หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2564

แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต - ดูน พิภพทราย...ภาคผนวก 3: รายงานในเรื่องเบเน เกสเสอริต แรงกระตุ้นและเจตจำนง

             ภาคผนวก 3:  รายงานในเรื่อง เบเน เกสเสอริต

แรงกระตุ้น และ เจตจำนง

 

           ในที่นี้เป็นไปตามข้อความที่ตัดตอนมาจากสัมมา(the Summa)โดยเจ้าหน้าที่ทั้งหลายของเธอเองตามที่ร้องขอโดยฺท่านหญิง เจสสิกา อย่างกะทันหันภายหลังเหตุการณ์ อาร์ราคิส. ความตรงไปตรงมาของรายงานนี้ได้ขยายซึ่งคุณค่าของตัวมันไกลโพ้นเลยจากธรรมดาสามัญ.

 

         เพราะเบเน เกสเสอริต(the Bene Gesserit)ทำงานให้กับประเทศทั้งหลายเบื้องหลังม่านบังแห่ง สำนักศึกษากึ่ง-ไสยเวทย์ขณะที่ดำเนินการต่อไปกับโครงการคัดเลือกสายพันธุ์/ตระกูลในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย, เราโน้มเอียงที่จะให้รางวัลแก่พวกเขาด้วยสถานะที่มากไปกว่าพวกเขาปรากฏควรที่จะได้รับ. การวิเคราะห์ของพวกเขาใน “ทดสอบแห่งสัจ”บนเหตุการณ์ อาร์ราคิส(the Arrakis Affair)ได้ทรยศต่ออวิชชาอันลึกซึ้งในบทบาทภารกิจของตัวมันเอง.

         มันอาจจะถูกโต้แย้งได้ว่า เบเน เกสเสอริต(the Bene Gesserit)นั้นน่าจะตรวจพิเคราะห์แต่เพียงแค่ความสัจจริงทั้งหลายเท่านั้นดังที่เป็นสิ่งจัดหาให้ได้ต่อพวกเขาและไม่มุ่งตรงเข้าไปหาต่อบุคคลเช่น ผู้พยากรณ์ มวดดิบ. แต่สำนักศึกษานี้ได้ปลุกเร้าอุปสรรคกีดขวางอันยิ่งใหญ่กว่าออกมาและรวมทั้งความผิดพลาดของตัวมันเองก็ลงไปลึกยิ่งขึ้น.

         โครงการของเบเน เกสเสอริต(the Bene Gesserit program)ได้เป็นเช่นเป้าหมายทั้งหลายของมันในการผสมสายพันธุ์คัดสรรของบุคคลที่พวกเขาประทับตราหมายไว้คือ “ควิสาตซ์ ฮาเดรัค(Kwisatz Haderach),” คำที่มีความหมายสำคัญว่า “ผู้เอกะซึ่งสามารถอยู่ในที่แห่งหนมากมายในทันทีนั้น.” ในความหมายอย่างง่าย, อะไรที่พวกเขาได้เสาะหานั้นคือมนุษย์ผู้หนึ่งที่มีการยอนยอมในพลังทางจิตให้เขาได้เข้าใจและใช้มิติการทั้งหลายที่สูงขึ้นได้.

         พวกเขาได้ผสมสายพันธุ์เพื่ออภิ-เมนทาต, มนุษย์คอมพิวเตอร์ด้วยคุณสมบัติทั้งหลายของการมองเห็นล่วงหน้าดังที่พบในพวกผู้นำร่องอวกาศของกิลด์. ตอนนี้, ได้ตั้งใจพิจารณาความจริงทั้งหลายนี้อย่างระมัดระวังแล้ว.

         มวดดิบ(Muad’Dib), แรกกำเนิดคือ พอล อะไทรดิส(Paul Atreides), เป็นบุตรชายของ ดยุค ลีโต(the Duke Leto), ชายที่สายเลือด(bloodline)ของเขาได้ถูกเฝ้าดูอย่างระมัดระวังมานานกว่าหนึ่งพันปี. มารดาของผู้พยากรณ์(the Prophet’s mother), ท่านหญิง เจสสิกา(Lady Jessica), เป็นธิดาโดยธรรมชาติของ บารอน วลาดิมีร์ ฮาร์คอนเนน(the Baron Vladimir Harkonnen)และมีบรรจุไว้ซึ่งตัวสร้าง-พันธุกรรม(gene-makers)ทั้งหลายที่ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดสุดต่อโครงการคัดสรรสายพันธุ์ที่ถูกรู้กันมาเกือบสองพันปี. เธอเป็นเบเน เกสเสอริต(a Bene Gesserit)เติบโตและถูกฝึกฝน, และจักต้องถูกใช้เป็นเครื่องมือเป้าหมายแห่งโครงการนั้น.

         ท่านหญิง เจสสิกา(the Lady Jessica)ถูกบัญชาให้ผลิตสร้างธิดาอะไทรดิส(an Atreides daughter). แผนการคือเพื่อผสมพันธุ์ผู้มีเชื้อสายใกล้เคียงกันโดยธิดานี้กับ เฟย์-เราธา ฮาร์คอนเนน(Feyd-Rautha Harkonnen), หลานชายของ บารอน วลาดิมีร์(the Baron Vladimir), ด้วยโอกาสความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะได้ ควิสาตซ์ ฮาเดรัค(a Kwisatz Haderach)จากการสมรสนี้. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น, เพื่อหลายเหตุผลที่เธอได้สารภาพไม่เคยได้เป็นที่กระจ่างชัดอย่างสมบูรณ์สิ้นต่อเธอ, พระสนมท่านหญิง เจสสิกา(the concubine Lady Jessica)ม่เชื่อฟังขัดขืนคำบัญชาทั้งหลายนั้นของเธอและให้กำเนิดบุตรชาย.

         เรื่องนี้โดยลำพังแล้วควรที่จะได้ทำให้เกิดการตื่นตัวขึ้นกับเบเน เกสเสอริต(the Bene Gesserit)ต่อความเป็นไปได้ที่ความไม่แน่นอนตามธรรมชาติได้เข้ามาในแผนการหลักของพวกเขา. แต่มีสิ่งอื่นสำคัญยิ่งกว่าที่บ่งชี้ทั้งหลายว่าพวกเขาได้เมินเฉยอย่างแท้จริง.

         1. ขณะที่เยาว์วัย, พอล อะไทรดิส(Paul Atreides)แสดงถึงความสามารถที่จะมองเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าของอนาคตได้.

         2. แม่อธิการ ไกอัส เฮเลน โมฮิยัม(the Reverend Mother Gaius Helen Mohiam), เบเน เกสเสอริต ผู้ควบคุมไต่สวน(Bene Gesserit Proctor)ผู้ได้ทำการทดสอบความเป็นมนุษย์ของพอล(Paul’s humanity)เมื่อเขาอายุได้สิบห้าปี, ให้การเป็นพยานว่าเขาได้เอาชนะความเจ็บปวดยิ่งกว่าการทดสอบใดของมนุษย์ผู้อื่นจากบันทึก. กระนั้นเธอก็ล้มเหลวที่จะจดทำบันทึกพิเศษถึงเรื่องนี้ไว้ในรายงานของเธอ!

         3. เมื่อราชตระกูล อะไทรดิส(Family Atreides)ได้ย้ายไปยังดาวเคราะห์, ประชากรฟรีเมน(the Fremen population)ที่นั่นได้โห่ร้องต้อนรับหนุ่มพอล(the young Paul)ว่าคือ ผู้พยากรณ์(a prophet), “พระวจนะจากนอกพิภพ(the voice from the outer world).” เบเน เกสเสอริต(the Bene Gesserit)ได้ตระหนักรแวดระวังเป็นอย่างดีในสภาพการณ์อากาศที่รุนแรงทั้งหลายของดาวเคราะห์ดังเช่นอาร์ราคิส(as Arrakis)ด้วยภูมิประเทศทะเลทรายอย่างเต็มที่โดยสิ้นเชิงของมัน, การขาดแหล่งน้ำที่เปิดโล่งอย่างสัมบูรณ์สิ้นของมัน, ความสำคัญยิ่งกับความจำเป็นดึกดำบรรพ์ทั้งหลายกับการอยู่รอดชีวิตของมัน, อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ของการผลิตสร้างสัดส่วนที่สูงของอ่อนไหวต่ออิทธิพลภายนอก. กระนั้นปฏิกิริยาของฟรีเมนนี้และองค์ประกอบแน่ชัดของชนอาร์ราคีนบริโภคอย่างสูงในเครื่องเทศ(the spice)นั้นที่ถูกอำพรางบิดเบือนโดยผู้สังเกตการณ์เบเน เกสเสอริตทั้งหลาย(Bene Gesserit observers).

         4. เมื่อพวกฮาร์คอนเนนส์(the Harkonnens)และทหารบ้าคลั่งของจักรพรรดิ ปาดิชาห์(the Padishah Emperor)กลับมายึดครองอาร์ราคิส(Arrakis), ฆ่าบิดาของพอลและกองทหารส่วนใหญ่ของอะไทรดิส, พอลและมารดาของตได้หายไป. แต่เกือยจะในทันทีทันใดนั้นก็มีรายงานทั้งหลายถึงผู้นำลัทธิศาสน์คนใหม่(a new religious leader)ในหมู่ชนฟรีเมนเกิดขึ้น, ชายผู้มีนามว่า มวดดิบ(Muad’Dib), ผู้ได้รับการโห่ร้องสรรเสริญอีกครั้งว่าเป็น “พระวจนะจากนอกพิภพ.” รายงานทั้งหลายนั้นแถลงบอกไว้ชัดเจนว่าเขาได้ร่วมกับแม่อธิการคนใหม่(a new Reverend Mother)แห่งพิธีกรรม เซย์ยาดินา(of the Sayaydina Rite) “ผู้เป็นสตรีที่ให้กำเนิดเขา.” บันทึกทั้งหลายที่หาพบได้ต่อ เบเน เกสเสอริต(the Bene Gesserit)แถลงบอกไว้ในคำศัพท์ที่เรียบง่ายว่า ตำนานทั้งหลายของชนฟรีเมนถึง ผู้พยากรณ์(the Fremen legends of the Prophet)บรรจุไว้ด้วยคำเหล่านี้: เขาจะได้กำเนิดจากแม่มดเบเน เกสเสอริต(He shall be born of a Bene Gesserit witch).”

         (มันอาจจะถูกโต้แย้งตรงนี้ว่าเบเน เกสเสอริต(the Bene Gesserit)ได้ส่งมิชชั่นนาเรีย โพรเท็คติว่าของพวกเขา(their Missionaria Protectiva)ไปยังบนอาร์ราคิส(Arrakis)หลายศตวรรษก่อนหน้านั้นในการที่จะปลูกฝังบางอย่างเหมือนองครักษ์พิทักษ์ตำนานควรหรือที่สำนักนี้จะถูกติดกับดักที่นั่นและต้องการสถานที่ลี้ภัย, และนั่นคือตำนานที่ว่านี้แห่ง “พระวจนะจากนอกพิภพ”เป็นที่เหมาะเจาะพอดีในการที่จะถูกเพิกเฉยเพราะว่ามันได้ปรากฏเป็นเล่ห์เหลี่ยมมาตรฐานเบเน เกสเสอริต. แต่เรื่องนี้น่าจะเป็นจริงเพียงแค่ว่าถ้าคุณเชื่อเอาได้ว่าเบเน เกสเสอริตได้ทำถูกต้องในการเพิกเฉยต่อเบาะแสอื่นทังหลายเกี่ยวกับ พอล มวดดิบ.)

         5. เมื่อเหตุการณ์ อาร์ราคิส(the Arrakis Affair)เดือดพล่านขึ้น, พวกกิลด์ อวกาศ(the Space Guild)ทำการโหมโรงให้กับพวกเบเน เกสเสอริต(the Bene Gesserit). กิลด์บอกใบ้นัยว่าการนำร่องทั้งหลายของมัน, ผู้ซึ่งใช้ยาเครื่องเทศ(the spice drug)ของอาร์ราคิสเพื่อผลิตสร้างภาพทัศน์ล่วงหน้าอันถูกจำกัดที่จำเป็นสำหรับการนำทางยานอวกาศผ่านไปในช่องว่าง, ที่”ก่อกวนกับอนาคต”หรือเห็น “ปัญหาบนเส้นขอบฟ้า.”เรื่องนี้สามารถเนแค่ความหมายวาพวกเขาได้เห็นการเชื่อมต่อ(nexus), สถานที่ประชุมพบกันของการตัดสินใจไร้จำกัดอันละเอียดอ่อนทั้งหลาย, โพ้นเลยที่ซึ่เส้นทางได้ถูกซ่อนเร้นไว้จากดวงตามองเห็นล่วงหน้านั้น.. นี้เป็นสัญญานบ่งบอกชัดแจ้งว่าบางหน่วยงานได้เข้าไปสอดเกี่ยวยุ่งกับมิติการชั้นสูง(higher order dimensions)!

         (จำนวนน้อยของพวกเบเน เกสเสอริตได้ระแวดระวังตระหนักถึงเรื่องนี้มานานพอว่าพวกกิลด์ไม่สามารถเข้าไปสอดยุ่งเกี่ยวโดยตรงด้วยแหล่งเครื่องเทศสำคัญนั้นได้เพราะผู้นำร่องกิลด์ได้ทำความตกลงไปแล้วในหนทางที่ตนเองไม่สามารถทำได้เองของพวกเขากับมิติการชั้นสูง(higher order dimensions), อย่างน้อยที่สุดยังจุดนั้นที่พวกเขาจดจำได้ว่าการก้าวพลาดเพียงนิดเดียวพวกเขาที่บนอาร์ราคิสก็สามารถตกสู่วิบัติหายนะวินาศได้. มันเป็นรู้กันในความจริงที่ว่าผูนำร่องกิลด์ทั้งหลายสามารถคาดการณ์พยากรณ์เส้นทางใดไม่ได้เลยในการที่จะเข้าควบคุมเครื่องเทศโดยปราศจากการผลิตสร้างเพียงแค่การเชื่อมต่อเพียงอย่างเดียว. มันเป็นข้อถกเถียงที่ชัดเจนที่ว่าใครบางคนแห่งอำนาจบัญชาการชั้นสูงกว่า(of higher order powers)ทั้งหลายได้เข้ายึดครองควบคุมแห่งแหล่งผลิตเครื่องเทศนี้, กระนั้นเบเน เกสเสอริตก็พลาดในจุดนีไปอย่างทั้งหมด!)

         ในการเผชิญหน้ากับความสัจจริงทั้งหลาย, ผู้ที่นไปสู่ข้อถกเถียงอันหลีกหนีไปไม่ได้ว่าความประพฤติอันไร้สมรรถนะของเบเน เกสเสอริตในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นผลผลิตของแผนการที่กระทั่งสูงกว่าอะไรที่พวกเขาได้ไม่ได้ระแวดระวงถึงได้อย่างสมบูรณ์สิ้น!)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น