎรได้นำมาเนี่ยะ ผมคิดว่ามี 2 เรื่องใหญ่ๆที่จะสรุปเท่านั้นเอง เรื่องแรก เป็นการเปลี่ยนความคิดเรื่องอำนาจ เดิมทีเดียวนั้น ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ 24 มิถุนา 2475 ความคิดเรื่องอำนาจนี้เป็นเรื่องของบุคคล จริงอยู่แม้จะมีการกล่าวอ้างว่า มีความพยายามจะทำรัฐธรรมนูญ แต่รัฐธรรมนูญก่อนหน้าฉบับวันที่ 24 มิถุนา ซึ่งหลังจากการเปลี่ยนแปลงวันที่ 27 มิถุนา 2475 นี่น่ะครับ จะไม่ได้บอกว่า อำนาจเป็นของราษฎร นี่เป็นครั้งแรกที่ได้บอกว่า อำนาจอธิปไตยนั้นเป็นของประชาชน และตั้งแต่นั้นจนถึงวันนี้ ไม่ว่าจะยึดอำนาจกี่ครั้งกี่หน ก็ไม่เคยเห็นคณะรัฐประหาร กล้าบอกว่า อำนาจไม่ใช่ของประชาชน ในรัฐธรรมนูญที่สั้นๆ ไม่กี่มาตรา กดทับด้วยอำนาจนิยมเต็มที่ ก็ยังบอกว่าอำนาจนั้น เป็นของประชาชน นี่ก็คือสิ่งที่คณะราษฎรได้ทำให้ดเกิดกขึ้นในสังคมไทย 90 ปีเต็ม แต่สิ่งที่วนเวียนอยู่ตลอดเวลาก็คือว่า โดยประชาชนนั้น มันโดยยังไง? แน่นอน หลายครั้ง ยึดอำนาจ ตลอด 90 ปีนี้เป็นประวัติศาสตร์ระหว่างการสร้างรัฐธรรมนูญและการรัฐประหาร วนเวียนอยู่อย่างนี้แหละครับ.

          เรื่องที่สองของคณะราษฎร ก็คือ ทำอย่างไรจะให้ประชาชนนั้น ใช้คำง่ายๆก็คือ อยู่ดีกินดี มีหลักประกัน ที่เราพูดกันวันนี้ ก็คือ มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ด้วยเหตุนี้จึงปรากฏในหลัก 6 ประการ ในข้อหนึ่งว่าต้องทำสิ่งนี้ และท่านปรีดีก็ได้รับมอบหมาย ให้ไปเขียนหนังสือเขียนเค้าโครงเศรษฐกิจ ซึ่งเวลานั้นก็แค่...แค่เป็นเพียงทำอย่างไรจะให้เกิด economy of scale  ทำให้ประชาชนนั้นทำงานร่วมกันได้ เหมือนระบบสหกรณ์ ก็มีการออกกฎหมายคอมมิวนิสต์ก็เพื่อจัดการกับท่าน ในกฎหมายนั้นเนี่ยะ เชื่อมั้ยครับว่า แค่ Nationalization เนี่ยะ การโอนกิจการเป็นของรัฐถือว่าเป็นคอมมิวนิสต์แล้วนะ คุณอาผมเป็นนักหนังสือพิมพ์ ได้รับเชิญไปเมืองจีนพร้อมกับคุณอิศรา อมันตกุล ใครต่อใครนี่แหละครับ แล้วก็คุณรพีพรนี่อ่ะนะ กลับมาถูกจับในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ข้อหาว่าอะไร? เป็นคอมมิวนิสต์ เพราะไปประเทศคอมมิวนิสต์ เห็นความบ้าของประเทศนี้มั้ยฮะ? เห็นความบ้าของอำนาจนิยมมั้ยฮะ? มันก็มาถึงทุกวันนี้อีก.

          ผมอยากจะเรียนว่ายังงี้ครับว่า ประเทศเนี้ยะ ไอ้ที่พูดหรูๆทั้งหลายเนี่ยะ มันเป็นวาทกรรมทั้งสิ้น จนถึงรัฐธรรมนูญฉบับเนี้ยะ ผมมาไล่ดูแล้วนะครับ ถ้าทำตามแล้วเนี่ยะ ยอดเยี่ยมเลย ผมจะสรุปตอนท้ายว่า เราพูดถึงรัฐสวัสดิการเนี่ยะ เราต้องการดูแลอะไรให้พี่น้องประชาชนบ้าง? รับธรรมนูญที่เขียนทุกวันนี้ก็ดีมาก แม้แต่บางเรื่องก็บอกเลยว่า กฎหมายที่ล้าหลัง ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน ต้องยกเลิกและขจัดไปนะ เชื่อมั้ยครับว่า ยึดอำนาจมา อยู่กันมา 8 ปีเนี่ยะ ออกกฎหมายกดทับประชาชนมหาศาล แต่กฎหมายจะปลดปล่อยประชาชนซักฉบับ ยังแทบไม่มีเลยฮะ นี่มันก็คือเป็นอย่างนี้.

          ด้วยเหตุนี้แหละครับ ทุกอย่างมันวนเวียน การสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ การรัฐประหาร คำถามก็คือว่า อะไรเป็นตัวทำให้มันหมุนเช่นนี้ตลอดเวลา?  เมื่อกี้บางท่านก็อาจจะบอกว่า ต้องย้อนไปดูก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง อาจจะย้อนลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ถ้าเราดูก่อน 2475 พลังที่ผลักดันสังคมเนี่ยะ คือพลังอะไรครับ? คือ 1) พลังศักดินานิยม 2) ก็คือพลังของระบบราชการในเวลานั้น พอเปลี่ยนแปลงการปกครองเนี่ยะ ก็เกิดพลวัต คือความร่วมมือและการต่อสู้กัน ระหว่าง 3 พลังใหญ่ๆครับ 1) คือพลังศักดินานิยม 2) พลังราชการ อำนาจนิยม ที่มักจะนำโดยผู้นำกองทัพ และ 3) ในยุคของคณะราษฎรก็คือ พลังรัฐธรรมนูญนิยม วันนี้เราเรียกพลังประชาธิปไตยก็ได้ครับ 3 พลังนี่แหละครับเป็นพลวัตที่หมุนกลับไปกลับมาอยู่ตลอดเวลา.

          เราจะเห็นอะไรมั้ยครับ? เมื่อกี้คุณณัฐวุฒิพูด ผมเองก็ประทับใจ จิตวิญญาณของการต่อสู้ เพื่อสันติภาพ เพื่อสิทธิเสรีภาพ เพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มันไม่เคยเสื่อมคลายจากประชาชน เพราะเขา ยิ่งคนตัวเล็กเท่าไหร่ยิ่งแทบไม่ได้สัมผัสเลย เค้าจึงรู้ว่าชีวิตเค้าอยู่บนแผ่นดินเนี้ยะ เค้าทุกข์เค้าเครียด เราอยากให้คนรักแผ่นดิน ถ้าคนที่อยู่บนแผ่นดินไหน เค้าทุกข์เค้าเครียดเค้าถูกรังเกียจเค้าถูกชัง เค้าไม่รักหรอกครับ เค้าต้องอยู่แล้วมีความสุข ถูกมั้ยครับ? ตรงนี้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เราดูนะครับว่า การล้มจอมพล ป.และพวกไปเนี่ยะ จอทพลสฤษดิ์ขึ้นมาเนี่ยะ ช่วงนั้นเองเนี่ยะ พลังที่ต่อสู้กันเองเนี่ยะ ก็คือพลังอะไรฮะ? ก็คือพลังราชการอำนาจนิยม จนมาถึงคุณถนอม-ประพาสเนี่ยะ ก็พยายามจะทำให้พลังราชการอำนาจนิยมเนี่ยะ ไม่ใช่แค่สืบทอดโดยทางรัฐธรรมนูญแบบที่ทำกันโดยฉบับนี้นะครับ แต่ทำไงจึงสืบทอดแบบตามตระกูลได้ ยังปกครองต่อกันได้ ในที่สุดก็เกิดอะไรขึ้น ก็เกิด 14 ตุลา 16 ครั้งนั้นเนี่ยะ ผมอยู่ที่ธรรมศาสตร์ อยู่ที่คณะนิติศาสตร์ มองลงมาที่สนามบอลนี่น่ะครับ ก็เห็นผู้คนมากมายโรงเรียนต่างๆถือพระบรมฉายาลักษณ์ ของในหลวง-พระราชินี ขณะนั้นเนี่ยะ มา ทั้งหมดนั้นคือ ประเด็นคือการต่อสู้กันของ 14 ตุลาคือ พลังศักดินานิยม กับ ราขการอำนาจนิยม ที่นำโดยผู้นำกองทัพ.

          พลังประชาธิปไตยเป็นพลังที่เกื้อหนุนพลังศักดินานิยม จึงเป็นเหตุให้พลังราชการอำนาจนิยมเวลานั้น ต้องล่มไป พอมาถึงตอนปี 19 เดือนตุลาปี 19 ช่วงนั้นพวกเราคงเข้าใจดีนะครับ ปี 18 เนี่ยะ ลาว เขมร เวียตนาม เป็นคอมมิวนิสต์ ไทยมีความหวาดกลัวเหลือเกินจะเป็นโดมิโน ทั้งที่ความจริงแล้ว โอกาสแทบเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจาก จีนก็ไปเปิด...อเมริกาก็ไปเปิดสัมพันธ์กับจีน จีนทะเลาะกับรัสเซีย เวียตนามต้องสู้สงครามท่ามกลางความอึดอัดที่สุด ที่มหาอำนาจ 2 ประเทศที่ช่วยเหลือตัวอย่างเต็มที่นั้นเนี่ยะ ทะเลาะกัน ซึ่งทะเลาะกันก็เพราะว่า ผมก้ไม่ลงรายละเอียดก็แล้วกันนะ ไทยก็หวาดกลัวตรงนี้ ดังนั้นเราจะเห็นว่า ขบวนการสร้างขวาจัด จะเป็นนวพล กระทิงแดง จิปาถะ เกิดขึ้นตอนนั้น เพื่อทำร้ายใครครับ? ก็เหมือนปัจจุบันนี้ล่ะครับ ก็ผู้ที่อยู่ในโซนประชาธิปไตย และโซนสังคมนิยม และอาจจะมีเลยเถิด เพราะยังมีพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยอยู่ ก็เลยเป็นการสู้ระหว่างซ้ายกับขวา การยึดอำนาจเวลานั้นก็จะบอกว่า อีกฝ่ายเป็นคอมมิวนิสต์ คอรัปชั่น ไม่จงรักภักดี วันนี้จะไปกล่าวหาเป็นคอมมิวนิสต์ มันกล่าวหายาก ก็เลยเหลือเฉพาะ 2 อันหลังนี่เป็นหลัก หรืออาจจะมีแถมหน่อยก็คือ เป็นterrorist เป็นผู้ก่อการร้ายไป.

          เห็นภาพมั้ยครับที่เมื่อกี้ ท่านคณบดีบอกว่า นี่คือความคิดแบบจารึต ก็คือต้องยึดสถาบันหลักๆ ยึด tatus quo ต่างๆไว้ ซึ่งทั้งหมดมันไม่ได้ถูกหรือผิดไปทั้งหมดนะครับ แต่มันก็เป็น วัฒนธรรม เป็นกระบวนการเช่นนี้ดำรงอยู่ต่อมาเรื่อยๆ เราจะเห็นว่า พอมาเดือนพฤษภา ก็แบบเดียวกันนะครับ พลังศักดินานิยมนั้นสู้กับพลังราชการอำนาจนิยม และได้พลังฝ่ายประชาธิปไตย ทำให้พลังฝ่ายราชการนั้นต้องพ่ายแพ้ไป แล้วพัฒนามาถึงทุกวันนี้แหละครับ ก็หมุนกันไป ในยุคของท่านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ก็กลายเป็นการร่วมกันระหว่าง 3 พลัง อยู่ภายใต้ประชาธิปไตยครึ่งใบ ทั้ง 90 ปีที่เปลี่ยนแปลงมาเนี่ยะ ก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ล่ะครับ.

ถามว่าการวนเวียนนี้ก่อให้เกิดอะไรขึ้น ผมสรุปได้ 2 อย่าง อย่างแรก คือ ก่อให้เกิด การตกผลึกของความคิด อำนาจนิยม ผมพูดนี้พวกเราอย่าไปมองที่คนยึดอำนาจนะครับ มันฝังอยู่แม้แต่ในสถาบันการศึกษาทั้งหมด ผมไปพูดไปต่อสู้ตลอดเวลา เมื่อกี้มีท่านได้พูดเรื่องระบบ SOTUS นี่ก็คือการสะท้อนอำนาจนิยม ผมรัฐมนตรีมหาดไทย ในกระทรวงมหาดไทยมีสิงห์ดำ สิงห์แดง สิงห์ทอง แบ่งแยกอย่างนี้กันหมดทั้งประเทศเลยครับ นี่คือ ผลผลิตอำนาจนิยมทั้งสิ้น ถ้าเราขจัดความคิดนี้ไม่ได้ อย่าหวังจะขจัดเผด็จการได้.

ผมอยากเรียนอย่างนี้ครับว่า วันนี้เรามองเผด็จการ มี มี มี มี เอ้า นะฮะ พวกนี้มาได้เพราะอะไรครับ? เพราะความคิดอำนาจนิยมและรับราชการ ผมเรียนเมื่อสักครู่นี้ว่า อีกตัวนี่มันคือตัวนี้ล่ะ ที่มันอุ้มไว้ให้ พวกนี้คือขยะ  ความคิดอำนาจนิยมและรับราชการ คือขยะ ตราบใดมีขยะ ก็มีแมลงวันมาเกาะไม่จบสิ้นนะครับ พี่น้องจะขจัดแมลงวันหรือขจัดขยะ? ถ้าขจัดแมลงวัน ก็มาไม่จบสิ้นหรอกครับ หมด ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรต่อมาอีก ไปเรื่อยๆอย่างนั้นล่ะครับ ดังนั้นเราต้องร่วมกันขจัดกองขยะนี้ และถ้าเราเปลี่ยนกองขยะให้เป็นสวนดอกไม้ได้ เราก็จะผึ้งมาทำน้ำหวาน ประชาชนจะอยู่ดีกินดี อย่างนี้ถูกมั้ยครับ?  (ความจริงแล้วทุนนิยมสามานย์ กับพรรคการเมืองสามานย์ เป็น ขยะพิษที่-ไม่มีแมลงวัน ตอมน่ะ - มีอันตรายต่อ สังคมประเทศ มากกว่าขยะราชการ นะครับ...ก็รู้ๆกันดี - แต่ท่านโภคิน ไม่กล้าพูดในที่นั้นหรอกรึ? - ผู้ถอดความ ) เราต้องคิดแบบนี้แล้วล่ะ ถ้าเราไม่คิดแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้ นะครับ.  

ทีนี้ ผมได้เห็นเนี่ยะ ผมได้มีโอกาสไปเจอพี่น้องทางใต้ ได้มีโอกาสเห็นเหตุการณ์กรือเซะ และตากใบ (ใครเป็นนายกฯล่ะครับ? มันไม่ใช่ เผด็จการทหาร นะครับ “มัน”ชื่อ ทักษิน และรองนายกฯชื่อ “บิ๊กจิ๋ว”ที่ท่านโภคินนับถืออ่ะแหละ - ผู้ถอดความ) เค้าก็มาหามาบอก ผมบอกผมเข้าใจเลย ว่ามันเป็นเพราะอะไร? และเค้าโกรธแค้นรู้สึกถูกรังแก ถูกอะไรต่างๆ ผมก็พูดกับเค้าง่ายๆเลย บอกว่า เนี่ยะ พี่ๆน้องๆ มันไม่ได้เกิดแค่กรือเซะ-ตากใบ แต่มันเกิดที่มหาลัยธรรมศาสตร์ ที่ผมเรียนอยู่ แทบทุกครั้ง วันที่ 6 ตุลา ที่เกิดที่เนี่ยะ ปี 19 (ก็ใครเป็นนายกฯ ล่ะครับ? มันไม่ใช่เผด็จการทหารนะครับ – ผู้ถอดความ)ผมกลับมา พอดี วันที่ 4 หรือ 5 ผมกลับไปฝรั่งเศสก่อน ก็ไปนั่งร้องไห้อยู่หน้าทีวี ที่ฝรั่งเศส ได้เห็นสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น ก็เพราะปั้นเท็จทุกอย่าง หาว่าในมหาลัยธรรมศาสตร์ เป็นคอมมิวนิสต์ เป็นเวียตกง สารพัด นี่ก็คือกระบวนการสร้างความเกลียดชังทำลายล้างซึ่งกันและกัน (ใช่เลย! ครับ – ที่ท่านกำลังพูดนี่แหละ - ผู้ถอดความ) ตำรวจทหารที่เข้ามาฆ่าเนี่ยะ ผมไม่โกรธเค้าหรอกครับ เพราะเค้าเป็นความเชื่อเลยว่า คนอยู่ในนี่น่ะเป็นปีศาจร้าย ก็เหมือนกับทางใต้(ที่วางระเบิด-ฆ่าได้กระทั่งเด็ก/ผู้หญิง-และพระภิกษุ นี่อ่ะนะ – คือการกระทำของผู้ที่น่าเห็นใจ-กำลังทำสิ่งดีๆในประเทศ-ประชาธิปไตย - ผู้ถอดความ).

แล้วท่านเชื่อมั้ยบครับว่า เอาปัตตานีจังหวัดเดียวเนี่ยะ เอาเงินไปช่วยพัฒนาปัตตานีเนี่ยะ 10 กว่ามีเนี่ยะ 2 แสนล้าน ตอนนี้ปัตตานีเป็นไงฮะ ยังเป็นจังหวัดที่จนที่สุดของประเทศไทย มันเป็นหยั่งเงี้ยะอ่ะครับ พแอเราเจออย่างนี้ปั้บ เราก็ถึงมาดูว่า ทั้งหมดเนี่ยะ ก็คือการที่ เมื่อกี้หลายท่านก็บอกไปว่า ถ้าตราบใดเราโง่ ไม่มีองค์ความรู้ ตราบใดเราจน และโลภ พี่น้องเห็นอะไรมั้ยครับ? วันนี้อะไรที่เฟื่องฟู ยาเสพติด หวย บ่อน ซ่อง เค้าอับจนไงฮะ ถ้ารุ่นใหม่ก็คริปโต ผมนะชอบคำบิล เกตส์เหลือเกิน เป็นทฤษฎีของคนโง่ ที่หลอกคนที่โง่กว่า จริงมั้ยล่ะครับ? คนเหล่านี้น่าสงสาร เราต้องปลดปล่อยเค้าจากสิ่งเหล่านี้ให้ได้ ถ้าปลดปล่อยไม่ได้ ประวัติศาสตร์มันจะซ้ำแล้วซ้ำอีก ตายแล้วตายอีก ไม่จบสิ้น.

ผมเลยเสนออย่างนี้ครับว่า เราจะต้องเปลี่ยนแบบไหนดี หนึ่งก็คือว่า ต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดว่า คำว่าเพื่อประชาชนเนี่ยะ หมายความว่าเราต้องทำอะไร? ผมอยู่กับการเมืองมานาน แต่กอ่นพรรคการเมืองไปหาเสียง ก็จะบอกว่า ถ้าถนนลูกรังจะลาดยาง ถนนลาดยาง 2 เลนจะเป็น 4 เลน ยกเว้นตุลาการบางท่านนะครับ ที่บอกว่าไปลาดยางให้หมด เอ๊ย ราดยางถนนลูกรังให้หมดก่อน ค่อยไปทำโครงการที่จะ รถไฟก็ดี อะไรต่างๆก็ดี อันนั้นต้องปล่อยท่านไป เข้าใจใช่มั้ยตรงนี้? ที่ท่านบอกว่า ถนนลูกรังเนี่ยะยังไม่หมด อย่าไปทำอย่างอื่นเลย นะฮะ.

ประเด็นก็คือว่า โดยประชาชนเนี่ยะ ก็ถูกบิดเบือนมากมาย เพราะอะไรมั้ยครับ พรรคการเมืองต่างๆเนี่ยะ ก็เข้ามา นี่ไม่พูถึงคนยึดอำนาจเข้ามา นั้นคำว่า โดยประชาชน  มันไม่ใช่อยู่แล้ว มันจะใช่ก็ต้องมาสู่ระบบเลือกตั้งที่เราคาดหวังกันว่า ถ้าอยู่กันครบเทอมเนี่ยะ ปีหน้าอะไรก็ต้องมีกหารเลือกตั้งกัน ถามว่าพรรคการเมืองต่างๆ พร้อมที่จะเป็นพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันการเมืองมั้ย? หรือเป็นของกลุ่ม ของก๊วน ของ...อยู่ภายใต้อิทธิพลของกลุ่มทุนต่างๆ ไม่จบสิ้น? ถ้าเป็นอย่างนั้น ความหวังก็ริบหรี่ เราต้องช่วยกันscreenตรงนี้.

ผมจึงมองต่อไปว่า คำว่าเพื่อประชาชนเนี่ยะ ดูจากทั้งหมดแม้แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันแล้วเนี่ยะนะครับ คือต้องดูแลผู้คน ตั้งแต่เกิดจนแก่ รัฐธรรมนูญบอกว่า มารดาลูกในครรภ์จะต้องได้รับการดูแล เด็กเข้าสู่ ตั้งแต่ก่อนวัยเรียน รัฐต้องดูแล 12 ปี เรียนฟรี จากนั้นก็ต้องหางานให้ทำ มีสวัสดิการต่างๆ มีประกันต่างๆ โรคภัยไข้เจ็บก็ต้องดูแล ให้เขา คนที่ยากไร้ เขาไปรักษาพยาบาลฟรี แต่ต้องมีคุณภาพนะครับ และสุดท้ายเมื่อเขาเกษียณ เขาต้องมีเงินที่จะดำรงชีพอยู่ได้ เราอาจะเรียกบำนาญประชาชน หรืออะไรก็ตามแต่ ดังนั้น ถ้าคนๆหนึ่งเกิดเป็นคนไทย ตั้งแต่เกิดจนแก่เนี่ยะ เขาอยู่อย่าวงมีความมั่นคง เขาไม่ต้องกังวลว่า ช่วงวัยนี้เค้าจะมีเรียนมั้ย มีตังค์เรียนหนังสือมั้ย จบมาแล้ว เป็นหนี้ กยส. ไปทำงานก็ยังตกงาน แต่ต้องใช้หนี้ ชีวิตมันหมุนวนอยอย่างนี้หมด จึงหนีไม่พ้นสิ่งที่ผมเรียนตอนต้น คืออบายมุขทั้งหลายแหล่ เพราะหวังว่าเผื่อจะรวยเร็ว วันนี้เด็กรุ่นใหม่ อยากอายุน้อยร้อยล้าน ทำอะไรก็ได้ อายุน้อยร้อยล้านอะไร มันไม่ใช่สิ่งที่ถูก สิ่งนี้เราต้องพูดจากับพี่น้องเราทุกคนว่า มันเดินอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ เพราะถ้าเดินอย่างนี้ต่อไป ผู้คนจะไม่มีเสถียรภาพในชีวิตเลย. ผมจึงเห็นว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งเริ่มต้นที่สำคัญ.

ประการต่อมาก็คือว่า ที่ผมเสียดายมาก ได้ยกร่างได้ผลักดัน รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนมา หมายถึงว่า เราอยากมีสักฉบับที่เขียนโดยประชาชน เห็นชอบโดยประชาชน ก็ปรากฏไปส่งศาลรัฐธรรมนูญว่าจะทำอย่างนี้ ให้ไปถามประชาชนว่าจะเอาหรือไม่? สุดท้ายก็ตกไป แต่ก็มาแก้กันจุ๊กจิ๊กจุ้กจิ๊กเรื่องระบบเลือกตั้ง เพียงเพราะว่า เอาเปรียบ ได้เปรียบเสียเปรียบกัน หวังว่าจะมาเอาอำนาจบนวิถีแบบนี้ แต่ไม่หวังว่า ให้ประชาชนกำหนดกฎเกณฑ์บ้านเมืองของเขาเอง เราต้องผลักดันอันนี้ต่อไป นอกเหนือจากที่จะทวงที่ท่านรองพูดเรื่องของความยุติธรรม ที่ว่ามาแล้วนะครับ ถ้าอันนี้ไม่ผลักดัน ยังเป็นอยู่แบบนี้เนี่ยะ เราหวังได้ยังไงครับ ว่ามันจะเป็นไปได้.

ประการที่สามก็คือว่า ประเทศจะขับเคลื่อนไปนั้นเนี่ยะ มันขับเคลื่อนไปแบบมียุทธศาสตร์ 6 ด้าน สภาพัฒน์มีอีก 10 กว่าด้าน ไอ้ปฏิรูปประเทศอีก 6 ด้าน แนวนโยบายแห่งรัฐอีกหน้าที่ของรัฐอีก ผมว่าประเทศนี้มียุทธศาสตร์ และแนวอะไร...เยอะที่สุดในโลกแล้วล่ะ สรุปก็คือวาทกรรม ไม่รู้ใครทำอะไร ผมว่า จริงๆเนี่ยะ ประเทศเนี่ยะ ควรเดินไปใน 4 ทิศทางใหญ่ๆเท่านั้น 1. ต้องเก่งเรื่องอาหาร เพราะเราเป็นเมืองเกษตร 2. ต้องเก่งเรื่องสุขภาพ 3. ต้องเก่งเรื่องท่องเที่ยว เพราะเรามีทุกอย่าง 4. เป็น network ของการคมนาคม และ logistics ของภูมิภาคนี้ทั้งหมด ที่เหลือเป็น ecosystem เรื่องการศึกษา เรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยี เอามารับใช้ 4 ด้านนี้ เด็กจะได้รู้เลยว่า เขาจะไปทางไหน ที่รัฐนี้เดินทางไป และเขา โอเค แต่ถ้าอยากจะไปเป็นนักบินอวกาศ ไปดาวอังคาร ไปดวงจันทร์ อันนั้นก็ไปสมัครที่NASAไป เพราะประเทศนี้ไปทำวันนี้ แบบนั้นน่ะคงยาก คงยังเป็นไปไม่ได้ ผมคิดว่าถ้ามีทิศทางอย่างนี้ การใช้ทรัพยากร การใช้งบประมาณแผ่นดินย มันจะชัดเจน ไม่ใช่เป็นแบบดั้งเดิมทุกอย่าง นี่ขนาดจะเกิด food security ขึ้นมา เราไม่ได้ปรับงบประมาณของที่เหลือ และที่จะตั้งขึ้นใหม่ เพื่อรองรับสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่นิดเดียว.

ประการที่สี่ก็คือว่า อันนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด ผมนั้นอยู่กับระบบราชการมาเป็นอาจารย์ จนกระทั่งไปดำรงตำแหน่งต่างๆ ผมก็ไปคิดแบบราชการ ผมเรียนเลยนะครับ นักการเมืองที่ว่ามาจากภาคเอกชน ที่ว่างยังโง้น พอเข้าไปอยู่ระบบเนี้ยะนะครับ ถูกครอบงำหมด รัฐบาลเนี้ยะตอนยึดอำนาจก็ประกาศออกกฎหมายฉบับว่าด้วยการบริการประชาชน เข้าใจไม่ผิดประมาณปี 57 แล้วก็บอกทุก 5 ปีต้องมาสำรวจ พยายามจะจัดบริการให้ดีขึ้น กฎหมายล้าหลังให้เลิกไป ผมว่ายังไม่ได้ทำซักเรื่อง มีทำเรื่องเดียวคือการแขวนการบังคับใช้กฎหมายโรงแรมในปี 62 แล้วหมดลงในปี 64 โดยไม่ได้ปรับปรุงกฎหมายอะไรเลย สุดท้ายก็คือว่า ส่วนใหญ่ก็ยังคงผิดกฎหมายเหมือนเดิม นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น ดังนั้นผมก็เลยมองเห็นว่า ถ้าประเทศนี้ไม่ liberate คือปลดปล่อยประชาชน และempowerประชาชน โดยเฉพาะคนตัวเล็ก เป็นไปไม่ได้ที่จะเห็นประชาธิปไตย ประชาธิปไตยไม่สามารถ ไม่สามารถเกิดจากพี่น้องประชาชนที่อดอยาก และขาดความรู้ เป็นไปไม่ได้ครับ ผมจึงเสนอว่า การปลดปล่อยประชาชนทำอะไรครับ? ให้เขาทำมาหากิน TDRI เค้าศึกษามา มีกฎหมายเกี่ยวกับ อนุมัติ/อนุญาต ขั้นตอนต่างๆ 1,500 กว่าฉบับ แล้วก็บอก ต้องทำกิโยตินกฎหมาย คือขจัดที่มันไม่จำเป็นออกไป ปรับปรุงให้มันดีให้มันเหมาะสม ท่านรู้ใช่มั้ยครับกลไกการตรากฎหมายมันอยู่ที่กรม เสนอเป็นขั้นเป็นตอนมา นี่ขนาดพอเสนอเข้าไปรัฐบาลไม่มีร่างอยู่ ก็ขอแขวนไว้ก่อนเพื่อเอาร่างรัฐบาลมาประกบ มันเป็นกลไกแบบนี้ล่ะครับ รัฐบาลมาจากเลือกตั้งก็ทำอย่างนี้ ผมตอนรัฐบาลท่านบรรหาร กฎหมายตกสภาหมด นับ 1 กลับไปกรมใหม่ ต้องไปขอท่านบอกว่า ไอ้ 10 ฉบับเนี่ยะ ขอรัฐบาลเสนอเลยได้ไหม? ไม่ต้องกลับไปใหม่ เพราะมันเป็นกฎหมายที่ดี ดีที่ท่านน่ารักด ท่านโอเค จากนั้นรัฐธรรมนูญปี 40 ถึงช่วยกันผลักดันว่า ตกตรงไหนต่อตรงนั้น ให้รัฐบาลใหม่เค้า endorse ก็จบ.

คือบางที่เราพูดเรื่องได้เยอะแยะ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดอันหนึ่งคือ กลไกและกระบวนการที่เราต้องใช้กฎหมายให้เป็นและเป็นประโยชน์นะครับ.

ผมก็คิดว่า ถ้าเราสามารถแขวนการบังคับใช้กฎหมายไว้ได้สัก 3 ปี นะ พี่น้องจะทำมาหากินกันระเบิดเลย หลายเรื่องไม่มีความจำเป็นเลย นอกจากเรื่องสำคัญนะครับ เช่นหมอผ่าตัดต้องมีใบอนุญาตนะ นักบินต้องมีใบอนุญาตนะ ที่คุณเก็บสิ่งที่เป็นอันตรายมากๆอันนี้ต้องตรวจสอบนะ แต่โดยทั่วไป มันเยิ่นเย้อไม่จำเป็นเกือบทั้งสิ้น กฎหมายโรงแรมเนี่ยะคิดดูสิฮะ โรงแรมมันโตตามเศรษฐกิจ มีนักท่องเที่ยวหลากหลาย เดี๋ยวนี้ไม่ได้เป็นทัวร์มาอยู่โรงแรม 5 ดาว มันไม่ใช่อีกต่อแล้วนะครับ เค้าปรับถนนข้าวสารเป็นโรงแรม เค้าใช้ห้องโถงห้องแถว แต่กฎหมายบอกว่าเป็นอาคารสาธารณะนะ บันไดต้องเมตรห้าสิบ ห้องแถวมันสามเมตรห้าสิบ คุณจะทำบันไดเมตรห้าสิบ คือมันไร้สาระหมด แล้วมันก็ยังอยู่เหมือนเดิมนะครับ (ท่านก็เป็นนักกฎหมาย - ก็น่าจะรู้ว่า ที่เค้าบัญญัติเช่นนั้นไว้ ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้อาคาร แล้วเวลาเกิดเรื่อง เช่น ไฟไหม้ – นักท่องเที่ยวตายกันเป็นเบือ ใครรับผิดชอบล่ะครับ? แก้ไขได้ครับ...ก็เหมือนบ้านพักแบ่งให้เช่า มันก็ต้องกำหนดว่า ได้ไม่เกินกี่ห้องนอน พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร เค้าก็กำหนดขนาดห้องนอนเล็กที่สุดไว้แล้ว ว่ากี่ตารางเมตร/กว้างไม่น้อยกว่าเท่าไหร่? แต่ท่านกำลังจะจะเอา บ้านแบ่งให้เช่า-ไปทำเป็นโรงแรม มันก็พูดกันคนละภาษา ห้องเช่าที่ตรอกข้าวสารน่ะ ทำได้อยู่แล้ว แต่รราชการดันไปออกกฎหมายการจัดที่พักให้นักดท้องเที่ยวต่างด้าว-ต้องเป็น”โรงแรม” มันก็วิปริตเช่นนี้แหละ กฎหมายห้องเช่า ก็มีอยู่แล้ว-ท่านก็ไปแก้ตรงนั้นดิ่ครับ...เช่น เห้องพักเกินกว่า 5 ห้องนอน ต้องจดทะเบียนเป็นอพาร์ตเม้นท์หรือโรงแรม....ท่านโภคิน ก็ลองไปดูกรณี รีสอร์ท หรือ โฮมสเตย์/บังกะโล ต่างจังหวัดดิ่ครับ เค้าไม่เห็นมีปัญหาอะไรกันนักหนาอย่างที่ท่านว่าเลย...ก็เข้าใจนะครับว่าท่านกำลังพูดถึงประเด็นปัญหาที่ต้องแก้ไข แต่ท่านชอบพูดเอนไปทางที่ต้องการ-โดยไม่เอ่ยถึง ข้อจริงที่มันมีอยู่ให้ครบอ่ะครับ – อ้อ – ส่วนใหญ่เคค้าออกกฎหมายดเพิ่มขึ้นมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ไถตังค์อ่ะครับ ไปแก้ที่ตรงนั้นก่อนเป็นอย่างแรกดีกว่าครับ -  ผู้ถอดความ)

เค้าก็เรียกร้องคุยกัน คือได้คุยและก็คุยใหม่ และก็คุยใหม่ จนหมดอายุรัฐบาล แล้วก็มาคุยรัฐบาลใหม่ นี่คือภาวะที่เป็นอยู่ทั้งหมด เราต้องเข้าใจ ถ้าเราให้คนตัวเล็กเค้าโตขึ้นได้ และตรงที่เราจะ empower เค้าเนี่ยะ empower เค้าเรื่องอะไรครับ คือหนึ่งเค้าต้องการแหล่งเงินทุน เราต้องให้เค้าถึง เห็นมั้ยฮะตอนที่ปีก่อน ที่รัฐบาลออกพระราชกำหนดมาอัน แบงก์ชาติต้องการที่จะให้soft loan กับSMEทั้งหลาย 5 แสนล้าน แต่เค้าปล่อยผ่านธนาคาร ปรากฏว่า SME 3 ล้านกว่ารายเนี่ยะ อยู่ในระบบธนาคาร 4-5 แสนราย ที่เหลือคือไม่อยู่เลย เค้าก็เข้าไม่ถึงระบบธนาคาร เมื่อเข้าไม่ถึงเนี่ยะ เขาจะไปพัฒนาตัวเขาได้อย่างไร? มันจึงต้องเอา soft loan มาตั้งเป็นกองทุนที่มันผ่อนปรนกว่า เข้าถึงได้ง่ายกว่า แล้วให้เค้ารวมกันเป็นระดับเล็ก ระดับกลาง ระดับ...แล้วเอาคนตัวแทนเขามานั่งปล่อยสินเชื่อ เค้าจะได้รู้ว่าเค้าทำยังไง ประเทศไม่สามารถบริหารโดยข้าราชการ แบบ full scale ได้อีกต่อไป ต้องบริหารโดยผู้คน มีส่วนร่วมโดยผู้คนทุกระดับ ไม่ใช่แค่วันเลือกตั้ง สิ่งนี้ต้องเปลี่ยนหมด ถ้าไม่เปลี่ยน เป็นไปไม่ได้.

ดังนั้น ถ้าเผื่อเรามีรัฐบาลใหม่นี่นะครับ ผมเชื่อว่าเราออกพระราชกำหนด 10 ฉบับนี่เปลี่ยนประเทศ เค้ายึดอำนาจออกพระราชกำหนดหลายร้อยฉบับ กดทับประเทศ แล้วยังไม่ได้เปลี่ยนรัฐอะไร ถ้าเราทำอย่างนี้ปั้บมันเปลี่ยนหมด อยากได้เขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ เชื่อมั้ยครับ 3 จังหวัดชายแดน บวกสงขลาอีก 4-5 อำเภอเนี่ยะ อยู่ใต้กฎอัยการศึก รวมทั้งชายแดนทั้งหลายแหล่เนี่ยะ อยากโปรโมทการค้าชายแดน แต่ถ้าเขตใดอยู่ใต้กฎอัยการศึก ทหารมีอำนาจเยอะแยะ เรื่องหนึ่งก็คือไปยึดเค้าแล้วไม่ต้องใช้ตังค์รัฐบาลก็ได้ ถามว่าใครจะไปลงทุนครับ? ผมว่ายังเงี๊ยะผมออกกฎหมายเศรษฐกิจชายแดน 1 ฉบับ จะลงตรงไหนเรื่องอะไรก็ไปออก พรฎ. อยู่ในเขตกฎอัยการศึก ก็ยกเลิกกฎอัยการศึกตรงนั้นไป เรื่องอนุมัติอนุญาตอะไรจบที่นั่นให้หมด เราได้ผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างผู้ว่าฯชัชชาติเนี่ยะ ถ้า กทม. ใบอนุมัติใบอนุญาตไม่จบที่ กทม. จบที่ไหนมั่งก็ไม่รู้เนี่ยะ ผู้ว่าฯจะทำอะไรได้มากครับเนี่ยะ? นี่คือสภาพที่มันเป็นจริง เรางั้นการกระจายอำนาจไม่ใช่เรื่องการตั้งองค์กรใหม่ แต่มันต้องทำให้อำนาจในการที่จะดูแลประชาชน มันจบที่เขา นะครับ. (กทม. นี่เป็นหน่วยงานราชการอ่ะแหละครับ – ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ก็เป็นข้าราชการ-แต่มาจากการเลือกตั้ง - เหมือน อบจ./อบต.อ่ะแหละครับ มีอำนาจจากประชาชน คือ สภา กทม.ที่มาจากการเลือกตั้ง...แล้วจบอย่างในการอนุมัติ/อนุญาต...เมื่อวันที่ 23 มค. 68 นี้ก็จบคาโต๊ะ 4 แสน...มันก็ไม่ได้ต่างจากหน่วยงานราชการอะไรๆ ต้องแก้ไขครับ-เห็นด้วย แต่อาจารย์โภคินฯ พูดให้ครบดิ่ครับ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ติดขัดที่”รัฐราชการ” - ก็”รัฐประชาชน”มันก็ทำเหมือนๆกัน - แถบจ่ายหัวคิวมากกว่าก็มีเยอะแยะ – อย่างเขากระโดง/อัลไพน์ นั่นแหละ - https://youtu.be/jsGeWECqECg?si=I0cyvWpXnpz0t-uX – ผู้ถอดความ)

เรื่องอีกเรื่องที่สำคัญ ผมคิดว่าสำคัญมาก ผมคิดว่าคือการการเปลี่ยน mindset ของผู้คน ผมยังเห็นวาทกรรม ยังเห็นการเสียดสีถากถางต่างๆเต็มไปหมด (ผมก็ว่า mindset นี่ก็เป็น “วาทกรรม” เหมือนกันอ่ะนะ พระพุทธเจ้าสอนคนให้เป็นมนุษย์ มา 3 พันปี ก็ยังเปลี่ยนความคิด “คน” ไม่ได้มากมายอะไรเลยอ่ะครับ ก็ “คน”ในประเทศที่มีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาตินี่แหละ ทำไมอ่ะครับ? ลองฟังอันนี้ดูก็ได้ เผื่อช่วยเปลี่ยน mindset ใครๆที่พูดคำนี้กันได้มั่ง - เน๊าะ https://youtu.be/IEcFonTOJaU?si=lQlBAhdHJsla25jD - ผู้ถอดความ) เราอยากเห็นประเทศเดินไปด้วยกัน ผมคิดว่าเราต้องสร้าง mindset ว่า เราคือพี่น้องกัน (ไม่เอาครับ - ไอ้ตัวนั้นมันด่าพ่อผมว่าเป็นควาาายยยยบยย – ผมไม่อยากให้มันมีควาาายยยยยยเป็นพ่อ ร่วมกันกับผมครับ - ผู้ถอดความ) ไม่ใช่เรื่องซ้ายเรื่องขวา ไม่ใช่เรื่องประชาธิปไตยเผด็จการ แต่เราคนพี่น้อง เดินไปบนพื้นฐานของ หนึ่ง-สันติภาพ สอง-ประชาธิปไตย สาม-หลักนิติรัฐนิติธรรม อย่างเนี้ยะได้ไหม? ให้ทุกคนรู้สึกว่า เค้าเป็นคนไทยที่มีศักดิ์ศรี มีความมั่นคงในชีวิต มีอนาคต นะครับ.

และที่สำคัญก็คือว่า ความสัมพันธ์ระหว่างราชการกับประชาชน (เอาอีกแหละ - อาจารย์โ-ภคิน นี่ชอบแบ่งแยกผู้คน ไหนว่าเป็นพี่น้องกันไงอ่ะครับ? เอางี้ การแข่งขันฟุตบอล ก็มีผู้คนอยู่ 3 ประเภท คือ ผู้เล่น/กองเชียร์ และกรรมการ ไงอ่ะครับ...กรรมการก็คือ”ราชการ” ผู้เล่นก็คือ”พรรคการเมือง” กองเชียร์ก็คือ “ประชาชน” ต่างคนก็ต่างต้อง”ทำงาน/ทำหน้าที่/function กันคนละอย่าง แต่มันก็คือ องคาพยพ ของร่างกายเดียวกัน มองอย่างเป็น”องค์รวม”-holisticดิ่ครับ...แล้วค่อยไป “จัดระเบียบการทำงาน/ความสัมพันธ์-ร่วมกัน ให้ถูกต้อง เริ่มจาก “สัมมาทิฏฐิ” หรือ mindsetที่ถูกต้อง อ่ะแหละครับ – ผู้ถอดความ)  ประชาชนรู้สึกข้าราชการเป็นนาย (ผมเคยโดนชาวบ้านเลี้ยงงัว/ประชาชนชี้หน้าด่า บอกว่า “ข้าราชการอย่างพวกผม กินเงินเดือนจากเงินภาษีของประชาชน”...ผมก็เลยถามว่า พี่ปีที่แล้วเสียภาษีไปเท่าไหร่? เค้าตอบว่า “ไม่ได้เสีย ยกเว้น” ผมบอกว่า – “ปีที่แล้วผมเสียภาษีเงินได้ไป 5 หมื่นกว่า หัก ณ ที่จ่าย เท่ากะเงินเดือนของผมเดือนหนึ่ง ราชการประเทศนี้ตลกมาก ปีหนึ่งต้องทำงานให้ฟรีๆเดือนนึง - ข้าราชการซื้อของเสีย vat 7% มั้ยอ่ะ? ค่าน้ำค่าไฟ ก็เสียvat7% ผมไม่ได้กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชนอย่างพวกพี่ๆเลยซักกะหลึง โว้-....เป็น”นายประชาชน”อะไรล่ะครับ? กรรมการก็เป่านกหวีดตามกติกา - ผู้เล่นก็เล่นตามกติกา กองเชียร์มันจะมามีปัญหาอะไรอีกล่ะ? ก็ผู้เล่น/นักการเมือง มันเล่นโกง - กรรมการให้ใบแดงผู้เล่น...กรรมการให้ใบแดงคนดูบนอัฒจรรย์ได้มั้ย? ก็เปล่า...แต่คนดูปาระเบิด/คนดูลงมาในสนาม - เจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันเค้าขับไล่จับกุม...ข้าราชการ/กรรมการ-หยั่งพวกผม โดยกระทีบได้ ตามใจ”ประชาชน”งั้นรึ?...-ผู้ถอดความ - ถอดความไม่จบซักที เพราะมัวแต่เถียงนี่แหละ) นายก็มองประชาชนเป็นลูกน้อง ไปติดต่อก็เป็นเช่นนั้น มันต้องเปลี่ยนใหม่ (กทม.ได้ผู้ว่าฯชัชชาติ มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน-ไปแล้ว...วานซืนโดนตำรวจจับคาโต๊ะ 4 แสนนั่นไงอ่ะครับ ผมต้องเปลี่ยนใหม่ – ยังไงล่ะครับท่าน? - ผู้เถียงไม่เลิก) อันแรกพวกเราทุกคนคือพี่น้อง อันที่สองก็คือ เรากับราชการ เราคือหุ้นส่วนกัน ช่วยกันทำมาหากิน (ตกลง 4 แสนนี่ - ช่วยกันทำมาหากิน เน๊าะครับ - ผู้เถียง) ยกตัวอย่างเช่น คุณปลูกข้าวตรงเนี้ยะมันไม่ work เปลี่ยนไปปลูกมันได้มั้ย? (คือมันสำปะหลัง มันเป็นอาหารสัตว์อ่ะครับ - คนกินไม่ได้...คือแบบว่าที่ตรงนี้มันปลูกข้าวไม่work แต่ก็พอปลูกให้มีข้าวกินกันตายได้...อีตรงที่ที่ปลูกแล้วwork ตะก่อนเค้าเรียกทุ่งรังสิตอ่ะครับ...มีผู้หวังดีต่อประเทศชาติประชาชน...เค้าเอาไปสร้าง มหาลัยกันเยอะแยะไปเหมิ่ดเลยอ่ะครับ ตั้ง 1,757 ไร่แน่ะครับ...แบ่งครัวละ 5ไร่(1 สนามฟุตบอล) ก็ได้ 350 ครอบครัวอยู่ได้ช่าวลูกชั่วหลาน-เป็นประชาชน-กันเต็มๆอ่ะครับ...เน๊าะ - ผู้เถียงไม่เลิก) อย่าไปปลูกหมามุ่ยนะ เพราะมันไปขายไกล คือถ้าคุณปลูกมัน หรือปลูกอ้อย คุณต้องดึงเอาโรงงานอ้อย โรงงานมันมา คนส่งออก เอามาคุยกันหมด นี่เราคือหุ้นส่วนกัน รัฐมีหน้าที่ช่วยตรงนี้ ผลักดันให้เดินไปด้วยกัน ไม่ใช่ว่ารัฐใช้งบประมาณแบบเบี้ยหัวแตก อยู่ทุกซอกทุกมุม (อีกละ - คือ งบประมาณราชการเนี่ยะ มันอนุมัติโดยสภาผู้แทนราษฏร-ของประชาชน นะครับ...ไม่ใช่อนุมัติโดยข้าราชการ – คนเสนอตั้งงบประมาณไปดเบี้ยหัสวแตกไปโดนหัวใครเข้ากระเป๋าใคร นั่น ก็เป็น “ตัวแทนประชาชน” ที่เลือกตั้งกันมาชูคอ ทำกัน อ่ะครับ แล้วไงอีก - จะเอายังไงอีกล่ะครับ อาจารย์อย่าหักมุขตลกดิ่ - ผู้เถียงไม่เลิก) งบกลางอันเดียวนี่ก็อยู่ทุกซอกทุกมุม เอาไปฝังโน่นฝังนี่ฝังนั่น กอรมน.นี่ก็กลายเป็นรัฐบาลเงา ทำทุกเรื่อง ทุกอย่าง แม้แต่เรื่องทำมาหากินชองผู้คน ไม่นับทำ IO ต่างๆ (อาจารย์โภคินนี้-ตลกเจ็บตัวได้มากกว่าพวกผม ถาปัด จุฬา-อีกอ่ะนะ...เอางี้นะครับ ปีงบประมาณ 2568 กอรมน. มีงบประมาณผ่านสภา ผท. 7 พันล้านนิดๆ...แต่ มีผู้อำนวยการ กอรมน. ที่ชื่อ แพทองธาร ชินวัตร อ่ะครับ...คือ นายกรัฐมนตรี-เป็นผู้อำนวยการ กอรมน. โดยตำแหน่ง...แล้วใครล่ะครับที่ให้ กอรมน.ไป ทำได้ทุกเรื่อง? – ผู้เถียงไม่เลิก) มันสิ้นเปลืองอย่างแบบ มันเหลือเชื่อเลยนะครับ.

ทั้งหมดเนี้ยะ เราต้องสื่อสารให้ถึงประชาชน เพื่อไปตอบโจทย์อะไรรู้มั้ยครับ? การเลือกตั้งครั้งต่อไป เงินไม่มีความหมาย (โห! ฟังอาจารย์แล้ว สนุกสนานกว่าดูข่าวชั้น 14 อีกอ่ะครับ - ผู้ถอดความ) อำนาจไม่มีความหมาย อิทธิพลไม่มีความหมาย นี่คืออนาคตที่เราต้องสร้างร่วมกัน งั้นพรรคการเมืองต้องทำเช่นนี้ร่วมกัน ไม่ใช่หวังเพียงชัยชนะ เพื่อประโยชน์ส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง รับใช้ทุนใหญ่หรือทุนพรรคพวกตัวเอง ถ้าเป็นอย่างนั้นยากมากครับ ที่เราจะก้าวข้ามไอ้กองขยะนี้ กวาดออกไปแล้วปลูกสวนดอกไม้ได้ (ผมว่า อาจารย์โภคิน - ลองกวาดสายตาดูรอบๆกว้างๆเป็น”องค์รวม” แล้วพูดอีกครั้ง/อีกที ให้ชัดเจน ทีดิ่ครับ...ว่า ใครกันที่คือ”ขยะ” ผมว่า - ไม่ใช่ ข้าราชการอย่างพวกผมที่ทำงานให้แผ่นดินนี้อยู่แน่ๆ...ท่านอาจารย์ไม่ลองคิดในแง่ negative บ้างรึครับ ว่า ถ้าไม่มี “พระราชา และข้า-ราช-การ” อย่างพวกผม ที่ทำงานเพื่อประชาชนตลอดมาอยู่นี้...ขยะมันจะท่วมประเทศ/แผ่นดินนี้กันขนาดไหน? - ผู้เถียงไม่เลิก)

และสุดท้ายนะครับ ผมคิดว่าสำคัญ ทุกวันนี้ทุกคนอีดอัดมากที่สุด ก็คือ ระบบการให้ความยุติธรรม ของศาลทั้งหลาย ความจริงแล้วคนที่ช่วยส่งเสริมอำนาจนิยม เผด็จการอำนาจนิยมมาโดยตลอดนี้ คือศาลนะฮะ พวกว่าเวลาเค้ายึดอำนาจ มีคนไปฟ้องศาล (มีคนต้องคำพิพากษาศาลจำคำ แต่ไปนอนห้องสูทชั้น 14 ก็มีคนไปฟ้องศาลฯด้วยอ่ะครับ ศาลท่านไม่รับฟ้องเหมือนกัน - แบบว่า อันนี้ศาลฟุตบอล ไม่ใช่ศาลตะกร้อ - หรือศาลพระภูมิ - รับฟ้องไม่ได้...หุหุหุ - อันนี้เห็นด้วยกับอาจารย์โภคิน ทั้งท่อนสุดท้ายครับ - มีแย้งแค่นิดหน่อย) ตั้งแต่ยุคแรกๆแล้ว ศาลฎีกาก็บอกว่า คนยึดอำนาจได้ถ้าสำเร็จ ก็เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ต่อมาคดีคุณอุทัย พิมพ์ใจชน ก็คงจำได้นะครับ ยึดอำนาจเค้าก็ไปฟ้องศาลอาญา ว่าเนี่ยะเป็นข้อหากบฏศาลก็ยกฟ้องด้วยอ้างว่า คุณอุทัยไม่ใช่ผู้เสียหาย เค้าบอกเค้าเสียหาย เค้าเป็น ส.ส. เงินเดือนเค้าก็ไม่ได้รับ เค้าไม่ได้เป็น ส.ส. อีกวันรุ่งขึ้นก็เลยจับคุณอุทัย กับพวกขังคุกเลย (แบบว่า ศาลกลัวอ่ะดิ่ครับ ท่านว่า กลัวเกิดเหตุวุ่นวายทั่วประเทศได้ “...ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาหมายเลขแดงที่ 1295/2515 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2515 ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา เนื่องจากเห็นว่าโจทก์ทั้งสามคนไม่ใช่ผู้เสียหาย จึงไม่มีอำนาจฟ้อง โดยศาลมีการอ้างว่าถ้าหากถือว่าโจทก์ทั้งสามเป็นผู้เสียหาย ก็อาจมีบุคคลอื่นๆ อีกที่จะเป็นผู้เสียหายฟ้องคณะปฏิวัติได้ในข้อหาเดียวกันนี้ ทำให้ฟ้องกันได้ทั่วประเทศ แทนที่จะเกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง กลับจะเกิดความระส่ำระสายเสียด้วยซ้ำ และศาลยังระบุว่า “เมื่อไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ผู้แทนราษฎรเป็นผู้เสียหาย หรือมีสิทธิฟ้องคดีในประเภทใดได้โดยเฉพาะแล้ว ผู้แทนราษฎรก็ไม่มีสิทธิเช่นนั้น - แต่ทั้งนี้ภายหลัง 14 ตุลา 2516 รัฐบาลพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง-รัฐบาลข้า-ราช-การ ก็ได้ออก พระราชบัญญัติ ยกเลิกคำสั่งคณะปฏิวัติ-ที่ททำให้ท่านอุทัยและคณะ(3 ท่าน)ติดคุก...โดยท่านนายกรัฐมนตรี สัญญาฯเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองกา...หมายเหตุท้าย พระราชบัญญัติ กล่าวไว้ว่า "...การที่บุคคลทั้งสามทำการฟ้องร้อง จอมพล ถนอนม กิตติขจร กับพวกเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตและเป็นการแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย เป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนทุกคน การใช้สิทธิฟ้องร้องคดีต่อศาลยุติธรรมย่อมจะถือเป็นการกระทำความผิดมิได้..." สรุปก็คือว่่า - ศาลท่านไม่กล้ารับฟ้อง เพราะฟ้องอย่างไร - ศาลก็ไม่มีอำนาจเต็มร้อย-เนื่องจากเค้าเป็น คณะรัฐประหาร-มีอำนาจ รัฏฐาธิปัตย์ คือ เหนือรับธรรมนูญ(เหนือกระทั่งพระมหากษัตริย์ ด้วยดิ่ครับ?) คงโทษศาลไม่ได้...แต่ทีนี้ถ้าเค้ากลับมาสู่-ภายใต้รัฐธรรมนูญอีก...เค้าก็โดนฟ้องอีก-ได้...ดังนั้น-เค้าจึงตรา พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมตัวเองเอาไว้ก่อนอ่ะแหละ...ท่านอาจารย์โภคินฯ ทำไมไม่ลองเรียกร้อง - ให้มีการ"ยกเลิกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฯ นั้นๆดูล่ะครับ...จะได้มาบอกพวกผมอีกว่า ทำไม-ศาลฯอะไรๆเค้าถึง - ไม่รับฟ้อง? )

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น วันนี้เราเห็นใช่มั้ยครับว่า เมื่อกี้ท่านคณบดีพูดถึงศาลรัฐธรรมนูญ ผมเนี่ยะตอนทำศาลปกครอง ระมัดระวังที่สุดเรื่องละเมิดอำนาจศาล ซึ่งระบุไว้เลยว่า ถ้าเค้าวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความเป็นธรรม และวิชาการ เค้าทำได้นะ แต่วสันนี้เลอะเทอะไปหมดแล้ว แล้วก็...จริงๆมันควรอยู่ หลักการจะอยู่ในบริเวณศาลเพื่อควบคุมความสงบเรียบร้อยเป็นหลัก ระบบมันเป็นยังงี้ไปหมด ดังนั้น ถ้าไม่ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ไปพูดเรื่องตำรวจ ต้องทำ แต่สำคัญที่สุดคือเรื่อง ศาล ต้องทำ ซึ่งก็มีแผนงานต่างๆอยู่ว่า เราต้องปรับต้องแก้ตรงไหนบ้าง.

และท้ายสุด ถ้าเราสามารถมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนได้เนี่ยะ ผมก็ฝากไว้ตรงนี้ว่า ผมจะมีสักฟนึ่งมาตรา ที่ผมได้ไอเดียมาจากรัฐธรรมนูญปี 17 นะ ที่บอกว่า การยึดอำนาจเนี่ยะ เพื่อล้มล้างรับธรรมนูญและพระมหากษัตริย์เนี่ยะ จะนิรโทษกรรมไม่ได้ แต่เขาทำได้ เพราะเขายกเลิกรัฐธรรมนูญที่ห้ามไป และหนักหนาสาหัส จนถึงทุกวันนี้ก็คือ คือเดิมเนี่ยะ เค้าจะไม่เขียนในรัฐธรรมนูญ เค้าจะไปออกกฎหมายนิรโทษกรรมต่างหากไป และที่คณะราษฎรทำก็คือว่า เมื่อยึดอำนาจจากในหลวงรัชกาลที่ 7 ก็ไปกราบขอพระราชทานอภัยโทษ คือผู้กระทำไปขอโทษ ผู้ถูกกระทำ และผู้ถูกกระทำก็ยกโทษให้ จึง...และทรงลงพระปรมาภิไธย ของพระองค์ท่านเอง ไม่มีใครรับสนองนะครับ เดี๋ยวนี้คนกระทำ ยกโทษให้ตัวเอง และบอกให้คนทั้งประเทศ ต้องถือตามที่ตัวเองยกโทษ ก็คือถือว่า ไม่ผิดกฎหมายและชอบด้วยรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงการกระทำที่ต่อเนื่องต่อไปอีก เห็นความบ้าบออันนี้มั้ยฮะ ซึ่งอันนี้ต้องยกความอัจฉริยะให้กับ ประธานร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเนี้ยะอ่ะครับ ไปเป็นคนที่ได้ใส่อย่างนี้เข้ามาเต็มเหนี่ยว ดังนั้น ศาลจึงไม่มีเครื่องมือ ถ้าหากมีศาลใหม่ที่กล้าพอ ที่จะบอกว่า ยึดอำนาจได้กี่ปีมาไม่ชอบเนี่ยะ ผมก็เลยคิดไอเดียนี้ว่า จะเขียนไว้สักคอร์ส(course)นึงว่า การกระทำนิรโทษกรรมไม่ได้ และให้ถือเป็นความผิด โดยถือว่าบทบัญญัติเนี่ยะ เป็นประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย คือดำรงอยู่ตลบอดไป แม้ว่าคุณจะฉีก ศาลจะได้อ้างว่า นี่คือประเพณีการปกครอง เมื่อประเพณีการปกครองนี้ คุณฉีกประชาธิปไตยแล้วบอกว่า ฉีกก็เป็นการรักษาประชาธิปไตย มันเป็นไปไม่ได้ เราต้องสู้ร่วมกันอย่างนี้ครับ ก็ขอพวกเราช่วยกันนะครับ ขอบคุณครับ. (finale-ท่อนสุดท้ายนี่ท่านอาจารย์โภคินพูด ฟังดูมันเป็นตรรกะย้อนแย้ง – ที่ปฏิบัติไม่ได้ตามความเป็นจริงของมนุษย์โลกนี้อ่ะครับ - คือไม่ว่าท่านจะเขียนให้มันกลายเป็นประเพณี-ในแง่นิติศาสตร์อย่างไร โจรมันไม่ปฏิบัติตามประเพณีกันหรอกครับ แล้ว”ประชาชน”ที่ท่านยกย่องเนี่ยะ - มีสักกี่รายที่-ปฏิบัติตามประเพณีกนัมั่ง...เอาที่ธรรมศาสตร์นี่ก็ได้ ก็เห็นยกเลิกประเพณีกันไปหลายประเพณีแล้ว...เรื่อง นิรโทษกรรม เนี่ยะ...บางทีมันก็สมควรต้องให้ได้ - ถ้ามัน”ทำ”เพราะสาเหตุจำเป็นต้อง ยุติ-ความอุบาทวชั่วร้ายวิบัติต่อสังคมประเทศ...ก็อย่างที่ท่านอาจารย์ว่าเรื่องศาลนั่นแหละครับ...สมมติ-ว่าศาลพิพากษาให้พ่อนายกฯติดคุกเพราะโกงบ้านโกงเมือง - แต่พ่อนายกฯเค้ากลับไปติดคุกที่ห้องสูทชั้น 14 ของโรงบาล-ยังเงี๊ยะ...กฎหมาย/เจ้าหน้าที่อะไรก็ไม่สามารถจัดการให้”ถูกต้อง”ได้...แถมยังเดินสายไปปลุกระดมให้เกิดการเกลียดชัง-ผู้ที่ไม่เห็นด้วย ทำให้เกิดความวุ่นวาย ก่อเหตุพาดพิงไปถึงสถาบันฯต่างๆ...รวมทั้งทุจริตโกงที่ดินของวัด/ของรัฐ ของประชาชนอะไรกันอุตลุด...เป็นfail state เค้าก็ต้องใช้กองกำลัง-ไม่ว่าจะเป็นทหาร/หรือประชาชน กระทำการ”ฉีก-รัฐธรรมนูญ”กันทั้งนั้นแหละครับ...แล้วคนทำเช่นนั้น-ควรจะผิด/ควรจะถูกลงโทษ มั้ยอ่ะครับ?...

....ผมว่าเอายังงี้มั้ยครับ – ตราบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือปักเสาศิลาจารึกไว้กลางสนามหลวงเลยก็ได้ว่า...1) ห้ามกระทำการ “ฉีก”รัฐธรรมนูญ/ใครทำถือว่าเป็นกบฏ แต่ให้แก้ไขได้ 2) การนิรโทษกรรม - ให้ทำประชามติประชาชนทั้งประเทศ มีมติเห็นชอบเกินกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง-ด้วย...แค่นี้แหละ...กล้าเสียสละเพื่อสังคมประเทศ ด้วยชีวิต เพื่อปกป้องอะไรๆ อย่างชายชาติทหาร กันมั่งมั้ยอ่ะครับ กล้าถวายสัตย์/สาบานกันทุกปีอยู่แล้วอ่ะนะ – ผู้ถอดความที่เถียงได้ทุกเรื่อง)

https://youtu.be/zEY6e3ISAaI?si=kIhCRq0Xvnq9M8bO

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น