ล่ามผู้งดงามที่แปลสุนทรพจน์ของ หลี่ เฉียง ต่อที่ประชุมสภาความมั่นคงสหประชาชาติ 2025
Beautiful
Interpreter Translates for Li Qiang at UN General Assembly 2025
https://youtu.be/_2wqQrY0ATg?si=wRmYxNKqHcdaH7qN
* หลี่ เฉียง (จีน: 李强; พินอิน: Lǐ Qiáng; เกิด 23
กรกฎาคม ค.ศ. 1959) เป็นนักการเมืองชาวจีนผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 8 และคนปัจจุบันของจีนตั้งแต่เดือนมีนาคม
ค.ศ. 2023 เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกอันดับสองของคณะกรรมาธิการสามัญประจำกรมการเมืองพรรคคอมมิวนิสต์จีนในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2022 ตั้งแต่ ค.ศ. 2017 ถึง 2022 หลี่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเขาได้ดำเนินนโยบายสนับสนุนธุรกิจและบริหารการรับมือกับการระบาดทั่วของโควิด-
หลี่ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของ
"กองทัพจือเจียงใหม่" ฝ่ายการเมืองในพรรคของสี
จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนและผู้นำสูงสุดตั้งแต่ ค.ศ. 2012 ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ
2000 เมื่อทั้งสองคนดำรงตำแหน่งในพรรคที่มณฑลเจ้อเจียง หลี่โดยทั่วไปถูกนักวิเคราะห์มองว่าเป็นผู้สนับสนุนธุรกิจและได้แสดงจุดยืนสนับสนุนการปฏิรูปเศรษฐกิจ
ในวิดีโอนี้,
แสงไฟจุดส่องด้วยเช่นกันอยู่บนล่ามที่รู้จักกันดี จวาง จิ้ง,
ที่ได้รับคำชื่นชมสำหรับคำแปลที่กระจ่างชัด, กระชับ,
และสง่างามอันหาไม่ได้อีกในขระที่เธอแสดงออกมาคำต่อคำพูดของ หลี่ เฉียง -
นายกรัฐมนตรีจีน ต่อผู้ชม/ฟังในห้องประชุมนี้. (In this video,
the spotlight is also on the renowned interpreter Zhang Jing (张京), admired for her exceptional clarity, precision, and
elegance while rendering Li Qiang’s words for the international audience.)
คำกล่าวนำ
(Opening Remarks)
ท่านประธาน, เพื่อนสมาชิกทั้งหลาย,
ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย. ปีนี้เป็นวาระ 80 ปีการครบรอบชัยชนะของสงครามโลกในการต้อต้านฟาสซิสต์.
มันยังเป็น การครบรอบ 80 ปีของการสถาปนาสหประชาชาตินี้ด้วยเช่นกัน.
(Mr. President, colleagues, ladies and gentlemen. This year
marks the 80th anniversary of the victory of the world anti-fascist1
war. It is also the 80th anniversary of the founding of the United Nations.)
80 ปีก่อน, ลัทธิฟาสซิสม์ได้ถูกเอาชนะในสงครามทั้งหลายอันปราศจากความหวาดกลัว
โดยวิรบุรุษที่นับไม่ถ้วน. ชายและหญิงทั่วทั้งโลก. และสหประชาชาติได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นตามอุดมคติของพวกเขาในการที่จะมีโลกที่ปลอดไปจากสงคราม.
จุดเริ่มต้นของการเดินทางพิเศษของการก่อสร้างระเบียบการระหว่างประเทศภายหลังสงครามโลก
และแสวงหาซึ่งสันติภาพและการพัฒนา. อดีตที่ผ่านล่วงมา 80 ปีได้เป็นซึ่งบิดเบี้ยวแต่มุ่งมั่นในเป้าหมาย.
ในวันนี้, สหประชาชาติคือเป็นองค์กรตัวแทนนานาประเทศมากและทรงอำนาจระหว่างรัฐบาลที่น่าเชื่อถือมากที่สุดของโลก.
ด้วยระบบสากลศูนย์กลางระหว่างประเทศรายรอบสหประชาติและระเบียบการสากลระหว่างประเทศที่มีพื้นฐานบนกฎหมายระหว่างประเทศ,
สังคมมนุษย์ได้ตระหนักถึงสันติภาพโดยรวมและได้ประสบสำเร็จในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนของการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรือง.
(80 years ago, Fascism was defeated in fearless battles by the
countless heroic men and women around the world. And the United Nations was
created upon their ideal of a world free of war. Marking the beginning of an
extraordinary journey of building the post war international order and pursuing
peace and development. The past 80 years have been tortuous but purposeful. Today,
the UN is the world’s most universal representative and authoritative
intergovernmental organization. With an international system centered around
the UN and international order based on international law, human society has
realized overall peace and achieved unprecedented levels of development and
prosperity.)
อดีตที่ผ่านมา 80 ปีได้เป็นพยานต่อการเปลี่ยนแปลงสัณฐานในโลกของเรา.
คร่อมมาสองช่วงศตวรรษ, คาบเวลานี้เห็นได้ถึงสังึมมนุษย์ได้กระโจนขึ้นจากยุคสมัยของำฟฟ้าและคอมพิวเตอร์เข้ามาสู่ยุคสมัยปัญญาดิจิตอล.
ในขณะที่โลกที่เราอาศัยอยู่นี้ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหึมา,
อุดมคติของการทำมันให้เป็นสถานที่ดียิ่งขึ้นก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง. มองย้อนกลับไป,
เราสามารถวาดได้จำนวนมากมายชองแรงบันดาลใจอันทรงคุณค่าทั้งหลาย. (The past 80 years have witnessed
tectonic changes in our world. Straddling two centuries, this period saw human
society leapfrog from the age of electricity and computers into a digital
intelligence era. While the world we live in has changed enormously, the ideal
of making it a better place remains unchanged. Looking back, we can draw a
number of valuable inspirations.)
บทเรียนทั้งหลายจากอดีต:
สันติภาพ, เอกภาพ, ยุติธรรม (Lessons
from History: Peace, Unity, Justice)
อันดับแรก, สันติภาพและการพัฒนา คือแรงบันดาลใจที่แข็งแกร่งที่สุดโดยผู้คนของทุกประเทศ.
ที่ได้จากไปผ่านสองสงครามโลกนี้, เราต้องไม่มีวันลืมบทเรียนอันขมขื่นทั้งหลายที่ได้เรียนรู้ผ่านการนองเลือดและการสูญเสียชีวิตทั้งหลาย.
ตลอดมา 80 ปี, สภาวะแวดล้อมนานาประเทศโดยทั่วไปที่สันติสุขได้นำไปสู่ความเจริญเติบโตอันน่าสังเกตในเศรษฐกิจโลก.
ในวันนี้, ตามที่มีความปรารถนาต่อสันติภาพและการพัฒนามีการเติบโตกระทั่งแข็งแรงยิ่งขึ้นไปทั่วโลก,
มันเป็นภาระหน้าที่ของคนรุ่นเราที่จะสร้างความแข็งแรงให้ไปไกลยิ่งขึ้นในแรงกำลังเพื่อสันติภาพและการพัฒนา. (First, peace and
development are the strongest aspiration shared by the people of all
countries. Having gone through two world wars, we must never forget the bitter
lessons learned through bloodshed and loss of lives. For 80 years, a generally
peaceful international environment has led to remarkable growth in the global
economy. Today. as the desire for peace and development grows even
stronger around the world, it is incumbent upon our generation to further
strengthen the force for peace and development.)
อันดับที่สอง, ความสามัคคีและความร่วมมือกัน
คือตัวขับเคลื่อนทั้งหลายที่มีพลังอำนาจเต็มเปี่ยมสำหรับความก้าวหน้ามนุษย์. ในปีทั้งหลายอันดุเดือดร้อนระอุของสงครามโลกต่อต้านฟาสซิสต์,
ประเทศทั้งหลายด้วยความแตกต่างกันของระบบทั้งหลายทางเศรษฐกิจ, ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมได้ลุกขึ้นเหนือความแตกต่างทั้งหลายเหล่านั้นของพวกเขา,
ต่อสู้เคียงข้างกันและได้รับผลขนะร่วมกัน. ในอีก 80 ปีที่ติดตามมา, พวกเขาได้ฝ่าฟันตรากตรำอันต่อเนื่องกันกับอะไรเช่นความขัดแย้งสงครามเย็น,
วิกฤติดเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดโรคอันสร้างความตื่นตระหนกไปโลก. ด้วยการอยู่เชื่อมติดต่อกันและทำงานร่วมกัน,
ทั้งหมดนี้ได้พิสูจน์ง่ายๆกระนั้นถึงจุดอันทรงพลังหนึ่ง. ตวามสามัคคีจะช่วยยกผู้คนขึ้นมาในขณะที่ความแบ่งแยกลากทั้งหมดลงไป.
ถนนข้างหน้านั้นอาจจะเป็นที่ยากลำบากและคันสะดุด,
แต่เมื่อประดเทศทั้งหลายทั้งหมดเป็นเอกภาพเช่นหนึ่งเดียวและร่วมมือกันด้วยความจริงใจ,
ความเข้มแข็งของเราจะรวมกันเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ด้วยอะไรที่เราสามารถยืนหยัดต่อหัวลมแรงมาและข้ามผ่านสิ่งกีดกั้นเหล่านั้นได้.
(Second, solidarity and cooperation are the most
powerful drivers for human progress. In the ferocious years of the world
anti-fascist war, countries with different social systems, histories and
cultures rose above their differences, fought side by side and prevailed
together. In the 80 years that followed, they weathered a succession of vicissitudes
such as the Cold War standoff, financial crises and global pandemics. By
staying connected and working together, all this proves a simple yet powerful
point. Solidarity lift everyone up while division drags all down.
The road ahead might be hard and bumpy, but when all countries unite as one and
collaborate in good faith, our strength will converge into a mighty force with which
we can withstand any headwind and cross any hurdle.)
อันดับที่สาม, เท่าเทียมและเที่ยงธรรม
คือคุณค่าที่สำคัญที่สุดซึ่งได้ถูกแสวงหาโดยชุมชนนานาประเทศ. ปนะวัติศาสตร์ได้คอยย้ำเตือนเราว่าเมื่อใดที่อาจใช้อำนาจคือธรรม,
โลกก็เสี่ยงต่อการแบ่งแยกและถดถอย. ควรหรือที่กฏของป่าจะกลับมาและผู้อ่อนแอได้ถูกทอดทิ้งไปเป็นเช่นเหยื่อต่อผู้แข็งแรง,
สังคมมนุษย์ก็จะเผชิญหน้ากระทั่งมากยิ่งขึ้นกับการนองเลือดและความโหดร้ายป่าเถื่อน.
ในฐานะสมาชิกของครอบครัวโลก, เราต้องยึดมั่นต่อความยุติธรรมในขณะที่แสวงหาผลประโยชน์ทั้งหลายของตนเอง.
นี้คือความสัจจริงพิเศษโดยเฉพาะกับประเทศหลักใหญ่ทั้งหลาย. มีเพียงเมื่อประเทศทั้งหลายทั้งหมดเท่านั้น,
ใหญ่หรือเล็ก, ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและพหุภาคีนิยมอย่างแท้จริง
จึงจะดเป็นจริงได้สามารถที่สิทธิและผลประโยชน์ทั้งหลายของภาคส่วนทั้งหลายทั้งหมดจะถูกปกป้องที่ดีขึ้น.
(Third, fairness and justice are the most important
values pursued by the international community. History keeps reminding us that when
might dictates right, the world risks division and regression. Should the era
of the law of the jungle return and the weak be left as a prey to the strong,
human society would face even more bloodshed and brutality. As member of the
global family, we must uphold justice while pursuing our own interests. This is
particularly true for the major countries. Only when all countries, big or
small, are treated as equals and true multilateralism is practiced can the
rights and interests of all parties be better protected.
กรอบความคิดแบบเอกภาคีนิยมและสงครามเย็น (Unilateralism and Cold War mentality)
ในปัจจุบันนี้,
โลกได้เข้าไปสู่ช่วงเวลาใหม่แห่งความปั่นป่วนและความเปลี่ยนแปลงสภาพ. กรอบความคิดเอกภาคันิยมและสงครามเย็นกำลังปรากฏโฉมหน้าขึ้นมาใหม่.
กฎระเบียบที่ใช้เป็นกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศได้ถูกสร้างขึ้นมาตลอด 80
ปีได้อยู่ภายใต้การท้าท้ายอย่างจริงจัง, และระบบกติการะหว่างประเทศที่ครั้งหนึ่งมีประสิทธิผลได้ถูกรบกวนบ่อนเซาะอยู่อย่างสม่ำเสมอ.
ปัญหาหลากหลายทั้งหลายที่ถูกลดลง กำลังเป็นที่ไม่มีความสุขและน่ากังวล. มนุษยชาติอีกครั้งหนึ่งได้มาถึงทางตัดแยกทั้งหลาย.
ใครก็ตามที่ใส่ใจใยดีเกี่ยวกับสถานการณ์โลกก็จะต้องการที่จะถามว่า, ทำไมที่เรามนุษย์ถึงไม่สามารถ,
ทั้งที่ผ่านความทุกข์ยากทั้งหลายกันมาแล้ว, มีจิตสำนึกและเหตุผลกันมากยิ่งขึ้นและปฏิบัติต่อกันและกันด้วยความกรุณาและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ไม่ได้หรือ? เราสามารถมาเผชิญหน้ากับเหตุสลดหดหู่ใจหายนะของมนุษยชาติเช่นนี้ได้อย่างไร,
เปลี่ยนเป็นตามืดบอดต่อความโหดร้ายที่ย่ำเหยียบอย่างโจ่งแจ้งต่อความเท่าเทียมและความยุติธรรม
และนั่งอยู่บนมือของตัวเราเอง ได้อย่างไร? เราเป็นได้อย่างไรในการที่มาเผชิญหน้ากับการกระทำที่ไร้ยางอายของการใช้อำนาจครอบงำและระรานพาล,
ยังคงนิ่งเงียบและยอมจำนนเพื่อหวาดกลัวถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้น? และเราทำได้อย่างไรกับการปล่อยให้สิ่งหลงใหลและการทุ่มเทอย่างแรงกล้าของบรรพบุรุษเราในการสถาปนาสหประชาชาตินี้ได้เลือนจางหายไปง่ายๆเข้าไปในหน้าทั้งหลายของประวัติศาสตร์?
(At
present, the world has entered a new period of turbulence and transformation.
Unilateralism2 and Cold War mentality are resurfacing. The
international rules and order built over the past 80 years are under serious
challenge, and the once effective international system is constantly disrupted.
The various problems induced are distressing and worrying. Humanity has once
again come to a crossroads. Anyone who cares about the state of affairs in the
world would want to ask, why couldn’t we humans, having emerged from tribulations,
adopt a greater sense of conscience and rationality and treat each other with
kindness and coexist in peace? How could we in the face of deplorable incidents
such as humanitarian disasters, turn a blind eye to atrocities that trample
blatantly on fairness and justice and sit on our own hands? How
could we, when confronted with unscrupulous acts of hegemonism and bullying, remain
silent and submissive for fear of might? And how could we let the ardent
passion and dedication of our forefathers in founding the UN simply fade into
the pages of history?)
*
"Unilateralism" แปลว่า "การกระทำฝ่ายเดียว"
หรือ "เอกภาคีนิยม"
ซึ่งหมายถึงแนวทางที่รัฐหรือประเทศดำเนินกิจการระหว่างประเทศโดยลำพัง ไม่พึ่งพาหรือคำนึงถึงความเห็นชอบหรือการมีส่วนร่วมของประเทศอื่น.
2 https://en.wikipedia.org/wiki/Unilateralism
เราผู้คนชาวจีนมักจะพูดว่า,
“อย่าได้ลืมว่าเราไกด้เริ่มต้นทำเช่นนี้ทำไม, และพวกคุณสามารถบรรลุสำเร็จภารกิจนี้ได้.”
การมาถึงสำนักงานใหญ่สหประชาชาติในคราวนี้, ผมได้มองเห็นกว่า 190
ธงขาติของประเทศทั้งหลายเรียงแถวอยู่ข้างบนด้านหน้าอาคารและโบกสะบัดอยู่ในสายลม.
ผมได้มองเห็นรูปปั้น, ขอพวกเราทุบหลอมดาบทั้งหลายไปเป็นผานไถทั้งหลาย
และไม่มีความรุนแรงด้วยข้อความที่ผ่านการทดสอบมาตามกาลเวลาอย่างเสียงดัง.
และผมมองเห็นคณะทำงานสมาชิกทั้งหลายจากภูมิภาคแตกต่างกัน,
จากชาติพันธุ์แตกต่างกันและผิวพรรณแตกต่างสึกันกำลบังทำงานอยู่ในความร่วมมือเพื่อเป้าหมายร่วมกันของมนุษยชาติ. (We Chinese people often say “Never
forget why you started, and you can accomplish your mission.” Arriving at the
UN headquarters this time, I saw over 190 national flags lined up in front of
the building and fluttering in the breeze. I saw the sculptures, let us beat
swords into plowshares and nonviolence with their time-tested message ever so
loud. And I saw staff members from different regions, of different races and
with different skin colors working in collaboration for the common goals of
humanity.)
อะไรที่ผมได้เห็นทำให้ผมคิด. ผู้คนเหล่านั้น, วัตถุและฉากทัศน์ทั้งหลายที่รวมร่างเป็นสันติภาพ,
การก้าวหน้าและการพัฒนา คืออะไรอย่างแน่ชัดที่ทำไมเราเลือกที่จะนำลึกถึงชัยชนะนั้น.
พวกเขาด้วยเช่นกันคืออะไรที่สร้างแรงบันดาลใจแก่เราที่จะหลอมรวมไปข้างหน้าโดยกุมมือกันและกัน.
ขณะที่เราอาจไม่สามารถที่จะย้อนเวลากลับไปได้และปลดเปลื้องชัยชนะนั้น. เราสามารถอย่างแน่ชัดที่จะสร้างสรรค์อนาคตที่ดีขึ้นด้วยกัน. (What I saw got me thinking. Those
people, objects and scenes that embody peace, progress and development are exactly
why we choose to commemorate victory. They are also what inspires us to forge
ahead hand in hand. While we may not be able to go back in time and relive the
victory. We can definitely create a better future together.)
วิสัยทัศน์และความริเริ่มระดับโลกของจีน
(China’s
Global Vision & Initiatives)
ในฐานะสมาชิกผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ,
จีนได้เข้าร่วมอย่างแข่งขันมาโดยตลอดในกิจการระหว่างประเทศทั้งหลายและได้ทำงานเพื่อความดีขึ้นของมนุษยชาติ.
กว่าหลายปีมา, ประธานาธิบดี สี จิ้นผิงได้ผลักดันวิสัยทัศน์ชองการก่อสร้างชุมชนด้วยอนาคตที่ได้แบ่งปันเพื่อมนุษยชาติ.
โครงการริเริ่มการพัฒนาระดับโลก, โครงการริเริ่มความมั่นคงระดับโลก,
โครงการริเริ่มอารยธรรมโลก, แผนริเริ่มธรรมาภิบาลระดับโลก,
การแบ่งปันปัญญาและทางแก้ไขคลี่คลายของจีนเพื่อนำร่องการเปลี่ยนแปลงรูประดับโลกและเอาชนะความท้าทายที่กดดัน. (As a founding member of the UN, China has all along taken an
active part in global affairs and worked for the betterment of humanity. Over
the years, President Xi Jinping has put forward the vision of building a community
with a shared future for humanity. The global development initiative3, the global security initiative4, the global civilization
initiative5
and the global governance initiative6, sharing China’s wisdom and solution
for navigating global transformations and overcoming pressing challenges.)
3 https://en.wikipedia.org/wiki/Global_Development_Initiative
4 https://en.wikipedia.org/wiki/Global_Security_Initiative
5 https://en.wikipedia.org/wiki/Global_Civilization_Initiative
6 "The Global Governance Initiative" แปลว่า แผนริเริ่มธรรมาภิบาลโลก หรือ โครงการริเริ่มการกำกับดูแลระดับโลก เป็นข้อเสนอของผู้นำจีน โดยเฉพาะประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ที่มุ่งปฏิรูประบบการบริหารและการกำกับดูแลของโลกให้มีความยุติธรรมและเท่าเทียมยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง,
โครงการริเริ่มธรรมาภิบาลได้ถูกเสนอที่การประชุมสุดยอดองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้
เทียนจิน ที่ต้นเดือนนี้, ที่เน้นย้ำถึงหลักการทั้งหลายของการยึดมั่นในหลักการอำนาจอธิปไตยที่เท่าเทียมกัน, ปฏิบัติตามหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ,
การปฏิบัติยึดในพหุภาคีนิยม, การสนับสนุนแนวทางที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
และเพ่งความสนใจไปที่การลงมือปฏิบัติจริง. มันชี้ไปถึงทิศทางทั้งหลายที่ถูกต้องและจัดหาเส้นทางสำคัญเพื่อการก่อสร้างความยุติธรรมและเท่าเทียมกันมากยิ่งขึ้นของระบบธรรมาภิบาลโลก.
จีนได้พร้อมที่จะดำเนินการร่วมกันอย่างประสานและปฏิบัติอย่างจรอิงจังกับทุกฝ่ายที่จะเสนอให้ทางออก/การคลี่คลายทั้งหลายที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
และส่งเสริมสนับสนุนสันติภาพและการพัฒนาโลก. (In particular, the governance
initiative proposed at the Shanghai cooperation Organization Tianjin Summit at
the beginning of this month, underscores the principles of adhering to sovereign
equality, abiding by international rule of law, practicing multilateralism7, advocating the people centered approach
and focusing on taking real actions. It points the right direction and provides
an important pathway for building a more just and equitable global governance
system. China is ready to take coordinated and effective actions together with
all sides to offer more concrete solutions and promote world peace and
development.)
7
"Practicing
multilateralism" แปลว่า การยึดมั่นในหลักพหุภาคีนิยม หรือ การปฏิบัติพหุภาคีนิยม หมายถึง การดำเนินนโยบายและการกระทำต่างๆ โดยอาศัยความร่วมมือจากหลายประเทศในการแก้ไขปัญหาหรือสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ แทนที่จะใช้วิธีการแบบฝ่ายเดียว.
โดย
"พหุภาคีนิยม" (Multilateralism)
คือแนวคิดที่ประเทศต่างๆ ร่วมมือกันเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย.
การก่อสร้างสันติภาพ และแบ่งปันความมั่นคงปลอดภัย (Building
Peace & Shared Security)
อย่างแรก, ท่ามกลางความผันผวนและความสับสนวุ่นวายในโลก,
เราต้องทำงานด้วยกันเพื่อสันติภาพและแบ่งปันความมั่นคงปลอดภัย. ประเทศทั้งหลายทั้งหมดต่างเป็นของหมู่บ้านโลกและพึ่งพาต่อกันเพื่อความมั่นคงปลอดภัย.
เราควรที่จะยึดถือวิสัยทัศน์ของความมั่นคงปลอดภัยร่วมกัน, ความครอบคลุม,
ความร่วมมือกัน, และความยั่งยืน และเคารพต่อความมั่นคงปลอดภัยที่เป็นไปตามกฎหมายซึ่งเกี่ยวข้องกับประเทศทั้งหลายทั้งหมด.
ยืนกรานชองการเผชิญหน้าโดยตั้งมั่นอยู่ในฐานที่ตั้ง หรือการใช้กำลังเป็นหนทางสุดท้ายก็เพียงแต่เพื่อขับเคลื่อนให้สันติภาพไปต่ออกไกลขึ้น. (First, amid the volatility and turbulence in the
world, we must work together for peace and shared security. All countries
belong to the same global village and rely on each other for security. We
should uphold the vision of common, comprehensive, cooperative and sustainable security8 and respect the legitimate
security concerns of all countries. We should settle differences and disputes
peacefully through dialogue and consultation. Persisting in camp-based
confrontation or willful resort to force only drives peace further away.)
8 "common, comprehensive, cooperative and
sustainable security" แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "ความมั่นคงร่วมกัน (common), ครอบคลุม (comprehensive),
ความร่วมมือ (cooperative) และยั่งยืน (sustainable)". แนวคิดนี้เน้นย้ำว่าความมั่นคงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงที่ซับซ้อนและมุ่งสู่เป้าหมายความมั่นคงในระยะยาว.
จีนได้กระทำ หน้าที่อย่างแข็งขันมาโดยตลอดในการปกป้องสันติภาพและความมั่นคงโลก.
จีนคือผู้สนับสนุนรายใหญ่เป็นอันดับสองต่อสหประชาชาติในการรักษาสันติภาพท่ามกลางสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง.
จีนได้ทำงานอย่างแข็งขันที่จะส่งเสริมสนับสนุนการพูดคุยสันติภาพกับวาระประเด็นร้อนทั้งหลายดังเช่นวิกฤตการณ์ในยูเครน
และความขัดแย้งของปาเลสไตน์-อิสราเอล. จีนจะดำเนินต่อไปในการแสดงบทบาทความสร้างสรรค์ในการส่งเสริมการยุติความขัดแย้งทางการเมืองชองวาระประเด็นร้อนทั้งหลาย.
(China has all along acted as a staunch defender of world peace
and security. China is the second largest contributor to UN peacekeeping budget
and the largest provider of peacekeepers among the permanent members of the security
council. China has been working actively to promote peace talks on hotspot
issues such as the Ukraine crisis and the Palestinian Israel conflict, China
will continue to play a constructive role in promoting the political settlement
of hotspot issues.)
การฟื้นฟูความร่วมมือและการเติบโต (Revitalizing Cooperation & Growth)
อย่างที่สอง, ในท่ามกลางการเติบโตอย่างเชื่องช้าของเศรษฐกิจโลก,
เราต้องฟื้นฟูความร่วมมือและแสวงหาผลลัพธ์ทั้งหลายที่เป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย.
สาเหตุหลักใหญ่ของกระแสเศรษฐกิจตกต่ำทั้งหลายของโลก และที่เป็นการเพิ่มขึ้นของมาตรการทางการค้าที่ดำเนินการโดยลำพังและมาตรการปกป้องทางการค้าดังเช่น tariff -
ภาษีสินค้านำเข้า ได้ยกขึ้นและตั้งกำแพงและสิ่งกีดขวางกั้นทั้งหลาย.
เราควรที่จะร่วมมือกันอบ่างใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อที่จะ เพื่อระบุและขยายผลการบรรจบกันของผลประโยชน์ทั้งหลาย, ส่งเสริมโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายและทั่วถึง
และช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้ประสบสำเร็จโดยการเคลื่อนไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกัน.
(Second,
amid sluggish global growth9, we must reinvigorate
cooperation and pursue win-win results. A major cause of the current global
economic doldrums and is the rise in unilateral and protectionist measures such
as tariff hikes and erection of walls and barriers. We should collaborate more closely
to identify and expand convergence of interests, promote universally beneficial
and inclusive economic globalization and help each other succeed by moving
forward in the same direction.)
9 "Amid sluggish global growth" แปลว่า
"ท่ามกลางการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา" หรือ
"ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังเติบโตอย่างเชื่องช้า" โดยคำว่า "amid"
แปลว่า ท่ามกลาง หรือ ในช่วงเวลาหนึ่ง, "sluggish"
แปลว่า ซบเซา หรือ เชื่องช้า และ "global growth" หมายถึง การเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก.
จีนได้เป็นกุญแจขับเคลื่อนของการพัฒนาร่วมกันระดับโลก.
กว่าหลายปีมา, เศรษฐกิจจีนได้ธำรงคงการพัฒนาไว้อย่างสม่ำเสมอ, มีส่วนในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกประมาณ
30% ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก. จีนได้เปิดประตูสู่โลกกว้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง.
จีนได้ลดกำแพงภาษีนำเข้าทั้งหมดของตนลงถึง 7.3% และได้ยังคงเป็นผู้นำเข้าสินค้าใหญ่เป็นสองของโลกมา 16 ปีติดต่อกัน. จีนด้วยเช่นกันได้ก้าวหน้าไปอย่างคุณภาพสูงกับโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางกับกว่า
150 ประเทศทั้งหลาย. ปัจจุบัน, จีนกำลังได้ก้าวขั้นอย่างแข็งแรงที่จะส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชั้นสูงในประเทศ.
ด้วยการเพ่งสนใจอยู่ที่การขยายอุปสงค์ในประเทศ. จีนได้มีความเชื่อมั่นและความสามารถที่จะรักษาเศรษฐกิจของตนเป็นวิถีแนวสูงขึ้น
และดำเนินต่อไปที่จะจัดหาการสนับสนุนที่สำคัญสำหรับความเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก. (China has always been a key driver of global common
development. Over the years, the Chinese economy has maintained steady
development, contributing around 30% to global economic growth. China has
consistently opened its door wider to the world. It has lowered its overall tariff
level to 7.3% and remained the world’s second largest importer for 16 consecutive
years. China has also advanced high-quality Belt and Road Cooperation10 with over 150 countries.
Currently, China is taking solid steps to promote high quality development at
home. With a focus on expanding domestic demand11. China has the confidence and
capability to keep its economy on an upward trajectory and continue to provide
important support for global economic growth.)
10 https://en.wikipedia.org/wiki/Belt_and_Road_Initiative
11 "Domestic demand" แปลว่า อุปสงค์ภายในประเทศ ซึ่งหมายถึงความต้องการซื้อสินค้าและบริการภายในประเทศนั้นๆ เอง
หรืออาจแปลว่า ความต้องการภายในประเทศ ก็ได้
โดยเป็นการวัดกำลังซื้อรวมของประชาชนในประเทศนั้นๆ ที่มีต่อสินค้าและบริการภายในประเทศ
บทสนทนาระหว่างอารยธรรม
(Dialogue Among Civilizations12)
12 https://en.wikipedia.org/wiki/Dialogue_Among_Civilizations
อย่างที่สาม, ในท่ามกลางปฏิสัมพันธ์ทั้งหลายอย่างพลวัตในหมู่อารยธรรมทั้งหลาย,
เราต้องเป็นการสนทนาของผู้ชนะและมีบรรลุปัญญาเชิงฉันท์มิตร. ทุกอารยธรรมมีเอกลักษณ์ของตนและเป็นมรดกสืบทอดและสมควรถูกรับรู้และให้ความเคารพ.
ความถูกครอบงำในสิ่งที่เรียกว่าความเหนือกว่าทางอารยธรรม หรือวัฏจักรอุดมคติเป็นพื้นฐานเพียงแต่ทำความแบ่งแยกและการเผชิญหน้าต่อกันเท่านั้น.
การบ่มเพาะทัศนคติแบบรวมกลุ่มและเกี่ยวพันด้วยการเรียนรู้จากการแลกเปลี่ยนและฉันท์มิตร
คือหนทางที่มั่นใจได้ที่จะก่อสร้างฉันทาคติและความเข้มแข็งร่วมกัน. (Third, amid dynamic
interactions among civilizations, we must champion dialogue and mutual
enlightenment. Every civilization has its unique value and heritage and
deserves acknowledgment and respect. Obsession with so called civilizational
superiority or ideology-based circles only breeds more division and
confrontation. Adopting an inclusive attitude and engaging in exchange and
mutual learning is a sure way to build more consensus and collective strength.)
จีนได้เกี่ยวพันมาโดยตลอดในการแลกเปลี่ยนอารยธรรมอย่างแข็งขันและการเรียนรู้อย่างฉันท์มิตร.
กว่าห้าปีข้างหน้า, จีนจะดำเนินการต่อไปในโครงงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนา
50 โครงการในสาขาของวัฒนธรรมและอารยธรรมเพื่อติดตามการพัฒนาประเทศทั้งหลาย
และเป็นเจ้าภาพ 200 โครงการฝึกอบรมและสัมมนาเชิงแก่นสาระทั้งหลาย, เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการเจรจาระหว่างอารยธรรมระหว่างประเทศ
และความก้าวหน้าทางอารยธรรมทั้งหลาย. China has
all along engaged in active civilizational exchange and mutual learning. Over
the next five years, China will carry out 50 development cooperation programs in
the field of culture and civilization for fellow developing countries and host
200 thematic training and seminar programs, contributing
its part to intercivilizational dialogue and the progress of civilizations13.)
13 https://en.wikipedia.org/wiki/Progress_of_Civilization_Pediment
การรับมือกับความท้าทายระดับโลก:
ภูมิอากาศ และ ปัญญาประดิษฐ์ (Tackling
Global Challenges: Climate & AI)
อย่างที่สี่, ในท่ามกลางการอุบัติขึ้นซึ่งความท้าทายทั้งหลาย,
เราต้องตอบสนองด้วยความพยายามอย่างแข็งแกร่งและปกป้องส่วนแบ่งในประเทศของเรา. การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ คือการท้าทายหลักใหญ่ที่กำลังเผชิญหน้ากับเราทั้งหมด.
เราน่าที่จะยึดถือหลักการรับผิดชอบร่วมกันแต่คงความแตกต่างกัน,
ส่งเสริมสนับสนุนการนำไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิผลของข้อตกลงปารีสและยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศในเศรษฐกิจสีเขียว.
ในหลายปีที่ผ่านมา, เทคโนโลยีทั้งหลายอย่างเช่น ปัญญาประดิษฐ์, โครงข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมทั้งหลาย
และการผลิตทางชีวภาพ ได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว.
ตามมากับผลประโยชน์ทั้งหลายนั้น, ก็คือพวกเขาได้นำศักยภาพความเสี่ยงมาด้วย. (Fourth,
amid emerging challenges, we must respond with concrete efforts and protect our
shared home. Climate change is a major challenge confronting all of us. We
should uphold the principle of common but differentiated responsibilities14,
promote the effective implementation of the Paris agreement and enhance
international collaboration on the green economy15.
In recent years, technologies such as artificial intelligence, network
communications and biomanufacturing have advanced rapidly. Along with the
benefits, they also bring potential risks.)
14
"the principle of common but differentiated
responsibilities" (CBDR) แปลว่า หลักการความรับผิดชอบร่วมกันแต่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นหลักการในกฎหมายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ยอมรับว่าทุกประเทศมีพันธะผูกพันร่วมกันในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่ไม่ได้มีภาระรับผิดชอบเท่าเทียมกัน โดยประเทศพัฒนาแล้วมีส่วนรับผิดชอบมากกว่า เนื่องจากมีส่วนทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมมากกว่า และมีความสามารถในการแก้ไขปัญหามากกว่า。
หลักการนี้มีที่มาและสาระสำคัญคือ:
- ที่มา:
กำหนดเป็นทางการใน อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(UNFCCC) ในการประชุมสุดยอดโลกที่เมืองริโอเดอจาเนโร
ปี 1992
15 https://en.wikipedia.org/wiki/Green_economy
* "The green economy" แปลว่า เศรษฐกิจสีเขียว คือระบบเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีการปรับปรุงคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ไปพร้อมๆ กับการลดความเสี่ยงและการขาดแคลนทางสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความเท่าเทียมทางสังคม.
เราควรยึดมั่นในหลักการของเทคโนโลยีการพัฒนาที่ประชาชนเป็นศูนย์กลางตลอดไป
และผลประโยชน์ทั้งหลายอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกันได้, ปรับปรุงกฎการดูแลทั้งหลายที่เกี่ยวข้องของการก้าวไปอย่างเร็วขึ้น
และเสริมความเข้มแข็งความร่วมมือในการดูแลระดับโลกกับการทำความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนั้นๆ
ที่สามารถนำผลประโยชน์อย่างแท้จริงมาสู่มนุษยชาติในหนทางที่ดีขึ้น. จีนได้มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่เสมอที่รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาของโลก.
มุ่งมั่นสู่การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและการปล่อยคาร์บอนต่ำ, จีนได้สถาปนาระบบพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุด,
ได้ก่อสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมพลังงานใหม่ที่ครอบคลุมและสมบูรณ์ที่สุดและได้ประกาศปี
2035 ของจีนเป็นวาระแห่งชาติในการให้คำมั่นสัญญาทั้งหลายที่จะดดำเนินครอบคลุมทุกภาคเศรษฐกิจและก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดให้ได้. (We should adhere to the principles of
people centered development technology for good and equitable benefits, improve
relevant governance rules at a faster pace and strengthen global governance cooperation
do that technological progress could bring real benefits to humanity in a
better way. China has always been a responsible stakeholder in addressing
global challenges. Committed to green and low carbon development, China has
established the world’s largest and fastest growing renewal energy system, built
the most extensive and complete new energy industrial chain and announced
China’s 2035 nationally determined contributions that cover all economic
sectors and all greenhouse gases.)
จีนได้เสนอการจัดตั้งองค์กรความร่วมมือเพื่อการกำกับดูแล
AI- ปัญญาประดิษฐ์ระดับโลก. คราวนี้ในระกว่างการประชุมครบรอบ
80 ปี, จีนจะนำเสนอต่อสหประชาชาติ ตัวอย่างดินของดวงจันทร์ที่ได้มาโดยยานฉาง’ E6จากด้านไกลสุดของดวงจันทร์. ก้าวต่อไปข้างหน้า,
จีนดำเนินการเชิงรุกมากขึ้นและทำงานกับกลุ่มคณะทั้งหลายทั้งหมดเพื่อพัฒนาธรรมาภิบาลระดับโลกในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง. (China has proposed the global AI
governance initiative and advocated the establishment of a world AI cooperation
organization. This time during the 80th session, China will present
to the UN the lunar soil samples collected by Chang’ E6 from the far side of
the moon. Going forward, China will take more proactive actions and work with
all parties to advance global governance in relevant areas.)
การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์การสหประชาชาติและความร่วมมือของกลุ่มซีกโลกใต้(กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา)
(Strengthening the UN &
Global South Cooperation)
เพื่อนสมาชิกทั้งหลาย, จีนได้ยืนพร้อมที่จะทำงานกับสมาชิกทั้งหมดที่จะยึดมั่นในสถานะและอำนาจของสหประชาชาติ, ปกป้องวัตถุประสงค์และหลักการแห่งกฎบัตรสหประชาชาติ, สนับสนุนการปฏิรูปของสหประชาชาติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขีดความสามารถขององค์กร, ที่จะดำเนินตามอาณัติและส่งเสริมการปฏิรูปครั้งใหญ่ยิ่งขึ้น, การเป็นตัวแทนและปากเสียงของประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย. จีนจะทำงานกับสหประชาชาติเพื่อจัดตั้ง สาธารณูปการการพัฒนากลุ่มซีกโลกใต้(กบุ่มประเทศกำลังพัฒนา) โดยจีน-สหประขาขาติ และจัดหางบประมาณสนับสนุน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ. (Colleagues, China stands ready to work with all members to uphold the standing and authority of the UN, safeguard the purposes and principles of the UN charter, support UN reforms to improve its efficiency and capacity, to fulfill its mandate and advocate greater reformation, representation and voice of developing countries. China will work with the UN to set up a China-UN global south15 development facility and provide it with US$ 10 million in budgetary support.)
15 https://commonslibrary.parliament.uk/what-is-the-global-south/
จีนจะเป็นหุ้นส่วนด้วยเช่นกันกับโครงงานพัฒนาสหประชาชาติ
ที่จะสถาปนาศูนย์กลางระดับโลกสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน
ที่ในเซี่ยงไฮ้ ในการที่จะเร่งรัดการดำเนินการตามวาระสหประชาชาติปี
2030 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน. (China will also partner with the United
Nations development program to establish a global center for sustainable
development in Shanghai to accelerate the implementation of the UN 2030 agenda
for sustainable development.
ตำกล่าวปิดท้าย (Closing
Remarks)
กระแสน้ำของประวัติศาสตร์เคลื่อนไปข้างหน้าในหนทางอย่างแรงเร็วและยิ่งใหญ่
ยังคงราบลื่นและเร็วมั่น, ก้าวต่อไปข้างหน้า, จีนจะดำเนินต่อไปในการทำของตนให้ดีที่สุดที่จะมีส่วนร่วมและสนับสนุนสันติภาพและการพัฒนาระดับโลก.
จีนหวังว่าจะทำงานกับส่วนที่เหลือของโกเพื่อที่จะยึดมั่นต่ออุดมคติของสหประชาติ,
ดำเนินการไปของหน้าในจิตวิญญาณแห่งพหุภาคีนิยม, ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันในสี่โครงการริเริ่มหลักระดับโลก.
ก้าวหน้าไปในเป้าหมายอันสูงส่งของการสร้างชุมชนด้วยอนาคตที่ถูกแบ่งปันเพื่อมนุษยชาติ,
และที่จะสร้างโลกของเราเป็นสถานที่ซึ่งกลมกลืนและงดงาม. ขอบคุณ. (The tide of history surges
forward and the great way remains so smooth and steadfast, going forward, China
will continue doing its best to contribute to global peace and development. China
hopes to work with the rest of the world to uphold the ideals of the UN, carry
forward the spirit of multilateralism, actively implement the four major global
initiatives. Advance toward the lofty goal of building a community with a shared
future for humanity, and make our world a more harmonious and beautiful place.
Thank you.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น