“เราไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน โควิด-19 เข็มที่สาม”:
นักไวรัสวิทยาอเมริกา/ ภาค 2
'We don't need a third
shot of COVID-19 vaccine': US virologist | Part. 2
-
ฮาคิม
ยาบาลลาห์ (Hakim Djavallah)เป็นชาวอัลจีเรียน/อเมริกัน
-เกิดในอเมริกา, นักอณูเภสัชวิทยา(molecular pharmacologist1)และนักเทคโนโลยี(technologist), และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง(co-founder), ประธาน & CEO ของ Keren Therapeutics,
บริษัทstartup ที่ได้อุทิศให้กับ วิทยาศาสตร์ของวัยชรา(science
of aging), โดยเฉพาะ, การเชื่อมโยงของวัยกับ-ภาวะสมองเสื่อม(age-related
cognitive declines) รวมทั้ง ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย(sarcopenia), ภาวะผอมลงผิดปกติ(cachexia)และโรคสมองเสื่อม(Alzheimer’s
disease). ก่อนหน้านี้, ยาบาลลาห์(Djaballah) เป็น CEO ของสถาบัน Pastor Institute ในประเทศเกาหลี, สถาบันค้นคว้าวิจัยเคลื่อนที่(a translational
research institute)โดยเพ่งเล็งไปที่ โรคการติดเชื้อ(with
focus on infectious disease), เนื้องอกวิทยา(oncology), และ การวินิจฉัยโรค(diagnostics.
-
https://www.ecronicon.com/editorial_popup.php?id=4800
The Korea Times is Korea's
most influential and the oldest independent English-language daily. We deliver
the latest information on all events and stories taking place in Korea. * To
visit our website: http://www.koreatimes.co.kr/
(ตอนแรกจะเป็นเรื่องผลข้างเคียงของวัคซีนไวรัสโควิด
ดูได้ที่ https://youtu.be/5qhGdKOnUro)
มิน-ลี/ผู้รายงานข่าว: และตอนนี้เราถูกปล่อยทิ้งไว้กับทางเลือก(option)ของการรับวัคซีนเข็มกระตุ้น(getting booster shot)เพื่อที่จะเพิ่มประสิทธิผลจากการกระตุ้นกลับของวัคซีน(efficacy
of the back of the vaccine), ดังนั้น “เราจำเป็นต้องการโดสเสริมเติมของวัคซีน(an
additional dose of vaccine)เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการป้องกันทั้งหลายที่คงทนยืนนานมากยิ่งขึ้น(more
durable protections), และถ้าเช่นนั้น,
ใครที่จำจำเป็นต้องการพวกมันและเราได้มีการทดลองวิจัยในคน(clinical trials)ใดๆที่มาสนับสนุนในเรื่องนี้ไหม?”
ดร.ยาบาลลาห์: ผมยังไม่ได้เห็นแม้แต่ชิ้นเดียวของงานวิจัยระดับเบต้า(beta
- ระดับต้นร่าง)ที่รองรับสนับสนุนความจำเป็นต้องการของโดสที่สาม(support
for the a third dose).
ผมได้เห็นหลายประเทศหนุนหลัง(basing)ให้กับการตัดสินใจ(the decision)สำหรับการฉีดวัคซีนโดสที่สาม(a
third dose).
บนข้อมูลที่ได้รับจากประเทศที่เราเรียก
อิสราเอล(Israel),
และดังที่คุณรู้ว่าได้เซ็นสัญญาร่วมหัวจมท้ายกันกับบริษัทPfizer, ดังนั้นพวกเขาจึงใช้วัคซีนไฟเซอร์(the Pfizer vaccine)ในขนาดใหญ่แพร่กระจายไปทั่วประเทศของพวกเขา. ดังนั้นข้อมูลจากอิสราเอล(Israel)ได้กลายเป็นบรรทัดฐาน(the norm).
หมายเลขหนึ่งอิสราเอล(number
one Israel)แค่แสดงแต่เพียงว่า,
เมื่อคุณมองไปที่ระดับของภูมิต้านทาน/คุ้มกันทั้งหลาย(the level of
antibodies)ในร่างกาย(in the body)ภายหลังจากหกเดือนจากผู้คนบางรายที่ถูกคัดเลือกมา(for
some selected people)ที่พวกเขาได้สุ่มออกมา,
ระดับของภูมิคุ้มกันร่างกาย(the level of antibodies)ได้ลดลง(went
down).
แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ(normal).
และถ้าศัตรูไม่ได้อยู่ที่นั้นภายหลังการฉีดวัคซีน(after
vaccination), ภูมิคุ้มกันร่างกายของคุณ(your
antibody)ก็จะลดลง.
มันสำคัญจริงๆที่จะท้าทาย(challenge)ต่อผู้คนเหล่านั้นกับsars cov2 virusและแสดงให้ผมเห็นว่า,
พวกเขาไม่มีการป้องกัน(no protection).
ดังนั้นด้วยการไม่ได้แสดงให้ผมเห็น,
ข้อมูลที่ได้ทดลองเสี่ยง(a challenged data)ที่คุณใช้อาสาสมัครทั้งหลาย(volunteers)ผู้ที่ได้รับวัคซีนอย่างเต็มที่(fully vaccinated)มาหกเดือนหรือเก้าเดือนหลังจากโดสที่สอง(second dose), และคุณทดลองเสี่ยงพวกเขาด้วยโดสจำนวนน้อย(a low dose)ของไวรัส, ถ้าพวกเขาพัฒนาเชื้อโรคเพิ่มขึ้น(develop
disease)มันก็หมายความว่าพวกเขาไม่ได้รับการปกป้อง(not
protected).
แล้วผมจึงจะแน่ใจได้ว่า(convinced
that)โดสที่สาม(the third dose)นั้นเป็นความจำเป็น(is
needed).
การทดลองทั้งหลายที่ได้ถูกทำกันในลิงบาบูน(baboons), แล้วพวกนี้คือลิง(monkeys)ลัการทดลองเหล่านี้(these
experiments)ได้ถูกทำตรงตามอะไรที่ผมได้อธิบายต่อคุณไปแล้ว,
เพราะว่าเราไม่สามารถทำเรื่องนี้กับการทดลองเสี่ยงต่อมนุษย์ได้(this
human challenge experiments)ในมนุษย์ทั้งหลาย(in humans), เราสามารถทำการทดลองพวกมันได้ในลิงบาบูน. และในลิงบาบูนคุณปฏิบัติ(treat)กับพวกเขาด้วยวัคซีน.
และคุณเสี่ยงท้าทายกับพวกเขา, พวกเขาได้รับการปกป้อง(protected).
กับผมแล้วจากภาพทัศน์ภูมิคุ้มกันวิทยา(an immunology perspective), จากภาพทัศน์ไวรัสวิทยา(a virology
perspective)นั้นชัดเจนกระจ่าง(is clear).
และแล้วผมก็มีบริษัทเภสัชกรรมทั้งหลาย(the pharmaceutical companies)ที่รักษาเก็บข้อมูลนั่นเกี่ยวกับการทดลองเสี่ยงนั้น(the challenge)ที่ได้ทำในการศึกษากับสัตว์ทั้งหลายพ้นไปจากพวกเรา.
และพวกเขาได้ผลักดันจริงๆในวาระนี้(really
pushing the agenda).
เพราะว่าพวกเขากำลังจะทำเงินหลายๆพันล้านดอลลาร์(make billions and billions of dollars).
และผมสามารถให้ความแน่ใจต่อคุณ(assure you)ได้ว่า, ถ้าเรายอมรับโดสที่สาม(the third dose)และผู้คนรับโดสที่สาม(the
third dose)แล้ว, โดสที่สี่(the fourth dose)ก็กำลังจะตามมา.
คุณสามารถทำการทดสอบไทเทรชั่นภูมิคุ้มกันร่างกาย(an antibody titration test1 –
1 https://www.news-medical.net/health/What-is-an-Antibody-Titer.aspx
การทดสอบหาปริมาณสารภูมิคุ้มกันร่างกาย)เหมือนกับโรคไวรัสตับอักเสบ บี(hepatitis b) เป็นตัวอย่าง. และถ้าสมรรถนะปริมาณสารภูมิคุ้มกัน(titration capability)ของคุณต่ำมาก(very low),
แล้วเราก็ให้โดสกระตุ้น(booster dose)กับคุณ. คราวนี้ผมไม่ปักใจ(convinced)ว่าผมได้เห็นข้อมูล(data)ใดที่ทำให้ผมเชื่อใจได้.
ผมคิดว่าจังหวะเวลาของมัน(the timing of it)ก็เป็นการผิดอย่างมากด้วยเช่นกัน(also very wrong), เพราะว่าเรายังไม่สามารถชักจูงผู้คนให้ไปรับวัคซีนสองเข็ม(take the two doses)ได้เลย.แล้วตอนนี้คุณยังจะมาอยากที่จะชักจูง(to convince)บางคนให้ไปรับโดสที่สาม(the
third)กับผู้ที่ปฏิเสธที่จะฉีดสองเข็ม.
มันไม่มีวันที่จะได้ผล. ผมคิดว่าผู้คนก็จะขบถต่อต้านกับเรื่องนี้อีก.
มิน-ลี/ผู้รายงานข่าว: มาคุยกันอีกสักนิดเกี่ยวกับ เอ้อ การการอวตาร/กลายร่างทั้งหลาย(the variants)ของโควิด-19(CVID-19). คุณสามารถบอกกับเราเรื่องการกลายร่าง/อวตารของโควิด-19ที่กำลังกังวลวุ่นวายกันอยู่ทุกวันนี้,
และทำไมเราถึงคอยต้องได้ยินเกี่ยวกับตัวกลายร่าง/อวตารใหม่เหล่านี้(these new
variants)ในตอนนี้?
ดร.ยาบาลลาห์: ผมคิดว่าที่จริงแล้วมันเป็นคำถามที่น่าสนใจมาก.
ผมคิดว่าเมื่อปีที่แล้วที่เราพูดกันว่าจะมีการหมุนเวียนแพร่กระจายอยู่ราวแปดการกลายร่าง/อวตาร(about eight variants circulating).
และเราได้เห็นว่างบางร่างอวตาร(some variants)ไม่ได้เสถียรมาก(not very stable). พวกมันอยู่ในสภาพชั่วคราวมาก(very transient). รู้ไหม, เพราะว่าพวกมันได้ทำการเปลี่ยนแปลงแน่ชัดทางกลไกพันธุกรรม(made a certain genetic change). พวกมันมีการได้เปรียบอย่างแน่ชัด(a certain advantage), แต่มันก็ไม่อยู่ไปจนที่สุดได้นานมากนัก.
พวกมันก็หายไป(disappeared).
และเมื่อถึงตอนเดือนธันวาคมกับบรรดาวัคซีนทั้งหมดเหล่านี้.
และผมคิดว่า เอ้อ การแปลความหมายที่ผิด(the misinterpretation)ที่ถูกให้มาต่อพวกเรา, ผู้คนทั่วทั้งโลกรอบดาวเคราะห์นี้,
เกี่ยวกับวัคซีนทั้งหลายนี้(vaccines), หลายประเทศมากมายได้เปิดประตูทั้งหลายของพวกเขา(have opened their doors).
คุณรู้ว่าพวกเขาได้ลดกำแพงขวางกั้นทางสุขภาพทั้งหลาย(the health barriers)ลง,
พวกเขาได้อนุญาตยินยอมให้ผู้คนที่จะออกไปข้างนอก(to go
out), คุณก็รู้,
ว่าผู้คนได้คิดว่า...นั่นคือจุดจบ, จะไม่มีไวรัสทั้งหลายอีก.
และอะไรที่ได้บังเกิดขึ้นในตอนเดือนมกราคม,
กุมภาพันธ์, มีนาคม, เมษายน นั้น, โลกนี้ก็ได้เปลี่ยนไปโดยการอวตาร/กลายรูป(this variance)พวกนี้.
เราจบลงด้วยการมีราว 25 ถึง 30 ตัวอวตาร/กลายร่างใหม่(new variants).
และแต่ละตัวอวตาร/กลายร่าง(variants)มีนิทานน่ากลัว(scary story)สัมพันธ์เกี่ยวข้องติดมากับมันด้วย.
แต่สำหรับเดลต้า(delta)แล้ว, การเปลี่ยนแปลงของมันนั้นน่าสนใจมาก. มันได้หลายเป็นการติดเชื้อสูงและอาการรุนแรง(virulent)มากยิ่งขึ้น. มันกลายเป็นมีพิษ(toxic)อย่างรุนแรงมากยิ่งขึ้นต่อร่างกาย. คุณจำเป็นต้องการแค่โดสขนาดต่ำ(need just a low dose)ของไวรัสนั้นเพื่อที่จะพัฒนาโควิด-19(cov-19).
และในเวลาเดียวกัน, มันได้กำลังแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วสุดๆ(was propagating extremely fast)ผ่านทะลุไม่ว่าผู้คนที่ได้รับฉีดวัคซีนไปแล้ว(vaccinated)หรือไม่ได้ฉีดวัคซีน(unvaccinated).
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เรากำลังได้เข้าไปสู่ธุรกิจของการต่อต้านไวรัสทั้งหลาย(the business of antivirals)และการต่อต้านการระบาดไวรัส, และการต่อต้านการระบาดของไวรัส(antivirals)และการกลายพันธุ์(mutations)ทั้งหลายก็ไม่ได้ไปด้วยดีเลย.
ดังนั้นความจริง(the
fact)ที่เราได้รักษาระดับให้เสถียรไว้(have stabilized)บางversionของไวรัสนี้นั้น,
ผมคิดอย่างเป็นไปได้ว่ามันกำลังทำให้บริษัททั้งหลายและนักค้นคว้าวิจัยทั้งหลายที่จะคิดขึ้นมาด้วยอะไรที่มีศักยภาพมากยิ่งขึ้นในการต้านการระบาดของไวรัส(antivirals)ต่อบรรดาตัวอวตาร/กลายร่างเหล่านี้(these variants)ในการี่จะกำจัดพวกมันไปได้อย่างเด็ดขาดสมบูรณ์(to completely eliminate them).
ถ้าเราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้, เราก็ติดแหง็กอยู่ในการแพร่ระบาด(pandemic)นี้. เราก็จะไม่ได้กำลังจะออกไปพ้นจากมัน.
มิน-ลี/ผู้รายงานข่าว: โอเค. มาคุยกันอีกนิดเกี่ยวกับเรื่องการกระจายวัคซีน(the distribution of vaccines). ปัจจุบันใน 20 ประเทศขนาดใหญ่(the G20 countries)ได้บรรลุผล
60 เปอร์เซนต์การได้รับวัคซีน,
ขณะที่ไม่เป็นสัดส่วนกันเลยในประเทศที่มีรายได้น้อยและกำลังพัฒนา(the low income and developing countries)ซึ่งอยู่ที่ 4 เปอร์เซ็นต์.
แล้ว, อะไรคือความเห็นของคุณกับเรื่องการไม่ได้สัดส่วนในการกระจายวัคซีน(the disproportional distribution of
vaccines),
และมันมีผลต่อโอกาสของเราอย่างไรของการที่จะกลับไปสู่ความเป็นปกติ(our changes of returning to normalcy).
ดร.ยาบาลลาห์: เช่นนั้นแล้ว, จากจุดเริ่มต้น, มันเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีจริงๆ(a really bad start)เพราะว่ามีพวกลัทธิปกป้องสถาบัน/ปกป้องชาติ(protectionism)นี้ที่ในประเทศร่ำรวยพัฒนาแล้วเหล่านี้(these developed rich countries)ต้องการที่จะฉีดวัคซีนให้กับประชาชนของพวกตนก่อนเป็นอันดับแรก(vaccinated their people first).
ปัญหาที่สองในตอนเริ่มต้นคือการหาได้ง่ายของวัคซีนทั้งหลาย(the availability of vaccines), เพราะว่าบรรดาบริษัทใหญ่ๆได้มีประเด็นทั้งหลายเรื่องห่วงโซ่อุปทาน(supply chain issue)เสบียงวัสดุในการที่จะผลิตวัคซีน(to produce the vaccines)และในการที่จะกระจายวัคซีน(to distribute the vaccines).
และผมคิดว่าปัญหาพื้นฐาน(fundamental problem)คือ การทำด้วยองค์กร(with
an organization)ที่เรียกกันว่า
WHO - องค์การอนามัยโลก(the
World Health Organization).
มันมีความเป็นผู้นำที่ต่ำแย่จริงๆ(really
poor leadership)ซึ่งมันเป็นความรับผิดชอบของพวกเขา(their responsibility)ที่จะต้องทำงานหนัก(work hard).
และถ้าพวกเขาไม่สามารถบรรลุผล(achieve)ถึงเป้าหมายทั้งหลาย(the
goals)ของการกระจายอย่างยุติธรรม/ถูกต้อง(an equitable distribution)ของวัคซีนเหล่านี้, พวกเขาก็ควรยกระดับการแจ้งเตือนภัย(should have raised the alarm)และพวกเขาก็ควรที่จะตะโกน(should have cried)และพวกเขาต้องไม่ทำสิ่งเดิมที่พวกเขาได้ทำกับการเริ่มต้นของการแพร่ระบาดโรคนี้(the start of the pandemic).
และผมคิดว่าผลลัพธ์ของการนั้น(the consequence of that)ในตอนนี้, มันสายเกินไป(too late)แล้วในเกมนี้(too late in the game).
การกระจายและการผลิตวัคซีนทั้งหมดนี้(all this vaccine distribution and
production)ควรที่จะทำให้ได้เสร็จสิ้น(could have been done)อย่างร่วมมือด้วยกัน(jointly)ระหว่างประเทศมากมายทั้งหลายในโลก(many countries in the world).
แต่อย่างโชคร้าย(unfortunately), มันไม่ได้บังเกิดขึ้น.
และผมคิดว่านี่คือผลลัพธ์ของการนี้ที่ทำไม(this is the consequence of why)เราถึงกำลังมองเห็นผู้คนมากยิ่งขึ้นที่ได้ต่อต้านวัคซีน(anti-vaccines). เรากำลังมองเห็นมากยิ่งขึ้นของการติดเชื้อทั้งหลาย(infections)ที่ไม่ได้หยุด. เพราะว่าเราไม่สามารถฉีดวัคซีน(vaccinate)ให้ทุกคน.
ความเป็นจริง(the reality)ก็คือ เราควรทำทั้งหมดนั้นเสร็จสิ้นไปได้.
และอะไรที่เราได้ก่อให้เกิด(what we
led)ก็คือเราปล่อยให้ประเทศทั้งหลายอย่างเช่น
สหรัฐอเมริกา, ในระดับหนึ่ง, อังกฤษและบางประเทศในยุโรป, จีน และรัสเซีย มีอิทธิพลครอบงำ(dominate)ต่ออุปสงค์และอุปทานของวัคซีนเหล่านี้(demand and supply of these vaccines).
ขณะที่พวกเขาเซ็นข้อตกลงที่มีกำไรมีกำไรงดงามนี้(this lucrative agreement)กับบริษัททั้งหลาย,
มันน่าเศร้าใจจริงๆที่ได้เห็นว่า, เมื่อเราหรือทั้งโลก(the whole world)อยู่บนเรือลำเดียวกันที่กำลังจม(the same sinking ship)และเช่นนั้นคุณก็ยังมีประเทศทั้งหลายผู้อยู่บนเรือที่กำลังจมลงนี้กลายเป็นผู้เห็นแก่ตัวในเรื่องแบบการกระจายจ่ายแจก(distribution)ที่ซึ่งกระทั่งในประเทศของพวกเขาเองพวกเขาก็ต้องโยนทิ้งวัคซีนหลายโดสนั้นเพราะว่าพวกเขาไม่สามารถใช้พวกมันได้และพวกมันมาถึงวันเวลาที่กำหนดหมดอายุ(expiry date).
ถ้าเราไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้(can’t do this)อย่างเหมาะสม(properly)และปฏิบัติต่อมนุษย์ทั้งหลาย(human beings)ว่าเป็นมนุษย์ทั้งหลาย(are human beings), มันก็ได้แสดงให้เห็นแท้จริงว่ามีโลกที่ไม่สมสัดส่วนนี้(this proportionate world)ที่เราอาศัยอยู่.
เราอาจจะอยู่บนดาวเคราะห์เดียวกัน(on the same planet)แต่เราก็อยู่ในโลกที่แตกต่างกันอย่างสมบูรณ์สิ้น(in a completely different world)และมันน่าเศร้าใจจริงๆ.
มิน-ลี/ผู้รายงานข่าว: ตอนนี้เรามาคุยกันถึงเรื่องยาต้านไวรัสตัวใหม่ทั้งหลาย(new anti-viral
drug). แล้วเรากำลังได้ยินเกี่ยวกับ
เอ้อ ยาเม็ดเหล่านี้(these pills)ที่สามารถเป็นตัวแรกของการบำบัดรักษาทางปากทั้งหลายที่ได้ผล(the first effective oral treatments)สำหรับโควิด-19.
คุณคิดว่าพวกมันจะเป็นตัวเปลี่ยนเกม(a game changer)สำหรับการบำบัดรักษาโควิด-19หรือไม่?
ดร.ยาบาลลาห์: ผมได้ตื่นเต้นเป็นอย่างมากเกี่ยวกับยาใหม่สองตัว(the two new drugs), โมลนูพิราวีร์(molnupiravir2)จาก Merck, แพ็กซ์โลวิด(paxlovid3)จาก Pfizer.
2 https://www.bangkokbiznews.com/news/958590
3 https://thestandard.co/pfizer-paxlovid/
ได้ตื่นเต้นกับพวกมันมาก.
ผมคิดว่า...ผู้คนจำเป็นต้องเข้าใจว่า, เพื่อที่จะไม่ได้มีความสับสนมากมายขึ้น(a lot of confusion)อย่างที่เราได้มีกับเรื่องของวัคซีนทั้งหลาย(vaccines), ว่าพวกมันเป็นของใหม่,
พวกมันได้ถูกค้นพบในเวลาหกเดือน(were
discovered in six months)และผู้คนก็กังวลถึงเรื่องนั้น.
เหล่านี้คือโมเลกุลทั้งหลายที่เก่าแก่มาก(very old molecules). พวกนี้ไม่ใช่โมเลกุลทั้งหลายใหม่(not new molecules)เลย.
โมเลกุลจาก Pfizer ได้ค้นพบจริงๆเมื่อราวในปี 2001-2002
ในระหว่างการระบาดแพร่ของ sars-covid ครั้งแรก(the first sars-covid pandemic).ดังนั้นมันก็มีอายุมากว่า 20 ปีแล้ว.
โมเลกุลจาก Merck, ที่จริงแล้วเป็นตัวต้านไวรัสเก่าแก่(an
old anti-viral)ที่ได้ถูกพัฒนาขึ้น(was developed)มาสำหรับไวรัสตัวอื่น(another virus).
และเจ้าตัวนั้นก็ไม่ได้อยู่รอบตัวเราในตอนนี้แล้วมากว่า 20 ปีแล้วเช่นกัน.
แต่มันไม่มีกำไรในการพัฒนาต่อไปเพราะว่าไม่มีตลาดที่จะขายมัน(no market to sell it).
และเพราะว่าตอนนี้ได้มีกำไร(an interest)และมีความจำเป็นต้องการ(the need). ผมคิดว่าบริษัททั้งสองเหล่านี้ได้ผลักดัน(have pushed)โมเลกุลทั้งสองเหล่านี้(these two molecules)ผ่านกระบวนการพัฒนา(through the development process)ไปสู่การทดสอบในมนุษย์(the clinical trials).
และผลทั้งหลายนั้นนั้น(the result)กับผมแล้วดูน่าประทับใจอย่างมาก(very, very impressive).
ผมคิดว่าน่าประทับใจสำหรับโมเลกุลของ Pfizer(the Pfizer molecule), เพราะว่าข้อมูลของพวกเขา(their data)เป็นที่ดีมากจริงๆ(actually very good out)ออกมาจาก 1,200 คนในการทดสอบ(in
the trial). มีเพียง 8
รายที่ตายในกลุ่มที่ใช้ยาหลอก(in the placebo 4
group).
4https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%81
ดังนั้นคุณก็สามารถมองเห็นถึงผลลัพธ์ของพวกมัน(their efficacy)เป็นกว่า 80, ราว 87 เปอร์เซ็นต์.
สิ่งดีที่สอง(the second nice thing)เกี่ยวกับยาเม็ดนี้ก็เพราะ, โดยธรรมชาติแล้ว(by nature),
มนุษย์เราไม่ชอบทานยาเม็ด, ถ้าเป็นการบำบัดรักษาจริงๆถึงสามวัน(a really treatment for three days).
ดังนั้นถ้าคุณรู้สึกว่ามีโควิด,
คุณไม่จำเป็นต้องไปยังโรงพยาบาล. ผมคิดว่าคุณสามารถโทรศัพท์ไปหาหมอของคุณ(your doctor)ได้รับใบสั่งยา(pick up a prescription)และใช้การบำบัดรักษาแบบนี้ไปสามวันแล้วคุณก็จะสบายดี(will be fine).
สำหรับโมเลกุล(the
molecule)หรือยา(the drug)จาก Merck นี้, ผลลัพธ์ของมันเป็น
50 เปอร์เซ็นต์.
เหล่านี้ทั้งหมดก็คือข่าวใหม่อันน่าอัศจรรย์(all wonderful news). ทั้งหมดเหล่านี้คือข่าวดีอันยอดเยี่ยม(all great news).
ปัญหาอันดับแรก(the first problem)ที่กำลังจะเป็นที่ตื่นตระหนก(going to shock)กับผู้คนมากมายก็กำลังจะเป็นที่ราคาของยาเหล่านี้(the cost of these drugs).
Merck
ได้ให้มาแล้วในความคิดราว 7 ร้อยดอลลาร์(an idea of seven hundred dollars).
มีผู้วิเคราะห์มากมาย(several speculators)ผู้ที่คิดว่ายาของ Pfizer น่าจะอยู่ในราว สองและสามพันดอลลาร์(two and three thousand dollars)ในการบำบัดรักษา.
ดังนั้นคำถามแรก(the first question)ใครจะสามารถจ่ายเงินซื้อมันได้(can afford it)?
มันหมายถึงว่า, ถ้ารัฐบาลทั้งหลาย(the governments)จะไม่ซื้อมันและทำให้มันสามารถมีได้ต่อผู้คน(available to people)ที่ราคาขาดทุน(a
loss), ในการลดราคาลงหรือฟรี(at a discount or a free),
ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีผู้คนมากมายนักที่จะสามารถซื้อเองได้.
อันดับที่สอง, เรากำลังจะเจอปัญหาเดิมเดียวกัน(the same problem)เช่นเดียวกับวัคซีนทั้งหลายนั้น(the vaccines). คือการกระจายมันไปสู่ประเทศยากจนทั้งหลาย(distribution to the poor countries).
และพวกเขาสามารถที่จะซื้อมันได้ไหม? (can they afford this or not?).
ในเรื่องวัคซีนนั้นอยู่ในราคา 20 – 25 ดอลลาร์,
บางทีก็น้อยกว่า. ตอนนี้เราเจอเข้ากับที่ 700. และนั่นเป็นความแตกต่างอันมหึมาของราคา(a huge difference of cost).
นั่นทำให้ผมกังวลมากอย่างแท้จริงว่า
เรื่องนี้จะเล่นกันออกมาอย่างไร(play
out)เมื่อพวกมันได้รับการรับรอง(get approvals). และพวกเขาเริ่มต้นทำการตลาดยาเหล่านี้(marketing these drugs).
ยาเหล่านี้, ถ้าพวกมันถูกตั้งราคาอย่างถูกต้อง(is priced correctly). ถ้ามีการผลักดันเพื่อจัดหาให้พวกเขาจริงๆ(really a push to provide them)อย่างเที่ยงธรรม(equitably)ทั่วโลก, และเริ่มต้นการฆ่าไวรัสอย่างช้าๆ(start killing virus slowly). ผมคิดว่า, สำหรับผมแล้ว, ในสิ้นสุดของปี 2022, ในตอนเริ่มต้นในปี 2023,
เราก็จะเริ่มต้นการมองเห็นโลกกำลังกลับคืนไปสู่ความปกติใหม่(a new normal).
ถ้าเราไม่ทำเช่นนั้น,
ผมคิดว่าในทุกสามหรือสี่เดือน, เราก็กำลังจะได้เห็นวงรอบหนึ่ง(a cycle)อะไรที่ผู้เรียกว่าคลื่นลูกใหม่(a new
wave). ผมเพิ่งเรียกมันว่าวัฏจักรของไวรัส(a cycle of a virus).
และผมคิดว่า,
เราได้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโรคนี้(this
pandemic)กำลังกลายเป็นเรื่องทางการเมืองอย่างมาก(a very political).
เรามีบางบริษัทหลากหลายประเทศร่วมกัน(some multinational companies)ที่มองเห็นโอกาสที่จะทำส่วนแบ่งมหึมาในตลาด(a huge margins), กำไรมหึมา(a huge
profit).
มันเป็นเรื่องยากหินจริงๆที่จะสร้างสมดุลให้กับมัน(to balance).
ผมแค่หวังว่า...อย่างน้อยที่สุดผู้นำทั้งหลายของประเทศ จี20(the leaders of the G20)ได้เจ็บปวดเพียงพอที่จะเข้าใจได้ว่า(suffered enough to understand), มีหนทางหนึ่งที่จะออกไป(a way out)และพวกเขาต้องประสานพิกัดความพยายามของพวกเขา(coordinate their efforts), คุณก็รู้, ในการที่จะนำโลกส่วนที่เหลือ,
รัฐบาลทั้งหลายที่เหลืออยู่(the
rest governments)ไปด้วยกันกับพวกตน(with them).
เพื่อที่จะพาเราอย่างน้อยที่สุดอันแท้จริงออกไปสู่ความปกติใหม่(to a new normal)ที่จะเป็นความเสถียรมากยิ่งๆขึ้น,
ที่เราเป็นอิสระที่จะเดินทาง, เราเป็นอิสระที่จะทำสิ่งต่างๆทั้งหลาย.
มิน-ลี/ผู้รายงานข่าว: แล้วนั้นคือคำถามทั้งหมดที่เรามีกับคุณในวันนี้, และมันค่อนข้างประชุมอภิปรายอย่างไม่เป็นทางการมาก(a very informative session). ดังนั้นจึงขอขอบคุณท่านเป็นอย่างมากสำหรับการสละเวลาของท่านนี้.
ดร.ยาบาลลาห์: ขอบคุณครับ. ขอบคุณอย่างมากที่มาพบกับผมในวันนี้.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น