หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

เออิโดะ โรชิ – ปรมาจารย์เซน ตอบคำถาม, “พระเจ้ามีอยู่ไหม?”

 เออิโดะ โรชิ – ปรมาจารย์เซน ตอบคำถาม, “พระเจ้ามีอยู่ไหม?”

Zen Master Eido Roshi answers the question, 'Does God exist?'

         https://youtu.be/wL1V1eURgDI?si=lmx8YYsxccdwS-zf

เป็นการสัมภาษณ์เต็มของเอโลอิส(Eloise King)กับปรมาจารย์ เซน เออิโดะ โรชิ(Zen Master Eido Roshi)ผู้แรกที่ได้แนะนำพุทธนิกายเซนต่อนิว ยอร์ค(New York), แมนฮัตตัน(Mahhatan), ในระหว่างทศวรรษ 1960. ทุกวันนี้เขาอายุ 80+ปีและพูดคุยกับผู้ก่อตั้งรายการ Soul Sessions, เอโลอิส(Eloise King)เกี่ยวกับปรัชญาพุทธ(Buddhist philosophy), กรรม(karma), ทำอย่างไรที่จะบำบัดรักษาความเจ็บปวดทางอารมณ์ของเราและอื่นๆอีกมาก.



เอโลอิส คิง:    หลายคนรวมทั้งตัวดิฉันเองได้หลงใหลอยู่กับคำสามตัวอักษร, GOD, พระเจ้า. ดิฉันคิดว่าเป็นคำที่บรรทุกอะไรไว้เต็มเพียบ(a loaded term)และเพราะว่าเราทั้งหมดต่างมีวัฒนธรรมการเข้าใขที่แตกต่างกันไป(we all have different cultural understandings), ภูมิหลังทั้งหลายทางศาสนาที่แตกต่างกัน(different religious backgrounds), ความเข้าใจเชิงจิตวิญญาณทั้งหลายถึงอะไรที่นั่นหมายถึง(spiritual understandings of what that means).

มันเป็นบ่อยครั้งที่เข้าใจผิด(often misunderstood)ที่ดิฉันคิดเดาว่าหรือเข้าใจอย่างแตกต่างไป(guess or understand differently)โดยผู้คนที่แตกต่างไป(by different people), พระเจ้ามีอยู่ไหม?(does God exist?)



เออิโดะ โรชิ:   ถ้าคุณเอ่ยถึงพระเจ้าในฐานะเป็นผู้สร้างสวรรค์และโลก(if you mention God as a creator of Heaven and Earth) หรือผู้สร้างมนุษย์ทั้งหลาย(creator of human beings)นั้น, พุทธศาสนาจะไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดเช่นนั้น(Buddhism will not agree that way of thinking).

         อย่างไรก็ตาม, มีคำที่เรียกว่า ธรรมะ(Dharma), ซึ่งเป็นอีกหนทางหนึ่งในการพูด(which is another way of saying), การพูดถึง, อื้อ, ความสัจจริง(saying truth).

         ดังนั้น, พุทธศาสนาไม่ต้องสงสัยเลยว่ายอมรับการมีอยู่ของบางอย่างที่ไม่สามารถให้นามได้(Buddhism undoubtedly accept the existence of something unnamable – ไม่สามารถให้คำๆเดียวที่สามารถอธิบาย/บอกถึงคุณลักษณะได้ครบถ้วน-ถูกต้องตามจริง). บางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่าบางอย่าง(something greater than something). บางอย่างที่ยิ่งใหญ่และ(something great), และถ้านั่นเป็นอะไรที่เทียบเทียมเสมอได้กับพระเจ้า(and if that is equivalent to God), เช่นนั้นฉันก็ไม่มีคำค้านใดที่จะเรียกมันว่าเป็นเช่น พระเจ้า(then I have no objection to call it as God). ที่จริงแล้วบ่อยครั้งฉันก็พูดว่า พระเจ้า, แต่ไม่ใช่ว่าเป็นพระผู้สร้าง(but not as a Creator).

         หนึ่งในปัญหาสำคัญจริงๆในการพูดคุยกับผู้คนชาวตะวันตก(one of the really serious problem in talking to Western people)ก็คือเรื่องนี้(is this), ทวินิยม(dualism1ความคิดที่เชื่อ

          1 https://en.wikipedia.org/wiki/Mind%E2%80%93body_dualism

ว่ากายและจิต แยกออกจากกัน), และ, เอ้อ, ตราบเท่าที่เราได้พูดกันในภาษาอังกฤษ(as long as we are speaking in English)และตราบเท่าที่เรากำลังพูดคุยกันในเนื้อหาประเภทนี้(and as long as we are talking about this kind of subject), ตราบเท่าที่คุณใช้คำถามเชิงทวิลักษณะทั้งหลาย(as long as you use dualistic questions)ฉันก็เดือดร้อน(I’, in trouble).

         ดังนั้น, คุณได้พูดถึงใหญ่โตมากกว่า, แข็งแรงกว่า(you said bigger than stronger than), เอ้อ, คุณสามารถพูดได้กระทั่งเล็กกว่า, อ่อนแอกว่า(you can say even smaller than, weaker than), ถ้าคุณชอบวิธีนั้นที่จะแสดงออก(if you prefer that way to express). แต่ฉันสันนิษฐานเอาว่าในจิตของคุณนั้น(I assume in your mind)ที่ใหญ่โตกว่าเป็นที่ดีอย่างใหญ่โตกว่า(the bigger is bigger better), ใหญ่กว่าย่อมดีกว่า(bigger is better). และแข็งแรงกว่าย่อมดีกว่าด้วยเชานกัน(and stronger is better too).

         เช่นนั้นเอง(therefore), เราจึงเล็กแต่บางอย่างยิ่งใหญ่กว่าควรจะเป็นพลังอำนาจมากกว่า(we are small but something greater would be more powerful)บางอย่างเช่นนั้นคือคุณเป็นเชื้อความถูกต้องทางความคิด(something like that is you are precon seed idea right).

         ดังนั้น, เอ้อ, ภาษาในตัวมันเองมีกรรมกำหนดนั่นเองที่เราต้องใช้คำศัพท์ทั้งหลายเชิงทวิลักษณะ(language itself has a Karma that is we have to use dualistic terms), โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาษาอังกฤษ(particular in English).



         https://youtu.be/wL1V1eURgDI?si=d6pLNSB6adF6SiAr

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น