หน้าเว็บ

วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558

การมีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญซึ่งอิงถึง แนวความคิดสังคมนิยมเป็นเพียงก้าวแรก หรือการตกลงเห็นพ้องต้องกันในขั้นแรกเท่านั้นว่า นี่คือเป้าหมายของเรา นี่คืออุดมการที่จะก่อให้เกิด ความเป็นธรรมในสังคม



สังคมนิยมกับระบบบริหารประเทศไทย    :อุปสรรคที่ควรแก้ไข

ชัยอนันต์ สมุทวณิช
บทความเขียนลง “หนังสือ มหาวิทยาลัย 23 ตุลาคม 2517
แผนกสาราณียกร สโมสรนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2517

          ผู้เขียนไม่อยากพิจารณาอุปสรรคที่ควรแก้ไขเกี่ยวกับการนำสังคมนิยมมาใช้ในประเทศไทยด้วยการเขียนบทความสั้นๆนี้ เพราะจะเป็นการตีเหมาได้ง่ายๆ ดังนั้นจะจึงตั้งข้อสังเกตบางประการซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการที่เราจะช่วยกันคิดถึงปัญหาที่สลับซับซ้อนนี้กันต่อไป ทั้งในเวลานี้และในอนาคต
1. เมื่อเราพูดถึง “สังคมนิยม” เราน่าจะทำความเข้าใจกันก่อนว่า เรากำลังพูดถึงสังคมนิยมที่เป็นแนวความคิด ทฤษฎีทางการเมือง หรือสังคมนิยมที่เป็นวิธีการจัดระเบียบทางเศรษฐกิจทางสังคม แท้ที่จริงมิติทั้งสองดังกล่าวนี้ เกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออก เพราะพื้นฐานของแนวความคิดที่เรียกว่า “สังคมนิยม” นี้เองที่เป็นเครื่องกำหนดระบบเศรษฐกิจ หรือ การจัดระเบียบเศรษฐกิจ
2. เมื่อเรานำเรื่องบริหาร ซึ่งเป็นขั้นตอนของการนำทฤษฎีและการจัดระเบียบทางเศรษฐ-กิจในรูปของสิ่งที่น่าจะเป็นไป มารวมเข้าด้วยอีก เรามีปัญหาอีกมุมหนึ่งแทรกซ้อนเข้ามา เพราะแนวความคิดทางสังคมนิยม กำหนดระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม แต่การที่จะก่อให้เกิดผลตามความมุ่งหมาย หรือหลักการทางการจัดระเบียบเศรษฐกิจที่วางไว้นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับ การนำหลักการดังกล่าวไปปฏิบัติ
3. ท่านทั้งหลายคงจะเห็นแล้วว่า ปัยหาที่เรากำลังพูดกันอยู่นี้ มิได้มีมิติเดียว แต่มีหลายมุมหลายด้าน มีปัจจัยหลายประเภทมากอย่าง และแต่ละอย่างนั้น มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน มีอิทธิพลต่อกันอย่างแยกไม่ออกด ลักษณะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจัยหนึ่ง และเมื่อพิจารณาถึงระบบใหม่ทั้งระบบ การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของตัวระบบ ย่อมขึ้นอยู่กับส่วนย่อยแต่ละส่วนด้วยกันทั้งนั้น
4. ถ้าเราประสงค์ที่จะหาทางแก้ไขปัยหาของชาติ สิ่งแรกที่พึงระลึกไว้คือ เราจะต้องพยายามสลัดความคิดให้พ้นจากอดีตและอุปาทาน ซึ่งคงไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่า การกระทำเช่นนี้เป็นของยากแต่ก็จะต้องพยายาม นอกจากนี้เราควรแยกระหว่าง สิ่งที่เป็นสมมติฐานทางทฤษฎีกับสิ่งดำเนินอยู่ตามความเป็นจริงในทางปฏิบัติ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราจะยกเอาข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น หรืออุปสรรคที่เป็นอยู่ในสังคมบางแห่งที่ทำให้สังคมนั้น ไม่อาจบรรลุล่วงถึงเป้าหมายตามอุดมการที่วางไว้ มาตีเหมาว่า เราไม่ควรเริ่มลองทำการตามแนวความคิดที่เห็นพ้องต้องกันว่า จะช่วยให้เกิดความสุขสมบูรณ์แก่มวลสมาชิกในชาติ ในทำนองเดียวกันเราไม่ควรปิดประตูตาย สำหรับแนวความคิดหรือทางเลือกที่อยู่ตรงกันข้าม โดยตีเหมาว่าผู้ที่คัดค้านอุดมการของเรา นั้นมีอกุศลอุดมการแอบแฝงอยู่.
มีผู้ใหคำจำกัดความ “สังคมนิยม” ไว้ต่างๆกัน ทั้งๆที่สังคมนิยมเป็นเรื่องที่จะต้องศึกษาหาความรู้ความเข้าใจให้มาก เกินกว่าที่จะเป็นสโลแกนแต่เพียงอย่างเดียว.

ความจำกัดคำ สังคมนิยมที่ผู้เขียนจะใช้คือ สังคมนิยมได้แก่ ทฤษฎีการเมือง ที่เกี่ยวกับการจัดรูปสังคมนิยมในลักษณะที่ให้รัฐเข้าควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยมุ่งหวังที่จะก่อให้เกิดสภาพซึ่งมีการร่วมมือกัน มากกว่าการแข่งขันและเพื่อให้ผู้ที่ทำงานมีโอกาสในชีวิต และได้รับค่าตอบแทนจากการทำงานนั้นโดยเท่าเทียมกัน
การที่รัฐเข้าไปควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มีความมากน้อยในการแทรกแซงแตกต่างกัน แนวความคิดที่เป็นมูลฐาน ที่สนับสนุนการมีบทบาทมากขึ้นของรัฐนี้ เกิดขึ้นเพื่อท้าทายและโต้แย้ง แนวความคิดของฝ่ายเสรีนิยมที่สนับสนุนทุนนิยม ทั้งนี้เพราะฝ่ายท้าทายเชื่อว่า การปล่อยให้เอกชนดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเสรี ต่างคนต่างทำ ให้กลไกของการแข่งขัน จัดระเบียบเศรษฐกิจโดยลำพัง และรัฐไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลยนั้น ก่อให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน ผู้มีทุนและเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตที่สำคัญ มีอำนาจทางเศรษฐกิจมากและตราบใดที่อำนาจทางเศรษฐกิจยังตกอยู่ในมือของคนไม่กี่คน ความหวังที่จะมีความเสมอภาคทางการเมือง หรือการสร้างความยุติธรรม ความสุขสมบูรณ์ให้แก่คนส่วนใหญ่ในสังคมจะเป็นไปได้ยาก หรือไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้เลย
ระบบเศรษฐกิจ แบบสังคมนิยม ไม่มีตัวแบบที่จะเรียกได้ว่า เป็นสังคมนิยมบริสุทธิ์ กล่าวคือ ระบบเศรษฐกิจที่ประเทศในค่ายสังคมนิยมใช้กันอยู่อาจจะมีลักษณะซึ่งเปิดทางให้รัฐเข้าไปควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง  แต่ระบบเศรษฐกิจที่ใช้กันอยู่ในประเทศตะวันตกบางประเทศ มีการพิจารณาเลือกว่ากิจการอย่างใดซึ่งรัฐควรเข้าไปจัดการ และกิจการอย่างใดที่รัฐยังคงปล่อยให้เอกชนดำเนินการอยู่ได้
แม้ว่าหลักการสำคัญของแนวความคิดสังคมนิยม จะสนับสนุนให้มีการร่วมมือกันมากกว่าการแข่งขันก็ตาม แต่การร่วมมือนั้นมิได้หมายถึง การขจัดการแข่งขันโดยสิ้นเชิง และการควบคุม และการแทรกแซงของรัฐไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นไปในรูปของการที่รัฐเข้าไปจัดการ หรือเป็นเจ้าของกิจการทั้งหลายทั้งปวงทางเศรษฐกิจโดยสิ้นเชิง การถือกรรมสิทธิ์ร่วมของชุมชน หรือของสังคมนั้น ก็ไม่ได้หมายความเช่นเดียวกันกับการที่รัฐเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เสียเองเสมอไป ชุมชนอาจเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินร่วมกัน โดยรัฐไม่มายุ่งเกี่ยวเลยก็ได้ เช่นในระบบสหกรณ์ เป็นต้น
ในการพัฒนาแนวความคิดทางสังคมนิยมนั้น การถกเถียง และข้อแตกต่างทางความเห็น เรื่องบทบาทของรัฐ และการจัดระเบียบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมในอุดมคติ มีอยู่หลายแนวทางด้วยกัน สิ่งที่เราจะให้ความสนใจ และช่วยกันขบคิดในเรื่องสังคมนิยมกับการบริหารนี้ จึงเป็นเรื่องของการดำเนินการ หรือการลงมือปฏิบัติตามแนวความคิดเกี่ยวกับการจัดระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม ทั้งนี้ไม่ว่ารูปแบบของการจัดระเบียบนั้นจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้หมายความว่าเราจะไม่ โต้เถียงกันต่อไปอีกว่า สังคมนิยมทางการเมืองและเศรษฐกิจของโรเบิร์ต โอเวน หลุยส์ พลังส์ เปคคิวแอร์ อย่างไหนจะเป็นสังคมในอุดมคติมากที่สุด หรือเค้าโครงเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม เป็นสังคมนิยมประเภทใด
แต่เราต้องการศึกษาว่า สมมติว่าประเทศไทยจะนำระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมมาใช้ (จะเป็นแบบใกล้เคียงกับของนักทฤษฎีผู้ใดก็ตาม) การที่จะปฏิบัติ ให้บรรลุล่วงถึงเป้าหมายของการจัดระเบียบเศรษฐกิจเช่นว่านี้ มีสิ่งใดบ้างที่เราจะต้องคำนึงถึง และนำมาพิจารณา เพื่อดำเนินการตามความมุ่งหวังนั้น
ในขั้นนี้ เรากำลังจะพิจารณาถึง การปฏิบัติตามแผน ไม่ใช่การตั้งทฤษฎีเพื่อการวางแผน กล่าวคือถ้าเราตกลงกันได้แล้วว่าพรุ่งนี้เราจะจัดระเบียบสังคมเศรษฐกิจใหม่ ตามทฤษฎีสังคมนิยม คืนวันนี้เราจะไม่มานั่งศึกษาถึงแนวความคิดทางสังคมนิยมแต่เพียงอย่างเดียว แต่เราคงต้องศึกษาถึงวิธีการและการนำปัจจัยแวดล้อม หลายๆด้านมาพิจารณาในการดำเนินการตามแผนที่เราได้เห็นพ้องต้องกันว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ และจะต้องทำแล้วด้วย จุดนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของ “ปัญหาและอุปสรรคที่ควรแก้ไข” และเป็นรากฐานสำคัญของข้อโต้แย้งที่ผู้เขียนเคยยกขึ้นมากล่าวไว้แล้ว ในการวิจารณ์เค้าโครงการเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม
มีบุคคลหลายฝ่ายเคยตีความ และแปรเจตนา ของผู้เขียนในการวิจารณ์เค้าโครงเศรษฐกิจของหลวงประดิษฐ์มนูธรรม ไปในทำนองว่า ผู้เขียนเป็นพวกปฏิกิริยาศักดินา โดยมีอุปาทานว่าการวิจารณ์ เค้าโครงการเศรษฐกิจ เป็นการโต้แย้งแนวความคิด แท้ที่จริงแล้วข้อโต้แย้งนั้นเกี่ยวกับเรื่อง การปฏิบัติตามแนวความคิดสังคมนิยมต่างหาก ผู้เขียนจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี้ก่อนที่จะตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับ ปัญหาและอุปสรรคที่ควรแก้ไขในการนำเอาระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมมาใช้ในบ้านเราต่อไป
ดั่งนั้นในชั้นนี้ ขอให้เราแยกประเด็นพิจารณาดังนี้:-
1. แนวความคิดทางสังคมนิยม(ทั้งการเมือง-เศรษฐกิจ และสังคมนิยมเป็นส่วนรวม)
2. การจัดระเบียบเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับแนวความคิดนี้
3. การดำเนินงาน ตามโครงการต่างๆอันเป็นผลจากข้อ 1 และข้อ 2
ตามข้อ 1) เป็นเรื่องของการหาข้อตกลงกันว่า แนวความคิดสังคมนิยมนั้น เหมาะสมหรือไม่ต่อการพัฒนาสังคม และการบรรลุถึงความต้องการที่จะก่อให้เกิดความเป็นธรรมขึ้นในสังคม
 ตกลงกันว่าสังคมนิยม จะก่อให้เกิดความเป็นธรรม และความสุขสมบูรณ์แก่มวลสมาชิกสังคม มากกว่าทุนนิยม
ข้อ 2) การจัดระเบียบเศรษฐกิจเป็นเรื่องราวของการหาข้อยุติว่า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ตามที่เห็นพ้องต้องกันตามข้อแรก เราจะมีวิธีจัดระเบียบเศรษฐกิจอย่างไร โดยยึดจุดยืนหยัดเดียวกันคือ อุดมการสังคมนิยมจะให้รัฐเข้ามีบทบาทในระบบเศรษฐกิจมากน้อยเพียงใด จะจัดรูปกิจกรรมให้เป็นสหกรณ์ หรือ แบบใด
สมมติว่าตกลงกันได้ว่า จะให้รัฐเข้าไปจัดระเบียบเศรษฐกิจ โดยเอาปัจจัยการผลิตที่สำคัญทุกอย่างเป็นกรรมสิทธิ์ของรัฐหมด
สมมติว่าตกลงกันได้ว่า จะให้รัฐควบคุมเฉพาะกิจการอันเป็นสาธารณูปโภคที่สำคัญบางอย่าง
ทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะตกลงจัดระเบียบทางเศรษฐกิจ ให้มีความมากน้อยของการควบคุมแค่ไหนอย่างไร จะต้องพิจารณาปกัยหาข้อที่ 3 ต่อไป ทั้งสิ้น
ข้อ 3) จะดำเนินการอย่างไร ระบบเดิมที่เป็นอยู่เป็นอย่างไร ระบบราชการเป็นอย่างไร พฤติกรรมของข้าราชการปัจจุบันเป็นอย่างไร ค่านิยมทางสังคม ระบบการศึกษา พลังการเมืองเป็นอย่างไร กล่าวโดยสรุป สภาพและปัจจัยแวดล้อมในขณะที่เราจะเริ่มดำเนินการในขั้นที่ 3 นั้น มีสิ่งใดบ้างที่เป็นปัญหา เป็นอุปสรรค และเราจะแก้ไขอย่างไร
ผู้ที่เป็นสังคมนิยมได้ผ่านปัญหาข้อ 1 และ 2 มาแล้ว แต่ในประเทศที่เป็นสังคมนิยมทุกประเทสไม่ว่าจะมีข้อแตกต่างในรายละเอียดปลีกย่อยในปัญหาข้อ 1 และ 2 อย่างไรก็ยังไม่อาจแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นในช่องที่ 3 ของระบบสังคมนิยมได้ เป็นเพราะเหตุใด ในระยะนี้ การหยิบยกเรื่องสังคมนิยม ไม่ว่าจะเป็นทางการเมืองหรือทางเศรษฐกิจ มาพิจารณานั้นมักจะเป็นการเปรียบเทียบ ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม กับระบบเศรษฐกิจอื่นๆเช่น ทุนนิยม เสรีนิยม ในเชิงทฤษฎีเท่านั้น เราจะต้องก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง ที่จะศึกษาถึงอุปสรรคและปัญหา ในการนำระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมมาใช้อีกด้วย
ในการนี้เราคงจะต้องถามว่า ในประเทศประเทศที่ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมเติบโต และเจริญงอกงามนั้นสังคมของเขาได้มีวัฒนาการมาอย่างไร และในประเทศที่แนวความคิดทางสังคึมนิยมเจริยงอกงาม แต่ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมไปปรสบผลสำเร็จนั้น เป็นเพราะเหตุใดหรือเหตุใดมนประเทศแม้แต่แนวความคิดทางสังคมนิยมจึงไม่เจริญงอกงามเลย และด้วยเหตุนี้ใช่หรือไม่ที่เป็นผลทำให้ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม ไม่อาจเริ่มขึ้นได้เลย
แน่นอน เราไม่อาจนำประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จหรือความล้มเหลว ของประเทสหนึ่งมาเป็นมาตรฐานใช้คาดคะเนว่าประเทศอีกประเทสหนึ่งซึ่งมีวัฒนธรรมระบบการเมือง ระบบการศึกษา ต่างกับประเทศที่มีความสำเร็จ หรือล้มเหลว จะต้องประสบเหตุเดียวกันในทิศทางและลักษณะที่เหมือนกันได้
แม้กระนั้น เราพอจะพิจารณาศึกษาได้ว่า การดำเนินการตามอุดมการสังคมนิยมทางเศรษฐกิจนั้น มีปัจจัยที่จำเป็นเบื้องต้นซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัยของความสำเร็จ และความล้มเหลวนั้นอย่างไรบ้าง
ก่อนอื่นทั้งหมด เราควรทำความเข้าใจในขั้นนี้ว่า
1. ระบบเศรษฐกิจ และความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ ในความเป็นจริงนั้น หาได้ดำเนินไปตรงตามทฤษฎีไม่ เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะทฤษฎีเศรษฐกิจสังคมนิยม ได้ละเว้นที่จะนำปัจจัยที่ไม่ใช่ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น ปัจจัยทางวัฒนธรรมทางการเมือง พิจารณา ควบคู่ไปกับการจัดระเบียบทางเศรษฐกิจ
2. ระบบเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะจัดรูปใด จะเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้น สมติฐานทางทฤษฎีบางอย่าง อาจสอดคล้องกับสภาพความเป็นไปทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับระบบสังคมใหญ่ และระบบย่อยอื่นๆชั่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
3. ไม่ว่าเศรษฐกิจจะจัดระเบียบเศรษฐกิจตามแนวความคิดใดในรูปของทุนนิยม ระบบเศรษฐกิจทุกระบบมีหน้าที่สำคัญบางประการ ที่จะต้องกระทำในฐานะมี่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมคือ
3.1 การจัดหาสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นความต้องการขั้นมูลฐานของสมาชิกในสังคม อย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ประชาชนจำเป็นต้องมีต้องใช้
3.2 ระบบเศรษฐกิจทุกระบบต้องการที่จะใช้กรรมวิธีการผลิต และการวิภาคที่มีประสิทธิภาพ มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
3.3 ระบบเศรษฐกิจทุกระบบมีหน้าที่ในการจัดให้สมาชิกในสังคมได้ทำงานในอาชีพที่ตนถนัด เพื่อทำให้มีความสามารถในการผลิตสูงสุด
3.4 ระบบเศรษฐกิจทุกระบบจะต้องพยายามกระจายรายได้ไปยังส่วนต่างๆของสังคม ระบบเศรษฐกิจที่มีคนจำนวนน้อย ได้ประโยชน์จากการผลิต คนกลุ่มเล็กมีรายได้สูงมีความฟุ่มเฟือย มีชีวิตแตกต่างไปจากคนส่วนใหญ่ในสังคม จะเรียกว่าเป็นระบบเศรษฐกิจที่มีความเป็นธรรมไปไม่ได้
3.5 ระบบเศรษฐกิจทุกระบบจะต้องมีวิธีการผลิตใหม่ๆอยู่เสมอวิทยาการและการค้นคิดประดิษฐ์สรรค์ช่วยให้ระบบเศรษฐกิจ นั้นๆสามารถเพิ่มผลผลิต และประสิทธิภาพสูงอยู่เสมอ
จะเห็นได้ว่า หน้าที่ทั้ง 5 ประการของระบบเศรษฐกิจนั้น ผู้ที่สนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมจะยึดมั่นในหลักข้อที่ 4 เกี่ยวกับการกระจายรายได้ให้เป็นธรรม และทำการต่อสู้เรียกร้อง ให้รัฐเน้นความสำคัญของหลักการนี้มากกว่าการที่จะมุ่งเพิ่มการผลิตแต่เพียงอย่างเดียวหรือมุ่งพัฒนา โดยขาดปณิธานและการปฏิบัติการ เพื่อก่อให้เกิดการกระจายรายได้ที่เป็นธรรม
การจัดระเบียบเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นแบบใด จะต้องทำหน้าที่ทั้ง 5 ประการดังกล่าวให้ครบถ้วน ข้อแตกต่างระหว่างระบบเศรษฐกิจ แบบทุนนิยมกับสังคมนิยมนั้น อยู่ที่การเน้นความสำคัญ และการจัดลำดับความสำคัญของหน้าที่ทั้ง 5 ประการนี้ไว้ต่างกัน
ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมที่ใช้กันอยู่ในหลายประเทศ มีความจำเป็นที่จะเปิดทางให้รัฐเข้ามามีบทบาทในกิจกรรมที่เกี่ยวกับการผลิตสินค้าและบริการสำคัญๆมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากการปล่อยให้มีการแข่งขันอย่างเสรี โดยอาศัยกลไกของตลาดอาจก่อให้เกิดผลิตผลเพิ่มมากขึ้น อาจช่วยให้มีการค้นคิด หาเทคนิควิธีการใหม่ๆมากอย่าง อาจช่วยให้มีภาวะการว่างงานน้อย มีกรรมวิธีการผลิตที่มีประสิทธิภาพ แต่รายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่กระจัดกระจายไปสู่สมาชิกส่วนใหญ่ในสังคม กลับตกอยู่ในกลุ่มคนจำนวนน้อยซึ่งมีอำนาจทางเศรษฐกิจ เพราะได้ควบคุมปัจจัยสำคัญทางการผลิตไว้หมด
ทางออกหรือทางแก้ไข สภาพการดังกล่าวที่ใช้กันอยู่ในประเทศที่ยึดแนวสังคมนิยม คือการให้รัฐเข้าควบคุมการผลิตที่สำคัญๆ ดังนั้นบทบาทของรัฐในวงเศรษฐกิจจึงขยายมากขึ้น หมายความว่ากลชไกของรัฐระดับต่ำสุด จะต้องเข้ามามีส่วนสำคัญในการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น
ดังนั้นระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมที่ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องมีกลไกของรัฐ เช่น ระบบราชการที่มีประสิทธิภาพ และที่สำคัญที่สุดคือ ผู้ปฏิบัติงานจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต คำนึงถึงความเป็นไปได้ทางสังคม รักษาผลประโยชน์ของบมหาชนเหนือประโยชน์ของตนและพรรคพวก
ปัญหาที่เกิดในประเทศ ที่ใช้ระบบสังคมนิยมบางแห่ง เช่น พม่า ก็คือในขณะที่การเปลี่ยนแปลงขั้นสุดยอด คือ ระดับอุดมการและผู้มีอำนาจทางการเมืองเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงในระดับรองๆลงมา หาได้เคลื่อนไหวตามไปในจังหวะและทิศทางเดียวกันกับการเปลี่ยนแปลงขั้นสุดยอดไม่
ในขณะที่มีการ จัดระเบียบเศรษฐกิจใหม่ ความพร้อมที่จะเป็นสังคมนิยม มีอยู่แค่ขั้นอุดมการ คือในขั้นแรกตามที่ได้กล่าวไว้ในตอนต้นแล้ว แต่กลไกของรัฐที่จะต้องดำเนินการ เพื่อบรรลุถึงอุดมการนั้น ยังอยู่ในสภาพล้าหลัง ระบบราชการที่เต็มไปด้วยการคอรัปชั่น การเล่นพรรคเล่นพวก การทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม การถืออำนาจของข้าราชการ การกดขี่ประชาชนยังคงดำเนินไปเหมือนกับที่เคยเป็นมาแต่โบราณกาล
การนำสังคมนิยมมาใช้ในประเทศไทย จึงควรคำนึงถึงระบบบริหารราชการของไทยให้มาก เพราะการเปลี่ยนแปลงจากระบบดั้งเดิมไปสู่ระบบสังคมนิยม อาจเกิดขึ้นได้ในขั้นการรับเอาอุดมการสังคมนิยมมาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาสังคม แต่ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในระบบบริหาร ซึ่งจะต้องเป็นจักรกลอันสำคัญในการที่จะทำให้บรรลุถึงอุดมการนั้นแล้ว การเป็นสังคมนิยมเพียงขั้นเดียว จะก่อให้เกิดปัญหาทับถมทวีคูณยิ่งขึ้น
ในเวลานี้มีผู้ประกาศตัว และมีพรรคการเมืองประกาศนโยบายเป็นสังคมนิยมมากมาย การประกาศตัวและนโยบาย เป็นสังคมนิยมทำได้ไม่ยาก ถ้าท่านอ่านหนังสือ และทำความเข้าใจในแนวคิดทางสังคมนิยม และเชื่อมั่นว่า แนวความคิดนี้จะยังประโยชน์แก่สังคมไทย ท่านก็เป็นสังคมนิยมได้ ความคิดความเชื่อนี้ไม่มีปัญหา ไม่มีใครจะถือสิทธิอันใดมาตำหนิติเตียนท่านได้
แต่ที่เป็นปัญหาคือ ท่านเตรียมการแล้วหรือยังว่า ถ้าในวันพรุ่งนี้ตัวท่านได้เป็นนายกรัฐมนตรี หรือเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดหรือพรรคของท่านได้เสียงข้างมากในสภา ต่อจากวันนั้นสังคมนิยมของท่านจะดำเนินการต่อไปในลักษณะการเช่นไร
การปฏิบัติหลายครั้งในหลายสมัยสิ้นสุดลงในวันที่ปฏิบัติ รัฐประหารสำเร็จก็ด้วยดังกล่าวนี้
ประเทศไทยจะเป็น สังคมนิยมไปไม่ได้ แม้ว่าคนสัก 1 ล้านคนหรือ 30-40 ล้านคนจะกล่าวพร้อมๆกันทุกๆวัน ก่อนอาหารเช้าว่า “สังคมนิยมจงเจริญ” หรือใครๆจะพบกันแล้วคุยกันถึงแนวคิดทางสังคมนิยมหรือสังคมนิยมจะถูกสอนในห้องเรียนทุกห้อง จากเชียงรายจนถึงสุไหงโกลค
การมีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญซึ่งอิงถึง แนวความคิดสังคมนิยมเป็นเพียงก้าวแรก หรือการตกลงเห็นพ้องต้องกันในขั้นแรกเท่านั้นว่า นี่คือเป้าหมายของเรา นี่คืออุดมการที่จะก่อให้เกิด ความเป็นธรรมในสังคม
ไม่ว่าท่านจะออกกฎหมายกี่ฉบับซึ่งสอดคล้อง ตามแนวคิดสังคมนิยม ท่านไม่สามารถเป็นสังคมนิยมได้ ถ้าท่านไม่แก้ปัญหาในขั้นสุดท้ายดังที่กล่าวมาแล้ว.

  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น