หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ตำนานรัก,ภรรยาคนแรกของ จอร์จ แฮร์ริสันและอีริค แคล็ปตัน - แพ็ตตี้ บอยด์?



ใครกันหรือคือ แพ็ตตี้ บอยด์ แฮร์ริสัน แคล็ปตัน?

Something in the way she moves
Attracts me like no other lover
Something in the way she woos me
I don't want to leave her now
You know I believe and how....”
          ข้างบนนั้นคือท่อนแรกของเพลง Something ที่ George Harrison แต่งกับวง The Beatles ในอัลบั้ม Abbey Road ปี 1969 ซึ่งว่ากันว่าหมายถึงสาวน้อยนาม Patricia Anne "Pattie" Boyd (born 17 March 1944) นางแบบนักถ่ายภาพ.  และสาวน้อยนี่แหละที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา(แต่งงาน)คนแรกของทั้ง George Harrison และ Eric Clapton. และสาวน้อยคนนี้แหละที่ก็เป็นตำนานแรงดาลใจแห่งเพลงของเทพกีต้าร์อีริค แคล็ปตัน ทั้ง LAYLA และ Wonderful Tonight ในเวลาต่อๆมา. แล้วเธอเป็นใครกันหรือ? (ข้อมูลทั้งหลายถอดยืมเอามาจาก Wikipedia ขอขอบคุณ)
          แพ็ตริเซีย “แพ็ตตี้” แอนน์ บอยด์ เกิดที่ Tauton,  Somerset ประเทศอังกฤษ ก่อนที่บิดามารดาจะย้ายไปที่ สก็อตแลนด์ และย้ายไปอยู่ที่ ไนโรบี, เคนย่า (ระหว่างปี ค.ศ. 1948 – 1953) ก่อนที่บิดาของเธอจะถูกปลดออกจากกองทัพอากาศราชอาณาจักรและหย่าร้างกับมารดาของแพ็ตตี้ในปี 1952. แพ็ตตี้ เรียนจบที่โรงเรียนประจำ St Martha’s Covent ที่ใน Hadley Wood, Hertfordshire.  ย้ายมาอยู่ที่ลอนดอนในปี 1962 และทำงานเป็นสาวแชมพูในร้านเสริมสวย Elizabeth Arden salon จนลูกค้าของร้านประทับใจจนชวนไปทำงานเป็นนางแบบ.
          ในปี 1964 แพ็ตตี้ พบกับ จอร์จ แฮร์ริสัน ระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่อง A Hard Day’s Night, ซึ่งเธอได้รับบทเป็นนักเรียนสาวที่มีบทพูดแค่ “นักโทษรึคะ?”.  แต่เธอก็ไปโผล่ในอีกตอนของ I Should Have Known Better . แพ้ตตี้ ตอนนั้นกึ่งหมั้นอยู่กับช่างภาพที่ชื่อ Eric Swayne, เลยปฏิเสธการขอเดทจาก จอร์จ แฮร์ริสัน ในหลายวันต่อมา.  หลังจากที่เธอยกเลิกการหมั้นกับ สเวยน์ แล้ว, แพ็ตตี้ ก้กลับไปทำงานในหนังเรื่องนั้นต่อและจอร์จก้ขอเดทกับเธออีกเป็นครั้งที่สอง.  แพ็ตตี้ บอกว่า, หนึ่งในอย่างแรกที่จอร์จ บอกกับเธอฉากหนังนั่นก็คือ “คุรแต่งงานกับผมไหม? เอาละล ถ้าคุณจะไม่แต่งงานกับผม, คุรจะไปทานดินเนอร์กับผมในคืนนี้ได้ไหม?”.
          แพ็ตตี้ ย้ายออกไปอยู่กับจอร์จที่ Kinfauns ทั้งคู่แต่งงานกันในวันที่ 21 มกราคม 1966, มีพิธีที่สำนักงานจดทะเบียนสมรส ใน Ashley Road, Epsom.  โดยมี Paul Mccartney เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว, และไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันที่ Barbados.  ในเดือนกันยายน, แพ็ตตี้ บินร่วมไปกับจอร์จยัง บอมเบย์, อินเดียเพื่อเยี่ยมเยียนปรมาจารย์ซิต้าร์, Ravi Shankar, ก่อนที่กลับมายังอลอนดอนในวันที่ 23 ตุลาคม 1966.  ในปีต่อมา, แพ็ตตี้ จากที่เธอเป็นสมาชิกของ,Spiritual Regeneration Movement, ได้สร้างแรงดาลใจให้กับบรรดาสมาชิกทั้งสี่คนของ The Beatles และพาพวกเขาไปพบกับนักบวชโยคีชาวอินเดีย Maharishi Mahesh Yogi ที่ลอนดอนวันที่ 24 สิงหาคม 1967, ซึ่งตามมาด้วยการที่ The Beatles ไปเข้าร่วมชุมนุมการสัมมนาของมหาริชี่ที่ บังกาลอร์, ในวันต่อมาร่วมกับจอร์จและผองเพื่อน The Beatles เดินทางไปเยือนอัสรามของมหาริชี่ที่ใน Rishikesh, อินเดีย, ในปี 1968.
          ในปี 1973, การแต่งงานของ แพ็ตตี้ และ จอร์จ เริ่มต้นที่จะล้มเหลวและเธอก้แอบไปมีความสัมพันธ์กับมือกีต้าร์วง Faces นาม Ronnie Wood.  เธอแยกทางจากจอร์จ ในปี 1974 และหย่าร้างกันเสร็จสิ้นในวันที่ 9 มิถุนายน 1977.  แพ็ตตี้ บอกว่าเธอตัดสินใจที่จะจบการแต่งงานและทิ้งจอร์จไปก็เพราะพื้นฐานส่วนใหญ่แล้วจากการกระทำตนซ้ำๆซากๆและไปยุ่งกับเมียของ Ringo Starr ที่ชื่อ Maureen, ซึ่งแพ็ตตี้บอกว่านั่นเป็น”ฟางเส้นสุดท้าย”.  แพ็ตตี้ บรรยายถึงปีสุดท้ายของการแต่งงานของพวกเขาคือ “เต็มไปด้วยอัลกอฮอลืและโคเคน”, และอ้างว่า “จอร์จ นั้นใช้โคเคนอย่างหนักมาก, และฉันคิดว่ามันเปลี่ยนแปลงตัวเขา...มันเยือกแข็งอารมณ์ของเขาและทำให้หัวใจเขาแข็งกระด้าง.” และว่ากันว่าเพลงสองเพลงของแฮร์ริสัน “I Need You” และ “Something” นั้นหมายถึงเธอ.
          ในตอนปลายของปี 1960, แคล็ปตัน และ แฮร์ริสัน ได้กลายมาเป็นเพื่อนรักกัน, และเริ่มตันเขียนเพลงและบันทึกเสียงด้วยกัน.  และตอนนี้เองที่ อีริค แคล็ปตัน ได้ตกหลุมรักในตัวของ แพ็ตตี้ บอยด์ แฮร์ริสัน.  อัลบั้มของเขากับวง Derek and the Dominos ที่ชื่อ Layla and Other Assorted Love Songs ถุกเขียนขึ้นมาโดยเชื่อกันว่าเป็นเรื่องราวความรักของเขาที่มีต่อเธอ, โดยเฉพาะเพลง Layla.  เมื่อแพ็ตตี้ ปฏิเสธการถลำลึกไปอีกของอีริคในเรื่องความรัก, อีริค หันไปเสพติดเฮโรอินและเนรเทศตนเองออกจากวงการดนตรีสามปี.  กว่าจะกลับฟื้นคืนมาเป็นผู้เป็นคนก็ด้วย จอร์จ แฮร์ริสัน ผู้เพื่อนรักในคอนเสิร์ตการกลับมาครั้งแรกที่ชื่อ Consert For Bangla Desh ซึ่งจอร์จ ร่วมกับปรมาจารย์ซีต้าร์อินเดีย ราวี แชงก้า, และผองเพื่อนอีกหลายคน เช่น บ็อบ ดีแลน, ลีออน รัสเซล, ริงโก้ สตาร์, บิลลี่ เพรสตัน และ อีริค แคล็ปตัน.
          แพ็ตตี้ ในที่สุด, หลังจากแยกทางกับจอร์จ แฮร์ริสัน, คงจะซาบซึ้งในความรักของเทพกีต้าร์ก็ย้ายเข้ามาอยู่กับอีริคและแต่งงานกับเขาในปี 1979.  การต่อสู้ดิ้นรนเพื่อชีวิตสมรสของเธอถูกสวมใส่ไว้ด้วยหน้ากากต่อสาธารณะเมื่อเธอออกงานกับแคล็ปตัน.  ถึงแม้ว่า แพ้ตตี้ จะดื่มและเคยยอมรับว่าเคยเสพยามาในอดีต, เธอก็ไม่เคยกลายเป็นคนติดเหล้าหรือว่าติดยาเหมือนกับที่ อีริค เป็น.  แพ็ตตี้ จาก อีริค มาในกันยายน 1984, และหย่าขาดจากเขาในปี 1989. เหตุผลที่เธอบอกก็คือ อีริค นั้นติดเหล้าอย่างหนักและการแอบมีสัมพันธ์สวาทกับผู้หญิงอื่นอีกมากมายนับไม่ถ้วน, รวมทั้งหนึ่งนั้นคือนางแบบอิตาเลี่ยน Lory Del Santo. (และเธอผู้นี้เองที่ต่อมาได้แต่งงานกับอีริค แคล็ปตัน ซึ่งต่อมาลูกชายของพวกเขาทั้งท้องได้ตกลงมาจากห้องพักบนตึกระฟ้า, และคือต้นตำนานของเพลง Tears in Heaven อันโด่งดังของอีริค แคล็ปตัน).
          หลายปีหลังจากหย่าร้างกัน, อีริค บอกแต่เพียงว่าเขาต้องการจะมีลูกสักคนมาก, และ แพ็ตตี้ ไม่สามารถให้กำเนิดลุกแก่เขาได้.  แพ็ตตี้ เชื่อว่าเธอนั้นเป็นแรงดาลใจให้กับเขาในเพลง “Bell Bottom Blues” และ “Wonderful Tonight” อันโด่งดัง.
          แพ็ตตี้ เปิดงานแสดงภาพถ่ายจากฝีมือเธอของ จอร์จ และอีริค, ที่ San Franciasco Art Exchange ในวันวาเลนไทน์ของปี 2005, ในงานแสดงที่ชื่อ Through the Eye of a Muse. งานแสดงนี้ปรากฏที่ใน ซาน ฟรานซิสโก และในลอนดอนระหว่างปี 2006, และที่ใน La Jolla, แคลิฟอร์เนีย ในปี 2008.  งานแสดงภาพของเธอที่ชื่อ “Yesterday and Today: The Beatles and Eric Clapton” ออกแสดงที่ใร Santa Catalina Island ใน แคลิฟอร์เนีย, และที่ National Geographic Headquaters ใน กรุงวอชิงตัน, ดี.ซี ในปี 2011.
          ในปี 2007 แพ็ตตี้ ออกหนังสืออัตตะชีวประวัติของเธอ, ที่รวมบางรูปถ่ายของเธอเอาไว้ด้วย, ชื่อ Wonderful Today เมื่อวางจำหน่ายในอังกฤษ; แต่เมื่อวางจำหน่ายที่สหรัฐมันถุกตีพิมพ์ในชื่อ Wonderful Tonight: George Harrison, Eric Clapton, and Me.  ในสหรัฐอเมริกาหนังสือของ แพ็ตตี้ ก็ทำยอดจำหน่ายติดอันดับขายดีของ นิวยอร์ค ไทมสิ์. อีริค แคล็ปตัน ขึ้นต้นเพลง Wonderful Tonight เอาไว้ด้วย...
It's late in the evening; she's wondering what clothes to wear.
She puts on her make-up and brushes her long blonde hair.
And then she asks me, "Do I look all right?"
And I say, "Yes, you look wonderful tonight…….


………………………………………..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น