หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2566

โรเจอร์ เพนโรส - การเชื่อมโยงของ จิตสำนึก, ฟิสิกส์ควอนตัม และจักรวาล

 โรเจอร์ เพนโรส - การเชื่อมโยงของ จิตสำนึก, ฟิสิกส์ควอนตัม และจักรวาล

Roger Penrose - Bridging Consciousness, Quantum Physics & The Universe

         https://youtu.be/2xsyC7xytU0?si=gCJ-Ny03jVT2VnJo

 

ธรรมชาติของจิตสำนึกได้เป็นปริศนาอันยาวนาน(had long puzzled)นักวิทยาศาสตร์(scientists), นักปรัชญา(philosophers)และสาธารณชนทั่วไปเช่นกัน(general public alike).

ว่าประสบการณ์รับรู้ทั้งหลายเชิงตัวตน/อัตตาเกิดขึ้นจากปฏิสัมพันธ์ทั้งหลายอันสลับซับซ้อนของเซลล์ประสาทในสมองทั้งหลายของเราได้อย่างไร(how do our experiences arise from the complex interactions of neutrons in our brains).

ฟิสิกส์ควอนตัม(quantum physics)สามารถจัดหาทัศนภาพใหม่กับเรื่องความลี้ลับของจิตสำนึกนี้ได้หรือไม่?(provide a new perspective on the mystery of consciousness).

นักฟิสิกส์ผู้ชนะรางวัลโนเบล, โรเจอร์ เพนโรส(Roger Penrose)และนักวิสัญญีวิทยา(anesthesiologist), สจวร์ต เฮมรอฟฟ์(Stuart Hameroff1)ได้เสนอทฤษฎีแหวกแนวหนึ่ง

         1 https://en.wikipedia.org/wiki/Stuart_Hameroff

(have proposed a groundbreaking theory)เรียกว่าการย่อลงแบบรวมวงออเครสตร้าภววิสัย(orchestrated objective reduction), ชี้แนะว่า, จิตสำนึกอาจมีแหล่งกำเนิดจากตัวประมวลผล/โปรเซสเซอร์แบบควอนตัมทั้งหลายที่ข้างในเซลล์ประสาท/นิวรอนทั้งหลาย(Consciousness might originate from Quantum processors inside neurons).



    หนึ่งในหนทางสำคัญทั้งหลาย(one of the important ways)ที่คุณสามารถบอกถึงบางสิ่งได้เกี่ยวกับจิตสำนึก(you can tell something about Consciousness)ก็คือ, อะไรปิดมันใน

หนทางย้อนกลับ(what turns it off in a reversible way).

         ในงานอาชีพของสจวร์ต(in Stuart’s job), คุณรู้นะ, เขาเป็นนักวิสัญญีวิทยา(an anesthesiologist – แพทย์วางยาสลบ)เขาทำผู้คนให้นอนหลับ(puts people to sleep). เอาละ, ผมคิดว่าเขาคงจะบ่นร้องทุกข์เอา(would complain), ถ้าผมพูดว่าคือการทำให้มันนอนหลับ(putting it to sleep)เพราะว่าภายใต้ยาสลบนั้น(under anesthetic)เป็นที่จริงแล้วแตกต่างออกไป.

คุณทำให้พวกเขาหมดสติในวิธีย้อนกลับ(make them unconscious in a reverse way), คุณต้องการจะทำให้แน่ใจว่าคุณสามารถปลุกให้พวกเขาตื่นขึ้นได้อีก(make sure you can wake them up again), และมันชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่ใช้ทักษะมากอย่างยิ่ง(a very skill things)แต่ผมเดาว่าเพื่อนร่วมงานทั้งหลายมากมายของเขา(a lot of his colleagues)อาจจะทีทักษะในการทำมันแต่อย่าได้ถามคำถามทั้งหลายว่าอะไรที่พวกเขาได้กำลังทำกันจริงๆ(what they’re actually doing).

จากจุดปลายสุดมุมมองเชิงชีววิทยาและฟิสิกส์(from the point of view of the biology and physics)และอีกอื่นทั้งหลาย, ออร์ค(the orc)หรือทฤษฎี(theory)ยืนกราน(persists)ว่าจิตสำนึกผุดขึ้นจากขบวนการเชิงควอนตัมภายในหลอดท่อขนาดเล็กของเซลล์ประสาท(Consciousness arises from Quantum processes within neuron microtubules). ทำให้เกิดกระแสอาการนั้น(challenging the current)อธิบายได้ถึงการจัดสร้างนี้โดยหลักวิชาประสาทวิทยา(neuroscience), ชีววิทยา(biology)และฟิสิกส์(physics).






มันเป็นสิ่งเล็กๆที่เรียกว่าหลอดท่อในเซลล์/ ไมโครทูลส์(microtubules), พวกมันเป็นขั้นมูลฐานอย่างสัมบูรณ์กับจิตสำนึก(absolutely fundamental to Consciousness), ไม่ใช่ส่วนทั้งหลายทั้งหมดของสมองจะเป็นเหมือนกันในการพิจารณานี้(not all parts of the brain are the same in this respect). คุณเห็นนะ, คุณมีสมองใหญ่ส่วนหน้า(you’ve got cerebrum), นี้


นี้คือส่วนที่อยู่ตอนบน(the part of the top)และคุณก็รู้, แบ่งลงมา(divided down)ก็คือตอนกลาง(the middle)และนั่นคือเมื่อคุณมองสมองทั้งหลาย, นั่นคืออะไรที่คุณเห็นตามปกติกับลอนสมองทั้งหลาย(that’s what you normally see with the convolutions).


         แต่ที่อยู่ข้างใต้และที่ด้านหลัง(right underneath and at the back)มีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าสมองส่วนท้ายด้านบน/สมองน้อย(the cerebellum)ที่ดูมากยิ่งเหมือนลูกบอลฝ้าย(which more looks more like a ball of wool)หรือดูเหมือนว่าเป็นที่ไร้จิตสำนึกอย่างสมบูรณ์(seems to be completely unconscious). และมันสามารถมีจำนวนเปรียบเทียบได้ของนูรอน/เซลล์ประสาททั้งหลาย(it has comparable number of neurons)มีการติดต่อทั้งหลายระหว่างเซลล์ประสาททั้งหลายมากยิ่งกว่าสมองใหญ่ส่วนบน(far more connections between neurons than the cerebrum).

         และมันคืออะไรที่ควบคุม(it’s what takes control)และบางทีเมื่อคุณกำลังขับรถยนต์ของคุณอยู่(you’re driving your car)และคุณกำลังคิดอะไรอยู่เกี่ยวกับอะไรบางอย่างอื่น(you’re thinking about something else)และคุรกไม่ได้คิดถึงว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่, เพราะว่ามันคือไร้จิตสำนึก(because it’s unconscious)และการควบคุมอย่างไร้สำนึก(the unconscious control).

คุณไม่ได้เป็นนักเปียโน(pianist)ผู้ที่เชี่ยวชาญอย่างมาก(very expert)และเคลื่อนไหวนิ้วไปรอบๆ(moves the fingers around)และเล่นมันขึ้นมาด้วยนิ้วเล็กๆหนึ่ง(play it up with a little finger)นักเปียโนนั้นก็ไม่ได้คิดว่า เอาละ, ฉันต้องเคลื่อนกล้ามเนื้อนั่นทางนี้(got to move that muscle this way)และกระดูกไปทางนั้นและอะไรต่อมิอะไร. และมันทั้งหมดถูกควบคุมอย่างไร้จิตสำนึก(it’s controlled unconsciously).

และอีกมากมายของการควบคุมอย่างไร้จิตสำนึกนี้ได้ทำในที่ไหนอื่นสักแห่งในสมองใหญ่ส่วนบน(a lot of this unconscious control is done somewhere else in cerebrum)เมื่อคุณ, เมื่อคุณได้มีทักษะจริงๆ(get really skilled).

มันดูเหมือนสำหรับผมแล้ว, โอเค, คุณมีโครงสร้างหลายประเภทที่แตกต่างกัน(you’ve got different kinds of structures)และมันสามารถเป็นได้ว่าเซลล์รูปปีระมิดเหล่านี้(it could well be that these pyramidal cells)ที่ได้มีไมโครทูบูลส์ทั้งหลายซึ่งรวมเข้าด้วยกันอย่างพิเศษ(which have a particular organization of microtubules), เป็นสิ่งนี้(the ones)ที่ซึ่งจิตสำนึก(Consciousness)ได้ก้าวออกมาจริงๆสู่แสงสว่างอย่างเป็นหลัก(is really coming to light mainly).



    ผมไม่รู้ว่ามีอะไรอีกมากที่ไม่ได้เป็นที่รู้จัก
(which is not known)เกี่ยวกับการถกเถียงนี้(this controversial)และชนิดทั้งหลายของสิ่งทั้งหลายทั้งหมด(all sort of things), แต่เซเรเบลลัม(cerebellum)ดูเหมือนว่าจะเป็นการแตกต่างไปและมีการรวมกันที่แตกต่าง(but cerebellum seems to be different and organized differently). ดังนั้นมันไม่ใช่แค่จำนวนของเซลล์ประสาท(neurons)มีมากเท่าไหร่, มีการเชื่อมติดต่อกันมากแค่ไหน(how many connections)เพราะว่ามีอะไรอีกมากในเซเรเบลลัม(there are more in the cerebellum).

ดังนั้น, มันไม่ใช่ว่าไมโครทูบูลทั้งหลาย(microtubules)เป็นเหมือนโครงสร้างหลอดท่อเล็กจิ๋ว(are tiny tube-like structures)ที่ก่อรูปทรงโครงกระดูกผลึกของเซลล์ทั้งหลาย(form the crystal skeleton of cells)รวมทั้งเซลล์ประสาท/นิวรอนทั้งหลาย(including neurons).

เพนโรสและเฮมรอฟฟ์(Penrose and Hameroff)ถกเถียงว่าโครงสร้างทั้งหลายเหล่านี้อาจจะกระทำตัวดุจสารตั้งต้นควอนตัม(argue that these structures might act as Quantum substrate)ยอมอนุญาตให้กับการผุดโผล่ขึ้นมาของประสบการณ์รับรู้สำนึกของจิต(allowing for the emergence of conscious experience).


         ในหนังสืออันทรงอิทธิพลของเขา “จิตใหม่ของจักรพรรดิ(the Emperor’s New Mind)”, เพนโรสคาดเดาว่าการยุบของหน้าที่ทำงานทั้งหลายของคลื่นควอนตัม(speculates that the


collapse of Quantum wave functions)สามารถสร้างสรรค์ชั่วขณะทั้งหลายของการตื่นรู้(could create moments of awareness)เชื่อมโยงกับอาณาจักรทั้งหลายของกายภาพและจิต(linking the physical and mental realms).

         ความคิดในเรื่องการยุบตัวคลื่นการทำงาน(wave function collapse), แนวความคิดมูลฐานในกลไกทั้งหลายเชิงควอนตัม(a fundamental Concept in quantum mechanics)อธิบายถึงการส่งผ่านจากการซ้อนทับของคลื่นของควอนตัมสู่สภาวะแน่นอนชัดเจน(describes a transition from a Quantum superposition to definite state).

         มันเป็นเรื่องน่าอยากรู้มากถึงวิธีที่ประวัติศาสตร์ได้พัฒนาในกลไกควอนตัม(it’s very





curious the way the history has developed in quantum mechanics)เพราะว่าในตอนเริ่มแรกๆกับผู้คนคิดว่า(very early on people thought)เป็นอะไรบางอย่างที่จะทำกับจิตสำนึก(was something to do with Consciousness)แต่มันเกือบเป็นหนทางอื่นที่อยู่รายรอบ(almost the other way around).

         คุณเห็นนะ, ต้องพูดว่าสมการชโรดิงเจอร์ทั้งหลาย(the Schrodinger equations2)บอก         2https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C

ว่าทั้งหมดของตัวเลือกทั้งหลายเหล่านี้บังเกิดขึ้นในทันที(all these different Alternatives happen all at once)และแล้วเมื่อมันได้บังเกิดขึ้นเพียงหนึ่งของพวกมัน, เอาละ, หนึ่งในมุมมองทั้งหลาย(one of the views)ที่ค่อนข้างยึดถือกันโดยทั่วไป(which was quite commonly



Held)โดยสองสามรายจากที่จำแนกเป็นนักฟิสิกส์ควอนตัมทั้งหลาย(by a few distinguished Quantum physics)นี้ไม่ใช่การเป็นจิตสำนึกมองที่ระบบนั้น(weren’t a conscious being looks at the system), หรือกลายเป็นตื่นรู้ของมัน(becomes aware of it), กลายเป็นหนึ่งหรืออย่างอื่นที่เป็นแถวหนึ่ง(one or the other that a row)ที่ซึ่งจิตสำนึกด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งกระทำการลดสภาวะลง(where Consciousness somehow actively reducing the state).

         มุมมองของผม(my view)เป็นเกือบจะตรงกันข้ามชัดเจนของข้างต้นนั้น(is almost the exact opposite of that). มันเป็นสภาวะที่ลดลงโดยตัวมันเองในทางใดทางหนึ่ง(the state reduces itself in some way)ที่บางหนทางที่ไม่เผชิญหน้าที่เราก็ไม่เข้าใจ(which some non-confrontational way which we don’t understand), เราไม่มีทฤษฎีที่เหมาะสมกับเรื่องนั้น(don’t have a proper theory of)และนั่นคือตัวต่อของอะไรซึ่งจิตสำนึกเป็น(is the building block of what consciousness is).

         ดังนั้นจิตสำนึกคือหนทางอื่นรอบๆมัน(consciousness is the other way around it)ขึ้นอยู่กับการเลือกนั่น(depend on that Choice)ที่ธรรมชาติทำอยู่ตลอดเวลาเมื่อสภาวะนั้นกลายเป็นเพียงหนึ่งหรืออื่นๆทั้งหลาย(when the state becomes one or the others)มากกว่าเป็นการซ้อนทับของหนึ่งและอีกหลายอันอื่น(rather than the superposition of one and the others).

         และเมื่อนั่นบังเกิดขึ้น(when that happens), มีอะไรที่เรากำลังพูดว่าในตอนนี้คือ องค์ประกอบของต้นร่าง-จิตสำนึก บังเกิดขึ้น(an element of  proto-consciousness3 takes place).

         ต้นร่าง-จิตสำนึก(proto-consciousness3)คือ พูดอย่างคร่าวๆได้ว่าตัวต่อ(the building block)ที่ออกมาจากจิตสำนึกจริง(out of which actual Consciousness)ได้ก่อโครงสร้างขึ้น(is

         3 https://thephilosophyforum.com/discussion/14153/penrose-hameroff-proto-consciousness

Constructed). ดังนั้นคุณมีองค์ประกอบต้นร่าง-จิตสำนึกทั้งหลายเหล่านี้(you have these proto-conscious elements)ซึ่งคือเมื่อสภาวะนั้นตัดสินใจที่จะทำอย่างดีกับสิ่งหนึ่งหรืออีกอื่นหลาย(decides to well do one thing or the other). นั่นคือสิ่งที่เมื่อรวมเข้าด้วยกันเป็นองค์คณะ(when organized together)นั่นคือส่วนหนึ่งของออร์ค(orc0).

         0 https://en.wikipedia.org/wiki/Organic_Rankine_cycle

แต่ส่วนออร์ค(the orc part)หรือส่วนอย่างน้อยครั้งหนึ่ง(the orc part at least once - ส่วนหนึ่งของสิ่งปรากฏขึ้น)นี้สามารถมองเห็นได้ที่ไหนเมื่อกำลังขับเคลื่อนไปในฐานะทฤษฎี(can see where when driving as a theory)ว่ามันเป็นการเลือกแบบควอนตัมของการไปทางนี้(it’s the Quantum choice of going this way)แต่ส่วนออร์ค(the orc part)ที่คือการเรียบเรียงของเรื่องนี้(which is the orchestration of this)คือยิ่งลี้ลับมากมาย(is much more mysterious), และอย่างไรที่สมองด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งเรียบเรียงปัจเจกทั้งหมดเหล่านี้(how does the brain somehow orchestrate all these individual)หรือเข้าไปสู่สิ่งนี้กลายเป็นประสบการณ์รับรู้สำนึกจิตแท้จริง(approaches this into a genuine conscious experience).

การทดลองทั้งหลายที่ไม่นานมานี้(recent experiments)ไม่ได้สนับสนุนหุ่นจำลองการยุบตัวของควอนตัมที่สัมพันธ์แรงโน้มถ่วงกับจิตสำนึก(have not supported a gravity-related



Quantum Collapse model for Consciousness)ปล่อยให้ออร์ค(the orc)หรือฺทฤษฎีเปิดสู่

                                                                                     

   
การวิพากษ์วิจารณ์(open to criticism)หนึ่งในการคัดค้านหลักทั้งหลาย(one of the main objections)ต่อออร์คหรือทฤษฎี(against the orc or theory)ก็คือว่า, สมองนั้นดูเหมือนไม่เหมาะสมสำหรับเจ้าภาพ/พื้นที่สำหรับ(hosting)ตัวประมวลผล/โปรเซสเซอร์ควอนตัมทั้งหลาย(Quantum processors).

         กฏทั้งหลายเชิงเครื่องกลไกควอนตัม(quantum mechanical laws)มีรูปแบบนำนาใช้ที่อุณหภูมิต่ำมากๆทั้งหลาย(typically apply at very low temperatures)ที่ซึ่งผลปรากฏทั้งหลายของควอนตัม(where Quantum effects)สามารถถูกแยกออกจากสภาพแวดล้อมของพวกมันชั่วขณะ(can be isolated from their environment for instance).


         คอมพิวเตอร์ควอนตัมทั้งหลาย(quantum computers)ในปัจจุบันปฏิบัติงานอยู่ที่อุณหภูมิราว -272 องศาเซลเซียส(currently operate at around minus 272 degree Celsius). ที่อุณหภูมิสูงกว่าทั้งหลาย, กลไกเชิงคลาสสิคทั้งหลาย(at higher temperatures, classical mechanics)เข้ายึดครองทำให้ร่างกายของเราทำงานที่อุณหภูมิห้อง(take over given that our body work at room temperature). ใครก็น่าจะคาดหวังมันให้เป็นการปกครองโดยกฎทั้งหลายแบบคลาสสิคของฟิสิกส์(one would be expect it to be governed by the classic laws of physics), อย่างไรก็ตาม, การค้นพบทั้งหลายเมื่อเร็วๆนี้ในเรื่องควอนตัมชีววิทยา/ชีววิทยาระดับควอนตัม(recent discoveries in Quantum biology4)ได้แสดงว่าผลทั้ง

         4 https://en.wikipedia.org/wiki/Quantum_biology

หลายที่ปรากฏของควอนตัม(Quantum effects)สามารถอุบัติขึ้นได้ในชีวอินทรีย์สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย(can occur in living organisms).

         ให้ยืมการสนับสนุนต่อความคิดทั้งหลายของเพนโรส(lending support Penrose’s idea)และให้กำลังใจในการสำรวจค้นคว้าไปไกลยิ่งขึ้น(encouraging further exploration)ในสาขาด้านนี้(in this field).

         เพนโรสเชื่อว่า, การเข้าใจอย่างลึกยิ่งขึ้นในเรื่องกาล/เวลาและอวกาศ(a deeper understanding of time and space)เป็นแกนหลักสำคัญที่จะหยั่งรู้ครอบคลุมความสัมพันธ์ระหว่างจิตสำนึกกับโลกเชิงกายภาพ(is essential to comprehend the relationship between Consciousness and the physical world). และโลกเชิงกายภาพตามทฤษฎีทั้งหลายในปัจจุบัน(the physical world as current theories)ยังคงไม่สมบูรณ์ตามความคิดเห็นของเขา(remain incomplete in his view).


         ญาณทัศน์ใหม่ทั้งหลาย(new insights - ข้อมูลเชิงลึก)เข้าไปสู่ธรรมชาติของอวกาศ-เวลา(into the nature of space-time)และการติดต่อกันของมันกับตัวประมวลผล/โปรเซสเซอร์ระดับควอนตัมทั้งหลาย(its connection to Quantum processors), สามารถช่วยเราเปิดเผยถึงธรรมชาติที่แท้จริงของจิตสำนึก(could help us uncover the nature of Consciousness).

         คำถามอันวิกฤตสำคัญในการแสวงหานี้(the crucial question in this Quest)ก็คือ, จะ

ทำการทดลองเชิงประจักษ์อย่างไร(how to empirically test)ถึงการติดต่อกันระหว่างจิตสำนึกกับกายภาพควอนตัม(the connection between Consciousness and Quantum physics). นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายดำเนินต่อไปในการสอบสวนธรรมชาติของจิตสำนึก(scientists continue investigating the nature of Consciousness)และศักยภาพการเชื่อมโยงของมันต่อขบวนการเชิงควอนตัม(its potential link to Quantum processes).

         เราอาจจะพัฒนาหุ่นจำลองการทดลองใหม่(develop new experimental models)เพื่อหยั่งหาสัมพันธภาพนี้(to probe this relationship)โดยตรงไปที่ออร์ค(the orc)หรือฤษฎี(Theory)และความเกี่ยวพันทั้งหลายของมัน(its implications), อีกทั้งยังยกคำถามทั้งหลายเชิงปรัชญาอันสนิทลึกซึ้ง(also raise philosophical questions)เกี่ยวกับเจตจำนงอิสระเชิงปัจเจกอัตลักษณ์(Free Will personal identity)และธรรมชาติของความเป็นจริงของตัวมันเอง(nature of reality itself).


         คำถามเหล่านี้ได้สร้างปริศนาแก่นักปรัชญาทั้งหลาย(philosophers)มานานหลายศตวรรษ(for centuries)และก้าวหน้าเข้ามาในความเข้าใจของเราในด้านฟิสิกส์ควอนตัม(advances in our understanding of quantum physics)ก็อาจจะจัดหาญาณทัศนะใหม่เข้ามาในความลี้ลับทั้งหลายอันเก่าแก่แต่ยุคโบราณเหล่านี้(may provide new insight into these old-age Mysteries).

         เราจำเป็นต้องการฟิสิกส์ใหม่(new physics)ที่จะเข้าใจจิตสำนึก(to understand Consciousness). ตอนนี้อะไรที่ผมหมายถึงฟิสิกส์ใหม่(new physics)ในที่นี้ผมหมายถึงอะไรภายนอกของฟิสิกส์บางอย่างที่เรารู้(I mean something outside the physics we know)มันไม่ใช่เพียงแค่ประดิษฐ์เพื่อเจตนาในการอธิบายถึงจิตสำนึก(simply inventing for the purpose of explaining Consciousness).

มันคืออะไรบางอย่างที่ผมคิดว่าเรามีความจำเป็นต้องการไม่ว่าจะหนทางใดสำหรับเหตุผลทั้งหลายอื่น(need anyway for quite other reasons), เอ้อ, อย่างแรกเลย(first of all), มีหลากหลายมุมมองทั้งหลายเกี่ยวกับว่าอะไรคือพื้นฐานของจิตสำนึก(what is the basis of Consciousness)และผู้วิจารณ์รถยนต์ทั้งหลายคือสมองนั้นปฏิบัติการอิงไปตามที่กำหนดโดยคอมพิวเตอร์(the car reviewers is basically well the brain operates according to a computer). และผู้คนมากมายเชื่อเช่นนี้(believe this)และคอมพิวเตอร์ทั้งหลายเมื่อพวกเขาเข้ามามีส่วนกับเรา(computers are when they get part on us), เราก็จะทำในสิ่งทั้งหลายเช่นเดียวกันกับที่สมองทั้งหลายทำ(do the same things that brains do)และถ้าสมองทั้งหลายทำให้เราสร้างจิตสำนึกให้เรา(if brains make us consciousness)แล้วคอมพิวเตอร์ทั้งหลายเหล่านี้ก็จะมีสำนึกของจิต/รู้สึกตัว(these computers will be conscious), และเช่นนั้นการคำนวณในตัวมันเองคืออะไรที่จัดให้มีจิตสำนึกขึ้น(therefore computation itself is what provides Consciousness).

อันนั้นค่อนข้างจะเป็นมุมมองทั่วไปในทุกวันนี้(that’s one quite a common view these days), ถ้าคุณไม่มีมุมมองนั่นคุณก็อาจช่วยเหลือต่อมุมมองถัดไปที่นั่นคือการสถาปนาวิทยาศาสตร์(probably help the next view which is that establish science). วิทยาศาสตร์จะทำงานได้ดีอย่างยิ่ง(will work so well)ที่เรามีกันในตอนนี้(we have now), นั่นคือในบางหนทาง(in some way)วิทยาศาสตร์นี้มาด้วยกันในบางรูปพรรณสัณฐานทั้งหลาย(this science come together in some configurations)ผลิตสร้างจิตสำนึก(produces consciousness).

มีฟิสิกส์เพื่อนรายที่สามของโลกนี้(a third dude physics of the world)และนั่นคืออะไรที่เราจำเป็นต้องการในการเพื่อที่จะอธิบายจิตสำนึก(what we need in order to explain Consciousness)หรือคุณอาจจะพูดได้ว่า, มันไม่มีอะไรที่จะทำด้วยวิทยาศาสตร์(nothing to do with science)และบางอย่างมาจากภายนอก(something comes from outside).

มุมมองของผมในตัวเลข3(my view of number three)มีรูปลักษณ์ทั้งหลายมากมายของจิตสำนึก(there are many aspects of Consciousness)ที่ผมไม่ได้ต้องการจะพูดถึง, ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ได้พูดคุยกันถึงจริงๆกับสิ่งทั้งหลาย(which most people do talk about things)เหมือนคุณรู้ถึงความเจ็บปวด(you know pain)หรือยินยอม(allows)หรือการหลอกลวงของสีเขียว(deception of the color green), ทั้งหมดของสิ่งทั้งหลายอะไรแบบนั้น(all sort of things like that).


ผมกำลังเน้นความสนใจอยู่แต่เพียงหนึ่งสิ่ง(I’m only concentrating on one thing)ที่เป็นแนวความคิดของการเข้าใจ(which is the concept of understanding).

                                                                


 ในขณะที่ชุมชนทางวิทยาศาสตร์(the scientific Community)สำรวจค้นคว้าถึงความสัมพันธ์ระหว่างจิตสำนึกกับฟิสิกส์ควอนตัม(explores the relationship between Consciousness and quantum physics), ทฤษฎีทางเลือกทั้งหลาย(alternative theories)ได้เสนอขีดเส้นเน้นความจำเป็นต้องการเพิ่มขึ้นอีกกับการค้นคว้าวิจัยร่วมกันแบบสหวิทยาการต่างสาขาวิชาชีพ(proposed highlighting the need for more research and interdisciplinary collaboration), ที่จะคลี่คลายความสลับซับซ้อนทั้งหลายของจิต(to unravel complexities of

the mind)และโลกของควอนตัม(and the quantum world).




การปะทะชนกันอย่างมีศักยภาพทางความคิดทั้งหลายเหล่านี้(the potential impact of these ideas)กับปัญญาประดิษฐ์เป็นเรื่องสำคัญ(on artificial intelligence is significant).




   ถ้าจิตสำนึกได้เชื่อมโยงต่อแท้จริงกับขบวนการควอนตัมทั้งหลาย(if Consciousness is indeed linked to Quantum processes), ผสมผสานกับฟิสิกส์ควอนตัม(incorporating quantum physics)กลายไปเป็นหุ่นจำลองAIทั้งหลาย(into AI models)ก็อาจเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการได้รับผลเป็นจิตสำนึกประดิษฐ์อย่างแท้จริง(might be necessary for achieving genuine artificial consciousness).

         ความเป็นไปได้นี้ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับจริยธรรม/ศีลธรรมทั้งหลายขึ้น(this possibility raises ethical questions)เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อAI(about the treatment of AI)ถ้าเครื่องจักรสามารถที่จะครอบครองจิตสำนึก(if machines could possess Consciousness)ผ่านขบวนการควอนตัมทั้งหลาย(through Quantum processes), มันจะมีสิทธิทั้งหลายเหมือนกับมนุษย์ทั้งหลายหรือไม่(should they have rights similar to humans).

         การเอ่ยไปถึงประเด็นทางศีลธรรมและทางปรัชญาทั้งหลายเหล่านี้(addressing these moral and philosophical issues)เป็นสิ่งสำคัญในเมื่อระบบAIทั้งหลายกำลังดำเนินต่อไปยังความก้าวหน้า(is essential as AI systems continue to advance).

         ความคิดของเพนโรสทั้งหลาย(Penrose’s ideas)เกี่ยวกับจิตสำนึก(about Consciousness)และฟิสิกส์ควอนตัม(quantum physics)ได้เสนอทัศนภาพหนึ่งอันกระตุ้นให้คิดในสิ่งที่สนใจกันนี้(offer a thought-provoking perspective)กับเรื่องธรรมชาติของจิตและจักรวาล(on the nature of the mind and the universe)โดยการสำรวจค้นยังการติดต่อทั้งหลายระหว่างสนามขอบเขตที่ดูเหมือนแตกต่างกัน(by exploring connections between these seemingly disparate fields).


                  เราสามารถลงลึกไปอีกได้ในความเข้าใจของเราที่มีต่อทั้งจิตสำนึกและกฎทั้งหลายขั้นมูลฐาน(can deepen our understanding of both Consciousness and the fundamental laws)ที่ทำการปกครองความเป็นจริงอยู่(governing reality)ขณะที่เราดำเนินการต่อไปที่จะเรียนรู้มากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับธรรมชาติของจิตสำนึก(as we continue to learn more about the nature of Consciousness), และความเป็นไปได้ของการเชื่อมโยงทั้งหลายกับฟิสิกส์ควอนตัม(its possible links to quantum physics).



         เราอาจพบว่าตัวเราเองอยู่บนยอดแหลมของยุคใหม่แห่งความเข้าใจต่อนัยอันประณีตทั้งหลายสำหรับเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์(on the cusp of a new era of understanding with profound implications for science technology)และประสบการณ์รับรู้ของมนุษย์(the Human Experience).



         https://youtu.be/2xsyC7xytU0?si=5ELL--JAftMG6yDI



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น