หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2566

ไพศาล พืชมงคล - เคล็ดวิชาเคลื่อนขยายเส้นเอ็น (ตอนที่ 1)

 

เคล็ดวิชาเคลื่อนขยายเส้นเอ็น ตอนที่ ๑

         พักนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ แทบทุกสัปดาห์มักจะได้ข่าวคราวมิตรคนนั้น ญาติคนนี้มีความไข้เข้าครอบงำ และเป็นความไข้เกี่ยวกับเส้นเลือดในสมองแตกบ้าง หรือตีบบ้าง หรือขา แขนขาไม่มีแรงบ้าง

         แน่นอนว่าความไข้เหล่านั้นเป็นโรคภัยชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิต คือเมื่อชีวิตเกิดขึ้นแล้วความชราก็ครอบงำเรื่อยไปตั้งแต่เกิดไปเรื่อยๆจนกระทั่งตาย และระหว่างนั้นก็อาจมีความเจ็บป่วยหรือพยาธิเข้าแทรก ทำให้ได้รับความทุกข์ทรมานเพิ่มขึ้นอีก

เป็นธรรมดาของชีวิตที่ชราและพยาธิต้องครอบงำ เพราะทั้งสองอย่างนี้คืออุ้งหัตถ์ของมัจจุราชที่จะมาคร่าชีวิตไปสู่ความตาย ไม่มีใครที่จะหลีกเลี่ยงให้พ้นไปได้เลย

แต่เมื่อทุกคนจะต้องตายแล้วก็ควรที่จะหาทางตายให้สบายๆสักหน่อย ให้มีความทุกข์ทรมานน้อยสักหน่อย โดยเฉพาะความป่วยไข้หรือพยาธิที่ทำให้เส้นเลือดในสมองแตก หรือตีบหรือตัน หรือแขน ขา อ่อนร้าไร้เรี่ยวแรงหรือเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตนั้น ทำให้ตายอย่างทรมานและทำให้ผู้คนในครอบครัวเดือดร้อนมากและน้อยตามเวลาที่ต้องรักษาพยาบาล

ยกเว้นก็แต่เส้นเลือดใหญ่ในสมองแตกแล้วตายไปเลยก็ตายสบายหน่อย เดือดร้อนวุ่นวายน้อยสักหน่อย และผลาญทรัพย์สมบัติน้อยลงหน่อย

วันนี้จึงจำเป็นที่จะต้องแสดงเรื่องวิชาบางเรื่องที่พอป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาพยาธิหรือความป่วยไข้ที่เกี่ยวกับเส้นเลือดในสมองแตก ตีบ ตัน หรือแขนขา ชาไร้รเรี่ยวแรงหรืออัมพฤกษ์อัมพาตได้ ขอท่านทั้งหลายได้สนใจศึกษาพิจารณาและลองฝึกฝนปฏิบัติ เพราะไม่เสียเวลา ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ยุ่งยากลำบากอะไรเลย

จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ลองศึกษาพิจารณาทำความเข้าใจและฝึกฝนดูก่อนก็ได้ ไม่เสียหายอะไรเลย คิดเสียว่าลองของเล่นสนุกๆ เพื่อความเพลิดเพลินบันเทิงใจก็ได้ แต่ถ้าได้มรรคผลขึ้นมาก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพชนิดที่น่าพิศวงทีเดียว

เป็นผลดีต่อการป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาความป่วยไข้หรือพยาธิที่ว่ามาข้างต้นนี้ได้ แค่นี้ก็นับว่าเป็นบุญโขและคุ้มค่ายิ่งแล้ว

หลักวิชาที่ว่านี้มีชื่อว่า “เคล็ดวิชาเคลื่อนขยายเส้นเอ็น” ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาโบราณคล้ายๆกับหลักวิชาเคลื่อนย้ายเส้นเอ็นของปรมาจารย์ตั้กม้อแห่งเส้าหลิน แต่ต่างกันตรงที่มุ่งบำบัดรักษาโรคที่เกี่ยวกับหลอดลเอด ประสาท และเส้นเอ็น และเนื้อแท้ก็คือการออกกำลังชนิดหนึ่ง แต่ไม่เหมือนกับการออกกำลังจากภายใน ทำนองที่หนังสือกำลังภายในเรียกว่าเดินพลังปราณนั่นเอง

เรารู้จักกันแต่การออกกำลังกายซึ่งเป็นเรื่องของภายนอกด ไม่ว่าการวิ่ง การจ๊อกกิ้งการฟิตเนส การว่ายน้ำ หรืออะไรในทำนองเดียวกันนี้ ล้วนแต่เป็นการออกกำลังกายภายนอกทั้งนั้น

ในส่วนภายในคือหัวใจ ตับ ไต ปอด ม้าม เส้นเลือดต่างๆ และเส้นประสาทต่างๆไม่ได้ออกกำลังกายตามไปด้วย หรือถ้ามีการขยับขับเคลื่อนบ้างก็เป็นผลต่อเนื่องและบางครั้งก็ได้รับอันตรายด้วยซ้ำไป

การออกกำลังจากภายในนั้นเป็นหลักวิชาที่มีมานับพันๆปี แต่น่าเสียดายที่ไม่แพร่หลายเข้ามายังบ้านเมืองของเรา เพราะถูกอิทธิพลหลักวิชาทางตะสวันตกปิดกั้นครอบคลุมเอาไว้จนหกมดสิ้น อย่างมากจึงได้แค่อ่านจากหนังสือกำลังภายในแล้วก็ไม่รู้ไม่เข้าใจว่ามันเป็นอย่างไรหรือไม่ก็อาจคิดว่าเป็นรเรื่องเพ้อเจ้อเพ้อฝันเท่านั้น

ความจริงมันมีอยู่จริง แต่ก็เป็นสิ่งที่เรายังไม่รู้แล้วก็รีบชิงปฏิเสธเสีย แล้วถือว่าสิ่งที่ยังไม่รู้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่มี ทั้งๆที่สิ่งที่ไม่รู้นั้นมีมากกว่าสิ่งที่รู้สุดจะประมาณนัก

การป่วยไข้เพราะเหตุเส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบหรือตัน หรือแขน ขาอ่อนกำลัง หรือที่เรียกว่าเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตนั้นเป็นความป่วยไข้ที่มีเทือกเถาเหล่ากอเดียวกัน คือเกิดจากเส้นเลือด หรือหลอดเลือด หรือท่อเลือดโดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับสมองหรือส่วนที่เชื่อมใกล้ชิดกับสมองและยังเชื่อมโยงกับเส้นปแระสาทต่างๆที่เชื่อมต่อจากสมองไปยังมือไม้แขนขา

ชีวิตเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ความแก่ก็ติดตามมาควบคู่กัน ยิ่งกินอาหาร ประพฤติปฏิบัติตนในทางที่ทำให้อายุขัยสั้นลง ไม่ว่าการกินของมันมากๆ การพักผ่อนน้อยๆ การดื่มของเมามากๆ หรือยึดมั่นถือมั่นในสิ่งไรๆมากๆ ไม่รู้จักปล่อยปละละวาง ก็จะทำให้เส้นเลือดและเส้นประสาททั้งหลายเปราะบาง ตีบแคบ หรือมีการอุดตันขึ้น

ไม่ต้องดูอะไรมาก ให้ดูจากท่อน้ำทิ้งหรือท่อน้ำประปาที่ใช้กันอยู่ทุกบ้านเรือนก็ได้ พอใช้ไป ๒ ปี ๓ ปี ก็มีความเกรอะกรัง ทำให้ท่อตีบตันและแตกฉันใด เส้นเลือดและเส้นประสาทในร่างกายนี้ก็เป็นฉันนั้นไม่ต่างกันเลย

ท่อปแระปานั้นมันชำระสะสางความตีบความตัน และความเกรอะกรังด้วยตนเองไม่ได้ ต้องอาศัยคนไปชำระชะล้าง ไม่ว่าด้วยวิธีใดๆก็ตาม หรือเมื่อชำรุดหนักก็เปลี่ยนยใหม่ไปเสียเลย

นั่นเป็นขนาดเป็นวัตถุที่คงทนก็ใช้ได้ไม่กี่ปี แต่ร่างกายของมนุษย์เรานี้วิเศษนัก เส้นเลือดเส้นประสาทที่เป็นแค่เนื้อเยื่อ ยืดหยุ่น บอบบาง แต่อยู่กับร่างกดายนี้ตั้งแต่เกิดจนตาย อาจจะอยู่ได้นานที่สุดถึงกัปหรือ ๑๒๐ ปีด้วยซ้ำไป จึงนับว่าเป็นส่วนอวัยวะที่แข็งแรงทนทานอย่างยิ่งจนน่าพิศวง

ความจริงทั้งเส้นเลือด เส้นประสาทก็มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา มีความตายสลายไปเป็ฌนธรรมดาเหมือนกัน เป็นแต่ว่าเราแทบไม่รู้ เพราะมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก เซลล์ต่างๆย่อมแก่ตัว ย่อมตายไปและหลุดออกไป แล้วมีเซลล์ใหม่เกิดขึ้นแทนที่เป็นลำดับๆไป จนกระทั่งเมื่ออายุขัยล่วงไปมากๆเข้า เซลล์ใหม่ก็เกิดน้อยลง แข็งแรงน้อยลง แล้วทำให้อ่อนแอลงโดยลำพดับ กระทั่งตาย

นอกจากนั้น คนเรายังมีวิธีการเอาสิ่งเกรอะกรังหรือทำให้ควงามตีบตันบรรเทาลงหรือหายไปได้ ไม่ว่าด้วยการใช้ยาหรือด้วยการประพฤติปฏิบัติตนบางประการ ในที่นี้ไม่พูดถึงการใช้ยา แต่พูดถึงการประพฤติปฏิบัติตน

เป็นการประพฤติตนที่มีหลักวิชาสืบเนื่องมานับพันปีแล้ว เป็นส่วนหนึ่งของหลักวิชาเคลื่อนย้ายเส้นเอ็น แต่ไม่ใช่วิชาเคลื่อนย้ายเส้นเอ็นโดยตรง เป็นวิชาที่นักบวชในศาสนาพุทธนิกายมหายานใช้กันโดยทั่วไป

บางทีก็เรียกว่าเป็นการเดินกำลังภายใน หรือเป็นการเดินพลังปราณอย่างหนึ่ง อแต่จะเรียกว่าอย่างไรไม่สำคัญ ความสำคัญอยู่ที่ปฏิบัติให้บังเกิดผลต่างหาก

ดังนั้นหลักวิชาที่ว่านี้คือการประพฤติปฏิบัติด้วยตนเอง ทำแทนกันไม่ได้ ใช้เวลาไม่มาก แต่ขอให้ทำอย่างต่อเนื่อง ก็จะสัมฤทธิผลเป็นแน่นอน

เริ่มต้นที่เวลาประพฤติปฏิบัติตนตามหลักวิชานี้ก่อน ให้เริ่มทำครั้งแรกตอนตื่นนอนคือไม่ว่าจะตื่นนอนเวลาไหนก็ปแระพฤติปฏิบัติไปใช้เวลาสัก ๑๐ นาที หรือ ๑๕ นาที หรืออย่างน้อยแค่ ๕ นาทีก็ได้ สุดแท้แต่ความจำเป็นหรือความสามารถจะปฏิบัติได้

การประพฤติปฏิบัติเมื่อตื่นนอนนั้น ขณะนี้สอดคล้องกับหลักวิชาทางตะวันตกแล้ว เพราะผลการวิจัยทางการแพทย์แผนตะวันตกนั้น พบว่าคนเราตายในเวลากลางคืนถึง ๗๐% ตายในเวลากลางวันแค่ ๓๐%

ปมเงื่อนของมันคือ ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายในเวลากลางคืนซึ่งเป็นเวลานอนนั้น มีมากกว่าเวลากลางวัน เพราะเมื่อคนเรานอนหลับ น้ำตาลในเลือดจะลดต่ำ การทำงานของสมองก็ลดลงเหลือเพียง ๑ ใน ๓ เท่านั้น คือเหลือเฉพาะส่วนที่เรียกว่าระบบควบคุมสำรองหรือระบบ stand by ของอวัยวะบางส่วนเท่านั้น ในขณะที่อวัยวะสำคัญๆอื่นก็จะพักหรือแทบจะหยุดทำงาน

ครั้นตื่นขึ้นร่างกายปรับสู่ถภาวะปกติ หากลุกดขึ้นทันทีก็อาจรองรับกับความเปลี่ยนแปลงไม่ทัน และเป็นเหตุให้หลายบคนเส้นเลือดในสมองแตกหรือล้มลงหลังจากดผุดลุกในทันทีทันใดที่ตื่น

ดังนั้นการเริ่มต้นการฝึกปฏิบัติในทันทีที่ตื่นนอน โดยทำบนที่นอนนั้นจึงเท่ากับเป็นการป้องกันไม่ให้เส้นเลือดแตกหลังตื่นนอนได้อย่างมีผลยิ่ง และทำให้ร่างกายปรับสภาพจากสภาพที่เป็นอยู่ในขณะหลับสู่ภาวะตื่นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ยิ่งเป็นคนมีอายุตั้งแต่ ๔๐ ปีขึ้นไปแล้ว การปรับสภาพอย่างค่อยเป็นค่อยไปนี้คือการป้องกันอันตรายจากการตายแบบฉับพลันทันทีได้อีกด้วย

         ดังนั้นจึงพึงตั้งใจเอาไว้ว่า ทันทีที่รู้สึกตัวตื่นก็ให้นอนอยู่นิ่งๆก่อน อย่าเพิ่งผุดลุกผุดนั่งไปไหน เตรียมกาย เตรียมใจที่จะฝึกวิชาที่ว่านี้

         ระยะเวลาที่ฝึกฝนปฏิบัติ ถ้าจะให้ได้ผลดีก็อยู่ระหว่าง ๑๕-๒๐ นาที แต่ถ้าจำเป็นหรือมีภารกิจเร่งด่วนก็ควรทำอย่างน้อยสัก  นาทีด้วยเวลาเพียงเท่านี้ก็จะเห็นผลชัดว่าเมื่อลุกขึ้น ก็จะลุกขึ้นอย่างสะดวกสบาย แคล่วคล่อง ว่องไวและมีความรู้สึกว่าตัวเบาขึ้น นั่นเพราะร่างกายมีความพร้อม และได้ปรับสภาพจากภาวะหลับสู่ภาวะตื่นอย่างเต็มที่แล้ว

         อยากจะรับรองว่าถ้าทำได้ทุกวันวันละ ๒๐ นาที ก็จะมีชีวิตยืนยาวอย่างน้อย ๘๐ ปี โดยไม่มีวันที่เส้นเลือดในสมองจะแตก หรือตีบ หรือตัน ไม่มีวันที่จะเป็นอัมพฤกษ์หรืออัมพาตเป็นอันขาด หรือถ้าใครเป็นและถ้าฝืนใจกล้ำกลืนปฏิบัติตนให้ได้ ไม่ช้าไม่นานเกิน ๖ เดือนดอกก็จะได้สัมผัสกับชีวิตใหม่ที่มีความเป็นปกติสุขมากขึ้น

         การปฏิบัติตามหลักวิชานี้ใช้เพียงแค่ฝ่ามือทั้งสองและฝ่าเท้าทั้งสองเท่านั้น โดยเวลาเริ่มต้นการฝึกปฏิบัติ ให้นอนหงาย เหยียดเท้าทั้งสองตรง และทอดมือทั้งสองไว้ข้างลำตัวในลักษณะตรง หงายมือทั้งสองขึ้น

         เมื่อนอนนิ่งในลักษณะที่ยืดแขน ขาให้ตรง พร้อมกับหงายฝ่ามือทั้งสองดังกล่าวแล้ว ก็ให้ลองเกร็งแขนทั้งสองก่อนแล้วค่อยๆเคลื่อนไปถึงฝ่ามือทั้งสอง เพิ่มความเกร็งขึ้นเหมือนกับการถือลูกน้ำหนักไว้ในมือ เคลื่อนการเกร็งไปมาสัก ๒-๓ ครั้ง

         ถัดจากนั้นก็ลองเกร็งขาในลักษณะเดียวกัน คือเกร็งจากโคนขาไปก่อนถึงหัวเข่า ถึงหน้าแข้ง ถึงตาตุ่ม และเท้าทั้งสอง เคลื่อนการเกร็งจนสุดปลายนิ้วเท้าแล้วเคลื่อนกลับทวนขึ้นมา

         ย้อนลงไป เคลื่อนขึ้นมา ย้อนลงไป เคลื่อนขึ้นมา แล้วย้อนลงไป เพียงเท่านี้ก็เท่ากับได้สองกำลังหรือพลังจกาภายในกายนี้แล้ว อาจจะรู้สึกเหนื่อยบ้างก็เป็นธรรมดา ซึ่งต้องตระหนักรู้ว่าการเคลื่อนพลังภายในนั้นแม้ใช้เวลาอันน้อยอันสั้น แต่ความเหนื่อยจะเหมือนกับการออกกกำลังกายภายนอกมากๆนั่นเอง

         เมื่อพูถึงเวลาเริ่มต้นการปฏิบัติ ระยะเวลาที่ใช้และการเตรียมดังกล่าวแล้วก็มาถึงกระบวนท่าที่จะฝึกหรือปฏิบัติ ซึ่งมีอยู่ ๓ กระบวนท่าง่ายๆไม่ยากไม่ลำบากเลย

 

กระบวนท่าแรก มีชื่อเรียกว่า “อินทรีขยุ้มเหยื่อ” กระบวนท่าที่สอง มีชื่อเรียกว่า “เสือบี้เห็บ” กระบวนท่าที่สาม มีชื่อเรียกว่า “กรงเล็บกรีดพิณ”.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น