หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2566

อลัน วัตต์ส - ถนนไปสู่นรกปูลาดผิวด้วยความตั้งใจดีทั้งหลาย

 อลัน วัตต์ส - ถนนไปนรกปูลาดผิวด้วยความตั้งใจดีทั้งหลาย

Alan Watts - The Road to Hell is Paved with Good Intentions

 

         https://youtu.be/cegl1BZ-0tI

         คุณเห็นมั้ยว่า, เหตุผลที่คุณต้องการจะเป็นที่ดีขึ้นก็คือเหตุผลที่ทำให้คุณไม่ได้เป็น.


         เราไม่ได้เป็นที่ดีขึ้นก็เพราะว่าเราต้องการจะเป็น(we aren’t better because we want to be). เพราะว่าถนนไปสู่นรกนั้นปูลาดผิวด้วยความตั้งใจดีทั้งหลายนั้น(good intentions).

         เพราะว่านักทำ-ดีทั้งหลายทั้งหมด(the all the do-gooders)ในโลกนี้ไม่ว่าพวกเขากำลังทำดีเพื่อผู้อื่น(they’re doing good for others)หรือกำลังทำมันเพื่อตัวพวกเขาเอง(doing it for themselves)ก็คือตัวทำความเดือดร้อนทั้งหลาย(are troublemakers)บนพื้นฐานของอะไรแบบว่า(the basis of kindly) “ให้ข้าช่วยเจ้านะไม่งั้นเจ้าจะจมน้ำไป,” ลิงตัวนั้นจับปลานั้นขึ้นไปไว้ให้ปลอดภัยบนต้นไม้.


         เราพวกผิวขาวแองโกล-แซ็กซอน(white Anglo-saxon), โปรเตสแตนท์(protestants), บริติช(British), เยอรมัน(German), อเมริกัน(American)ได้อยู่บนความวุ่นวายอาระวาด(have been on a rampage)มาในอดีตเป็นร้อยปีหรือมากกว่า, ในการที่จะทำให้โลกดีขึ้น(to prove the world).

         เราได้ให้ผลประโยชน์ทั้งหลายของวัฒนธรรมของเรา(the benefits of  our culture), ลัทธิศาสน์ของเรา(our religion), เทคโนโลยี(our technology)แก่ทุกคน(to everybody)ยกเว้น, บางที, พวกชนอะบอริจินของออสเตรเลีย(the Australian aborigines).

         และเราได้ยืนกราน(insisted)ว่าพวกเขาได้รับผลประโยชน์ของวัฒนธรรมของเรา(that they receive the benefits of our culture)กระทั่งลีลาท่าทางการเมือง(our political styles), ระบอบประชาธิปไตยของเรา(our democracy). เจ้าต้องเป็นประชาธิปไตยดีกว่านะ, ไม่งั้นเราจะยิงเจ้า(you better be democratic or we’ll shoot you). และได้แจกจ่ายให้พรประเสริฐทั้งหลายเหล่านี้ไปทั่วทุกแห่งทั้งหมด(having conferred these blessings all over the place), แล้วเราก็สงสัยใจว่าทำไมทุกคนเกลียดเรา(wonder why everybody hates us).

         เห็นมั้ย, เพราะว่าบางครั้งการทำดีต่อผู้อื่นทั้งหลาย(doing good to others). และแม้กระทั่งการทำดีกับตัวผู้นั้นเอง(doing good to oneself)ก็มีความเป็นภัยทำลายล้างอย่างน่าทึ่ง(amazingly destructive). เพราะว่ามันเต็มเปี่ยมไปด้วยความอวดดีเพ้อฝัน(full of conceit). คุณรู้ได้อย่างไรว่าอะไรดีสำหรับผู้คนอื่น(what’s good for other people)?

         คุณรู้ได้อย่างไรว่าอะไรดีสำหรับคุณถ้าคุณพูดว่า, เอ้อ, คุณต้องการจะปรับปรุงให้ดีขึ้น(improve), แล้วคุณต้องการจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับคุณ(what’s good for you), แต่ชัดเจนว่าคุณไม่(รู้)เพราะว่าถ้าคุณได้รู้(แล้ว)คุณก็น่าจะที่จะปรับปรุงให้ดีขึ้นไปแล้ว(you would be improved).

         ดังนั้น, เราไม่ได้รู้, มันเป็นเหมือนปัญหาของนักพันธุกรรมศาสตร์ทั้งหลาย(the problem of geneticists)ที่พวกเขาเผชิญหน้าอยู่ทุกวันนี้. ผมได้เคยไปร่วมประชุมของนักพันธุกรรมศาสตร์ทั้งหลาย(went to a meeting of geneticists)เมื่อไม่นานมานี้, ที่พวกเขามารวมกันเป็นกลุ่มของนักปรัชญาและนักศาสนศาสตร์ทั้งหลาย(gathered in a group of philosophers and theologians). และได้พูดว่า, ตอนนี้มาดูนี่นะ, เราจำเป็นต้องการความช่วยเหลือ. เราตอนนี้อยู่บนความหมิ่นเหม่ของการคิดให้ได้(on the verge of figuring out)ว่าเราจะผสมพันธุ์ให้ได้คุณลักษณะมนุษย์ออกมาอย่างไร(how to breed any kind of human character)ที่เราน่าจะต้องการที่จะมีได้. เราสามารถให้คุณด้วยนักบุญ(saints), นักปรัชญา(philosophers), นักวิทยาศาสตร์(scientists), นักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่(great politicians), อะไรก็ได้ที่คุณต้องการ, แค่บอกกับเราว่าคุณต้องการมนุษย์ชนิดไหนที่เราควรจะผสมพันธุ์ออกมาให้(what kind of human beings ought we to breed).

         ดังนั้น, ผมขอพูดว่า, จะเป็นอย่างไรที่พวกเราเหล่านั้นผู้ที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นใหม่ทางพันธุกรรม(are genetically unregenerate), ได้ตัดสินใจของเราทั้งหลายว่าอะไรที่ผู้คนซึ่งได้เกิดขึ้นในพันธุกรรมใหม่ควรจะเป็น(what genetically generate people might be)?

         เพราะว่าผมกลัวอย่างมากๆว่าการเลือกของเราในเรื่องคุณธรรมความดีงามทั้งหลาย(our selection of virtues)มันอาจจะใช้การไม่ได้(may not work). มันจะเหมือนกับว่า, ตัวอย่างเช่น, ธัญพืชชนิดใหม่ที่ให้เมล็ดผลผลิตสูง(a new kind of high yield grain)ที่ถูกทำ(is made), เอ้อ, ที่กลายเป็นทำให้เกิดความเสื่อมวุ่นวายหายนะทางนิเวศน์วิทยา(is becoming ecologically destructive). เมื่อเราเข้าไปยุ่งกับขบวนการทางธรรมชาติ(interfered with the process of nature)และผสมพันธุ์พืชที่ให้ประสิทธิผลสูง(breed efficient plants)และทำให้ประสิทธิผลบกพร่องในสัตว์ทั้งหลายไป(deficient animals).

         มักจะมีบางหนทางอยู่เสมอที่เราต้องจ่ายลงทุนให้กับมัน(have to pay for it).

         และผมสามารถเห็นได้เป็นอย่างดีว่า, มนุษย์ที่ถูกผลิตขึ้นตามธรรมชาติทั้งหลาย(eugenically produced human beings)อาจจะเป็นที่น่ากลัวอย่างเหลือหลาย(might be dreadful).

         เราอาจสามารถมีโรคระบาดของผู้คนแสนดี(could have a plague of virtuous people). คุณตระหนักถึงนั่นมั้ย, ว่าสัตว์ใดที่พิจารณาตัดสินในตนเองได้นั้น(considered in itself)คือความ”แสนดี”ที่มันทำเรื่องของมัน(is virtuous it does its thing). แต่ในฝูงคนทั้งหลาย(in crowds), พวกเขาน่าสยดสยอง(they’re awful).

         เหมือนเช่นฝูงมดa (crowd of ants)หรือฝูงตั๊กแตน(locusts)ที่กำลังอาละวาด(on the rampage), พวกเขาเป็นสัตว์ทั้งหลายที่ดีสมบูรณ์ทั้งหมด(all perfect good animals)แต่มันแค่มีอยู่กันมากเกินไป(too much).

         ผมสามารถจินตนาการได้ถึงยาฆ่าแมลงอันสมบูรณ์แบบ(a perfectly pesticide), มวลมหานักบุญทั้งหลายเป็นล้านๆคน(mass of millions of saints).

         ดังนั้นผมจึงได้พูดกับผู้คนเหล่านี้ว่า, การมองดูเป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่คุณสามารถทำได้(look is the only thing you can do). แค่ให้แน่ใจว่ามนุษย์หลากหลายจำนวนมหาศาลนี้ถูกบำรุงรักษาไว้(be sure that a vast variety of human beings is maintained).

         ได้โปรด, อย่าได้ผสมพันธุ์เราลงไปหารูปแบบชนิดที่ยอดเยี่ยมทั้งหลายอันมีน้อยนิดนั้น(don’t breed us down to a few excellent types).

         ยอดยเยี่ยมเพื่ออะไร?

     เราไม่มีวันรู้เลยว่าสถานการณ์ทั้งหลายนั้นกำลังจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร(how circumstances are going to change).

         และความจำเป็นต้องการของเราต่อการเปลี่ยนแปลงต่อชนิดประเภทที่แตกต่างกันของผู้คนเป็นอย่างไร?(how our need for different kinds of people changes).

         ในเวลาหนึ่งเราอาจจำเป็นต้องการผู้คนที่มีความเป็นตัวของตัวเองและก้าวร้าวมากๆ(may need very individualistic and aggressive people), กับอีกเวลาหนึ่ง, เราอาจจะจำเป็นต้องการผู้คนที่ให้ความร่วมมือชอบทำงานเป็นทีมมากๆ(need very corporative teamworking people). ในอีกเวลาหนึ่ง, เราอาจจำเป็นต้องการผู้คนที่เต็มไปด้วยความสนใจในความว่องไวที่จะเปลี่ยนแปลงให้เหมาะกับโลกภายนอก(may need people who are full of interest in dexterous manipulation of the external world). และอีกเวลาอื่น, เราอาจจำเป็นต้องการผู้คนที่ค้นหาสำรวจเข้าไปในจิตวิทยาของตัวพวกเขาเอง(who explore into their own psychology)และเอาแต่ครุ่นคิด(are introspective).

         ไม่มีการรู้(no knowing)นอกเสียจากว่า, ยิ่งเรามีความหลากหลายและยิ่งมีทักษะทั้งหลายมากขึ้น(the more varieties and the more skills we have), อย่างชัดเจนเลยว่า, ยิ่งจะดีกว่า(the better).

         ดังนั้นคุณเห็นมั้ย, นี่อีกครั้ง, ปัญหาออกมาในเรื่องพันธุศาสตร์(the problem comes out in genetics).

         เราไม่ได้รู้จริง(do not really know)ว่าจะเข้าไปยุ่งอย่างไรกับวิถีที่โลกเป็น(how to interfere with the way the world is).

         วิถีของโลกที่เป็นอันแน่ชัด(the way the world actually is)ก็คือ, สิ่งมีชีวิตที่มีปฏิ-สัมพัทธ์ต่อกันอันสลับซับซ้อนขนาดมหึมา(an enormously complex interrelated organism).

         ปัญหาเดียวกันนี้ได้เกิดขึ้นในเรื่องยารักษาโรค(arises in medicine), เพราะว่าร่างกายของเรานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีปฏิสัมพัทธ์อย่างสลับซับซ้อนมาก(a very complexly interrelated organism). และถ้าคุณมองดูที่ร่างกายนี้(look at the body)ในวิธีอย่างผิวเผิน(in a superficial way), คุณอาจจะเห็นว่าบางอย่างผิดกับมันก็คือไข้ทรพิษ(something wrong with it is chickenpox)และจุดทั้งหลายเหล่านั้นที่คันนั้น(those spots that itch)ที่ออกมาทั่วทั้งหมดทุกแห่ง, เอาละ, คุณอาจพูดได้ว่า, เอ้อ, จุดทั้งหลายอยู่ที่ตรงนั้น(spots are there), ตัดมันออกไปเลย(cut them off).


         แล้วเมื่อคุณฆ่าแมลงนั่น(you kill the bug), เอาละ, แล้วคุณก็ค้นพบว่าคุณได้ปัญหาทั้หลายที่แท้จริง(then you find you got real problems).

         เพราะว่าคุณต้องแนะนำแมลงทั้งหลายบางรายที่ต้องฆ่า(have to introduce some bugs to kill). แมลงนั้น(the bug), มันก็เป็นเหมือนกับการนำกระต่ายทั้งหลายเข้ามาในประเทศออสเตรเลีย(bringing rabbits into Australia), และมันก็เริ่มต้นไปอยู่ทั่วทุกแห่งและหลุดพ้นมือที่จะควบคุมได้ไป(getting out of hand).



แต่จากนั้นคุณก็คิดว่า, เอาละ, ตอนนี้รอสักหนึ่งนาที, มันไม่ใช่แมลงทั้งหลายนั้นอยู่ในเลือด(it wasn’t the bugs in the blood), มีแมลงทั้งหลายอยู่ไปทั่วทุกที่เลย, เกิดอะไรผิดขึ้นกับบุคคลผู้นี้รึ?(what was wrong with this person)ที่ระบบเลือดของเขา(his blood system)ทันทีทันใดนั้นก็เปราะบางกับแมลงพิเศษจำเพาะทั้งหลายเหล่านั้น(suddenly vulnerable to those particular bugs). ความต้านทานของเขาไม่ได้ขึ้นมา(his resistance wasn’t up), ดังนั้นอะไรที่คุณควรจะได้รับนั้นก็ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะ(not an antibiotic)แต่เป็นวิตะมินทั้งหลาย(vitamins).

โอเค, ดังนั้นเรากำลังจะสร้างความต้านทานของเขาขึ้นมา(going to build up his resistance), แต่ต้านทานต่ออะไรล่ะ(but resistance to what)?

คุณอาจจะสร้างความต้านทานขึ้นมาได้ต่อแมลงทั้งหลายหมวดประเภทนี่และนี่และนี่, แต่แล้วก็มีประเภทอื่นอีกอันหนึ่ง(another one)ที่รักสถานการณ์นั้น(loves that situation)และเข้ามาเลยในทันที(comes right in).

เห็นมั้ย, เรามักจะมองที่มนุษย์อย่างการแพทย์บำบัดรักษาเป็นจุดๆและชิ้นๆ(the human being medically in bits and pieces). เพราะว่าเรามีผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ(heart specialists), ผู้เชี่ยวชาญด้านปอก(lung specialists), ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูก(bone specialists), ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาท(nerve specialists)และอะไรอีกมาก. และพวกเขาแต่ละรายก็มองมนุษย์จากมุมมองแต่ลบะด้านของพวกเขา(see the human being from their point of view).

มีอยู่บ้างน้อยนิดที่เป็นด้านทั่วๆไป(a few generalists), แต่พวกเขาตระหนักรู้ว่า(realize)ร่างกายมนุษย์นั้น(the human body)เป็นสิ่งที่ช่างสลับซับซ้อนจนไม่มีผู้ใดใส่ใจให้สามารถเข้าใจมันได้(so complicated that no one mind can understand it).

และไกลไปยิ่งกว่านั้น, สมมติว่า, เราได้ประสบสำเร็จ(succeed)ในการบำบัดรักษาผู้คนทั้งหมดเหล่านี้ในโรคร้ายทั้งหลายของพวกเขา(in healing all these people of their diseases). เราทำอะไรหลังจากนั้น, เราก็ทำในเรื่องปัญหาของจำนวนประชากร(population problem).

ผมหมายถึงว่า, เราได้หยุดยั้งอหิวาตกโรค(cholera), การติดเชื้อกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง(the black bubonic plague), เรากำลังดีขึ้นจากวัณโรค(tuberculosis). เราอาจแก้ไขมะเร็ง(fix cancer), และโรคหัวใจ(heart disease)แล้ วยังไง(and then)?

ผู้คนจะตายไหม? เอาละ, เรามามีชีวิตอยู่ต่อไปกันเถิด(let’s go on living), ก็จะมีปริมาณมากมายมหาศาลของพวกเรา(will be enormous quantities of us), แล้วเราก็ต้องมาแก้ไขในเรื่องการเกิดนี้(fix this birth thing). ยาเม็ดคุมกำเนิดสำหรับทุกคน(pills for everyone).

แล้วเราก็ค้นพบว่าอะไรคือผลกระทบทั้งหลาย(what are the effects), ผลข้างเคียง(side effects)ของยาเม็ดทั้งหลายเหล่านั้น.

อะไรคือผลกระทบทางจิตวิทยาทั้งหลาย(psychological effects)กับผู้ชายและผู้หญิงในการไม่ได้ขยายพันธุ์(not breeding), เอ้อ, เด็กๆตามหนทางปกติ(in the usual way).

เราไม่รู้.

และอะไรที่ดูเหมือนเป็นสิ่งที่ดีในวันนี้(seem a good thing today)หรือเมื่อวานนี้, เหมือนเช่น DDT, กลายเป็นออกมาว่าพรุ่งนี้จะกลายเป็นสิ่งหายนะ(turn out tomorrow to have been a disaster). อะไรที่ดูเหมือนจะ, ในทางจริยธรรมและอาณาเขตทางวิญญาณ(the moral and spiritual sphere)ด้วยเช่นกัน, ที่เป็นเหมือนคุณค่าอันยิ่งใหญ่ทั้งหลาย(great virtues)ในวันเวลาอดีต, ก็เห็นกันได้ง่ายทุกวันนี้ว่าเป็นเช่นความชั่วร้ายทั้งหลายที่น่าขยะแขยง(as hideous evils).

มายกตัวอย่างดูกันเถอะ, การไต่สวนในยุคสมัยของมันเองในหมู่ชนคาธอลิค(the inquisition in its own day among Catholics), การไต่สวนศักดิ์สิทธิ์(the holy inquisition)ถูกคำนึงว่าดังเช่นเราทุกวันนี้คำนึงถึงว่าเป็นการปฏิบัติฝึกฝนของจิตเวชศาสตร์(the practice of psychiatry).

คุณ, คุณเห็น, คุณรู้สึก(you see, you feel)ว่าในการบำบัดรักษาบุคคลใดในมะเร็ง(in curing a person of cancer)เกือบทุกๆสิ่งใดได้ถูกวินิจฉัย(almost anything is justified). การดำเนินการอันซับซ้อนส่วนใหญ่ทั้งหลาย(most complex operations), ผู้คนที่ได้ผ่าตัดพิลึกพิลั่นทั้งหลายมากที่สุด(the most weird surgery people)ได้หยุดแขวนไปนานหลายวันแล้ววันเล่าจนไปจบสุดลงที่ท่อหลอดทั้งหลาย(suspended for days and days on the end of tubes). ด้วยการ x-rayเจาะทะลวง(penetration)เผา(burning). หรือผู้คนอยู่ภายใต้การบำบัดรักษาด้วยการช็อค(people undergoing shock treatment). ผู้คนถูกล็อคอยู่ในระเบียงทางเดินไร้สีซ้ำซากจำเจของสถาบันทางจิตเวททั้งหลาย(people locked in the colorless monotonous corridor of mental institutions).

ในความศรัทธาที่ดีทั้งปวง(in all good faith), พวกเขารู้ดีว่าคาถาเวทมนตร์และบาป(witchcraft)เป็นสิ่งทั้งหลายเลวร้ายแรง(were terrible things). โรคทั้งหลายอันน่ากลัว(awful plagues)ที่เป็นอันตรายต่อจิตวิญญาณของผู้คน(imperiling people’s soul)ตราบนานเท่านาน(forever and ever).

ดังนั้นหนทางทั้งหลายอันใด(any means)ที่ได้ถูกวินิจฉัย(is justified)ในการที่จะรักษาผู้คนที่บาป(to cure people of heresy).

เราไม่ได้เปลี่ยนแปลง(we don’t changed), เราก็ยังทำสิ่งเหมือนกันในทุกวันนี้(doing the same thing today)แต่ภายใต้ชื่อทั้งหลายที่แตกต่างไป(under different names).

เราสามารถมองย้อนกลับไปยังผู้คนเหล่านั้นและเห็นว่าความชั่วร้าย(evil)ว่าเป็นอย่างไร, แต่เราไม่สามารถมองเห็นมันในตัวเราเอง(can’t see it in ourselves).



         นักปรัชญาชาวจีนได้กล่าวไว้ว่า, ความดีสูงสุดนั้นไม่ใช่ความดี(the highest virtue is not virtue). และเช่นนั้นเองที่ความจริงเป็นความดี(and therefore really is virtue). แต่ความดีที่ด้อยกว่า(inferior virtue)ไม่สามารถปล่อยให้เป็นความดีไปได้(cannot let go of being virtuous)และเช่นนั้นเองจึงไม่ได้เป็นความดี(there is not virtue). แปลออกมาในหนทางนอกรีตมากไปนิด(translated in more of a periphrastic way way).


         ความดีงามสูงสุด(the highest virtue)ไม่ใช่ความสำนึกในตัวมันเอง(is not conscious of itself). ความดีงามที่ต่ำกว่า(lower virtue)เป็นมากยิ่งในความสำนึกตน(so self-conscious)ว่ามันไม่ใช่ความดีงาม(that it’s not virtue), พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ, เมื่อคุณหายใจ(breathe)คุณก็ไม่ได้แสดงความยินดีให้ตัวคุณเองในการมีความดีงาม(you don’t congratulate), แต่การหายใจคือ   คุณงามความดีอันยิ่งใหญ่(a great virtue)ที่มันมีชีวิตอยู่.

         เมื่อคุณเกิดมา(come out)ด้วยดวงตาที่งดงาม(beautiful eyes), สีฟ้า(blue)หรือน้ำตาล(brown)หรือเขียว(green)เป็นดั่งเหตุกรณีนั้น(as the case), คุณไม่ได้แสดงความยินดีกับตัวคุณเองกับการได้เจริญเติบโตขึ้นมาเป็นหนึ่งในอัญมณีอันโด่งดังมากที่สุดบนโลกนี้(for having grown one of the most fabulous jewels on earth). แค่ดวงตา(just eyes). และคุณก็ไม่ได้นับเอามันว่าเป็นคุณงามความดี(don’t account it a virtue). ที่จะได้มองเห็น(to see), ได้บันเทิงเริงรื่น(to entertain)กับสิ่งมหัศจรรย์ของสีสันและรูปทรง(the miracles of color and form).

         คุณพูดว่า, โอ้, แต่นั่นคือคุณงามความดีที่แท้จริง(that’s real virtue). คุณงามความดีในแง่ของแง่มุมเก่าแก่(in the sense of the old sense). แง่มุมของคำศัพท์ที่เป็นความแข็งแกร่ง(sense of the word as strength), คือเมื่อเราคุยกันถึงการบำบัดรักษาคุณงามความดีของพืช(talk about healing a plant), นั่นคือคุณงามความดีที่แท้จริง(that’s real virtue).

         แต่คุณงามความดีทั้งหลายอื่น(other virtues)ถูกติดยึดอยู่กับ(are stuck on). พวกเขา, คุณงามความดีทั้งหลายใน พื้นที่จำกัดเฉพาะเจ้าหน้าที่ทั้งหลายของพวกเขา, ความปลอมแปลงของพวกเขา((their airsides, their imitation virtues).

         และพวกเขาก็มักจะสร้างสรรค์ความเดือดร้อนยุ่งยาก(they usually create trouble).

         เพราะว่ายิ่งมีสิ่งร้ายกาจทั้งหลายมากได้ทำเสร็จ(more diabolical things are done)ในนามของ(righteousness), และให้แน่ใจได้ว่า(be assured that)ทุกๆคนแห่งอะไรก็ตามในสัญชาติหรือกรอบความคิดทางการเมือง(whatever nationality or political frame of mind)หรือทางศาสนา(or religion), มักจะสงคราม(always goes to war)ด้วยสำนึกของความถูกต้องอย่างเต็มเปี่ยม(with a sense of complete rightness), อีกฝ่ายหนึ่งคือปีศาจชั่วร้าย(the other side is the devil).


         คู่ต่อสู้ทั้งหลายของเรา(our opponents)ไม่ว่าจะในจีน(China)หรือ รัสเซีย(Russia)หรือ เวียตนาม(Vietnam)ก็มีความรู้สุกถึงความชอบธรรมเช่นเดียวกัน(have the same feeling of righteousness)ในเรื่องว่าพวกเขากำลังทำเช่นเดียวกับที่เรามีบนด้านนี้ของเรา(they’re doing as we have on our side).

         และโรคระบาดร้ายในทั้งสองบ้าน(a plague on both houses).

เพราะว่าอย่างที่ขงจื้อกล่าวไว้(because as Confucius), คนดีๆแสนดีๆทั้งหลายคือผู้ขโมยคุณงามความดี(the good, goodies are the thieves of virtue).

ซึ่งก็คือรูปลักษณ์ของคติพจน์ของพวกเราเองว่า(which is the form of our own proverb), ถนนไปสู่นรกนั้นปูลาดไว้ด้วยความตั้งใจดีทั้งหลาย(the road to hell is paved with good intentions).

ผู้ที่มีความตั้งใจดีมองหาที่จะเปลี่ยนแปลงโลก.

ผู้ที่มีลักษณะที่ดีมองหาภายในตน.

The person of good intention looks to change the world.

The person of good character looks within.

 

https://youtu.be/cegl1BZ-0tI?si=yl5dMHFVGb71q4-B

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น