กระสวน/แบบลายของเซลล์(the cellular pattern)คืออีกอันหนึ่งของลวดลายกระสวนทั่วไป(another common pattern)ในธรรมชาติ(in nature).
มีจำนวนมากมายมหาศาล(myriad)ของโครงสร้างเซลล์ทั้งหลายที่แตกต่างกัน(of different cellular structures), แต่ทั้งหมดก็มีความเป็นระเบียบแบบแผนหนึ่งเหมือนกัน(a similar orderliness)กำหนดโดยจุดประสงค์และหน้าที่ใช้งานของพวกมัน(defined by their purpose and function).
มันง่ายมากที่จะถูกสะกดให้จับใจ(mesmerized)ด้วยการแสดงอันต่อเนื่องตลอดเวลาของรูปทรงทั้งหลายนั้น(the constant play of forms), แต่สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุด(the most interesting)ก็คือรูปทรงแบบอย่างอันชัดเจนทั้งหลาย(that certain archetypal forms)ดูเหมือนจะถูกถักทอ(be
woven)เข้าไปในโครงสร้างของธรรมชาติ(into the fabric of nature)เลยทั้งหมด.
กระสาวน/แบบลายของการแตกกิ่งก้าน(the branching pattern)ก็เป็นอีกอันหนึ่งของกระสวนลี่(Li pattern) หรือ กระสวน/ลวดลายแบบอย่าง(archetypal pattern)ที่สามารถสังเกตเห็นได้ในทุกระดับทั้งหมดและในทุกขนาดอัตราส่วน(in all fractal scales)ทั้งหลาย.
ยกเอาเป็นตัวอย่างได้เช่น ภาพอันน่าทึ่งจากแบบจำลองทางซุปเปอร์คอมพิวเตอร์(this incredible image of supercomputer simulation8)ที่รู้จักกันว่า “millennium run9”
8 https://en.wikipedia.org/wiki/Computer_simulation
9 https://isecosmetic.com/wiki/Millennium_Run
แสดงให้เห็นถึงการกระจาย(distribution)ของสสารมืด(dark
matter10)ในเอกภพถิ่นฐาน(the local ubniverse11 – สุริยะจักรวาล).
10https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%94
มันถูกสร้างสรรค์(created)ขึ้นมาโดบสมาคม แม็กซ์ แพลงค์(Max Planck Society)ในเยอรมนี(Germany).
สสารมืด(dark
matter)คืออะไรที่เราก่อนนั้นเคยคิดว่าคืออวกาศว่างเปล่า(empty space).
มันเหมือนกับว่าเป็นระบบประสาทที่มองไม่เห็น(invisible
nervous system)ที่วิ่งผ่านไปทั่วทุกแห่งของเอกภพ(runs throughout the universe).
เอกภพ(the universe)นั้นความจริงแล้วก็เหมือนสมองยักษ์(a giant brain).
มันทำการคิดอยู่อย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา(constantly thinking)โดยการใช้แบบชนิดของความมืด(using the type of dark)หรือ พลังที่ซ่อนเร้น(hidden energy)ที่วิทยาศาสตร์เพิ่งแค่ได้
ผ่านเครือข่ายอันมโหฬารนี้(through this immense
network), พลังลึกล้ำสุดหยั่งได้(unfathomable energy)เคลื่อนไหว, จัดหาสร้างแรงผลักดัน(providing the momentum)เพื่อการแผ่ขยายและการเติบโตของเอกภพ(for the expansion and growth of the
universe).
ธรรมชาติ(nature)สร้างสรรค์กระสวน/แบบลายกิ่งก้าน(creates branching patterns)อย่างอัตโนมัติ(automatically)เมื่อเราจัดทำสภาวะที่ถูกต้องทั้งหลายขึ้น(set up the right conditions).
ธรรมชาติ(nature)คือเครื่องจักรผลิตให้กำเนิดศิลปะ(an art generating machine)หรือเครื่องยนต์ของการสร้างสรรค์ความงดงาม(a beauty-creating engine).
ที่นี่, ไฟฟ้า(electricity)ได้ถูกใช้ได้ถูกใช้ทำให้เกิดการงอกแตกกิ่งก้านผลึกทั้งหลายของเงินขึ้น(grow silver crystal branches). ฟิลม์ภาพยนตร์นี้(footage)ถูกเร่งเวลาให้เร็วขึ้น(is time-lapsed)ขณะที่พวกมันเติบโตอยู่กว่าหลายชั่วโมง. ผลึกทั้งหลายก่อรูปร่างขึ้น(the crystals form)บนแท่งคาโธดอลูมิเนียม(the aluminum cathodes)ในขณะที่อิออนทั้งหลาย(ions)ถูกทำให้ตกตะกอนโดยวิธีอิเล็กโตรดีโพสิต(are electrodeposited)จากสารละลายเงินไนเตรต(a
silver nitrate solution).
ขบวนแถวนี้(the formation)เป็นการจัดรวมด้วยตนเอง(self-organizing).
คุณกำลังมองงานศิลปะ(artwork)ที่ถูกผลิตสร้างขึ้นมาโดยธรรมชาติด้วยตนเอง(generated by nature itself).
โยฮัน วูลฟ์กัง ฟอน เกอเธ(Johann Wolfgang Von Goethe)พูดไว้ว่า, “ความงดงามคือการแสดงปรากฏให้เห็นของกฎลับแห่งธรรมชาติที่ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็จะหลบซ่อนจากเราไปตลอดกาล (beauty is a manifestation of secret natural laws which otherwise would have been hidden from us forever).”
ในความหมายนี้(in this sense), ทุกสิ่งในธรรมชาตินั้นมีชีวิตขึ้น,
จัดรวมเข้าด้วยกันด้วยตนเอง(everything
in nature is alive, self-organizing).
เมื่อแรงเคลื่อนไฟฟ้าสูงขึ้น(high voltage)ถูกนำมาใช้การแตกกิ่งก้านสาขาสาทิสรูป(the fractal branching)ก็ยิ่งเด่นชัดยิ่งขึ้น(even
more obvious).
อันนี้บังเกิดขึ้นตามเวลาจร้ง(happening
in real time).
ในร่างกายของมนุษย์(human body), โครงสร้างและกระสวนแบบลายเหมือต้นไม้( tree-like
structures and patterns)ถูกพบเห็นได้ไปทั่วตลอด.
นั้นคือ, แน่นอนล่ะ, ระบบประสาททั้งหลาย(the nervous systems)ที่การแพทย์ทางตะวันตก(Western medicine)ได้รู้ถึง.
แต่ในทางการแพทย์ของจีน(Chinese), อายุรเวท(Ayurvedic), ทิเบต(Tibetan)พลังเมอ-ริเดียนทั้งหลาย(the energy meridians)เป็นองค์ประกอบสำคัญ(an essential component)ในการที่จะเข้าใจถึงว่าร่างกายนี้ทำงานทำหน้าที่อย่างไร(how the body functions).
“นาฑี(nadis12 – สว่าง)”, หรือพลังเมอริเดียน(energy meridian)รูปร่างโครงสร้างทั้ง
12 https://hmong.in.th/wiki/Sushumna
หลายเหมือนต้นไม้(tree-like structures).
การตรวจชันสูตรศพ(a post mortem examination)จะไม่อาจเปิดเผย(reveal)ถึง จักรา(chakras12)หรือ นาฑี(nadis)ได้, แต่นั่นไม่ได้หมายถึงว่าพวกมันไม่ได้มีอยู่.
12https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0
คุณจำเป็นต้องทำเครื่องมือของคุณให้ประณีตขึ้น(need to refine your tool)ที่คุณใช้ในการที่จะมอง.
อย่างแรกคุณต้องเรียนรู้ที่จะทำให้จิตของคุณเองนั้นเงียบ(quiet your own mind).
มีเพียงตอนนั้นเองที่คุณจะสังเกตสิ่งเหล่านี้ได้เป็นอย่างแรกภายในตัวของคุณ(observe these things first in yourself).
ในทฤษฎีของไฟฟ้า(electrical
theory),
ความต้านทานยิ่งน้อยลงเท่าใดใรเส้นลวด(the
less resistance in a wire),
มันก็ยิ่งสามารถนำพาส่งผ่านพลังงานไปได้ง่ายมากขึ้น(the more easily it can carry energy).
เมื่อคุณเพาะปลูกความสงบในจิตใจผ่านการทำสมาธิ(cultivate equanimity through meditation), มันสร้างสรรค์(creates)สภาวะของการไร้-ความต้านทาน(state of non-resistance)ขึ้นในร่างกายของคุณ(in your body).
ปราณ(prana), หรือ ชี่(chi), หรือกำลังภายใน(inner energy)เป็นอะไรง่ายๆเช่นการตื่นมีชีวิตภายในของคุณ(your inner aliveness).
อะไรที่คุณรู้สึก(feel)เมื่อคุณนำขึ้นมาซึ่งจิตสำนึกของคุณ(bring your consciousness)ภายในกายนี้(within
the body).
เส้นลวดอันละเอียดทั้งหลาย(the subtle wires)ภายในร่างกายของคุณ(within your body)ที่ส่งผ่าน/นำพา ปราณ(prana), หรือ นาฑี(nadis), กลายเป็นสามารถที่จะเคลื่อนที่พลังปราณ(pranic energy)ได้มากยิ่งมากขึ้นผ่านจักราทั้งหลาย(through the chakras).
ระบบเส้นลวดของคุณ(your wiring)กลายเป็นแข็งแรงมากขึ้น(becomes stronger)เมื่อคุณใช้งานมัน, เมื่อคุณยินยอมให้พลังงานไหลผ่าน(allow energy to flow). ที่ใดก็ตามซึ่งจิตสำนึกได้ถูกจัดวางเข้าที่ทาง(consciousness is placed) ชี่(chi) หรือ พลัง(energy), จะเริ่มต้นที่จะไหลผ่าน(begin to flow)และการเชื่อมต่อทางกายภาพทั้งหลายก็ผลิบาน(and physical connections blossom).
ภายในสมองและระบบประสาท(within the brain and nervous system), กระสวน/แบบลายของระบบเส้นลวดกายภาพ(physical wiring system)ทั้งหลายก็กลายเป็นได้สถาปนาขึ้นด้วยการกระทำซ้ำ(become established by repetition).
โดยการจัดวางความสนใจของคุณอย่างต่อเนื่องภายใน(continually placing your attention within)และการลดต่ำลงของแรงเสียดทาน(lowing resistance)ต่อความรู้สึกของการสัมผัสรู้ทั้งหลาย(to the sensations)คุณก็กำลังประสบรับรู้(is experiencing), คุณเพิ่มความจุ/ความสามารถที่จะรับพลังของคุณ(increase your energetic capacity).
ในลัทธิเต๋า(Taoism), สัญลักษณ์หยิน หยาง(the yin yang symbol)นั้นแสดงถึงการาแผ่ซ่าน/ซึมทะลุ(inter-penetration)ของแรงเกลียว/วัฏฏทั้งหลายของธรรมชาติ(the spiral forces of nature).
หยิน หยาง(the
yin yang)นั้นไม่ใช่สอง(two)ไม่ใช่หนึ่ง(one). (the yinyang is not two
and not one.)
แนวความคิดโบราณในเรื่องของ “ฮาระ(hara)”(the ancient concept of
“hara”)ถูกแสดงออกถึง(is represented)โดย หยินหยาง(the
yinyang)หรือ การหมุนวนของเกลียว/วัฏฏ(spiral swirl).
มันคือศูนย์กลางพลัง(the power centered)ซึ่งตั้งอยู่ภายในช่องท้องใต้สะดือ(within the belly below the navel).
“ฮาระ” แปลตามตัวอักษรว่า ทะเล หรือ มหาสมุทร ของ พลัง(sea or ocean of energy).
ในจีน(China), ฮาระนี้(the hara)ถูกใช้เรียกจุดที่ต่ำกว่าตังเถียน(the lower dangtien).
ในหลายรูปแบบของศิลปะการต่อสู้ทั้งหลายในเอเซีย(many forms of Asian martial arts), นักรบ/นักต่อสู้(the warrior)ที่มีฮาระที่แข็งแรง(strong hara)ถูกบอกว่าเป็นผู้ที่ไม่สามารถถูกหยุดยั้งได้(to be unstoppable).
ในจารีตธรรมเนียมของซามูไร(samurai tradition)หนึ่งรูปแบบของพิธีกรรมฆ่าตัวตาย หรือ เซ็ปปุกุ(seppuku)คืออ ฮาระ
กิริ(hara kiri - ฮารา คีรี), ซึ่งมักจะออกเสียงกันว่า “แฮรี่ แครี่(hairy cairy)”. มันหมายถึงการ แทงฮาระของคนผู้หนึ่ง(impale one’s hara)โดยการตัดชี่ของผู้นั้นออก(cutting
one’s chi)หรือ ช่องทางของพลังงาน(energy channel).
การเคลื่อนที่จากศูนย์กลางนี้ก็สร้างสรรค์การเคลื่อนไหววางพื้นอย่างสง่างาม(creates the grounded graceful movement)ที่คุณเห็นได้ไม่ใช่แต่เพียงในศิลปะการต่อสู้ทั้งหลาย(martial arts)เท่านั้น,
แต่ก็ในนักกอล์ฟที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย(the
great golfers), นักเต้นระบำหน้าท้องทั้งหลาย(the belly dancers)และการเต้นหมุนวนของชนอิสลามซูฟี(Sufi swirl dervishes).
มันคือการเพาะปลูกของจิตสำนึกในจุดเดียวคืออยู่ในระเบียบวินัย(the cultivation of single-pointed,
disciplined consciousness)นั่นเป็นแก่นของฮาระ(the
essence of hara); ความนิ่งสงบ(the stillness)ในดวงตาของพายุเฮอริเคน(in
the eye of the hurricane).
มันเป็นสัญชาตญาณที่ดี(the gut instinct)ในการเชื่อมต่อถึงแหล่งพลัง(energy source)ของคนผู้นั้น.
บุคคนหนึ่งผู้มีฮาระดี(with
good hara)ได้ถูกเชื่อมต่อเข้ากับโลก(is connected to the Earth), และกับปัญญาสหัชญาณ(the intuitive wisdom)ที่เชื่อมต่อทุกสรรพสิ่ง(that
connects all things).
การที่จะคิดด้วยท้องของคุณ(to think with your belly), “hara de kanganasaii”คือการเคาะตบ(tap)เข้าไปในปัญญาข้างในของคุณ(into your inner
wisdom).
ชนพื้นเมืองโบราณอะบอริจินของออสเตรเลีย(the ancient Australian Aboriginees)เพ่งความสนใจบนพื้นที่เดียวกัน(concentrated on the same area)แค่ต่ำลงไปกว่าสะดือ(below the navel) – ที่ซึ่งร่างยาวของอสรพิษสายรุ้งอันยิ่งใหญ่นอนทอดขดตัวอยู่(the great rainbow serpent lay coiled).
อีกครั้ง, การแสดงออกซึ่งพลังอันวิวัฒนาการ ใน มนุษยชาติ(a representation of the evolutionary of
mankind).
มันไม่ใช่อุบัติเหตุ(no accident)ที่เป็นเช่นนั้นในฮาระ(the
hara)ที่ซึ่งชีวิตใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นตรงนั้น.
ระบบประสาทเกี่ยวกับลำไส้นั้น(the enteric nervous system), บางครั้งถูกอ้างถึงว่าเป็นดุจ “สมองลำไส้(gut brain)13” เหมือนเช่นเดียวกับสมองในศีรษะ(similar to the brain in the head), ด้วยเซลล์ประสาทและสารส่งผ่านประสาทของมันเอง(with its own neurons and transmitters).
มันสามารถทำงานได้เองโดยอัตโนมัติ,
นั่นด้วยเชาวน์ปัญญาของมันเอง(with its own intelligence). คุณสามารถพูดได้ว่าสมองลำไส้(the gut
brain)คือฉบับย่อส่วน(a fractal version)ของสมองศีรษะ(the
head brain), หรือบางทีสมองศีรษะ(the head brain)เป็นฉบับขยายส่วน(a fractal version)ของสมองลำไส้(the gut brain).
13 https://www.lishthailand.com/gut-brain-axis/
หมีที่สุขภาพดี(a healthy bear)มีฮาระที่แข็งแรง(strong hara).
เมื่อหมีรู้ว่าจะไปค้นหาอาหการสมุนไพรทั้งหลายได้ที่ไหน(to forage for herbs), มันติดตามการเคลื่อนที่ของชี่(the movement of chi)ผ่านประสาทสัมผัสทั้งหลายของมัน(through its senses),
มีศูนย์กลางอยู่ในฮาระ(hara)หรือท้องน้อย(belly).
นี้คือการเชื่อมต่อของหมี(the bear’s connection)ต่อกระท่อมฝัน(the
dream lodge); สถานที่ซึ่งจารีตธรรมเนียมของชนท้องถิ่นทั้งหลาย(native traditions)ที่ความรู้ทั้งหมดมาจากที่นั้น - สู่เกลียว/วัฏฏของชีวิต(to the spiral of life).
แต่ผู้คนสมัยโบราณ(ancient peoples)รู้เรื่องเกี่ยวกับ เกลียว/วัฏฏ(the spiral) ถ้าวิทยาศาสตร์สมัยใหม่(modern science)แค่กำลังเริ่มต้นในตอนนี้ที่จะจดจำยอมรับถึงความสำคัญของมัน(to recognize its significance)?
ถามผึ้งทั้งหลายสิ,
เพราะพวกเขาไม่ได้ลืมว่าจะรักได้อย่างไร(for they have not forgotten how to love). ผึ้งมีการเชื่อมต่อพิเศษ(a special connection)ต่อแหล่งกำเนิด(to the source)เป็นดุจส่วนหนึ่งของระบบชีวภาพ(a symbiotic system)ในการช่วยความงดงามและความหลากหลายได้เบ่งบาน(helping beauty and diversity to flourish). พวกเขาคือสะพานระหว่างมหจักรวาลและจุลจักรวาล(macrocosm
and microcosm14).
14 https://isecosmetic.com/wiki/Macrocosm_and_microcosm
มีหัวใจหนึ่งที่เชื่อมต่อกับทั้งหมด(one heart that connects all), จิตดุจรวงผึ้ง(a hive mind)ถ้าคุณเลือกประสงค์(if you will).
เหมือนสมองที่เปิดออก(an open brain), รังผึ้ง(the hive)นั้นส่งความฝันทั้งหลายออกไปสู่โลก(sends out its dreams to the world)ให้ถูกสำแดงปรากฏ(to be manifested).
ในธรรมชาติ, สิ่งมีชีวิตมากมายรู้ถึงวิธีที่จะกระทำสอดคล้องเข้ากันได้อย่างไร(know how to
act unison), ที่จะเคลื่อนไปด้วยหนึ่งจิตวิญญาณ(to move with one spirit), หนึ่งทิศทาง(one
direction).
แต่ก็ไม่ใช่ได้รับประโยชน์ไปทั้งหมดของสายพันธุ์อื่นทั้งหลาย(all benefit
the other species)ที่รายรอบพวกเขา.
ตัวอย่างเช่น, ฝูงตั๊กแตน(the locust)จะกัดกินทุกสิ่งจนหมดสิ้น(devour)ในเส้นทางของพวกมัน.
ตั๊กแตนไม่มีทางเลือกนอกจากกระทำตนเช่นตั๊กแตน(has no
choice but to act like a locust). มันจะไม่ทำน้ำผึ้ง(make honey)หรือผสมละอองเกสรให้พืชทั้งหลาย(pollinate
plants)เหมืแอนเช่นที่ผึ้งทำ. พฤติกรรมของตั๊กแตนนั้นแข็งตายตัว(rigid),
แต่มนุษย์นั้นเป็นลักษณะพิเศษจำเพาะ(unique), ในการนั้นเราสามารถกระทำได้เหมือนเช่นผึ้ง
หรือเราสามารถกระทำเหมือนเช่นตั๊กแตนก็ได้.
เรามีอิสระที่จะเปลี่ยนแปลง(free to change)และปรับให้เหมาะสม(manipulate)ได้ต่อกระสวน/แบบลาย(the patterns)ทั้งหลายนั้นของการที่เราจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับโลกนี้(how we interact with the world).
เราสามารถดำรงชีวิตอย่างอยู่ร่วมทางชีวภาพ(can exist symbiotically)หรืออย่างปรสิต(parasite15).
วันนี้มนุษย์พยายามที่จะเข้าใจ(understand)ต่อเกลียว/วัฏฏ(the spiral)ด้วยจิตใจเชิงเหตุผล(the rational mind)แต่มันไม่ใช่กำลังคิดว่าสิ่งนั้นได้เชื่อมต่อกับเราเข้ากับวัฏฏ/เกลียวแห่งชีวิต(connected us to the spiral of life).
เราได้ถูกเชื่อมต่อเสมอมา(have always been connected).
การคิด(think)คืออะไรที่เก็บรักษาเราให้อยู่ในมายาภาพของความแตกแยก(keep us in the illusion of separateness), ภายในอัตลักษณ์ทั้งหลายของเราเอง(within our own identities).
การคิด คือ(THINKING IS)การสร้างสรรค์แห่งความแตกแยก(creation of separateness).
ประสบการณ์รับรู้ของการถูกจำกัดขอบเขต(the experience of limitation).
ยิ่งเราจัดเรียงวางด้วยความคิดมากเท่าไหร่(the more we align with thought), ก็ยิ่งที่เรากลายเป็นถูกย้ายออกไปจากแหล่งต้นกำเนิดมากขึ้นเท่านั้น(the more removed we become from the source).
วัฒนธรรมโบราณทั้งหลาย(ancient cultures)ที่มีการคิดจัดวางเรียงตำแหน่งแห่งหนในตัวพวกเขาที่น้อยกว่า(were less thought-oriented aligned
themselves)กับวัฏฏ/เกลียว(with the spiral)ในวิถีตรงและเฉพาะตนยิ่งกว่า(a more direct and personal way)ที่เราทำในวันนี้(we do today).
ในอินเดียโบราณ(in ancient India), กุณฑาลินี(Kundalini)คือการแสดงปรากฏ(a representation)ของพลังข้างในของผู้นั้น(one’s inner energy)ที่เคลื่อนไปในสกระสวน/แบบลายเหมือนงูหรือเหมือนขดเกลียว(moves in snake-like or helix-like pattern)ขึ้นไปตามกระดูกสันหลัง(up the spine).
ในจารีตธรรมเนียมของโยคะโบราณทั้งหลายของอินเดีย(in the ancient yogic of India)โลกข้างในทั้งหลายของผู้คน(the inner worlds of people)ในเวลานั้นเปรียบเทียบได้กับวัฒนธรรมทั้งหลายที่มีฮาระเป็นจุดศูนย์กลางเหล่านั้น(comparable to those of hara centered
cultures).
ที่จะสร้างสมดุลของพลังแห่งวัฏฏ/-เกลียว(to
balance the power of the spiral)ด้วยความสงบนิ่ง(stillness)ของจิตสำนึกการเห็น(witnessing consciousness)คือการที่จะจัดเรียงด้วย(to
align with)ศักยภาพที่มีวิวัฒนาการอย่างเต็มเปี่ยมของคุณ(your full
evolutionary potential).
ที่จะผลิบาน(blossom)เข้าไปสู่การมีชีวิตอันหลากหลายซับซ้อนโดดเด่นจำเพาะ(the unique multi-faceted being)ที่คุณถูกออกแบบมาให้เป็น(you were designed to be).
“อิฑะ(Ida16)”- เพศหญิง(the feminine)หรือพระจันทร์(moon)ในช่องพลังนั้น(channel)ถูกเชื่อมต่อกับสมองซีกขวา(is connected to the right brain)และ “ปิงคละ(Pingala)” - เพศชาย(the masculine)หรือพระอาทิตย์(sun)ช่องพลังนั้น(channel)ถูกเชื่อมต่อยังสมองซีกซ้าย(is
connected to the left brain).
16 https://leally.ru/th/brauzery/energeticheskie-kanaly-sushumna-ida-pingala-kaducei-chakry-i/
เมื่อสองช่องพลังนี้(these two channels)อยู่ในสมดุล(in balance), พลัง(energy)ก็จะไหลขึ้นไปในช่องพลังที่สาม(a third channel), “สุสุมนะ(Susumna)”, ไปตามศูนย์กลางของกระดูกสันหลัง(along the center of the spine), ทำให้เกิดพลังจักราทั้งหลาย(energizing the chakras)และปลดล็อคศักยภาพที่มีวิวัฒนาการเต็มเปี่ยมของผู้นั้น(unlocking one’s full evolutionary potential).
คำว่า “จักรา(chakra)” คือคำสันสกฤตโบราณ(an ancient Sanskrit word)หมายถึง กงล้อพลังงาน(energy wheel).
กุณฑาลินี(Kundalini)ไม่มีอะไรน้อยไปกว่าปฐมวัฏฏ(the primordial spiral)ที่ร่ายรำชีวิตมนุษย์ของคุณไปสู่การมีชีวิต(that dances your human life into existence).
มันเป็นกลุ่มชุดพลังที่แตกต่าง(a different order of energy)ไปกว่าที่เราเข้าใจโดยทั่วไป(normally
understand).
เหมือนสะพานจาก “สสารสุทธิ(gross
matter - รูปวัตถุละเอียด เช่น ความคิด-thoughts17)” ไปสู่พลังงานทั้งหลายซึ่งละเอียดประณีตมากที่สุด(into
the most subtle energies).
17 https://www.nairaland.com/443101/thoughts-gross-matter-ethereal-matter
กุณฑาลินี(Kundalini)ไม่ใช่พลังงาน(energy)ที่สามารถถูกบังคับโดยใช้ความตั้งใจ(will), ความพยายาม(effort)และความเสียดสี(friction).
มันคล้ายกับการปลูกดอกไม้(it is analogous to growing a flower).
ทั้งหมดที่เราสามารถทำได้ในฐานะคนสวนที่ดีทั้งหลายก็คือการเตรียมดิน(prepare the soil)และสภาวะที่เหมาะสมทั้งหลาย(proper
conditions), และปล่อยให้ธรรมชาติเป็นไปตามวิถีของมัน(let nature take its course).
ถ้าคุณบังคับดอกไม้ให้ผลิบานก่อนวัย(to open prematurely), คุณก็จะทำลายมัน(you’ll destroy it).
มันเจริญเติบโตดัวยเชาวน์ปัญญาของมันเอง(grows with its own intelligence), ด้วยทิศทางในการจัดรวมตนของมันเอง(with its own self-organizing direction).
จิตเยี่ยงมีอัตตา(the egoic mind)ที่ได้ยึดติดแน่นอยู่กับโลกด้านนอก(outer world)คืออะไรที่คอยทำให้คุณอยู่ห่างจากการประสบรับรู้(keeps you from experiencing)ถึงธรรมชาติแห่งการสั่นสะเทือนข้างในที่แท้จริงของคุณ(your true inner vibratory nature).
เมื่อจิตสำนึก(consciousness)ถูกหันเข้าไปภายใน(is turned within), มันจะกลายเป็นเหมืองรังสีของดวงอาทิตย์(sun’s rays)และดอกบัวภายในนั้นก็เริ่มต้นที่จะเติบโตงอกงาม(and the lotus within begins to grow).
เมื่อกุณฑาลินี(Kundalini)ได้ตื่นขึ้น(awaken)ภายในตัวผู้ใดแล้ว(one’s self), ผู้นั้นก็เริ่มต้นที่จะเห็น(begins to see)ลายเซ็น(the
signature)ของวัฏฏ/เกลียว(the spiral)ในทุกสรรพสิ่งทั้งหมด.
ในทุกกระสวน/แบบลายทั้งหมด(in all patterns)ภายในและภายนอก(within
and without).
วัฏฏ/เกลียวนี้(this spiral)คือสิ่งเชื่อมโยง(the
link)ระหว่างโลกข้างในทั้งหลายของเราและโลกข้างนอกทั้งหลายของเรา(between our inner worlds and our outer
worlds).
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น