กมลา แฮริส เผยโฉมหน้าวาระเศรษฐกิจ พังทลาย“การขายสินค้าเกินราคา”
Kamala Harris unveils economic agenda cracking down on
'price gouging'
https://youtu.be/DMrNAMWYTjU?si=vB6jSiR19zeV50RR
ขอขอบคุณทั้งหมดทุกท่าน. แล้วมาฟังนี่กันนะ. การเลือกตั้งนี้, ที่ฉันเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสองวิสัยทัศน์ที่แตกต่างกันสำหรับประชาชาติของเรา.(Thank you all. So listen this. This election, I do strongly believe is about two very different visions for our nation.)
หนึ่ง, ของเราที่เพ่งเน้นไปที่อนาคต, และอีกอันหนึ่งได้เพ่งเน้นไปที่อดีต.(One,
our focused on the future, and the other focused on the past.) เรามองเห็นความตรงข้ามกันได้อย่างชัดแจ้ง ในหลายหนทาง,
รวมทั้งเมื่อมันมาถึงว่า เราคิดอย่างไรกันในเรื่องเศรษฐกิจ(including
when it comes to how we think about the economy.)
แล้วประเทศของเราได้ก้าวหน้ามาอย่างยาวนาน,
ประธานาธิบดีไบเดนและฉันได้เข้ารับตำแหน่งในตอนนั้น(So,
our country has come a long way, says, President Biden and I took office at
that time.) เราจดจำได้อย่างเศร้าใจได้ว่าคนอเมริกันหลายล้านคนที่ได้ตกงาน
(we
sadly remember the millions of the American that were off work.)
เราได้เผชิญหน้ากับหนึ่งในวิกฤตการณ์เศรษฐกิจทั้งหลายที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่.(We were
facing one of the worst economy crises in modern history.)
และวันนี้,โดยการจำวัดการวัดทุกแบบ,
เศรษฐกิจของเราเป็นที่แข็งแรงที่สุดในโลก.(And today, by virtually every
measure, our economy is the strongest in the world.)
เราได้สร้างงานถึงสิบหกล้านงานใหม่, เราทำประวัติศาสตร์ของการลงทุนทั้งหลายในโครงสร้างพื้นฐาน,ในชิ้นส่วนการผลิตทั้งหลาย,
ในพลังงานสะอาด. และในสิ่งใหม่.(We have created 16 million new jobs, we
made historic investments in infrastructure, in chips manufacturing, in clean
energy. And new number.)
ในสัปดาห์นี้อย่างเดียวแสดงให้เห็นว่า
อัตราเงินเฟ้อลดลงต่ำกว่า 3%. และในฐานะประธานาธิบดี, สหรัฐ
อเมริกา, ที่มันจะเป็นความตั้งใจของฉันที่จะสร้างบนรากฐานของคว่ามก้าวหน้านี้(as
President, the United States, where it will be my attention to build on the
foundation of this progress.) กระนั้นก็ยังที่,
เรารู้นั่นดีว่าชาวอเมริกันมากมายยังไม่รู้สึกได้ถึงความก้าวหน้านั้นในชีวิตประจำวันของพวกเขา(Still,
we know that many Americans don’t yet feel that progress in their daily lives.) ค่าใช้จ่าย/ราคาทั้งหลายยังสูงเกินไปและอยู่บนระดับเชิงลึกยิ่งขึ้นสำหรับผู้คนมากมาย,
ไม่ว่าพวกเขาทำงานมากเท่าใด,
ฉันจะเป็นแสงเลเซอร์พุ่งเน้นไปที่การสร้างโอกาสทั้งหลายสำหรับชนชั้นกลาง
ที่ให้ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของพวกเขาในด้านความปลอดภัย, ความมั่นคงเสถียรภาพ
และความศักดิ์ศรี เข้าด้วยกัน. เราจะสร้างอะไรที่เราเรียกว่าเศรษฐกิจ, โอกาสทางเศรษฐกิจ.(costs
are too high and on a deeper level for too many people, no matter how much they
work, it feels hard to just be able to get ahead as President , I will be laser
focused on creating opportunities for the middle class that advance their
economic security, stability and dignity together, we will built what I call an
economy, an economy opportunity.)
ทุกๆที่,
ทุกคนจะสามารถสมบูรณ์และมีโอกาสที่แท้จริงที่จะประสบสำเร็จ.(Everywhere,
everybody can complete and have a real chance to succeed.)
ทุกคนที่ไม่ต้องคำนึงถึงว่าคือใครที่พวกเขาเป็น หรือว่าที่ไหนที่พวกเขาเริ่มต้น,
ได้มีโอกาสหนึ่งที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวพวกเขาเอง และลูกๆ และที่ซึ่งเราได้ย้ายสิ่งขวางกั้นทั้งหลายแออกไปจากโอกาสนั้น(Everyone
regardless of who they are or where they start, has an opportunity to build
wealth for themselves and children and where we remove the barriers to
opportunity.)
แล้วผู้ใดที่ต้องการที่จะเริ่มต้นธุรกิจหนึ่ง
หรือก้าวหน้าในอาชีพของพวกเขา, สามารถที่จะเข้าถึงเครื่องมือทั้งหลาย
และแหล่งทรัพยากรวัตถุดิบทั้งหลายที่พวกเขาจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น(So
anyone who wants to start a business or advance their career can access the
tools and the resources that they necessary to do so.)
ฉันจะเพ่งเน้นที่ระบบราชการที่ไม่จำเป็น
และกฏระเบียบขั้นตอนที่ไม่จำเป็นและสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงและสนับสนุนเทคโนโลยีนวัตกรรมทั้งหลาย
ขณะเดียวกันก็ปกป้องผู้บริโภคทั้งหลาย
และสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มีเสถียรภาพด้วยกฏเกณฑ์ที่สอดคล้องกันและโปร่งใสของเส้นทางนั้น(I
will focus on needless bureaucracy and unnecessary regulatory red tape and
encourage change and encouraging innovative technologies while protecting
consumers and creating a stable business environment with consistent and
transparent rules of the road.)
ในฐานะประธานาธิบดี, ดิฉันจะนำแรงงานมาเข้าด้วยกันกับธุรกิจขนาดเล็กทั้งหลายและบริษัทหลักทั้งหลาย
เพื่อที่จะลงทุนในอเมริกาเพื่อสร้างสินค้า, บรรลุถึงฐานกว้างการเติบโต,
และสร้างความมั่นใจว่า อเมริกาดำเนินต่อไปสู่อนาคตและการนำของโลก.(As
President, I will bring together labor with small business and major companies
to invest in America to create good, achieve broad based growth , and ensure
that America continues to the future and the lead of the world.)
และเรามีกุญแจเพื่อการสร้างสรรค์เศรษฐกิจแห่งโอกาสนี้
คือการก่อสร้างชนชั้นกลางของเรา, มันเป็นแก่นแกนสำคัญ. ชนชั้นกลางเป็นหนึ่งในความยิ่งใหญ่ของอเมริกา,
และเพื่อที่จะปกป้องกันมัน, แล้วเราต้องวางหลักพื้นฐานทั้งหลายอย่างเช่น
เงินเดือนของคุณควรจะเพียงพอที่จะจัดหาให้คุณและครอบครัวด้วยสิ่งคุณภาพที่ดีของชีวิต.(And we
key to creating this opportunity economy is building our middle class, it is
essential. The middle class is one of America’s greatest, and to protect it,
then we must basic principles such as your salary should be enough to provide
you and your family with a good quality of life.)
ตัวอย่างเช่น,
ไม่มีเด็กคนใดที่น่าจะเติบโตขึ้นมาในความยากจน, อย่างเช่นภายหลังการทำงานหนัก
คุณก็ควรที่จะสามารถเกษียณตนเองได้ด้วยความมีศักดิ์ศรี.
และคุณควรที่จะสามารถเข้าร่วมกับสหภาพได้ ถ้าคุณเลือกการก่อสร้างชนชั้นขึ้นมา,
เหล่านี้จะถูกกกำหนดเป็นเป้าอย่างละเอียดของการเป็นประธานาธิบดีของดิฉัน.(Such
as, no child should have to grow up in poverty, such as after years of hard
work you should be able to retire with dignity. And you should be able to join
a union if you choose building up the class, will be defining goal of my
presidency.)
เพราะว่าฉันเชื่ออย่างแรงกล้าว่า เมื่อชนชั้นกลางนั้นแข็งแรง,
อเมริกาก็จะแข็งแรง.(Because I strongly believe when the
middle class is strong, America is strong.)
ดังนั้นในสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้,
ดิฉันจะนำเสนอในรายละเอียดมากยิ่งขึ้นในแผนการของดิฉัน, เศรษฐกิจแห่งโอกาส.
และวันนี้ดิฉันจะเพ่งเน้นที่องค์ประกอบหนึ่งที่อบู่บนจิตใจของชาวอเมริกันทั้งหลายอย่างมากมาย
เมื่อการจ่ายใบชำระหนี้ของพวกเขาที่โต๊ะในครัวของพวกเขา, หรือเดินไปตามช่องทางเดินในร้านขายของชำ.
และนั่นคือการลดค่าใช้จ่ายในการครองชีพ. (So in the weeks to come, I will
address in greater detail my plans, an opportunity economy. And today I will
focus on one element that’s on the minds of many Americans as the pay their
bills, at the kitchen table, or walk the aisles of a grocery store. And that is
lowering the cost of living.)
แล้วทุกคนทั่วทั้งประชาชาติ,
ครอบครัวทั้งหลายคุยกันถึงเรื่องแผนการทั้งหลายของพวกเขาสำหรับอนาคต,
ความทะเยอทะยานของพวกเขา, แรงบันดาลใจทั้งหลายเพื่อพวกเขาเอง, เพื่อลูกๆ. (So
everyday across our nation, families talk about their plans for the future, their
ambitions, their aspiration for themselves, for children.)
และพวกเขาพูดคุยในเรื่องเกี่ยวกับพวกเขากำลังจะสามารถที่จะได้บรรลุอย่างแท้จริงทางการเงินของพวกเขาอย่างไร.
เพราะ, นี่นะ, บิลชำระเงินนั่นสูงขึ้น, อาหาร, ค่าเช่าบ้าน, แก๊ส, กลับไปโรงเรียน,
เสื้อผ้า, ยาตามใบสั่งแพทย์, อะไรทั้งหมดหลังจากนั้นแล้ว,
สำหรับครอบครัวทั้งหลายอันมากมาย, ไม่มีอะไรเหลือมากนักในตอนสิ้นเดือนเลย. (And
they talk about how they’re going to be able to actually achieve them
financially. Because, look, the bill that up, food, rent, gas, back to school,
clothes, prescription medication, after all, for many families, there is not
much at the end of the month.)
ดิฉันเติบโตมาในครัวเรือนของชนชั้นกลางเป็นส่วนใหญ่ในวัยเด็กของดิฉัน,
เราเป็นผู้เช่าบ้าน. แม่ของดิฉันเก็บหอมรอมริบมากว่าสิบปีเพื่อที่จะซื้อบ้านหลังหนึ่ง.
ฉันเป็นวัยรุ่นแล้วเมื่อนั่นถึงวันที่สุดมาถึง,
และฉันสามารถจำได้เป็นอย่างดีเหลือเกินว่าแม่ตื่นเต้นมากขนาดไหน.
ฉันแบบว่าเข้าใจได้ว่ามันมีความหมายเช่นไร, แต่เราเรียกแม่ว่ามอมมี่. มอมมี่ตื่นเต้นมากเหลือเกิน.
มันยิ่งทำให้เราตื่นเต้นด้วยที่เห็นเธอตื่นเต้นมากเช่นนั้น.(I grew
up in the middleclass household for most of my childhood, we were renter. My
mother saved for well over a decade to buy a home. I was a teenager when that
day finally came, and I can remember so well how excited she was. I kind of
understood what it meant, but we call her Mommy. Mommy was so excited. It just
made us excited that she was so excited.)
ต่อมา, วิทยาลัย, ฉันทำงานที่แม็คโดนัลด์’ส เพื่อหาเงินใช้. เอาละ,
ผู้คนบางคนที่ฉันทำงานด้วยกำลังสร้างครอบครัวทั้งหลายบนเงินค่าจ้างที่พวกเขาได้รับ.
พวกเขาทำงานสองหรือสามแห่งเพื่อจ่ายค่าเช่า,และซื้ออาหาร.
นั่นก็แค่หนักหนายิ่งขึ้นเมื่อค่าใช้จ่ายในการครองชีพสูงขึ้น. (Later,
college, I worked at MacDonald’s to earn spending money. Well, some of the
people I work with were raising families on that paycheck. They worked second
or third job to pays rent and buys food. That only gets harder when the cost
living goes up.)
เมื่อดิฉันได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแล้ว, ดิฉันจะทำมันเป็ลำดับสำคัญแรกสุดที่จะทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงมา
และเพิ่มความปลอดภัยทางเศรษฐกิจสำหรับคนอเมริกันทั้งหมด.
ในฐานะประธานาธิบดี, ดิฉันจะรับเอาค่าใช้จ่ายที่สูงนี้เป็นเหตุสำคัญมากที่สุดต่อคนอเมริกันส่วนใหญ่ที่สุด,
อย่างเช่นราคาอาหารทั้งหลาย.
เราทั้งหมดทราบกันดีว่าราคาทั้งหลายนั้นได้สูงขึ้นในระหว่างการระบาดของโรคโควิด
เมื่อห่วงโซ่อุปทาน/สิ่งค้าจากผู้ผลิตทั้งหลายได้ถูกปิดตายลงและล้มเหลว. (When I
am elected president I will make it a top priority to bring down costs and
increase economic security for all Americans. As president, I will take all the
high costs that matter most to most Americans, like the cost of food. We all
know that prices went up during the pandemic when the supply chains shut down
and failed.)
แต่ห่วงโซ่อุปทานทั้งหลายของเราได้รับการปรับปรุงแก้ไขแล้ว,
และราคาสินค้าทั้งหลายยังคงสูงเกินไป, กระทั่งขนมปังหนึ่งก้อนก็ราคาเป็น 50% มากกว่าในวันที่ยังไม่ไกด้เกิดการระบาดโรค. เนื้อวัวดิบก็ขึ้นมาเกือบ 50%. บริษัทอาหารขนาดใหญ่ทั้งหลายส่วนใหญ่กำลังมองเห็นกำไรสูงสุดของพวกเขาในรอบสองทศวรรษที่ผ่านมา.
และขณะที่ห่วงโซ่ร้านของชำมากมายผ่านมาได้ด้วยการเก็บออมของพวกเขา,
อื่นๆอีกหลายที่ไม่อาจอยู่ได้. (But our supply chains have now
improved, and prices are still too high, yet a loaf of bread cost 50% more
today than it did before the pandemic. Ground beef is up almost 50%. Many of
the big food companies are seeing their highest profit in two decades. And
while many grocery chains pass along these savings, other still aren’t.)
ฟังนะ,
ดิฉันทราบดีว่าธุรกิจทั้งหลายส่วนใหญ่กำลังสร้างงานทั้งหลาย,
ช่วยเหลือค้ำจุนต่อเศรษฐกิจของเรา. และกำลังเล่นไปตามกฎกติกาทั้งหลาย,
แต่บางรายไม่ได้เป็นเช่นนั้น. และนั่นไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง. และเราจำเป็นต้องที่จะลงมือปฏิบัติการเมื่อนั่นเป็นเหตุคดีขึ้นมา.
ในฐานะอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย,
ฉันได้ไล่ตามบริษัททั้งหลายที่ทำผิดกฎหมายเพิ่มราคาขึ้นรวมทั้งผู้ค้าส่งที่สร้างราคาสูงเกินจริงของยาตามใบสั่งแพทย์
และบริษัทที่สมรู้ร่วมคิดสมคบกันกับคู่แข่งขันทางการค้าทั้งหลาย(ฮั้วกัน)เพื่อรักษาคาคาเครื่องใช้ไฟฟ้าให้สูงไว้. (Look,
I know most businesses are creating jobs, contributing to our economy. And
playing by the rules, but some are not. And that’s just not right. And we need
to take action when that is a case at. As the attorney general in California, I
went after the companies that illegally increased price including wholesalers
that inflated the price of prescription medication and companies that conspired
with competitors to keep prices of electronics.)
ดิฉันชนะคดีมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สำหรับผู้บริโภคทั้งหลาย.(I won
more than $1 billion for consumers.)
ดังนั้นเชื่อฉันเถิด, ในฐานะประธานาธิบดี
ฉันจะไปหาดาราตัวร้ายทั้งหลาย.(So believe me, as President I will go
the bad actors.) และฉันจะทำงานที่จะผ่านกฎหมายการสั่งห้ามโดยรัฐบาลกลางเป็นครั้งแรกกับการขายสินค้าเกินราคา,
ในอาหาร.(And I will work to pass the first ever federal ban on price
gauging, food.)
แผนการของดิฉันประกอบด้วยบทลงโทษใหม่ๆทั้งหลายสำหรับบริษัทฉวยโอกาสทั้งหลาย
ที่ใช้ประโยชน์จากวิกฤตการณ์ และกระทำผิดกฎหมาย. และเราจะสนับสนุนธุรกิจด้านอาหารรายเล็กที่กำลังพยายามปฏิบัติตามกฏกติกาและเดินหน้าไปต่อ.
เราจะช่วยอุตสาหกรรมอาหารให้กลายเป็นมากยิ่งขึ้น เพราะว่าดิฉันเชื่อในการแข่งขันคือเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตของเศรษฐกิจของเรา. การแข่งขันมากขึ้นหมายถึงราคาที่ลดลง
สำหรับคุณและครอบครัวทั้งหลายของพวกคุณ(My plan includes new penalties
for opportunistic companies that exploit crises and break
the rules. And we will support smaller food business are trying to play by the
rules and get ahead. We will help the food industry become more because I
believe competition is the life blood of our economy. More competition means
lower prices for you and your families.)
ทีนี้เปรียบเทียบกับแผนการที่จะทำของโดนัลด์ ทรัมป์. เขาต้องการหักคอเก็บภาษีในอะไรที่เป็น,
ผลกระทบ, ภาษีการซื้อขาย/ภาษีการค้าในประเทศ ในทุกสินค้าที่เราผลิตและความจำเป็นพื้นฐานทั้งหลายที่ต้องนำเข้าสจากประเทศอื่นๆทั้งหลาย.
นั่นจะปู้ยี่ปู้ยำทำลายคนอเมริกันทั้งหลาย.
มันจะหมายถึงการสูงขึ้นของราคาที่เกือบจะที่ทุกคนจำเป็นต้องใช้ในแต่ละวัน. ภาษีของทรัมป์ในแก๊ส/เชื้อเพลิง. ภาษีของทรัมป์ในอาหาร.
ภาษีของทรัมป์ในเสื้อผ้า. ภาษีของทรัมป์-ข้ามเคานเตอร์ขายยา. และคุณก็รู้,
นักเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายได้ทำตัวเลขเสร็จแล้วว่า, แผนการของทรัมป์นั้นจะทำให้ค่าใช้จ่ายในครอบครับปกติทั่วไปสูงขึ้น
3,500$ต่อปี.(Now compare what Donald Trump plans
to do. He wants to impose what is, effect, a national sale tax1 on
every product and basic necessities that we import from
1 https://www.cplinter.com/sale-tax/
other
countries. That will devastate Americans. It will mean higher on price on just
about everyone of your daily needs. A Trump tax on gas. A Trump tax on food. A
Trump tax on clothes. A Trump tax on over counter medication. And you know,
economists done the math. Donald Trump’s plan would cost typical family 3,900 $
a year.)
ในชั่วขณะนี้, เมื่อทุกวันนี้ราคาสินค้าสูงขึ้นอยู่แล้ว, เขาจะทำมันให้สูงขึ้นไปอีกในฐานะประธานาธิบดี.
ดิฉันจะจู่โจมและจัดการกับประเด็นในเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพนี้.
ในตอนดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดรัฐ,
ฉันได้จัดการกับบริษัทประกันชีวิตทั้งหลายและบริษัทยาขนาดใหญ่
และจัดการให้พวกเขาลดราคาของพวกเขาลง. และพร้อมด้วยกับประธานาธิบดีไบเดน,
เราได้ไปไกลขึ้นอีกจากนั่น. เรารักษาระดับราคาอินซูลิน 35$ ต่อเดือน. และค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น...และค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นของยาทั้งหลายที่แพทย์สั่งจ่ายอยู่ที่
1,000$ ต่อปีสำหรับผู้สูงอายุทั้งหลาย.
เราให้โครงการสวัสดิการสุขภาพเมดิแคริ์ต่อรองลดราคายาลงสำหรับผู้สูงวัย.(At
this moment, when everyday prices are high, He will make them even higher as
President. I’ll tack and take on the issue of the cost of health care. As
attorney general, I took on insurance companies and big pharma and got them to
lower their prices. And together with President Biden, we’ve gone even further.
We kept the price of insulin at $35 a month. And the total cost…and the total
cost of prescription drugs at $1,000 a year for seniors. We let Medicare2
negotiate lower drug for seniors.)
2 https://www.hfocus.org/content/2019/03/17010
และเพิ่งเมื่อวานนี้เอง, และแค่เมื่อวานนี้, เราได้ประกาศว่า
เรากำลังลดราคาลงขึ้นได้ถึง 80%
ของอีกสิบยาช่วยรักษาชีวิตทั้งหลาย. ดิฉันปฏิญาณที่จะดำเนินต่อไปในโครงการนี้.
ดิฉันจะลดค่าใช้จ่ายในอินซูลินและยาสั่งจ่ายโดยแพทย์ลงอีกให้กับทุกๆคนด้วยการสนับสนุนของพวกคุณ,
ไม่เพียงแค่ผู้สูงวัยของเราเท่านั้น และเรียกร้องถึงความโปร่งใสจากคนกลางผู้ปฏิบัติการระหว่างบริษัทค้ายาขนาดใหญ่กับบริษัทประกันชีวิต/สุขภาพ
ผู้ซึ่งปฏิบัติคลุมเครือไม่ชัดเจนที่จะขึ้นราคายาและทำกำไรจากความจำเป็นต้องการยาของคุณ.
(And just yesterday, and just yesterday, we announced that we are
lowering price by up to 80% for ten more life-saving drugs. And I pledge to
continue the progress. I’ll lower the cost of insulin and prescription drug for
everyone with your support, not only our seniors and demand transparency from
the middlemen who operate between big pharma and the insurance companies who
use opaque practices to raise your drug prices and profit off your need for
medicine.)
เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา, ดิฉันได้ประกาศว่า
หนี้สินจะไม่มีอีกต่อไปในการใช้กับพวกคุณ, เป็น คะแนนเครดิต.
และฉันจะทำงานในฐานะประธานาธิบดีกับรัฐอย่างที่นี่ใน นอร์ธ แคโรไลนา.
รอย คูเปอร์, ขอบคุณอีกครั้ง, ที่จะยกเลิกหนี้การรักษากับแพทย์สำหรับอีกมากและมากของคนอเมริกันทั้งหลาย.
(Two
months ago, I announced that debt will no longer be use against you. Credit
score. And I will work as President with states like here in North Carolina.
Roy Cooper, thank you again, to cancel medical debt for more and more, million
more Americans.)
กับโดนัลด์ ทรัมป์, เอาละ, เขาต้องการที่จะยกเลิก
รัฐบัญญัติคุ้มครองผู้ป่วยและการบริบาลที่สามารถจ่ายได้, ที่45 ล้านคนอเมริกันได้พึ่งพาอยู่,
45 ล้านคนอเมริกันพึ่งพาอยู่กับการคุ้มครองดูแลนี้.
และนั่นก็จะเป็นการนำเรากลับไปสู่ยุคสมัยที่บริษัทประกันชีวิตทั้งหลายสามารถที่จะปฏิเสธการจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้คนจากสภาพที่เป็นมาก่อนการทำประกัน.
เราทั้งหมดต่างจดจำว่านั่นคืออะไรได้, และเราจะไม่ย้อนกลับไปเป็นเช่นนั้นอีก. (As for
Donald Trump, well, he want to repeal the affordable care act3, which
45 million Americans rely on, 45 million Americans on it for health care. That
would take us back to a time when insurance companies could deny people
preexisting conditions4. We
all remember what that was, and we are not going back that.)
4 https://en.wikipedia.org/wiki/Pre-existing_condition
และจำให้ได้และนี่คือทำเราจะไม่กำลังย้อนกลับไปอีก,
เพราะว่าเราจำได้ดีว่า เขาได้พยายามที่จะตัดโครงการเมดิแคริ์นี้ทุกปี,
เขาได้เป็นประธานาธิบดีกับการข่มขู่ที่จะตัดโครงการที่หลายสิบล้านคนอเมริกันผู้สูงวัยพึ่งพาอยู่.
และอ้างอิงถึงโครงการของเขา, วาระ 2025,
เขาตั้งใจที่จะรื้องานของเราในการทำให้ยาตามที่แพทย์สั่งจ่ายลดลงนี้,
ค่าใช้จ่ายยาตามใบสั่งแพทย์และค่าใช้จ่ายในอินซูลิน. (And
remember and this is why we’re not going back, because we do remember he tried
to cut Medicare every year, he was President threating a program that tens
millions of seniors count on. And according to his project, 2025 agenda, he
intends to undo our work to bring down prescription drugs, the cost of
prescription drugs and insulin cost.)
เอาละ,
เราได้มาไกลเกินกว่าที่จะปล่อยในมันบังเกิดขึ้น.
ดั้งนั้นเราจะไม่ย้อนกลับไปเป็นเช่นนั้นอีก.(Well, we’ve come too far to let
that happen. So we’re not going back on that.)
และเรามาพูดคุยกันถึงประเด็นค่าใช้จ่ายของที่อยู่อาศัย.
แล้วในตอนนี้ตลาดที่อยู่อาศัยได้สามารถเป็นความสลับซับซ้อน. แต่นี่นะ,
ก็ไม่ใช่ประเด็นใหม่อะไร. ในฐานะอัยการสูงสุดของรัฐ, ดิฉันได้ร่างกฎหมายและได้ช่วยผ่านรัฐบัญญัติสิทธิทั้งหลายผู้ถือครองบ้าน.
หนึ่งในสิ่งแรกของอเมริกา. และในระหว่างการยึดอสังหาริมทรัพย์ ดิฉันได้จัดการกับธนาคารใหญ่ทั้งหลายในการเอารัดเอาเปรียบกับการกู้ยืมด้วยการร่วมมือกับเพื่อนร่วมงานหลายคนของดิฉัน,
รวมทั้งรอย คูเปอร์, และเป็นวงเงิน 120
พันล้านสำหรับครอบครัวทั้งหลายของรัฐแคลิฟอร์เนีย.
เมื่อดิฉันเป็นอัยการสูงสุด.(And let’s talk about the cost of
housing. So now the housing market can be complicated. But look, not new to
this issue. As state attorney general, I drafted and helped pass a homeowner
bill of rights. One of the first in America. And during the foreclosure I took
the big banks for predatory lending5 with
many my colleagues, including Roy Cooper, and $120 billion for California
families. When I was attorney.)
ดังนั้นดิฉันทราบดีว่าจะต่อสู้อย่างไรให้กับผู้ที่กำลังถูกเอารัดเอาเปรียบในตลาดอสังหาริมทรัพย์.และดิฉันทราบว่าการได้เป็นเจ้าของบ้านหมายถึงอะไร.
มันเป็นอะไรที่มากไปกว่าธุรกรรมการซื้อขาย.
เป็นสัญลักษณ์ของศักดิ์ศรี/ความภูมิใจที่ได้มาจากการทำงานหนัก. ใช้,
มันเป็นความมั่นคงปลอดภัยทางการเงิน. มันเป็นตัวแทนของอะไรที่จะเป็นสิ่งซึ่งคุณสามารถที่จะทำให้กับลูกๆของคุณ.
และอย่างน่าเศร้า, ในตอนนี้, มันอยู่ไกลเกินเอื้อมเพราะอยู่ไกลเกินไปสำหรับครอบครัวอเมริกันมากมายทั้งหลาย.
(So
I know how to fight who are being exploited in the housing market. And I know
what homeownership means. It’s more than transaction. It is so much more than
that. It’s more than a house. All right. Homeownership and what that means. A
symbol of the pride that comes with hard work. Yes, it’s financial security. It
represents what you will be able to do for your children. And sadly, right now,
it is out of reach for far too many American families.)
มีความขาดแคลนที่อยู่อาศัยในหลายสถานที่.
มันยากเกินไปที่จะสร้างและมันกำลังขับเคลื่อนราคาให้ไปสูงขึ้น. ในฐานะประธานาธิบดี,
ดิฉันจะทำงานในฐานะหุ้นส่วนกับอุตสาหกรรมที่จะสร้างที่อยู่อาศัย
ซึ่งเราจำเป็นต้องการทั้งในการเช่า, และในการที่จะซื้อ.
เราจะรื้อกำแพงกั้นทั้งหลายลงและตัดขั้นตอนยุ่งยาก/red tapeทั้งหลาย,
รวมทั้งที่ในระดับรัฐและระดับท้องถิ่นทั้งหลาย. (There’s a serious
housing shortage in many places. It’s too difficult to build and it’s driving
price up. As President, I will work in partnership with industry to build the
housing we need both to rent and, to buy. We will take down barriers and cut
red tape, including at the state and local levels.)
และเมื่อถึงตอนสิ้นวาระการดำรงตำแหน่งในสมัยแรกขแองดิฉัน,
เราจะจบสิ้นการขาดแคลนที่อยู่อาศัยของอเมริกาด้วยการสร้าง 3
ล้านบ้านใหม่และการเช่าที่สามารถจ่ายได้สำหรับชนชั้นกลาง.
และเราจะทำงานนั่นด้วยกัน. เราจะทำนั่นด้วยกัน.
และเราจะทำให้มั่นใจได้ว่าบ้านทั้งหลายเหล่านั้นไปสู่คนทำงานและชนชั้นกลางอเมริกันอย่างแท้จริง,
ไม่ใช่แค่เพราะว่า, คุณก็รู้, เจ้าของที่ดินบางราย,
บางรายที่อยู่อาศัยพวกนั้นเป็นหลายโหล, ถ้าไม่ใช่หลายร้อยบ้านและอพาร์ตเมนท์,
แล้วพวกเขาก็จะพลิกผันมันไปทั่วและให้เช่าพวกมะนในราคาที่สูงสุดขีด.(And by
the end of my first term, we will end America’s housing shortage by building 3
million new homes and rental that are affordable for the middleclass. And we
will do that together. We will do that together. And we will make sure those
homes actually go to working and middleclass Americans, not just because, you
know, some landlords, some of them by dozens, if not hundreds of houses and
apartments, then they turn them around and rent them out at extremely high
prices.)
และมันสามารถทำมันให้เป็นไปไม่ได้ในตอนนั้นสำหรับคนทั่วไปที่จะสามารถซื้อได้หรือกระทั่งเช่าบ้านสักหลัง.
และบางห่างหุ้นส่วนเจ้าของที่ดินทั้งหลายสมรู้ร่วมคิดกันและกันที่จะตั้งประดิษฐ์ราคาเช่าสูงๆ,
บ่อยครั้งกระทั่งใช้อัลกอริทึ่มทั้งหลายและซอฟท์แวริ์กำหนดตรึงราคาในการที่จะทำมัน.
มันเป็นการเป็นปฏิปักษ์-การแข่งขันเสรี และมันขับเคลื่อนราคาค่าใช้จ่ายสูงขึ้น.
ดิฉันจะต่อสู้ด้วยกฎหมายที่จะพังทลายการปฏิบัติอันสามานย์นี้. (And it
can make it impossible then for regular to be able to buy or even rent a home.
And some corporate landlords collude with each other to set artificially high
rental prices, often using algorithms and price fixing software to do it. It’s
anti-competitive and it drives up costs. I will fight for a law that crack down
these practices.)
เราทราบดีเช่นกันว่าในฐานะที่ราคาทั้งหลายของที่อยู่อาศัยได้สูงขึ้น,
ขนาดของการจ่ายเงินดาวน์(เพื่อผ่อนชำระค่าบ้าน-ผู้แปล)ได้ขึ้นสูงตามไปด้วยเช่นกัน.
ถึงแม้ว่าถ้าเจ้าของบ้านจะทะเยอทะยานอยากได้ไปด้วยหลายปีแค่ไหน,
มันก็บ่อยครั้งยังคงไม่เพียงพอ. ดังนั้นในการเพิ่มเติมส่วนนี้, ขณะที่เรากำลังทำงานอยู่กับการแก้ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัย,
การบริหารจัดการอันดับแรกของดิฉันก็คือ จะจัดหาให้ผู้ซื้อบ้านครั้งแรกด้วยเงิน $25,000 เพื่อที่จะช่วยกับการจ่ายเงินดาวน์กับบ้านใหม่สักหนึ่งหลัง.
เราทำมัน, เราสามารถทำมันทั้งหมดให้กับคนอเมริกันได้รับประสบการณ์มากยิ่งขึ้นในความภูมิใจที่ได้ดเป็นเจ้าของบ้านของตนเอง
และมีความปลอดภัยทางการเงินที่มันได้แสดงแทนกลับมาให้. (We also know
that as the prices of housing has gone up, the size of down payments have gone
up as well. Even if aspiring homeowners for years, it often still is not
enough. So in addition, while we working on the housing shortage , my
administration will provide first time homebuyer buyers with $25,000 to help
with the down payment on a new home. We do it, we can do it all to more
Americans experience the pride of homeownership and the financial security that
it represent and brings.)
และนั่นคือแผนการของดิฉัน. (So that’s my plan.)
แต่ต่อไปนี้คืออะไรที่โดนัลด์
ทรัมป์จะทำ. ถ้าโครงการวาระแห่งปี 2025 ได้นำมามีผลขึ้น. มันจะเพิ่มราว $1,200 ต่อปีกับผู้จำนองอเมริกันทั่วไป. เขาได้ทำมันถอยกลับไป.
เราควรจะได้ทำทุกอย่างที่เราสามารถทำได้ให้มันสามารถที่จะมีโอกาสจ่ายได้ยิ่งขึ้น,
ในการที่จะซื้อบ้าน, ไม่ใช่ทำให้มันน้อยโอกาสลง.(But here’s what Donald
Trump would do. If his project 2005 agenda is put into effect. It will add around
$1,200 a year to the typical American mortgage. He got it backwards. We should
be doing everything we can make it more affordable, to buy home, not to less.)
ในท้ายสุดนี้,
มีอีกหนึ่งหนทางที่ดิฉันจะช่วยครอบครัวทั้งหลายรับมือกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นนี้,
และนั่นคือการให้พวกคุณเก็บออมเงินที่หามายากได้มากขึ้น. ภายใต้แผนการของดิฉัน,
มากกว่า 100 ล้านคนอเมริกันจะได้รับการยกเว้นภาษีเพิ่มขึ้น.
และเราจะทำเรื่องนี้ด้วยการฟื้นคืนการยกเว้นสองภาษีที่ได้ออกแบบมาเพื่อที่จะช่วยชนชั้นกลางและผู้ทำงานคนอเมริกัน.
การยกเว้นจากภาษีเงินได้และ, การยกเว้นภาษีจากการมีลูก, ผ่านสิ่งซึ่งคนอเมริกันทั้งหลายล้านรายที่มีลูกต้องเผชิญ,
จำเป็นต้องเก็บออมรายได้จากการทำงานหนักของพวกเขา. (Finally,
there’s one more way I will help families deal with the rising cost, and that
is by letting you keep more of your hard earned money. Under my plan, more than
100 million Americans will get a tax cut. And we will do this by restoring two
tax cuts designed to help middleclass and working Americans. The earned income
tax credit and, the child tax credit, through which millions of Americans with
children got to, keep more of their hard earned income.)
เรารู้ทราบดีและมีการปพะทะโดยตรงกับวาระประเด็นมากมายเหลือเกิน,
รวมทั้งเด็กยากจน. มันเป็นงานที่เราต้องทำ. ในฐานะประธานาธิบดี,
ดิฉันจะไม่เพียงแต่รื้อฟื้นคืนที่การยกเว้นภาษีนั่น. แต่ขยายมันออกกไป. เราจะจัดหา
$6,000 ในการบรรเทาภาษีใหแก่ครอบครัวทั้งหลายในระหว่างปีแรกของชีวิตลูก.
ทีนี้, คิดดูว่ามันจะหมายถึงอะไร. นั่นคือสิ่งสำคัญหนึ่ง, ปีที่สำคัญของวิกฤตการพัฒนาของเด็กคนหนึ่ง.
และค่าใช้จ่ายหนึ่งที่สามารถเพิ่มขึ้นได้จริงๆ,
โดยเฉพาะสำหรับพ่อแม่ในวัยหนุ่มสาวทั้งหลาย ผู้ที่จำเป็นต้องซื้อผ้าอ้อม
และเสื้อผ้า และที่นั่งในรถยนต์. และมากเป็นอย่างยิ่ง.
และเราจะทำเรื่องนี้ในขณะที่การลดการขาดดุลนั้น. (We know works and has
a direct impact on so many issues, including child poverty. We it works. So as
President, I’ll not only restore that tax cut. But expand it. We will provide
$6,000 in tax relief to families during first year of a child’s life. Now,
think what that means. Think what that means. That is a vital, vital year of
critical development of a child. And a cost can really add up, especially for
young parents who needs to buy diapers and clothes and a car seat. And so much.
And we will do this while reducing the deficit.)
เปรียบเทียบกับแผนการของดัน, อะไรที่โดนัลด์ ทรัมป์ตั้งใจจะทำ.
เขาวางแผนที่จะตัด/ลดภาษีก้อนโตหลายพันล้านปีแล้วปีเล่า.
และเขาวางแผนที่จะตัด/ลดภาษีห้างหุ้นส่วนในราว $1000, 000, 000,
000 แม้กระทั่งว่าพวกนั้นจะทำไรทำลายสถิติอยู่. และบนยอดสุดของ $2 พันล้านล้านภาษีที่ตัด/ลดไปนั้น
เขาได้ลงนามเข้าสู่กฎหมายไปแล้วเมื่อตอนที่เขาเป็นประธานาธิบดี. ซึ่ง,
จะว่าไปแล้ว, ล้นหลาม, เราได้ทำความล้นหลามท่วมท้นให้กับคนอเมริกันและห้างหุ้นส่วนที่มั่งคั่งที่สุด
และปะทุระเบิดกรขาดดุลของประเทศเรา. (Compare my plan with what Donald
Trump intends to do. He plans to give billions massive tax cuts year after
year. And he plans to cut corporate tax by over $1,000,000,000,000 even as they
pull in record profits. And that’s on top of the $2 trillion tax cut he already
signed into law when he was President. Which, by the way, overwhelming, we
overwhelming went to the wealthiest Americans and corporations and exploded the
national deficit.)
คุณรู้ดี, ดิฉันคิดว่านั่นถ้าคุณต้องการที่จะรู้ว่าใครบางคนใส่ใจห่วงใยในเรื่องอะไร,
ก็ดูที่ว่า เขากำลังต่อสู้เพื่อใคร. นี่คือโดนัลด์ ทรัมป์ที่กำลังต่อสู้เพื่อผู้คนร่ำรวยหลายพันล้านและห้างหุ้นส่วนขนาดใหญ่ทั้งหลาย.
ดิฉันจะต่อสู้เพื่อที่จะให้เงินกลับคืนมาสู่คนทำงานและชนชั้นกลางอเมริกันทั้งหลาย.
(You
know, I think that if you want to know who someone cares about, look who they
fight for. This is Donald Trump fights for billionaires and large corporations.
I will fight to give money back to working and middleclass Americans.
ดังนั้นดิฉันจะจบด้วยเรื่องนี้. เมื่อสองวันก่อน, โดนัลด์
ทรัมป์ได้มายังที่นี่. ที่นอร์ธ แคโรไลนานี้.
เขาบอกว่าเขากำลังจะพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ. ดิฉันคิดว่าพวกคุณคงได้ดูอยู่.
คุณรู้ว่าดิฉันกำลังจะพูดถึงเรื่อวงอะไร. แต่เขาไม่ได้เสนอแผนการจรอิงจังอะไรเลยที่จะลดค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวชนชั้นกลางทั้งหลาย.
ไม่ได้ขยายโอกาสในการเข้าถึงที่อยู่อาศัยหรือการดูแลสุขภาพ. เอาละ.
และนั่นอย่างแท้จริง, ดิฉันคิดว่าส่วนมากที่สุดของพวกเราไม่ได้ประหลาดใจเลย
เพราะว่าเราได้รู้ถึงแผนการทั้งหลายของเขาอยู่แล้ว. เรารู้ดีถึงโครงการวาระ 2025. (So I
will end with this. Two days ago, Donald Trump was here. North Carolina. He
said he was going to talk about the economy. I think you all watch. You know
what I’m about to say. But he offered no serious plans to reduce cost for
middleclass families. No to expand access to housing or health care. Alright.
And that actually, I think for most of us was not surprising because we already
know his plans. We know the project 2025 agenda.)
ดังนั้น มีโอกาสเลือกเพียงหนึ่งในการเลือกตั้งนี้. แผนการของโดนัลด์
ทรัมป์ที่จะสังหารชนชั้นกลาง, ลงโทษคนทำงานและทำให้ค่าใช้จ่ายในการครองชีพขึ้นสูงกับชาวอเมริกันทั้งหลายล้าน.
(So
there’s a choice in this election. Donald Trump’s plans to devastate the
middleclass, punish working people and make the cost of living go up for
millions of Americans.)
และในอีกฝ่ายหนึ่ง, เมื่อดิฉันได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี,
จะทำอะไร? อะไรที่เราจะทำคือนำค่าใช้จ่ายทั้งหลายให้ลดลงมา, เพิ่มความปลอดภัย,
เสถียรภาพ, ทางการเงินของครอบครัวทั้งหลายของคุณ, และขยายชุมชนเดินหน้าขึ้นไปสำหรับคนทำงานและชนชั้นกลางอเมริกัน.
(And
on other hand, when I’m elected President, what will do, what we will do to
bring down costs, increase the security, stability, financially of your
families, an expand upward community for working and middleclass Americans.)
ดังนั้นในตอนนี้, ตอนนี้, ตอนนี้เป็นเวลาที่จะทำบัญชีตารางหนทางใหม่ที่จะไปผข้างหน้าเพื่อที่จะสร้าง...หนทางใหม่ข้างหน้าที่จะสร้างอเมริกา
ที่ซึ่งการทำงานของทุกคนคือรางวัลและ, ความสามารถทั้งหลายคือคุณค่า.
ที่ซึ่งเรากับแรงงานและธุรกิจที่จะทำให้คนอเมริกันเข้มแข็ง และที่ซึ่งทุกคนไม่ใช่แค่มีแค่นี้อยู่ไปเช่นนี้,
แต่เพื่อที่จะมุ่งหน้าไป. (So now, now, now is the time to chart a
new way forward. Now is the time to chart a new way forward to build …a new way
forward to build an America where everyone’s work is rewarded and, talents are
valued. Where we with labor and business to strengthen the American and where
everyone has the not just to get by, but to get ahead.)
ดังนั้นดิฉันขอขอบคุณ, นอร์ธ แคโรไลนา,
เรากำลังจะทำสิ่งนี้ให้เสร็จสิ้นกัน. และด้วยความช่วยเหลือของพวกคุณ. พระเจ้าจงอวยพรให้กับพวกคุณและสหรัฐ
อเมริกา. (So I thank you, North Carolina, we’re going to get this
done. And with your helped. GOD bless you and the United States of America.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น