โลกข้างใน, โลกข้างนอก - ตอนที่ 2 - วัฏฏ/เกลียว
Inner Worlds, Outer
Worlds - Part 2 – The Spiral
2 https://youtu.be/ZIMoxXO0XvM
ช่องรายการ(channel)ของ AwakenTheWorldFilm และการสร้างสรรค์Awaken
the World ดำเนินโดย ดานีล ชมิดท์(Daneil Schmidt)และ ทันยา มาหาร์(Tanya Mahar).
สามารถติดตามพวกเขาได้ทางFacebookที่ www.facebook.com/awakentheworldfilm และwebsite1ที่ข้างบนนี้.
เพลโตนักปรัชญาสำนักพีธาโกเรียน(Pythagorean
Phylosopher, Plato1)
พูดเป็นนัยปริศนาเอาไว้ว่ามีกุญแจทองคำ(a golden key)ซึ่งทำให้ความลี้ลับทั้งหมดของเอกภพ(unified
all of the mysteries of the universe)รวมกันเป็นหนึ่งเดียว.
และเป็นกุญแจทองคำ(golden
key)นี้ที่เราจะกลับไปสู่เวลา(time)และอีกครั้ง, ซึ่งทะลุผ่านการสำรวจค้นของเรา(throughout our
exploration).
กุญแจทองคำ(the
golden key)นี้คือ สติปัญญาแห่งโลโกส(the
intelligence of the logo2),
ต้นตอแหล่งกำเนิดของ โอมดั้งเดิม(the primordial OM).
2https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=patisonii&month=06-2017&date=26&group=85&gblog=6
ใครก็อาจพูดได้ว่ามันคือจิตใจของพระเจ้า(the
mind of God).
ด้วยประสาทสัมผัสทั้งหลายที่ถูกจำกัดไว้ของเรา(our
limited senses), เรากำลังสังเกตการณ์แต่เพียงภายนอกของการสำแดงปรากฏ(the
outer manifestation)แห่งกลไกทั้งหลายที่ถูกซ่อนอยู่ความคล้ายตนเอง(the
hidden mechanics of self similarity3).
แหล่งกำเนิดของเทวสมมาตร(divine
symmetry)นี้คือความลี้ลับอันยิ่งใหญ่ที่สุดของการมีชีวิตอยู่ของเรา(the
greatest mystery of our existence).
นักคิดอันยิ่งใหญ่ทั้งหลาย(monumental
thinkers)ของประวัติศาสตร์ ดังเช่น พีธาโกรัส(Pythagoras), เคปเปลอร์(Keppler), ลีโอนาโด ดา
วินซี(Leonado da Vinci), เทสลา(Tesla)และไอน์สไตน์(Einstein) ได้มาถึงยังประตูทางเข้าของความลี้ลับ๖the
threshold of the mystery)นี้.
ไอน์สไตน์(Einstein)บอกว่า,
“สิ่งที่งดงามมากที่สุดที่เราสามารถประสบรับรู้ได้ก็คือความลี้ลับ( the
most beautiful thing we can experience is the mysterious).
มันคือแหล่งกำเนิดแห่งบรรดาศิลปะและวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงทั้งหมด(it is
the source of all true art and science). ผู้ใดที่อารมณ์นี้คือผู้แปลกหน้าต่อเขา(he
to whom this emotion is a stranger),
ผู้ไม่สามารถต่อไปได้ที่จะหยุดชั่วขณะอย่างกังขาและยืนหยัดอึ้งทึ่งอย่างเฉลียวฉลาด(who
can no longer pause wondering and stand apt in awe)ก็เป็นดีได้เช่นเดียวกับคนตาย(is
as good as dead). ดวงตาของเขาถูกปิด(his eyes is closed).”
เราอยู่ในสถานะ(position)ของเด็กน้อยคนหนึ่งเข้าไปในห้องสมุดมหึมาที่เต็มไปด้วยหนังสือมากมายในหลายภาษาแตกต่างกัน.
เด็กน้อยนั้นรู้ว่าใครบางคนต้องได้เขียนหนังสือเหล่านั้นขึ้น.
มันไม่รู้ว่าได้อย่างไร(does not know how).
มันไม่ได้เข้าใจในภาษาทั้งหลายซึ่งพวกเขาได้เขียนขึ้นในนั้น.
เด็กนั้นสงสัยอย่างเลือนรางในระเบียบแบบแผนอันลี้ลับในการจัดวางของหนังสือทั้งหลายนั้นthe
arrangement of the books)แต่ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร.
นั่น, สำหรับข้าพเจ้าแล้วมันดูเหมือนว่า,
คือทัศนคติที่กระทั่งมนุษย์ซึ่งมีภูมิปัญญามากที่สุดมีต่อพระเจ้า(God).
เรามองเห็นเอกภพ(a
universe)ได้จัดวางอยู่อย่างล้ำเลิศและกำลังเชื่อฟังในกฏแน่ชัดทั้งหลาย(marvelously
arranged and obeying certain laws).
จิตทั้งหลายของเราอันถูกจำกัดขอบเขต(our
limited mind)ไม่สามารถคว้าจับแรงกำลังลี้ลับ(the
mysterious force)ที่เคลื่อนย้ายกลุ่มดาวทั้งหลาย(the
constellations).
ทุกนักวิทยาศาสตร์ผู้มองลึกเข้าไปในเอกภพ(the universe) และทุกผู้เรืองเวทย์ผู้มองลึกเข้าไปในตนเอง(deeply within the self), ในท้ายที่สุดก็มาเผชิญหน้ากับสิ่งเดียวกัน(face to face with the same thing): ปฐมวัฏฏ (The Primordial Spiral - เกลียวหมุนวนก้นหอยดั้งเดิม).
หนึ่งพันปีก่อนการสร้างสรรค์ของหอสังเกตการณ์ดูดาวโบราณที่สโตนเฮนจิ์(the
ancient observatory at Stonehenge), วัฏฏ/เกลียว(the
spiral)นี้ได้เป็นสัญลักษณ์(symbol)มีอิทธิพลโดดเด่นบนโลกนี้(on
Earth). วัฏฏ/เกลียวโบราณทั้งหลายนี้(ancient
spirals)สามารถถูกพบได้ในทั่วทั้งหมดภาคส่วนของโลก. หลายพันของวัฏฏ/เกลียวโบราณทั้งหลายดังเช่นในภาพเหล่านี้
สามารถถูกพบเห็นได้ทั่วทั้งยุโรป. นอร์ธ
อเมริกัน นิว เม็กซิโก((North American New Mexico),
ยูทาห์(Utah), ออสเตรเลีย(Australia), จีน(China), รัสเซีย(Russia). เป็นภาพจำลองอยู่ในทุกศิลปะวัฒนธรรมพื้นเมืองท้องถิ่นบนโลก.
วัฏฏ/เกลียวโบราณทั้งหลายนี้(the ancient spiral symbols)เป็นสัญลักษณ์ถึงการเติบโต, แผ่ขยายและพลังจักรวาล(symbolize growth, expansion and cosmic energy)ที่ปรากฏรูปร่างอยู่ภายในดวงอาทิตย์(embodied within the sun)และสวรรค์ทั้งหลาย(and the heavens).
รูปแบบของวัฏฏ/เกลียว(the
spiral forms)เป็นกระจกสะท้อนถึงโครงสร้างซับซ้อนขนาดใหญ่(macrocosm)ของเอกภพที่ตัวตนของมันยังไม่ถูกคลี่ออก(the
unfolding universe itself).
ในจารีตประเพณีท้องถิ่นทั้งหลาย, วัฏก/เกลียว(spiral)คือแหล่งพลังงาน(energic source), ปฐมมารดา(the Primordial Mother).
วัฏฏ/เกลียวในยุคหินใหม่(the Neolithic spirals)ที่ นิวกรันจิ์, ไอร์แลนด์(New Grange, Ireland)มีวันเวลาย้อนกลับไปถึงห้าพันปี. พวกเขามีอายุแก่กว่ามหาปิระมิดที่กิซ่า(the Great Pyramid at Giza) ถึงห้าร้อยปี. และพวกเขาก็เป็นแค่ปริศนาลี้ลับ(enigmatic)ต่อผู้สังเกตการณ์สมัยใหม่ทั้งหลาย.
วัฏก/เกลียว(the spiral)นี้กลับไปยังกาลเวลาในประวัติศาสตร์เมื่อมนุษย์ได้ติดต่อเชื่อมมากขึ้นเข้ากับโลก(more connected to the Earth) - เชื่อมต่อเข้ากับวงรอบและวัฏฏ/เกลียวทั้งหลายของธรรมชาติ(to the cycles and spirals of the nature). ยุคสมัยที่มนุษย์ยังแยกแยะระบุได้น้อยในเรื่องความคิด(less identified with thoughts).
วัฏฏ/เกลียว(the
spiral)นี้คืออะไรที่เราได้สัมผัสรู้(perceive)ว่าเป็นแรงกำลังบิดให้หมุน(torque)ของเอกภพนี้(the
universe).
ปราณ(Prana), หรือ พลังสร้างสรรค์(create force), หมุนวน(swirl)อากาศ(Agasha)ไปสู่ภาวะความต่อเนื่องแห่งรูปวัตถุของแข็ง(into a continuum of solid forms – การสร้างรวมธาตุให้เกิดเป็นก้อนกลมรูปวัตถุขึ้น/ผู้แปล). พบซึ่งทั้งหมดของระดับทั้งหลายระหว่างมหจักรวาล(the macrocosm)และจุลจักรวาล(the microcosm), จากวัฏฏ/เกลียวกาแล๊กซี่ทั้งหลาย(spiral galaxies)สู่ระบบชั้นบรรยากาศ(to weather systems), สู่น้ำในอ่างอาบน้ำของคุณ(to water in your bathtub), สู่ DNA ของคุณ, สู่ประสบการรับรู้โดยตรงแห่งพลังงานของคุณเอง(to the direct experience of your own energy).
ปฐมวัฏฏ/เกลียว(the Primordial Spiral)นี้ไม่ใช่เป็นความคิด(an idea), แต่ค่อนข้างคล้ายเป็นเช่นนั้นที่ทำใหทุกภาวะและความคิดทั้งหลาย(makes all conditions and ideas)เป็นไปได้(possible).
หลากหลายรูปแบบของวัฏฏ/เกลียว(spirals)และวงก้นหอย(helices)ถูกพบได้ไปในทั่วโลกตามธรรมชาติ(the natural world). หอยทาก(snail). ปะการังทะเล(sea
coral). ใยแมงมุม
(spider webs). ฟอสซิล(fossils). หางม้าน้ำทะเล(sea horse’s tail). และหอยเชลล์(shells).
วัฏฏ/เกลียว(spirals)อันมากมายนี้ที่ปรากฏอยู่ในธรรมชาติสามารถจะสังเกตพบได้ว่าเป็นเกลียววนแบบลอการิธึม(logarithmic
spirals)หรือเกลียววนหมุนโตขึ้น(growth spirals).
เมื่อคุณเคลื่อนที่ออกมาจากจุดศูนย์กลาง(the center), ส่วนตัดทั้งหลายของเกลียวนี้(the spiral sections)ก็จะเพิ่มขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น(get exponentially larger).
เหมือนเช่นตาข่ายอัญมณีของพระอินทร์(Indra’s Net of Jewels4), เกลียววนแบบ
4 https://en.wikipedia.org/wiki/Indra%27s_net
ลอการิธึม(logarithmic spirals)ทั้งหลายนี้เป็นการทำซ้ำเหมือนตนเอง(self-similar)หรือ
ภาพจำลองเสมือนด้วยตนเอง(holographic)ที่ซึ่งคุณลักษณะทั้งหลายของทุกภาคส่วน(the characteristics of every parts)ถูกสะท้อนออกมาในทั้งปวง.
เมื่อ
2,400 ปีก่อนในประเทศกรีซโบราณ, เพลโต(Plato)พิจารณาสัดส่วนเรขาคณิต(continuous geometric proportion)นี้ว่าเป็นพันธการจักรวาล(cosmic bond)ที่ประณีตลึกซึ้งมากที่สุด(the most profound).
สัดส่วนทองคำ(the Golden Ratio)หรือ สัดส่วนเทพเจ้า(divine proportion)นี้เป็นความลับอันยิ่งใหญ่ที่สุดของธรรมชาติ(nature’s greatest secret).
สัดส่วนทองคำ(the Golden Ratio)นี้สามารถถูกแสดงได้เป็น A+B ส่วน A จะเป็นสัดส่วนเดียวกันกับที่ A ส่วน B.
สำหรับเพลโต(Plato)แล้ว, จิตวิญญาณของโลกนี้(the
world’s soul)ผูกมัดเข้าด้วยกัน(binds together)เป็นการสั่นพ้องประสานสนิทหนึ่งเดียว(into one harmonic resonance5).
ลวดลายห้าเหลี่ยม(pentagonal pattern)เดียวกันนี้ที่มีอยู่ในปลาดาว(a starfish)หรือในชิ้นตัดขวางของกระเจี๊ยบ(okra), สามารถถูกเห็นปรากฏได้ในเส้นทางของดาวศุกร์(the
path of Venus)วาดตามรอยเคลื่อนที่ในท้องฟ้ายามราตรีเหนือคาบช่วงเวลา
8 ปี(over an 8 year period).
จากรูปแบบการทำซ้ำเหมือนตนเองวัฏฏ/เกลียวทั้งหลายนี้(the self-similar spiral patterns)ของโรมาเนสโก บร็อคโคลี(the Romanesco broccoli)ไปสู่แขนทั้งหลายของกาแล๊กซี่(the arms of galaxies), เกลียวแบบลอการิธึมทั้งหลายนี้(logarithmic spirals)มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง(ubiquitous)และเป็นต้นแบบ(archetypal pattern).
กาแล๊กซี่ทางช้างเผือกของเราเอง(our own Milky
Way galaxy)มีแขนวัฎฎ/เกลียวมากมาย(several spiral arms)ที่เป็นเกลียวแบบลอการิธึม(logarithmic spirals)ซึ่งมีมุมเกลียว(pitch6)อยู่ราว 12 องศา.
6 https://spaceth.co/break-in-milky-way-spiral-arm/
มุมระยะเอียงของเกลียวยิ่งใหญ่ขึ้นเท่าใด(the greater the pitch of the spiral), การหมุนวนก็ยิ่งแน่นขึ้น(the tighter the turns).
เมื่อคุณสังเกตการงอกเติบโตของพืชจากวีดิโอที่เร่งลัดเวลา(a plant growing in time-lapse video), คุณได้เป็นประจักษ์พยานของการเต้นรำด้วยวัฏฏ/-เกลียวแห่งชีวิต(dancing with spiral of life).
วัฏฏ/เกลียวทองคำ(the golden spiral)นั้นเป็นเกลียวแบบลอการิธึม(a logarithmic spiral)ที่เติบโตออกไปข้างนอก(grows outward)โดยองค์ประกอบของสัดส่วนทองคำ(a factor of the Golden Ratio).
สัดส่วนทองคำ(the Golden Ratio)นี้เป็นความสัมพันธ์พิเศษเชิงคณิตศาสตร์(a special mathematic relationship)ที่ผุดขึ้นแล้วขึ้นเล่าในธรรมชาติ(pop-up over and over in nature).
รูปแบบ(the pattern)นี้ที่สามารถสังเกตเห็นได้ตามมาซึ่งอะไรที่ถูกเรียกว่าอนุกรมไฟบอนัคชี(the Fibonacci series) หรือ ลำดับชุดแบบไฟบอนัคชี(Fibonnacci sequence).
อนุกรมไฟบอนัคชี(the Fibonacci series)คลี่ออก(unfolds)เช่นนั้น, แต่ละตัวเลขคือจำนวนบวกของสองตัวเลขที่แล้ว(the sum of previous two numbers).
นักคณิตศาสตร์และนักดาราศาสตร์ชาวเยอรมัน,
เคปเลอร์(Keppler)ได้คันพบว่ารูปแบบเกลียวเหมือนซ้ำตัวเอง(self-similar spiral patterns)ทั้งหลายนี้สามาถถูกสังเกตเห็นได้ในวิธีที่ใบไม้ถูกจัดเรียงบนก้านของพืชทั้งหลาย(on stems of plants).
หรือในการเรียงจัดแต่งของดอกย่อยและกลีบดอกของดอกไม้ทั้งหลาย(in the floret and petal arrangements of
flowers).
ลีโอนาร์โด
ดา วินชี(Leonardo da Vinci)ได้สังเกตเห็นว่า ช่องว่างของกลีบดอก(the spacing of leaves)ทั้งหลายนั้นบ่อยครั้งมักจะเป็นรูปแบบวัฏฏ/เกลียว(the spiral pattern).
รูปแบบนี้ถูกเรียกว่ารูปแบบ “ไฟลโลแท็กซิส”(phyllotaxis patterns)หรือ รูปแบบการจัดเรียงกลีบดอก(leaf arrangement patterns).
การจัดเรียงแบบไฟลโลแท็กซิส(phyllotaxis arrangements)ทั้งหลายนี้สามารถถูกเห็นได้ในการจัดรวมองค์ตนเองของนูคลีโอไทด์DNA(self-organizing DNA nucleotides).
และในทุกสิ่งจากลำดับเครือญาติ(family tree)ของการแพร่พันธุ์กระต่าย(of reproducing rabbits), ในลูกสน(to pine cone), ไม้ตระกูลกระบองเพชร(cacti), ในเกล็ดหิมะ(to
snowflakes)และในชีวอินทรีย์รูปแบบง่ายๆทั้งหลาย(simple
organisms)ดังเช่นพืชเซลล์เดียว
ทั้งหลาย(diatoms).
พืชเซลล์เดียวทั้งหลาย(diatoms)นี้เป็นหนึ่งในรูปแบบธรรมดามากที่สุดของไฟโตแพลงตอน(phytoplankton7); ชีวอินทรีย์เซลล์เดี่ยว(single celled organism)ที่จัดสร้างอาหารให้แก่
พืชพรรณชนิดอื่นนับไม่ถ้วน(for countless species)ทั่วทุกหนทุกแห่งของสายโซ่อาหาร(throughout the food chain).
ธรรมชาติไม่ได้ทำงานให้คำปรึกษาแผนกฟิสิกส์(consult the physics department)ในการที่จะปลูกบร็อคโคลี่(grow broccoli).
การก่อสร้างโครงสร้างในธรรมชาติ(the structuring in nature)นั้นบังเกิดขึ้นโดย อัตโนมัติ(automatically).
นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายในสาขาเทคโนโลยีนาโน(scientists in the field of nanotechnology)ใช้ประเด็นของการประกอบสร้างตัวเอง(the term of self-assembly)มาอธิบายถึงวิธีที่ความสลับซับซ้อนทั้งหลายนั้นถูกก่อรูปทรงขึ้นมา
ดังเช่น ในระยะเริ่มแรกรูปหกเหลี่ยมของขบวนแถวDNA(in the initial hexagonal phase of DNA formation).
ในวิศวกรรมเทคโนโลยีนาโน(nanotechnology engineering), หลอดนาโนของคาร์บอน(carbon nanotubes)ถูกประกอบขึ้นด้วยวัสดุทั้งหลายที่จัดวางเหมือนๆกัน(a similar arrangement materials).
ธรรมชาติทำเรขาคณิตแบบชนิดนี้(this type of geometry)ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างง่ายดายไม่ต้องพยายามใด(effortlessly). อย่างอัตโนมัติ. ไม่มีเครื่องคิดเลข(no calculator).
ธรรมชาตินั้นเที่ยงตรงและมีประสิทธิภาพยิ่งนักเป็นที่สุด(precise and extremely efficient).
ตามคำกล่าวของสถาปนิกและนักประพันธ์ที่มีชื่อเสียง
บัคมินสเตอร์ ฟุลเลอร์(Buckminster
Fuller), กระสวน(pattern)ทั้งหลายนี้คือความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ของกาลเทศะ(a function of timespace - เวลาและที่ว่าง).
DNAและรวงผึ้ง(honeycomb)คือรูปร่าง(the shape)ที่พวกมันเป็นเช่นเหตุผลเดียวกันกับที่ฟองน้ำ(bubble)นั้นเป็นรูปทรงกลม.
มันเป็นรูปทรงที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด(the most efficient shape)เพราะต้องการพลังงานจำนวนน้อยที่สุด(requiring the least amount of energy).
ที่ว่าง(space)ในตัวมันเองก็มีรูปทรง(shape)และยินยอมให้ก็แต่สัณฐาน/โครงร่าง/องค์ประกอบที่ถูกต้อง(allows
only certain configurations)สำหรับการนั้น(for
matter),
มักจะจัดการใหม่ให้ถูกต้องเสมอเพื่อประสิทธิผลมากที่สุด(always
defaulting to what is most efficient).
กระสวนนี้(this pattern)เป็นวิธีที่แข็งแรงที่สุดและมีประสิทธิผลมากที่สุด(the strongest and most efficient way)ในการที่จะสร้างโครงสร้างทางสถาปัตยกรรม(architectural structure)อย่างเช่น geodesic domes นี้.
กระสวนวัฏฏ/เกลียวแบบลอการิธึม(logarithmic spiral patterns)ยินยอมให้พืชเปิดออกถึงขีดสูงสุดต่อแมลงทั้งหลาย(maximum exposure to insects)เพื่อถ่ายเทผสมละอองเกสร(pollination), เปิดออกถึงขีดสูงสุดต่อแสดงแดดและฝน(sunlight and rain)และยินยอมให้พวกมันต่อน้ำวัฏฏ/เกลียวอันมีประสิทธิผล(efficiently spiral water)ไปยังรากทั้งหลายของพวกมัน(their roots).
นกล่าเหยื่อ(birds
of prey)ใช้กระสวนวัฏฏ/เกลียงแบบลอการิธึม(logarithmic
spiral patterns)ในการล่าเหยื่อหาอาหารมื้อต่อไปของพวกมัน(to stalk their next meal). การบินวนเป็นวัฏฏ/-เกลียว(flying in spital)เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด(the most efficient way)ในการที่จะล่า(hunt).
ความสามารถของผู้หนึ่ง(one’s ability)ในการที่เห็นวัฏฏ/เกลียงแห่งชีวิต(the spiral of life)เต้นรำอากาศะ(Akasha)เข้าไปในรูปของวัตถุ(into
material form)ถูกเชื่อมโยงกับ(is related)ความสามารถของผู้นั้น(one’s ability)ในการที่จะเห็นความงดงามและสมมาตรในธรรมชาติ(to see beauty and symmetry in nature).
นักกวีวิลเลี่ยม เบลค(William Blake)กล่าว่า “เอกภพที่เจริญเติบโตนี้คลี่บานออกเป็นเช่นดอกไม้(the vegetative universe open like a flower)จากใจกลางโลก, ซึ่งในนั้นคือนิรันดร์(from the Earth’s center, in which is eternity). มันแผ่ขยายจากดวงดาวทั้งหลายสู่เปลือกแห่งโลกโลกียะ(the mundane shell)และที่นี้มันได้มาพบกับนิรันดร์กาล(eternity)อีกคราทั้งภายในและภายนอก(both within and without).”
การศึกษาเรื่องกระสวนทั้งหลาย(patterns)ในธรรมชาติไม่ใช่บางอย่างที่ได้คุ้นเคยมากนักในโลกตะวันตก(not something that is very familiar in the
West), แต่ในจีนโบราณ(ancient China)ศาสตร์นี้(this science)ถูกรู้จักกันว่าคือ
“ลี่(Li)”.
ลี่(Li)สะท้อนถึงระเบียบและกระสวนอย่างพลวัตในธรรมชาติ(the dynamic and pattern in nature).
แต่มันไม่ใชกระสวนของการคิด(pattern thought of)ที่เป็นดุจอะไรที่สถิตย์(static - ไม่เคลื่อนไหว), แข็งตัว(frozen)หรือ ไร้การเปลี่ยนแปลง(unchanging), เหมือนกระเบื้องโมเสค(a mosaic).
มันเป็นกระสวนอย่างพลวัต(dynamic pattern)เมื่อทำให้เป็นรูปร่างขึ้นมาในทุกสิ่งมีชีวิตทั้งหมด(as embodied in all living things).
เส้นท่ออาหารหลักของใบไม้ทั้งหลาย(the arteries of leaves), ร่องลายทั้งหลายของเต่า(the markings of the tortoise)และกระสวนสายแร่บนก้อนหินทั้งหลาย(the veined patterns on rocks)คือการแสดงออกทั้งหมดของภาษาและศิลปะลับแห่งธรรมชาติ(nature’s secret and art).
ทางวงกต(the labyrinth)คือหนึ่งในกระสวนลี่ทั้งหลาย(Li patterns)อันมากมาย.
มันพบในโครงสร้างหินปะการังทั้งหลาย(in
coral structures).
เห็ดทั้งหลายเหมือนเห็ดมอเรล(the
morel), กะหล่ำปลี(cabbages), และสมองของมนุษย์(the human brain).
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น