หน้าเว็บ

วันพุธที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2566

หลวงปู่พุทธะอิสระ - ปราณโอสถ (ความหมายวิชาปราณโอสถ)

 

ความหมายวิชาปราณโอสถ

 

 

         วิชาปราณโอสถ  คือกระบวนการที่เอาพลังที่แฝงอยู่ภายในกายมาเป็นเครื่องไม้เครื่องมือในการบำบัดรักษาโรค ซึ่งมันรักษาโรคอะไรได้บ้าง ตั้งแต่ โรคเครียด กระเพาะ ความดัน ไต ตับ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคกระดูกต่างๆ แม้กระทั่งการกำกับควบคุมเชื้อโรคร้ายที่อยู่ภายในกายเช่นโรคมะเร็ง เราสามารถควบคุมการเติบโต หรือการขยายเผ่าพันธุ์ของมันได้ในระดับหนึ่ง ถามว่าสามารถทำได้ระดับนั้นเพราะอะไร ก็เพราะว่าถ้าเราสามารถรวม 3 พลังที่อยู่ในกายเรา คือ พลังกาย พลังจิต พลังปราณ เอามาใช้ที่จะควบคุม บำบัด รักษา หรือยับยั้งโรคนั้นๆ มันสามารถทำได้ ในขณะเดียวกันวิชาปราณขั้นสูงๆ สามารถเข้าถึง สมาบัติ 8 สมาบัติ 9 และเข้าไปถึงองค์ภูมิแห่งความดับและเย็นได้

ต้นกำเนิดวิชาปราณโอสถ

         วิชาบำบัดรักษาภูมิปัญญาตะวันออกของพวกเรานี้ แม้มีต้นกำเนิดมาจากคำสอนของพวกพราหมณ์ มาจากคัมภีร์อายุรเวท อย่างที่บอกในวันไหว้ครูพระเวทว่า อายุ ก็คือชีวิต เวท ก็คือศาสตร์หรือความรู้ “อายุรเวท” รวสมกันแล้วก็แปลว่า ความรู้เรื่องที่เกี่ยวกับชีวิต ความรู้ในเรื่องของชีวิต หรือศาสตร์ความรู้ที่เกี่ยวกับชีวิต แต่ในคัมภีร์อายุรเวทนี้มีการสอนเรื่องการเข้าฌาน เรียกว่าสมาบัติรักษาโรค แต่มีปัญหาอยู่ว่าคนที่จะเข้าถึงสมาธิแบบฮินดู หรือแบบพราหมณ์นี้มันต้องใช้คำว่า วิขัมภนปทาน คือ การข่ม คือการขาดตัวด้วยอำนาจตบะ ด้วยอำนาจของฌาน ด้สวยกำลังสมาธิ กำลังใจอย่างกล้าแข็งอย่างยิ่ง และกำลังใจการเพ่งอารมณ์อย่างแน่วแน่ ไม่เคลื่อนไม่คล้อย ไม่หยดไม่ย้อยไปไหกนเลยอย่างนี้ ซึ่งมันก็จะขมึงทึงตึงเครียดจนเกินไป เพราะฉะนั้นคนที่รู้จักศาสตร์อื่นๆ ก็จะหากระบวนการหรือวิธีการที่จะแปลง หลวงปู่ก็จะนำคัมภีร์อายุรเวทมาแปลงเข้ากับศาสนาพุทธ ศาสตร์หรือความรู้สมาธิในวิชาของศาสนาพุทธ มันก็เลยได้มาซึ่งคำว่า ปราณโอสถ

แล้วสมาธิของศาสนาพุทธต่างจากสมาธิในศาสนาฮินดูอย่างไร

         ปราณโอสถนี้ ใช้หลักคำว่าสัมมาสติ และสัมมาสมาธิ ในหลักมรรคาปฏิปทา คือสมาธิที่เห็นชอบ สมาธิที่เป็นเรื่องชอบนี้ เป็นสมธิที่ไม่เกาะเกี่ยวกับเรื่องของวัฏฏะ ไม่เกาะเกี่ยวกับโลกียะ ไม่เกาะเกี่ยวกับเรื่องสมมติบัญญัติ แต่เป็นความสงบหลังจากที่ได้พบความจริง คือสงบเมื่อรู้ความจริง รู้ความจริงว่าสรรพสิ่งในกายเรานี้มีมหาภูตรูป ที่หลวงปู่นำแผนภูมิมหาภูตรูปมาให้เห็นก็เพื่อได้รู้ว่าจุดต่างๆ มันมีดิน น้ำ ลม และไฟ ดินทำให้เกิดโรคอะไร น้ำทำให้เกิดโรคอะไร และมันก่อเกิดจากจุดกำเนิดอะไรบ้าง เกิดจากจุดใต้กระหม่อม จากจุดกลางหลัง จุคตรงไหนๆก็แล้วแต่ เขาจะมีชื่อของเขาต่างๆ ซึ่งไม่ต้องไปสนใจชื่อ เพราะถ้าไปสนใจชื่อ เราจะไม่สามารถเข้าถึงหัวใจของปราณได้ เอาเป็นเพียบงว่าในมหาภูตรูปนั้น เป็นต้นกำเนิดของโรคต่างๆ พอมันเป็นต้นกำเนิดของโรคต่างๆ ผู้ศึกษาเรื่องปราณโอสถก็ต้องรู้ลงไปว่าดินทำให้เกิดโรคอะไร น้ำทำให้เกิดโรคอะไร ลมทำให้เกิดโรคอะไร ไฟทำให้เกิดโรคอะไร เมื่อเข้าใจอย่างนี้แล้วถึงเวลา เมื่อมันเกิดโรคตามเหตุปัจจัยในมหาภูตรูป เราก็เอาพลังที่มีอยู่ในกายเราไปเยียวยาบำบัดรักษา

         ทำความเข้าใจกันเสียก่อนว่า การเดินตามจังหวะที่เคาะ “บักฮื้อ” คือ การเคาะปลามังกร ป๊อกๆนี่ ถ้าทำได้อย่างนั้นมันรทำให้เรามีขณิกสมาธิ คือ สมาธอในระดับพื้นฐานทำการงาน เหมาะสมเล็กๆ น้อยๆ ทำได้

         ถามว่าจะพัฒนาจากระดับขณิกสมาธิไปสู่อัปปนาสมาธิ หรืออุปจารสมาธิทำอย่างไร ถ้าจากขณิกไปสู่อุปจาระ ก็เพียงแต่ตัดกังวลจากเสียงอื่นๆ นั้นคือจิตเราต้องไม่ไปปรุงจังหวะอื่นๆ ต้องไม่รู้สึกเมามันเคลิบเคลิ้มเพลิดเพลิน ทั้ง 2 หูเรามีแต่คำว่า ป๊อกๆๆ อยู่ตลอดเวลา แล้วก้าวตามจังหวะนั้น เสียงป๊อกจะดังกว่าเสียงอื่น แต่ถ้าจิตเรายังไม่พัฒนายังมีเสียงอื่นดังกว่าเสียงป๊อก แล้วเดินก้าวผิดพลาดก้แสดงว่า ขณิกสมาธิของเรายังผิดพลาด ก็ต้องพยายามที่จะประคับประคองการก้าวไปให้ตรงกับเสียงบักฮื้อให้ได้ จนกระทั่งเสีนยงป๊อกดังกว่าเสียงอื่น ชัดเจนกว่าเสียงอื่น ดังกว่าเสียงอื่น ทีนี้สมาธิก็จะเข้าไปสู่อุปจาระแล้ว



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น