เหมา เจ๋อตง - ความคิดที่ถูกต้องของคนเรา มาจากไหน? (พฤษภาคม 1963)
หมายเหตุ:
เรื่องนี้เป็นตอนหนึ่งใน “มติของศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเกี่ยวกับปัญหาบางประการในงานชนบทปัจจุบัน”
(ฉบับร่าง). ร่างมตินี้ได้ร่างขึ้นภายใต้การนำอำนวยการของสหายเหมาเจ๋อตง ข้อความตอนนี้สหายเหมาเจ๋อตงเป็นผู้เขียน.
ความคิดที่ถูกต้องของคนเรามาจากไหน?
หล่นลงมาจากบนฟ้าหรือ? หามิได้. มีอยู่แต่ดั้งเดิมในสมองของตนหรือ? หามิได้.
ความคิดที่ถูกต้องของคนเราจะได้มาก็แต่จากการปฏิบัติทางสังคม ก็แต่จากการปฏิบัติทางสังคม
3 อย่าง คือ การต่อสู้ทางการผลิต การต่อสู้ทางชนชั้นและการทดลองทางวิทยาศาสตร์
เท่านั้น.
การดำรงอยู่ทางสังคมของคนเรา
เป็นสิ่งกำหนดความคิดของคนเรา. เมื่อใดที่ความคิกดอันถูกต้องซึ่งเป็นตัวแทนชนชั้นที่นำหน้าได้เป็นที่ยึดกุมของมวลชน
เมื่อนั้นมันก็จะกลายเป็นพลังทางวัตถุที่ดัดแปลงสังคมและดัดแปลงโลก.
คนเราดำเนินการต่อสู้ชนิดต่างๆ
ในการปฏิบัติทางสังคม มีความจัดเจนอันดุดม ทั้งที่สำเร็จและที่ล้มเหลว
ปรากฏการณ์อันนับไม่ถ้วนของโลกภายนอกทางภววิสัยได้สะท้อนเข้ามาในสมองของคนเราโดยผ่านอวัยวะสัมผัสทั้ง
5 คือ หู ตา จมูก ลิ้นและกาย เริ่มแรกเป็นความรับรู้ทางรู้สึก.
เมื่อข้อมูลความรับรู้ทางรู้สึกนี้สะสมมากเข้า
ก็จะเกิดการก้าวกระโดด กลายเป็นความรับรู้ทางเหตุผล ซึ่งก็มีความคิด.
นี่กระบวนการแห่งการรับรู้กระบวนหนึ่ง นี่ค่อขั้นที่ 1
ขอบงกระบวนการแห่งการรับรู้ทั้งกระบวน
ซึ่งก็คือขั้นจากวัตถุทางภววิสัยไปสู่จิตทางอัตวิสัย ขั้นจาการดำรงอยู่ไปสู่ความคิด.
จิตหรือความคิด
(รวมทั้งทฤษฎี นโยบาย โครงการและมาตรการ) ในขณะนี้ได้สะท้อนกฏแห่งโลกภายนอกทางภววิสัยอย่างถูกต้องหรือไม่นั้น
ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ยังกำหนดแน่ชัดลงไปไม่ได้ว่าถูกต้องหรือไม่.
จากนี้ก็มีขั้นที่
2 ของกระบวนแห่งการรับรู้ คือขั้นจากจิตไปสู่วัตถุ ขั้นจากความคิดไปสู่การดำรงอยู่
ซึ่งก็คือนำเอาความรับรู้ที่ได้มาในขั้นที่ 1 ไปสู่การปฏิบัติทางสังคม ดูว่าทฤษฎี
นโยบาย โครงการและมาตรการเหล่านี้สามารถบรรลุผลสำเร็จตามที่คาดหมายไว้ได้หรือไม่.
กล่าวโดยทั่วไปแล้ว
ที่สำเร็จก็คือสิ่งที่ถูกต้อง ที่ล้มเหลวก็คือสิ่งที่ผิดพลาด โดยเฉพาะการต่อสู้ของมนุษย์ที่กระทำต่อโลกธรรมชาติยิ่งเป็นเช่นนี้.
โดยการต่อสู้ทางสังคม
การที่อิทธิพลที่เป็นตัวแทนชนชั้นที่นำหน้าต้องประสบความพ่ายแพ้บ้างในบางครั้งนั้น
หาใช่เป็นเพราะว่าความคิดไม่ถูกต้องไม่ หากเป็นเพราะในดุลกำลังแห่งการต่อสู้นั้น
อิทธิพลฝ่ายนำหน้ายังสู้อิทธิพลฝ่ายปฏิกิริยาไม่ได้เป็นการชั่วคราว ดังนั้น
จึงต้องประสบความพ่ายแพ้เป็นการชั่วคราว
แต่อย่างไรเสียสักวันหนึ่งข้างหน้าก็จะต้องชนะจนได้.
ความรับรู้ของคนเราเมื่อได้ผ่านการทดลองจากการปฏิบัติแล้ว
ก็จะเกิดการก้าวกระโดดอีกครั้งหนึ่ง การกระโดดครั้งนี้
เมื่อเปรียบกับการก้าวกระโดดครั้งก่อนก็มีความหมายยิ่งใหญ่กว่า.
เพราะว่ามีแต่การก้าวกระโดดครั้งนี้เท่านั้นที่จะพิสูจน์ได้ว่า การก้าวกระโดดครั้งแรกของการรับรู้คือ
ความคิด ทฤษฎี นโยบาย โครงการและมาตรการที่ได้มาจากกระบวนการแห่งการสะท้อนโลกภายนอกทางภววิสัยเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือผิดพลาดกันแน่
นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีวิธีอื่นใดที่จะตรวจสอบสัจธรรมได้.
การรับรู้โลกของชนชั้นกรรมาชีพนั้น
จุดมุ่งหมายก็เพื่อจะดัดแปลงโลกเท่านั้น หามีจุดมุ่งหมายอื่นใดนอกจากเหนือจากนี้ไม่.
ความรับรู้ที่ถูกต้องอันหนึ่งๆ
มักจำเป็นต้องผ่านการวกไปเวียนมาหลายตลบจากวัตถุไปสู่จิต แล้วจากจิตไปสู่วัตถุ
ซึ่งก็คือผ่านจากการปฏิบัติไปสู่ความรับรู้ แล้วจากความรับรู้ไปสู่การปฏิบัติ
จึงจะสามารถสำเร็จลุล่วงไปได้. นี่แหละคือทฤษฎีความรับรู้แห่งลัทธิมาร์กซ
คือทฤษฎีความรับรู้แห่งวัตถุนิยมวิภาษ.
เวลานี้ในหมู่สหายของเรา
ยังมีคนมากมายไม่เข้าใจเหตุผลของทฤษฎีความรับรู้นี้. เมื่อถามว่าความคิด ความเห็น
นโยบาย วิธีการ โครงการ ข้อสรุปปาฐกถาชนิดพูดเป็นคุ้งเป็นแคว บทความอันยาวยืดของเขานั้นได้มาจากไหน
พวกเขาก็รู้สึกว่าเป็นปัญหาประหลาด ตอบไม่ถูก. เกี่ยวกับการที่วัตถุกลายเป็นจิตได้และจิตกลายเป็นวัตถุได้ได้อันปรากฏการณ์ก้าวกระโดดที่เห็นกันจำเจในชีวิตประจำวันนั้น
พวกเขาก็รู้สึกว่าไม่อาจเข้าใจได้. ดังนั้น จึงควรให้การศึกษาในทางทฤษฎีความรับรู้แห่งวัตถุนิยมวิภาคแก่สหายของเรา
เพื่อจะได้ปรับความคิดให้ถูกต้อง
จะได้เกิดความสันทัดในการสำรวจค้นคว้า สรุปความจัดเจนขจัดความยากลำบาก
ทำความผิดพลาดน้อยหน่อย ทำงานได้ดี และบากบั่นต่อสู้เพื่อสร้างปกระเทศของเราให้เป็นมหาประเทศอันยิ่งใหญ่แห่งสังคมนิยมและช่วยเหลือประชาชนอันไพศาลที่ถูกกดขี้ขูดรีดทั่วโลก
บรรลุหน้าที่อันยิ่งใหญ่แห่งสากลนิยมซึ่งเราพึงแบกรับ.
(จากหนังสือ
“บทนิพนธ์ เหมาเจ๋อตง ว่าด้วยปรัชญาและการใช้ปรัชญา - รับรู้โลกที่เปลี่ยนแปลง”
โดย บุญศักดิ์ แสงระวี, หน้า 159 – 161)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น