สังคมทำเราถึงฉะนี้
ทั้งๆที่สังคมเองกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างที่สุด สังคมที่มีพลเมือง 80%
เป็นชาวนา ยากจน ขาดการศึกษาและถูกเอารัดเอาเปรียบ
สังคมที่ไร้ประสิทธิภาพและมีการคอรัปชั่นอย่างกว้างขวางจนเกือบจะกลายเป็นขนบธรรมเนียมไป
สังคมที่ขาดผู้นำ ขาดคนเก่ง ขาดคนดี และขาดเกือบจะทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเป็นปัจจัยไปสู่ความเจริญก้าวหน้าสำหรับส่วนรวม
เขาชักชวนเราเช่นนั้นเพื่ออะไรกัน
เราผู้เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้น
จากบรรดาคนรุ่นราวคราวเดียวกันร้อยคนที่มีโอกาสได้เรียนต่อขั้นมหาวิทยาลัย
เราผู้ได้เรียนรู้และสามารถที่จะตัดสินสิ่งถูกผิดด้วยตนเอง
เราผู้เป็นที่หวังของยุคสมัยที่จะมาถึงในข้างหน้า
นี่คือเวลาที่เราจะต้องตัดสินใจว่าเราจะไปทางไหน
โดยการยอมรับคุณค่าที่บิดเบือนของสังคมหรือการทำไปตามสิ่งที่ตนคิดว่าถุกต้องและพยายามหาคุณค่าใหม่ๆ
อย่าเพิ่งคิดว่านี่เป็นสิ่งที่เราจะทำไม่ได้ จนกว่าจะได้ลองทำดูแล้ว
ยุคสมัยนี้ไม่ใช่ของใครอื่น แต่เป็นยุคสมัยของเรา
อนาคตของประเทศชาติอยู่กับการตัดสินใจของเราในวันนี้ เราอาจจะไม่มีทางเลือกที่ดีไปกว่าการยอมรับอาชีพใดอาชฃีพหนึ่งที่เรามีโอกาสคว้าได้
แม้กระนั้น ก็ยังไม่ได้หมายความว่า เราได้สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไปด้วย ตราบใดที่พลังใจของเรายังเข้มแข็งและความภาคภูมิในเกียรติศักดิ์ของตัวเองยังมีอยู่
ตราบนั้นเราก็ย่อมที่จะยืนอยู่ข้าง ธรรม ได้ตลอดไป
สังคมไม่อาจกลืนเราได้ง่าย ถ้าหากเรายืนกรานใม่ให้ความร่วมมือเสียอย่าง
แม้เสียงเล็กๆเพียงสองสามเสียง ก็อาจก่อให้เกิดความอึงคนึงในที่ประชุมใหญ่ได้เหมือนกัน
ถ้าเสียงนั้นเป็นเสียงที่เปล่งออกมาเพื่อความถูกต้อง และสัจจะ
อันไม่มีจิตสำนึกดวงใดจะปฏิเสธได้ ถ้าหากความจริง ความถูกต้องดีงาม
อำนาจซึ่งไม่อาจมีสิ่งใดมาหักล้างได้ในระยะยาวแล้ว
ผู้ที่ยืนอยู่ข้างเขาก็จะต้องได้รับชัยชนะที่น่าชื่นชมในที่สุด.
บทนำสังคมศาสตร์ปริทัศน์ฉบับบัณฑิต
2512
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น