หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2564

แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต - ดูน พิภพทราย (28)

 

การดัดแปลงทางศาสนาของชน ฟรีเมน, กระนั้น, เป็นแหล่งกำเนิดของอะไรที่เราตอนนี้รู้จักกันเป็นเช่น “เสาค้ำของเอกภพ.” ของ คิซารา ทาฟวิด ผู้ซึ่งอยู่ในท่ามกลางพวกเราทั้งหมดพร้อมด้วยเครื่องหมายและข้อพิสูจน์และคำพยากรณ์. พวกเขานำการผสมเวทย์มนตร์ของอาร์ราคีนมาสู่เรา ซึ่งความงามอย่างลึกซึ้งได้ถูกทำเป็นแบบอย่างโดยการกวนคนคละดนตรีที่ถูกสร้างบนรูปแบบสมัยเก่าทั้งหลาย, แต่ประทับตราด้วยการตื่นรู้ใหม่. ใครกันหรือที่ไม่เคยได้ยินและเคยดาลใจลึกล้ำโดย “บทสวดของชายชรา”?

ข้าดันเท้าของข้าผ่านทะเลทราย

ที่ภาพลวงตาของมันเต้นรัวเหมือนเจ้าบ้าน.

ตะกละหาซึ่งความรุ่งโรจน์, ตะกลามหาซึ่งอันตาย,

ข้าจรไปเส้นขอบฟ้าแห่ง อัล-คูลาบ,

เฝ้าดูระดับเวลาภูเขาทั้งหลาย

ในการค้นหาของมันและการหิวหาตัวข้า.

และข้าเห็นนกกระจอกทั้งหลายโฉบบินเข้ามาหา,

หาญกล้ากว่าหมาป่าที่พุ่งพล่านกระโจน.

พวกเขาแผ่กระจายในต้นไม้แห่งความเยาว์วัยของข้า.

ข้าได้ยินฝูงนั้นในกิ่งก้านทั้งหลายของข้า

และเข้าใจได้ถึงจงอยปากและกรงเล็บของพวกมัน!

---จาก “การตื่นรู้ของ อาร์ราคิส” โดย เจ้าหญิงอีร์อูลาน

ชายนั้นคืบคลานข้ามเนินทราย. เขาเป็นจุดแต้มอยู่ในระยิบระยับของดวงอาทิตย์ตอนเที่ยง. เขาแต่งกายเพียงแค่ส่วนที่เหลือที่ฉีกขาดของเสื้อคลุมจับบา, เปลือยเปิดต่อความร้อนผ่านผ้าที่ขาดรุ่งริ่งนั้น. ผ้าหมวกคลุมศีรษะได้ถูกฉีกออกจากเสื้อคลุม, แต่ชายนี้ได้ทำพันผ้าโพกศีรษะจากแถบฉีกของผ้า. ผมกระจุกสีทรายโผล่แลบออกมาจากมัน, เข้ากันกับเคราหร็อมแหร็มและคิ้วดกหน้า. ภายใต้ดวงตาสีฟ้า-ใน-ฟ้านั้น, ยังคงเป็นคราบเข้มแผ่ลงมาตามแก้มทั้งสองของเขา. รอยถักสานด้านหนาพาดข้ามหนวดและเคราแสดงให้เห็นรอยที่หลอดท่อของสติลล์สูทได้ทำไว้ออกมาในเส้นทางของมันจากจมูกไปยังกระเป๋าดักเก็บ.

ข้าคือ เลียต-คายนิ์ส,” เขาพูด, ระบุตนเองต่อเส้นขอบฟ้าว่างเปล่า, และเสียงของเขานั้นเป็นแหบห้าวเลียนล้อของความเข้มแข็งซึ่งมันได้เป็นที่รู้จักกัน. “ข้าเป็น นักนิวศพิภพวิทยาขององค์จักรพรรดิราชย์,” เขากระซิบ. “นักนิเวศวิทยาดาวเคราะห์ สำหรับ อาร์ราคิส. ข้าคือผู้พิทักษ์ทรัพย์สินของดินแดนนี้.”

เขาเดินโซซัดโซเซ, ร่วงล้มลงเอียงไปตามผิวหน้ากรอบหยาบของด้านที่หันเข้าหาลม. มือของเขาขุดอย่างอ่อนแรงลงไปในทราย.

ข้าคือผู้พิทักษ์ทรัพย์สินของทรายนี้, เขาคิด.

เขาตระหนักได้ว่าเขาได้กึ่ง-ภวังค์เพ้อแล้ว, ว่าเขาควรจะขุดตนเองลงไปในทราย, ค้นหาความเย็นสัมพัทธ์ใต้ชั้นดินและปกปิดตนเองด้วยมัน. แต่เขายังคงสามารถได้กลิ่นกลิ่นฉุน, กึ่งหวานของสารชีวอินทรีย์ของกระเปาะปฐมเครื่องเทศที่ไหนสักแห่งใต้ทรายนี้. เขารู้ถึงภัยอันตรายภายในความจริงนี้แน่ชัดยิ่งกว่าฟรีเมนคนใดก็ตาม. ถ้าเขาสามารถได้กลิ่นปฐม-เครื่องเทศมหาศาลขนาดนี้แล้ว, นั่นหมายถึงว่าแก๊สทั้งหลายที่ลึกอยู่ใต้ทรายกำลังใกล้จะระเบิดแรงดันออกมา. เขาต้องไปจากที่นี้.

มือของเขาทำอาการตะกุบอย่างอ่อนแรง, ไปตามผิวหน้าของนูนทราย.

ความคิดหนึ่งแผ่ขยายในจิตของเขา---กระจ่าง, ชัดเจน: ความมั่งคั่งที่แท้จริงของดาวเคราะห์หนึ่งนั้นอยู่ที่ภูมิประเทศของมัน, เราเข้าไปมีส่วนในแหล่งกำเนิดพื้นฐานของอารยธรรมนั้นได้อย่างไรก็คือ---เกษตรกรรม.

และเขาคิดว่าช่างแปลกประหลาดที่คือมันซึ่งจิตใจ, ฝังยาวนานอยู่ในเส้นทางเดี่ยว, ไม่สามารถออกไปจากเส้นทางนั้น, กองกำลังทหารของฮาร์คอนเนนได้ทิ้งเขาไว้ที่นี่โดยปราศจากน้ำหรือสติลล์สูท, คิดว่าหนอนทรายคงจะจัดการเขาเองถ้าทะเลทรายไม่ทำ. พวกมันได้คิดว่ามันตลกขบขันมากที่ได้ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่เพื่อที่จะตายทีละนิ้วด้วยมือที่ไม่เกี่ยวข้องกับใครแห่งดาวเคราะห์ของเขานี้.

พวกฮาร์คอนเนนส์มักจะพบว่ามันยุ่งยากลำบากในการที่จะฆ่าฟรีเมน, เขาคิด. เราไม่ตายกันง่ายๆ. ข้าน่าจะตายไปแล้วในตอนนี้.....ข้าจะได้ตายในไม่ช้านี้.....แต่ข้าไม่สามารถหยุดการเป็นนักนิเวศวิทยาได้.

“สารัตถประโยชน์สูงสุดของนิเวศวิทยาคือการเข้าใจในผลลัพธ์ที่จะตามมา.”

เสียงนั้นทำความสะเทือนใจให้กับเขาเพราะว่าเขาจดจำมันได้และรู้ว่าเจ้าของของมันนั้นตายไปแล้ว. มันเป็นเสียงของบิดาของเขาผู้ได้เป็นนักนิเวศพิภพวิทยาที่นี่มาก่อนเขา---บิดาของเขาตายมายาวนาน, ถูกฆ่าในการพังถล่มยุบตัวลงที่ แอ่ง พลาสเตอร์.

“ทำตัวลูกให้เลี่ยงความยุ่งยากในที่นี้, เจ้าหนู,” บิดาของเขาบอก. “ลูกควรจะรู้ถึงผลลัพทธ์ที่จะตามมาของการพยายามที่จะช่วยทายาทของ ดยุค นั้น.”

ข้าเพ้อในภวังค์แล้ว, คายนิส์ คิด.

เสียงนั้นดูเหมือนจะมาจากทางขวามือของเขา. คายนิ์ส ไถใบหน้าของเขาผ่านทรายขึ้นมา, หันเหลียวเพื่อมองไปทางทิศนั้น---ไม่มีอะไรนอกจากเส้นโค้งเหยียดยาวของนูนทรายเต้นระบำอยู่กับปีศาจร้อนระอุในแสงเลื่อมระยิบระยับของดวงอาทิตย์.

“ชีวิตอีกมากนั้นมีอยู่ภายในระบบหนึ่ง, โพรงเวิ้งอีกมากนั้นมีอยู่สำหรับชีวิต,” บิดาของเขาพูด. และเสียงนั้นตอนนี้มาอยู่ทางด้านซ้ายมือของเขา, จากด้านหลังของเขา.

ทำไมเขาคอยแต่เคลื่อนที่ไปเรื่อยรอบๆ? คายนิ์ส ถามตนเอง. เขาไม่ต้องการให้ข้าเห็นเขารึ?

“ชีวิต ปรับปรุงสมรรถภาพของสภาพแวดล้อมเพื่อชีวิตที่ยั่งยืน,” บิดาของเขาบอก. “ชีวิต สร้างความจำเป็นต้องการของสารอาหารทั้งหลายมากยิ่งกว่าที่มีพร้อมอยู่แล้ว. มันรัดผูกพลังงานมากยิ่งขึ้นเข้ามาในระบบผ่านปฏิกิริยาต่อกันทางเคมีอย่างใหญ่โตจากชีวอินทรีย์หนึ่งไปสู่ชีวอินทรีย์หนึ่ง.”

ทำไมเขาคอยแต่บรรเลงพิณอยู่กับประเด็นเดิมนี้นะ? คายนิ์ส ถามตนเอง. ข้ารู้นั่นมาก่อนข้าอายุสิบขวบแล้ว.

เหยี่ยวทะเลทราย, นักกินซากในดินแดนนี้ดุจสัตว์ทีป่าเถื่อนมากที่สุด, เริ่มที่จะบินวนอยู่เหนือเขา. คายนิ์ส มองเห็นเงาผ่านใกล้มือของเขา, บังคับศีรษะของตนออกไกลอีกเพื่อแหงนดูขึ้นไป. นกทั้งหลายนั้นเป็นรอยเปื้อนพร่ามัวอยู่บนท้องฟ้าสีฟ้า-เงิน---จุดด่างระยะห่างทั้งหลายของเขม่าเหนือตัวเขา.

“เราคือผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย,” บิดาของเขาพูด. “เจ้าไม่สามารถลากเส้นบรรจงล้อมรอบปัญหากว้างไกลทั้งหลายของดาวเคราะห์. พภพวิทยา คือ ศาสตร์ของการตัด-ให้-พอดี.”

อะไรที่เขากำลังพยายามจะบอกข้าหรือ? คายนิ์ส กังขา. มีผลลัพทธ์บางอย่างที่ข้าล้มเหลวในการมองเห็นหรือ?

แก้มของเขาทรุดฮวบกลับไปยังทรายร้อนนั้น, และเขาได้กลิ่นของหินไหม้อยู่ภายใต้แก๊สของปฐม-เครื่องเทศ. จากบางมุมของตรรกะในจิตของเขา, ความคิดได้ก่อรูปขึ้น: เหล่านั้นคือนกกินซากอยู่เหนือข้า. บางทีฟรีเมนของข้าบางรายจะมองพวกมันและเข้ามาเพื่อตรวจดู.

“กับนักพิภพวิทยาทำงาน, เครื่องมือที่สำคัญมากที่สุดของเขาคือมนุษย์,” บิดาของเขาพูด. “ลูกต้องไถพรวนเพาะปลูกการอ่านเขียนได้ทางนิเวศวิทยาในหมู่ผู้คนนั้น. นั่นคือทำไมพ่อถึงได้สร้างรูปแบบใหม่ทั้งปวงของสัญลักษณ์ทางนิเวศวิทยา.”

เขากำลังทวนซ้ำสิ่งที่เขาได้บอกกับข้าเมื่อตอนที่ข้าเป็นเด็ก, คายนิ์ส คิด.

เขาเริ่มที่จะรู้สึกเย็นเยือก, แต่มุนนั่นของตรรกะในจิตของเขาบอกเขาว่า: ดวงอาทิตย์อยู่เหนือหัว. เจ้าไม่มีสติลล์สูทและเจ้ากำลังร้อน: ดวงอาทิตย์กำลังเผาความชื้นออกไปจากร่างกายของเจ้า.

นิ้วของเขางอหงิกเข้ามาอย่างอ่อนแรงที่ทราย.

พวกมันกระทั่งไม่ทิ้งสติลล์สูทไว้ให้ข้า!

“การปรากฏของความชื้นในอากาศช่วยป้องกันการระเหยเร็วเกินไปจากร่างกายที่มีชีวิต,” บิดาของเขาพูด.

ทำไมเขาคอยแต่พูดซ้ำในสิ่งที่ชัดเจนอยู่แล้ว? คายนิ์ส กังขาใจ.

เขาพยายามที่จะคิดถึงความชื้นในอากาศ---หญ้าปิดคลุมนูนทรายนี้.....น้ำเปิดที่ไหนสักแห่งภายใต้ตัวเขา, บ่อส่งน้ำคานัต(qanat*)เรียงยาวไหลด้วยน้ำเปิดสู่ท้องฟ้าในรูปภาพประกอบของ

         * https://www.digopaul.com/th/english-word/qanat.html

ตำรา. น้ำเปิด....น้ำชลประทาน...มันใช้ห้าพันลูกบศก์เมตรของน้ำที่จะทดจัดสรรให้กับหนึ่งเฮคตาร์ของแผ่นดินต่อการเพาะปลูกหนึ่งฤดูกาล, เขาจำได้.

         “เป้าหมายแรกของเราบน อาร์ราคิส,” บิดาของเขาพูด, “คือทุ่งหญ้าบริเวณที่ต่ำทั้งหลาย. เราจะเริ่มต้นด้วยหญ้ากลายพันธุ์ขาดสารอาหารเหล่านั้น. เมื่อเราได้กักปิดความชื้นไว้ในทุ่งหญ้า, เราจะเคลื่อนต่อไปยังป่าที่ดอนทั้งหลาย, แล้วก็สองสามแห่งของน้ำที่เปิดกายโล่ง---ขนาดเล็กในตอนแรก---และวางตำแหน่งไปตามเส้นแนวทั้งหลายของลมที่มีอยู่ทั่วไปด้วยเครื่องกรองฝุ่นดักความชื้นจากลมตั้งเว้นระยะในแนวเพื่อที่จะจับซ้ำอีกในอะไรที่ลมได้ขโมยไป. เราต้องสร้างสรรค์ลมร้อนซิร็อคโค(sirocco*)ของจริง---ลมที่ชื้น---แต่เราจะไม่มีวันหนีไปจากความจำเป็นของตัวดักลมทั้งหลาย.”

         บรรยายสั่งสอนข้าอยู่เสมอ, คายนิ์ส คิด. ทำไมเขาไม่หุบปากซะนะ? เขาไม่เห็นหรอกหรือว่าข้ากำลังตาย?

         “ลูกจะตาย, ด้วยเช่นกัน,” บิดาของเขาพูด, “ถ้าลูกไม่ออกไปจากฟองที่กำลังก่อรูปในตอนนี้อยู่ลึกใต้ร่างของลูก. มันอยู่ที่นั่นและลูกก็รู้ถึงมันดี. ลูกสามารถได้กลิ่นแก๊สทั้งหลายของปฐม-เครื่องเทศนั้น. ลูกรู้ดีว่าผู้สร้างตัวน้อยทั้งหลายกำลังเริ่มต้นที่จะคายบางส่วนของน้ำของพวกมันเข้าไปในมวลก้อนนั้น.”

         ความคิดถึงเรื่องน้ำภายใต้ร่างของเขานั้นทำให้อารมณ์คลั่ง. เขาจินตนาการถึงมันตอนนี้---ปิดผนึกชั้นของหินที่มีรูพรุนด้วยแผ่นเหนียวกึ่ง-พืช, กึ่ง-สัตว์ผู้สร้างตัวน้อย---และเนื้อเยื่อบางๆห่อหุ้มที่เทหลั่งธารเย็นของน้ำใสที่สุด, บริสุทธิ์, เหลว, กลมกล่อมเข้าไปใน.....

         มวลก้อนปฐม-เครื่องเทศ!

         เขาสูดหายใจเข้า, สูดดมระดับความหวานนั้น. กลิ่นนั้นมากอุดมอวลรายรอบตัวเขากว่าที่มันได้เป็นมา.

คายนิ์ส ดันตัวเองขึ้นมาคุกเข่า, ได้ยินเสียงนกกรีดร้อง, เสียงกระพืออย่างรีบเร่งขงปีกทั้งหลาย.

นี่เป็นทะเลทรายเครื่องเทศ, เขาคิด. ต้องมีพวกฟรีเมนอยู่บ้างแม้จะเป็นตอนกลางวันแดด. แน่นอนว่าพวกเขาสามารถมองเห็นนกพวกนี้และจะเข้ามาตรวจดู.

“การเคลื่อนที่ข้ามภูมิประเทศนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตสัตว์,” บิดาของเขาพูด. “ผู้คนเร่ร่อนติดตามความจำเป็นเดียวกันนั้น. เส้นทางของการเคลื่อนที่ปรับแต่งเข้ากับความจำเป็นต้องการทางกายภาพต่อน้ำ, อาหาร, แร่ธาตุทั้งหลาย. เราต้องควบคุมการเคลื่อนที่ในตอนนี้, จัดเรียงมันเพื่อเป้าประสงค์ของเรา.”

“หุบปากเถอะ, พ่อเฒ่า,” คายนิ์ส พึมพำ.

“เราต้องทำสิ่งหนึ่งบนอาร์ราคิสที่ไม่เคยมาก่อนในพยายามกับตลอดทั่วทั้งดาวเคราะห์,” บิดาของเขาพูด. “เราต้องใช้คนเป็นดุจกองกำลังโครงสร้างทางนิเวศวิทยา---สอดแทรกชีวิตที่ได้ปรับตัวแปลงสภาพ: พืชที่นี่, สัตว์ที่นี่, คนในสถานที่นั้น---ที่จะแปลงสภาพวัฏจักรของน้ำ, ที่จะสร้างภูมิประเทศชนิดใหม่ขึ้น.”

“หุบปาก,” คายนิ์ส ร้องแหบแห้ง.

“มันเป็นเส้นแนวทั้งหลายของการเคลื่อนที่ที่ให้เงื่อนงำแรกกับเราถึงสัมพันธภาพระหว่างหนอนทรายกับเครื่องเทศ,” บิดาของเขาพูด.

หนอนทราย, คายนิ์ส คิดด้วยแรงกระตุกของความหวัง. ผู้สร้างแน่นอนเลยว่าจะมาเมื่อการระเบิดแตกทั้งหลายของฟองนี้. แต่ข้าไม่มีตะขอปฏัก. ข้าจะสามารถขึ้นติดไปกับผู้สร้างใหญ่นั้นได้โดยไม่มีตะขอปฏัก?

เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความท้อแท้ขัดข้องใจกำลังพังทลายอะไรที่กำลังเข้มแข็งอันน้อยนิดซึ่งยังคงเหลืออยู่กับเขา. น้ำช่างอยู่ใกล้เหลือเกิน---แค่เพียงหนึ่งร้อยเมตรหรืออยู่ใต้ร่างของเขาแค่นั้น; หนอนทรายจะมาแน่, แต่ไม่มีหนทางที่จะดักมันบนผิวพื้นและใช้งานมัน.

คายนิ์ส เหวี่ยงตัวไปข้างหน้าบนทราย, กลับไปยังแอ่งตื้นที่การเคลื่อนที่ของเขาได้กำหนดระบุเอาไว้. เขารู้สึกทรายร้อนๆปะทะแก้มด้านซ้ายของเขา, แต่ความสัมผัสรู้สึกนั้นไกลพ้น.

“สภาพแวดล้อมอาร์ราคีนนั้นได้สร้างตัวมันเองเข้าไปสู่แบบพิมพ์ของรูปทรงชีวิตพื้นถิ่น,” บิดาของเขาพูด. “ช่างแปลกประหลาดกระไรที่ผู้คนแสนจะน้อยนิดนี้ได้เคยเงยหน้าขึ้นจากเครื่องเทศนั้นนานพอที่จะสงสัยใจต่อความสมดุลเกือบจะในอุดมคติของ ไนโตรเจน-ออกซิเจน-คาร์บอนไดออกไซด์ที่ดำรงอยู่ในที่แห่งนี้ในการหายไปของพืชปกคลุมในพื้นที่ขนาดใหญ่ไพศาล. ชั้นบรรยากาศพลังงานของดาวเคราะห์นี้อยู่ที่นั่นเพื่อที่จะมองเห็นและเข้าใจ---กระบวนการไร้ปราณี, แต่ก็คือกระบวนการถึงกระนั้น. มีช่องโหว่ในมันไหม? แล้วบางอย่างอาศัยอยู่ในช่องโหว่นั่น. วิทยาศาสตร์ถูกสร้างขึ้นมาจากสิ่งต่างๆมากมายเหลือเกินที่ปรากฏชัดเจนหลังจากที่พวกมันถูกอธิบายแล้ว. ข้ารู้ว่าผู้สร้างน้อยอยู่ที่นั้น, ลึกลงไปในทราย, นานก่อนที่ข้าเคยเห็นมัน.”

“ได้โปรดหยุดบรรยายสั่งสอนข้าทีเถอะ, ท่านพ่อ,” คายนิ์ส กระซิบ.

เหยี่ยวหนึ่งร่อนลงมาที่พื้นทรายใกล้ระยะมือเอื้อมของเขา. คายนิ์ส มองเห็นมันหุบปีก, เอียงหัวของมันเพื่อมองมาที่เขา. เขารวบรวมพลังงานที่จะขู่ฆ่าไปหามัน. นกนั้นกระโดดเต้นออกไปสองก้าว, แต่การจ้องมาที่เขาอยู่ต่อไป.

“คนทั้งหลายและงานของเขาได้เป็นเชื้อโรคบนพื้นผิวดาวเคราะห์ทั้งหลายของพวกเขาแล้ว, ก่อนมาถึงตอนนี้,” บิดาของเขาพูด. “ธรรมชาติโน้มเอียงที่จะแก้ไขให้กับเชื้อโรค, กำจัดพวกมันออกไป หรือ ห่อหุ้มมันอย่างมิดชิด, เพื่อที่จะรวมพวกมันเข้าไปในระบบตามวิธีของเธอเอง.”

เหยี่ยวนั้นก้มหัวของมันต่ำลง, เหยียดปีกของมันออก, และหุบพวกมันกลับมา. มันเปลี่ยนรูปความสนใจของมันไปที่มือของเขาที่กางออก.

คายนิ์ส พบว่าเขาไม่มีพละกำลังเหลืออยู่ที่จะตวาดขู่ไล่มัน.

ระบบในประวัติศาสตร์ของการปล้นสะดมซึ่งกันและกันและบีบบังคับรีดไถหยุดลงที่นี่บนอาร์ราคิส,” บิดาของเขาพูด. “เจ้าไม่สามารถดำเนินต่อไปไม่สิ้นสุดในการปล้นขโมยอะไรที่เจ้าจำเป็นต้องการโดยไม่คำนึงต่อผู้ที่ตามมาทีหลัง. คุณลักษณะทางกายภาพทั้งหลายของดาวเคราะห์หนึ่งได้ถูกเขียนงไปในบันทึกทางเศรษฐกิจและการเมืองของมัน. เรามีบันทึกนั้นยู่ตรงหน้าของเราและวิถีทางของเรานั้นชัดเจน.”

เขาไม่มีวันสามารถจะหยุดการบรรยายสั่งสอนได้, คายนิ์ส คิด. การบรรยายสั่งสอน, สั่งสอน, สั่งสอน---สั่งสอนอยู่เสมอ.

เหยี่ยวนั้นเต้นกระโดดหนึ่งก้าวเข้ามาใกล้ยังมือที่เหยียดออกมาของ คายนิ์ส, หันหัวของมันครั้งแรกไปทางหนึ่งและแล้วก็หันมาอีกทางเพื่อศึกษาเนื้อหนังที่เปล่าเปลือยอยู่นั้น.

อาร์ราคิส เป็นดาวเคราะห์เพาะปลูกพืชผลหนเดียว,” บิดาของเขาพูด. “พืชผลหนเดียว. มันรองรับชนชั้นปกครองที่มีชีวิตเป็นชนชั้นปกครองได้อาศัยอยู่ในตลอดเวลาขณะที่, ภายใต้พวกเขา, มวลชนกึ่งมนุษย์ของกึ่งทาสดำรงอยู่กับการเคลื่อนย้ายทั้งหลาย. มันเป็นมวลชนและการเคลื่อนย้ายทั้งหลายนั้นที่ครอบครองความสนใจของเรา. เหล่านี้นั้นมีค่ามากไกลยิ่งกว่าได้เคยถูกสงสัย.”

“ข้าไม่สนใจในมัน, ท่านพ่อ,” คายนิ์ส กระซิบ. “ไปซะเถอะ.”

และเขาคิด: แน่นอนล่ะว่าต้องมีบางพวกฟรีเมนอยู่ใกล้ๆ. พวกเขาไม่สามารถช่วยได้แต่ก็เห็นนกทั้งอยู่เหนือข้า. พวกเขาจะตรวจดูถ้าเพียงแค่ที่จะเห็นว่าความชื้นมีอยู่ได้.

“มวลชนทั้งหลายของอาร์ราคิสจะรู้ว่าเราทำงานเพื่อที่จะสร้างแผ่นดินนี้หลั่งไหลไปด้วยน้ำ,” บิดาของเขาพูด. “พวกเขาส่วนใหญ่, แน่นอนล่ะ, จะมีเพียงแค่กึ่งลี้ลับเข้าใจถึงว่าเราตั้งใจจะทำสิ่งนี้ได้อย่างไร. มากมาย, ไม่เข้าใจการยับยั้งอัตราส่วน-มวลของปัญหา, อาจจะกระทั่งคิดว่าเราจะนำน้ำจากดาวเคราะห์อื่นที่อุดมสมบูรณ์มายังที่นี่. จงให้พวกเขาคิดสิ่งใดตามที่พวกเขาปรารถนาตราบนานเท่าที่พวกเขาศรัทธาในเรา.”

ในหนึ่งนาทีข้าจะลุกขึ้นและบอกกับเขาในอะไรที่ข้าคิดกับเขา, คายนิ์ส คิด. ยืนอยู่นั่นบรรยายสั่งสอนข้าตอนที่เขาควรจะช่วยข้า.

นกนั้นเต้นกระโดดอีกก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นกับมือที่กางอยู่ของ คายนิ์ส. อีกสองเหยี่ยวโฉบลงมายังพื้นทรายข้างหลังมัน.

“ศาสนาและกฎหมายในหมู่มวลชนต้องเป็นหนึ่งและเดียวกัน,” บิดาของเขาพูด. “การกระทำที่ไม่เชื่อฟังต้องเป็นบาปและต้องการการลงโทษทั้งหลายทางศาสนา. นี้จะได้รับผลประโยชน์เป็นคู่ของการนำมาซึ่งการเชื่อฟังที่ยิ่งใหญ่กว่าและความกล้าหาญที่ยิ่งใหญ่กว่า. เราต้องไม่พึ่งพามากเกินไปกับความกล้าหาญของเหล่าปัจเจกชน, เข้าใจไหม, ดังเช่นมีต่อความกล้าหาญของประชากรทั้งปวง.”

ประชากรของข้าอยู่ที่ไหนในตอนนี้เมื่อข้าจำเป็นต้องการมันมากที่สุด? คายนิ์ส คิด. เขารวบรวมพละกำลังทั้งหมดของเขา, เคลื่อนมือของตนไปอีกกว้างหนึ่งนิ้ว, ยังเหยี่ยวตัวที่ใกล้ที่สุด. มันเต้นกระโดดถอยหลังกลับไปเข้ากลุ่มกับสหายของมันและทั้งหมดยืนตั้งท่าที่จะบินขึ้น.

“ตารางเวลาของเราจะบรรลุความเจริญเติบโตของปรากฏการณ์ธรรมชาติ,” บิดาของเขาพูด. “ชีวิตของดาวเคราะห์หนึ่งนั้นไพศาล, ถักทอภายในแน่นเป็นผืนผ้า. พืชผักและสัตว์ที่เปลี่ยนแปลงจะเป็นตัวตัดสินในอันดับแรกโดยแรงดิบทางกายภาพที่เราจัดการปรับให้เหมาะสม. ขณะที่เขาตั้งหลักฐานของพวกเขาเอง, แม้ว่า, การเปลี่ยนแปลงของเราจะกลายเป็นการควบคุมอิทธิพลทั้งหลายในสิทธิของพวกเขาเป็นเจ้าของ---และเราจะจำเป็นต้องทำความตกลงกับพวกเขา, ด้วยเช่นกัน. เก็บเอาไว้ในจิตใจ, กระนั้น, ว่าเราจำเป็นต้องควบคุมแค่เพียงสามเปอร์เซนต์ของพลังงานบนพื้นผิว---สามเปอร์เซ็นต์แค่นั้น---ที่จะเด็ดยอดโครงสร้างทั้งปวงออกไปสู่ระบบการพึ่งตนเอง-อย่างยั่งยืน.”

ทำไมพ่อถึงไม่ช่วยข้าล่ะ? คายนิ์ส กังขาใจ. เป็นเช่นนี้เสมอ: เมื่อข้าจำเป็นต้องการท่านมากที่สุด, ท่านทำให้ข้าผิดหวัง. เขาอยากจะหันศีรษะของตนไป, เพื่อมองดูในทิศทางที่เสียงของบิดาของเขา, จ้องให้ชายเฒ่าหลบลง. กล้ามเนื้อทั้งหลายปฏิเสธที่จะตอบรับคำสั่งของเขา.

คายนิ์ส  เห็นเหยี่ยวนั้นเคลื่อนที่. มันเข้ามาหามือของเขา, ก้าวอย่างระมัดระวังตลอดเวลาขณะที่สหายของมันรอคอยอย่างเยาะหยันต่างออกไป. เหยี่ยวนั้นหยุดลงตรงระยะหนึ่งก้าวห่างจากมือของเขา.

ความกระจ่างชัดเต็มที่เติมเต็มในจิตของ คายนิ์ส. เขามองเห็นเกือยทันทีทันใดถึงศักยภาพเพื่ออาร์ราคิสที่บิดาของเขาไม่เคยได้เห็น. ความเป็นไปได้ทั้งหลายไปตามเส้นทางที่แตกต่างกันนั้นไหลท่วมตัวเขา.

“ไม่มีหายนะวิบัติอีกต่อไปที่จะสามารถร่วงลงมาสู่ผู้คนของลูกได้มากไปกว่าที่พวกเขาจะร่วงไปสู่อุ้งมือของวีรบุรุษหนึ่ง,” บิดาของเขาพูด.

อ่านจิตใจของข้า! คายนิ์ส คิด. เอาละ.....ปล่อยเขาเถอะ.

สาส์นนั้นได้ถูกส่งแล้วมายังหมู่บ้านสิฐคามของข้า, เขาคิด. ไม่มีอะไรสามารถหยุดพวกเขาได้. ถ้าบุตรชายของดยุคนั้นมีชีวิตอยู่พวกเขาจะคนหาเขาพบและปกป้องเขาตามที่ข้าได้สั่งการไว้. พวกเขาอาจละทิ้งสตรีนั้นได้, มารดาของเขา, แต่พวกเขาจะต้องช่วยชีวิตเด็กชายนั้น.

เหยี่ยวนั้นเต้นกระโดดอีกหนที่นำมันมาอยู่ในระยะตบหวดด้วยมือของเขาได้. มันเอียงหัวของมันเพื่อตรวจสอบเนื้อหนังที่แผ่หงายอยู่นั้น. ฉับพลัน, มันยืดตัวขึ้น, เหยียดหัวของมันขึ้นและด้วยการร้องกรีดหนึ่งครั้ง, กระโจนเข้าไปในอากาศและบินเอียงออกไปข้างบนพร้อมด้วยสหายของมันตามไปเบื้องหลัง.

พวกเขามาแล้ว! คายนิ์ส คิด. ฟรีเมนของข้าได้เจอข้าแล้ว!

แล้วเขาก็ได้ยินทรายสั่นสะเทือนรัว.

ฟรีเมนทุคนรู้จักเสียงนี้, สามารถจำแนกความแตกต่างของมันได้ทันทีจากเสียงทั้งหลายของหนอนทรายหรือชีวิตทะเลทรายอื่น. ที่ใดสักแห่งข้างใต้ตัวเขา, มวลของปฐม-เครื่องเทศได้สะสมน้ำและสารชีวอินทรีย์จากผู้สร้างน้อยทั้งหลายอย่างเพียงพอแล้ว, ได้มาถึงระดับขั้นวิกฤติของการเติบโตอย่างรุนแรง. ฟองยักษ์มหึมาของคาร์บอน ไดออกไซด์ กำลังก่อรูปอยู่ลึกไปในทราย, ดันตัวขึ้นข้างบนในการ “โป่งออก”ใหญ่โตด้วยฝุ่นท้นวนหมุนที่ศูนย์กลางของมัน. มันจะแลกเปลี่ยนกับอะไรที่ได้ก่อรูปลึกอยู่ในมรายเพื่ออะไรก็ตามทอดนอนอยู่ที่พื้นผิว.

พวกเหยี่ยวบินวนอยู่เหนือศีรษะกรีดร้องอย่างขุ่นใจ. พวกมันรู้ว่าอะไรกำลังบังเกิดขึ้น. สัตว์ทะเลทรายใดก็จะรู้.

และข้าก็เป็นสัตว์ทะเลทรายหนึ่ง, คายนิ์ส คิด. ท่านเห็นไหม,ท่านพ่อ? ข้าคือสัตว์ทะเลทรายตัวหนึ่ง.

เขารู้สึกว่าฟองนั้นยกตัวเขาขึ้น, รู้สึกได้ถึงมันแตกออกและฝุ่นหมุนวนกลืนกินร่างเขา, ลากเขาลงไปสู่ความมืดอันเย็นเยือก. ชั่วขณะหนึ่ง, สัมผัสรู้สึกของความเย็นและความช้นคือพรปลดเปลื้อง. แล้ว, ขณะที่ดาวเคราะห์ขงเขาฆ่าเขา, มันบังเกิดต่อ คายนิ์ส ว่าบิดาของเขาและทั้งหมดของนักวิทยาศาสตร์อื่นๆนั้นผิดไป, ว่าหลักการส่วนมากที่ยังคงอยู่ของเอกภพคืออุบัติเหตุและผิดพลาด.

กระทั่งพวกเหยี่ยวก็สามารถชื่นชมนิยมในความจริงเหล่านี้.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น