สถาบันพระมหากษัตริย์
กับรัฐบุรุษอาวุโส
ปรีดี พนมยงค์
- จากคำกล่าวเปิดงานปรีดี
พนมยงค์ หน้าตึกโดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๔๐ โดย ศ.นพ.ประเวศ
วะสี
ท่านนายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ท่านอธิการบดี ท่านที่เคารพทุกๆท่าน ในการกล่าวเรื่อง คุณูปการของท่านอาจารย์ปรีดี
พนมยงค์ ที่มีต่อสังคมไทย ความเริ่มต้นด้วยสัจธรรม สัจธรรมประการหนึ่งคือ
ความเป็นจริงที่ว่าสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนเปลี่ยนแปลงสรรพสิ่งทั้งหลายเป็นอนิจจังนั้นคือ
ทุกสิ่วงทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ถ้ามีระบบใดระบบหนึ่งที่ปรับตัวไม่ได้
ระบบนั้นย่อมเกิดวิกฤตและเสื่อมสลายไป นี้เป็นความจริงที่เกิดขึ้นกับระบบทุกชนิด
ไม่ว่าจะเป็นระบบชีวิตตั้งแต่จุลินทรีย์ไปจนถึงไดโนเสาร์ องค์กร สถาบัน บริษัท
ตลอดไปจนถึงอารยธรรมต่างๆ เช่น อารยธรรมเมโสโปเตเมีย กรีก และโรมัน เป็นต้น อารยธรรมเหล่านี้ล้วนเสื่อมสลายไปเพราะปรับตัวไม่ได้ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลง
ต้นเค้าของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกในปัจจุบันเกิดขึ้นเมื่อ ๓๐๐ ปีก่อน
เริ่มต้นด้วยการปฏิวัติท่างวิทยาศาสตร์ อันนำไปสู่การปฏิวัติทางอุตสาหกรรม
ซึ่งนำไปสู่อำนาจ และการแผ่ขยายอำนาจของมหาอำนาจตะวันตกไปทั่วโลก
อันก่อให้เกิดกระแสของการเปลี่ยนแปลงที่เชี่ยวกรากไปทั่วโลก
กระทบประเทศน้อยใหญ่ทุกประเทศทั่วไป
การที่ประเทศต่างๆจะปรับตัวต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของโลก
เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะการที่จะปรับวิธีคิดและปรับโครงสร้าง ไม่ว่าสังคมใดสังคมหนึ่ง
เป็นเรื่องที่ยากมาก ประเทศต่างๆจึงประสบกับภัยพิบัตินานัปการเช่น ความขัดแย้ง
สงคราม ความผันผวนรุนแรงในสังคม วิกฤตการณ์วัฒนธรรม หรือวิกฤตการณ์ในรากเหง้าของตนเอง
พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
๔ และโดยเฉพาะรัชกาลที่ ๕ ทรงพยายามปรับประเทศไทยให้มีความเป็นสมัยใหม่
กระแสความเปลี่ยนแปลงของความเป็นสมัยใหม่ของประเทศและของโลกก่อให้เกิดความเครียดเชิงโครงสร้างในสังคมไทย
เพราะโครงสร้างทางสังคมปรับตัวไม่ได้ง่ายๆ
ความเครียดเชิงโครงสร้างนำไปสู่ความรุนแรงได้
ดังที่มีความพยายามที่จะก่อการปฏิวัติรัฐประหารที่เรียกว่า กบฏในรัชกาลที่ ๖
ในสมัยรัชกาลที่
๗ เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ที่เรียกว่า The Great depression of ๑๙๓๐ เป็นกระแสใหญ่อีกกระแสหนึ่งที่เพิ่มความเครียดให้สังคมไทย
ความเครียดเพราะกระแสความเปลี่ยนแปลงจะผลิตปัญหารุนแรงต่างๆ
เข้าใส่รัฐบาลที่รวมศูนย์อำนาจ ถ้าโครงสร้างอำนาจยังรวมศูนย์
ไม่ว่ารัฐบาลนั้นจะเป็นพระมหากษัตริย์ หรือทหาร หรือพลเรือน
ดังที่เราเห็นอุบัติเหตุเภทภัยที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลต่างๆ เรื่อยมา
การเปลี่ยนแปลงการปกครองด้วยสันติวิธีเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ เป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์
ย้ายบทบาทจากจุดศูนย์รวมทางการเมืองอันเป็นจุดที่ล่อแหลม
กลายเป็นจุดศูนย์รวมทางจิตวิญญาณ
ซึ่งพ้นอันตรายจากความเครียดและเป็นเป้าทางการเมือง
ทำให้เกิดความมั่นคงในสถาบันพระมหากษัตริย์สืบมา
การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
พ.ศ. ๒๔๗๕
จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้สถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์มีความปลอดภัยและมั่นคงยิ่งขึ้น
ถ้าศึกษาความคิด บทบาท และพฤติกรรมของอาจารย์ปรีดี พนมยงค์
ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นมันสมองของคณะราษฎร ทั้งในระหว่างการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
และหลังจากนั้น จะเห็นว่าอาจารย์ปรีดี คือผู้ที่พยายามพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์
นี่จะเป็นการตรงกันข้ามกับความพยายามสร้างภาพให้สังคมไทยเข้าใจไปว่าอาจารย์ปรีดีเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์
ท่านผู้มีเกียรติครับ ประสบการณ์ตรงอาจจะหลอกเราได้ เช่น ประสบการณ์โดยตรงกับพื้นผิวโลกจะทำให้เราคิดว่าโลกแบน
เพราะเราเห็นอบู่ทุกวี่ทุกวัน เราจะสรุปว่ามันแบน
แต่การประมวลความรู้โดยอาศัยหลักฐานต่างๆ สามารถสรุปได้ว่าโลกกลม
จากประสบการณ์ตรงจะคิดว่าดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก
เพราะเราเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกทุกเช้า และตกทางทิศตะวันตกอยู่ทุกเย็น
มนุษย์จะเชื่อเช่นนั้นว่าดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก แต่การประมวลความรู้โดยหลักฐานต่างๆ
สามารถสรุปได้ว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์
ฉะนั้นประสบการณ์ตจรงอาจทำให้เราเข้าใจผิดได้ แต่การประมวลความรู้โดยหลักฐานต่างๆ
ทำให้เรารู้ความจริง
เรื่องท่านอาจารย์ปรีดี
เช่นกัน ได้มีผู้จงใจสร้างภาพว่าท่านเป็นปฏิปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์
แต่การประมวลความรู้โดยหลักฐานต่างๆ จะพบความจริง ซึ่งตรงกันข้ามคือ
ท่านเป็นผู้ที่พยายามจะพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งในการเปลี่ยนแปลงการปกครองในช่วงที่ท่านมีอำนาจทางการเมือง
(เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็น
“ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” – ผู้พิมพ์) และในช่วงที่ท่านไม่มีอำนาจแล้ว
จนถึงวาระสุดท้ายในชีวิตของท่าน
ถ้าวิญญูชนใช้การประมวลความรู้โดยหลักฐานจะพบความจริงตามนี้
ความจริงที่ตรงกันข้ามกับการเล่าลือประดุจเรื่องดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก
หรือโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์
ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพ
ความจริงเป็นเรื่องสำคัญ ความจริง ความรัก ความสมานฉันท์
เป็นเรื่แองที่ไปด้วยกันได้ ความไม่จริงก่อให้เกิดความเกลียดชังความเป็นปฏิปักษ์
และความแตกร้าว ประเทศไทยมีความแตกแยกกันมาก เป็นสังคมทอนกำลัง
จนไม่มีกำลังที่จะเผชิญวิกฤตการณ์ต่างๆ มีความจำเป็นที่จะต้องสร้างความรู้
ความรักและความสามัคคี ตามพระบรมราโชวาทขแองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ถ้าคิดว่าท่านอาจารย์ปรีดี
พนมยงค์ เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว เราจะมองไม่เห็นความดีของท่านปรีดี
พนมยงค์ ซึ่งมีเป็นอเนกประการ
ถ้ารู้ความจริงว่าท่านอาจารย์ปรีดีเป็นผู้ที่พยายามพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์
จะเห็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ต่อสังคมไทยของท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์
อาจารย์ปรีดี พนมยงค์
ก่อตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองแห่งนี้
โดยมุ่งที่จะสร้างคนที่มีการศึกษาจำนวนมากขึ้นมามีส่วนร่วมทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย
อาจารย์ปรีดีวางระบบการคลังของประเทศเมื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
อาจารย์ปรีดีพยายามวางความสัมพันธ์ที่ถูกต้องระหว่างประเทศไทยกับนานาประเทศ
เมื่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
ได้ดำเนินการแก้ไขสนธิสัญญาสิทธินอกอาณาเขตที่ไทยเสียเปรียบต่างประเทศและเสียศักดิ์ศรี
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองไม่ถึง ๑๐ ปี เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ ญี่ปุ่นบุกไทย
ยกทัพเข้ามาประเทศไทย และบังคับให้ประเทศไทยประกาศสงครามกับสัมพันธมิตร
อาจารย์ปรีดีในขณะดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ได้ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยเพื่อต่อต้านญึ่ปุ่น เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม
พันธมิตรถือว่าประเทศไทยแพ้สงครามด้วย
อาจารย์ปรีดีในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และหัวหน้ากระบวนการเสรีไทย
ได้ชิงประกาศสันติภาพเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๔๘๘ โดยถือว่าการประกาศสงครามเป็นโมฆะประเทศไทยไม่มีในกรณีสงครามกับสัมพันธมิตร
และดำเนินการเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตรให้รับรองอิสรภาพของประเทศไทย
การประกาศสันติภาพของอาจารย์ปรีดี
เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ เท่ากับเป็นการกอบกู้อิสรภาพของประเทศไทย
จากการตกเป็นเมืองขึ้นของสัมพันธมิตร
จากคุณูปการในการรักษาบ้านเมืองไว้เมื่อพระมหากษัตริย์ยังทรงพระเยาว์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
ได้ทรงตอบแทนคุณงามความดีของท่านอาจารย์ปรีดี ด้วยการทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้ดำรงตำแหน่งรัฐบุรุษอาวุโส
เป็นคนแรกและคนเดียวของประเทศไทย
ท่านรัฐบุรุษอาวุโสเป็นตัวอย่างของสามัญชนคนไทยที่มีความรักชาติบ้านเมืองอย่างแรงกล้า
พยายามเรียนรู้จนเกิดปัญญา ใช้ปัญญาทำงานเพื่อประเทศชาติ ดำรงตนอยู่ในความสุจริต
ถูกต้อง มีความกล้าหาญ เป็นกำลังสำคัญในการก่อให้เกิดประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ เชิดชู
และความพยามพัฒนาระบอบประชาธิปไตยย ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
หัวหน้ากระบวนการเสรีไทย นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาบ้านเมืองไว้ในยามคับขัน ไม่ให้ตกเป็นเมืองขึ้นของประเทศอื่น
นับว่าอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ เป็นคนดีศรีสยามโดยแท้
การที่มีคนไทยคนหนึ่งเป็นคนดีถึงขนาดนี้
เป็นเรื่องหาได้ยาก ควรที่สังคมไทยโดยเฉพาะอนุชนรุ่นหลังจะได้รู้ความจริง
มีความภูมิใจในความดีของเพื่อนร่วมชาติที่ทรงคุณงามความดีอันสูงยิ่งนี้
และเกิดความบันดาลใจที่จะทำความดีเพื่อชาติบ้านเมือง
ท่านรัฐบุรุษอาวุโสเกิดเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๓
หรือตรงกับ ค.ศ. ๑๙๐๐ ปี ค.ศ. ๒๐๐๐ หรือปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ปีข้างหน้านี้
ท่านจะมีชาตกาลครบ ๑ รอบศตวรรษ ในโอกาสเช่นนี้ ประเทศไทยควรจะกระทำอะไรที่เป็นสัญลักษณ์เพื่อให้สังคมไทยระลึกถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่ท่านอาจารย์ปรีดี
พนมยงค์รัฐบุรุษอาวุโสมีต่อสังคมไทย
เพื่อก่อให้เกิดกำลังในชาติบ้านเมืองในการที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
รัฐบาลควรเป็นเจ้าภาพจัดงานโดยจะเรียกว่า “งานฉลอง ๑ ศตวรรษ ปรีดี พนมยงค์
รัฐบุรุษอาวุโสของไทย” หรือ “๑ ศตวรรษ
ปรีดี คนดีศรีสยาม” หรือชื่ออื่นในทำนองนี้ก็ตาม ประกอบกับการสร้างสื่อในรูปต่างๆ
เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รู้จักคนไทยได้รู้จักคนไทยที่ประกอบคุณงามความดีแก่แผ่นดินเกิด
นอกจากนั้นรัฐบาลควรจะดำเนินการเสนอให้ UNESCO
ประกาศให้อาจารย์ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโสของไทยเป็นบุคคลสำคัญของโลก
เพื่อโลกจะได้รับรู้การมีบุคคลสำคัญระดับโลกของประเทศไทย
ท่านผู้มีเกียรติครับ ถ้ารัฐบาลได้ทำตามนี้จะเกิดความเป็นมงคล
มงคลกับรัฐบาลเอง และมงคลกับสังคมไทย คนไทยนั้นถือเรื่องมงคล มงคลเกิดจากความจริง ความงาม
ความถูกต้อง การมีความกตัญญูกตเวทีต่อคนที่มีบุญคุณ สังคมที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อคนที่ควรกตัญญูกตเวที
ย่อมเป็นสังคมที่มีความมงคลอยู่ในตัว ในปี พ.ศ. ๒๕๔๓ นี้ หรือ ค.ศ. ๒๐๐๐ จะเป็นปีแห่งชาตกาลครบรอบศตวรรษของคนไทยผู้ทรงคุณวิเศษอีกท่านหนึ่ง
คือ สมเด็จพระศรีนครอินทราบรมราชชนนี
การประกาศเกียรติคุณของคนไทยผู้ทรงคุณงามความดีสูงสุดมากกว่า ๑ คน
ไม่ใช่ข้อเสียหายอะไร ตรงข้าม กลับจะเป็นไปในทางที่เป็นคุณยิ่งขึ้น
เรายิ่งมีคนไทยที่ทรงคุณงามความดีสูงจำนวนมากคนเท่าใดที่จะให้โลกได้รับรู้
ยิ่งเป็นการดีเท่านั้น
ท่านผู้มีเกียรติครับ
สังคมไทยควรจะล่วงพ้นการคิดอย่างขาดวุฒิภาวะหรือคิดอย่างเด็กๆว่า
ถ้ารักคนนี้ต้องไม่รักคนโน การคิดแบบแยกข้าง แยกพวก
ได้ทำลายสังคมไทยมามากเกินไปแล้ว ควรจะปรับเปลี่ยนวิธีคิดมาเป็นการคิดแบบเชื่อมโยงเป็นบูรณาการ
ท่านที่เคารพ สังคมไทยทอนกำลังกันเองมามาก จนสังคมอ่อนแอ ถึงเวลาที่เราจะสร้างความรักความสมานฉันท์
คว่ามเป็นมงคลให้เกิดขึ้นในชาติบ้านเมือง
เพื่อสังคมไทยจะได้มีกำลังของแผ่นดินหรือภูมิพละในการดำเนินไปข้างหน้า
สามารถเอาชนะอุปสรรคอันยากลำบากดนานานัปการ สามารถสร้างสันติภาพและสันติสุขให้เกิดขึ้นในแผ่นดินของเราให้จงได้
อันเป็นสิ่งปรารถนาสูงสุดของท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษอาวุโส
ขอขอบพระคุณครับ.
- จากหนังสือ "เค้าโครงการเศซรษฐกิจ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) หน้า ๒๕๔ - ๒๕๙...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น