เจ้าปล้ำฟัดกับความฝันทั้งหลายหรือ?
เจ้าโต้เถียงกับเงาทั้งหลายหรือ?
เจ้าเคลื่อนไหวไปในชนิดของหลับใหลหรือ?
กาลเวลาได้เลื่อนไหลไปจาก.
ชีวิตของเจ้าถูกพรากขโมย.
เจ้าได้พักค้างแรมอยู่กับความไร้สาระ,
เหยื่อของความเขลาของเจ้าเอง.
---เพลงอาลัยแด่
ยามิส บน ทุ่งฝังศพ,
จาก
“เหล่าเพลง ของ มวด’ดิบ” โดย เจ้าหญิง
อีร์อูลาน
ลีโต
ยืนอยู่ในมุขหน้าของวังของเขา, กำลังศึกษาบันทึกหนึ่งด้วยแสงของโคมแขวนลอยเดี่ยว.
รุ่งอรุณยังอีกสองสามชั่วโมงห่างออกไป, และเขารู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าของเขา.
ผู้นำสารฟรีเมนได้นำบันทึกนี้มาให้ยามรักษาการณ์ด้านนอกในทันทีนี้เลยเมื่อ ดยุค
ได้มาถึงจากป้อมบัญชาการของเขา.
บันทึกนั้นอ่านได้ว่า: “ก้อนลำของควันยามกลางวัน, คือเสาของเพลิงไฟในราตรี.”
ไม่มีลายเซ็นลงนาม.
มันหมายความถึงอะไร?
เขากังขา.
ผุ้นำสารได้จากไปโดยไม่รอคอยสำหรับคำตอบและก่อนที่เขาจะสามารถถูกสอบถาม.
เขาได้เลื่อนไหลเข้าไปในราตรีเหมือนบางเงาของกลุ่มควัน.
ลีโต
เอากระดาษนั้นใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อเครื่องแบบทูนิค, คิดว่าจะแสดงมันกับ ฮาวัต
ในภายหลัง. เขาปัดปอยผมที่หน้าผากของเขา, ถอนหายใจออกมา. ยาเม็ดต้านการอ่อนเพลียเริ่มอ่อนฤทธิ์ลง.
มันได้ยาวนานมาสองวันแล้วตั้งแต่งานเยงดินเนอร์และยาวนานกว่านั้นที่เขายังไม่ได้นอน.
บนยอดสุดของปัญหาทั้งหลายของการทหาร,
ได้มีการประชุมความไม่สงบกับ ฮาวัต, รายงานถึงการพบปะกับ เจสสิกา.
ข้าควรปลุก
เจสสิกา ไหม? เขากังขา. ไม่มีเหตุผลที่จะเล่นเกมความลับนี้กับเธออีกต่อไปแล้ว.
หรือว่ายังต้องทำ?
ฉิบหายและตายห่าไปก็เจ้า
ดันแคน ไอดาโฮ นั่นแหละ!
เขาสั่นศีรษะของตน.
ไม่, ไม่ใช่ ดันแคน. ข้าผิดเองที่ไม่นำ เจสสิกา
เขามาในความเชื่อมั่นเสียจากในตอนแรก. ข้าต้องทำมันเลยในตอนนี้,
ก่อนที่จะได้เสียหายไปมากกว่านี้.
การตัดสินใจนี้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น,
และเขารีบจากมุขหน้าผ่านโถงใหญ่และลงไปตามทางเดินทั้งหลายสู่ปีกครอบครัว.
ที่มุมเลี้ยวซึ่งช่องทางเดินแยกออกไปยังบริเวณส่วนรับใช้,
เขาหยุดลง. เสียงครางเบาแปลกหนึ่งมาจากที่ไหนสักแห่งลงไปตามทางเดินสู่ส่วนรับใช้นั้น.
ลีโต เอามือซ้ายของเขาไปที่สวิทช์บนเข็มขัดโล่ห์พลังของเขา,
เลื่อนมีดกริชเข้ามาในอุ้งมือขวาของตน. มีดนั้นนำความมั่นใจกลับขึ้นมา.
เสียงแปลกนั้นได้ส่งความเย็นเยือกผ่านร่างเขา.
อย่างแผ่วเบา,
ดยุค เคลื่อนลงไปตามช่องทางเดินส่วนรับใช้, สบถต่อแสงส่องสว่างที่ไม่เพียงพอ. โคมแขวนลอยขนาดเล็กที่สุดนั้นกินพื้นที่ไปได้ราวแปดเมตรแยกจากกันไปตามที่นี้และปรับเป็นระดับหรี่ลงมากที่สุด.
ความมืดของผนังหินก็ได้กลืนกินแสงไฟนั้น.
กองทึบมัวก้อนหนึ่งยืดขวางอยู่ที่พื้นปรากฏออกมาจากความมืดที่ข้างหน้า.
ลีโต
ลังเล, เกือบจะเปิดโล่ห์พลังป้องกันของเขา,
แต่ระงับไว้เพราะว่านั่นจะจำกัดการเคลื่อนไหวของเขา,
การได้ยินของเขา...และเพราะได้จับกุมการขนส่งของปืนเลซได้ทิ้งให้เขาเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ.
อย่างเงียบๆ,
เขาเคลื่อนตรงไปยังกองก้อนสีเทานั้น, เห็นว่านั่นคือร่างของมนุษย์,
ชายคนหนึ่งคว่ำหน้าอยู่กับพื้นหิน. ลีโต พลิกร่างนั้นงายขึ้นด้วยเท้าข้างหนึ่ง,
มีดตั้งท่า, ก้มลงไปใกล้ในแสสลัวเพื่อดูหน้า. มันเป็นนักลักลอบขนของเถื่อน, ตูอิค,
รอยเลือดเปียกเปื้อนลงมาตามหน้าอกของเขา. ดวงตาตายจ้องมองด้วยความมืดว่างเปล่า.
ลีโต แตะรอยเลือดนั้น---ยังอุ่นอยู่.
ชายผู้นี้มาตายที่นีได้อย่างไรกัน?
ลีโต ถามตนเอง. ใครฆ่าเขา?
เสียงร้องครางเล็กๆดังมากกว่าในที่นี้.
มันมาจากข้างหน้าและลงไปที่ช่องทางเดินด้านข้างสู่ห้องศูนย์กลางที่พวกเขาได้ติดตั้งเครื่องกำเนิดโล่ห์พลังป้องกันหลักสำหรับวังนี้เอาไว้.
มือวางที่สวิทช์เข็มขัด,
มีดกริชจรดท่า, ดยุค เดินเบี่ยงร่าง,
เลื่อนลงไปตามช่องทางเดินและชำเลืองมองไปรอบมุมเลี้ยวยังห้องกำเนิดโล่ห์พลัง.
กองก้อนสีเทานอนเหยียดอยู่บนพื้นห่างออกไปสองสามก้าว,
และเขาเห็นทันทีว่าคือต้นกำเนิดของเสียงครางนั้น.
ร่างนั้นคลานมาหาเขาด้วยความเชื่องช้าอันเจ็บปวด, หอบหายใจ, พูดพึมพัม.
ลีโต
หยุดนิ่งความกลัวที่อัดแน่นหน้าอกทันทีขึ้นมาของเขา, พุ่งลงไปตามช่องทางเดิน,
ย่อร่างคู้ลงไปหาใกล้ร่างที่คืบคลานอยู่นั้น. เป็น มาเปส, แม่บ้านฟรีเมน,
ผมของหล่อนปรกลุ่ยทั่วใบหน้าของหล่อน, เสื้อผ้ายุ่งเหยิง. รอยเลือดเปื้อนเปรอะทึบมืดแผ่จากหลังของลงมาตามสีข้างของห่อน.
เขาแตะบ่าของหล่อนและหล่อนชันศอกยกตัวขึ้นมา, ศีรษะเอียงขึ้นมาเพื่อมองเขาดวงตาเป็นเงาดำของความว่างเปล่า.
“เป็นท่---,”
เธอหอบหายใจ. “ฆ่า...ยาม...ส่ง...เอา...ตูอิค...หนี...ท่านหญิง...ท่าน...ท่าน...ที่นี่...ไม่...”
หล่อนล้มลงไปข้างหน้า, ศีรษะของหล่อนฟาดลงไปกับพื้นหิน.
ลีโต
จับชีพจรที่ขมับนั้น. ไม่มีเลย. เขาดูที่รอยเลือด: หล่อนถูกแทงที่ด้านหลัง. ใครรึ? จิตใจของเขาวิ่งแข่ง. หล่อนหมายถึงใครบางคนได้ฆ่ายามรักษาการณ์?
แล้ว ตูอิค---เจสสิกา ได้ส่งมาตามเขารึ? ทำไม?
เขาเริ่มที่จะยืนขึ้น.
สัมผัสที่หกเตือนเขา. เขาวาบมือไปยังสวิทช์โล่พลัง---สายเกินไป. แรงช็อคซัดเขาที่แขนจนห้อยลงด้านข้าง.
เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดตรงนั้น, เห็นลูกดอกหนึ่งปักอยู่กับแขนเสื้อ,
รู้สึกถึงความชาที่แผ่ขึ้นมาจากมันตามลำแขนของเขา. มันยิ่งรวดร้าวขึ้นอีกในการยกศีรษะของเขาขึ้นและมองลงไปตามช่องทางเดิน.
หยัว
ยืนในประตูที่เปิดอยู่ของห้องกำเนิดโล่พลัง. ใบหน้าของเขาสะท้อนเหลืองจากแสงของโคมลอยเดี่ยวสว่างจ้ากว่า.
มีความนิ่งสงัดจากห้องที่อยู่เบื้องหลังของเขา---ไม่มีเสียงของเครื่องกำเนิดโล่ห์พลัง.
หยัว!
ลีโต คิด. เขาลอบทำลายเครื่องกำเนิดพลังโล่ห์ป้องกันวังนี้ไปแล้ว.
เราถูกเปิดโล่งแล้ว.
หยัว
เริ่มเดินมายังเขา, เก็บปืนยิงลูกดอกลงในกระเป๋า.
ลีโต
พบว่าเขายังคงสามารถพูดได้, หายใจหอบ: “หยัว! อย่างไรรึ?”
แล้วอัมพาตนั้นก็ลงมาถึงขาของเขาและเขาไถลลงไปที่พื้นโดยหลังของเขายันอยู่กับผนังหิน.
ใบหน้าของ
หยัว แบกไว้ซึ่งท่าทีของความเศร้าขณะที่เขาโน้มกายลงมาเหนือ, แตะที่หน้าผากของ
ลีโต. ดยุคพบว่าเขารู้สึกได้ถึงสัมผัสนั้น, แต่มันห่างไกล...ชาทื่อ.
“ยาที่ลูกดอกนี้เลือกเฟ้นมา,”
หยัว พูด. “ท่านสามารถพูดได้, แต่ข้าแนะนำว่าไม่ควรทำมัน.” เขาชำเลืองลงไปยังโถง,
และอีกครั้งโน้มตัวลงมาเหนือ ลีโต, ดึงลูกดอกออก, โยนมันทิ้งไปทางด้านข้าง.
เสียงของลูกดอกกระทบกับพื้นหินนั้นแผ่วเบาและเหมือนห่างไกลต่อหูของ ดยุค.
มันไม่อาจเป็น
หยัว ได้, ลีโต คิด. เขาถูกปรับสภาวะ.
“อย่างไรรึ?”
ลีโต กระซิบ.
“ข้าเสียใจ,
ดยุค ที่รัก, แต่ มี
หลายสิ่งที่จะสร้างข้อเรียกร้องที่ยิ่งใหญ่กว่าการนี้.”
เขาแตะรอยสักรูปเพชรบนหน้าผ้าของเขา. “ข้าพบว่ามันประหลาดมาก, ตัวข้าเอง---การเขียนทับลงบนจิตสำนึกที่ป่วยไข้---แต่ข้าปรารถนาที่จะฆ่าชายคนหนึ่ง.
ใช่, ข้าปรารถนามันจริงแท้. ข้าจะไม่ยอมหยุดให้กับอะไรในการที่จะทำมัน.”
เขามองลงมาที่
ดยุค. “โอ, ไม่ใช่ท่านหรอก, ดยุคที่รักของข้า. เป็นเจ้าบารอน ฮาร์คอนเนน.
ข้าปรารถนาที่จะฆ่าเจ้าบารอน.
“บา...รอน
ฮา...”
“เงียบเถิด,
ได้โปรด, ท่านดยุคผู้น่าสงสารของข้า. ท่านมีเวลาไม่มาก. หมุดฟันนั่นที่ข้าเอามันใส่ในปากของท่านเมื่อครั้งหลังจากล้มฟาดที่
นาร์คัล---ฟันซี่นั้นต้องถูกถอนเปลี่ยน. อีกสักครู่, -ข้าจะช่วยให้ท่านหมดสติและเปลี่ยนฟันนั้น.” เขาเปิดมือของเขาออก,
มองดูบางอย่างในมือนั้น. “การจำลองแบบที่แม่นยำ,
แกนของมันขึ้นรูปอย่างเลิศมากที่สุดเหมือนประสาทเส้นหนึ่ง.
มันจะหลบเครื่องตรวจสอบทั้งหลายตามปกตินั้น, กระทั่งการสแกนอย่างเร็ว.
แต่ถ้าท่านกัดอย่างแรงลงไปบนมัน, ส่วนเปลือกหุ้มก็แตก. แล้ว, เมื่อท่านขับลมหายใจออกมาอย่างแรง,
ท่านก็จะเติมอากาศรอบตัวท่านด้วยก๊าซพิษ---ถึงมรณาเป็นส่วนมาก.”
ลีโต
จ้องขึ้นมอง หยัว, เห็นความบ้าคลั่งที่ในดวงตาของชายนี้,
เหงื่อที่ขับออกมาตามคิ้วและคาง.
“ท่านได้ตายอยู่ดี,
ท่านดยุคที่น่าสงสารของข้า,” หยัว พูด.
“แตท่านก็จะได้เข้าใกล้เจ้าบารอนนั่นก่อนที่ท่านจะตาย.
เขาจะเชื่อว่าท่านถูกทำให้กึ่งสลบด้วยฤทธิ์ยาเลยพ้นไปจากความพยายามแทบตายอย่างไรที่จะโจมตีเขาได้.
และท่านก็จะถูกวางยา---และถูกมัด. แต่การโจมตีสามารถมาถึงได้ด้วยรูปแบบแปลกประหลาด.
ฟันซี่นั้น. ท่านดยุค ลีโต อะไทรดิส. ท่านต้องจดจำไว้ให้ดีถึงฟันซี่นั้น.”
หมอเฒ่าเอนใกล้เขาไปอีกและใกล้อีกจนกระทั่งใบหน้าของเขาและเคราห้อยครอบบังอยู่เหนือมุมมองที่แคบลงของ
ลีโต.
“ฟันนั้น,”
หยัว พึมพำ.
“ทำไม?”
ลีโต กระซิบ.
หยัว
ลดตนเองลงคุกเข่าหนึ่งลงข้าง ลีโต. “ข้าได้ทำการต่อรองชั่วร้าย(shaitan’s
bargain)กับเจ้าบารอน.
และข้าต้องแน่ชัดว่าเขาได้เติมเต็มในครึ่งส่วนนั้นของเขา. เมื่อข้าเห็นเขา,
ข้าจะรู้. เมื่อข้ามองไปที่เจ้าบารอน, แล้วข้าจะรู้. แต่ข้าจะไม่มีวันเข้าหาการปรากฏตัวของเขาได้โดยปราศจากสินบน.
ท่านคือสินบน, ดยุคที่น่าสงสารของข้า. และข้าจะรู้เมื่อข้าเห็นเขา. วรรณา
ที่น่าสงสารของข้าได้สอนข้าไว้หลายอย่าง,
และนึ่งนั้นคือการเห็นอย่างชัดเจนของความเป็นจริงเมื่อความเครียดเน้นนั้นมหาศาล.
ข้าไม่สามารถทำมันได้บ่อยเสมอ, แต่เมื่อข้าได้เห็นเจ้าบารอน---แล้ว, ข้าจะรู้.”
ลีโต
พยายามที่จะมองลงไปดูฟันที่ในมือของ หยัว.
เขารู้สึกเหมือนเรื่องที่กำลังบังเกิดนี้คือฝันร้าย---มันไม่น่าเป็นได้.
ริมฝีปากสีม่วงของ
หยัว พลิกขึ้นเป็นบูดเบี้ยว. “ข้าจะไม่ได้เข้าไปใกล้เจ้าบารอนนั้นอย่างเพียงพอ,
ไม่เช่นนั้นข้าก็คงทำนี่ด้วยตนเอง. ไม่. ข้าจะถูกกันห่างอยู่ที่ระยะปลอดภัย.
แต่ท่าน.....อ้า, ทีนี้ล่ะ! ท่าน, คืออาวุธที่น่ารักของข้า!
เขาจะอยากให้ท่านเข้าไปใกล้ชิดเขา---เพื่อความสะใจอิ่มเอิบเหนือท่าน,
เพื่อคุยโม้สักเล็กน้อย.”
ลีโต
พบว่าตนเองเกือบจะถูกสะกดหมดสติด้วยกล้ามเนื้อที่ด้านซ้านของกรามของ หยัว.
กล้ามเนื้อนั้นบิดเบี้ยวทุกครั้งที่ชายนี้พูด.
หยัว
เอนลงไปใกล้ขึ้นอีก. “และท่าน, ดยุคผู้แสนดีของข้า, ท่านดยุคที่ล้ำค่าของข้า,
ท่านต้องจำให้ได้ถึงฟันซี่นี้.” เขาถือมันขึ้นมาระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้.
“มันจะคือทังหมดที่มีเหลืออยู่ของท่าน.”
ปากของลีโตเคลื่อนไหวโดยไม่มีเสียง,
แล้วก็: “ปฏิเสธ.”
“อา-ห-ห,
ไม่!
ท่านต้องไม่ปฏิเสธ. เพราะว่า, เพื่อตอบแทนสำหรับเรื่องบริการเล็กๆนี้.
ข้ากำลังทำสิ่งหนึ่งให้กับท่าน. ข้าจะช่วยชีวิตบุตรชายของท่านและผู้หญิงของท่าน.
ไม่มีใครอื่นสามารถทำมันได้.
พวกเขาสามารถถูกเคลื่อนย้ายไปยังที่แห่งหนึ่งที่ไม่มีฮาร์คอนเนนใดสามารถเอื้อมไปถึงพวกเขาได้”W
“อย่างไร...ช่วย...พวกเขา?”
ลีโต กระซิบ.
“ด้วยการทำมันให้ปรากฏว่าพวกเขาได้เสียชีวิตแล้ว,
โดยการลีบซ่อนพวเขาไปในท่ามกลางผู้คนที่ดึงมีดออกมาเมื่อได้ยินชื่อของฮาร์คอนเนน,
ผู้เกลียดฮาร์คอนเนนมากเหลือเกินจนพวกเขาจะเผาเก้าอี้ที่ฮาร์คอนเนนได้นั่ง,
โรยเกลือลบนพื้นเหนือสิ่งที่ฮาร์คอนเนนได้เดินผ่าน.” เขาสัมผัสกรามของ ลีโต.
“ท่านรู้สึกอะไรในกรามของท่านไหม?”
ดยุค
พบว่านั่นเขาไม่สามารถตอบได้. เขารู้สึกถูกดึงอะไรในที่ห่างไป, เห็นมือของ หยัว
ยกขึ้นมาพร้อมแหวนตราของดยุค.
“สำหรับ พอล,” หยัว พูด.
“ท่านจะหมดสติในไม่ช้า. ลา-ก่อน, ดยุคที่น่าสงสารของข้า.
เมื่อเราพบกันอีกถัดจากนีไป เราจะไม่มีเวลาสำหรับสนทนากันแล้ว.”
ความเย็นเยียบระยะห่างไกลแผ่ซ่านขึ้นมาจากกรามของ
ลีโต, ข้ามแก้มของเขา. เงาสลัวของห้องโถงแคบลงเป็นปลายเข็มด้วยริมฝีปากสีม่วงของ
หยัว อยู่ศูนย์กลางของมัน.
“จำฟันซี่นี้เอาไว้!” หยัว ทำเสียงฟ่อๆ. “ฟัน!”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น