ฝุ่นควายยยยๆ - Fine dust
สาเหตุและมาตรการ - Cause and measurement
โดยทั่วไปแล้ว,
มลพิษทางอากาศทั้งหลายเป็นสสารในอากาศที่สามารถเปลี่ยนมามีผลกระทบต่อมนุษย์และระบบนิเวศน์.
สสารนั้นสามารถเป็นได้ทั้งอนุภาคแข็ง(solid particles),
หยดของเหลว/ละอองของเหลว(liquid droplets), หรือ ก๊าซ(gases). มลพิษ(pollutants)นี้สารมีได้ทั้งที่เกิดในธรรมชาติ หรือที่มนุษย์ทำให้เกิดขึ้น(natural origin or man-made).
อนุภาคมลพิษ(Particle pollution)ถูกผลิตสร้างขึ้นเมื่อความชื้นในอากาศ(moisture in the air)รวมกันเข้ากับอนุภาคละเอียดของสสาร(fine particle matter). อนุภาค(Particles)ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง เล็กกว่า 10 ไมครอน(micrometers (PM-10)), ที่ประมาณ 1/7
ของความกว้างเส้นผมเส้นเดียวของมนุษย์(a single strand of human hair), นั้นเล็กมากพอที่จะเข้าไปตามลมหายใจสู่ปอด.
มลพิษรูปแบบนี้ยังสามารถบรรจุองค์ประกอบอื่นเข้าไปด้วยเช่น ควัน(smoke), ไนเตรท(nitrate-สารประกอบไนโตรเจน), ฝุ่น หรือโลหะ(dirt or metals), และทำให้อากาศปรากฏเป็นหมอก(hazy)ขึ้น.
นักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่ทางการสภาพแวดล้อมทั้งหลาย(Scientists and environment officials)ส่วนใหญ่กังวลในอนุภาคที่เล็กไปกว่า
10 ไมครอน. สสารอนุภาคฝุ่นละเอียด (fine dust particle matter), พิจารณาว่าอะไรก็ตามที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเล็ก
2.5 ไมครอน(2.5 micrometers)หรือเล็กกว่า,
จะมีอันตรายเป็นพิเศษ. อนุภาครูปแบบนี้ถุกปล่อยออกมาโดยตรงจากโรงงานผลิตไฟฟ้า(power
plants – โรงไฟฟ้าถ่านหิน/น้ำมัน/ก๊าซ),
ไอเสียจากรถยนต์และควัน(car exhausts and smoke), และมักจะบรรจุไว้ด้วยส่วนประกอบหลากหลายของสารเคมีเสมอ(various
chemical elements).
ในฤดูหนาว(winter), อนุภาคมลพิษมักจะสามารถถูกพบเห็นได้ในวันค่อนข้างอุ่น(warmer
days).
เมื่อความกดอากาศสูงภาคพื้นทวีป(continental high pressure) ในตอนเหนือแผ่ขยายลงมาถึงเกาหลี(Korea),
ลมเหนืออันหนาวเย็นจะพัดพาฝุ่น(the dust)มา,
แต่เมื่อคาบสมุทร(peninsula)ลดผลภาวะน้อยลงด้วยแรงกดอากาศสูง,
ฝุ่นเหล่านั้นก็บินร่อนอยู่เหนือประเทศ(hovers over country).
ศูนย์พยากรณ์คุณภาพอากาศ
ของสถาบันวิจัยสภาพแวดล้อมแห่งชาติ(ของเกาหลี - The Air Quality Forecasting Center of the National Institute of Environmental Research (국립환경과학원 대기질통합예보센터)) ชี้ว่าความหนาแน่นเฉลี่ยของ
ฝุ่นละเอียด(fine dust)นี้,
หว่างสามเดือนแรกในปี 2017 วัดได้ถึง 32 ไมครอน/ลบ.ม.(32㎍/㎥), เลวร้ายที่สุดในรอบสามปี.
ในเดือนมีนาคม 2017, กระทรวงสิ่งแวดล้อม
(Ministry of Environment) ถือว่า( attributed)มลพิษทางอากาศ จากฝุ่นละเอียดภายในประเทศ(domestic fine dust) เป็นอิทธิพลจากภายนอก 86
เปอร์เซนต์ของยอดสูงสุดthe total), ซึ่งนั่นหมายความว่า,
ส่วนใหญ่ของฝุ่นละเอียด(fine dust)มาจากประเทศจีน. กระทรวงสิ่งแวดล้อมอธิบายว่าเป็นอิทธิพลภายนอก(external
influences)ที่ 30-50 เปอร์เซนต์บนค่าเฉลี่ย, และ 60-9-80
เปอร์เซนต์ตอนที่รุนแรง(hard times). อย่างไรก็ดี,
มันไม่เพียงพอที่จะย้ายความรับผิดชอบ(responsibility)ไปยังประเทศจีน.
มีผลการวิจัยเล็กน้อยมากที่ผลิตสร้างโดยนักวิชาการท้องถิ่นบนประเด็นของเรื่องนี้(subject
matter). ในปี 2014,
เกาหลีและจีนเซ็นข้อตกลง MOU เข้าสู่ระดับที่จะทำโครงการวิจัยร่วมกัน(MOU to stage joint research projects),
แต่ผลิตสร้างงานวิจัยสำคัญๆออกมาน้อยมาก,
นอกจากการระบุถึงแหล่งกำเนิดฝุ่นละเอียดในประเทศจีน(except identifying the origins of fine dusts in
China).
ในเดือนมีนาคม 2017,
นักสภาพแวดล้อมชาวเกาหลีเจ็ดคน(seven
Korean environmentalists) ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อสองรัฐบาลประเทศเกาหลีและประเทศจีน, ในข้อหาเป็นตัวการทำให้เกิดมลพิษฝุ่นละเอียดออกมา(for damages arising out of fine dust pollution). โดยปราศจากหลักฐานในรายละเอียดของข้อกล่าวหา(Without detailed evidence on the subject matter), อย่างไรก็ตาม,
การดำเนินการทางกฎหมายเช่นนั้นดูเหมือนจะไม่ก่อให้เกิดทางแก้ปัญหาของมลพิษทางอากาศเหนือคาบสมุทรเกาหลีแต่อย่างใด.
ฝุ่นควายยยยๆๆๆและการเกี่ยวพันกับสาธารณสุข
อนุภาคมลพิษกำลังมาเป็นปรากฏการณ์ติดต่อเรื้อรัง(chronic phenomenon)ในฤดูหนาว(winter). มันถูกกล่าวโทษยืนยันว่ามีศักยภาพที่จะก่อกวนอย่างสำคัญต่อชีวิตชาวเมือง(significantly
disrupt urban life), และดัชนีมลพิษทางอากาศชี้ให้เห็นว่ากรุงโซล(Seoul)ได้กลายมามีมลภาวะเป็นพิษมากขึ้นในหลายปีที่ผ่านมา.
ในบางโอกาส, กรมอุตุนิยมวิทยาของเกาหลีได้ประกาศระบุทีละเมือง(the Korea Meteorological Administration issued
city by city ).
-
เตือนภัยฝุ่นละเอียด(fine dust alert); หรือ
-
เฝ้าระวังมลพิษอนุภาคละเอียด(fine particle pollution).
บางรัฐบาลท้องถิ่น(local government) ประกาศกฤษฎีกา(own
ordinance)ของตนเองในเรื่องมลพิษทางอากาศ(air pollution).
ประกาศ(issue)นี้เป็นต้นเหตุเกี่ยวข้องกับการสาธารสุขอย่างมากมาย(.myriad of public health concerns). อนุภาคเหล่านี้(particles)เป็นอันตรายพิเศษเพราะว่าพวกมันไม่ได้มองเห็นด้วยตาเปล่าของมนุษย์เสมอไป , ทำให้มลพิษนี้ไม่ถูกสังเกตเห็นได้ง่าย.
ตามที่สำนักบริหารมหานครโซล(the Seoul Metropolitan Government), ค่าเฉลี่ยความเข้มข้นของอนุภาคละเอียดของนครหลวงต่อปีเป็น
61 ไมครอน/ลบ.ม.(61 micrograms per cubic
meter)ในปี 2007, หลังจากนั้นก็ลดลงมาถึง
41 ไมครอน/ลบ.ม.(41 micrograms per cubic
meter)ในปี 2012. แต่รูปร่างเริ่มฟื้นคืนขึ้นมาอีกในปี 2013 ถึง
44 ไมครอน/ลบ.ม.(44 micrograms per cubic
meter), และเมื่อปีที่แล้วเป็น
46. แต่ใมนขณะที่มันยังคงอยู่ต่ำกว่า 50, หน่วยงานมาตรฐานได้แนะนำต่อรัฐบาล,
ว่ามันยังคงเป็นสองเท่าของมาตรฐานนานาชาติที่คือ 20 ไมครอน/ลบ.ม.(20 micrograms per cubic meter), ที่เสนอไว้โดย
องค์การอนามัยโลก(World Health
Organization (WHO)).
จากการศึกษาในปี 2015, สถาบันวิจัยเพื่อสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยยอนเซย(Yonsei University's Institute for Environmental
Research)รายงานให้เห็นว่า ผู้คน
1,179 รายได้เสียชีวิตในแต่ละปีจากประเด็นเกี่ยวโยงกับ หรือจากสาเหตุของมลพิษอนุภาคละเอียด(fine particle pollution)ที่เกิด(produce-ผลิตสร้าง)ขึ้นในถนนทั้งหลาย(on
streets). คำนวณอีกวิธีหนึ่ง,
งานวิจัยสรุปได้ว่า มากกว่า 14,000 คนได้สูญเสียหยุดพักจากชีวิตปกติไป 1 ปีจากที่คาดหวังไว้ในแต่ละปี(losing a year off their normal life expectancy
annually).
สถาบันนี้ยังอ้างด้วยว่าจากการศึกษาอื่นอีก, ในการออกไปเดินเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเมื่อมีอนุภาคละเอียดเข้มข้น(fine particle concentrations) ที่ 161 ไมครอน/ลบ.ม.(162 micrograms per cubic meter),
จะมีผลกระทบเดียวกันเท่ากับการสูดควันบุหรี่ในที่ปิด 60-ลบ.-ม. เป็นเวลาชั่วโมงครึ่ง.
ที่ทำให้สถานะการณ์ทั้งหลายเลวร้ายลงไปอีก, คือมลพิษอนุภาคสุดละเอียด(ultrafine particle pollution),
ที่สามารถบรรจุโลหะหนักทั้งหลาย(heavy
metals), กำลังจะลุกขึ้นมาหา. อนุภาคทางอากาศสุดละเอียด(Ultrafine atmospheric particles)เหล่านี้คือที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง
1/13 ของเส้นผมเดียวของมนุษย์(one-thirtieth
the diameter of a strand of human hair), ซึ่งหมายถึงว่ามันสามารถเข้าไปลึกในระบบหายใจของมนุษย์(enter deep into a person’s respiratory system).
ฝุ่นสุดละเอียด(Ultrafine dust) สามารถไม่ใช่แค่เพิ่มความเสี่ยงในโรคทางเดินหายใจ(respiratory diseases),
แต่ยังทำให้เกิดการอุดตันของเส้นโลหิตไปเลี้ยงสมอง(stroke)และโรคหลอดเลือดหัวใจ(cardiovascular diseases)ทั้งหลาย.
ประเทศจีนได้กล่าวโทษมลพิษอนุภาคทางอากาศมานานแล้วจากในชนบท(the country), ถึงแม้ว่าการศึกษาใหม่ๆกว่าได้แสดงไปอีกทางหนึ่ง.
มาตรการตอบโต้ของเมืองใหญ่ทั้งหลาย
- Countermeasures of big
cities
ศูนย์บัญชาการภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของมหานคร,
ประกาศเมื่อเดือนมกราคม 2015 ว่า, ประเทศจีนและมองโกเลียมีส่วนทำให้เกิด(contributed)มลพิษอนุภาคสุดละเอียด(ultrafine
particle pollution) 30 ถึ. 50 เปอร์เซนต์, ขณะที่ 45 ถึ. 55
เปอร์เซนต์ของสสารอนุภาคสุดละเอียด(ultrafine particulate matter)ถุกผลิตสร้าง(produced)ในกรุงโซลและปริมณฑล. แถลงการณ์ประกาศนี้ได้บ่งชีถึงความจริงที่ว่านโยบายต่างๆของมหานครในเรื่องสิ่งแวดล้อมกำลังจะเผชิญหน้าของการเปลี่ยนผ่านสำคัญทั้งหลาย(face major shifts).
ในการประชาพิจารณ์เมื่อเร็วๆนี้โดยสำนักงานมหานครและกระทรวงสิ่งแวดล้อมให้ความสำคัญไปที่(focused on),
เป็นพิเศษ, การควบคุมยานพาหนะที่ใช้น้ำมันดีเซลในการขับเคลื่อน.
สำนักงานมหานครโซล(Seoul city government)ได้ใช้มาตรการ(measure)อย่างเข้มข้นมากขึ้นและยืนยันว่า,
มันจำเป็นต้องร้องขอให้กระทรวงสิ่งแวดล้อมได้รับรองกฎหมายควบคุมไอเสียที่เข้มงวดมากขึ้น(strong exhaust gas regulations). อีกทั้งยังรวมไปถึงการทำงานสู่การออกแบบพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่(designating large green areas)ในกลางกรุงโซล(central Seoul)เป็นเช่น เขตสะอาด(clean zones), ที่ซึ่งจะอนุญาตให้แต่รถยนต์ไฮบริดหรือรถยนต์ไฟฟ้า(hybrid or electronic cars )เท่านั้นได้เข้าไป. เพิ่มเติมมากไปกว่านั้น, สำนักงานมหานคร(municipal government)กำลังมองที่จะทำงานร่วมกันกับสำพนักงานท้องถิ่นอื่นๆ(other local governments)ในการให้ความสำคัญมากขึ้นในการปกป้องสิ่งแวดล้อม,
เช่น ชางวอน หรือ เจจู, ที่จะร่วมกันลงทุนในรถยนต์ไฟฟ้า.
การขนส่งสาธารณะฟรี
- Free public
transportation
ในเดือนมกราคม 2018, สำนักงานมหานครโซล(Seoul city government)ได้ออกระบบฉุกเฉินในการลดฝุ่นละเอียด(emergency fine dust reduction system)ของตนมาหลายครั้ง,
โดยที่ประกาศห้ามใช้รถยนต์ของทางราชการไม่ว่าสลับกันเป็นเลขทะเบียนคู่-หรือ-คี่(either odd- or even-number license plates),
ขึ้นอยู่กับแต่ละวันนั้นๆ, ปิดที่จอดรถยนต์สาธารณะสำหรับยานพาหนะ, ลดปฏิบัติงานลงที่โรงงานสาธารณะเพียงหนึ่งโหล(a dozen public factories)
และจัดหาระบบขนส่งสาธารณะไม่เสียค่าใช้จ่ายในชั่วโมงเร่งด่วน(free public transportation during rush hours). มาตรการนี้กลายมาเป็นมีผลในการลดการจราจรโดยรถยนต์ในย่านกลางเมืองของกรุงโซล(ineffective in reducing automotive traffic in
downtown Seoul).
ในเดือนมกราคา 2013, เจ้าหน้าที่ของเมือง ทาลลินน์,
ประเทศเอสโตเนีย(Tallinn, Estonia),
ได้คาดการณ์อย่างกล้าหาญบางอย่าง(some
bold predictions)เกี่ยวกับอะไรน่าจะเป็นผลขึ้นมา.
จะมีการไหลหลั่งอย่างท่วมท้นของผู้โดยสารใหม่ๆบนรถบัสและรถรางของเมืองทาลลินน์(Tallinn's buses and trams)---มากกว่า 20 เปอร์เซนต์ของผู้ขับขี่ยานยนต์.
การปล่อยคาร์บอน(Carbon emissions)จะโฏน้มเอียงลดลงอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน,
เมื่อผู้ขับขี่ยานยนต์ทิ้งรถยนต์ของเขาไว้ที่บ้านและใช้บริการขนส่งมวลชน( transit )(แทน.
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนนักว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของชุมชนมากไปทั้งหมดขนาดนั้น,
เจ้าหน้าที่นครทาลลินน์(Tallinn city officials)ได้ยังคงนโยบายภายในของตนเช่นนี้ไว้อยู่.
แล้วกรุงปารีส,
นิวยอร์ค ล่ะเป็นอย่างไร? - How about Paris, New York?
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายกล่าวว่านโยบายปฏิบัติการต่อต้าน-อนุภาคละเอียดให้ได้ผลนั้น,
ขึ้นอยู่กับเวลา
(a
matter of time), การให้มาตรการพิเศษเหมือนๆกันได้กลายมาเป็นผลกระทบในหลายๆเทศบาลมหานครอื่นๆในประเทศก้าวหน้า(many other metropolitan cities in advanced
countries).
กรุงปารีสเองเมื่อปีที่แล้วบังคับใช้กฎหมายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าต่อผู้ขับขี่
– เลขทะเบียนวันคู่-และ-คี่ถูกจำกัดให้ขับขี่ได้ในวันนั้นๆ – หลังจากพบความเข้มข้นของอนุภาคละเอียด(fine particle concentrations)สูงขึ้นกว่ามาตรฐานของประเทศเป็นเวลาต่อเนื่องกัน
5 วัน.
มหานครปัจจุบันได้พยายามที่จะใช้มาตรการทางกฎหมายอื่นที่จะเป็นการห้ามรถยนต์เชื้อเพลิงดีเซลในการเข้าสู่ใจกลางนคร.
มหานครนิวยอร์คยังได้ลดจำนวนช่องทางเดินรถ(number of lanes)ในด้านหน้าของ ไทม์ สแควริ์(in front of Times Square) , พื้นที่แออัดอันเป็นตำนาน(a chronically congested area),
ลดความห้าวหาญของผู้ขับขี่ลงจากการเข้ามาสู่.
สำนักงานขนส่งมหานครนิวยอร์ค(New York City Department of Transportation )ประเมินว่าการลดลงของมลพิษเป็นผลบุญมหาศาลมาจากมาตรการนั้น.
ยุโรปเองปัจจุบันมีนโยบายกระตุ้นในขนาดใหญ่(a large-scale incentives policy)ถึงระดับจำกัดอัตราการใช้เชื้อเพลิงในครัวเรือน. อุตสาหกรรมรถยนต์ก็เช่นกันในการเผชิญกับการจะเปลี่ยนผ่านกระบวนทัศน์หลักของการที่จะหันมาใช้การขนส่งสาธารณะ(public transportation)และจักรยาน(bicycles)เพิ่มขึ้น, และถนนกลายเป็นแคบลงและแคบลง(become narrower and narrower).
นโยบายรัฐบาล
- Government policy
อากาศปนฝุ่นในเมืองใหญ่ได้มาถึงจุดเกินกว่าที่รัฐจะทนทานได้แล้ว(an intolerable state), และได้เรียกร้องให้ปฏิบัติการนโยบายทุกอย่างทั้งหมดออกมาในการที่จะลดมลพิษฝุ่นละเอียด(fine dust pollution). รัฐบาล(เกาหลี)วางแผนที่จะขึ้นไปถึงมาตรการสมบูรณ์แบบ(เบ็ดเสร็จ
- a comprehensive measure).
แต่ก่อนที่จะเป็นเช่นนั้นก็มีการประชุมกันหลายครั้งของคณะรัฐมนตรี(cabinet meeting), มันจำเป็นต้องรีดอะไรออกมาถึงความแตกต่างในท่ามกลางหน่วยงานของรัฐทั้งหลาย.
ก่อนที่ความพยายามปกระสานกันใดๆ(any coordinated efforts),
กระทรวงสิ่งแวดล้อมประสงค์ที่จะขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเพื่อควบคุมฝุ่นสุดละเอียดหลากหลาย(various ultrafine dust)และมลพิษไอเสียจากยานพาหนะเครื่องยนต์ดีเซล(pollutant emissions from diesel-fuel vehicles)ที่ตอนนี้มีจำนวนมากกว่าครึ่งของรถยนต์บนท้องถนนในประเทศ,
เพราะว่าสัมพันธืกันกับน้ำมันเชื้อเพลิงราคาถูก.
มันถูกอ้างว่าอากาศจะสะอาดมากยิ่งขึเนถ้าราคาน้ำมันเชื้อเพลิงถูกทำให้แพงขึ้น,
และรถยนต์เชื้อเพลิงดีเซลถุกลดลงไปจากท้องถนน, ในราว 70 เปอร์เซนต์ของไอเสียที่ปล่อยออกมาจากยานพาหนะ(70 percent of vehicle dust emissions).
แต่กระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมได้คัดค้านในการเคลื่อนไหวนี้เพราะหวาดกลัวต่อการทำร้ายผู้ขับขี่ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อยหรือกิจการของตัวเอง(lower-income class or self-employed).
การที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้น(higher fuel cost)นั้นไม่ใช่หนทางสุดท้ายของการคลี่คลายปัญหา. อากาศควัน(smoky air )ส่วนใหญ่ นั้นมีผลมาจากลมฝุ่น(dust winds)จากจีน. มาตรการในเรื่องอากาศฝุ่น(dusty airควรจะเป็นประการแรกที่ต้องกำหนดในบริบทของความพยายามที่จะร่วมมือกันระหว่างเกาหลี,
จีน, และญี่ปุ่น, ที่จะมีการจัดประชุมระดับรัฐมนตรีอย่างสม่ำเสมอมาตั้งแต่ปี 2013.
การควบคุมไอเสียจากพื้นที่ตั้งอุตสาหกรรมทั้งหลาย(industrial sites), โรงผลิตไฟฟ้า(power stations), และไอเสียไนโตรเจน
ออกไซด์ของยานพาหกนะดีเซล ยังคงเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน. การเพิ่มขึ้นของยวดยานน้ำมันดีเซลโดยปราศจากกฏบัญญัติบังคับขั้นพื้นฐานในเรื่องควันจากจีน,
จะเป็นเพียงแค่เพิ่มค่าใช้จ่ายในการขนส่งและขบวนการลอจิสติกส์, และเงินเฟ้อ(transportation and logistics costs and inflation). รัฐบาลชักจูงให้ลดการใช้รถยนต์ดีเซลโดยการสงเคราะห์(subsidies)ในเบื้องต้น. ผู้ขับรถท๊กซี่และผู้ค้าขายกิจการส่วนตน(self-employed merchants )ผู้ที่พึ่งการใช้รถบรรทุกเชื้อเพลิงดีเซลราคาถูกกว่าจะถูกกระทบอย่างหนัก.
มันไม่จำเป็นที่จะต้องไปถึงหนทางสุดท้ายที่จะคลี่คลายปัญหา. ลำดับความสำคัญ(Priorities)จะต้องปรับแต่งกำหนดขึ้นอย่างประณีต(fine-tuned). ก่อนที่จะขึ้นราคาน้ำมัน,
ยานพาหนะเชื้อเพลิงดีเซลอายุมากกว่า 10 ปีต้องถูกนำออกไปจากท้องถนน. ผู้มีอำนาจทั้งหลายต้องเพิ่มความเข้มแข็งในการดูแลตรวจตราควบคุมในระบบเครื่องยนต์(supervision on mechanisms)ที่จะควบคุมไอเสียสารผสมของไนโตรเจน (nitrogenous compound
emissions)ที่มักออกมาจากยานพาหนะเครื่องยนต์ดีเซลและมลิษจากพื้นที่ตั้งอุตสาหกรรม.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น