...เมื่อคืนวิสัชนาเรื่อง "การเมือง/เผด็จการ/ประชาธิปไตย"(สำหรับพวกควาาาายยยยยย) คืออะไร?...เอาไว้สามสิบกว่าข้อ...แต่ด้วยที่ - การสีซอตอนค่ำคืนนั้น...เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตมาก...จิ้มเสร็จแล้วก็เลยปิดเครื่องนอนฟังทีวีไปจนหลับ...เช้านี้เลยต้องมาสอบทานสานต่ออีกนิดหน่อย...เอาความเดิมของเมื่อคืนที่แก้ไขคำให้ถูกต้องนี้แล้วอ่านไซะก่อนนะ...เด่วค่อยว่าตอนต่อไปอีก...
1) ว่าจะไม่ต่อความให้ยาวยืดอะไรกับผู้ที่ชอบตัดหยิบวาทะของผู้โด่งดังมาสร้างกรรมเพื่อหนุนควาาายยยตัวไหนที่ชอบและ/หรือเอามาใช้เหยียบตัวที่ตนเกลียด...แต่?
2) แต่ -เมื่อวิพากษ์ไปแล้วก็ต้องบอกให้ชัดถึงเหตุปัจจัยและผลที่เกิด...และทางแก้ไขที่พึงทำได้...ไม่งั้นก็เป็นแค่คนถ่อยโง่ที่ด่าคนอื่นแล้วกระเด็นกลับมาโดนหัวตัวเอง...
3) ประชาธิปไตยเค้ามีขึ้นมาเพื่อใช้ในเรื่อง'การเมือง'ได้แค่นั้นน่ะ...การบ้าน/การศาสนา/การศึกษา/การแพทย์/การออกแบบวางผัง ฯลฯ...ไม่มีคนเอาไปใช้กันหรอก-นอกจากพวกควาาาายย.
4) เพราะ 'การเมือง' แปลว่า...เรื่องของการอยู่ร่วมกันเป็น'เมือง'ของมนุษย์...ถ้าควาาายยแล้วเค้าเรียก 'การฝูง' หรือ'การคอก'...เน๊าะ.
5) มนุษย์จะอยู่ร่วมกันเป็นเมืองได้ - ก็ต้องมีกติกาของการอยู่ร่วมกัน..
ถ้าไม่มีกฏกติกา - ก็อยู่ร่วมกันได้แค่เป็นฝูง...ไม่ใช่เป็น'เมือง'..
6) เพราะฉะนั้น...ใครที่บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับ'การเมือง' ก็ ไม่ใช่มนุษย์...แต่เป็นเทวดา/ฤาษี หรือไม่ก็เป็นควาาายยย...อ่ะแหละ.
7) การอยู่ร่วมกันเป็นเมืองจึงต้องมีกฏกติกาตราบัญญัติตกลงกันไว้...ใหญ่สุดเรียกว่า 'รัฐธรรมนูญ'...ไม่ต้องแปลลงไปอีกนะ...ควาาายยยน่ะไม่ต้องมีรัฐธรรมนูญไว้ใช้ด้วยหรอก.
8) ทีนี้ - วิธีการอยู่ร่วมกันเป็นเมืองหรือการเมืองนั้นใดๆแล้วมี 2 วิธีคือ 'เผด็จการ' กับ 'ประชาธิปไตย'.
9) วิธีเผด็จการ ก็คือวิธีที่คนส่วนน้อยมีอำนาจตัดสินใจ/เด็ดขาดในการบริหารจัดการ 'การอยู่ร่วมกัน'...
10) ส่วนวิธีการประชาธิปไตยนั้น...คือคนส่วนใหญ่มีอำนาจในการตัดสิน/บริหารจัดการ...การอยู่ร่วมกันเป็นเมือง.
10) ทั้ง 2 วิธี(เผด็จการและประชาธิปไตย)ต่างก็มีกฏกติกาการอยู่ร่วมกัน..ต่างก็มีรัฐธรรมนูญด้วยกันทั้งนั้น...ต่างกันตรงวิธีใช้อำนาจทาง'การเมือง' - ว่ามาจากกลุ่มน้อย/หรือกลุ่มใหญ่.
11) ทั้ง'เผด็จการ' หรือ'ประชาธิปไตย' - ต่างก็ต้องยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ - กว่าประโยชน์ของตนหรือของกลุ่มตน...ทั้ง 2 ระบอบอ่ะแหละ.
12) ถ้าไม่ว่า'เผด็จการ'หรือ'ประชาธิปไตย' ใช้อำนาจทางการเมืองโดยไม่ยึดถือ'ประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่' แล้ว..เค้าเรียก ทรราช(tyrant).
13) ทรราช(tyrant) แปลว่า ผู้ที่ประชาชนไม่พอใจให้ขึ้นมามีอำนาจในการบริหารจัดการ 'การเมือง'...ไม่ได้แปลว่า ผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อพระราชา...นะจ้ะ-ควาาาายยยทั้งหลาย.
14) ย้ำ - การบริหารจัดการ'การเมือง'ต้องยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่นั้น...ไม่ใช่ 'ยึดถือประโยชน์ของคนส่วนใหญ่'...
15) ฉะนั้น 'ยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่' ต้องแปลว่า...ประขาชนทุกคนต้องได้ประโยชน์เสมอกัน...โว้---ย.
16)ฉะนั้น...วิธีการ'เผด็จการ' หรือ'ประชาธิปไตย' ก็ย่อมมีทั้งดีและชั่ว...ทั้งเป็น 'ทรราช' และ 'ไม่เป็นทรราช' ได้ทั้ง 2 วิธี...
17) เผด็จการที่ดี-ไม่ใช่ทรราช ก็เช่น พุทธศาสนา...ที่ไม่ได้มีการให้อำนาจคนส่วนใหญ่...พระพุทธเจ้าร่างธรรมนูญของพุทธอาณาจักร-เอง.
17(ต่อ) พระพุทธเจ้าเป็นเผด็จการและพุทธศาสนาก็เป็นระบอบเผด็จการ...แต่ทุกการใช้อำนาจนั้นก็เพื่อ'ประโยชน์(ที่แท้จริง)ของผู้คน'...จริงมั๊ยจ้ะ-ควาาายยยน้อย?
18) อย่างเช่น - การบ้าน...เรื่องของบ้านอย่ามาทำกระแดะว่าใช้วิธีประชาธิปไตย...เผด็จการของบ้านก็คือผู้หาทรัพย์มาให้สมาชิก...เช่น พ่อเลี้ยงลูก-ก็ย่อมต้องเป็นวิธีเผด็จการ...แต่?
18)ต่อ)...แต่เมื่อใดก็ตาม...ถ้าลูกได้เป็นผู้ร่วมในการจัดหาทรัพย์มาให้'บ้าน' - วิธีเผด็จการก็ต้องอ่อนข้อลง...(มีต่ออีกหน่อยนึง)
18(ต่ออีกหน่อยนึง)...จนกว่าลูกจะชดใช้หนี้สิน/บุญคุณจนหมดสิ้นแล้วนั่นแหละ...จึงจะใช้วิธีการ'ประชาธิปไตย'ใน'บ้าน - ของพ่อ'ได้....เข้าใจมั๊ยจ้ะ-ลูกควาาายยย?
19) ย้ำ-ประชาธิปไตยใช้การได้ก็แต่ใน 'การเมือง'เท่านั้น...'การ'อย่างอื่น - ใช้ไม่ได้/อันตรายด้วยซ้ำ...แม้กระทั่งในพรรคการเมืองที่กระแดะอ้างว่าเป็นประชาธิปไตยนั่นก็ไม่ได้ใช้ด้วยแหละ...
20) อย่างเช่น 'การทหาร' นี่ก็มีประชาธิปไตย -ไม่ได้/ขืนมีก็วิบัติแหละ...ไอ้ที่แดะพูดว่าเป็น'ทหารประชาธิปไตย'น่ะ...ไม่บ้าก็ควาาาายยยแหละครับ.
21) แล้ว... ประชาธิปไตยก็ไม่ใช่ตัดสินกันด้วย'เสียงข้างมาก'...เสียงข้างมากเป็นแค่วิธียุติเรื่อง...แต่ประชาธิปไตยนั้นต้องตัดสินกันด้วย 'ความถูกต้อง'...ไม่ใช่เสียงที่มากกว่า.
22) เพราะถ้าใช้เสียงข้างมากหรือส่วนใหญ่-โดยไม่ตัดสินด้วย'ความถูกต้อง'..เสียงข้างน้อยย่อมไม่ได้รับประโยชน์เสมอกันกับเสียงข่างมาก..เรื่องก็'ไม่ยุติ'ที่จะอยู่ร่วมกันเป็นเมือง.
23) อาเซียน(AEC)ใช้วิธีตัดสินแบบ'ฉันทามติ'คือเห็นพ้องกันทั้งหมดจึงจะถือว่าเป็นอัน'ยุติ'เรื่องร่วมกัน...
24) ศาลฯอเมริกาใข้วิธีตัดสินระบบลูกขุน(คัดเลือกคนกลางร่วมกันทั้งโจทก์/จำเลย)12 คนและต้องตัดสินเป็นฉันทามติ(เห็นพ้องกันทั้งหมด)...จึงจะยุติ-ลงด้วย-ธรรม.
25) ศาล'การเมือง'ของเราใช้วิธีตัดสินแบบคณะ...แต่ใช้วิธีเสียงข้างมาก(เอกฉันท์) - ไม่ได้ใช้วิธีฉันทามติแบบลูกขุนอเมริกา...จึงบางครั้งไม่'ยุติ-ลงด้วย-ธรรม'...แบบชนะแค่ 5-4.
26) สรุป(จะนอนดูหนังละ)...ประชามติหรือเสียงข้าง -ก็ไม่ได้แปลว่า เป็นความถูกต้อง...และสามารถ'ยุติ'ปัญหาได้..นอกจากต้องมี'ความถูกต้อง'...เท่านั้น.
27) เพราะเช่นนั้น...การลงประชามติรัฐธรนมนูญใดๆ...ก็ไม่ได้แปลว่า รัฐธรรมนูญนั้น'ถูกต้อง'..และใช้ยุติปัญหาของบ้านเมืองได้...เข้าใจมั๊ยจ้ะ-ควาาายยยเฒ่า?
29) ขอกราบพระคุณบุรพาจารย์ - ท่าน ศ.ดร.สุจิต บุญบงการ-วิชารัฐศาสตร์และคุณแม่วิมลศิริ ชำนาญเวช-วิชานิติศาสตร์-ที่สอนศิษย์กระบือๆมาจนสว่างไสวได้ในชีวิต...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น