หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2563

พุทธทาสภิกขุ - โลกอาจรอดได้ แม้เพราะกตัญญูกตเวที

 

โลกอาจรอดได้

แม้เพราะกตัญญูกตเวที

 

 

         คนทุกคนในโลก มีชีวิตอยู่ได้ และมีความสะดวกสบายอยู่ได้ เพราะอาศัยความรู้สติปัญญาความสามารถของผู้อื่น นมีจำนวนมากจนนับไม่ไหว.  หากไร้ปัจจัยอันสำคัญนี้เสียแล้ว เขาจะต้องตายแล้วตั้งแต่ออกจากท้องมารดาใหม่ๆ เพราะไม่มียาจะกิน ไม่มีผ้าจะห่ม ไม่มีหลังคาจะอาศัย. เขาไม่รู้จักหน้าตาของผู้ให้กำเนิด การประกอบยา การทำเครื่องนุ่งห่ม การทำที่อยู่อาศัย และวิชาความรู้ต่างๆ แต่เขาก็เป็นหนี้บุญคุณของบุคคลเหล่านั้นมาเสียแล้วตั้งแต่ในท้องแม่. ฉะนั้น คนทุกคนมีความผูกพันในทางหนีบุญคุณต่กนและกันจนนับไม่ไหว โดยไม่ต้องกล่าวถึงบิดามารดาครูบาอาจารย์ ซึ่งเป็นหนี้บุญคุณอยู่เหนือศีรษะโดยตรงเลย.  แม้การที่คนในประเทศหนึ่ง ได้เป็นหนี้บุญคุณของคนในประเทศอื่น ก็เป็นสิ่งที่จะพิจารณาเห็นได้ไม่ยากเลย.

         ความรู้และยอมรับรู้ในบุญคุณของผู้อื่นที่มีอยู่เหนือตนนี้ เรียกว่า กตัญญุตา, การพยายามทำตอบแทนบุญคุณนั้นๆ เรียกว่า กตเวทิตา, กตัญญูตเวทิตา ความรู้บุญคุณท่านแล้วทำตอบแทนให้ปรากฏ นี้เป็นธณรมประคองโลกให้เป็นอยู่ได้ และอยู่ด้วยความสงบสุข. คนในโลกแต่ะคน ยิ่งไม่รับรู้ในความที่ตนเป็นหนี้บุยคุณของกันและกัน อย่างที่จะแยกกันไม่ออกยิ่งขึ้นพียงใด ก็ยิ่งทำโลกให้เต็มไปด้วยความแข่งขันแย่ชิงโหดร้ายทารุณ และเกิดลัทธิการเมือง อันทำโลกให้ระส่ำระสายมากยิ่งเพียงนั้น.  นั้นความสนใจในธรรมะ คือกตัญญูกตเวทิตาธรรมนี้ นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งทีเดียว.  ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามทั้งหลายของคนไทยเราล้วนแต่มีความกตัญญูกตเวทีเป็นที่ตั้งอันสำคัญและทั้งเป็นไปเพื่อรักษา และส่งเสริมคุณธรรมข้อนี้ให้ยังคงมีอยู่ในโลกนี้อย่างแน่นแฟ้น พร้อมกันไปในตัว

         คนอกตัญญูอย่างยิ่ง คือคนที่ไม่ยอมรับว่าทุคนในโลกเป็นหนี้บุญคุณต่อกัน อย่างแน่นแฟ้น

         คนที่มีความกตัญญูถึงที่สุด ก็คือคนที่ยอมรับว่า แม้แต่สัตว์พาหนะ เช่นวัวควาย ก็เป็นสิ่งที่มีบุญคุณ อย่าต้องกล่าวถึงบิดามารดาครูบาอาจารย์เลย.  ถ้าใครยอมรับรู้ใรบุญคุณของวัวและควายเป็นต้นแล้ว บ้านเมืองนั้นจะเต็มไปด้วยความสงบสุขเพราะมีคนใจสูง รู้จักตอบแทนคุณแม้แต่วัวควาย แล้วจะเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งมีบุญคุณต่อกันยิ่งไปกว่าวัวและควายได้อย่างไรเล่า. บ้านเมืองนั้นจะอุดมสมบูรณ์ด้วยวัวควายพันธุ์ดีมีคุณภาพสูง มีมนุษย์ใจสูงเป็นเจ้าของขยันทำมาหากินโดยปราศจากการเบียดเบียนกันแม้แต่น้อย.  ส่วนบิดามารดาครูบาอาจารย์นั้นไม่ต้องกล่าวถึง เพราะจะตั้งอยู่ในฐานะเป็นเทวดา หรือเป็นปูชนียบุคคล อยู่เหนือเศียรเกล้ของคนทุกคนทั่วไปจริงๆ.

         คนที่ความกตัญญูละเอียดยิ่งไปกว่านั้น ย่อมรู้จักบุญคุณของป่าไม้ ทุ่งนา ห้วยหนองคลองลำธาร ถนนหนทางและสิ่งสาธารณะอื่นๆ กระทั่งดอกไม้และผีเสื้อซึ่งบินไปมาอยู่โดยปราศจากความรูจักมักคุ้นกับผู้ใด. ผู้ไม่รู้คุณของป่า ย่อมทำลายป่าเสียด้วยความเห็นแก่ตัวข้างเดียว จนลูกหลานไม่มีไม้จะปลูกเรือนกันอีกต่อไป จนห้วยหนองคลองลำธารเหือดแห้งเพราะป่าอันเป็นกำเนิดน้ำนั้นถูกทำลายหมด ไม่มีความชื้นของป่าอันจะคายน้ำออกมาเป็นลำธาร และจึงดึงดูดเมฆฝนให้มาตกเป็นฝน ณ ที่นั้นจนเพียงพอ. ผู้ไม่รู้บุยคุณของถนนคูคลอง ย่อมรุกเนื้อที่ถนนตรอกทางเดินให้แคบเข้าจนไม่สำเร็จประโยชน์ดังบรรพบุรุษได้มุ่งหมายไว้. เขายอมทนลำบากในการไปมายามค่ำคืนดึกดื่นทั้งในยามปรกติและยามคับขัน ไม่ยอมสละเนื้อที่ทำถนนหรือทางเดินสาธารณะแม้แต่นิ้วเดียว. เขาตัดต้นไม้ผลในป่าสาธารณะลงทั้งต้นเพียงเพื่อเอาผลของมันหาบเดียว หรือกระบุงเดียวเท่านั้น. ถ้าเขาเป็นคนกตัญญู สิ่งเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเลย แผ่นดินจะร่ำรวยด้วยสิ่งอันจะทำความชื่นอกชื่นใจ ให้แก่คนทุกคนในโลกยิ่งขึ้นทุกที เพราะการทะนุถนอมและการบำรุงส่งเสริมของผู้มีกตัญญุตาธรรมเหล่านั้น.

         คนที่มีความกตัญญู อันละเอียดสุขุมยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีก ย่อมรู้จักบุญคุณของศัตรูและปรปักษ์ตลอดถึงสิ่งอันเป็นอุปสรรคต่างๆชนิด.  ศัตรูทำให้คนกตัญญูมีความฉลาดและก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปกว่าเดิม ทำให้เขาประกอบด้วยคุณธรรมอันสูงยิ่งขึ้น ด้วยความอดกลั้น อดทน และการเสียสละเป็นต้น. อิจฉาริษยาทำให้เรากลายเป็นคนหนักแน่นมั่นคงและมีความเมตตากรุราชั้นสูงพิเศษ มีคนธณรมดามีไม่ได้. อุปสรรคทั้งหลาย ทำให้เรามีปัญญาเข้าใจโลกถูกต้องตามที่เป็นจริง ชนิดที่จะทำให้เรามีชีวิตอยู่ในโ,กต่อไปด้วยความผาสุกยิ่งขึ้น. ความเจ็บไข้ และความยากลำบากทุกประการ ทำให้เราเกิดวิปัสสนาญานปลงตกจนมองเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาได้จริงๆ และทำให้บรรลุผลนิพพานเพราะเหตุนั้น. คนที่อกตัญญูไม่รู้คุณของสิ่งเหล่านี้ จักต้องล่มจมหรืออย่างน้อยก็ขุดหลุมฝังตัวเอง เพราะโกรธตอบริษยาตอบ ความอัดอั้นตันใจเอะอะโวยวายมีจิตใจระส่ำระสายทำอะไรผิดพลาดไปหมดทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว จักไม่เป็นการทำลายตนเองอย่างไรได้. ส่วนคนที่อกตัญญูรู้คุณของสิ่งเหล่านี้ ย่อมทำให้โลกสงบเยือกเย็นงดงามยากที่จะเปรียบได้.  เขาสามารถทำมารให้กลายเป็นพระ ทำยักษ์ให้กลายเป็นมนุษย์ที่ดี ทำคนตระหนี่ให้กลายเป็นใจบุญสุนทรทาน ทำคนริษยาให้กลายเป็นคนใจกว้าง แล้วจะไม่ทำโลกนี้ให้กลายเป็นสวรรค์ได้อย่างไร. เขารู้คุณของศัตรู ในการที่ให้บทเรียนอันประเสริฐสุดอันจาจากที่อื่นไม่ได้แก่เขา เขาจึงขอบคุณ และพยายามสนองตอบด้วยความดี. บุญคุณของศัตรูมีอยู่มากเช่นนี้จึงเป็นการยากที่คนกตัญญูจะมองข้ามไปเสียได้.  ถาคนเราไม่มีศัตรูและอุปสรรคเสียเลย โลกนี้ก็จะไร้สิ่งที่เรียกกันว่าสมรรถภาพ.  ผู้ที่มองเห็นคุณของศัตรูและปรปักษ์ ย่อมไม่อาจที่จะก่อความยากเข็ญขึ้นในโลกได้แต่ประการใด. โลกสงบเย็นไปกว่าระดับธรรมดา ก็เพราะมีบุคคลที่มีใจสูงถึงขนาดมองเห็นบุญคุณของศัตรูและอุปสรรคดังกล่าวแล้ว ซึ่งนับว่าเป็นคนกตัญญูที่ลึกซึ้งที่สุด.

         เมื่อแม้แต่ศัตรูและปรปักษ็มีบุญคุณแก่เราถึงเพียงนี้แล้ว จงคิดดูเถิดว่า บิดามารดาครูบาอาจารย์ ตลอดถึงพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันเป็นวัตถุสูงสุดนั้น จักเป็นสิ่ง ที่มีบุญคุณแก่เรามากน้อยเพียงไร?

         ทุกคนมได้เกิดจากโพรงไม้ แต่เกิดในโพรงเล็กๆ ในครรโภทรของมารดาด้วยการร่วมมือของบิดา. เกิดมาแล้วมีชีวิตอยู่ได้ และเจริญเติบโตต่อไปบนความเสียสละของบิดามารดาและของทุกคนที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องอันมีจำนวนมากเหลือที่จะนับ. บัณฑิตทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ยกบิดามารดาขึ้นเป็นบุคคลแรกในเรื่องนี้ ก็เพราะเป็นบุคคลแรกในการให้กำเนิด ให้ปัจจัยเครื่องยังชีวิต ให้วิชาความรู้ ให้การอบรมทางอุปนิสัยที่ดีและอื่นๆ ที่เป็นผลดีอีกมากมาย. หากผู้ใดมีจิตทรามจนถึงกับไม่รู้คุณของปรปักษ์และศัตรูดังที่แล้วได้. การซึมทราบในพระคุณของบิดามารดา จึงเป็นความกตัญญูหมายเลขหนึ่งของคนทุกชาติทุกภาษาในโลกนี้ และโลกอื่นๆทุกโลก, ผู้ไม่รู้คุณบิดามารดาย่อมูกจัดไว้ในฐานะเป็นบุคคลที่ใครๆไม่ควรไว้ใจในโลก.

         ผู้ที่จะได้ชื่อว่าเป็นบุตรที่ดีของบิดามารดาหรือกตัญญูต่อบิดามารดาอย่างแท้จรินั้น ก็คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ยกบิดามารดาขึ้นจากนรกได้.  บิดามารดาย่อมตกนรกชื่อว่า “ปุตะ” นรกชื่อ ปุตะ นี้ ได้แก่ความร้อนใจเป็นทุกข์หนักเพราะไม่มีบุตรที่จะเป็นเครื่องทำความชื่นชมยินดี ไม่มีบุตรที่จะสืบสกุล ไม่มีที่เลี้ยงดูในยามที่ตนแก่ชราหรือเจ็บไข้ ไม่มีบุตรที่จะบำเพ็ญกุศลทักษิณาทานให้เมื่อตนตายไปแล้ว. ครั้นได้ลูกที่กตัญญูมาบิดามารดาก็ขึ้นจากนรกอันนี้โดยสิ้นเชิง บุตรจึงได้ชื่อว่าผู้ที่ยกบิดามารดาขึ้นจากนรกเพราะเหตุนี้. หากได้ลูกมาเป็นคนอกตัญญูไม่รู้คุณของบิดามารดา ลูกนั้นเองเกลายเป็นผู้จับบิดามารดาของตนสาลงในนรกขุมนี้ให้ลึกลงไปอีก จนยากที่จะขึ้นพ้นได้ คนบางคนเป็นคนเจ้าชู้มาแต่เล็ก เหลวไหลในการเล่าเรียน หรือการอบรมตนให้เป็นคนดี ใช้เงินเปลืองผลาญทรัพย์สมบัติที่เกิดจากเหงื่อไคลของบิดามารดา ตามความสบายใจของตน หมกหมุ่นในความเสียหายโดยไม่ต้องนึกว่า มันเป็นทรมานจิตใจของบิดามารดาสักเพียงใด ไม่เลี้ยงบิดามารดาทั้งด้วยอารกายและอาหารใจ แต่รบกวนให้บิดามารดาเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานของตนสืบไป ไม่มีที่สิ้นสุดในฐานะอย่างเดียวกับคนไข้ รังเกียจบิดามารดาในยามแก่ชราหรือเจ็บไข้ราวกับว่าเป็นสิ่งที่น่าขยะแยงหรือน่ารำคาญ. ลืมบิดามารดา หรือไม่รู้สึกว่ามีบิดามารดา ตั้งแต่บิดามารดายังมีชีวิตอยู่. บุคคลที่เป็นอย่างนี้ ไม่ได้ชื่อว่าบุตร เพราะเหตุที่ไม่ได้ยกบิดามารดาขึ้นจากนรกอันชื่อว่า ปุตะ นั่นเอง เขาเป็นได้มากเพียง ผล หรือ ลูก หรือ ก้อน อะไรที่ไม่สะอาดก้อนหนึ่ง ที่หลุดออกมาจากท้องมารดาของเขาเท่านั้น เขาจึงมิใช่ผู้ที่จะทำโลกนี้ให้สะอาดหรือสงบได้แต่อย่างใด เพราะความที่เขาเป็นผู้ที่มีจิตใจชนิดที่ไม่อาจรู้สึกในบุญคุณนั่นเอง. ส่วนผู้ที่สามารถเป็นบุตรที่ดี คือสามารถยกบิดามารดาขึ้นจากนรกชื่อว่า ปุตะ ได้นั้น ไม่ต้องสงสัยเลย เขามีอะไรพร้อมที่จะรู้สำนึกบุญคุณของโลกและตอบแทนบุญคุณของโลกด้วยการทำความเย็นใส่ในโลกนั่นเอง. ผู้รู้คุณบิดามารดาแล้วพยายามทำตอบแทน จึงถูกจัดไว้ในฐานะที่เป็นที่นับถือ และไว้วางใจทั้งของเทวดาและมนุษย์.

         ครูบาอาจารย์ คือผู้นำฝ่ายวิญญาณ ของกลบุตรที่เติบโตขึ้นมาในโลกนี้. การที่วิญญาณจะเดินไปถูกทางหรือมีใจสูงได้นั้น เป็นสิ่งที่มีได้ยาก เป็นสิ่งที่ลี้ลับมีพีรีตองมากและต้องอบรมนาน ฉะนั้นจึงต้องมีบุคคลขึ้นประเภทหนึ่งในโลกนี้ เพื่อรับภาระอันนี้และเราเรียกกันว่า ครูบาอาจารย์  การที่ต้องมีบุคคลประเภทนี้ขึ้นโดยเฉพาะ ก็เพราะว่าจะได้มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะหรือมีโอกาสอันเพียงพอในการทำหน้าที่ของตน แต่คนสมัยนี้มีความคิดโนมเอียงไปในทางที่ว่าครูบาอาจารย์เป็นลูกจ้าง หรือผู้รับจ้างทำหน้าที่นั้นๆ เพราะได้รับเงินเดือน หรือสิ่งของสำหรับบำรุงจากผู้ใดผู้หนึ่ง หรือทางใดทางหนึ่ง. ความกตัญญูในครูบาอาจารย์จึงร่อยหรอไป จริงอยู่ที่มีระเบียบเงินเดือนหรือถวายปัจจัยเครื่องยังชีพแก่ครูบาอาจารย์ แต่เมื่อคิดดูแล้ว สิ่งที่ให้นั้นมีค่าเพียงพอเพื่อยังชีพอยู่ได้โดยไม่ต้องไปประกอบอาชีพอื่นจนหมดเวลาที่จะทำการอบรมสั่งสอน และเมื่อเปรียบเทียบกันดูสิ่งที่อาจารย์ประสิทธิ์ประศาสน์ให้ ย่อมจะเห็นได้ว่าความสูงทางฝ่ายวิญญาณที่ได้รับจากครูอาจารย์นั้น มีค่ามากเกินกว่าค่าของที่ใช้เป็นค่าบูชาครูอาจารย์ อย่างที่เปรียบกันไม่ได้เลย. ครูบาอาจารย์พ้นจากฐานะของความเป็นลูกจ้าง แต่อยู่ในฐานะของความเป็นปูชนียบุคคลก็เพราะให้สิ่งที่มีค่าสูงสุดแก่ศิษย์ยิ่งกว่าที่ศิษย์จะตอบแทนไหวนี่เอง. แม้จะจากกันไปแล้วก็ยังเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจศิษย์ให้งดเว้นการทำในสิ่งที่ไม่ควรทำได้ ทุกคราวที่ระลึกได้ถึงอาจารย์ว่าได้พร่ำสอน หรือขอร้อง หรือแสดงความมุ่งหมายไว้อย่างไร. พืชแห่งความมีใจสูงที่อาจารย์ได้เหว่านไว้ในหัวใจของศิษย์นั้น แม้หากจะไม่ออกผลในขณะนั้นก็ยังอาจออกผลได้ในกาลภายหลังเมื่อศิษย์เองแก่ชราไปแล้ว หรือแม้เมื่อสิ้นลมหายใจก็ยังเป็นสิ่งที่เป็นไปได้เสมอ. การได้เห็นได้ยินได้ฟัง ได้อบรมตัวอย่างที่ดีจากอาจารย์ในแง่ต่างๆ เมื่ออยู่ในสำนักย่อมเป็นเชื้ออันเร้นลับฝังอยู่ในสันดานของศิษย์โดยไม่รู้สึก สำหรับจะงอกงามเป็นสติปัญญาในการก้าวหน้าหรือการกลับตัวจากทางที่ผิดในโอกาสหลังได้เสมอไป. ในกรณีปกติครูบาอาจารย์ย่อมยกสถานะทางวิญญาณของศิษย์ ให้สูงต่อขึ้นไปจากที่บิดามารดาได้ยกขึ้นไว้แล้ว เพราะเป็นบุคคลที่โลกที่จัดไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ.

อาจารย์ต้องอดกลั้นอดทนเป็นพิเศษ และเอาใจใส่สอดส่องเป็นพิเศษ จึงจะสามารถปลูกฝังความสูงทางวิญญาณลงไปในจิตของศิษย์ได้สำเร็จ, นั่นแหละ คือ เมตตาของอาจารย์.  อาจารย์ต้องทำการศึกษาและอบรมตนเองให้มากเป็นพิเศษอยู่เสมอ จึงมีอะไรเพียงพอที่จะปลูกฝังให้แก่ศิษย์, นั่นแหละ คือปัญญาหรือวิชาของอาจารย์ อาจารย์จักต้องเสียสละมากอย่างนี้สมอไป จึงไม่อยู่ในฐานะที่จะตกไปเป็นลูกจ้างของศิษย์ แต่กลับมีบุญคุณอยู่เหนือศีรษะของศิษย์ทุกคน. ศิษย์ที่มีความกตัญญูจึงเป็นบุคคลที่มีความถูกต้อง และความสมประกอบอยู่ในนิสัยสันดานของตนมีความเหมาะสมที่จะทำโลกนี้ให้ร่มเย็น ด้วยความอดกลั้นอดทนและความเฉลียวฉลาดของตนสืบไป. ความระลึกถึงบุญคุณของอาจารย์มีแต่ จะทำให้อยาก ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ แก่ประชาชนสืบไปไม่มีสิ้นสุด เพื่อรักษาเกียรติแห่งสำนักของอาจารย์และอุทิศส่วนกุศลแก่อาจารย์พร้อมกันไปในตัว. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้โดยตรงว่าเมื่อระลึกคุณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว มีทางที่ควรทำทางเดียวเท่านั้น คือการทำความดีอนกว้างขวาง อทิศแก่บุคคลนั้น หรือเป็นที่ระลึกถึงบุคคลนั้น. การเซ่นสวง หรือการร้องไห้เป็นต้น ไม่มีประโยชน์อันใดแก่ผู้ล่วงลับไปแล้วเลย ฉะนั้น ผู้ที่รักอาจารย์และรู้คุณอาจารย์ จึงตั้งหน้าตั้งตาบำเพ็ญประโยชน์แก่โลก.

         พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้พระนามว่าพระบรมครูเพราะทรงสามารถยกวิญญาณของสัตว์ให้สูงได้จนถึงที่สุด ไม่ถูกความทุกข์ท่วมทับ อีกต่อไป จึงทำให้บุคคลนั้นๆได้นามว่า พระอริยเจ้า พระธรรม ของพระองค์ก็คือวิธีการยกวิญญาณให้ขึ้นสูงพ้นจากน้ำ คือความทุกข์โดยสิ้นเชิงได้นั่นเอง. พระสงฆ์ คือผู้ที่ทำได้ตามนั้นแล้วสืบอายุของพระธรรมมาจนถึงพวกเรา ทำพวกเราให้มีโอกาสได้รับสิ่งประเสริฐเหมือนกับได้รับจากพระพุทธเจ้าโดยตรง. พระสาวกทั้งหลายเหล่านี้ ทนรับความลำบากทุกประการในการสืบอายุพระศาสนา ทั้งนี้ก็เพราะความกตัญญูในพระผู้มีพระภาคเจ้า. เรากล่าวได้โดยไม่ต้องกลัวผิดว่า ศาสนาเป็นมรดกตกทอดมาถึงพวกเราในสมัยนี้ได้ก็เพราะความกตัญญูของเล่าสาวกที่ตั้งใจทำให้ตรงตามพระพุทธะประสงค์นั่นเอง.  ความกตัญญูของพระสาวก ทำให้พระศาสนาสืบอายุมาได้เป็นพันๆปี โลกมีศาสนาเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ก็เพราะความเสียสละด้วยอำนาจความกตัญญูของบรรดาสาวกทั้งหลาย. โลกมีธรรมเป็นเครื่องคุ้มครอง เพราะพุทธบริษัทปักใจทำให้ตรงตามพระพุทธประสงค์เพื่อสนองพระคุณของพระองค์. เราจึงเห็นได้ว่าความกตัญญูเป็นธรรมที่คุ้มครองโลก สมควรที่เราทั้งหลาย จะช่วยกันรักษาเอาไว้อย่างมั่นคง

         กล่าวโดยแท้จริงแล้ว ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงามของพุทธบริษัทล้วนแต่เกิดขึ้นมาเพราะความกตัญญูกตเวที; เป็นไปได้เพราะกตัญญูกตเวทีนี้ ให้ฝังแน่นอยู่ในใจของบุตรหลานอนเป็นอนุชนสืบไปอย่างมั่นคง.  จารีตประเพณีต่างๆ เช่นการปลงศพผู้เป็นอุปัชฌาย์อาจารย์เป็นต้นนั้นมุ่งหมายจะซักซ้อมความกตัญญูกตเวทีในหัวใจของทุกคน ยิ่งกว่าที่จะมุ่งหมายอย่างอื่น จึงได้เกิดประเพณีทุ่มเทเพื่อการจัดงานอย่างไม่คำนึงถึงความหมดเปลืองและความยากลำบากทุกๆประการ. ทั้งนี้เพราะเห็นความจำเป็น ในการที่โลกเราจักต้องเป็นโลกที่อาบย้อมอยู่ด้วยความกตัญญูกตเวที จึงจะเป็นโลกที่ร่มเย็นโดยนัยที่กล่าวแล้ว. ศาสนาและจารีตระเพณีของคนทุกชาติทุกภาษา ล้วนแต่มีหลักเกณฑ์อย่างนี้. แต่สำหรับพุทธศาสนานั้นยังมีหลักการที่จะระมัดระวังให้ความหมดเปลืองนั้น หมดเปลืองไปในทางที่จะเป็นประโยชน์แก่สังคมพร้อมกันไปในตัวอีกโสดหนึ่ง : ความกตัญญูของพุทธบริษัททั้งหลายจึเป็นไป เพื่อทำโลกให้ร่มเย็นอย่างน่าชื่นอกชื่นใจแท้จริง.

         ถ้าหากทุคนในโลก ยอมรับรู้ถึงความจริงอันประเสริฐสุด คือความที่มนุษย์ทุกคนเป็นหนี้บุยคุณต่อกันและกัน แม้แก่คนที่เป็นศัตรูของกันและกันดังที่กล่าวแล้ว โลกนี้จะเต็มไปด้วยการแข่งขันแย่งชิงทำความดี เพื่อเปลื้องหนี้บุญคุณของตนๆ ให้ตนพ้นหนี้อันนี้. ถ้าหัวใจของคนในโลกนี้เต็มไปด้วยความกตัญญูกตเวทีจริงๆแล้ว โลกนี้จะเป็นลกที่งดงามยิ่งกว่าเทวโลก น่าอยู่ยิ่งกว่าเทวโลก ปลอดภัยยิ่งกว่าเทวโลก และน่าบูชาน่าปรารถนายิ่งกว่าเทวโลก โดยไม่ต้องสงสัยเลย.

         จงคิดดูให้ดีเถิด การที่เรามีความอดออมต่อกันและกัน ไม่หุนหันพลันแล่นทำอะไรลงไปด้วยโทษะทั้งหมด ก็เนื่องจากยังระลึกคนนั้นคนนี้ ระลึกบิดามารดาพี่ป้าน้าอาของเรา ที่เคยมีความดีต่อเรา เราจึงไม่ใจไม้ไส้ระกำต่อผู้ใดผู้หนึ่งลงไปได้ง่ายๆ แม้พวกเราจะผลุนผลันทำลงไป ก็ยังถึงกับเรียกตัวมาขอโทษให้อภัยกัน เพราะเห็นแก่คนนั้นคนนี้ตาดำๆ บ้างเพราะเห็นแก่คนที่ตายไปแล้วบ้างที่เคยดีต่อเรา หรือต่อบิดามารดาของเราเป็นต้น ความกตัญญูเป็นสิ่งที่รับว่ามีอำนาจแปลงยักษ์ให้กลายเป็นมนุษย์ได้และทำโลกให้รอดและร่มเย็นได้ ดังกล่าวมาฉะนี้แล.

         เราทั้งหลายจงช่วยกันทะนุถนอม ธรรมะอันประเสริฐข้อนี้ให้ยังอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของโลก ด้วยความพร้อมเพรียงและเสียสละอย่างยิ่ง ของพวกเราทุกคน ตลอดกาลนานเทอญฯ

โมกขพลาราม ไชยา

๘ มีนาคม ๒๔๙๗

(จากหนังสือ “ชุมนุมข้อคิดอิสระ” โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ หน้า ๓๐ - ๔๐)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น