คำรำพึง
เนื่องในวาระคล้ายวันเกิด
๙ ตุลาคม ๒๕๕๒
วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๒ มาเยือนแล้ว
เป็นวันคล้ายวันเกิดที่เมื่อมาถึงแล้วก็ย่อมทำให้อายุขัยครบรอบอีกปีหนึ่ง
ซึ่งหมายความความแก่ก็มากขึ้นอีกปีหนึ่ง และไกลออกมาจากวันเกิดมากขึ้นอีกดปีหนึ่ง
นั่นคือใกล้ความตายเข้าไปอีกปีหนึ่งแล้ว
ชีวิตเกิดมาแล้วย่อมตั้งอยู่และดับไปในที่สุด
เกิด แก่ เจ็บ ตาย
เป็นสภาวะธรรมธรรมดาธรรมชาติที่ย่อมเกิดขึ้นแก่ทุกชีวิตและไม่มีใครที่จะหลีกลี้หนีให้พ้นไปได้
ไม่ว่าจะมีอำนาจวาสนา ยากจนเข็ญใจ หรือมั่งมีศรีศักดิ์สักเพียงไหน ล้วนย่อมเป็นไปตามกฏแห่งพระไตรลักษณ์ทั้งสิ้น
เมื่อวันเกิดมาถึง
โดยสมัยนิยมก็มักจะมีการฉลองวันเกิดกันมากบ้าง น้อยบ้าง เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง
ตามขนาดครองอำนาจวาสนาและความคิดติดยึดของแต่ละคน
แม้บางครั้งบางปีจำเป็นที่จะต้องคล้อยตามสมัยนิยมบ้าง แต่น้ำใจแท้ยังคงเห็นว่าในวาระวันคล้ายวันเกิดนั้นเป็นวาระอันควรคิดถึงแม่
คิดถึงพระคุณแม่ น้อมนำรำลึกถึงคุณธรรมของแม่ เข้าสู่จิตใจตนและนำไปประพฤติปฏิบัติ
ก็ย่อมบังเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตน
“แม่”
เป็นคำที่มีความหมายยิ่งใหญ่นักเพราะแม่เป็นผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่ง
กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูทำนุบำรุงสรรพสิ่งให้ตั้งอยู่และเป็นไปตามธรรมชาติที่จะพึงเป็น
แม่หนึ่งนั้นคือแม่บังเกิดเกล้า ที่ให้กำเนิดลูกน้อยด้วยเลือดเนื้อชีวิตของแม่
หล่อเลี้ยงด้วยน้ำนมและบำรุงเลี้ยงด้วยจิตใจอันเปี่ยมด้วยความรักที่บริสุทธิ์สูงส่ง
ที่หาความรักไหนเทียบด้วยความรักของแม่นั้นเป็นอันไม่มี แม่นี้คือพระอรหันต์ของลูก
เป็นพรหมของลูก ที่ถ้าหากใครได้ปรนนิบัติรับใช้ แม้ในยามแก่เฒ่าหรือป่วยไข้
อย่อมถือได้ว่าเป็นบุญมาก มีอานิสงส์มากเสมอด้วยการปรนนิบัติรับใช้พระอรหันต์
ที่จะไม่มีวันไปไปสู่อบายได้เลย
แม่หนึ่งคือพระแม่ธรณี ที่ให้ที่อยู่ ที่อาศัย ที่กิน ให้อาหาร
ให้น้ำ ให้อากาศ ทำให้ชีวิตนี้ตั้งอยู่ได้ ดำรงอยู่ได้ และกดำเนินไปได้กว่าจะถึง
วาระสุดท้ายของชีวิตที่มุกคนจะต้องไปยังจุดนั้น พระแม่ธรณีจึงเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด
ให้ถิ่นเกิดและมาตุภูมิ ที่ถ้าหากใครได้สนองคุณแผ่นดิน ไม่ขายแผ่นดิน ไม่ขายชาติ
ย่อมถือได้ว่าเป็นบุญมาก มีอานิสงส์มาก และไม่เสียชาติเกิด
แม่หนึ่งนั้นคือแม่ซื้อหรือแม่ชื้อ นั่นคือสติอันกำกับกาย ใจ
ให้เป็นผู้เป็นคนที่มีความเป็นปกติธรรมดาสามัญ ไม่ฟู ไม่ยุบ ไม่วิปริต ไม่วิปลาส
ทำให้คนเป็นมนุษย์ ทำให้มนุษย์เป็นเวไนยสัตว์ และทำให้ชีวิตเป็นชีวิต ที่ถ้าหากใครได้สนองคุณแม่ซื้อด้วยดี
หมั่นฝึกฝนอบรมจิตให้มีความตั้งมั่นเป็นสมาหิโจ ให้มีความบริสุทธิ์เป็นปาริสุทโธ
ให้มีพลังที่สามารถทำหน้าที่การงาน อันเป็นหกน้าที่ของจิตหรือเป็นกัมมนิโยแล้ว
ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก สามารถยังปีติและสุขให้เกิดขึ้นได้เป็นปฐม
สามารถถึงซึ่งความไม่หวั่นไหวในพรหมวิหารธรรม คืออุเบกขาวิหารได้
และสามารถถึงซึ่งวิมุตตะมิติได้ในที่สุดด้วย
วันคล้ายวันเกิดจึงเป็นวันพึงรำลึกถึงแม่ทั้งสาม
และนำพระคุณแม่ คุณธรรมของแม่ แล้วกระทำกตเวทิตาธรรมต่อแม่ให้สมบูรณ์ยิ่งๆขึ้นไปความเป็นสิริมงคลย่อมบังเกิดแก่ตนโดยไม่ต้องสงสัย
วันคล้ายวันเกิดเป็นวันที่จะสามารถน้อมรำลึกเห็นได้อย่างเด่นชัดว่า
เป็นวันที่แม่มีความเจ็บปวดรวดร้าวและทุกข์ทรมานเป็นที่สุด แต่ก็เป็นวันที่แม่ปีติปลื้มใจมากที่สุด
เพราะเป็นวันที่บุตรซึ่งอุ้มท้องมาถึง ๙ เดือน จะลืมตาขึ้นดูโลกเป็นหน่อเนื้อเชื้อไขผู้สืบสันดานชีวิตจิตวิญญาณของแม่ไปตลอดกาลนาน
วันเช่นนี้จึงไม่ใช่วันแห่งความสุขของลูก
ไม่ใช่วันที่ลูกจะดื่มกินด้วยความสนุกสนานเมามายและสรวลเสเฮฮา หากเป็นวันเวลาที่ลูกควรอยู่ในความวิเวก
อยู่ในความสงบ อยู่ในความสงัด เพราะความวิเวก สงบ
สงัดนั้นย่อมเกื้อกูลต่อการน้อมรำลึกถึงคุณงามความดีของแม่
และเห็นความจริงของชีวิตได้กระจ่างแจ้งมากที่สุดวาระหนึ่งในแต่ละปี จึงไม่ควรที่จะปล่อยให้เวลาวาระอันประเสริฐนี้ผ่านพ้นไปผโดยไร้ประโยชน์
เมื่อวันคล้ายวันเกิดเวียนมาถึงก็เป็นสัญญาณหมายว่า
ชีวิตนี้เดินไกลออกมาจากความเกิดมากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น และย่อมจะต้องเผชิญกับความแก่
ความเจ็บ และความตาย ตามธรรมดา ธรรมชาติ
เมื่อรำลึกแล้วก็เห็นกระจ่างว่าวันนี้ปู่ย่าตายายหรือคนรุ่นเดียวกันล้วนล่วงลับดับสูญไปหมดแล้ว
แม่และคนรุ่นของแม่ทั้งญาติสนิทใกล้ชิดและห่างไกลออกไปก็ล่วงลับดับสูญไปหมดเช่นเดียวกัน
เหลืออยู่ก็แต่พ่อหรือที่เรียกว่าเตี่ย ซึ่งปีนี้ก็มีอายุล่วงวัยถึง ๙๐ ปีแล้ว บรรดาผู้คนที่เคยรู้จัก
เคยได้รับพระคุณตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ มาถึงวันนี้ล้วนล้มหายตายจากไปหมดสิ้น
แม้กระทั่งครูบาอาจารย์ที่เคยประสิทธิ์ประสาทวิชาปัญญาคุณก็ล้มหกายตายจากไปหมดแล้ว
เพื่อนร่วมรุ่นร่วมชั้นตั้งแค่ครั้งยังเป็นวัยนักเรียน
หรือแม้ในชั้นมหาวิทยาลัยร่วมครึ่งหนึ่งก็ถึงการลาโลกไปแล้ว
ยังคงมีชีวิตอยู่ก็แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
งานสังสรรค์รุ่นประจำปีก็มีมิตรสหายเพื่อนฝูงมาร่วมงานน้อยลงทุกปี
ครูประจำชั้นและครูที่เคยพร่ำสอนที่เคยมาร่วมงานของศิษย์ก็ล้มหายตายขากไปหมด ในวันนี้ก็เหลืออยู่ต่ครูสุมนา
เปผ่าประเสริฐ แต่คนเดียว คนที่รู้จักมักคุ้นในทุกวันนี้ล้วนแต่เป็นคนหน้าใหม่
ที่รู้จักกันใหม่ๆอย่างมากสุดก็รู้จักมักคุ้นกันมาไม่เกิน ๓๐ หรือ ๔๐ ปี
ดูไปแล้วชีวิตของคนเรานี้ย่อมมีแต่วันที่จะเปล่าเปลี่ยวเดียวดายมากขึ้นทุกที
และในที่สุดเมื่อวันสุดท้ายของชีวิตมาถึงก็ยังคงต้องเดินทางไกลไปแต่ผู้เดียว
คู่ชีวิต ลูกหลาน ลูกน้อง หรือคนสนิทคู่จิตคู่ใจที่รักใคร่ผูกพันสักปานไหน
ก็ไม่มีใครยอมไปด้วยเป็นอันขาด
ร่างกายเมื่อขาดวิญญาณแล้วก็เหมือนท่อนไม้กองอยู่บนดิน ย่อมเป็นที่น่ารังเกียจ
ย่อมเป็นของปฏิกูลที่ไม่มีใครเขาต้องการ และไร้ค่าอย่างยิ่ง ในที่สุดเขาก็เอาไปเผา
ไม่เหลืออะไรไว้จะเหลือไว้ก็เพียงความรำลึกถึงในทางดีหรือทางร้าย
ซึ่งเป็นผลหรือวิบากกรมที่ทำไว้ในยามมีชีวิตอยู่ด้วยกันทั้งนั้น
ทำกรรมชั่วไว้ คนข้างหลังเขาก็นึกถึง ในทางชั่ว และเมื่อนึกถึงแล้วก็ย่อมส่งผลแก่ลูกหลานข้างหลังให้ต้องรับวิบากกรรมนั้นแทน
ทำกรรมดีไว้ คนข้างหลังเขาก็นึกถึงในทางดี
และเมื่อนึกถึงแล้วก็ย่อมส่งผลแก่ลูกหลานข้างหลังให้ได้รับวิบากกรรมนั้น
ดังนั้นอย่าคิดว่าตายแล้วจะไม่ให้คุณหรือไม่ให้โทษแก่ลูกหลาน
การซึ่งจะให้คุณหรือให้โทษประการใด จึงขึ้นอยู่กับกรรม อันได้ทำไว้ในยามมีชีวิตนั้น
ที่ไม่มีวันผันแปรเป็นอื่นไปได้เลย
โลกทุกวันนี้ร้อนเร่านัก เพราะคนเราไม่ค่อยคิดถึงแม่
ถึงวันเกิดก็ไม่คิดถึงแม่ แต่คิดถึงตัวเอง
ไม่สร้างความมงคลให้เกิดขึ้นในวาระสำคัญในแต่ละปีของชีวิต กลับไปสร้างในสิ่งที่วิปริตแลพะเป็นโทษแทน
ดังนั้นจึงไม่สามารถได้รับประโยชน์อันพึงได้ในโอกาสสำคัญของวันเกิดในแต่ละปี
เพราะเหตุนี้คนเราจึงมองข้ามความจริงของชีวิตที่เกิดมาแล้วจะต้องแก่
ต้องเจ็บ และต้องตาย ไม่สามารถปล่อยปละละวางความยึดมั่นใดๆได้
กลับยึดมั่นถือมั่นแน่นหนาหนักหน่วงขึ้น ทั้งทรัพย์สิน เงินทอง
ชื่อเสียงเกียรติภูมิ คลอดจนยศศักดิ์วาสนาต่างๆ
จนเป็นภาระอันหนักอึ้งที่ถึงขนาดแบกรับไว้ไม่ไหวก็ยังแสวงหาต่อไปไม่ยอมหยุด
กลายเป็นผู้รุ่มร้อนเร่าร้อนหิวโหยประหนึ่งตกอยู่ในสภาพเปรตวิสัยฉะนั้น
วันคล้ายวันเกิดจึงเป็นวันสำคัญของชีวิตในปีหนึ่งๆ
ที่จะระงับยับยั้งหรือหยุดยั้งคนเราไม่ให้ไหลไปในทางต่ำ
ไม่ให้ไหลล้ำลงไปในทางที่จะเป็นเปรตวิสัย และหากน้อมนำรำลึกถึงแม่ด้วยดีโดยชอบ
ก็ย่อมเกิดปัญญาเห็นความจริงที่จะปล่อยปละละวางของหนักลงจากใจกายนี้
จะทำให้ชีวิตว่าง เบา สบาย ไม่วิตกทุกข์ร้อนในเรื่องใดๆ เห็นสิ่งไรๆ
ห็เห็นไปตามความเป็นจริงของความเป็นเช่นนั้นเอง
ในวาระวันคล้ายวันเกิดปีนี้ มีความคิดว่าจะพิมพ์หนังสือขึ้นสักเล่มหนึ่งเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับแม่
ตลอดจนครูบาอาจารย์และบรรดาญาติมิตรทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งพอจะนับว่าเป็นการทำกุศลอย่างหนึ่งที่พึงบังเกอิดประโยชน์ทั้งแก่ตนและแก่ท่าน
ได้พิจารณาเห็นว่างานเขียนสามเรื่องที่เคยเขียนไว้คือ “เคล็ดวิชาเคลื่อนขยายเส้นเอ็น”
“พลังเอกธาตุ” และ “วิธีเจริญอายุด้วยอิทธิบาท” แม้จะได้นำลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์รายวันมาแล้ว
และได้นำลงในเว็บไซต์ www.paisalvision.comแล้ว แต่ถ้าหากได้รวบรวมพิมพ์เข้าเป็นเล่มเดียวกัน
ก็จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่จะได้อ่านหรือได้พบเห็นอีกทางหนึ่ง
เรื่องเคล็ดวิชาเคลื่อนขยายเส้นเอ็นนั้น
เป็นหลักวิชาของพระลามะธิเบต เป็นการฝึกฝนการออกกำลังของสมอง หลอดเลือดและเส้นเอ็น
ให้มีความแข็งแรง มีความกระชุ่มกระชวยและมีประสิทธิภาพ ดำรงความหนุ่มสาว
ฟื้นคืนความแก่เฒ่าชราให้กลับสู่ความหนุ่มสาวอีกครั้งหนึ่ง แก้อัมพาต มือำม้สั่น
ความจำหลงลืมเลอะเลือน ป้องกันเส้นเลือดตีบตันแตกอย่างด้ผลเป็นที่อัศจรรย์นัก
ฝึกฝนไปโดยลำดับแล้วเป็นอันไม่ต้องตื่นปัสสาวะกลางดึก ปัสสาวะจะไร้สี ไร้กลิ่น
หากกลับมีขาวเหมือนปัสสาวะเด็ก นั่นเป็นสัญญาณของความหนุ่มสาวที่จะฟื้นคืนมาอีกครั้งหนึ่ง
เรื่องพลังเอกธาตุนั้นเป็นวิธีการฝึกฝนร่างกายและจิตใจที่ได้รับการแนะนำจากนายแพทย์ทหารของจีน
เป็นการฝึกออกกำลังกาย กำลังจิต และกำลังปราณ ให้มีความเป็นเอกภาพ
จึงได้ชื่อว่าเป็นพลังเอกธาตุ ซึ่งเป็นวิธีการออกกกำลังที่ลึกซึ้งและให้ผลอย่างใหญ่หลวงกับชีวิตเป็นที่ประจักษ์
ส่วนวิธีเจริญอายุด้วยอิทธิบาทนั้น
เป็นความอันมีมาในพระสูตรที่พระบรมศาสดาทรงตรัสรับรองไว้ในหลายที่หลายแห่งว่า
อิทธิบาทสี่นั้นเมื่อได้เจริญให้มาก ปรารภด้วยดีโดยชอบแล้ว เมื่อปรารถนาก็สามารถมีอายุได้ตลอดกัปหรือเกินกว่ากัปคือ
๑๒๐ ปีก็ได้ คำตรัสในหลายที่เหกล่านั้นมิได้ทรงตรัสในรายละเอียดและวิธีการไว้
เพราะในโพธิกาลนั้นคำตรัสเพียงเท่านี้ย่อมเป็นที่เข้าใจและนำไปปฏิบัติได้
แต่เมื่อเวลาล่วงไปๆ แม้คำตรัสจะมีอยู่เหมือนเดิม
แต่ความเข้าใจและวิธีปฏิบัติก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร
จึงได้ทำเป็นคำอธิบายขึ้นตามความรู้ ความเข้าใจ ในฐานะที่เป็นอุบาสกคนหนึ่งที่มีความสนใจในพระธรรม
จึงเป็นที่หวังได้ว่าหนังสือที่ประกอบด้วยเรื่องสามเรื่องดังพรรณนามานี้
จักเป็นประโยชน์ จักเกิดผลประโยชน์และความสุขแก่เพื่อนผู้ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย
ที่ได้มีโอกาสพบเห็นหรือได้อ่าน และขออานิสงส์แก่กุศลกรรมนี้จงบังเกิดแก่นางประภา
พืชมงคล ผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้า ตลอดจนนายประพันธ์(ซุ่ยฮ่อง) - นางกี้ ปราการนพคุณ
นายบุ้นจ้ง – นางกิมเตี้ยว พืชมงคล นางประไพ - นายอุดม (เอ็งหิ้น) ดำรงศิลป์
นายประดิษฐ์ เปรมโยธิน นายบุศย์ ขันธวิทย์ ครูบุญยัง ทรวดทรง พระครูบรรหารศาสนกิจ(พ่อท่านพลับ)
วัดระโนด พระราชรัตนโมลี(พ่อท่านเส้ง) วัดแหลมทราย พระครูพิศิษฐ์ ธรรมคุณ(พ่อท่านแช่ม)
วัดมะขามเฒ่า พ่อท่านปลอด ปุญญัสสะโร วัดหัวป่า พระมหาวิสุทธิ์ จันทนะเสถียร วัดระฆังโฆสิตารามวรวิหาร
ตลอดจนญาติมิตรทั้งหลายที่มิได้เอ่ยนามด้วยเทอญ
นายไพศาล พืชมงคล
๙ ตุลาคม ๒๕๕๒
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น