ชีวิตนี้สำคัญนัก
พระนิพนธ์ใน สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
The Present Life Is So Important
Written by
His Holiness The Supreme Patriarch of
Thailand
:- Translated from Thai to English By Suddhinand
Janthagul
The
translation is required By professor Sanya Dhammasakdi the Ex-Head Consultant
of Majesty of Thailand
ธรรมอำนวยพร
ชีวิตทุกชีวิตที่เกิดมาในชาตินี้
เป็นชีวิตที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นชีวิตที่สามารถกำหนดภพชาติได้
จึงจำเป็นที่สุดที่ชีวิตนี้จักต้องกระทำแต่กุศลกรรมอันเป็นกรรมดี
เพื่อให้กรรมนั้นส่งผลที่ดีให้แก่ชีวิตในอนาคตชาติข้างหน้าต่อไป
ชีวิตนี้จึงสำคัญยิ่งนัก
พึงประพฤติคุณธรรมเพื่อเพิ่มพูนสั่งสมบุญญาบารมีให้ยิ่งขึ้นไป เพื่อชีวิตที่เป็นสุขทั้งแก่ตนเอง
แก่เพื่อนมนุษย์ ทั้งในชีวิตนี้และชีวิตข้างหน้าต่อไป
หลักธรรมอันประเสริฐที่พึงมีไว้ประจำใจในชีวิตนี้ที่สำคัญยิ่งนัก
คือ พรหมวิหาร 4 อันได้แก่
เมตตา...รักและปรารถนาดี
อยากให้ผู้อื่นมีความสุข,
กรุณา...สงสาร
คิดช่วยเหลือให้พ้นทุกข์,
มุทิตา...ยินดีเมื่อผู้อื่นเป็นสุข และ
อุเบกขา...ความวางใจเป็นกลางด้วยปัญญา
ผู้ประพฤติได้ดีงเช่นที่กล่าว
ชีวิตเบื้องหน้าภพชาติที่ดีเป็นอันหวังได้
บุญกุศลอันจักบังเกิดจากการจัดพิมพ์
ที่ท่านสาธุชนได้รับนี้ ขอน้อมถวายแด่สมเด็จพระญาณ๕สังวร สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปรินายกพระเถระผู้ประเสริฐ
ขอความเจริญในธรรมจงบังเกิดแก่สาธุชนผู้ประพฤติธรรมโดยทั่วกัน เทอญ.
ด้วยความสุจริต หวังดี
ปรารถนาให้โลกพบกับความสงบสุข
ชีวิตนี้สำคัญนัก
เพื่อความสุขสวัสดีแห่งชีวิตเบื้องหน้า
1.
ชีวิตในชาติปัจจุบันน้อยนัก สั้นนัก
ทุกชีวิต ไม่ว่าคนไม่ว่าสัตว์
มิได้มีเพียงเฉพาะชีวิตนี้ คือ มิได้มีเพียงชีวิตในชาตินี้ชาติเดียว
แต่ทุกชีวิตมีทั้งชีวิตในชาติอดีต ชีวิตในชาติปัจจุบัน และชีวิตในชาติอนาคต
ชีวิตนี้น้อยนัก นั้นหมายถึง ชีวิตในชาติปัจจุบันน้อยนัก...สั้นนัก
ชีวิต คือ อายุ
ชีวิตในปัจจุบันชาติของแต่ละคนอย่างยืนนานที่สุดก็เกินร้อยปีได้ไม่เท่าไร
ซึ่งก็ดูราวเป็นอายุที่ไม่ยืนมากนัก
แม้ไม่นำไปเปรียบกับชีวิตที่ต้องผ่านมาแล้วในอดีตที่นับชาติไม่ถ้วนนับปีไม่ได้
และชีวิตที่จะต้องเวียนวนเกิดตายต่อไปอีกในอนาคตที่จะนับภพชาติไม่ถ้วน
นับปีไม่ได้อีกเช่นกัน
ที่ปราชญ์ท่านว่า “ชีวิตนี้น้อยนัก”
นั้น ท่านมุ่งให้เปรียบชีวิตนี้กับชีวิตในอดีตที่นับชาติไม่ถ้วน
และชีวิตในอนาคตที่จะนับชาติไม่ถ้วนอีกเช่นกันสำหรับผู้ไม่ยิ่งด้วยปัญญา
ไม่สามารถพาตนให้พ้นทุกข์สิ้นเชิงได้
2.
ชีวิตกับกรรมที่กระทำ
ทุกชีวิต...ก่อนแต่จะได้มาเป็นคน
เป็นสัตว์ อยู่ในปัจจุบันชาติ ต่างเป็นอะไรต่อมิอะไรมาแล้วมากมาย
แยกออกไม่ได้ว่า...มีกรรมดีกรรมชั่วอะไรบ้าง ทำกรรมใดก่อน ทำกรรมใดหลัง และทั้งกรรมดีกรรมชั่วที่ทำไว้ในชาติอดีตทั้งหลาย
ย่อมมากมายเกินกว่าที่ได้มากระทำในชาตินี้ ชีวิตนี้อย่างประมาณมิได้
กรรมดีกรรมชั่วทั้งหลายเหล่านั้น
ย่อมให้ผลตรงตามเหตุทุกประการ แม้ว่าผลจะไม่อาจเกิดขึ้นพร้อมกันทุกสิ่งทุกอย่าง
และไม่อาจเรียงลำดับตามเหตุที่ได้กระทำแล้วก็ตาม แต่ผลทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นแน่
แม้เหตุได้กระทำแล้ว
3.
กรรมที่กระทำย่อมให้ผลตรงตามเหตุเสมอ
เมื่อมีเหตุย่อมมีผล
เมื่อทำเหตุย่อมได้รับผลและผลย่อมตรงตามเหตุเสมอ ผู้ใดทำผู้นั้นจักเป็นผู้ได้รับผล
เที่ยงแท้แน่นอน เมื่อใดกำลังมีความสุข
ไม่ว่าผู้กำลังมีความสุขนั้นจะเป็นเราหรือเขา เมื่อนั้นพึงรู้ความจริงว่าเหตุดี
ที่ได้ทำไว้แน่กำลังให้ผล ผู้ทำเหตุดีนั้นกำลังเสวยผลแห่งเหตุนั้นอยู่
แม้ปุถุชนจะไม่สามารถหยั่งรู้ให้เห็นแจ้งได้
ว่าทำเหตุดีหรือกรรมดีใดไว้ แม้ก็พึงรู้ พึงมั่นใจว่า
เหตุแห่งความสุขที่กำลังได้เสวยอยู่เป็นเหตุดีแน่กรรมดีแน่
ผลดีเกิดแต่เหตุดีเท่านั้น ผลดี...ไม่มีเกิดแต่เหตุไม่ดีได้เลย
เมื่อใดกำลังมีความทุกข์ความเดือดร้อน
ไม่ว่าผู้กำลังมีความทุกข์ความเดือดร้อนนั้น จะเป็นเราหรือเป็นเขา
เมื่อนั้นพึงรู้ความจริง ว่าเหตุไม่ดีที่ได้ทำไว้แน่กำลังให้ผล
ผู้ทำเหตุไม่ดีกำลังเสวยผลแห่งเหตุนั้นอยู่
แม้ปุถุชนจะไม่สามารถหยั่งรู้ให้เห็นแจ้งได้
ว่าทำเหตุไม่ดีหรือกรรมไม่ดีใดไว้
แต่ก็พึงรู้พึงมั่นใจว่าเหตุแห่งความทุกข์ความเดือดร้อนที่กำลังได้เสวยอยู่เป็นเหตุไม่ดีแน่
เป็นกรรมไม่ดีแน่ ผลไม่ดีเกิดแต่เหตุไม่ดีเท่านั้น ผลไม่ดี...ไม่มีเกิดแต่เหตุดีได้เลย
4.
ผลของกรรมนั้นแน่นอน ไม่มีข้อยกเว้น
เมื่อใดมีความคิดว่าเราทำดีไม่ได้ดี
หรือเขาทำดีไม่ได้ดี ก็พึงรู้ว่าเมื่อนั้นกำลังหลงคิดผิดจากความเป็นจริง
กำลังเข้าใจผิดจากความจริง...ทำดีต้องได้ดีเสมอ ไม่มียกเว้นด้วยเหตุผลใดทั้งสิ้น
เมื่อใดมีความคิดว่า
เราทำไม่ดีแต่กลับได้ดี หรือเขาทำไม่ดีแต่กลับได้ดี ก็พึงรู้ว่าเมื่อนั้นกำลังหลงคิดผิดจากความจริง
กำลังเข้าใจผิดจากความจริง...ทำไม่ดีต้องได้ไม่ดีเสมอ ไม่มียกเว้นด้วยเหตุผลใดทั้งสิ้น
5.
ความซับซ้อนของกรรม
ชีวิตในชาตินี้ชาติเดียวย่อมน้อยนัก
เมื่อเปรียบกับชีวิตในอดีตชาตินับจำนวนชาติหาถ้วนไม่ ดังนั้น
กรรม...คือ การกระทำที่ทำในชีวิตนี้ ในชาตินี้ชาติเดียวจึงน้อยนัก
เมื่อเปรียบกับกรรมหรือการกระทำที่ทำไว้แล้วในอดีตชาติ อันนับจำนวนชาติไม่ถ้วน
การเขียนหนังสือด้วยปากกาหรือดินสอ
ลงบนกระดาษแผ่นเดียวนั้น เขียนลงครั้งแรกก็ย่อมอ่านออกง่าย อ่านเข้าใจง่าย
แต่ยิ่งเขียนทับเขียนซ้ำลงไปบนกระดาษแผ่นเดียวกันนั้น
ตัวหนังสือย่อมจะทับกันยิ่งขึ้นทุกที การอ่านก็จะยิ่งอ่านยากขึ้นทุกที
จนถึงอ่านไม่ออกเลย ไม่เห็นเลยว่าเป็นตัวหนังสือ
จะเห็นแต่รอยหมึกหรือรอยดินสอทับกันไปทับกันมาเป็นสีสันเท่านั้น
ให้เพียงรู้เท่านั้น ว่าได้มีการเขียนลงบนกระดาษแผ่นนั้น หาอ่านรู้เรื่องไม่
และหาอาจรู้ได้ไม่ว่าเขียนอะไรก่อนเขียนอะไรหลัง
นี้ฉันใด
การทำกรรมหรือการทำดีทำชั่วก็ฉันนั้น ต่างได้ทำกันมานับภพนับชาติไม่ถ้วน
ทับถมกันมายิ่งกว่าตัวหนังสือที่อ่านไม่ออก
หาได้รู้ว่าได้เขียนอะไรก่อนเขียนอะไรหลัง ทำกรรมใดไว้ก็ไม่รู้ไม่เห็น
แยกไม่ออกว่าทำกรรมใดก่อนทำกรรมใดหลัง ทำดีอะไรไว้บ้าง ทำไม่ดีอะไรไว้บ้าง
มากน้อยหนักเบากว่ากันอย่างไร มาถึงชาตินี้ไม่รู้ด้วยกันทั้งสิ้น
เป็นความซับซ้อนของกรรมที่แยกไม่ออก
เช่นเดียวกับความซับซ้อนของตัวหนังสือที่เขียนทับกันไปทับกันมา
6.
สิ่งที่แสดงให้เห็นความซับซ้อนของกรรม
ความซับซ้อนของกรรมแตกต่างกับความซับซ้อนของตัวหนังสือตรงที่ตัวหนังสือนั้น...เมื่อเขียนทับกันมากๆก็ย่อมไม่มีทางรู้ว่า
เขียนเรื่องดี หรือเรื่องไม่ดีอย่างไร
แต่กรรมนั้น...แม้ทำซับซ้อนมาเพียงไร
ก็มีทางรู้ว่าทำกรรมดีไว้มากน้อยเพียงไร หรือกรรมไม่ดีไว้มากน้อยเพียงไร
โดยมีผลที่ปรากฏขึ้นของกรรมนั้นเองเป็นเครื่องช่วยแสดงให้เห็น
7.
ความแตกต่างในชาติกำเนิด
“ชีวิต” หรือ “ชาตินี้” ของทุกคน
มีชาติกำเนิดไม่เหมือนกัน เป็นไทยก็มี จีนก็มี แขกก็มี ฝรั่งก็มี มีชาติตระกูลไม่เสมอกัน
ตระกูลสูงก็มี ตระกูลต่ำก็มี มีสติปัญญาไม่ทัดเทียมกัน ฉลาดหลักแหลมก็มี
โง่เขลาเบาปัญญาก็มี มีฐานะต่างระดับกัน
ร่ำรวยก็มี ยากจนก็มี
ความแตกต่างห่างกันนานาประการ
เหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องชี้ให้ผู้เชื่อในกรรมและผลของกรรม
เห็นความมีภพมีชาติในอดีตของแต่ละชีวิตในชาติปัจจุบันที่เกิดมาต่างกันในชาตินี้
เพราะทำกรรมไว้ต่างกันในชาติอดีต
8.
ความได้ภพชาติในชีวิตนี้ ชาตินี้
ความแตกต่างของชีวิตที่สำคัญที่สุด
ที่แสดงให้เห็นอำนาจที่ใหญ่ยิ่งที่สุดของกรรม คือความได้ภพชาติของพรหมเทพ
ความได้ภพชาติของมนุษย์ กับความได้ภพชาติของสัตว์
เทวดา...อาจมาเป็นมนุษย์ได้ เป็นสัตว์ได้
มนุษย์...อาจเป็นเทวดาได้ เป็นสัตว์ได้
และสัตว์...ก็อาจไปเป็นเทวดาได้
เป็นมนุษย์ได้ ด้วยอำนาจยิ่งใหญ่ของกรรมอันนำให้เกิด
นี้เป็นความจริงที่แท้
จะเชื่อหรือไม่เชื่อความจริงนี้ก็ย่อมเป็นความจริงเสมอไป
ไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงให้ผิดไปจากความจริงได้
จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ควรกลัวอย่างหนึ่ง คือกลัวการไม่ได้กลับมาเกิดเป็นคน
ไม่ได้ไปเกิดเป็นเทวดา
เทวดามาถือภพชาติเป็นมนุษย์
เป็นที่ย่อมเชื่อถือกันมากกว่าเทวดาจะไปเป็นอะไรอื่น
จึงมีคำบอกเล่าหรือที่สันนิษฐานกันอยู่เสมอ ว่าผู้นั้นผู้นี้เป็นเทวดามาเกิด
ทั้งนี้ก็โดยสันนิษฐานจากความประณีตงดงามสูงส่งของผู้นั้นผู้นี้
บางรายก็มีความพร้อมทุกประการ
ทั้งชาติตระกูลที่สูง ฐานะที่ดี ผิวพรรณวรรณะที่งดงาม กิริยาวาจามารยาทที่สุภาพ
อ่อนโยน ไพเราะ เรียบร้อยเฉลียวฉลาด
บางผู้แม้ไม่งามพร้อมทุกประการดังกล่าว
ก็ยังได้รับคำพรรณนาว่าเป็นเทวดานางฟ้ามาเกิด เพราะผิวพรรณ มารยามงดงาม อ่อนโยน
นุ่มนวล นี้ก็คือ การยอมรับอยู่ลึกๆในใจของคนส่วนมาก ว่าเทวดามาเกิดเป็นมนุษย์ได้
9.
อำนาจของกรรมกับความได้ภพชาติ
เทวดามาเกิดเป็นมนุษย์
มีตัวอย่างสำคัญยิ่งที่ พึงกล่าวถึงได้เป็นที่ยอมรับทั่วไป
โดยเฉพาะในหมู่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
นั่นคือสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าจากสวรรค์ชั้นดุสิต
เสด็จลงโลกมนุษย์ประสูติเป็นพระสิทธัตถราชกุมาร
พระราชโอรสพระเจ้าสุทโธทนะกับพระนางสิริมหามายา
เรื่องหนึ่งในพระพุทธศาสนา
ที่ได้รู้จักกันกว้างขวาง คือเรื่องของเทพธิดาเมขลา
เทพธิดาองค์นี้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้พิทักษ์รักษามหาสมุทร
และมีหน้าที่คุ้มครองช่วยเหลือมนุษย์ที่ถือไตรสรณคมน์ มีศีลสมบูรณ์
ปฏิบัติชอบต่อมารดาบิดา พราหมณ์โพธิสัตว์เดินทางไป เรือแตกที่กลางมหาสมุทร
พยายามว่ายเข้าฝั่งอยู่ถึง 7 วัน เทพธิดาเมขลาจึงแลเห็น
ได้ไปแสดงตนต่อพระมหาสัตว์ทันที รับรองจะให้ทุกอย่างที่พระมหาสัตว์ปรารถนาและได้เนรมิตสิ่งที่พระมหาสัตว์ขอทุกอย่าง
คือ เรือทิพย์ และแก้วแหวนเงินทอง
พระมหาสัตว์พ้นจากมหาสมุทร
ได้บำเพ็ญทานรักษาศีลจนตลอดชีวิต ครั้นสิ้นชีวิตแล้วได้ไปบังเกิดในเมืองสวรรค์
พระมหาสัตว์ครั้งนั้นต่อมาคือ
พระพุทธเจ้า
เทพธิดาเมขลาต่อมาคือ
พระอุบลวัณณาเถรี
ผู้ดูแลช่วยเหลือพระมหาสัตว์คือ
พระอานนท์
นี้คือเทวดาถือภพชาติเป็นมนุษย์ได้
อย่างน้อยก็ตามความเชื่อถือมีการเล่าเรื่องเทพธิดาเมขลา ดังกล่าว
เทวดามาเกิดเป็นมนุษย์ได้
และมนุษย์ก็เกิดเป็นเทวดาได้
ดังที่สมเด็จพระบรมศาสดา
เมื่อประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน ได้ทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธกว่า
เมื่อทรงเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์หัวหน้าพ่อค้าเกวียน
ได้ทรงซื้อสินค้าในในครพาราณสี บรรทุกเกวียนนำพ่อค้าจำนวนมากเดินทางไปในทางกันดาร
เมื่อพบบ่อน้ำก็พากันขุด เพื่อให้มีน้ำดื่ม ได้พบรัตนะมากมายในบ่อนั้น
พระโพธิสัตว์ทรงเตือนว่า
ความโลภเป็นเหตุแห่งความพินาศ...แต่ไม่มีผู้เชื่อฟัง
พวกพ่อค้ายังขุดบ่อต่อไปไม่หยุด หวังจะได้รัตนะมากขึ้น
บ่อนั้นเป็นบ่อที่อยู่ของพญานาค เมื่อถูกทำลาย
พญานาคก็โกรธใช้ลมจมูกเป่าพิษถูกพ่อค้าเสียชีวิตหมดทุกคน
เหลือแต่พระโพธิสัตว์ที่มิได้ร่วมการขุดบ่อด้วย จึงได้รัตนะมากมายถึง 7 เล่มเกวียน
ท่านนำออกกเป็นทานและได้สมาทานศีล รักษาอุโบสถจนสิ้นชีวิต ได้ไปเกิดในสวรรค์
เป็นมนุษย์ผู้หนึ่งที่เกิดเป็นเทวดาได้
มนุษย์มีบุญกุศลและความดีพร้อม
ทั้งกาย วาจา ใจ มากเพียงไร ก็จะเกิดเป็นเทวดาชั้นสูงได้เพียงนั้น
คือสามารถขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ชั้นสูงได้เมื่อละโฌลกนี้แล้ว
10. มนุษย์เกิดเป็นเทวดาได้ และเกิดเป็นสัตว์ก็ได้
ในสมัยพุทธกาล ชายผู้หนึ่งโกรธแค้นรำคาญสุนัขตัวหนึ่งที่ติดตามอยู่ตลอดเวลา
พระพุพทธเจ้าทรงทราบ ก็”ด้ตรัสแสดงให้รู้ว่า
บิดาที่สิ้นไปแล้วนั้น...มาเกิดเป็นสุนัขนั่น
และได้ทรงพิสูจน์โดยบอกให้สุนัขนำไปหาที่ซ่อนทรัพย์...ซึ่งไม่มีผู้ใดรู้
นอกจากผู้เป็นบิดาของชายผู้นั้น และสุนัขก้พาไปขุดพบสมบัติที่ฝังไว้ก่อนสิ้นชีวิตได้
สัตว์ไปเกิดเป็นเทวดาได้
คงจะมีเป็นอันมากห มีเรื่องต่างๆในพระพุทธศาสนาที่เล่ากันสืบมา คือ...
ในสมัยพุทธกาล
มีสัตว์ได้ยินเสียงของพระท่านสวดมนต์ ก็ตั้งใจฟังโดยเคารพ
ตายไปก็ได้ไปบังเกิดเป็นเทพสวรรค์
ด้วยอานุภาพของการให้ความเคารพในพระธรรมของพระพุทธเจ้า
สัตว์มาเกิดเป็นมนุษย์ได้ นี้ต้องเป็นที่เชื่อถืออยู่ลึกๆในจิตสำนึก
ถึงแม้เมื่อพบมนุษย์บางคน บางพวกก็ได้มีการแสดงความรู้สึกจริงใจออกมาต่างๆกัน
เช่นลิงมาเกิดแท้ๆ สัตว์นรกมมาเกิดแน่ๆ ทั้งนี้ก็ด้วยเห็นจากหน้าตาท่าทางบ้าง
กิริยามารยาท นิสัยใจคอ ความประพฤติบ้าง ซึ่งโดยมากผู้ที่พบเห็นด้วยกัน
ก็จะมีความรู้สึกตรงกันดังกล่าว เป็นความรู้สึกที่เกิดจากความเชื่อนั่นเอง
ว่าสัตว์มาเกิดเป็นมนุษย์ได้ หรือมนุษย์เกิดมาจากสัตว์ได้
สมัยพุทธกาล
มีเรื่องของพระภิกุรูปหนึ่ง มีจิตหวงห่วงผ้าสบงจีวรที่เพิ่งได้มาใหม่
ซักตากไว้บนราว มรณภาพไปขณะผ้านั้นยังไม่แห้ง
จิตที่ผูกพันในผ้าสบงจีวรนั้นนำให้ไปเกิดเป็นตัวเล็นเล็กๆเกาะติดอยู่กับผ้า
พระภิกษุรูปหนึ่งเห็นผ้าสบงไม่มีเจ้าของแล้ว
ก็จะนำไปใช้ พระพุทธองค์ทรงทราบ...ได้ทรงมีพระพุทธดำรัสห้ามตรัสให้รอ
เพราะพระภิกษุรูปนั้นจะสิ้นภพสิ้นชาติของการเป็นเล็นในเวลาเพียงไม่กี่วัน
ถ้านำสบงจีวรนั้นไปในขณะยังเป็นเล็นอยู่ ก็จะโกรธแค้น
จะไม่ได้ไปเสวยผลแห่งกุศลกรรมที่ได้ประกอบกระทำไว้เป็นอันมาก
นี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ทรงรับรองว่าอำนาจจิตจะทำให้มนุษย์ไปเป็นสัตว์ได้
11. พึงหนีให้พ้นอำนาจอันน่ากลัวของกรรม
เทวดา...มาเกิดเป็นมนุษย์ได้
มนุษย์...ไปเกิดเป็นเทวดาได้
เทวดา...มาเกิดเป็นสัตว์ได้
สัตว์...เกิดเป็นเทวดาได้
มนุษย์...เกิดเป็นสัตว์ได้
และ
สัตว์...ก็กลับเกิดกเป็นมนุษย์ได้
อำนาจอันยิ่งใหญ่ของกรรมเท่านั้น
ที่ตกแต่งชีวิตให้เป็นไปได้อย่างไม่น่าเชื่อถึงเพียงนี้ กรรมจึงน่ากลัวจริงๆ
น่าหนีให้พ้นอำนาจกรรมจริงๆ ทั้งกรรมในอดีตและกรรมในปัจจุบัน
12. ชนกกรรม : กรรมอันนำไปเกิด
กรรมอันเป็นเหตุนำให้เกิด คือ “ชนกกรรม”
เป็นกรรมสุดท้ายก่อนชีวิตจะขาดจากภพภูมินี้ หรือเรื่องสุดท้ายที่จิตผูกพันคิดถึงอยู่
คือชนกกรรมอันนำไปเกิด
นึกถึงความดีที่เป็นบุญกุศล
ในขณะก่อนจะดับจิต...จิตก็จะไปสู่สุคติ นำกายไปสุคติด้วย
นึกถึงความไม่ดีที่เป็นบาปเป็นอกุศล ในขณะก่อนจะดับจิต...จิตก็จะไปสู่ทุคติ
นำกายไปทุคติด้วย
จิตที่ใกล้จะแตกดับนั้น...ปกติเป็นจิตที่อ่อนมาก
และไม่มีกำลังที่จะต้านทานใดๆทั้งนั้น คุ้นเคยกับความรู้สึกใดเกี่ยวกับเรื่องใด
ความรู้สึกนั้นเกี่ยวกับเรื่องนั้นก็จะเข้าครอบงำจิต มีอำนาจเหนือจิต
ทำให้จิตเมื่อใกล้จะดับ...ผูกพันอยู่กับความรู้สึกนั้น เกี่ยวกับเรื่องนั้น
เมื่อจิตดับ
คือจากร่าง...ก็จากไปพร้อมกับความรู้สึกนั้น เกี่ยวกับเรื่องนั้น
นำไปก่อเกิดกายที่ควรแก่สภาพจิตทุกประการ
13. อำนาจความยึดมั่นของจิตก่อนแตกดับ
ผู้ที่หวงสมบัติ...กลัวจะมีผู้มานำไป
ก่อนจะดับจิต มีใจผูกเฝ้าสมบัติอย่างหวงแหน เมื่อดับจิตก็เคยมีที่ไปเกิดเป็นงูเฝ้าอยู่ที่สมบัต้นั้น
ผู้ใดเข้าไปใกล้ก็จะแสดงตัวให้เห็นเป็นงูใหญ่
เช่นที่เล่ากันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ว่า...ข้าราชการผู้หนู่ง
มีพระพุทธรูปที่หวงมากอยู่องค์หนึ่ง เมื่อได้ละโลกนี้ไป สหายไปเยี่ยมศพ
ได้ขอดูพระองค์นั้น ขณะกำลังดูอยู่ก็มีงูตัวหนึ่งมาจากไหกนไม่ปรากฏ
มาแผ่แม่เบี้ยอยู่ใกล้ๆผู้มาขอดูไหวทัน...ก็เข้าใจทันทีว่าเจ้าของได้เฝ้าพระอยู่ด้วยความหวงแหน
จึงพูดกับงูดังๆว่าไม่ได้คิดจะนำพระไปไหน เพียงมาขอดูเท่านั้น...อย่าเป็นห่วง
เพียงเท่านั้นงูก็เลื้อยห่างหายไป นี้เป็นตัวอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นจริงไม่นานมานี้
ที่เชื่อกันว่า ผู้ที่หวงสมบัติมากๆ...ตายไปในขณะที่จิตผูกพันเช่นนั้น
ต้องไปเกิดเป็นงู ต้องเฝ้าสมบัติ ไม่ได้ไปเสวยผลของกรรมดีใดๆที่ได้กระทำไว้
จนกว่าจะปล่อยวางละความยึดถือความหวงแหนสมบัตินั้นๆ
14. พึงตั้งจิตปรารถนาให้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์
ด้วยผู้ใหญ่ผู้มีสัมมาทิฐิ
มีสัมมาปัญญา แต่ไหนแต่ไรมาท่านเชื่อเรื่องอำนาจความยึดมั่นของจิต
ท่านจึงสอนลูกหลานไว้ว่า ก่อนจะหลับให้ภาวนาพุทโธ นึกถึงพระพุทธเจ้า
และให้ตั้งใจปรารถนาว่า เมื่อจากโลกนี้ไปเมื่อใดก็ตาม
ขอให้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์ทันที ให้ได้พบพระพุทธศาสนา
ท่านสอนกันให้ตั้งใจเช่นนี้ก่อนจะหลับไป
และสอนว่า ถ้าการหลับไปครั้งนั้นจะไม่ได้กลับมาตื่นอีก ก็จะได้ไปดี เป็นไปดังแรงปรารถนา
การได้เกิดเป็นมนุษย์
พบพระศาสนานั้น เป็นมงคลสูงสุดของชีวิต
ผู้มีสัมมาทิฐิจึงตั้งจิตปรารถนาอย่างจริงจัง
15. ชีวิตนี้เท่านั้นที่จะนำไปสู่ความสวัสดี
ผู้อธิษฐานจิตปรารถนาจะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์
พบพระพุทธศาสนานั้น คือผู้รับรองความสำคัญของชีวิตนี้แม้จะน้อยนักว่า...
ชีวิตนี้เท่านั้นที่จะนำไปสู่ความสวัสดีมีสุขได้อย่างแท้จริง
เพราะชีวิตนี้เท่านั้นที่พร้อมสำหรับการบำเพ็ยกุศลทุกประการ
จะทำดีเพียงไร...ก็ทำได้ในชีวิตนี้
จะทำดีสูงสุดจนเกิดผลสูงสุด คือการปฏิบัติได้สำเร็จมรรคผลนิพพาน
พ้นทุกข์ได้สิ้นเชิง ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป...ก็ทำได้ในชีวิตนี้
หรือทำดีเพียงเพื่อได้ถึงสวรรค์พ้นนรก...ก็ทำได้ในชีวิตนี้
การตั้งจิตอธิษฐาน
เพื่อไม่ให้หลงไปภพภูมิอื่น หลังละโลกนี้ไปแล้วแต่เพื่อให้กลับมาสู่ภพภูมิมนุษย์โดยเร็ว
และได้พบพระพุทธศาสนา จึงเป็นความถูกต้อง พึงทำอย่างยิ่ง
16. การเลือกชีวิตในภพชาติใหม่ให้มีความสุข
แม้ไม่ต้องการมีความทุกข์ในภพชาติหน้า...ก็ต้องทำใจให้ไม่มีความทุกข์เสียตั้งแต่ในภพชาติปัจจุบันนี้
ไม่ปรารถนาเป็นอะไร
ไม่ปรารถนาเป็นอย่างไรในชาติหน้า... ก็ต้องทำใจ คือ
ทำใจไม่ให้เกาะเกี่ยวข้องอยู่กับอะไรนั้น กับอย่างนั้น ตั้งแต่ในปัจจุบันชาติ
จึงจะสมปรารถนา ไม่เช่นนั้นก็จะสมปรารถนาไม่ได้
การจะทำใจให้เป็นสุขปราศจากทุกข์...แม้พอสมควรขณะใกล้จะดับจิต
คือ การเลือกชีวิตในภพชาติใหม่ให้มีความสุข ปราศจากความทุกข์ได้พอสมควร แต่การจะสามารถทำใจให้เป็นเช่นไร
ในเวลาใกล้จะดับจิตนั้น ก็มิใช่จะทำได้ทันที
โดยมิได้มีความคุ้นเคยกับความรู้สึกเช่นนั้นมาก่อน
17. ฝึกจิตให้คุ้นเคยกับสิ่งดีมีมงคล
ความคุ้นเคยกับความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่ง
คือมีความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอๆหรือบ่อยๆเนืองๆ
เช่น
การท่องพุทโธไว้ในใจเสมอ นั่นก็คือ ความคุ้นเคยกับพุทโธ
ความคุ้นเคยกับบุคคลใดที่เคยให้ความเมตตา อุปการะ ช่วยเหลือ
จะทำให้นึกถึงบุคคลนั้นได้โดยอัตโนมัติเมื่อถึงคราวคับขัน
ความคุ้นเคยกับความรู้สึกอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นก็เช่นกัน
อบรมไว้ให้คุ้นเคยกับความรู้สึกใด เช่น คุ้นเคยกับอารมณ์มีพระพุทโธ
หรือคุ้นเคยกับการท่องพุทโธ เมื่อถึงเวลาคับขัน
ใจจะไม่ไปยึดมั่นเกาะเกี่ยวกับอะไรอื่นที่ไม่คุ้นเคย
แต่จะไปเกาะอยู่กับพระพุทโธที่เป็นยอดของสิริมงคลทั้งปวง ย่อมได้รับสิริมงคลนั้น
อันจักนำให้พ้นพาลภัยใหญ่น้อย ความคุ้นเคยกับสิ่งดีมีมงคลจึงเป็นความสำคัญอย่างยิ่ง
ทุกคนผ่านชีวิตในอดีตชาติมาแล้วเป็นอันมาก
นับภพชาติไม่ถ้วน ความคุ้นเคยกับเรื่องราว หรืออารมณ์ต่างๆมาแล้วมากมาย คุ้นเคยกับเรื่องราวหรืออารมณ์ใดมาก...ใจยึดมั่นผูกพันข้องติดอยู่กับเรื่องใดอารมณ์ใดมากมาแต่อดีตชาติ
ผลของความยึดมั่นผูกพันนั้นจะนำมาสู่ภพชาติปัจจุบัน
18. ภพชาติปัจจุบัน แสดงความผูกพันใจในอดีตชาต
ดูภพชาติของตนในปัจจุบันแล้ว
ก็พอจะเข้าใจว่า อดีตนั้นตนผูกพันกับเรื่องใด อารมณ์ใด มามาก ดีหรือว่าไม่ดี
ผู้ที่มีในผูกพันอยู่กับการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ทำทานการกุศลมามากในอดีตชาติ ก็จะรู้ได้จากปัจจุบันชาติ
คือปัจจุบันชาติจะสมบูรณ์พูนสุขด้วยทรัพย์สินเงินทอง
ผูกที่มีใจผูกพันอยู่กับการเอื้ออาทร
ดูแลรักษา ให้ข้าวปลาอาหารยารักษาไข้
และเงินทองเพื่อผู้เจ็บไข้ได้ป่วยมามากในอดีตชาติ ไม่เบียดเบียนชีวิตร่างกายผู้อื่น
สัตว์อื่น ก็จะรุ้ได้จากปัจจุบันชาต คือ ปัจจุบันชาติจะสมบูรณ์แข็งแรง
ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย มีพลานามัยดี อันนับเป็นลาภอย่างยิ่ง
ผู้มีใจผูกพันอยู่กับการระวังรักษากาย
วาจา ใจ ของตน ให้สุภาพอ่อนน้อม ต่อผู้ควรได้รับความอ่อนน้อมยกย่อง
ไม่ล่วงเกินดูหมิ่นมามากในอดีตชาติ ก็จะรู้ได้จากปัจจุบันชาติ
คือปัจจุบันชาติจะเป็นผู้อยู่ในตระกูลสูงอันผู้อยู่ในตระกูลสูง
ย่อมเป็นผู้ได้รับความเคารพ อ่อนน้อม ยกย่องไม่ถูกล่วงเกินดูหมิ่น
เป็นไปเช่นเดียวกับที่ตนเองได้ปฏิบัติไว้ต่อผู้อื่นเป็นอันมากในอดีตชาติ
ผู้มีใจผูกพันอยู่กับการช่วยประคับประคอง
รักษาชีวิตผู้อื่นสัตว์อื่นมามากในอดีตชาติ ไม่เบียดเบียน ตัดรอน
ทำลายชีวิตผู้อื่น ก็จะรู้ได้จากปัจจุบันชาติ คือ ปัจจุบันชาติจะเป็นผู้มีอายุยืน
ไม่ถูกตัดรอน เบียดเบียนทำลายด้วยเหตุใดทั้งสิ้น ไม่ให้ต้องเป็นผู้มีชีวิตน้อย
มีชีวิตสั้น
ผู้ที่มีใจผูกพันอยู่กับการรักษากาย
วาจา ใจ อยู่ในศีลบริสุทธิ์ มามากในอดีตชาติ จะมีจิตใจผ่องใส จะไม่เศร้าหมอง
ก็จะรู้ได้จากปัจจุบันชาติคือ ปัจจุบันชาติจะเป็นผู้มีผิวพรรณอันงดงาม
หน้าตาผ่องใส เป็นที่เจริญตาเจริญใจผู้พบเห็นทั้งหลาย
ผู้มีใจผูกพันอยู่กับการปฏิบัติธรรมมามากในอดีตชาติ
ก็จะรู้ได้จากปัจจุบันชาติ คือ ปัจจุบันชาติจะเป็นผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด
ศึกษาปฏิบัติธรรมเข้าใจง่าย เจริญดีในธรรม
19. ผู้กระทำกรรมดี ย่อมได้เสวยผลของกรรมดี
ผู้ที่กำลังเสวยผลของกรรมดีในอดีตชาติต่างๆกัน เช่น ได้เกิดในตระกูลสูง สมบูรณ์ บริบูรณ์
ด้วยทรัพย์สิน เงินทอง มีร่างกายแข็งแรงไม่ถูกเบียดเบียนด้วยโรคภัยไข้เจ็บ อายุยืน
หน้าตาผิวพรรณงามผ่องใส หรือมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด พึงน้อมใจเชื่อว่า
เป็นผลแห่งกรรมดีที่ได้ประกอบกระทำไว้แล้วเป็นอันมากในอดีตชาติ แน่นอน
และแม้ปรารถนาจะเสวยผลดีแห่งกรรมดีนั้นสืบต่อไปในอนาคต
ทั้งในอนาคตของปัจจุบันชาติ
และทั้งในอนาคตของภพชาติเบื้องหน้าที่พ้นขากภพชาติปัจจุบันไปแล้ว
ก็พึงตั้งใจประกอบกรรมดี อันเป็นเหตุดีต่อไปให้มั่นคงสม่ำเสมอ
20. ทุกชีวิตล้วนมีกรรมดีและกรรมไม่ดี
ผลของกรรมดีที่ได้กระทำกันมา
ที่เป็นความคุ้นเคยกันมา แม้จะสงวนรักษาไว้ให้สืบต่อกันมานานแสนนานต่อไป
ก็ต้องพยายามหนีผลของกรรมไม่ดีที่ต้องได้กระทำมาแล้วทุกคนในอดีตชาติ
ซึ่งมากมายนับภพชาติไม่ถ้วนและกรรมนั้นต้องกำลังตามมา
ทุกคน
ล้วนกำลังมีผลของกรรมดีและกรรมไม่ดีติดตามมา เป็นผลของเหตุที่ได้ทำกันไว้ในอดีตชาติที่สลับซับซ้อนนับไม่ได้
21. กรรมส่งผลแก่ชีวิตในชาติปัจจุบัน
ลองนึกถึงภาพของรถบรรทุกขนาดใหญ่
กำลังแล่นไล่ทับเราอยู่ ขณะเดียวกัน
ก็มีรถบรรทุกแก้วแหวนเงินทองคันใหญ่กำลังแล่นตาม
เพื่อจะยกแก้วแหวนเงินทองเหล่านั้นให้เราด้วย รถทั้งสองคันนั้นกำลังขับแซงกันอย่างรวดเร็ว
ผลัดกันนำ ผลัดกันตาม
นึกภาพนี้แล้วก็นึกถึงใจตนเองว่า
ยังมีใจที่จะต้องการแหวนเงินทองหรือยังมีใจอยากได้อะไรอีกหรือ
ในเมื่อรถล่าชีวิตกำลังขับตะบึงติดตามมาอย่างมุ่งมาดปรารถนาตัวเราเป็นเป้าหมาย
กรรมไม่ดีกำลังตามส่งผลแก่เราทุกคนแน่นอน
เปรียบผลไม่ดีนั้น
ดังรถบรรทุกที่กำลังตะบึงไล่กวดเราอยู่จริงๆที่ยังไม่ทันบดขยี้เราก็เพราะกรรมปัจจุบันของเราที่เรากำลังกระทำกันอยู่
อาจจะมีแรงพาเราหนีไม่ทัน จะอย่างหวุดหวิด น่าเสียวไส้เพียงไร
เราผู้ไม่มีตาพิเศษก็หารู้ไม่ กรรมดีเท่านั้นที่เป็นแรงพาเราวิ่งหนีกรรมไม่ดีที่กำลังส่งผลติดตามเราอยู่ในขณะนี้
22. มือแห่งอกุศลกรรม
เปรียบกรรมไม่ดีดั่งมือมารที่ใหญ่โตมโหฬาร
ทรงพลังมากมายนั้นกำลังเอื้อมมาจะตะปบเรา เพื่อลากเข้าไปขยี้ให้แหลกเหลว
หวุดหวิดจะจับปลายผมเราได้ไม่รู้กี่ครั้งกี่หน
แต่เราก็ยังพ้นอยู่ได้เพราะความบังเอิญ คือเพราะบังเอิญได้ทำกรรมดีไว้มากพอเป็นกำลังพาให้หลบหลีกพ้นมือมารไปได้
มีความสวัสดีอยู่ชั่วครั้งชั่วคราว แต่ใช่ว่ามือมารนั้นจะหยุดตามตะครุบเราก็หาไม่
กี่วัน กี่ปี กี่ภพ กี่ชาติ มือมารจะติดตามตะครุบเราอย่างไม่ท้อแท้เหน็เหนื่อย
คว้าผิดคว้าถูกก็จะตามคว้าไม่ลดละ ถ้าปรากฏเป็นภาพก็จะเป็นภาพที่น่ากลัวที่สุด
เด็กไร้เดียงสา
เพิ่งจะลืมตาเห็นโลก เคยถูกนำไปฆ่าด้วยความเข้าใจผิด
ที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้มารดาผู้รักลูกเป็นชีวิตจิตใจแทบเป็นบ้า
ทำให้ผู้ที่นำไปฆ่าเพราะเข้าใจผิดต้องได้รับโทษหนัก ได้รับทั้งอาญาบ้านเมือง
และทั้งความโกรธแค้น ชิงชัง ของผู้คนมากหลาย
เรื่องนี้ชี้ชัดให้เห็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของกรรม
แม้ไม่นำกรรมมาร่วมพิจารณาก็จะเข้าใจไม่ได้เลยว่าเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
เด้กคนหนึ่งถูกมุ่งทำลาย แต่เด็กคนนั้นกลับอยู่รอดปลอดภัย อีกคนหนึ่ง
เป็นที่ห่วงใย ทะนุถนอมดังแก้วตาดวงใจ แต่กลับถูกทำลายตายไป
ทั้งสองยังบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เพิ่งมีเวลาเห็นโลกไม่กี่วัน
มือของกรรมนำเด็กที่มิได้เป็นที่มุ่งร้ายในปัจจุบัน ไปสู่อำนาจแห่งกรรมในอดีต
ซึ่งมิใช่เป็นกรรมของใครอื่น แต่เป็นกรรมของเด็กนั้นเองที่ต้องได้กระทำไว้แน่นอนในชาติใดชาติหนึ่งในอดีต
ที่พ้นความรู้เห็นของปุถุชนทั้งหลาย
แต่หาได้พ้นความรู้เห็นของท่านผู้พ้นแล้วจากความเป็นปุถุชน
23. กุศลกรรมเท่านั้นที่ตัดรอนอกุศลกรรมได้
กรณีที่มีเด็กถูกฆ่าผิดตัวนั้น
เด็กตายแล้ว...พ้นแล้วจากความเข้าใจของคนทั้งหลาย ว่าเด็กคนนั้นไป ได้สุข ได้ทุกข์
อยู่ในภพภูมิใด แต่เขาก็ได้เป็นอีกหนึ่งที่เตือนใจอย่างแรงให้กลัวกรรม
เมื่อกรรมจะให้ผล
คือเมื่อกรรมตามมาทัน ก็ไม่มีอะไรจะยับยั้งได้ นอกจากกรรมด้วยกัน
คือเมื่ออกุศลตามทันก็ต้องกุศลกรรมที่ใหญ่ยิ่งกว่าเท่านั้น
ที่จะตัดรอนอกุศลกรรมได้ และช่วยให้สวัสดีไปได้ครั้งหนึ่งคราวหนึ่งเท่านั้น
ที่จะตัดรอนอกุศลกรรมได้ และช่วยให้สวัสดีไปได้ครั้งหนึ่งคราวหนึ่ง
เรื่องเด็กคนหนึ่งถูกมุ่งร้ายให้ถึงตาย
แต่เด้กอีกคนหนึ่งที่เป็นความรักสุดจิตใจของแม่พ่อ กลับต้องตายแทน
แม่คนหนึ่งที่เป็นฆาตกรต้องรับอาญาแผ่นดิน มีชีวิตที่ทรมานในที่คุมขัง
แม่คนหนึ่งที่ต้องสูญเสียลูกรักเพียงชีวิต เพราะถูกเอาไปฆ่าผิดตัว
ต้องเศร้าโศกสุดแสนไปนานนัก
เด็กคนที่รอดตายอย่างน่าอัศจรรย์
ทั้งที่ตนนั้นถูกมุ่งร้าย คงเป็นที่รังเกียจของคนจำนวนไม่น้อย
ว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขหญิงใจดำอำมหิต
ดูผู้เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ทั้งหมดถึง
4 ชีวิต จะเห็นได้ชัดแจ้งว่า กรรมมีอำนาจใหญ่ยิ่งนัก
ทุกชีวิตถูกอกุศลกรรมตามทันแน่แท้และมีมีกุศลกรรมความดีพอที่จะตัดรอนอกุศลกรรมให้ทันเวลาได้
จึงประสบความทุกข์เดือดร้อนแสนสาหัสไปตามกัน
24. มองให้เห็นความน่ากลัวของกรรม
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ...พึงรอบคอบพิจารณาด้วยปัญญาของผู้นับถือพระพุทธศาสนา
ให้เห็นความน่ากลัวของกรรม ให้เห็นความน่าสลดสังเวชเมื่อผู้ใดผู้หนึ่งต้องตกอยู่ในอุ้งมือที่ร้ายแรงแห่งกรรม
และเราเองก็มีมือกรรมตามตะครุบอยู่เหมือนกัน ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา
ก็พึงใช้ปัญญาให้เห็นได้ด้วยใจ และพยายามหนีให้เต็มสติปัญญา
อย่าให้ถึงวันที่ต้องตกอยู่ในอุ้งมือที่แข็งแกร่งแห่งกรรมร้าย
ผู้ที่เกิดมาดีมีสุขสมบูรณ์ในภพชาตินี้
ก็มิใช่ว่าไม่มีมือแห่งอกุศลกรรมตามตะครุบอยู่...มีแน่
ทุกคนมีมือแห่งอกุศลกรรมตามตะครุบอยู่แน่ แต่ในขณะเดียวกัน ทุกคนก็มีมือแห่งกุศลกรรมเป็นผู้ช่วยอยู่
มือแห่งกุศลกรรมนั้น
ถ้าเปรียบให้เห็นง่ายๆก็ต้องเปรียบกับเท้า มีมือผู้ร้ายติดตามตะครุบอยู่
จะหนีพ้นก็ต้องอาศัยเท้าวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ นั่นก็คือ
ต้องทำบุญทำกุศล คุณงามความดีให้มากที่สุด ให้เต็มสติปัญญาความสามารถเสมอ ความดีเท่านั้นจะช่วยให้พ้นมือแห่งกรรมร้ายได้
แม้จะพ้นอย่างหวุดหวิดก็ต้องดีกว่าไม่พ้น
25. บุคคลพึงเชื่อในกรรมและผลของกรรม
ทุกคนมีมือแห่งอกุศลกรรม...ที่น่ากลัวที่สุดตามตะครุบอยู่...ไม่มีใครไม่มี
และมีกันคนละไม่น้อยด้วย เพราะทุกคนได้ผ่านภพชาติมาแล้วนับไม่ถ้วน ยาวนานนักหนา
ทำอะไรต่อมิอะไรกันมาเสียนักต่อนัก ทั้งกรรมดีและกรรมชั่วสลับกันอยู่
และลืมกันเสียสิ้นแล้ว
ทั้งบางคนก็ยังไม่อยากเชื่อว่าได้เคยเกิดมาแล้ว
ในอดีตชาติมากมายหลายชาติจนนับไม่ได้
จึงยิ่งไม่นึกเลยว่า...ได้เคยทำกรรมดีกรรมชั่วมาก่อนจะเกิดเป็นมนุษย์ในปัจจุบันชาตินี้
การไม่นึกนี้แหละจะทำให้ประมาท...
ไม่พยายามหนีผลแห่งกรรมไม่ดี และเมื่อกรรมไม่ดีตามมาทันถึงตัวเมื่อใด
กรรมนั้นก็จะใช้อำนาจร้ายแรงอย่างไม่เมตตาปราณีเลย
26. สิ่งที่ควรนึกไว้เสมอในชีวิตนี้
ก่อนจะมาเป็นเราแต่ละคนในภูมิของมนุษย์นี้
ต่างก็”ด้เป็นอะไรมาแล้วมากมาย นับชนิดนับชาติไม่ได้ เป็นกันทั้งเทวดา สัตว์ใหญ่
สัตว์เล็ก รวมทั้งมนุษย์ ชาย หญิง คนมี คนจน คนสวย คนไม่สวย คนพิการ คนไม่พิการ
อายุสั้น อายุยาว ขาว ดำ ไทย จีน แขก ฝรั่ง
ต่างเคยมีเคยเป็นกันมาแล้วทั้งนั้น แม้เป็นผู้ระลึกชาติได้ก็จะสลดสังเวชยิ่งนัก
และอาจจะสละละวางความโลภ ความโกรธ ความหลง ได้เป็นอันมาก
เห็นสุนัขขี้เรื้อนสักตัว...แล้วลองนึกว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยเป็นเช่นเดียวกัน
เคนกระเซอะกระเซิง เที่ยวหา อาหารกิน ถุกคนตี ถุกสุนัขด้วยกันกัด
ถูกใครทั้งหลายที่มาประสบพบผ่าน แสดงกิริยาวาจารังเกียจ เกลียดชัง
ไม่ยอมแม้จะให้เข้าใกล้ เพื่ออาศัยร่มเงากันแดดกันฝน ก้อนอิฐ ก้อนหินก็ถูกขว้างใส่
ให้ต้องถึงกับเลือดตกยางออก ตกใจกลัวภัยนานา แต่จะบอกกล่าว อ้อนวอน
ให้ผู้ใดเห็นใจ...ก็ทำไม่ได้
อย่างมากก็ได้แต่เพียงเปล่งเสียงโหยหวนที่หามีผู้ใดเข้าใจในความทุกข์ร้อนไม่
แม้นึกไปในอดีตเช่นนี้...
สมมติตัวเองว่าในภพชาติหนึ่งเป็นเช่นนี้
นึกให้จริงจังเช่นนี้ก็จะเกิดความกลัวกรรม... เพราะย่อมได้ความเข้าใจได้ว่า
กรรมไม่ดีแน่แท้ที่ทำให้ชีวิตต้องเป็นเช่นนี้
27. สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกรรม
อย่าเป็นผู้ปฏิเสธเรื่องกรรม
และการให้ผลของกรรมอย่างปราศจากเหตุผล
คืออย่าปฏิเสธดื้อๆว่า ใครจะเคยเกิดเป็นอะไรมาก่อนก็ตาม ก็ไม่ใช่เรา
เราไม่เคยเกิดเช่นนั้นแน่
คนจะเกิดมาแต่สัตว์ไม่ได้ สัตว์จะไปเกิดเป็นคนก็ไม่ได้...ไม่มีเหตุผล
เป็นความเชื่อที่ปราศจากเหตุผล เป็นคนสมัยใหม่แล้วจะเชื่ออย่างนั้นไม่ได้ เพื่อความไม่ประมาท
จงอย่าปฏิเสธโดยไม่รู้จริงเช่นนี้ เพราะวันหนึ่งจะหนีไม่พ้นผลที่น่ากลัวนักของกรรม
เด็กบางคนวิ่งเล่นอยู่อย่างสนุกสนานในโรงเรียน
อยู่ๆก็มีลูกปืนแล่นเข้าตัดชีวิต...ปลิดชีพจากโลกดนี้ไปอย่างง่ายดาย
เด็กตายไปแล้ว...ไปก็เป็นสุขไปเป็นทุกข์ก็เรื่องหนึ่ง
แต่มารดาบิดาผู้ต้องสูญเสียลูกไปปุบปับ
เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พึงพิจารณาให้เกิดความเข้าใจในเรื่องของกรรมและการให้ผลของกรรม
ว่าต้องเคยทำความทุกข์แสนสาหัสจากผู้ที่ไม่รู้จักหน้าตา
ผู้ที่ไม่ปรารถนาจะก่อทุกข์โทษภัยใดๆเลย และทุกคนมีโอกาสที่จะประสบเหตุการณ์เช่นนั้น
เป็นไปได้ที่อยู่ดีๆจะต้องสูญเสียยิ่งใหญ่ เช่น มารดาบิดาที่เสียลูกไปอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ
รู้ได้แน่นอนแต่เพียงว่า...นั่นเป็นผลของกรรมไม่ดีที่ต้องได้กระทำไว้ในภพชาติใดชาติหนึ่งแน่นอน
28. สิ่งสำคัญที่ควรอบรมให้ยิ่งในชีวิตนี้
พระสำคัญองค์หนึ่ง...
ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นพระดี เป็นพระสำคัญยิ่ง คือสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต
พรกมรังสี) วัดระฆังโฆสิตาราม มีเรื่องเล่าถึงท่านว่า...
ครั้งหนึ่ง
พระในวัดของท่านตีเพื่อนพระด้วยกันจนหัวแตก
ท่านได้ชำระความด้วยการบอกพระที่เป็นเจ้าทุกข์ว่าเป็นฝ่ายผิดเพราะเป็นผู้ทำเขาก่อน
เมื่อเป็นที่พิศวงสงสัยที่ท่านตัดสินเช่นนั้น
ท่านก็อธิบายว่า...พระองค์ที่ถูกตีหัวแตกในชาตินี้ ต้องได้ตีพระอีกองค์มาก่อน
ไม่ในชาติใดก็ชาติหนึ่ง ถ้าจะให้รับโทษที่ทำในชาตินี้ก็จะไม่สิ้นสุดเวรกรรม
ถ้าไม่ถือโทษความผิดในชาตินี้...ก็จะเป็นอันเลิกแล้วต่อกัน
ท่านได้ถามความสมัครใจของพระองค์ที่ถูกตีหัวแตกว่า ต้องการอย่างไร
พระองค์นั้นก็ยินดียกโทษไม่เอาความเป็นอันเลิกแล้วต่อกัน
ท่านว่าจะได้ไม่มีการจองเวรกันต่อไป
เรื่องนี้ท่าน
สอนให้เห็นว่า...เมื่อทำกรรมใดแล้วจักต้องได้รับผลตอบแทนแน่...แม้ข้ามภพข้ามชาติ
ทำกรรมใดจักได้รับผลนั้น ผู้ใดทำผู้นั้นจักได้รับไม่ช้าก็เร็วต้อง ได้รับ
และจะไม่จบสิ้นแม้ไม่มีการเลิกผูกเวร แต่ถ้าเลิกผูกเวรก็จะจบสิ้น เพียงนั้น
การให้อภัยด้วยใจจริงในความผิดของผู้อื่นที่ทำต่อตน จึงเป็นความสำคัญ
เป็นสิ่งที่ควรอบรมให้ยิ่ง
29. การระลึกชาติแสดงถึงความมีภพชาติ
คนระลึกชาติได้ทุกวันนี้ยังมีอยู่
บางคนก็ระลึกได้ตั้งแต่อายุยังน้อยพอพูดได้ ก็บอกได้เป็นเรื่องเป็นราว...
ขอไปหาแม่เก่าพ่อเก่า ที่บ้านนั้นบ้านนี้ บางคนเห็นรูปใครบางคนก็สนใจมากมาย
ถามชื่อ และบางรายก็บอกเล่าเรื่องอดีตเคยใกล้ชิดกับผู้นั้นผู้นี้
เคยเป็นทหารไปร่วมรบในอดีตกาลนานไกล
ที่น่าอัศจรรย์ก็คือ
ที่เด้กชายเล็กๆบางคนเล่าว่าเคยเป็นทหารร่วมรบด้วยกัน
กับสมเด็จพระบุรพบรมกษัตริยาธิราชเจ้าบางพระองค์
ทั้งที่เขายังเป็นเด็กชายไร้เดียงสา เขายังไม่ทันจะรู้ว่าพระมหากษัตริย์ของเขาพระองค์นั้นทรงเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่
และเขาก็ยังบริสุทธิ์เกินกว่าจะคิดแต่งเรื่องราวขึ้นหลอกลวงเพื่อประโยชน์อย่างใด
ผู้ที่ได้ฟังเขาพูดอย่างเด็กทารกไร้เดียงสา จึงยอมรับว่า
เขากำลังระลึกได้ถึงในอดีตชาติของเขา
นี้เป็นตัวอย่างหนึ่ง...ที่แสดงความมีภพชาติในอดีตของคนทั้งหลาย
สัตว์ทั้งหลายในปัจจุบันชาติ
ท่านพระอาจารย์สำคัญองค์หนึ่ง
ที่เป็นพระปฏิบัติ ท่านเดินป่าอยู่เป็นประจำในชีวิตของท่าน
โดยเพื่อนปฏิบัติธรรมร่วมทางไปด้วยบ้างเป็นครั้งคราว
เป็นที่รู้กันดีว่าเมื่อพบช้างในระหว่างทาง
ท้านพระอาจารย์องค์นั้นก็จะต้องเป็นผู้นำเจรจาปราศรัยกับช้าง
ท่านจะพูดจากับช้างใหญ่ด้วยภาษามนุษย์ และท่านจะใช้วาจาไพเราะอ่อนโยนยิ่งนัก
เป็นที่เจริญหู เจริญใจ ช้างก็ฟังท่านโดยดี เมื่อท่านขอให้หลีก...ก็จะหลีก
ขอให้หลบ...ก็หลบ ขอให้ไปให้พ้น...ก็จะไปให้พ้น
ท่านทำได้เช่นนี้โดยที่องค์อื่นทำไม่ได้
เพราะอะไรน่าจะตั้งปัยหานี้ขึ้นและผู้ไม่ปฏิเสธว่าผู้อยู่ในปัจจุบันชาตินั้นมีอดีตชาติ
ย่อมจะยอมคิดว่าท่านพระอาจารย์องค์นั้น
ท่านคงมีอะไรเกี่ยวข้องกับช้างมาแล้วในอดีตชาติ
และจะต้องเกี่ยวข้องกับช้างอย่างสำคัญด้วย
ในชาตินี้ท่านจึงสามารถพูดจากับช้างได้รู้เรื่อง และช้างก็ยินดีอ่อนให้กับท่านอย่างน่าอัศจรรย์นัก
เมื่อคิดเช่นนี้ก็น่าจะคิดต่อไปได้ว่าจากช้างก็มาเป็นมนุษย์ได้
สำหรับผู้มีญานหยั่งรู้ไปในอดีตย่อมรู้ได้ว่า ท่านพระอาจารย์องค์นั้น
ท่านอาจจะเคยเกิดเป็นช้างสำคัญก่อนจะมาเป็นมนุษย์ในภพชาตินี้ก็เป็นได้
และก็เป็นได้อีกเช่นกัน ที่ท่านอาจจะเกิดเป็นช้างอยู่หลายภพหลายชาติ
ในบรรดาภพชาติที่นับไม่ถ้วน
30. อกุศลกรรมนำไปสู่ทุคติ
เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ในภพชาตินี้
และสามารถมีญานหยั่งรู้ภพชาติในอดีตของตนที่เป็นสัตว์
เช่นท่านพระอาจารย์องค์สำคัญที่ท่านเล่าไว้ว่าเคยเกิดเป็นไก่ ย่อมรู้ชัดถึงความแตกต่างระหว่างความเป็นคนกับเป็นสัตว์
ย่อมได้ความสลดสังเวช และย่อมได้ความหวาดกลัวความต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นที่สุด
เพราะได้รู้ชัดด้วยตนเองแล้วว่า การพลาดพลั้งทำกรรมไม่ดี...ไม่ว่าจะในทางกายหรือทางใจ
คือการนำไปสู่ทุคติต่างๆ อันไม่เป็นที่พึงปรารถนาอย่างยิ่ง อันจักก่อให้เกิดความทุกข์ร้อนนานาประการ
การที่อยู่ดีๆก็ถูกจี้ถูกปล้นจนถึงชีวิต
เป็นการต้องตายจากผู้เป็นที่รัก สิ่งที่เป็นที่รักอย่างไม่รู้ตัว
อย่างไม่อาจขอความช่วยเหลือจากผู้ใดได้ ...
ผู้นับถือพระพุทธศาสนารู้ว่า
นั่นเป็นผลของกรรมที่ต้องได้กระทำไว้แล้วในภพชาติใดภพชาติหนึ่ง ซึ่งปุถุชนคนไม่มีญาณพิเศษทั้งหลายหาอาจรู้ชัดไม่ว่า
ได้มีการทำกรรมอันเป็นอกุศลเหตุนั้นตั้งแต่เมื่อใด และจะส่งผลเมื่อใด
31. ทุกชีวิตผ่านภพชาติในอดีตมากมาย
แต่ผู้ปฏิบัติธรรมจนสามารถมีความรู้สึกพิเศษจะรู้ได้
และบางทีก็ได้แสดงให้รู้ล่วงหน้า
เช่นที่พระอาจารย์สำคัญองค์หนึ่งท่านได้ปรารภให้ได้ยินกันเนืองๆว่า
ในอดีต...ท่านเคยขับเกวียนทับเด็กตายโดยจงใจเจตนา
ดังนั้นท่านจะต้องได้รับผลกรรมนั้น
คือจะต้องถูกรถชนจนเสียชีวิตแน่ในภพชาตินี้
ท่านปรารภอยู่นานปี และแล้ววันหนึ่ง ท่านก็เตรียมตัวออกเดินทางจากดวัด
เมื่อถูกทักท้วงว่า
รุ้วขึ้นจึงจะถึงวันที่ท่านได้รับอ่ราธนาไปในการทำบุญที่บ้านหนึ่ง
ท่านก็ตอบง่ายๆตรงไปตรงมาว่า ถึงเวลานั้นแหละ ถูกแล้ว
ไม่มีผู้เข้าใจความหมายของท่าน
และในวันนั้นเอง
เมื่อออกไปพ้นวัดเพียงไม่นาน รถที่ท่านนั่งไปก็คว่ำ...ทับร่างท่านมรณภาพทันที
ท่านมรณภาพองค์เดียว คนอื่นทุกคนปลอดภัย หลังจากนั้นไม่กี่วันได้มีการทำศพท่าน
ปรากฏว่าอัฐิของท่านที่ยังไม่ทันเย็นสนิทได้กลายเป็นมณีสีสวยงามต่างๆกัน
ที่รู้จักกันดีในบรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลายว่า นั่นคือ
พระธาตุ...เครื่องหมายแสดงความไกลกิเลสสิ้นเชิงแล้ว พระอาจารย์องค์นี้ท่านไม่เพียงแสดงให้เห็นอำนาจของกรรมที่ผู้ใดได้ทำแล้ว
จักต้องได้รับผล แม้จะปฏิบัติธรรมสูงสุดก็ยังหนีไม่พ้น
ท่านยังแสดงให้เข้าใจด้วยว่า ทุกชีวิตผ่านภพชาติในอดีตมาแล้ว
จะต้องผ่านมามากมายด้วยกันทั้งนั้น
32. มือแห่งบุญ มือแห่งบาป
เป็นที่เห็นกันอยู่ว่า
ทุกคนมีชีวิตที่มิได้ราบรื่นเสมอไป ไม่มีสุขตลอดชีวิต ไม่มีทุกข์ตลอดชีวิต
ไม่พบแต่สิ่งดีงามตลอดชีวิต ไม่พบแต่สิ่งที่ดีงามตลอดชีวิต
ไม่พบแต่สิ่งชั่วร้ายตลอดชีวิต แต่ละคนพบอะไรๆทั้งดีทั้งร้าย หนักบ้างเบาบ้าง
โดยที่บางทีก้ไม่เป็นที่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องเป็นเช่นนั้น เช่น
บางคนเกิดในครอบครัวที่ต่ำต้อย...ลำบากยากจน
พอเกิดได้ไม่นาน...เงินทองจำนวนมากก็เกิดในครอบครัว เป็นลาภลอยของมารดาบิดาบ้าง
เป็นความได้ช่องได้โอกาสทำธุรกิจการงานบ้าง ใครๆก็ต้องพูดกันว่า
ลูกที่เกิดใหม่นั้นเป็นผู้มีบุญ ทำให้มารดาบิดามั่งมีศรีสุข
ถ้าไม่คิดให้ดี...ก็เหมือนจะเป็นการพูดไปเรื่อยๆไม่มีมูลความจริง
และทั้งผู้พูดผู้ฟังก็มักจะไม่ใส่ใจพิจารณาให้เความรู้สึกลึกซึ้งจริงจัง
แต่ถ้าพิจารณากันให้จริงจังด้วยการคำนึงถึงเรื่องกรรม
และการให้ผลของกรรมก็น่าจะเชื่อได้ว่า เด็กที่เกิดใหม่นั้น...เป็นผู้มีบุญมาเกิด
ผู้มีบุญ
คือ ผู้ที่ทำบุญกุศลทำคุณงามความดีไว้มากในอดีตชาติ
อันความเกิดขึ้นของผู้มีบุญนั้น ย่อมเกิดขึ้นพร้อมกับมีบุญห้อมล้อมรักษา
แม้ชนกกรรมนำให้เกิดจะนำให้เกิดลำบาก แต่เมื่อบุญที่ทำไว้มากกว่ากรรมไม่ดีที่นำให้ลำบากก็จะต้องถุกตัดรอนด้วยอำนาจของกุศลกรรม
คือบุญอันยิ่งใหญ่กว่า คือเกิดมามารดาบิดายากจน
มือแห่งบุญก็จะต้องเอื้อมมาโอบอุ้มให้พ้นจากความลำบากยากจน
ให้มั่งมีศรีสุขควรแก่บุญที่ได้ทำไว้
ผู้ที่เกิดในที่ลำบากยากจน
แต่เมื่อมีบุญเก่าได้กระทำไว้มากมายเพียงพอ มือแห่งบุญก็จะเอื้อมมาโอบอุ้มให้พ้นความยากลำบากได้อย่างรวดเร็ว
พ้นจากความยากจนดังปาฏิหารย์ มีตัวอย่างให้เห็นอยู่...
เด็กบางคนทำบุญทำกุศลไว้ดี แต่ชนกกรรมนำให้เกิดกับมารดาบิดาที่ยากแค้นแสนสาหัส
พอเกิดมารดาบิดาก็หาทางช่วยให้ลูกพ้นความเดือดร้อน
นำเอาไปวางไว้หน้าบ้านผู้มั่งมีศรีสุขที่รู้กันว่าเป็นผู้มีเมตตา
แล้วเด้กนั้นก็ได้เป็นสุขอยู่ในความโอบอุ้มของมือแห่งบุญ
ควรแก่บุญที่เขาได้กระทำไว้
แต่เด็กบางคนเกิดในที่ต่ำต้อยยากไร้
และเป็นผู้ที่มิได้ทำบุญทำกุศลมาในอดีตชาติเพียงพอ
ย่อมไม่มีมือแห่งบุญมาโอบอุ้มเขาให้พ้นความลำบากยากจน แม้เมื่อมารดาบิดาจะพยายามเสี่ยงนำเขาไปวางไว้ในที่ที่หวังว่าจะมีผู้ดีมีเงินมานำไปอุปการะเลี้ยงดู
ความไม่มีบุญทำไว้ก่อน...ทำให้ไม่เป็นไปดังความปรารถนาของผู้เป็นบิดามารดา
เขาอาจจะถูกทิ้งอยู่ตรงที่ที่ถูกนำไปวางและสิ้นชีวิตไป ณ ที่นั้น
อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย อาจจะทรมานด้วยความหนาว ความร้อน ความหิว
โดยหาผู้ช่วยเหลือไม่ได้และผู้เป็นมาดาก็อาจถูกจับไปรับโทษอาญา...นั่นเป็นเรื่องอำนาจอันยิ่งใหญ่นักของกรรมอย่างแท้จริง
33. ผู้มีปัญญากลัวกรรมเป็นยิ่งนัก
อดีตชาติของทุกคนมีมากมายนัก
จึงได้ทำกรรมกันไว้มากมายนัก กุศลกรรมบ้าง อกุศลกรรมบ้าง
ชีวิตในปัจจุบันจึงมีดีบ้างไม่ดีบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง คนมั่งมีเป็นมหาเศรษฐี...ก็ด้วยอำนาจของกุศลกรรม
คือการบริจาคช่วยเหลือเจือจุนผู้อื่นที่ได้กระทำไว้ในอดีตชาติ
เมื่อกุศลกรรมคือการคดโกงเบียดเบียนทรัพย์สินให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน
ที่ได้กระทำไว้ในอดีตชาติตามมาส่งผล และเมื่อเป็นผลที่แรงกว่า
มีกำลังกว่ากุศลกรรมที่กำลังเสวยผลอยู่ อกุศลกรรมก็จะตัดรอนกุศลกรรม
ส่งผลไม่ดีของอกุศลกรรมให้เกิดแทน ความมั่งมีรก็จะกลับเป็นความไม่มี
เงินทองของมีค่าจะสูญหายหมดไป
อกุศลกรรมแรงมาก...ก็จะสามารถทำให้มหาเศรษฐีสิ้นเนื้อประดาตัวได้
ที่กำลังเป็นสุขก็จะกลับเป็นทุกข์เดือดร้อน อำนาจของกรรมเป็นเช่นนี้จริง
ผู้มีปัญญาจึงกลัวกรรมยิ่งกว่าอะไรอื่น...กลัวเพราะรู้ว่า
เมื่อทำกรรมไม่ดีไว้แล้ว...ต้องได้รับผลไม่ดี และเมื่อถึงเวลาที่กรรมส่งผลไม่ดีมาถึงตัวแล้ว
แม้ตั้งแต่เกิดมาในชาตินี้จะไม่เคยทำกรรมไม่ดีเช่นนั้น ก็จะต้องได้รับผลไม่ดี
ที่อาจทำให้พิศวงสงสัยจนมาถึงมากจนเป็นมิจฉาทิฐิ...ความเห็นผิด
คือเห็นไปว่าทำดีไม่ดีได้ ซึ่งความจริงไม่ใช่เช่นนั้น ทำดี...ต้องได้รับผลดีเสมอ
ทำไม่ดี...จึงจะได้รับผลไม่ดี
34. ไม่มีอะไรยับยั้งการส่งผลของกรรมได้
เพียงในชาติปัจจุบันนี้เท่านั้น...มีอายุกันเพียงอย่างมากร้อยปีเท่านั้นทุกคน
ทุกสัตว์ ต่างก็ทำกรรมมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน เป็นกรรมดีคือกุศลกรรมบ้าง
เป็นกรรมชั่วคืออกุศลกรรมบ้าง มากมายจริงๆ
เพียงทำในชาติเดียวก็มากมายจริงๆ แล้วเมื่อได้ทำมานับภพนับชาติไม่ถ้วนจะมากมายเพียงไหน
ขณะที่มาเป็นอยู่ในภพนี้ชาตินี้...ได้ละภพชาติ
ในอดีตที่ทำกรรมเอาไว้เบื้องหลังมากนักหนา กรรมดีกรรมชั่วอาจไม่เสมอกัน
บางคนกรรมดีมากกว่า บางคนกรรมชั่วอาจมากกว่า
บางคนทำกรรมดีที่ไม่สำคัญ
ไม่ยิ่งใหญ่ แต่ทำกรรมไม่ดีที่สำคัญหนักนักหนา
เช่นนี้...ย่อมได้เสวยผลตามเหตุคือ
ในภพชาตินี้ย่อมประสบส่วนดีน้อยกว่าส่วนไม่ดี ส่วน ผู้ที่ทำกรรมดีมาก
ทำกรรมดีไม่น้อย เช่นนี้...ย่อมได้เสวยผลตามเหตุ
คือในภพชาตินี้ย่อมประสบส่วนดีมากว่าส่วนไม่ดี
ดังมีตัวสอย่างให้พบเห็นอยู่ทั่วไปในทุกวันนี้
เมื่อกรรมดีจะส่งผล...ก็ไม่มีอะไรหรือผู้ใดจะกีดกั้นยับยั้งได้
กรรมดีที่แรงกว่าเท่านั้น ที่จะกีดกั้นขัดขวางได้ ไม่ให้กรรมไม่ดีอาจส่งผล
แต่ถ้ากรรมดีแรงกว่ากรรมไม่ดี กรรมดีก็ต้องส่งผลจนได้ กรรมไม่ดีหาอาจขัดขวางได้ไม่
อะไรๆก้หาอาจขัดขวางได้ไม่
เมื่อกรรมไม่ดีจะส่งผล...ก็ไม่มีอะไร
หรือผู้ใด จะกีดกั้นยับยั้งได้ กรรมดีที่แรงกว่าเท่านั้นที่จะกีดกั้นขัดขวางได้
ไม่ใหก้กรรมไม่ดีอาจส่งผล แต่ถ้ากรรมไม่ดีแรงกว่ากรรมดี กรรมไม่ดีก็ต้องส่งผลจนได้
กรรมดีหาอาจขัดขวางได้ไม่ อะไรๆก้หาอาจขัดขวางได้ไม่
35. เมื่อรู้ความจริงว่าชีวิตนี้น้อยนัก
ย่อมไม่ประมาทและพยายามหนีให้พ้นกรรม
ชีวิตนี้น้อยนัก
คือ ชีวิตในภพภูมินี้ ในชาตินี้
น้อยกว่าชีวิตที่ผ่านมาแล้วในอดีตชาติมากมายอย่างไม่อาจประมาณได้ถูกถ้วน
ผู้มีปัญญาเมื่อนึกถึงความจริงนี้
ย่อมไม่ประมาท ย่อมเห็นภัยที่จะตามมา เป็นภัยที่จักเกิดแต่กรรมทั้งหลาย ที่ได้ประกอบกระทำไว้ด้วยตนเองในอดีตชาติที่มากมายพ้นประมาณ
ย่อมพยายามหนีให้พ้น...หนีให้กรรมไม่ดีตามไม่ทัน
หรือไม่ก็พยายามสร้างกำลังที่จะเอาชนะความแรงของกรรมไม่ดีให้ได้
เพื่อไม่ต้องรับผลของกรรมไม่ดี ที่อาจร้ายแรงทำความชอกช้ำให้แก่ชีวิตได้เป็นอันมาก
ผู้ที่มุ่งแต่จะได้ในชาตินี้
โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม...เป็นการทำกรรมไม่ดีเป็นส่วนใหญ่
เท่ากับให้โอกาสกรรมไม่ดีในอดีตชาติที่ได้สั่งสมไว้
ให้ตามส่างผลทันในชาตินี้ง่ายเข้า และส่งผลได้แรงเต็มที่ง่ายเข้า
โดยไม่มีกรรมดีเพียงพอจะช่วยเหลือยับยั้ง หรือผ่อนคลายให้เบาลง
36.
มีจิตใจเชื่อมั่นต่อพระพุทธเจ้าอย่างมั่นคง
ผู้ได้รับอะไรๆร้ายแรงต่างๆ
เช่น เสียสติบ้าคลั่งอย่างไม่ทันจะได้รู้ตัว ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงถึงเสียชีวิต
หรือไม่ก็เสียหมดทั้งครอบครัว หรือประสบหายนะ สิ้นเนื้อประดาตัว
ต้องเศร้าโศกเสียใจจนขาดสติ เป็นต้น
ผลของกรรมไม่ดีเช่นนี้...แม้จะติดตามทุกคนผู้ทำเหตุแห่งกรรมไม่ดีนั้นอยู่
แต่ก็อาจไม่สามารถตามทัน...ถ้าผู้นั้นจะพยายามวิ่งหนีอยู่เต็มสติปัญญาเต็มความสามารถ
พลังสำคัยประการหนึ่ง
ที่จะช่วยให้สามารถหนีพ้นมือแห่งกรรมไม่ดีที่ติดตามตะครุบอยู่ได้ และเป็นพลังที่จะสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ไม่ยาก
คือ การนึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงพุทโธ นึกไว้ให้คุ้นเคย
ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับใจ สิ่งใดที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
หมายถึงความจะไม่อาจแยกจากกันได้เลย...ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม จะสุข จะทุกข์ จะเป็น
จะตาย ใจก็จะมีพุทโธ พุทโธ...จะมีอยู่ในใจ
กรรมดีก็ตาม
กรรมไม่ดีก็ตาม
เมื่อจะส่งผลจะต้องมีสื่อมีเครื่องมือเป็นเครื่องนำให้ถึงผู้จะต้องรับผลกรรมนั้น...ทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดี
เช่น คนเมาสุรา ขับรถพุ่งเข้าชน
ผู้จะต้องรับผลกรรมก็จะถูกรถนั้นชนถึงตาย หรือถึงพิการ หรือบาดเจ็บสาหัส
ต้องเสียเงินทองรักษาพยาบาลมากมาย คนเมาสุราที่ขับรถพุ่งเข้าชน
คือเครื่องมือแห่งกรรมซึ่งมีสุราเป็นเครื่องมือบังคับให้พุ่งตรงจุดหมายได้
คือให้กรรมส่งผลได้สำเร็จ หรือที่เรียกว่าให้กรรมตามทันเ
แต่แม้ผู้ที่กรรมนั้นตามอยู่
เป็นผู้ที่กำลังวิ่งหนีกรรมไม่ดีอยู่เต็มกำลังด้วยการทำความดีต่างๆ
มีการท่องพุทโธให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับใจ เป็นต้น
พุทโธอันเป็นยอดของความดี...ก็จะเปรียบได้ดังพลังจิตอันแรงกล้าของนักสะกดจิต
ที่สะกดผู้ขับรถซึ่งกำลังมึนเมาด้วยฤทธิ์สุรา ให้หยุดรถเสียทันที
ก่อนจะทันพุ่งเข้าชนเป้าหมายที่กรรมตามอยู่
ความสวัสดีย่อมมีแก่ผู้ที่กรรมตามติดอยู่นั้นอย่างเป็นที่น่าอัศจรรย์นัก
37. ผู้มีสัมมาทิฐิ ความเห็นชอบ
ย่อมไม่ปฏิเสธในสิ่งที่ไม่มีทางเสียหาย
อันกรรมไม่ดีนั้น...มีคู่ที่มักจะใช้ด้วยกัน
ซึ่งมีความหมายในทางไม่ดี คือเจ้ากรรมนายเวร
ผู้มีสัมมาทิฐิย่อมไม่ปฏิเสธความเชื่อที่มีอยู่ว่าเจ้ากรรมนายเวรนั้นมี
ไม่ใช่ไม่มี
เจ้ากรรมนายเวร คือ ผู้ที่ถูกทำร้ายก่อน และผูกอาฆาตจองเวร
แม้ไม่อาฆาตจองเวรก็ไม่เป็นเจ้ากรรมนายเวรคือไม่เป็นผู้คิดร้าย
ไม่ติดตามทำร้ายให้เป็นการตอบสนองหรือที่เรียกกันว่าแก้แค้น
ผู้มีสัมมาทิฐิ...ความเห็นชอบประกอบด้วมสัมมาปัญญา
แม้จะไม่เห็นหน้าตาของเจ้ากรรมนายเวร
แต่ย่อมไม่ประมาท
ไม่ว่าเป็นสิ่งไม่มี และย่อมไม่เห็นเป็นความเหลวไหล ไม่มีเหตุผล
ที่ท่านสอนให้ทำบุญอุทิศท่านผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวร
เช่นเดียวกับท่านผู้เป็นมารดาบิดา บุพการี ผู้มีพระคุณทั้งปวง
อะไรที่ไม่มีทางเสียหาย มีแต่เป็นทางได้หรือเสมอตัว ผู้มีปัญญาย่อมทำ
ย่อมไม่ปฏิเสธ
เหตุที่ต่างก็มีภพชาติมานับไม่ถ้วนในอดีต
ต่างก็ทำกรรมทั้งดี และไม่ดีไว้นับไม่ถ้วนเช่นกัน ในภพชาติทั้งหลายนั้น
เจ้ากรรมนายเวรที่ได้ไปก้ำเกินเบียดเบียนทำร้ายไว้ก็ย่อมมีไม่น้อยเช่นกัน
ทำนองเดียวกับผู้เป็นมารดา บิดา บุพการี ผู้มีพระคุณ ก็ต้องมีมากมายเช่นกัน
ชาตินี้แม้จะไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเป็นใครต่อใครบ้าง แต่ก็พึงยอมรับว่า มีอยู่ทั้งในภพภูมิที่พ้นความรู้เห็นของผู้ไม่มีความสามารถ
และทั้งที่อยู่ในภพภูมิเดียวกับเราทั้งหลายนี้ด้วย
ทั้งเจ้ากรรมนายเวรและผู้มีพระคุณ
38. ตั้งใจจริงที่จะขอโทษและตอบแทน
ต่อเจ้ากรรมนายเวร ด้วยการอุทิศบุญกุศล
เมื่อจะขอโทษท่านผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวร
ก็พึงทำเช่นเดียวกับเมื่อจะตอบแทนพระคุณท่านผู้มีพระคุณ
คือทำบุญทำกุศลด้วยความตั้งใจจริงที่จะอุทิศให้ แล้วตั้งใจจริงบอกกล่าวให้รับรู้
ให้ยอมรับในความมีเจตนาจริงใจที่จะขอโทษและตอบแทน
การบอกกล่าวด้วยใจจริงเช่นนี้ต่อผู้ไม่มีตัวตนปรากฏให้เห็นเช่นนี้...ไม่ใช่ความหลง
ไม่ใช่ความไร้เหตุผล แต่เป็นความปฏิบัติที่ถูกต้อง และจะได้ผล
อาจพาพ้นมือแห่งกรรมไม่ดีที่ตามอยู่ได้
การทำบุญทำกุศล
แม้จะไม่ปรารถนาให้เกิดผลแก่ตนเองโดยตรง ผลก็ย่อมเกิดแน่นอนอยู่แล้ว
ดังนั้น
ในการทำบุญทำกุศลทุกครั้ง จึงพึงทำใจให้กว้าง เอื้ออาทรไปถึงผู้อื่นทั้งนั้น ที่แม้ว่าจะอยู่ต่างภพภูมิกัน
ก็ตั้งใจอุทิศให้อย่างจริงใจให้ด้วยสำนึกในพระคุณที่ได้รับจากผู้มีพระคุณทั้งหลาย
ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม
ค่อยๆคิด
ค่อยๆบอกกล่าว แสดงความจริงใจให้อ่อนโยนไพเราะด้วยถ้อยคำ
จะเกิดผลยิ่งกว่าใช้ถ้อยคำและจิตใจที่ไม่ไพเราะจริงใจ ไม่ใช่มนุษย์เท่านั้นที่ชอบความอ่อนโยนความไพเราะจากใจจริง
ผู้ต่างภพภูมิทั้งหลายก็มิได้แตกต่างออกไป
ใจหรือจิตของมนุษย์ก็เป็นใจหรือจิตดวงเดียวกัน
เมื่อมนุษย์ละชาตินี้ไปสู่ภพชาติอื่นภพภูมิอื่นแล้วพึงระลึกถึงความจริงนี้
39. กรรมที่หนักกว่า จักส่งผลแก่ชีวิตก่อน
การส่งผลของกรรมดีและกรรมไม่ดีนั้น...ข้ามภพข้ามชาติได้
กรรมในอดีตชาติส่งผลมาทันในปัจจุบันชาติก็มี
ไปส่งในถึงอนาคตของชาติก็มี แล้วแต่ผู้ทำกรรมจะสามารถหนีได้ไกลเท่าไร
หรือหนีได้นานเท่าไร ก็คือแล้ว
แต่ว่าในปัจจุบันชาติ...ผู้ทำกรรมแล้วในอดีตชาติจะสามารถในการทำจิตใจ ทำบุญทำกุศล
หรือว่าทำความดีได้มากเพียงไหน เป็นกรรมที่ใหญ่ยิ่งหนักหนากว่ากรรมไม่ดีหรือไม่
การให้ผลกรรมก็เช่นเดียวกับการตกจากที่สูงของวัตถุ
สิ่งใดหนักกว่า...เมื่อตกลงจากที่เดียวกัน
ในเวลาใกล้เคียงกัน...สิ่งนั้นย่อมถึงพื้นก่อน
เปรียบดังกรรมสองอย่าง
คือกรรมดีและกรรมไม่ดี กระทำในเวลาใกล้เคียงกัน
กรรมที่หนักกว่า...ไม่ว่าจะเป็นกรรมดี หรือกรรมไม่ดีก็ตาม...ย่อมส่งผลก่อน
กรรมที่เบากว่า...ย่อมส่งผลทีหลัง และย่อมส่งผลทั้งสองแน่นอน ไม่เร็วก็ช้า ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ไม่ชาติหน้าก็ชาติต่อไป ต่อไป ต่อไป
อาจจะอีกหลายภพชาติก็ได้ เพราะกรรมไม่ใช่สิ่งที่จะลบเลือนได้ด้วยกาลเวลา
นานเพียงไร...กรรมก็ยังให้ผลอยู่เสมอ กรรมจึงมีอำนาจเหนืออำนาจทั้งปวง
40. พระพุทธองค์รับรองว่า “ชาติอนาคต” มีแน่
ท่านพระอาจารย์สำคัญองค์หนึ่ง
ท่านปรารถนาพุทธภูมิคือปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ครั้นมาระลึกชาติได้ว่า
เคยเกิดเป็นไก่หลายร้อยหลายพันชาติ ก่อนที่จะได้มาเป็นมนุษย์ในชาตินี้
ท่านก็ฌปลี่ยนความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธะมาเป็นพระผู้ไกลกิเลส...ไมใต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป
เพราะท่านสลดสังเวชชีวิตที่ผ่านมาแล้วมากมาย
และหวาดเกรงชีวิตที่จะต้องพบอีกต่อไปนับภพนับชาติไม่ถ้วน กว่าจะถึงจุดปรารถนา
คือพุทธภูมิซึ่งมิใช่ว่าจะไปถึงกันได้โดยง่ายโดยเร็ว
จะต้องใช้เวลานานแสนนานในอีกหลายร้อยหลายพันภพภูมิ
โดยไม่อาจรู้ได้ว่า...กรรมจะนำให้ไปเป็นอะไรลำบากยากเข็ญอย่างไร
ซึ่งสำหรับผู้รู้แจ้งในอดีตชาติของท่านแล้ว
ก็เกิดความกลัวยิ่งนัก ด้วยความพากเพียรพยายามสุด
สติปัญญาความสามารถที่จะตัดภพตัดชาติอนาคตให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว
ในที่สุดก็เชื่อกันว่าท่านพระอาจารย์สำคัญองค์นั้นท่านก็สำเร็จประสงค์
ถึงความพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิงได้ในภพภูมิปัจจุบัน
ครูอาจารย์สำคัญๆท่านรับรอง และพระพุทธเจ้าทรงรับรองว่า
ชาติในอนาคต...มีอยู่สำหรับผู้ยังไม่สามารถทำกิเลสให้หมดสิ้นได้และการทำกิเลสให้หมดสิ้นนั้น
คนเป็นจำนวนมากทำไม่ได้ในเวลาอันสั้น
ทั้งยังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่สนใจจะทำให้กิเลสหมดสิ้น
ยังเกลือกลั้วอยู่กับกิเลสอย่างหลงผิด ดังนั้นภพชาติสำหรับคนเหล่านี้ยังมีอยู่มากมายนักหนา
ใช้เวลานานแสนนอนนับภพนับชาติหาได้ไม่ โอกาสที่กรรมจะตามไปถึงจึงมีจำนวนมากมายนัก
ไม่วันใดวันหกนึ่ง ไม่ชาติใดชาติหนึ่ง
41. พึงทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้อนาคตต้องเป็นทุกข์
อย่าคิดผิดว่า
เมื่อถึงวันนั้นเวลานั้น ก็จะจำไม่ได้แล้วว่าเราเป็นเรา อะไรเกิดขึ้นก็ไม่เดือดร้อน
ความคิดเช่นนี้อาจจะเกิดแก่เราแล้วในอดีตชาติ
และมาในปัจจุบันเมื่อต้องพบกับความเดือดร้อน... เราก็เดือดร้อน
มิใช่ว่าเราไม่เดือดร้อน ทั้งที่ไม่ใช่ว่าเรา จะจำไดเว่าเราเป็นเรา
ไม่ว่าจะเกิดเป็นใคร เป็นอะไร เมื่อใด ภพชาติไหนก็ตาม เมื่อเป็นทุกข์ก็ต้องเป็นทุกข์
เมื่อเป็นสุขก็ต้องเป็นสุข จึงไม่ควรประมาทอย่างยิ่ง
จึงควรพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ในอนาคตต้องเป็นทุกข์
หรือเพื่อไมท่ให้กรรมไม่ดีที่ทำไว้ตามทัน ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม
42. ชีวิตนี้สำคัญนัก
พึงใช้ให้เป็นประโยชน์ให้สมกับความสำคัญ
ชีวิตนี้แม้น้อยนัก
แต่ก็เป็นความสำคัญนัก สำคัญยิ่งกว่าชีวิตในอดีตและชีวิตในอนาคต
ที่ว่า “ชีวิตนี้”ก็คือชีวิตในชาติปัจจุบันนี้สำคัญ
ก็เพราะในชีวิตนี้...”เราสามารถหนีกรรมไม่ดีที่ทำไว้ในอดีตได้
และสามารถเตรียมสร้างชีวิตในอนาคตให้ดีเลิศเพียงใดก็ได้ หรือตกต่ำเพียงใดก็ได้”
ชีวิตในอดีตล่วงเลยแล้วทำอะไรอีกไม่ได้ต่อไปแล้ว ชีวิตในอนาคตก็ยังไม่ถึง
ยังทำอะไรไม่ได้
เช่นนี้กล่าวได้ว่า
“ชีวิตนี้สำคัญนัก”
พึงใช้ชีวิตนี้ให้เป็นประโยชน์ให้สมกับความสำคัญของชีวิตนี้ ชีวิตนี้น้อยนัก...แต่มีความสำคัญนักด้วยเหมือนกัน
ถ้าชีวิตนี้ไม่วิ่งหนีกรรมไม่ดีในอดีต ชีวิตนี้ก็จะรับผลกรรมไม่ดี
ถ้าวิ่งหนีก็จะพ้นได้ กรรมไม่ดีจะตามทันหรือไม่ขึ้นอยู่กับชีวิตนี้
ยิ่งกว่านั้นถ้ากรรมตามทันในชีวิตนี้ ก็จะตามต่อไปได้อีกในชีวิตอนาคต กรรมไม่ดีที่ทำไว้ในอดีตมากมายอาจจะตามไม่ทันตลอดไปก็ได้
ถ้าทำชาตินี้ให้ดีที่สุด
43. ความเป็นไปได้ มีอยู่สำหรับทุกชีวิต
ดูภาพผู้คนในบางประเทศ
ที่อดอยากแสนสาหัส หน้าตาแทบจะไม่เป็นคน เหมือนโครงกระดูกเดินได้
เด็กเล็กๆน่าสงสาร ไม่มีเนื้อมีแต่หนังหุ้มกระดูก
ผู้ใดเห็นผู้นั้นก็สลดใจอย่างยิ่ง สงสารอย่างยิ่ง เมื่อเกิดความรู้สึกเช่นนั้น
ก็พึงนึกถึงตนเอง ใครเล่าจะรับรองได้ว่า...เมื่อตายไปจากภพชาตินี้แล้ว
จะไม่ไปเกิดในประเทศนั้น จะไม่ไปมีสภาพเช่นโครงกระดูกเดินได้
อยู่ด้วยความอดอยากยากแค้นเช่นนั้น
ใครเล่าจะรับรองได้ว่า
ในอดีตชาติเราไม่ได้เป็นคนคับแคบ ไม่เคยทำบุญให้ข้าวปลาอาหารแก่ใครเลย
มารดาบิดาผู้แก่ชรา...ก็หาได้สนใจให้ข้าวให้น้ำ ให้มีความสุขอิ่มหนำสำราญไม่
ยิ่งเป็นสัตว์หมาแมวด้วยแล้ว...ไม่เคยเมตตาปราณี ให้ข้าวสักเม็ด ให้น้ำสักหยด
เมื่อไม่รู้ตัวว่าเคยเป็นเช่นนี้มาก่อนในอดีตชาติ ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอนาคต
เราจะต้องไปมีสภาพอดอยากจนเป็นโครงกระดูกเดินได้หรือไม่
ความเป็นไปได้มีอยู่สำหรับทุกคน
เพราะทุกคนได้ทำกรรมไว้เป็นอันมากต่างๆกัน
อันอาจจะเป็นเหตุให้ต้องอดอยากยกแค้นอย่างแสนสาหัส ตั้งแต่ที่เริ่มลืมตามาเห็นโลก
ไปเกิดในประเทศที่เรียกกันว่าเป็นนรกในโลก
44. ชีวิตนี้เท่านั้น ที่มีโอกาสวิ่งหนีกรรม
อย่าประมาท
อย่ามั่นใจว่า อนาคตสำหรับเราจะไม่เป็นเช่นนั้น
กรรมเช่นนั้นอาจจะวิ่งไล่เรามาโดยที่เราไม่รู้ไม่เห็น
แม้ไม่ประมาท...ต้องวิ่งหนีให้สุดกำลังความสามารถ
ชีวิตนี้เท่านั้นที่เราจะพบทางหนีได้
และชีวิตนี้ก็น้อยนัก...มัวผัดวันประกันพรุ่งไม่ได้ พ้นจากชาตินี้ไปแล้ว
จะไม่มีโอกาสดีให้วิ่งหนีกรรมได้อีกเลย
เมื่อชีวิตนี้น้อยนัก...ผู้มีปัญญา
มีสัมมาทิฐิ ก็คิดไปทางหนึ่ง ผู้เบาปัญญา...มีมิจฉาทิฐิ ก็คิดไปทางหนึ่ง
พวกผู้มีปัญญา
มีสัมมาทิฐิคือความเห็นชอบ ก็จะคิดได้ว่าชีวิตนี้สั้น...อีกไม่เท่าไรก็จะต้องตาย
ตายแล้วก็เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ เอาไปได้ก็แต่บุญบาป
หรือเอาไปได้แต่ความดีความชั่วเท่านั้น พวกผู้มีปัญญาคิดเช่นนี้จึงเร่งทำความดี
ส่วนพวกผู้เบาปัญญา
มีมิจฉาทิฐิความเห็นผิดก็จะคิดว่า ชีวิตนี้สั้น...อีกไม่เท่าไรก็จะต้องตาย
มีวิธีใดจะให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองก็ต้องรีบหาไม่มัวคำนึงว่า
จะผิดหรือถูกผิดก็ช่าง ให้ได้ก็พอใจ พวกผู้เบาปัญญาคิดเช่นนี้
จึงทำบาปทำความไม่ดีได้เสมอ
ชีวิตนี้สำหรับบุคคลสองประเภทดังกล่าว
มีคุณ มีโทษแก่สองฝ่ายแตกต่างกัน เป็นตามทิฐิคือความเห็นดังกล่าว
45. พุทธวิธีพาชีวิตหนีให้พ้นจากมือแห่งกรรม
อย่าเป็นผู้มีมิจฉาทิฐิที่โฉดเขลาเบาปัญญาเลย
เพราะว่าจะทำชีวิตนี้ให้สูญเปล่า ไม่อาจหนีพ้นมือที่น่าสะพรึงกลัวแห่งกรรมไม่ดี
ไม่อาจได้เข้าไปอยู่ในโอบอุ้มทะนุถนอมของมือที่อบอุ่นแห่งบุญคือกรรมดี
โอกาสอันดีที่มีอยู่น้อยนัก เพียงชั่วชีวิตอันน้อยนักนี้ก็จะผ่านไปอย่างไม่อาจเรียกกลับคืนได้
กรรมไม่ดีที่ทำไว้แน่ก็จะแห่ห้อมเข้าประชิด แล้วอะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตนี้...
ชีวิตของผู้ที่ไม่รู้จักวิ่งหนีกรรม
มาเป็นผู้มีสัมมาทิฐิเถิด
ชีวิตอันน้อยนี้จะได้ไม่สูญเปล่า จะได้สามารถใช้ชีวิตให้เป็นประโยฃน์ยิ่งใหญ่ได้
คือ หนีไกลจากกรรมไม่ดีได้ กรรมไม่ดีที่กำลังติดตามเราทุกคนอยู่นั้นมีมากมายนัก
ทั้งที่หนักและเบา ทั้งที่ทรมานชีวิตเราไม่หนักนักหนา
ทั้งที่จะทรมานเราจนแทบว่าจะรับไม่ไหว และทั้งที่เราอาจจะรับไม่ไหวจริงๆด้วย
คิดดี
พูดดี ทำดี เพียงทำสามประการนี้ให้สม่ำเสมอ ตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน
ก็สามารถหนีมือแห่งกรรมไม่ดีได้ มือแห่งกรรมที่ไม่ดีจะไม่สามารถตะครุบไว้ในอำนาจได้
บาปกรรมใดๆแม้ได้กระทำไว้ตั้งแต่อดีตชาติจะไม่อาจตามสนองได้ง่ายๆในภพชาตินี้
อย่างมากก็เพียงไล่ตามตะครุบอยู่อย่างหมายมั่นจะทำให้สำเร็จเท่านั้น ถ้าคิดดี
พูดดี ทำดี เสมอ
46. อำนาจร้ายแรงแห่งกรรม
ทุกวันนี้
มีตัวอย่างผู้ที่ถูกมือแห่งกรรมตามทันจับได้มากมาย
คนสวยคนงามถูกมือของกรรมร้ายทำให้กลายเป็นคนสิ้นสวยสิ้นงาม
ทนความรู้สึกของตนเห็นรูปลักษณ์ของตนด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
บางคนแขนขาบริบูรณ์...ถูกมือของกรรมร้ายทำให้กลายเป็นคนเหลือขาครึ่งเดียวบ้าง
ข้างเดียวบ้าง
บางคนมีลูกรักดังดวงใจ
ลูกออกจากบ้านไปแล้ว ก็ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย
มือของกรรมร้ายปลิดชีวิตของเขาแล้วอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต...กลายเป็นศพคอขาดก็มี
ไส้ทะลักก็มี
คนบางคนหลับอยู่ในบ้านเรือนของตน
ด้วยความรู้สึกปลอดภัยแท้ๆ แต่ก็กลับมีมือของกรรมร้ายเอื้อมเข้าไปห้ำหั่นถึงฟูก
ถึงหมอน เสียเลือดเสียเนื้อและเสียชีวิต นี้คือ “อำนาจร้ายแรงแห่งกรรม”
47.
ไม่มีผู้ใดได้รับสิ่งที่ตนไม่ได้ทำไว้ด้วยตนเอง
ดังที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต
ท่านตัดสินความระหว่างสององค์ว่า องค์ที่ถูกทำร้ยเป็นผู้ที่ทำร้ายก่อน ผู้ไม่เข้าใจเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรม
ก็จะคิดว่าสมเด็จฯท่านไม่ยุติธรรม ตัดสินเข้าข้างคนผิด
แต่ผู้เข้าใจเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรม ย่อมเข้าใจคำตัดสินของสมเด็จฯท่าน ไม่มีผู้ใดจะได้รับสิ่งที่ตนไม่ได้ทำไว้ด้วยตนเอง
ทำไว้ในอดีต...มารับผลในปัจจุบันได้
ทำในปัจจุบัน...ก็จะได้รับผลในอนาคตเช่นกัน
และอนาคตนั้น..ไม่หมายถึงต้องข้ามภพชาติเสมอไป
อนาคตในภพชาตินี้ก็ได้
ดังนั้น...แม้เชื่อในเรื่องของกรรมและการให้ผลของกรรมหรือไม่เชื่อก็ตาม
ก้ไม่สมควรเสี่ยงรับผลร้ายที่จะเกิดแต่การทำความไม่ดี ความไม่ดีหนักหนาเพียงไร
ยิ่งได้ผลร้ายแรงเพียงนั้น ยิ่งไม่สมควรเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะทำความไม่ดีหนักนั้น
48. อำนาจของกรรมชั่วร้าย
อำนาจของกรรมชั่วร้ายนั้น
สามารถทำให้ธรณีแยกออกสูบผู้ทำกรรมนั้นได้
พระเทวทัตเป็นตัวอย่างที่แสดงความน่ากลัวที่สุดของกรรม ท่านคิดทำลายพระพุทธเจ้า แม้เพียงทำได้เล็กน้อยนัก
คือเพียงทำให้พระพุทธบาทห้อพระโลหิต และสำนึกผิดได้ในที่สุด พร้อมจะขอประทานโทษ แต่ก้หนีมือแห่งกรรมร้ายแรงที่ทำไว้ไม่พ้น...หนีไม่ทัน
พระเทวทัตถุกธรณีสูบ ทันทีที่เท้าสัมผัสพื้นธรณี
ขณะกำลังจะได้เข้าไปเห็นพระพักตร์สมเด็จพระบรมศาสดา จึงไม่ทันได้กราบพระพุทธบาทของประทานโทษทั้งปวง
น่าจะคิดถึงความทรมานทั้งกายและจิตใจของพระเทวทัต
เมื่อเสวยผลกรรมนั้น
น่าจะคิดให้จริงจังเพื่อให้เกิดความกลัวกรรมที่มีอำนาจยิ่งใหญ่นัก
การทำลายพระพุทธเจ้ากับการทำลายพระพุทธศาสนา...ย่อมเป็นกรรมหนักเสมอกัน
พึงสังวรระวังให้รอบคอบในเรื่องนี้ อย่าคิดอย่างประมาทว่า พระพุทธศาสนาไม่มีชีวิต
ตายไม่มี บาดเจ็บไม่มี จะทำอะไรกับพระพุทธศาสนาจึงไม่น่าจะเป็นบาป เป็นอกุศล
อย่าประมาทในเรื่องนี้
มิฉะนั้นเมื่อต้องได้เสวยผลแห่งการทำลายพระพุทธศาสนา...จะทุกข์ทรมานนัก
ใครก็จักช่วยไม่ได้
49. จิตสำนึกของผู้กระทำกับผลของกรรม
การทำลายชีวิตสัตว์นั้น
เป็นบาปหนักเบาต่างกัน
การทำลายชีวิตสัตว์ใหญ่...บาปมากกว่าทำลายชีวิตสัตว์เล็ก
ทำลายชีวิตสัตว์อายุยืน...บาปมากกว่าทำลายชีวิตสัตว์อายุสั้น
ทำลายชีวิตสัตว์ที่มีคุณ...บาปมากกว่าทำลายชีวิตสัตว์ทั่วไป
เป็นที่เข้าใจกันเช่นนี้
ซึ่งก็มีเหตุผลที่น่าเข้าใจเช่นนั้น ฆ่าวัว ควายกับฆ่ายุง
ฆ่ามด...บาปน่าจะมากน้อยกว่ากัน
ผลกรรมที่ผู้ฆ่าได้รับก็จะหนักเบากว่ากันเป็นอันมาก
มีเรื่องจริงที่เกิดขึ้น
และผู้ประสบพบเห็นเล่าต่อๆกันมาว่า มีผู้มีอาชีพฆ่าวัวฆ่าควายนั้น เมื่อใกล้จะตายต้องทนทุกข์ทรมาน
ดิ้นรน กระเสือกกระสน และส่งเสียงร้องเหมือนเสียงวัวเสียงควายที่ถูกเชือดก่อนตาย
ส่วนผู้ที่ตบยุง หรือบี้มด... แม้จะเป็นบาปแน่นอนที่ทำลายชีวิตสัตว์
แต่ไม่ปรากฏผลของกรรมนี้ให้เห็นให้รู้ชัด เหตุผลก็อยู่ที่ จิตสำนึกของผู้กระทำ
กรรมสองประเภทนั้น ผู้ฆ่าวัวฆ่าควายแม้จะใจร้ายใจดำสักเพียงไร
ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะลืมภาพการตายของสัตว์ใหญ่ถึงเพียงนั้นได้
และย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้สึกเลยว่าการฆ่านั้นเป็นบาปใหญ่
ความรู้สึกหลอกหลอนเกี่ยวกับการฆ่าวัวฆ่าควายด้วยมือของตนนั่นแหละ
ที่ติดตามมาส่งผลให้ผู้นั้นต้องทนทุรนทุราย และร้องเป็นเสียงวัวเสียงควาย
เหมือนที่ตนเองเคยได้ยินเคยได้เห็นในการฆ่าแต่ละครั้งเสมอมา
บางคนที่เคยเห็นการตายของผู้มีอาชีพฆ่าสัตว์ใหญ่มีความรู้สึกว่า
ผู้ใกล้จะตายนั้นไม่มีชีวิตจิตใจเป็นคนเสียแล้ว
แต่ได้กลายเป็นชีวิตจิตใจของวัวของควายไปจริงๆ
เห็นได้จากกิริยาอาการและสุ้มเสียงที่เขาร้องเหมือนเสียงสัตว์ที่บาดเจ็บแสนสาหัส
ความรู้สึกนี้จะถูกหรือผิดก็ตาม
ที่จริงแน่คือเขากำลังรับผลของกรรมที่ตามทันในช่วงสุดท้ายของชีวิตในภพชาตินี้
และไม่แน่ว่าสิ้นสุดเพียงเท่านั้น หรือจะติดตามต่อไปในชาติภพข้างหน้า
ให้ชีวิตต้องไม่แตกต่างกับชีวิตของสัตว์ที่ถูกเขาเบียดเบียนทำร้ายอย่างทารุณ
การทำบาปเล็กน้อย
เช่นบี้มดตบยุง ไม่ปรากฏผลบาปให้เห็นว่าเกิดแก่ผู้ทำ
นั่นก็เป็นเพราะผู้ทำไม่ผูกใจว่าได้ทำบาป
“ใจ”นี้สำคัญนัก...นำไปผูกไว้กับเรื่องใดสิ่งใด
ก็จะปรากฏให้เห็นเป็นผล เช่น พระรูปหนึ่งในสมัยพุทธกาล ท่านทำตะไคร้น้ำขาด
และมรณภาพก่อนที่จะหาพระปลงอาบัติได้ จิตท่านผูกอยู่ด้วยความเป็นห่วง
จึงได้ไปเกิดเป็นพญานาค ส่วนผู้ที่เผลอตบยุงหรือบี้มด แม้ใจผูกยึดอยู่ว่าได้ทำบาป
ก็จะเป็นเรื่องเล็กน้อย การทำบาปหรือทำกรรมเล็กน้อยเช่นนี้ จะไม่ส่งผลให้ปรากฏ
ถ้าผู้ทำไม่ไปผูกใจเดือดร้อนกังวลอยู่ แล้วถ้าจะไม่ทำเสมอๆ
การทำบาปเสมอๆแม้ทำกับสัตว์เพียงมด
ปลวก กรรมเล็กก็จะเป็นกรรมใหญ่ได้ พึงรอบคอบในเรื่องนี้เพื่อชีวิตจะได้สวัสดี
การฆ่าวัวควาย
ก็ยังมีผลให้ผู้ฆ่าดูราวกับเปลี่ยนชีวิตจิตใจจากคนเป็นวัวเป็นควาย
ให้เป็นที่สลดสังเวชแก่ผู้พบเห็นได้ การฆ่าคนจะมีผลเป็นอย่างไร
ทำไมผู้ร้ายฆ่าคนจะไม่รู้สึกเสียเลย
แต่ด้วยอำนาจกรรมเมื่อตามมาถึงผู้ใดที่ได้กระทำกรรมนั้นไว้
ก็ย่อมยากที่จะยับยั้งแห่งกรรมนั้นได้ ลูกยังลืมว่าแม่ แม่ยังลืมำไปว่าลูก
ผู้นับถือพระพุทธศาสนาก็ยังลืมว่าพระทำผิดศีลธรรมกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
อำนาจยิ่งใหญ่ของกรรมที่นำไปเช่นนั้น และยังจะนำต่อไปข้ามภพข้ามชาติ
เกิดผลร้ายแก่ผู้ขาดสติขาดปัญญา
ที่จะพาตัวหนีให้พ้นมือแห่งกรรมที่ตนได้กระทำไว้แล้วด้วยตนเองแน่นอน
50. กรรมหนักจากการทำไม่ดีต่อพระพุทธศาสนา
ผู้ฆ่าคนมีบาปหนักกว่าผู้ฆ่าวัวฆ่าควาย
ผู้ทำร้ายพระพุทธเจ้ามีบาปหนักกว่าผู้ฆ่าคน
เห็นได้จากพระเทวทัตที่ถึงถูกธรณีสูบ
แต่อย่าประมาทคิดว่าเราปลอดภัยจากการถุกธรณีสูบแน่แล้ว
เพราะ...ไม่มีพระพุทธเจ้าให้เราคนใดคนหนึ่ง
ซึ่งถึงจะชั่วช้าเพียงไรทำร้ายพระองค์ได้ พระพุทธเจ้าไม่มีพระองค์ปรากฏให้เห็นก็จริง
ทำร้ายพระองค์ท่านไม่ได้ก็จริง แต่สิ่งที่เกี่ยวเนื่องแนบแน่นกับพระองค์ท่านมีอยู่
ทำลายสิ่งนั้นจะผิดไปจากทำลายพระองค์ท่านหาได้ไม่
นึกถึงใจตนเอง...มีลูกเป็นที่รักเพียงดวงใจ
เฝ้าทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงมาจนเติบใหญ่ ถูกผู้ร้ายประหัตประหาร...ใจของผู้เป็นแม่พ่อก็เหมือนกับตนเองถูกประหัตประหารด้วย
พระพุทธศาสนา คือ สิ่งที่เกี่ยวเนื่องแนบแน่น
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระพุทธเจ้า กว่าจะทรงค้นพบ และตั้งขึ้นได้ ลำบากยากเย็น
ยิ่งกว่าใครสักคนจะมีลูกเป็นที่รักดังดวงใจ ทำร้ายลูกก็เท่ากับทำร้ายผู้เป็นแม่พ่อ
ทำลายพระพุทธศาสนา จึงไม่แตกต่างกับทำลายพระพุทธเจ้า แน่นอน...ไม่มีผู้ใดได้ทำ
แต่แน่นอน...เพียงการพยายามทำ
ก็บาปหนักยิ่งกว่าบาปฆ่าคนตาย ผลของกรรมนี้อาจจะลี้ลับ เห็นยากและเห็นช้า
จึงทำให้พากันคิดว่า การทำลายพระพุทธศาสนานั้นไม่เป็นบาป ไม่เป็นอกุศล
การจงใจทำลายพระพุทธศาสนาที่ไม่ประสบผลสำเร็จ
น่าจะเกิดผลไม่ดีแก่ผู้มุ่งทำร้ายน้อยกว่าผู้ไม่ได้เจตนาทำลาย...แต่ประพฤติตนเช่นเจตนาทำลาย
บุคคลประเภทหลังนี้
โดยเฉพาะที่นับถือพระพุทธศาสนา
กล่าวได้ว่า...เป็นผู้ที่ทำกรรมไม่ดีต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตั้งขึ้น ทรงประคับประคองมา
โดยมีพุทธบริษัทที่ดีมารับมาประคับประคองต่อ อย่างถือเป็นสมบัติล้ำค่า
ไม่มีพระพุทธองค์แล้ว...พระพุทธศาสนาคือตัวแทนพระพุทธองค์
ผู้เป็นสมาชิกของบริษัทสี่ในพระพุทธศาสนา
แม้ทำตนให้เศร้าหมองด้วยประพฤติผิดศีลผิดธรรมผิดวินัย แม้จะทำให้พระพุทธศาสนาเศร้าหมองไม่ได้
แต่เมื่อตนเป็นจุดหนึ่งในพระพุทธศาสนา...ก็เท่ากับทำให้พระพุทธศาสนามีจุดเศร้าหมองปะปนอยู่...เล้กน้อยเพียงไรก็เป็นจุดดำ
ความประพฤติปฏิบัติเช่นนั้นจึงเป็นการทำกรรมไม่ดีต่อสิ่งสูงสุด
ผลไม่ดีที่จะเกิดแก่ผู้ทำกรรมไม่ดีนั้นย้อมร้ายแรงแน่นอน พึงอย่าประมาท
พึงกลัวกรรมหนักที่จะเกิดจากการทำไม่ดีต่อพระพุทธศาสนา
51. พึงปฏิบัติต่อพระพุทธศาสนาให้รอบคอบ
ผู้เบ่าปัญญา...มีมิจฉาทิฐิ
เห็นว่า พระพุทธศาสนาไม่ใช่คน ไม่มีเลือดเนื้อชีวิตจิตใจ
คิดจะทำลายก็ทำกันไปต่างๆนานา
ผู้เบาปัญญาหารู้ไม่ว่า
เมื่อกรรมตามทัน...โทษนั้นร้ายแรงหนักหนานัก พระเทวทัตก็มิได้ถูกธรณีสูบทันทีที่ทำร้ายพระพุทธเจ้า
เมื่อถึงเวลากรรมตามทัน...พระเทวทัตจึงจมธรณี
พ้นที่จะดิ้นรนให้พ้นจากความตายอย่างทนทุกข์ทรมานน่าสยดสยองนั้นได้
ผู้ที่พยายาทำลายพระพุทธศาสนาก็เช่นกัน ฉะนั้นอย่าประมาท...อะไรที่ไม่น่าเชื่อเกิดอยู่เสมอ
เกิดได้เสมอ ในอดีตธรณีสูบได้ ในปัจจุบันหรืออนาคตธรณีก็สูบได้
เมื่อต้องเป็นไปตามอำนาจอันยิ่งใหญ่ของกรรม
แม่พ่อที่มีลูกรักเพียงดวงใจ
แม้ลูกนั้นมิใช่ลูกที่ดี มิใช่ลูกที่มีคุณประโยชน์แก่ใคร
เมื่อใดเขาถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส หรือถึงเสียชีวิต เมื่อนั้นก็เหมือนทำร้ายแม่พ่อหนักหนาเช่นนั้นด้วย
พระพุทธศาสนาเป็นดวงหฤทัยของพระพุทธเจ้า
ทรงได้มาด้วยพระมหากรุณาเปี่ยมพระพุทธหฤทัย เปรียบเหมือนพระพุทธบุตร
พระพุทธศาสนาก็เป็นพระพุทธบุตรที่ประเสริฐเลิศล้ำ หาผู้เปรียบเสมอมิได้ มีคุณประโยชน์กว้างใหญ่ไพศาลปราศจากขอบเขต
และยั่งยืนยาวนานอยู่ทุกกาลเวลา เป็นที่รักที่เทิดทูนสูงส่งนักหนาของพระพรหม เทพ
มนุษยสัตว์
เสมอกันกับองค์สมเด็จพระบรมศาสดาพระผู้ทรงสถาปนาพระพุทธศาสนาไว้แทนพระองค์ อย่าเป็นคนเบาปัญญา...พึงปฏิบัติต่อพระพุทธศาสนาให้รอบคอบ
มิฉะนั้นจะเสียประโยชน์จากการมีชีวิตอยู่ในชาตินี้ที่น้อยนัก ชีวิตผ่านไปพ้นเมื่อไร...จะเรียกกลับคืนไม่ได้
กรรมไม่ดีทั้งหลาย...จะห้อมล้อมจนแหลกเหลว ดังที่ปรากฏให้เห็นให้ได้ยินอยู่เสมอ
ให้ขนลุกขนพองสยดสยองอยู่ไม่เว้นวาย
ชีวิตในอดีตชาติล่วงเลยไปแล้ว
กรรมดีกรรมชั่วก็ได้เป็นอันทำแล้วทั้งนั้น...ไม่มีที่จะให้ไม่ได้ทำ
แต่ชีวิตในอนาคตชาติกำลังใกล้เข้ามาเป็นลำดับ ไม่นานนักก็จะถึง
เพราะชีวิตนี้น้อยนัก...จบสิ้นง่าย ชีวิตในภพชาติหน้าต่างหากที่ยาวนานจนประมาณไม่ได้
ความสุขอันยาวนาน หรือความทุกข์ที่ยืดเยื้อ จะมีมาพร้อมกับชีวิตในชาติอนาคตแน่นอน
52. ชีวิตนี้ชีวิตเดียวที่จะพาไปสู่นิพพานได้
เรามีบุญที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ได้มีชาตินี้
มีชีวิตนี้...ที่แม้จะน้อยนัก แต่ก็เป็นชีวิตเดียวที่สามารถจะพาเราหนีกรรมไม่ดีได้
และก็เป็นชีวิตเดียวที่จะพาเราไปสวรรค์ก็ได้ นิพพานก็ได้
พระพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า
เพราะพระพุทธศาสนาประกอบพร้อมด้วย พระพุทธเจ้า พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
และพระสงฆ์อริยสาวกของพระพุทธเจ้า
พระพุทธศาสนาจึงมีคุณเช่นเดียวกับที่พระพุทธเจ้าทรงมีพระคุณ
พระคุณของพระพุทธเจ้ายิ่งใหญ่เพียงไร พระพุพทธองค์ได้ทรงมอบไว้ในพระพุทธศาสนาหมดสิ้นแล้ว
เราเรียนพระพุทธศาสนา หรือเรียนพระธรรมกันอยู่ตลอดมาแม้จนทุกวนันนี้
เท่ากับเรากำลังพยายามจะให้สามารถแลเห็นพระพุทธเจ้าให้ได้
แต่ก่อนที่จะได้เห็นพระพุทธองค์ เราจำเป็นต้องรอบคอบ
ระวังรักษาพระพุทธศาสนาอย่างดี อย่าประมาท มองให้เห็นผู้เบาปัญญามีมิจฉาทิฐิ
แม้ผู้นั้นจะเป็นตัวเราก็ต้องมองให้ตรงตามความจริง ไม่เห็นภัยจะกันภัยไม่ได้
ไม่เห็นผู้มุ่งทำลายพระพุทธศาสนา...ก็จะป้องกันพระพุทธศาสนาไม่ได้
53. ยึดมั่นในความกตัญญูกตเวที
การที่จะป้องกันตัวเองมิให้หลงใหล
เลื่อนลอยไปเป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนาแม้โดยมิได้ตั้งใจ จำเป็นต้องมีหลักยึดมั่น
กระแสใดๆก็จะพัดพาไปไม่ได้
หลักที่น่าจะมั่นคง
แข็งแรง และสามารถที่จะรับการยึดเหนี่ยวได้ทุกเวลานั้น น่าจะเป็นหลักแห่งความกตัญญูกตเวที
พึงยึดกตัญญูกตเวทีไว้ให้เป็นหลักประจำใจมั่น
ผลที่เกิดตามมานั้น...จะไม่มีเสียหายแม้แต่น้อย
“กตัญญูกตเวที”...ความรู้คุณที่ท่านทำแล้วแก่ตน
และตอบแทนพระคุณนั้น พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญว่าเป็นธรรมของคนดี
คือคนดีมีธรรมนี้หรือธรรมนี้ทำให้คนเป็นคนดี
คือ คนใดมีธรรมคือความกตัญญูกตเวที
คนนั้นก็คือคนดีนั่นเอง ในด้านตรงกันข้าม คนใดไม่มีกตัญญูกตเวที คนนั้นไม่ใช่คนดี
54. เร่งอบรมใจให้มีกตัญญูกตเวทิตาธรรม
เพื่อสร้างชีวิตในภพชาติข้างหน้าให้งดงาม
เชิญสำรวจตน
ให้ทุกคน ให้เห็นตนอย่างชัดเจนตรงความเป็นจริง ว่ามีความกตัญญูกตเวทีหรือไม่
แล้วก็จะได้รู้จักตนเองว่าเป้นคนดีหรือไม่
ไม่มีกตัญญกตเวที...ไม่เป็นคนดีจริงๆอย่าสงสัย
แต่จงเร่งอบรมใจตนเอง ให้มีกัตัญญูกตเวทิตาธรรมให้จงได้
อย่าให้ผ่านชีวิตนี้ไปสู่ชีวิตหน้าที่ยาวนาน
โดยไม่ถือโอกาสสร้างชีวิตในภพชาติข้างหน้าให้สวยสดงดงามอย่างยิ่ง
“กตัญญูกตเวทิตาธรรม”
เป็นเครื่องสร้างคนให้เป็นดีได้จริงๆเพราะ...ความรู้คุณท่านผู้มีคุณ
และตั้งใจจะตอบแทนพระคุณ
คือเครื่องป้องกันที่สำคัญที่สุดที่จะกันให้พ้นจากการทำผิดคิดร้ายได้ทั้งหมด
โดยมีจุดมุ่งอยู่ที่ความไม่ปรารถนาจะทำให้ผปู้มีพระคุณเป็นทุกข์เดือดร้อนกายใจ
55. กตัญญูกตเวทีเป็นเหตุให้คิดดี พูดดี ทำดี
ทุกคนมีผู้มีพระคุณของตน อย่างน้อยก็บิดามารดา ครูอาจารย์ เพียงมีกตัญญูรู้คุณท่านเท่าที่กล่าวมานี้
ก็เพียงพอจะคุ้มครองตนให้พ้นจากความไม่ดีทั้งปวงได้ ขอให้เป็นความกตัญญูกตเวทีจริงใจเท่านั้น
อย่าให้เป็นเพียงนึกว่าตนเป็นคนกตัญญู ความจริงกับความนึกเอาแตกต่างกันมาก
ผลที่จะได้รับจึงแตกต่างกันมากด้วย
ผู้มีกตัญญูกตเวทีจะรู้จักบุญคุณของผู้มีบุญคุณทั้งหมด
จะตอบสนองทุกคนอย่างเต็มสติปัญญาความสามารถควรแก่ผู้รับ และนี่เองที่จะเป็นเหตุให้
“คิดดี...พูดดี...ทำดี” เพราะเกรงว่าการคิดไม่ดี พูดไม่ดี ทำไม่ดี
จะมีส่วนทำให้ผู้มีบุญคุณเดือดร้อน เช่น มารดาบิดาเป็นผู้มีพระคุณ
ลูกกตัญญูจะประพฤติตัวเป็นคนดี จะไม่เป็นคนเลว เพราะเกรงว่ามารดาบิดาจะเสื่อมเสีย
ก็เท่ากับคุ้มครองตนเองได้แล้วด้วยความกตัญญูกตเวที
56. พึงมีกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าทรงมีพระคุณใหญ่ยิ่งอย่างที่สุด
ทรงมีพระคุณต่อโลกต่อศาสนิกของโลก
พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ที่ทำให้พุทธศาสนิกเป็นคนดีมีธรรมะนั้น
มิได้เป็นคุณเฉพาะพุทธศาสนิกเท่านั้น แต่เป็นคุณไปทั่วถึง คนดีคนเดียว...ให้ความร่มเย็นเป็นสุขได้กว้างไกล
เช่นเดียวกับคนไม่ดีเพียงคนเดียว
ให้ความทุกข์ความร้อนได้มากมาย
พระพุทธศาสนาสร้างพุทธศาสนิกชนที่ดี
ก็เท่ากับพระพุทธศาสนาได้สร้างความร่มเย็นเป็นสุขให้แก่โลกด้วยเหมือนกัน
พึงมีกตัญญูกตเวทีต่อพระพุทธเจ้า คิดดี พูดดี ทำดี ให้เป็นไปดังที่ทรงแสดงสอนไว้
จะหนีกรรมเก่าได้ทัน และจะสร้างชีวิตในชาติใหม่ในภายหน้า
ให้วิจิตรงดงามเพียงใดก้ได้
57. พระพุทธบารมีแห่งพระพุทธองค์
ทำให้พบความสวัสดีทั้งชีวิตนี้และชีวิตหน้า
พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้วไม่ได้หายไปไหน
พระพุทธบารมียังคงปกปักรักษาโลกอยู่ คนในโลกยังรับพระพุทธบารมีได้ มิได้แตกต่างไปจากเมื่อยังทรงดำรงพระชนม์อยู่
เพียงแต่ว่าจำเป็นต้องเปิดใจออกรับ มิฉะนั้นก็จะรับไม่ได้
การเปิดใจรับพระพุทธบารมีไว้คุ้มครองรักษาตน
ไม่ยากลำบาก ไม่เหมือนการเข็นก้อนหินใหญ่ที่ปิดปากถ้ำ เพียงน้อมใจนึกถึงพระพุทธเจ้าให้จริงจังอยู่เสมอ
ก็จะรับพระพุทธบารมีได้ จะมีชีวิตที่สวัสดี มีสุข สงบได้
58. อานุภาพแห่งพระพุทธบารมี
พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ไม่ทรงเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสารอีกต่อไป แต่พระพุทธบารมียังพรั่งพร้อม
พระอาจารย์สำคัญองค์หนึ่งท่านเล่าไว้ว่า...เมื่อปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นอยู่ในป่าดงพงพีนั้น
พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปทรงสอนท่านด้วยพะรพุทธบารมีเสมอ และท่านพระอาจารย์องค์นั้น
ต่อมาเป็นที่ศรัทธาและเคารพของพุทธศาสนิกจำนวนมากที่เชื่อมั่นว่าท่านปฏิบัติถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
พระพุทธเจ้าเมื่อเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ด้วยพระพุทธบารมีเสด็จไปทรงแสดงธรรมโปรดพระอาจารย์องค์สำคัญ
ให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้ ไม่มีอะไรให้สงสัยว่าเป็นสิ่งที่สุดวิสัย
เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
มีเรื่องของท่านพระโมคคัลาน์เป็นเครื่องยืนยันรับรอง
คือเมื่อปฏิบัติธรรมถึงจุดปรารถนาสูงสุดแล้ว
ท่านถูกโจรเจ้ากรรมในอดีตพยายามหาทางจะทำลายชีวิตท่าน
ท่านพยายามใช้อิทธิฤทธิ์หลยบหนี แต่โจรก็ยังติดตามไม่หยุดยั้ง
จนท่านเบื่อหน่ายที่จะหนีต่อไป...จึงยอมให้โจรจับได้ และทุบจนร่างแหลกเหลว
นิพพานในที่สุด
เมื่อนิพพานแล้วท่านได้มารวมร่างเข้าอีกครั้งหนึ่งเหาะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า
กราบทูลเรื่องราวให้ทรงทราบ แล้วทูลกราบลา
เรื่องของท่านพระโมคคัลาน์เป็นเครื่องให้ความเข้าใจอย่างกระจ่างแจ่มชัดว่า
พระพุทธเจ้าก็ดี พระอรหันตเจ้าก็ดี
แม้ดับขันธปรินิพพานแล้วท่านก็เพียงไม่มีร่างอยู่เท่านั้น
บารมีและคุณธรรมทั้งปวงของท่านยังพรั่งพร้อมเป็นประโยชน์ได้อย่างยิ่ง
59. ผู้มีปัญญาพึงเร่งปฏิบัติพระพุทธศาสนา
เมื่อมั่นใจในความดำรงอยู่อย่างยั่งยืนนิรันดรแห่งพระพุทธบารมี
หรือคุณธรรมของพระพุทธองค์ และของครูอาจารย์สำคัญทั้งหลาย
ที่ท่านไกลแล้วจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง พุทธศาสนิกชนทั้งหลายผู้มีสัมมาปัญญา
สัมมาทิฐิ ควรเร่งปฏิบัติพระพุทธศาสนาให้ได้เป็นคนดีตามลำดับไป
ให้เป็นที่ปรากฏประจักษ์ในพระญาณหยั่งรู้ของพระพุทธองค์
เท่ากับเปิดประตูใจออกอย่างกว้างขวางรับพระพุทธบารมี
ให้พระพุทธบารมีเสริมส่งบารมีของตน จนกว่าตนเองจะสามารถเป็นผู้มีบารมี
มีคุณธรรมดำรงได้เมื่อไร วันนั้น
ผู้นั้นก็จะไม่ต้องกังวลที่จะใช้ชีวิตนี้ทำทางหนีมือแห่งกรรม และไม่ต้องกังวลสร้างชีวิตในชาติอนาคตจให้สมบูรณ์
บริบูรณ์ สวยสดงดงามต่อไป
60. สิ่งสำคัญยิ่งอันพึงแสวงหาในชีวิตนี้
แทบทุกคนเคยเป็นมาแล้ว
ทั้งเทวดา เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ ยาจกสณิพกเศรษฐีคหบดี
ตลอดจนสัตว์ใหญ่สัตว์น้อย...เคยตายมาแล้วด้วยอาการต่างๆ ตายอย่างเทวดา
ตายอย่างเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ตายอย่างขอทานข้างถนน ตายอย่างสัตว์
ทั้งที่ตายเองและที่ถูกฆ่าตาย
เคยมีทั้งสุขมีทั้งทุกข์
เคยทั้งเป็นผู้ร้าย เป็นทั้งผู้ดี น้ำตาเคยท่วมบ้านท่วมเมืองมาแล้ว...กระดูกทับถมแผ่นดินนี้
หาที่ว่างสักเท่าปลายเข็มหมุดจะปักลงก็ไม่พบ เปรียบกับชีวิตนี้เพียงชาติเดียว...ชีวิตนี้จึงน้อยนัก
จะห่วงใยแสวงหาอะไรอีกมาให้ชีวิตนี้
ที่สำคัญกว่าการห่วงหาทางหนีให้พ้นมือแห่งกรรมที่ทำไว้มากมายในอดีตชาติ
61. กรรมและผลของกรรม
กับความเป็นไปของชีวิตในภพชาติหน้า
แทบทุกคน...มีชาติในอนาคตที่ไกลออกไป
พ้นความรู้เห็นของใครทั้งหลาย
จะเกิดเป็นอะไรต่อมิอะไรก็ได้ทั้งสิ้นตามอำนาจของกรรมที่ได้ทำไว้แล้ว
ทั้งที่ได้ทำไว้เมื่อในอดีตชาติ และที่ทำในชาตินี้ สำคัญที่ว่าได้ทำกรรมใดมากกว่า แรงกว่า
สำคัญกว่า กรรมนั้นก็จะส่งผลมากกว่า เร็วกว่า และหนักแน่นมั่นคงกว่า
ถ้าเป็นกรรมดีก็จะให้ความสุขความเจริญ
มีบุญห้อมล้อมรักษา ถ้าเป็นกรรมชั่วก็จะให้ความทุกข์ ความเสื่อมโทรม
มีบาปห้อมล้อมรังควาน
62. สภาพชีวิตที่ดำเนินไปสู่ทุกคติและสุคติ
ชีวิตนี้ตกอยู่ใต้อำนาจของความโลภ
ความโกรธ และความหลงแสวงหาอำนาจวาสนาบารมี ทรัพย์สิน เงินทอง อย่างไม่คำนึงถึงความถูกต้อง
อย่างไม่คำนึงถึงศีลธรรมใดๆ ชื่นชมสมใจแล้วมิใช่ว่าจะอยู่ได้ยั่งยืน
จะชื่นชมสมปรารถนาไปได้อย่างมากก็ชั่วอายุร้อยปี แล้วก็หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง
ทิ้งชื่อเสียงที่เน่าเหม็นไว้ให้คนโจษขาน...พาแต่จิตดวงเดียวร่อนเร่ไป
ทำกรรมไม่ดีไว้ก็จะไปพร้อมกับจิตที่ห่อหุ้มด้วยความไม่ดี ไปสู่ทุคติภพภูมิที่ไม่ดี
ภพภูมิที่มีแต่ทุกข์
จิตดวงเดียวที่ปราศจากอำนาจวาสนาบารมีมีทรัพย์สินเงินทอง
ที่เมื่อมีชีวิตในชาตินี้กอบโกยไว้ด้วยอำนาจกิเลส
จักท่องเที่ยวทุกข์ร้อนไปนานนักหนา นับกาลเวลาหาได้ไม่ นับภพชาติหาถูกไม่ในทุคติ
ชีวิตนี้ที่ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจความโลภ ความโกรธความหลง มั่นคงอยู่ในความดี
ความมีศีลธรรม จะร่มเย็นเป็นสุขชั่วกาลนาน
ความสุขที่จักไม่สิ้นสุดลงพร้อมกับชีวิตนี้ที่น้อยนัก
ที่มีเวลาเพียงร้อยปีเท่านั้น โดยประมาณ
จิตดวงเดียวที่พรั่งพร้อมด้วยบุญกุศล
จักท่องเที่ยวเบิกบานไปนานนัก นับกาลเวลาหาได้ไม่ นับภพชาติหาถูกไม่ในสุคติ
จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งทุกข์ พ้นการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป
อันเป็นจุดสูงสุดในพระพุทธศาสนาที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงนำไปแล้ว
และทรงแสดงแจ้งทางไว้ให้แล้วอย่างละเอียดถี่ถ้วน ด้วยพระมหากรุณาหาที่เปรียบมิได้
พุทธสาวกทั้งหลาย...
ได้ตามเสด็จไปถึงจุดหมายอันเป็นบรมสุขนั้นแล้วมาก มีทั้งในสมัยพุทธกาล
และปัจจุบันนี้ ทั้งจะสืบต่อไปในอนาคตกาลนานไกล
ตราบที่ยังมีผู้ใส่ใจปฏิบัติธรรมคำสอนของพระพุทธองค์อยู่
63. ความปลงใจในเรื่องกรรมมีคุณยิ่งนัก
ความปลงใจเชื่อให้จริงในเรื่องกรรม
และการให้ผลของกรรมมีผลใหญ่ยิ่ง ทำให้กลัวการทำกรรมไม่ดี ผลไม่ดีย่อมไม่เกิดแก่ตน
ความสบายทั้งปวงย่อมมีมา
แต่อย่างไรก็ตาม
แม้ยังไม่เชื่อในเรื่องการให้ผลของกรรมว่า ตรงตามเหตุ จะลองพิสูจน์ด้วยการไม่ทำ
กรรมไม่ดีให้ตลอดไป ก็ย่อมจะได้รับผลเป็นความถูกต้อง ว่าผลของกรรมจักไม่ผิดไปจากเหตุ
ความสบายใจที่เกิดจากความปลงใจเชื่อในเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรมนั้นยิ่งใหญ่มาก เมื่อต้องประสบความทุกข์ยากใดก็ตาม
ความเชื่อในเรื่องกรรม และการให้ผลของกรรม จะทำให้ปลงใจยอมรับว่า
ตนป็นผู้ทำเหตุที่ไม่ดีไว้ อาจจะในปัจจุบันชาติ หรือไม่ก็ในอดีตกาลนานไกลที่นานจนจำไม่ได้
ระลึกไม่ได้ และการให้ผลของกรรมก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงให้พ้นได้
จะเร็วหรือช้าก็ต้องให้ผลแน่ ข้ามภพข้ามชาติก็ให้ผล เรื่องของกรรมจึงล้ำลึก
เข้าใจยากนัก ถ้าเข้าใจแม้เพียงพอสมควร ก็จะได้ความสบายใจกว่าไม่เข้าใจเสียเลย
ความไม่เข้าใจในเรื่องกรรม
และการให้ผลของกรรม มีโทษสถานเดียว ไม่มีคุณเลย ไม่ว่าจะเป็นกรรมของตัวเอง
หรือกรรมของผู้อื่นก็ตาม
ผู้มีปัญญาแม้พอสมควร
จึงพยายามทำความเข้าใจในเรื่องของกรรม หรือแม้ไม่เข้าใจจริงก็ใช้วิธีเชื่อไว้ก่อน
ซึ่งก็เป็นการแสดงความเป็นผู้มีปัญญา ยิ่งกว่าผู้ที่ปฏิเสธไม่ยอมเชื่อเลย
64. สัมมาทิฐิ...ความเห็นที่ถูกต้อง
แม้เชื่อเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรมแล้ว
ก็ต้องเชื่อในเรื่องทิฐิ คือความเห็นด้วย ไม่เช่นนั้นแม้เชื่อในเรื่องกรรมเพียงไร
ทิฐิที่ไม่ชอบก็อาจพาให้ทำกรรมไม่ดีได้ โดยมิจฉาทิฐินำให้เห็นกรรมดีเป็นกรรมไม่ดี
กรรมไม่ดีเป็นกรรมดี
แต่การจะรู้ว่าคนมีทิฐิอย่างไร?
สัมมาทิฐิหรือมิจฉาทิฐิก็เป็นการยาก
ยากต้องอาศัยปัญญาที่ประณีตในการพิจารณาต้องรอบคอบด้วยเหตุผล ไม่มีการหลงตัว
ลืมตัวแอบแฝงอยู่ในจิตใจ ไม่มีตัณหาอุปาทานรุนแรง
แม้ว่าจะยังมีอยู่ตามวิสัยของผู้ที่ยังไม่บรรลุมรรคผล นิพพาน ยังเป็นปุถุชน
65. พึงอบรมตนให้มีสัมมาทิฐิ
แม้ทำความเข้าใจที่ถูกต้องให้เกิดขึ้นในจิตใจตนได้แล้ว
การปฏิบัติที่ถูกต้อง ก็ย่อมจะต้องตามมาอย่างแน่นอน เพราะใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน
ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ คือทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามอำนาจความเห็นถุกเห็นผิดของใจ
การอบรมความเห็นให้ถูกต้อง ให้เป็นสัมมาทิฐิ...ความเห็นชอบ
ไม่ให้เป็นมิจฉาทิฐิ...ความเห็นผิด จึงเป็นความสำคัญที่สุด
66. ใจของเราทุกคนสำคัญยิ่งนัก
พึงมีสติปัญญา เมตตากรุณาเข้ากำกับใจไว้
ใจของเราทุกคนสำคัญนัก
สติก็สำคัญนัก ปัญญาก็สำคัญนัก ทั้งหมดนี้ไม่ควรแยกจากกัน มีใจ...ก็ต้องให้มีสติ
ต้องให้มีปัญญา ต้องให้มีกรุณาประคับประคองกันไปให้เสมอ
อย่าให้มีสิ่งอื่นนอกจากสติปัญญา และเมตตากรุณาเข้ากำกับใจ
สติและปัญญา
พร้อมเมตตากรุณานั้น เมื่อเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับใจ จะทำให้มีความเห็นชอบได้
ตรงกันข้าม แม้ใจขาดสติปัญญาและเมตตากรุณา
ก็จะทำให้ใจมีมิจฉาทิฐิ...ความเห็นผิดได้ง่าย
67. กรรมดีทางใจ : มโนกรรมที่สำคัญยิ่ง
“กรรมดีทางใจ”
หรือ “มโนกรรม” ที่สำคัญยิ่ง คือ ความมั่นในกตัญญุตาธรรม
รู้พระคุณที่ท่านได้กระทำแล้ว พระคุณแคบๆก็คือ เฉพาะที่ท่านได้กระทำแล้วแก่เรา
กว้างออกไปอย่างไม่มีขอบเขต คือพระคุณที่ท่านทำแล้วแก่ใครๆทั้งนั้น
ไม่จำเป็นต้องเฉพาะแก่เรา
ใจที่ระลึกถึงพระคุณหรือในความดีของท่านเช่นนี้
เป็นใจที่มีกรรมดี เป็นใจที่กำลังทำความดี ย่อมได้รับผลดีแห่งกรรมดีนั้นโดยลำดับ ผลดีอันดับแรกที่จะเกิดแก่ผู้มีกตัญญุตาธรรม
คือ การได้กายกรรม วจีกรรมที่ดี ที่จะส่งผลดีต่อไปอีกนานาประการ
แก่ผู้มีมโนกรรมดีเป็นจุดเริ่มต้น ตรงกันข้ามกับผู้มีอกตัญญูทุกประการ
68. ความสวัสดีแห่งตนเป็นผลของมโนกรรมที่ดี
กตัญญูกตเวิตาธรรม...ความรู้คุณและการตอบแทนพระคุณเป็นกรรมดีทั้งกาย
วาจา ใจ จึงเป็นกรรมที่ให้ผลดีได้พร้อม
ความกตัญญู
จะเป็นเครื่องป้องกันมิให้มีความคิดทำความไม่ดี เพราะเมื่อมีกตัญญูรู้พระคุณท่าน
เป็นต้นว่า รู้พระคุณของมารดาบิดาก็ย่อมไม่กล้าที่จะคิดทำความไม่ดี ไม
คิดที่จะทำความเสื่อมเสีย หรือทำความทุกข์ร้อนให้เกิดแก่ท่าน
โดยมีกตัญญูกตเวทิตาธรรมนั่นเองเป็นเครื่องห้ามกันไว้
ความสวัสดีแห่งตนย่อมเป็นผลเกิดได้
ด้วยมีกตัญญูกตเวทิตาธรรมประจำใจ เป็นกรรมทางใจ หรือ มโนกรรมที่ดี ตรงกันข้ามกับผู้อกตัญญูผู้เนรคุณทุกประการ
กรรมดีทางใจที่สูงส่งใหญ่ยิ่งที่สุด ที่ยังให้บังเกิดผลดีที่ใหญ่ยิ่งสูงส่งที่สุด
คือ กรรมทางพระหฤทัยของพระสิทธัตถราชกุมาร
ก่อนแต่จะได้ทรงตรัสรู้พระสัพพัญญุตาญาณเป็นพระพุทธเจ้า
69. มโนกรรมที่ใหญ่ยิ่งสูงส่งที่สุด
กรรมดีทางพระหฤทัยนั้น
คือ พระมหากรุณาที่จะทรงช่วยสัตว์โลกทั้งปวงให้พ้นทุกข์ เป็นกรรมดีที่ยิ่งใหญ่ยิ่ง
สูงส่งที่สุด ไม่มีกรรมทางใจของผู้ใดเปรียบได้
กรรมทางพระหฤทัยพระสิทธัตถราชกุมารสูงสุด
เต็มบริบูรณ์พระหฤทัย จึงเป็นเหตุให้เกิดผลเป็นกรรม ทางพระกาย
พระวาจาอย่างใหญ่ยิ่ง
จนได้ถึงเสด็จออกบรรพชาแสวงหาทางเพื่อให้ทรงบรรลุจุดที่ทรงมุ่งหมาย
ทรงสละสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ย่อมไม่มีผู้ใดสละได้
เพราะสิ่งที่ทรงสละนั้นเป็นสิ่งที่บุคคลทั่วไปปรารถนจะไขว่คว้าให้ได้มาเป็นสมบัติของตน
ทรงสละสิ่งอันเป็นเครื่องบำรุงบำเรอความสุขทุกประการ มีราชบัลลังก์เป็นสำคัญ
ทรงเหนื่อยยากตรากตรำพระวรกาย ทรงสละความเป็นพระมหากษัตริย์...ลงสู่ความเป็นผู้ขอ
ที่ไม่มีอะไรเป็นของพระองค์เลย
ทรงกระทำได้ถึงเพียงนี้
ก็ด้วยทรงมีกรรมดียิ่งทางพระหฤทัย คือมีพระมหากรุณาคุณเป็นมโนกรรม
กรรมทางใจที่ให้ผลตรงตามเหตุ
พระพุทธศาสนาที่สุดประเสริฐบังเกิดขึ้นเป็นผลแห่งพระมหากรุณาคุณอันเป็นกรรมส่วนเหตุที่สุดประเสริฐนั้น
เป็นผลสูงสุดตรงตามเหตุ คือกรรมที่สูงสุด
70. บุคคลไม่ควรลังเลในการทำความดี
การทำกรรมดี
หรือกุศลกรรมให้มาก ย่อมอาจให้ผลตัดรอนอกุศลกรรมได้
อกุศลกรรมที่หนักที่แรง
จำเป็นต้องมีกุศลกรรมที่หนักกว่า แรงกว่ามากๆ จึงจะสามารถตัดกันได้ทันท่วงที
กนั่นก็คือ
แม้มีอกุศลกรรมที่ทำไว้แล้วมาส่งผล ทำให้ตกอยู่ที่ร้อนที่คับขัน
กุศลกรรมที่ทำอยู่แม้แรงกว่า หนักกว่า
ย่อมจะสามารถตัดผลของอกุศลกรรมให้ขาดได้ในพริบตา
มีตัวอย่างปรากฏให้รู้ให้เห็นอยู่ทุกวันนี้ จึงไม่ควรลังเลที่จะทำความดี
คือกุศลกรรมให้มาก ให้สม่ำเสมอ
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
71. การสงสัยเรื่องการให้ผลของกรรมเป็นการดี
ใครเล่าที่ระลึกได้
ว่าได้ทำกรรมใดไว้ในอดีต...นึกไม่ได้ทั้งนั้นทั้งกรรมดีและกรรมชั่วจะมาระลึกรู้กันบ้างก็เมื่อต้องประสบผลของกรรมแล้ว
บางคนจึงสงสัยว่านั่นคงเป็นผลของกรรมชั่ว
เพราะทำให้เคราะห์ร้ายเดือดเนื้อร้อนใจ บางคนจึงจะสงสัยว่า นั่นคงเป็นผลของกรรมดี
เพราะทำให้ได้รับโชคดี มีความสุขกายสบายใจ
การที่มารู้มาสงสัยในเรื่องการให้ผลกรรมนี้
เป็นการดี เท่ากับเป็นการแสดงว่ามีความเชื่อในเรื่องกรรมอยู่ในใจ
แม้จะยังไม่ปฏิบัติจริงจังให้เป็นการแสดงความกลัวกรรม อันสมควรอย่างยิ่ง
ที่ปากพูดกันอยู่ว่า
“กรรมไม่ดีน่ากลัวนั้น” ถ้าทำให้ความรู้สึกน่ากลัวเกิดขึ้นใจใจได้จริง
และไม่เพียงให้รู้สึกว่ากรรมไม่ดีน่ากลัวเท่านั้น ต้องให้กลัวกรรมไม่ดีด้วยจริงๆ
จึงจะเกิดผลเป็นคุณแก่ตน สักแต่ปากพูไปในไม่จริงดังปาก ก็หามีประโยชน์แก่ตนไม่ แต่อาจจะมีประโยชน์แก่ผู้ได้รับฟังที่นำไปคิดพิจารณา
และเกิดความรู้สึกกลัวกรรมไม่ดีขึ้นอย่างจริงใจ
72. กรรมดีเท่านั้นจักนำไปสู่ภพชาติหน้าที่ดี
กรรมนั้นให้ผลดสัตย์ซื่อนัก
เหมือนผลของยาพิษร้ายแรง กรรมนั้นเมื่อทำแล้วก็เหมือนดื่มยาพิษร้ายแรงเข้าไปแล้ว
จักไม่เกิดผลร้ายแก่ชีวิตและร่างกายย่อมไม่มี ย่อมเป็นไปไม่ได้
ผู้เบียดเบียนเขาแม้จะได้สิ่งที่มุ่งหวังไว้ แต่ผลที่แท้จริงอันจักเกิดจากกรรม
คือย่อมจักเป็นทุกข์เป็นโทษแก่ผู้กระทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ชีวิตนี้จักสวัสดี
และชีวิตข้างหน้าก็จักสวัสดีได้ ถ้ามทือแห่งกรรมร้ายไม่เอื้อมมาถึงเสียก่อน
มือแห่งกรรมร้ายใดๆก็จะเอื้อมมาถึงไม่ได้ ถ้าชีวิตนี้วิ่งหนีได้เร็วกว่า
และการจะวิ่งหนีให้เร็วกว่ามือแห่งกรรมนั้นก็จะต้องอาศัยกำลังบุญกุศล
อาศัยคุณงามความดีเป็นอันมากและสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม
กรรมทางใจคือความคิดทางใจ ก่อนจะตกอยู่ในอุ้งมือแห่งกรรม
ที่จะนำชีวิตไปนั้นสำคัญนัก
กรรมนั้นจักนำไปเป็นแรงให้เสวยผลแห่งกรรมนั้นเป็นลำดับแรก
ดังนั้นในยามที่ต่างกำลังวิ่งหนี กรรมไม่ดีอยู่นี้
ท่านจึงสอนให้มีพระอยู่ในใจให้คุ้นเคยกับพระ ด้วยการภาวนาพุทโธ หรือธัมโม
หรือสังโฆ ไว้ให้เสมอยามที่ต้องตกใจหรือต้องทุกข์ทรมาน
เพราะมือแห่งกรรมมากำชีวิตไว้
ก็จะมีพระอยู่ในใจตามความคุ้นเคยที่ทำมาเป็นประจำแล้ว เป็นกรรมที่ดียิ่งทางใจ
มือแห่งกรรมดีมีแต่จะพาไปดีเท่านั้น
มีพระพุทธเจ้า
มีพุทโธอยู่ในใจ ถ้าไม่หมดอายุ โรคภัยไข้เจ็บ หรืออุบัติเหตุแม้ร้ายแรงเพียงไรนั้น
ก็จะไม่สามารถทำลายชีวิตได้ ถ้าหมดอายุก็จะได้ไปสู่สุคติ จึงควรนึกถึงพระพุทธเจ้า
ภาวนาพุทโธไว้เสมอ
73. พึงน้อมใจเชื่อกรรมอย่างมีกตัญญูกตเวที
ก่อนทำกรรมใด
ขอให้น้อมใจนึกถึงพระพุทธเจ้า ว่าทรงเสียสละลำบากเพียงไหนเพื่อสอนให้เชื่อกรรม
ให้ไม่ทำกรรมไม่ดีทั้งหลาย ให้ทำแต่กรรมดี และกรรมดีที่ทรงแสดงสอน
ก็มิได้ทรงปิดบังแม้แต่น้อย
ทรงแสดงกรรมดีถึงที่จะพาให้พ้นการเวียนว่ายตายเกิด
ให้พ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิง ผลของกรรมไม่ดีทรงแสดงสอนด้วยพระองค์เอง
พระโรคลงพระโลหิตก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานนั้น ทรมานยิ่งนัก ต้องทรงมุ่งพระพุทธหฤทัยที่จะทรงสอนเป็นวาระสุดท้ายก่อนที่จะเสด็จจากไป
ก่อนที่ไม่มีผู้ใดได้สดับพระสุรเสียงทรงสอนอีกเลย
แม้ไม่ทรงมุ่งเช่นนั้น
การเสด็จดับขันธปรินิพพานก็คงจะไม่ทรมานพระกาย ทั้งด้วยทรงกระหายน้ำ
และด้วยทรงลงพระโลหิต ทรงมุ่งแสดงผลของกรรมให้ประทับจับใจให้บังเกิดผลดีให้ได้
ดังนั้น
ผู้มีสติพึงระวังไม่ทำความไม่ดี ทั้งกาย วาจา ใจ
และพากันน้อมรับให้เต็มสติปัญญาความสามารถ
เชื่อกรรมอย่างมีกตัญญูกตเวทีในพระมหากรุณาของพระพุทธองค์เถิด
จักเป็นสิริมงคลล้ำเลิศอย่างสูงสุดอันเป็นที่ปรารถนาทั่วกัน
กรรมดีทางใจที่ควรพร้อมกัน
ทำให้เกิดขึ้นเพื่อความสุขสวัสดี ทั้งของตนเองและประเทศชาติ
ก็คือความมั่นคงในพระคุณของพระพุทธเจ้า
74. พระบารมีแผ่ไปทั่วทุกแห่ง ทุกเวลานาที
พระบารมีนั้นยิ่งใหญ่ไพศาล
แผ่ไปทุกหนทุกแห่ง ทุกเวลานาที พึงพร้อมกันน้อมใจรับเพียงด้วยการรำลึกถึงพระพุทธองค์ว่า
พุทโธ พุทโธ พุทโธ ในทุกเวลานาทีที่มิได้มีภาระอื่น จะนั่ง นอน ยืน เดิน
พึงพร้อมกันทำ อย่าได้ว่างเว้น และทุกคนทำได้ ทุกคนมีเวลาทำอย่างมากมาย ในรถที่ติด
ในที่นอนที่นอนไม่หลับ ในงานที่มิได้ต้องใมช้ความคิดมากมายนัก ในเวลารับประทาน
ฯลฯ การภาวนาพุทโธไม่ใช่งานหนัก
ไม่ใช่งานยาก แต่มีคุณมหาศาลเกินกว่าจะมีผู้ใดบอกได้
ผู้ใดทำผู้นั้นจะได้เข้าใจด้วยตนเอง
จึงขอให้ทำเพื่อหนีผลแห่งกรรมไม่ดีที่ไม่อาจรู้เห็นได้ ว่ากำลังจะเกิดแก่ชีวิตในวินาทีใด
และร้ายแรงเพียงไหน เช่นที่ได้เกิดขึ้นให้เห็นอยู่แล้วในทุกวันนี้
ตั้งจิต
“ขออโฆสิกรรม” และ “ให้อโหสิกรรม” ต่อผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวร
ต่อผู้ที่ได้ล่วงล้ำก้ำเกินทั้งน้อยใหญ่ แล้วภาวนาพุทโธไว้เถิด
ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับใจ ไม่หมดอายุก็จะสวัสดี หมดอายุก็จะไปดี ไปสบาย
ไม่ลำบาก
75. ธรรมเครื่องคุ้มครองให้สวัสดี
กำลังความสามารถในการวิ่งหนีมือแห่งกรรมชั่ว
กรรมร้าย คือ การทำดีพร้อมทั้งกาย วาจา ใจ ทุกเวลา
ผู้จะมีสติระวังไม่ทำความไม่ดีทั้งกายวาจาใจได้
ยิ่งกว่าผู้อื่น คือ ผู้มีกตัญญูกตเวทีอันเป็นธรรมสำคัญ
...ธรรมที่จะทำให้คนเป็นคนดี มีความห่วงใยปรารถนาจะระวังรักษาผู้มีพระคุณ
ไม่ให้ต้องเสียทั้งชื่อเสียงและไม่ต้องเสียทั้งน้ำใจ
จึงเป็นผู้มีธรรมเครื่องคุ้มครองให้ทำแต่ความดี ทั้งกาย วาจา ใจ ทุกเวลา
76. ชีวิตนี้สำคัญนัก...จงเลือกให้ดีเถิด
ชีวิตนี้น้อยนัก...
พึงใช้ชีวิตนี้อย่างผู้มีปัญญา ให้เป็นทางไปสู่ชีวิตข้างหน้าที่ยืนนาน
ให้เป็นสุคติที่ไม่มีกาลเวลาหาขอบเขตมิได้ โดยยึดหลักสำคัญ คือ
ความกตัญญูกตเวทีต่อมารดาบิดา ต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ให้มั่นคงอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกเถิด
ชีวิตนี้น้อยนัก
แต่...”ชีวิตนี้สำคัญนัก”
เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ
เป็นทางแยก
จะไปสูงไปต่ำ
จะไปดีไปร้าย
เลือกได้ในชีวิตนี้เท่นั้น
พึงสำนึกข้อนี้ให้จงดี
แล้วจงเลือกเถิด...เลือกให้ดีเถิด.
This
life is miniscule
But…it
is so important,
It
is a turning point and junction,
To
go higher or lower, blissful or woeful,
Selecting
can be done only in the present life,
Be
conscious on this matter,
Then
select it, do select it well.
:- Translated from Thai to English By Suddhinand
Janthagul
The
translation is required By professor Sanya Dhammasakdi the Ex-Head Consultant
of Majesty of Thailand
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น