หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2565

โลกข้างใน, โลกข้างนอก - ตอนที่ 2 วัฏฏ/เกลียว (1)

 

โลกข้างใน, โลกข้างนอก - ตอนที่ 2 - วัฏฏ/เกลียว

Inner Worlds, Outer Worlds - Part 2 – The Spiral

 

          2 https://youtu.be/ZIMoxXO0XvM

          ช่องรายการ(channel)ของ AwakenTheWorldFilm และการสร้างสรรค์Awaken the World ดำเนินโดย ดานีล ชมิดท์(Daneil Schmidt)และ ทันยา มาหาร์(Tanya Mahar). สามารถติดตามพวกเขาได้ทางFacebookที่ www.facebook.com/awakentheworldfilm และwebsite1ที่ข้างบนนี้.

 

         เพลโตนักปรัชญาสำนักพีธาโกเรียน(Pythagorean Phylosopher, Plato1) พูดเป็นนัยปริศนาเอาไว้ว่ามีกุญแจทองคำ(a golden key)ซึ่งทำให้ความลี้ลับทั้งหมดของเอกภพ(unified all of the mysteries of the universe)รวมกันเป็นหนึ่งเดียว.

         1https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%AA

         และเป็นกุญแจทองคำ(golden key)นี้ที่เราจะกลับไปสู่เวลา(time)และอีกครั้ง, ซึ่งทะลุผ่านการสำรวจค้นของเรา(throughout our exploration).

         กุญแจทองคำ(the golden key)นี้คือ สติปัญญาแห่งโลโกส(the intelligence of the logo2), ต้นตอแหล่งกำเนิดของ โอมดั้งเดิม(the primordial OM).

         2https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=patisonii&month=06-2017&date=26&group=85&gblog=6

         ใครก็อาจพูดได้ว่ามันคือจิตใจของพระเจ้า(the mind of God).

         ด้วยประสาทสัมผัสทั้งหลายที่ถูกจำกัดไว้ของเรา(our limited senses), เรากำลังสังเกตการณ์แต่เพียงภายนอกของการสำแดงปรากฏ(the outer manifestation)แห่งกลไกทั้งหลายที่ถูกซ่อนอยู่ความคล้ายตนเอง(the hidden mechanics of self similarity3).

         3http://www.rmutphysics.com/news/index.php?option=com_content&task=view&id=683&Itemid=3&limit=1&limitstart=1

         แหล่งกำเนิดของเทวสมมาตร(divine symmetry)นี้คือความลี้ลับอันยิ่งใหญ่ที่สุดของการมีชีวิตอยู่ของเรา(the greatest mystery of our existence).

         นักคิดอันยิ่งใหญ่ทั้งหลาย(monumental thinkers)ของประวัติศาสตร์ ดังเช่น พีธาโกรัส(Pythagoras), เคปเปลอร์(Keppler), ลีโอนาโด ดา วินซี(Leonado da Vinci), เทสลา(Tesla)และไอน์สไตน์(Einstein) ได้มาถึงยังประตูทางเข้าของความลี้ลับ๖the threshold of the mystery)นี้.



         ไอน์สไตน์(Einstein)บอกว่า, “สิ่งที่งดงามมากที่สุดที่เราสามารถประสบรับรู้ได้ก็คือความลี้ลับ( the most beautiful thing we can experience is the mysterious). มันคือแหล่งกำเนิดแห่งบรรดาศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงทั้งหมด(it is the source of all true art and science). ผู้ใดที่อารมณ์นี้คือผู้แปลกหน้าต่อเขา(he to whom this emotion is a stranger), ผู้ไม่สามารถต่อไปได้ที่จะหยุดชั่วขณะอย่างกังขาและยืนหยัดอึ้งทึ่งอย่างเฉลียวฉลาด(who can no longer pause wondering and stand apt in awe)ก็เป็นดีได้เช่นเดียวกับคนตาย(is as good as dead). ดวงตาของเขาถูกปิด(his eyes is closed).”

         เราอยู่ในสถานะ(position)ของเด็กน้อยคนหนึ่งเข้าไปในห้องสมุดมหึมาที่เต็มไปด้วยหนังสือมากมายในหลายภาษาแตกต่างกัน. เด็กน้อยนั้นรู้ว่าใครบางคนต้องได้เขียนหนังสือเหล่านั้นขึ้น. มันไม่รู้ว่าได้อย่างไร(does not know how). มันไม่ได้เข้าใจในภาษาทั้งหลายซึ่งพวกเขาได้เขียนขึ้นในนั้น. เด็กนั้นสงสัยอย่างเลือนรางในระเบียบแบบแผนอันลี้ลับในการจัดวางของหนังสือทั้งหลายนั้นthe arrangement of the books)แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร.

         นั่น, สำหรับข้าพเจ้าแล้วมันดูเหมือนว่า, คือทัศนคติที่กระทั่งมนุษย์ซึ่งมีภูมิปัญญามากที่สุดมีต่อพระเจ้า(God).

         เรามองเห็นเอกภพ(a universe)ได้จัดวางอยู่อย่างล้ำเลิศและกำลังเชื่อฟังในกฏแน่ชัดทั้งหลาย(marvelously arranged and obeying certain laws).

         จิตทั้งหลายของเราอันถูกจำกัดขอบเขต(our limited mind)ไม่สามารถคว้าจับแรงกำลังลี้ลับ(the mysterious force)ที่เคลื่อนย้ายกลุ่มดาวทั้งหลาย(the constellations).

         ทุกนักวิทยาศาสตร์ผู้มองลึกเข้าไปในเอกภพ(the universe) และทุกผู้เรืองเวทย์ผู้มองลึกเข้าไปในตนเอง(deeply within the self), ในท้ายที่สุดก็มาเผชิญหน้ากับสิ่งเดียวกัน(face to face with the same thing): ปฐมวัฏฏ (The Primordial Spiral - เกลียวหมุนวนก้นหอยดั้งเดิม).



 



    หนึ่งพันปีก่อนการสร้างสรรค์ของหอสังเกตการณ์ดูดาวโบราณที่สโตนเฮนจิ์
(the ancient observatory at Stonehenge), วัฏฏ/เกลียว(the spiral)นี้ได้เป็นสัญลักษณ์(symbol)มีอิทธิพลโดดเด่นบนโลกนี้(on Earth). วัฏฏ/เกลียวโบราณทั้งหลายนี้(ancient spirals)สามารถถูกพบได้ในทั่วทั้งหมดภาคส่วนของโลก. หลายพันของวัฏฏ/เกลียวโบราณทั้งหลายดังเช่นในภาพเหล่านี้



สามารถถูกพบเห็นได้ทั่วทั้งยุโรป. นอร์ธ อเมริกัน นิว เม็กซิโก((North American New Mexico),


ยูทาห์(Utah), ออสเตรเลีย(Australia), จีน(China), รัสเซีย(Russia). เป็นภาพจำลองอยู่ในทุกศิลปะวัฒนธรรมพื้นเมืองท้องถิ่นบนโลก.


         วัฏฏ/เกลียวโบราณทั้งหลายนี้(the ancient spiral symbols)เป็นสัญลักษณ์ถึงการเติบโต, แผ่ขยายและพลังจักรวาล(symbolize growth, expansion and cosmic energy)ที่ปรากฏรูปร่างอยู่ภายในดวงอาทิตย์(embodied within the sun)และสวรรค์ทั้งหลาย(and the heavens).

         รูปแบบของวัฏฏ/เกลียว(the spiral forms)เป็นกระจกสะท้อนถึงโครงสร้างซับซ้อนขนาดใหญ่(macrocosm)ของเอกภพที่ตัวตนของมันยังไม่ถูกคลี่ออก(the unfolding universe itself).


         ในจารีตประเพณีท้องถิ่นทั้งหลาย, วัฏก/เกลียว(spiral)คือแหล่งพลังงาน(energic source), ปฐมมารดา(the Primordial Mother).


         วัฏฏ/เกลียวในยุคหินใหม่(the Neolithic spirals)ที่ นิวกรันจิ์, ไอร์แลนด์(New Grange, Ireland)มีวันเวลาย้อนกลับไปถึงห้าพันปี. พวกเขามีอายุแก่กว่ามหาปิระมิดที่กิซ่า(the Great Pyramid at Giza) ถึงห้าร้อยปี. และพวกเขาก็เป็นแค่ปริศนาลี้ลับ(enigmatic)ต่อผู้สังเกตการณ์สมัยใหม่ทั้งหลาย.


         วัฏก/เกลียว(the spiral)นี้กลับไปยังกาลเวลาในประวัติศาสตร์เมื่อมนุษย์ได้ติดต่อเชื่อมมากขึ้นเข้ากับโลก(more connected to the Earth) - เชื่อมต่อเข้ากับวงรอบและวัฏฏ/เกลียวทั้งหลายของธรรมชาติ(to the cycles and spirals of the nature). ยุคสมัยที่มนุษย์ยังแยกแยะระบุได้น้อยในเรื่องความคิด(less identified with thoughts).

     วัฏฏ/เกลียว(the spiral)นี้คืออะไรที่เราได้สัมผัสรู้(perceive)ว่าเป็นแรงกำลังบิดให้หมุน(torque)ของเอกภพนี้(the universe).


         ปราณ(Prana), หรือ พลังสร้างสรรค์(create force), หมุนวน(swirl)อากาศ(Agasha)ไปสู่ภาวะความต่อเนื่องแห่งรูปวัตถุของแข็ง(into a continuum of solid forms – การสร้างรวมธาตุให้เกิดเป็นก้อนกลมรูปวัตถุขึ้น/ผู้แปล). พบซึ่งทั้งหมดของระดับทั้งหลายระหว่างมหจักรวาล(the macrocosm)และจุลจักรวาล(the microcosm), จากวัฏฏ/เกลียวกาแล๊กซี่ทั้งหลาย(spiral galaxies)สู่ระบบชั้นบรรยากาศ(to weather systems), สู่น้ำในอ่างอาบน้ำของคุณ(to water in your bathtub), สู่ DNA ของคุณ, สู่ประสบการรับรู้โดยตรงแห่งพลังงานของคุณเอง(to the direct experience of your own energy).


         ปฐมวัฏฏ/เกลียว(the Primordial Spiral)นี้ไม่ใช่เป็นความคิด(an idea), แต่ค่อนข้างคล้ายเป็นเช่นนั้นที่ทำใหทุกภาวะและความคิดทั้งหลาย(makes all conditions and ideas)เป็นไปได้(possible).


         หลากหลายรูปแบบของวัฏฏ/เกลียว(spirals)และวงก้นหอย(helices)ถูกพบได้ไปในทั่วโลกตามธรรมชาติ(the natural world). หอยทาก(snail). ปะการังทะเล(sea coral). ใยแมงมุม


(spider webs). ฟอสซิล(fossils). หางม้าน้ำทะเล(sea horse’s tail). และหอยเชลล์(shells).







         วัฏฏ/เกลียว(spirals)อันมากมายนี้ที่ปรากฏอยู่ในธรรมชาติสามารถจะสังเกตพบได้ว่าเป็นเกลียววนแบบลอการิธึม(logarithmic spirals)หรือเกลียววนหมุนโตขึ้น(growth spirals).



         เมื่อคุณเคลื่อนที่ออกมาจากจุดศูนย์กลาง(the center), ส่วนตัดทั้งหลายของเกลียวนี้(the spiral sections)ก็จะเพิ่มขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น(get exponentially larger).

         เหมือนเช่นตาข่ายอัญมณีของพระอินทร์(Indra’s Net of Jewels4), เกลียววนแบบ

         4 https://en.wikipedia.org/wiki/Indra%27s_net


ลอการิธึม(logarithmic spirals)ทั้งหลายนี้เป็นการทำซ้ำเหมือนตนเอง(self-similar)หรือ ภาพจำลองเสมือนด้วยตนเอง(holographic)ที่ซึ่งคุณลักษณะทั้งหลายของทุกภาคส่วน(the characteristics of every parts)ถูกสะท้อนออกมาในทั้งปวง.




         เมื่อ 2,400 ปีก่อนในประเทศกรีซโบราณ, เพลโต(Plato)พิจารณาสัดส่วนเรขาคณิต(continuous geometric proportion)นี้ว่าเป็นพันธการจักรวาล(cosmic bond)ที่ประณีตลึกซึ้งมากที่สุด(the most profound).


         สัดส่วนทองคำ(the Golden Ratio)หรือ สัดส่วนเทพเจ้า(divine proportion)นี้เป็นความลับอันยิ่งใหญ่ที่สุดของธรรมชาติ(nature’s greatest secret).

         สัดส่วนทองคำ(the Golden Ratio)นี้สามารถถูกแสดงได้เป็น  A+B ส่วน A จะเป็นสัดส่วนเดียวกันกับที่ A ส่วน B.


         สำหรับเพลโต(Plato)แล้ว, จิตวิญญาณของโลกนี้(the world’s soul)ผูกมัดเข้าด้วยกัน(binds together)เป็นการสั่นพ้องประสานสนิทหนึ่งเดียว(into one harmonic resonance5).

         5https://nkw04931.wordpress.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87/

         ลวดลายห้าเหลี่ยม(pentagonal pattern)เดียวกันนี้ที่มีอยู่ในปลาดาว(a starfish)หรือในชิ้นตัดขวางของกระเจี๊ยบ(okra), สามารถถูกเห็นปรากฏได้ในเส้นทางของดาวศุกร์(the path of Venus)วาดตามรอยเคลื่อนที่ในท้องฟ้ายามราตรีเหนือคาบช่วงเวลา 8 ปี(over an 8 year period).




         โลกของรูปทรงทั้งหลายซึ่งสามารถเข้าใจได้ดีอยู่เหนือข้างบน(the intelligible world of forms above)และโลกของวัตถุธาตุทั้งหลายที่สามารถมองเห็นได้(the visible world of material objects), ผ่านหลักการของการทำซ้ำเหมือนตนเองแบบเรขาคณิต(this principle geometric self similarity)นี้.


         จากรูปแบบการทำซ้ำเหมือนตนเองวัฏฏ/เกลียวทั้งหลายนี้(the self-similar spiral patterns)ของโรมาเนสโก บร็อคโคลี(the Romanesco broccoli)ไปสู่แขนทั้งหลายของกาแล๊กซี่(the arms of galaxies), เกลียวแบบลอการิธึมทั้งหลายนี้(logarithmic spirals)มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง(ubiquitous)และเป็นต้นแบบ(archetypal pattern).




         กาแล๊กซี่ทางช้างเผือกของเราเอง(our own Milky Way galaxy)มีแขนวัฎฎ/เกลียวมากมาย(several spiral arms)ที่เป็นเกลียวแบบลอการิธึม(logarithmic spirals)ซึ่งมีมุมเกลียว(pitch6)อยู่ราว 12 องศา.

         6 https://spaceth.co/break-in-milky-way-spiral-arm/

         มุมระยะเอียงของเกลียวยิ่งใหญ่ขึ้นเท่าใด(the greater the pitch of the spiral), การหมุนวนก็ยิ่งแน่นขึ้น(the tighter the turns).



        เมื่อคุณสังเกตการงอกเติบโตของพืชจากวีดิโอที่เร่งลัดเวลา(a plant growing in time-lapse video), คุณได้เป็นประจักษ์พยานของการเต้นรำด้วยวัฏฏ/-เกลียวแห่งชีวิต(dancing with spiral of life).


         วัฏฏ/เกลียวทองคำ(the golden spiral)นั้นเป็นเกลียวแบบลอการิธึม(a logarithmic spiral)ที่เติบโตออกไปข้างนอก(grows outward)โดยองค์ประกอบของสัดส่วนทองคำ(a factor of the Golden Ratio).

         สัดส่วนทองคำ(the Golden Ratio)นี้เป็นความสัมพันธ์พิเศษเชิงคณิตศาสตร์(a special mathematic relationship)ที่ผุดขึ้นแล้วขึ้นเล่าในธรรมชาติ(pop-up over and over in nature).



         รูปแบบ(the pattern)นี้ที่สามารถสังเกตเห็นได้ตามมาซึ่งอะไรที่ถูกเรียกว่าอนุกรมไฟบอนัคชี(the Fibonacci series) หรือ ลำดับชุดแบบไฟบอนัคชี(Fibonnacci sequence).


         อนุกรมไฟบอนัคชี(the Fibonacci series)คลี่ออก(unfolds)เช่นนั้น, แต่ละตัวเลขคือจำนวนบวกของสองตัวเลขที่แล้ว(the sum of previous two numbers).

         นักคณิตศาสตร์และนักดาราศาสตร์ชาวเยอรมัน, เคปเลอร์(Keppler)ได้คันพบว่ารูปแบบเกลียวเหมือนซ้ำตัวเอง(self-similar spiral patterns)ทั้งหลายนี้สามาถถูกสังเกตเห็นได้ในวิธีที่ใบไม้ถูกจัดเรียงบนก้านของพืชทั้งหลาย(on stems of plants). หรือในการเรียงจัดแต่งของดอกย่อยและกลีบดอกของดอกไม้ทั้งหลาย(in the floret and petal arrangements of flowers).



         ลีโอนาร์โด ดา วินชี(Leonardo da Vinci)ได้สังเกตเห็นว่า ช่องว่างของกลีบดอก(the spacing of leaves)ทั้งหลายนั้นบ่อยครั้งมักจะเป็นรูปแบบวัฏฏ/เกลียว(the spiral pattern).

         รูปแบบนี้ถูกเรียกว่ารูปแบบ “ไฟลโลแท็กซิส”(phyllotaxis patterns)หรือ รูปแบบการจัดเรียงกลีบดอก(leaf arrangement patterns).


         การจัดเรียงแบบไฟลโลแท็กซิส(phyllotaxis arrangements)ทั้งหลายนี้สามารถถูกเห็นได้ในการจัดรวมองค์ตนเองของนูคลีโอไทด์DNA(self-organizing DNA nucleotides).




และในทุกสิ่งจากลำดับเครือญาติ(family tree)ของการแพร่พันธุ์กระต่าย(of reproducing rabbits), ในลูกสน(to pine cone), ไม้ตระกูลกระบองเพชร(cacti), ในเกล็ดหิมะ(to

กล่องข้อความ:




snowflakes)และในชีวอินทรีย์รูปแบบง่ายๆทั้งหลาย(simple organisms)ดังเช่นพืชเซลล์เดียว

ทั้งหลาย(diatoms).


         พืชเซลล์เดียวทั้งหลาย(diatoms)นี้เป็นหนึ่งในรูปแบบธรรมดามากที่สุดของไฟโตแพลงตอน(phytoplankton7); ชีวอินทรีย์เซลล์เดี่ยว(single celled organism)ที่จัดสร้างอาหารให้แก่

         7https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A

พืชพรรณชนิดอื่นนับไม่ถ้วน(for countless species)ทั่วทุกหนทุกแห่งของสายโซ่อาหาร(throughout the food chain).




         คุณจำเป็นต้องรู้คณิตศาสตร์มากแค่ไหนในการที่จะเป็นทานตะวัน(a sunflower)ดอกหนึ่งหรือผึ้ง(a bee)สักตัวหนึ่ง?


         ธรรมชาติไม่ได้ทำงานให้คำปรึกษาแผนกฟิสิกส์(consult the physics department)ในการที่จะปลูกบร็อคโคลี่(grow broccoli).

         การก่อสร้างโครงสร้างในธรรมชาติ(the structuring in nature)นั้นบังเกิดขึ้นโดย อัตโนมัติ(automatically).

         นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายในสาขาเทคโนโลยีนาโน(scientists in the field of nanotechnology)ใช้ประเด็นของการประกอบสร้างตัวเอง(the term of self-assembly)มาอธิบายถึงวิธีที่ความสลับซับซ้อนทั้งหลายนั้นถูกก่อรูปทรงขึ้นมา ดังเช่น ในระยะเริ่มแรกรูปหกเหลี่ยมของขบวนแถวDNA(in the initial hexagonal phase of DNA formation).


         ในวิศวกรรมเทคโนโลยีนาโน(nanotechnology engineering), หลอดนาโนของคาร์บอน(carbon nanotubes)ถูกประกอบขึ้นด้วยวัสดุทั้งหลายที่จัดวางเหมือนๆกัน(a similar arrangement materials).

         ธรรมชาติทำเรขาคณิตแบบชนิดนี้(this type of geometry)ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างง่ายดายไม่ต้องพยายามใด(effortlessly). อย่างอัตโนมัติ. ไม่มีเครื่องคิดเลข(no calculator).



         ธรรมชาตินั้นเที่ยงตรงและมีประสิทธิภาพยิ่งนักเป็นที่สุด(precise and extremely efficient).

         ตามคำกล่าวของสถาปนิกและนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียง บัคมินสเตอร์ ฟุลเลอร์(Buckminster Fuller), กระสวน(pattern)ทั้งหลายนี้คือความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ของกาลเทศะ(a function of timespace - เวลาและที่ว่าง).

         DNAและรวงผึ้ง(honeycomb)คือรูปร่าง(the shape)ที่พวกมันเป็นเช่นเหตุผลเดียวกันกับที่ฟองน้ำ(bubble)นั้นเป็นรูปทรงกลม.


         มันเป็นรูปทรงที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด(the most efficient shape)เพราะต้องการพลังงานจำนวนน้อยที่สุด(requiring the least amount of energy).

         ที่ว่าง(space)ในตัวมันเองก็มีรูปทรง(shape)และยินยอมให้ก็แต่สัณฐาน/โครงร่าง/องค์ประกอบที่ถูกต้อง(allows only certain configurations)สำหรับการนั้น(for matter), มักจะจัดการใหม่ให้ถูกต้องเสมอเพื่อประสิทธิผลมากที่สุด(always defaulting to what is most efficient).


         กระสวนนี้(this pattern)เป็นวิธีที่แข็งแรงที่สุดและมีประสิทธิผลมากที่สุด(the strongest and most efficient way)ในการที่จะสร้างโครงสร้างทางสถาปัตยกรรม(architectural structure)อย่างเช่น geodesic domes นี้.


         กระสวนวัฏฏ/เกลียวแบบลอการิธึม(logarithmic spiral patterns)ยินยอมให้พืชเปิดออกถึงขีดสูงสุดต่อแมลงทั้งหลาย(maximum exposure to insects)เพื่อถ่ายเทผสมละอองเกสร(pollination), เปิดออกถึงขีดสูงสุดต่อแสดงแดดและฝน(sunlight and rain)และยินยอมให้พวกมันต่อน้ำวัฏฏ/เกลียวอันมีประสิทธิผล(efficiently spiral water)ไปยังรากทั้งหลายของพวกมัน(their roots).

         นกล่าเหยื่อ(birds of prey)ใช้กระสวนวัฏฏ/เกลียงแบบลอการิธึม(logarithmic spiral patterns)ในการล่าเหยื่อหาอาหารมื้อต่อไปของพวกมัน(to stalk their next meal). การบินวนเป็นวัฏฏ/-เกลียว(flying in spital)เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด(the most efficient way)ในการที่จะล่า(hunt).

         ความสามารถของผู้หนึ่ง(one’s ability)ในการที่เห็นวัฏฏ/เกลียงแห่งชีวิต(the spiral of life)เต้นรำอากาศะ(Akasha)เข้าไปในรูปของวัตถุ(into material form)ถูกเชื่อมโยงกับ(is related)ความสามารถของผู้นั้น(one’s ability)ในการที่จะเห็นความงดงามและสมมาตรในธรรมชาติ(to see beauty and symmetry in nature).


         นักกวีวิลเลี่ยม เบลค(William Blake)กล่าว่า “เอกภพที่เจริญเติบโตนี้คลี่บานออกเป็นเช่นดอกไม้(the vegetative universe open like a flower)จากใจกลางโลก, ซึ่งในนั้นคือนิรันดร์(from the Earth’s center, in which is eternity). มันแผ่ขยายจากดวงดาวทั้งหลายสู่เปลือกแห่งโลกโลกียะ(the mundane shell)และที่นี้มันได้มาพบกับนิรันดร์กาล(eternity)อีกคราทั้งภายในและภายนอก(both within and without).”

         การศึกษาเรื่องกระสวนทั้งหลาย(patterns)ในธรรมชาติไม่ใช่บางอย่างที่ได้คุ้นเคยมากนักในโลกตะวันตก(not something that is very familiar in the West), แต่ในจีนโบราณ(ancient China)ศาสตร์นี้(this science)ถูกรู้จักกันว่าคือ “ลี่(Li)”.

         ลี่(Li)สะท้อนถึงระเบียบและกระสวนอย่างพลวัตในธรรมชาติ(the dynamic and pattern in nature).

         แต่มันไม่ใชกระสวนของการคิด(pattern thought of)ที่เป็นดุจอะไรที่สถิตย์(static - ไม่เคลื่อนไหว), แข็งตัว(frozen)หรือ ไร้การเปลี่ยนแปลง(unchanging), เหมือนกระเบื้องโมเสค(a mosaic).

         มันเป็นกระสวนอย่างพลวัต(dynamic pattern)เมื่อทำให้เป็นรูปร่างขึ้นมาในทุกสิ่งมีชีวิตทั้งหมด(as embodied in all living things).็ปู


         เส้นท่ออาหารหลักของใบไม้ทั้งหลาย(the arteries of leaves), ร่องลายทั้งหลายของเต่า(the markings of the tortoise)และกระสวนสายแร่บนก้อนหินทั้งหลาย(the veined patterns on rocks)คือการแสดงออกทั้งหมดของภาษาและศิลปะลับแห่งธรรมชาติ(nature’s secret and art).

         ทางวงกต(the labyrinth)คือหนึ่งในกระสวนลี่ทั้งหลาย(Li patterns)อันมากมาย. มันพบในโครงสร้างหินปะการังทั้งหลาย(in coral structures). เห็ดทั้งหลายเหมือนเห็ดมอเรล(the


morel), กะหล่ำปลี(cabbages), และสมองของมนุษย์(the human brain).

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น