ชาดกนิทาน ของพระพุทธเจ้า - 1

ชาดกนิทาน ของ พระพุทธเจ้า - 1

อารยธรรมสมัยโบราณถ่ายทอดแพร่ขยายวัฒนธรรมและค่านิยมของพวกเขา

ผ่านการเล่าขานนิทานทั้งหลาย

ในหมู่ประเพณีการเล่าขานนิทานที่เก่าแก่ที่สุด

เราพบว่า ชาดก (jataka) นิทานที่ถูกบอกเล่าโดยชาวพุทธ (Buddhists)

เพื่อที่สร้างบันดาลใจผู้คนด้วยค่านิยมของศีลธรรมจรรยานั้น

ชาดก นิทานทั้งหลายบรรจุไว้ซึ่งข่าวสารที่แรงกล้าและบันดาลใจ

ถึงความเมตตา (kindness) กรุณา (compassion) และความเอื้อเฟื้อ(generosity),

ไม่เบียดเบียนทำร้าย (non-violence), อุทิศตน (self-sacrifice), ทำกุศล (charity),

และความจำเป็นที่จะต้องใคร่ครวญในความโลภ (the need to observe greed).

พระพุทธเจ้า ถูกแต่งเติมเป็นเช่นตัวเอกของแต่ละนิทานเหล่านี้ที่พวกเขาบรรยายถึงเรื่องราวทั้งหลาย

ในชีวิตที่ผ่านมาของพระองค์เมื่อยังเป็นพระโพธิสัตว์ (bodhisattva).

พระโพธิสัตว์ คือคำที่หมายถึงพระพุทธเจ้าในอดีตชาติ (previous lived) และ

ยังรวมทั้งครึ่งแรกของชีวิตปัจจุบันของพระองค์ก่อนที่พระองค์จะบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณ

(attained enlightenment).

แหล่งต้นกำเนิดหนึ่งที่ได้เสนอภาพให้เห็นชอง ชาดก (jataka) นิทาน คือ

คลังขุมทรัพย์อันมากมายซึ่งถูกค้นพบที่ในถ้ำ อชันตะ (Ashanta caves)

พวกนั้นได้ถูกพบเห็นและปลื้มปีติใจโดยผู้คนหลายล้านคนทั่วทั้งโลก.

มาจนถึงตอนปลายของศตวรรษนี้ ภาพเขียนบางชิ้นข้างในถ้ำได้ถูกระบุเป็นการบรรยายแสดงให้เห็นเป็นภาพจาก ชาดกนิทาน.

หลังจากการศึกษาและสำรวจค้นหาระหว่างตอนต้นของศตวรรษที่ 20 ได้นำไปสู่

การค้นพบมากยิ่งขึ้นและได้กลายเป็นความกระจ่างชัดว่าบรรดาประติมากรรมอันมากมายและภาพเขียนที่ผนังทั้งหลายภายในเหล่าถ้ำอชันตะ

ได้รับแรงบันดาลใจโดยและแสดงภาพให้เห็นของ ชาดกนิทาน.

นักวิชาการตัดสินใจว่ามันต้องมีมาตั้งแต่ระหว่างเสี้ยวสุดท้ายของศตวรรษห้าก่อนคริสตศักราช

ที่ภาพเขียนนี้ได้เริ่มต้นวาดขึ้นด้วยเนื้อหาจาก ชาดกนิทาน.

ที่นี้ได้ให้ธรรมชาติที่น่าสนใจของเป้าหมายความคิดทั้งหลาย (subjects) และความจริงที่ว่า

พวกเขาได้กำลังแปลความหมายลงในภาพของความเชื่อของพวกเขาลงไปบนผนังเหล่านี้

จิตรกรเหล้านี้ได้ยอมจำนนต่อเทพดลใจของพวกเขาและแสดงความยอดเยี่ยมของพวกตนด้วยการใช้

สีที่ทดลองเป็นต้นกำเนิดแรกด้วยป้านสะบัดแปรงพู่กันและจัดเรียงแก่นเรื่องราวของพวกเขา.

ด้วยปัญญาศิลป์อันละเอียดอ่อน, พวกเขาได้นำชีวิตชีวามาสู่นิทานเหล่านี้ของอดีตชาติของพระพุทธเจ้า.

ในนิทานเหล่านี้พระพุทธเจ้าในบุคคลาธิษฐานของพระองค์เป็นลำดับชุดของพระโพธิสัตว์

ได้ถูกนำเสนอเป็นเช่นผู้มีเชาว์ปัญญาสูงสุดในคุณธรรมและเมตตากรุณาของพระองค์ได้ผู้เปรียบปาน

ไม่ว่าพระองค์พรรณาบรรยายเป็นเช่นมนุษย์, เทวดา, นก หรือไม่ก็สัตว์ป่า

และในแต่ละนิทานเหล่านี้พระโพธิสัตว์ได้ถูกเกี่ยวข้องกับพัฒนาการหนึ่งอย่างจากสิบคุณธรรม หรือ บารมี (parameter).

ตัวอย่างเช่นในภาพวาดจากชาดกนิทาน, ปรมิตาบารมี หรือบารมีสูงสุดสิบประการ เช่น

ทานบารมี หรือความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ (generosity

ศีลบารมี หรือ คุณธรรม (virtue)

เนกขัมบารมี หรือ การละทิ้ง (renunciation)

ปัญญาบารมี หรือ อุตรอัตตาปัญญา (transcendental wisdom)

วิริยบารมี หรือ พลังความเพียรอุตสาหะ (energy diligence figure and effort)

ขันติบารมี หรือ ความอดทนอดกลั้นข่มใจยอมรับและทนทาน (patience tolerance forbearance acceptance and endurance)

สัจจะบารมี หรือ ความจริงใจและซื่อสัตย์ (truthfulness and honesty)

อธิษฐานบารมี หรือ ความแน่วแน่ตกลงใจและตั้งปณิธาน (determination and resolution)

เมตตาบารมี หรือ ความรัก-สงสาร

และ อุเบกขาบารมี ที่หมายถึง ความสงบใจและเยือกเย็น (equanimity and serenity)

ได้ถูกกล่าวซ้ำขึ้นใหม่เป็นภาพให้เห็น

เป็นสิ่งน่าสนใจที่จะบ่งชี้เรื่องราวทั้งหลายซึ่งถูกวาดในแต่ละถ้ำเหล่านั้น

ถ้ำหนึ่งบอกเล่าถึง ชาดก สันคาเปละ (Sun capela) มหาจันทรชาดก

เรื่องราวของ อมรา (Amra) จาก อุมากะ (Umaga) และ จัมปาชาดก (Champa Jataka)

วิทูรบัณฑิต โชติกะ (Vidura pandita jothika) และ ศานติชาดก (Shanti Jataka)

สามารถพบได้ในถ้ำที่สอง

ถ้ำที่17บรรจุภาพวาดโครงร่าง วสันตราชา ชาดก (Vasanta Raja Jataka)

หัมสาชาดก (Hamsa Jataka) สิงหรา วันตนะ (Sinhala vantana) และ

ศุภิชาดก (Shabhiha taka)

นิทานเหล่านี้สร้างใหม่ขึ้น (recreated) บนผนังตะปุ่มตะป่ำของ ถ้ำอชันตะ (Ajanta caves)

คือจุดพบกันของนิทานปรำปรา (myth) และความเชื่อในศาสนา (religion) ของศิลปะและเทคนิค

(art and technique) ของ โชคชะตาและนิยาย (fate and fiction)

ที่จริงแล้วยังมีอีกมากมายที่อ้างอิงถึง ชาดกนิทาน ทั้งหลายที่ยังต้องถูกค้นหาและระบุตีตวาม

ในท่ามกลางที่เราได้รู้เป็นเพียงแค่เปอร์เซนต์เล็กน้อยที่ได้ถูกสร้างขึ้นอีกนี้บนผนังของถ้ำอชันตะ

และกระทั่งที่นี่เอง ธรรมชาติได้ก้าวเข้ามาและเช็ดล้างพวกเขาออกไปอย่างมากมาย

อะไรที่เหลืออยู่นั้นเป็นเศษเล็กเศษน้อยที่ล้ำค่าจำเป็นต้องรักษาและปกป้อง

เพื่ออชนรุ่นหลังที่จะตามเรามาต่อไป

https://www.youtube.com/watch?v=3bDNEN1KY_I