หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2564

แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต - ดูน พิภพทราย (16)

 

                 เจ้าปล้ำฟัดกับความฝันทั้งหลายหรือ?

                  เจ้าโต้เถียงกับเงาทั้งหลายหรือ?

                  เจ้าเคลื่อนไหวไปในชนิดของหลับใหลหรือ?

                  กาลเวลาได้เลื่อนไหลไปจาก.

                  ชีวิตของเจ้าถูกพรากขโมย.

                  เจ้าได้พักค้างแรมอยู่กับความไร้สาระ,

                  เหยื่อของความเขลาของเจ้าเอง.

                  ---เพลงอาลัยแด่ ยามิส บน ทุ่งฝังศพ,

         จาก “เหล่าเพลง ของ มวดดิบ” โดย เจ้าหญิง อีร์อูลาน

 

         ลีโต ยืนอยู่ในมุขหน้าของวังของเขา, กำลังศึกษาบันทึกหนึ่งด้วยแสงของโคมแขวนลอยเดี่ยว. รุ่งอรุณยังอีกสองสามชั่วโมงห่างออกไป, และเขารู้สึกได้ถึงความเหนื่อยล้าของเขา. ผู้นำสารฟรีเมนได้นำบันทึกนี้มาให้ยามรักษาการณ์ด้านนอกในทันทีนี้เลยเมื่อ ดยุค ได้มาถึงจากป้อมบัญชาการของเขา.

         บันทึกนั้นอ่านได้ว่า: “ก้อนลำของควันยามกลางวัน, คือเสาของเพลิงไฟในราตรี.”

         ไม่มีลายเซ็นลงนาม.

         มันหมายความถึงอะไร? เขากังขา.

         ผุ้นำสารได้จากไปโดยไม่รอคอยสำหรับคำตอบและก่อนที่เขาจะสามารถถูกสอบถาม. เขาได้เลื่อนไหลเข้าไปในราตรีเหมือนบางเงาของกลุ่มควัน.

         ลีโต เอากระดาษนั้นใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อเครื่องแบบทูนิค, คิดว่าจะแสดงมันกับ ฮาวัต ในภายหลัง. เขาปัดปอยผมที่หน้าผากของเขา, ถอนหายใจออกมา. ยาเม็ดต้านการอ่อนเพลียเริ่มอ่อนฤทธิ์ลง. มันได้ยาวนานมาสองวันแล้วตั้งแต่งานเยงดินเนอร์และยาวนานกว่านั้นที่เขายังไม่ได้นอน.

         บนยอดสุดของปัญหาทั้งหลายของการทหาร, ได้มีการประชุมความไม่สงบกับ ฮาวัต, รายงานถึงการพบปะกับ เจสสิกา.

         ข้าควรปลุก เจสสิกา ไหม? เขากังขา. ไม่มีเหตุผลที่จะเล่นเกมความลับนี้กับเธออีกต่อไปแล้ว. หรือว่ายังต้องทำ?

         ฉิบหายและตายห่าไปก็เจ้า ดันแคน ไอดาโฮ นั่นแหละ!

         เขาสั่นศีรษะของตน. ไม่, ไม่ใช่ ดันแคน. ข้าผิดเองที่ไม่นำ เจสสิกา เขามาในความเชื่อมั่นเสียจากในตอนแรก. ข้าต้องทำมันเลยในตอนนี้, ก่อนที่จะได้เสียหายไปมากกว่านี้.

         การตัดสินใจนี้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น, และเขารีบจากมุขหน้าผ่านโถงใหญ่และลงไปตามทางเดินทั้งหลายสู่ปีกครอบครัว.

         ที่มุมเลี้ยวซึ่งช่องทางเดินแยกออกไปยังบริเวณส่วนรับใช้, เขาหยุดลง. เสียงครางเบาแปลกหนึ่งมาจากที่ไหนสักแห่งลงไปตามทางเดินสู่ส่วนรับใช้นั้น. ลีโต เอามือซ้ายของเขาไปที่สวิทช์บนเข็มขัดโล่ห์พลังของเขา, เลื่อนมีดกริชเข้ามาในอุ้งมือขวาของตน. มีดนั้นนำความมั่นใจกลับขึ้นมา. เสียงแปลกนั้นได้ส่งความเย็นเยือกผ่านร่างเขา.

         อย่างแผ่วเบา, ดยุค เคลื่อนลงไปตามช่องทางเดินส่วนรับใช้, สบถต่อแสงส่องสว่างที่ไม่เพียงพอ. โคมแขวนลอยขนาดเล็กที่สุดนั้นกินพื้นที่ไปได้ราวแปดเมตรแยกจากกันไปตามที่นี้และปรับเป็นระดับหรี่ลงมากที่สุด. ความมืดของผนังหินก็ได้กลืนกินแสงไฟนั้น.

         กองทึบมัวก้อนหนึ่งยืดขวางอยู่ที่พื้นปรากฏออกมาจากความมืดที่ข้างหน้า.

         ลีโต ลังเล, เกือบจะเปิดโล่ห์พลังป้องกันของเขา, แต่ระงับไว้เพราะว่านั่นจะจำกัดการเคลื่อนไหวของเขา, การได้ยินของเขา...และเพราะได้จับกุมการขนส่งของปืนเลซได้ทิ้งให้เขาเต็มไปด้วยความคลางแคลงใจ.

         อย่างเงียบๆ, เขาเคลื่อนตรงไปยังกองก้อนสีเทานั้น, เห็นว่านั่นคือร่างของมนุษย์, ชายคนหนึ่งคว่ำหน้าอยู่กับพื้นหิน. ลีโต พลิกร่างนั้นงายขึ้นด้วยเท้าข้างหนึ่ง, มีดตั้งท่า, ก้มลงไปใกล้ในแสสลัวเพื่อดูหน้า. มันเป็นนักลักลอบขนของเถื่อน, ตูอิค, รอยเลือดเปียกเปื้อนลงมาตามหน้าอกของเขา. ดวงตาตายจ้องมองด้วยความมืดว่างเปล่า. ลีโต แตะรอยเลือดนั้น---ยังอุ่นอยู่.

         ชายผู้นี้มาตายที่นีได้อย่างไรกัน? ลีโต ถามตนเอง. ใครฆ่าเขา?

         เสียงร้องครางเล็กๆดังมากกว่าในที่นี้. มันมาจากข้างหน้าและลงไปที่ช่องทางเดินด้านข้างสู่ห้องศูนย์กลางที่พวกเขาได้ติดตั้งเครื่องกำเนิดโล่ห์พลังป้องกันหลักสำหรับวังนี้เอาไว้.

         มือวางที่สวิทช์เข็มขัด, มีดกริชจรดท่า, ดยุค เดินเบี่ยงร่าง, เลื่อนลงไปตามช่องทางเดินและชำเลืองมองไปรอบมุมเลี้ยวยังห้องกำเนิดโล่ห์พลัง.

         กองก้อนสีเทานอนเหยียดอยู่บนพื้นห่างออกไปสองสามก้าว, และเขาเห็นทันทีว่าคือต้นกำเนิดของเสียงครางนั้น. ร่างนั้นคลานมาหาเขาด้วยความเชื่องช้าอันเจ็บปวด, หอบหายใจ, พูดพึมพัม.

         ลีโต หยุดนิ่งความกลัวที่อัดแน่นหน้าอกทันทีขึ้นมาของเขา, พุ่งลงไปตามช่องทางเดิน, ย่อร่างคู้ลงไปหาใกล้ร่างที่คืบคลานอยู่นั้น. เป็น มาเปส, แม่บ้านฟรีเมน, ผมของหล่อนปรกลุ่ยทั่วใบหน้าของหล่อน, เสื้อผ้ายุ่งเหยิง. รอยเลือดเปื้อนเปรอะทึบมืดแผ่จากหลังของลงมาตามสีข้างของห่อน. เขาแตะบ่าของหล่อนและหล่อนชันศอกยกตัวขึ้นมา, ศีรษะเอียงขึ้นมาเพื่อมองเขาดวงตาเป็นเงาดำของความว่างเปล่า.

         “เป็นท่---,” เธอหอบหายใจ. “ฆ่า...ยาม...ส่ง...เอา...ตูอิค...หนี...ท่านหญิง...ท่าน...ท่าน...ที่นี่...ไม่...” หล่อนล้มลงไปข้างหน้า, ศีรษะของหล่อนฟาดลงไปกับพื้นหิน.

         ลีโต จับชีพจรที่ขมับนั้น. ไม่มีเลย. เขาดูที่รอยเลือด: หล่อนถูกแทงที่ด้านหลัง. ใครรึ? จิตใจของเขาวิ่งแข่ง. หล่อนหมายถึงใครบางคนได้ฆ่ายามรักษาการณ์? แล้ว ตูอิค---เจสสิกา ได้ส่งมาตามเขารึ? ทำไม?

         เขาเริ่มที่จะยืนขึ้น. สัมผัสที่หกเตือนเขา. เขาวาบมือไปยังสวิทช์โล่พลัง---สายเกินไป. แรงช็อคซัดเขาที่แขนจนห้อยลงด้านข้าง. เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดตรงนั้น, เห็นลูกดอกหนึ่งปักอยู่กับแขนเสื้อ, รู้สึกถึงความชาที่แผ่ขึ้นมาจากมันตามลำแขนของเขา. มันยิ่งรวดร้าวขึ้นอีกในการยกศีรษะของเขาขึ้นและมองลงไปตามช่องทางเดิน.

         หยัว ยืนในประตูที่เปิดอยู่ของห้องกำเนิดโล่พลัง. ใบหน้าของเขาสะท้อนเหลืองจากแสงของโคมลอยเดี่ยวสว่างจ้ากว่า. มีความนิ่งสงัดจากห้องที่อยู่เบื้องหลังของเขา---ไม่มีเสียงของเครื่องกำเนิดโล่ห์พลัง.

         หยัว! ลีโต คิด. เขาลอบทำลายเครื่องกำเนิดพลังโล่ห์ป้องกันวังนี้ไปแล้ว. เราถูกเปิดโล่งแล้ว.

         หยัว เริ่มเดินมายังเขา, เก็บปืนยิงลูกดอกลงในกระเป๋า.

         ลีโต พบว่าเขายังคงสามารถพูดได้, หายใจหอบ: “หยัว! อย่างไรรึ?” แล้วอัมพาตนั้นก็ลงมาถึงขาของเขาและเขาไถลลงไปที่พื้นโดยหลังของเขายันอยู่กับผนังหิน.

         ใบหน้าของ หยัว แบกไว้ซึ่งท่าทีของความเศร้าขณะที่เขาโน้มกายลงมาเหนือ, แตะที่หน้าผากของ ลีโต. ดยุคพบว่าเขารู้สึกได้ถึงสัมผัสนั้น, แต่มันห่างไกล...ชาทื่อ.

         “ยาที่ลูกดอกนี้เลือกเฟ้นมา,” หยัว พูด. “ท่านสามารถพูดได้, แต่ข้าแนะนำว่าไม่ควรทำมัน.” เขาชำเลืองลงไปยังโถง, และอีกครั้งโน้มตัวลงมาเหนือ ลีโต, ดึงลูกดอกออก, โยนมันทิ้งไปทางด้านข้าง. เสียงของลูกดอกกระทบกับพื้นหินนั้นแผ่วเบาและเหมือนห่างไกลต่อหูของ ดยุค.

         มันไม่อาจเป็น หยัว ได้, ลีโต คิด. เขาถูกปรับสภาวะ.

         “อย่างไรรึ?” ลีโต กระซิบ.

         “ข้าเสียใจ, ดยุค ที่รัก, แต่ มี หลายสิ่งที่จะสร้างข้อเรียกร้องที่ยิ่งใหญ่กว่าการนี้.” เขาแตะรอยสักรูปเพชรบนหน้าผ้าของเขา. “ข้าพบว่ามันประหลาดมาก, ตัวข้าเอง---การเขียนทับลงบนจิตสำนึกที่ป่วยไข้---แต่ข้าปรารถนาที่จะฆ่าชายคนหนึ่ง. ใช่, ข้าปรารถนามันจริงแท้. ข้าจะไม่ยอมหยุดให้กับอะไรในการที่จะทำมัน.”

         เขามองลงมาที่ ดยุค. “โอ, ไม่ใช่ท่านหรอก, ดยุคที่รักของข้า. เป็นเจ้าบารอน ฮาร์คอนเนน. ข้าปรารถนาที่จะฆ่าเจ้าบารอน.

         “บา...รอน ฮา...”

         “เงียบเถิด, ได้โปรด, ท่านดยุคผู้น่าสงสารของข้า. ท่านมีเวลาไม่มาก. หมุดฟันนั่นที่ข้าเอามันใส่ในปากของท่านเมื่อครั้งหลังจากล้มฟาดที่ นาร์คัล---ฟันซี่นั้นต้องถูกถอนเปลี่ยน. อีกสักครู่, -ข้าจะช่วยให้ท่านหมดสติและเปลี่ยนฟันนั้น.” เขาเปิดมือของเขาออก, มองดูบางอย่างในมือนั้น. “การจำลองแบบที่แม่นยำ, แกนของมันขึ้นรูปอย่างเลิศมากที่สุดเหมือนประสาทเส้นหนึ่ง. มันจะหลบเครื่องตรวจสอบทั้งหลายตามปกตินั้น, กระทั่งการสแกนอย่างเร็ว. แต่ถ้าท่านกัดอย่างแรงลงไปบนมัน, ส่วนเปลือกหุ้มก็แตก. แล้ว, เมื่อท่านขับลมหายใจออกมาอย่างแรง, ท่านก็จะเติมอากาศรอบตัวท่านด้วยก๊าซพิษ---ถึงมรณาเป็นส่วนมาก.”

         ลีโต จ้องขึ้นมอง หยัว, เห็นความบ้าคลั่งที่ในดวงตาของชายนี้, เหงื่อที่ขับออกมาตามคิ้วและคาง.

         “ท่านได้ตายอยู่ดี, ท่านดยุคที่น่าสงสารของข้า,” หยัว พูด. “แตท่านก็จะได้เข้าใกล้เจ้าบารอนนั่นก่อนที่ท่านจะตาย. เขาจะเชื่อว่าท่านถูกทำให้กึ่งสลบด้วยฤทธิ์ยาเลยพ้นไปจากความพยายามแทบตายอย่างไรที่จะโจมตีเขาได้. และท่านก็จะถูกวางยา---และถูกมัด. แต่การโจมตีสามารถมาถึงได้ด้วยรูปแบบแปลกประหลาด. ฟันซี่นั้น. ท่านดยุค ลีโต อะไทรดิส. ท่านต้องจดจำไว้ให้ดีถึงฟันซี่นั้น.”

         หมอเฒ่าเอนใกล้เขาไปอีกและใกล้อีกจนกระทั่งใบหน้าของเขาและเคราห้อยครอบบังอยู่เหนือมุมมองที่แคบลงของ ลีโต.

         “ฟันนั้น,” หยัว พึมพำ.

         “ทำไม?” ลีโต กระซิบ.

         หยัว ลดตนเองลงคุกเข่าหนึ่งลงข้าง ลีโต. “ข้าได้ทำการต่อรองชั่วร้าย(shaitan’s bargain)กับเจ้าบารอน. และข้าต้องแน่ชัดว่าเขาได้เติมเต็มในครึ่งส่วนนั้นของเขา. เมื่อข้าเห็นเขา, ข้าจะรู้. เมื่อข้ามองไปที่เจ้าบารอน, แล้วข้าจะรู้. แต่ข้าจะไม่มีวันเข้าหาการปรากฏตัวของเขาได้โดยปราศจากสินบน. ท่านคือสินบน, ดยุคที่น่าสงสารของข้า. และข้าจะรู้เมื่อข้าเห็นเขา. วรรณา ที่น่าสงสารของข้าได้สอนข้าไว้หลายอย่าง, และนึ่งนั้นคือการเห็นอย่างชัดเจนของความเป็นจริงเมื่อความเครียดเน้นนั้นมหาศาล. ข้าไม่สามารถทำมันได้บ่อยเสมอ, แต่เมื่อข้าได้เห็นเจ้าบารอน---แล้ว, ข้าจะรู้.”

         ลีโต พยายามที่จะมองลงไปดูฟันที่ในมือของ หยัว. เขารู้สึกเหมือนเรื่องที่กำลังบังเกิดนี้คือฝันร้าย---มันไม่น่าเป็นได้.

         ริมฝีปากสีม่วงของ หยัว พลิกขึ้นเป็นบูดเบี้ยว. “ข้าจะไม่ได้เข้าไปใกล้เจ้าบารอนนั้นอย่างเพียงพอ, ไม่เช่นนั้นข้าก็คงทำนี่ด้วยตนเอง. ไม่. ข้าจะถูกกันห่างอยู่ที่ระยะปลอดภัย. แต่ท่าน.....อ้า, ทีนี้ล่ะ! ท่าน, คืออาวุธที่น่ารักของข้า! เขาจะอยากให้ท่านเข้าไปใกล้ชิดเขา---เพื่อความสะใจอิ่มเอิบเหนือท่าน, เพื่อคุยโม้สักเล็กน้อย.”

         ลีโต พบว่าตนเองเกือบจะถูกสะกดหมดสติด้วยกล้ามเนื้อที่ด้านซ้านของกรามของ หยัว. กล้ามเนื้อนั้นบิดเบี้ยวทุกครั้งที่ชายนี้พูด.

         หยัว เอนลงไปใกล้ขึ้นอีก. “และท่าน, ดยุคผู้แสนดีของข้า, ท่านดยุคที่ล้ำค่าของข้า, ท่านต้องจำให้ได้ถึงฟันซี่นี้.” เขาถือมันขึ้นมาระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้. “มันจะคือทังหมดที่มีเหลืออยู่ของท่าน.”

         ปากของลีโตเคลื่อนไหวโดยไม่มีเสียง, แล้วก็: “ปฏิเสธ.”

         “อา-ห-ห, ไม่! ท่านต้องไม่ปฏิเสธ. เพราะว่า, เพื่อตอบแทนสำหรับเรื่องบริการเล็กๆนี้. ข้ากำลังทำสิ่งหนึ่งให้กับท่าน. ข้าจะช่วยชีวิตบุตรชายของท่านและผู้หญิงของท่าน. ไม่มีใครอื่นสามารถทำมันได้. พวกเขาสามารถถูกเคลื่อนย้ายไปยังที่แห่งหนึ่งที่ไม่มีฮาร์คอนเนนใดสามารถเอื้อมไปถึงพวกเขาได้”W

         “อย่างไร...ช่วย...พวกเขา?” ลีโต กระซิบ.

         “ด้วยการทำมันให้ปรากฏว่าพวกเขาได้เสียชีวิตแล้ว, โดยการลีบซ่อนพวเขาไปในท่ามกลางผู้คนที่ดึงมีดออกมาเมื่อได้ยินชื่อของฮาร์คอนเนน, ผู้เกลียดฮาร์คอนเนนมากเหลือเกินจนพวกเขาจะเผาเก้าอี้ที่ฮาร์คอนเนนได้นั่ง, โรยเกลือลบนพื้นเหนือสิ่งที่ฮาร์คอนเนนได้เดินผ่าน.” เขาสัมผัสกรามของ ลีโต. “ท่านรู้สึกอะไรในกรามของท่านไหม?”

         ดยุค พบว่านั่นเขาไม่สามารถตอบได้. เขารู้สึกถูกดึงอะไรในที่ห่างไป, เห็นมือของ หยัว ยกขึ้นมาพร้อมแหวนตราของดยุค.

         “สำหรับ พอล,” หยัว พูด. “ท่านจะหมดสติในไม่ช้า. ลา-ก่อน, ดยุคที่น่าสงสารของข้า. เมื่อเราพบกันอีกถัดจากนีไป เราจะไม่มีเวลาสำหรับสนทนากันแล้ว.”

         ความเย็นเยียบระยะห่างไกลแผ่ซ่านขึ้นมาจากกรามของ ลีโต, ข้ามแก้มของเขา. เงาสลัวของห้องโถงแคบลงเป็นปลายเข็มด้วยริมฝีปากสีม่วงของ หยัว อยู่ศูนย์กลางของมัน.

         “จำฟันซี่นี้เอาไว้!” หยัว ทำเสียงฟ่อๆ. “ฟัน!

        

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น