หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2566

ไพศาล พืขมงคล - พลังเอกธาตุ (ตอนจบ)

 

พลังเอกธาตุ

ตอนจบ

 

        จังหวะการเคลื่อนไหวของร่างกายที่สัมพันธ์กับการสูดปราณขับพิษ และการวางจิตให้รู้สึกตัวอยู่ทุกเมื่อ ในขณะที่ลมปราณเข้าออกดร่างกายนั้น เป็นรากฐานของพลังเอกธาตุจั้งแต่ท่าแรกจนถึงท่าสุดท้าย การสูดปราณเข้าทางจมูกและขับพิษออกท่างปากเป็นเคล็ดของการสูดปราณขับพิษของทั้งสามกระบวนท่าด้วย

         ครั้นจะเริ่มท่าที่สองก็เคลื่อนออกจากท่าเตรียมตัวในปลายท่าที่หนึ่งไปยังท่าเตรียนมพร้อมต่อไป คือย่อเข่าลงมาเล็กน้อยเหมือนกับก่อนเริ่มต้นท่าแรก ผ่อนคลายร่างกาย ลมหายใจและจิตใจให้เบาสบายสัก ๒-๓ อึดใจ ท่าที่สองนี้มีชื่อ “ปลุกพลังสานโลก”

         เพราะคนเรานี้มีขุมพลังอยู่สามแห่งคือบริเวณทรวงอกแห่งหนึ่ง บริเวณสะดือแห่งหนึ่ง และบริเวณท้องน้อยอีกแห่งหนึ่ง การทำงานมาก การพักผ่อนน้อย การล่วงวัยไปตามกาล ย่อมทำให้ขุมพลังงานอ่อนกำลังริบหรี่ลง กระบวนท่าที่สองจึงมุ่งหมายปลุกดพลังทั้งสามโลกนี้ให้กระชุ่มกระชวยฟื้นคืนกำลังอีกครั้งหนึ่ง

         แหล่งพลังแห่งแรกคือทรวงอก เป็นต้นกำเนิดของลมภายในกาย เป็นแหล่งพลังงานธาตุลม เพราะธาตุลมเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะลงมือปฏิบัติการทั้งปวงที่มีผลต่อร่างกายก็ที่ขุมพลังแห่งนี้ จึงจัดได้ว่าเป็นขุมพลังชีวิตและที่เรียกลมหายใจว่าปราณก็เพราะปฏิบัติการของลมที่ขุมพลังแห่งนี้นั่นเอง แหล่งพลังธาตุลมในกายจะทำหน้าที่ฟอกเลือด และขับกระแสเฃือดไปหฃ่อเฃี้ยงร่างกายตั้งแต่เกิดจนตายอีกด้วย จึงเป็นจุดสัมพันธ์ของธาตุดินกับธาตุน้ำภายในกาย

         ขุมพลังนี้ไม่ทำงานหรือทำงานไม่ได้ ณ เวลาใด ชีวิตก็จะสิ้นสุดลง ณ เวลานั้น

         แหล่งพลังที่สองคือบริเวณสะดือและรัศมีโดยรอบข้างละ ๓ องคุลีเป็นรอบใน และรัศมีโดยรอบข้างละ ๑ คืบเป็นรอบนอก

         แหล่งพลังนี้เป็นต้นกำเนิดธาตุน้ำ น้ำทั้งปวงที่เข้าสู่ร่างกายจะเริ่มปฏิบัติการตามหน้าที่ ณ แหล่งพลังนี้ ทั้งในส่วนที่สร้างน้ำเลือด น้ำดี น้ำเมือกด และสรรพน้ำทั้งหลายที่มีอยู่ในร่างกาย แล้วขับส่งไปปฏิบัติภารกิจตามจุดต่างๆที่มีอยู่ในร่างกาย

         แหล่งพลังแห่งนี้นอกจากเป็นต้นกำเนิดธาตุน้ำแล้ว ยังถือว่าเป็นต้นกำเนิดธาตุไฟอีกด้วย เป็นแหล่งที่อาหาร น้ำ ทำปฏิกิริยาก่อเกิดเป็นพลังงานให้กับร่างกายโดยตรง สิ่งที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้แหล่งพลังงานนี้ก็เก็บไว้แล้วขับเคลื่อนไปใช้ ส่วนที่เป็นเศษปฏิกูลเหลือใช้ก็ขับถ่ายทิ้งออกไปทางทวารต่างๆทั้งสิบทวารนั้น

         ความแข็งแรงสมบูรณ์และเป็นปกติของร่างกายตั้งต้นจากแหล่งพลังที่สองแห่งนี้ นี่เป็นด้านหนึ่ง แต่อีกด้านหนึ่งแหล่งบ่มเพาะความชราและโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายก็ก่อตัวขึ้นที่แหล่งพลังแห่งที่สองนี้เช่นเดียวกัน

         แหล่งพลังที่สามเป็นแหล่งพลังที่เป็นต้นกำเนิดของชีวิตและเผ่าพันธุ์ เป็นแหล่งที่กลั่นธาตุความเป็นคนจากพ่อแม่ เพื่อสืบเผป่าพันธุ์ต่อไปไม่มีที่สุด เป็นแหล่งบ่มเพาะชีวิตใหม่ที่ปฏิสนธิขึ้นแล้ว เป็นแหล่งผลิตสารชนิดหนึ่งที่ทำให้คนเรามีความรู้สึกสัญชาตญาณในการสืบเผ้าพันธุ์ จัดว่าเป็นแหล่งพลังธาตุดิน และเป็นแหล่งผลิตปุ๋ยหรือฮอร์โมนที่หล่อเลี้ยงกล่อมเกลาอารมณ์ความรู้สึกทั้งปแวงส่งไปยังอวัยวะต่างๆของร่างกายอีกด้วย

         จะมีความรู้สึกทางเพศและน้อยมากประการใด วิปริตพิสดารปกติสามัญประการใด ก็ขึ้นอยู่กับแหล่งพลังเหล่านี้ ที่จะก่อตั้ง ขับเคลื่อนและส่งผทั้งสิ้น

         ท่าที่สองนี้มีสองกระบวนคือ

         กระบวนแรก เกร็งกำลัง สูเพลังปราณเข้าสู่ร่างกาย เคลื่อนมือออกจากท่าพนม แต่ยังคงประกบฝ่ามือทั้งสองไว้ติดกัน ยืดมือที่ประกบกันนั้นออกไปทางเบื้องหน้า โดยลำแขนทั้งสองขนานกับพื้นดินในลักษณะที่ออกพลังเต็มที่ พร้อมๆกับการขับพิษออกจากร่างกายโดยพลังปราณ  กำหนดให้ลมออกจากร่างกายหมดสิ้น พร้อมๆกับมือทั้งสองที่เหยียดตรง โดยปลายนิ้วทั้งสิบช้ไปยังเบื้องหน้า จากนั้นจึงเบนมือทางด้านซ้ายออกไปทางด้านข้าง ในขณะที่มือด้านขวาค่อยๆลูบไล่ตามฝ่ามือลงมาถึงลำแขนจนกระทั่งถึงหัวไหล่แล้วลากมายังทรวงอกกดดรีดผ่านลิ้นปี่ สะดือไปสุดที่ปลายท้องน้อย ในระหว่างนั้นเกร็งกำลังดูดพลังปราณเข้าสู่ร่างกายอย่างเต็มที่ พอลำแขนซ้ายชี้ตรงไปทางด้านข้างลำตัว ฝ่ามือด้านขวาก็จะเลื่อนลงไปถึงปลายท้องน้อย และลมปราณก็แน่นเต็มอยู่ในทรวงอกถึงท้องน้อยพอดี จากนั้นจึงเกร็งกำลังค่อยๆยกแขนขวาเหยียดตรงขึ้น ในขณะที่แขนด้านซ้ายค่อยๆเคลื่อนย้ายเข้ามาประกบกับแขนด้านขวา พร้อมๆกับการเกร็งลมปราณขับพิษออกจากร่างกาย เมื่อมือซ้ายขวาประกบกันเบื้องหน้าพอดีก็ต้องขับพิษทางปราณออกจากร่างกายให้หมดสิ้นพร้อมกันด้วย

         กระบวนที่สอง  เป็นอย่างเดียวกันกับกระบวนที่หนึ่ง เพียงแต่เคลื่อนมือขวาออกไปทางด้านขวา และดำเนินการเหมือนกับกระบวนท่าที่หนึ่งทุกประการ แล้วจบลงตรงที่แขนซ้ายขวาเหยียดตรงไปข้างหน้า ในขณะที่ฝ่ามือทั้งสองยังคงปแระกบเข้าหากดัน ในช่วงนั้นเป็นข่วงที่เดินลมปราณขับพิษออกหมดพอดี

         ณ ปลายท่าที่สองนี้ สติจะมีความมั่นคงยิ่งขึ้น แขนทั้งสองชี้ตรงอยู่เบื้องหน้า ฝ่ามือทั้งสองประกบติดกันและได้ขับลมปราณออกจากร่างกดายหมดสิ้นแล้ว จากนั้นจึงก้าวไปสู่ท่าคลาย คือค่อยๆยืดตัวขึ้นสู่ท่าตรง โดยหายใจเข้าตามสบายๆ และดดึงมือทั้งสองกลับมาอยู่ในท่าพนม ในขณะที่ร่างกายสู่สภาวะท่าตรง จะพร้อมๆกับหายใจเข้าเต็มปอด และพร้อมๆกับมือทั้งสองพนมอยู่หน้าทรวงอก โดยจิตรู้ตัวทั่วพร้อมถึงอาการทั้งปวงที่เป็นไป ไม่มีอารมณ์อื่นแทรกให้วอกแวกอีกเลย

         ในท่าที่สองนี้กายภายนอกเคลื่อนไหวในท่วงทำนองเนิบนาบหนักหน่วงสม่ำเสมอเหมือนกับท่าแรก โดยขับลมปราณเข้าออกปแระสานสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของกาย มีความสม่ำเสมอ ยาว ประณีต ละเอียดอ่อน ในท่วงทำนองเดียวกันกับร่างกาย ภายใต้ความรู้สึกนึกคิดที่เป็นองค์เดียวเท่านั้น

         การเยื้องย่างของร่างกายที่ประสานกับพลังลมปราณเข้าออกและจิตใจที่ตั้งมั่นของท่าที่สองนี้ จะมีผลต่อหลอดเลือดทั่วร่างกายให้สลัดหรือสลายตัวมลภาวะที่เป็นพิษหรือตะกอนที่เกาะติดหมักหมมอยู่ให้หลุดออกไป และปลุกกระตุ้นแหล่งพลังสำคัญของร่างกายสามแห่งคือทรวงอก สะดือ และท้องน้อยให้พร้อมที่จะรับการเป็นพิษหรือตะกอนที่เกาะติดหมักหมมอยู่ให้หลุดออกไป และปลุกกระตุ้นแหล่งพลังสำคัญของร่างกายสามแห่งคือทรวงอก สะดือและท้องน้อยให้พร้อมที่จะรับการออกกำลังต่อไป

         ท่อน้ำตามบ้านเมื่อนานวันเข้าสกปรกเกรอะกรัง ทำให้น้ำไหลไม่สะดวกเพราะมีขยะฝุ่นตะกอนหรือเขม่าจำนวนมากเกาะติดตันอยู่ ครั้นสิ่งปฏิกูลเหล่านี้หลุดออกไปแล้วหรือถูกกำจัดออกไปแล้ว น้ำจะไหลไปตามท่ออย่างสะดวกฉันใด เลือดในกายทั้งปวงเมื่อได้ถูกกำจัดเขม่าตะกอนมลพิษหรือไขมันต่างๆที่เกาะตามหลอดเลือดและท่อเลือดทั้งหลายออกไปแล้ว ก็จะไหกลเวียนได้อย่างเต็มที่ สามารถไปทั่วถึงทุกเส้นเลือด กระทั่งเส้นเลือดฝอยที่เล็กที่สุดทั้งในส่วนร่างกายและสมอง

         ท่าที่สองนี้จึงเป็นท่าที่ทำให้เกิดความกระชุ่มกระชวยหรือฟื้นความเป็นหนุ่มสาวขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่กำลังทั้งกาย อวัยวะภายใน และจิตใจก็ได้รับการออกกำลังไปพร้อมกันด้วย

         ท่าที่สองจะสบายเบากว่าท่าแรก ดังนั้นจึงสามารถสัมผัสถึงความรู้สึกที่เบาสบายและความโล่งปลอดโปร่งที่บังเกิดขึ้นทั้งแก่ร่างกายภายนอก ร่างกายภายใน และจิตใจอันเป็นปแระธานนั้นอย่างชัดเจน

         ออกกำลังในท่าที่สองนี้คราวละ ๓-๕ ครั้งเช่นเดียวกับท่าแรก

         เมื่อออกกำลังสิ้นกระบวนที่สองของท่าทึ่สองแล้ว ร่างกายก็จะกลับมาอยู่ในท่าเตรียมอีก ปล่อยกาย ปราณ และใจให้ผ่อนคลายตามสบาย แต่ควบคุมให้มีจังหวะท่วงทำนองที่สม่ำเสมอ ประณีตจนรู้สึกเบาหวิวอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงค่อยๆเตรียมพร้อมที่จะก้าวไปสู่ท่าที่สาม

         ท่าที่สามมีชื่อว่า “เสริมพลังสามโลก” ซึ่งต่อเนื่องจากการปลุกพลังสามโลกแล้ว จากนั้นก็จะเป็นการเสริมสร้างพลังสามโลก ทำให้ขุมกำลังทั้งสามออกกำลังและเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งก็คือการให้ขุมกำลังทั้งสามของร่างกายได้อออกกำลังนั่นเอง

         เมื่อผ่อนคลายในปลายท่าที่สองเต็มที่แล้ว ก็ก้าวเข้าสู่ท่าเตรียมพร้อมเหมือนกับต้นของท่าแรกและท่าที่สอง คือมีลักษณาการยืนถ่างขาย่อตัว มือพนมอยู่ที่ทรวงอก ในขณะที่ขับลมปราณออกจากร่างกายจนหมดสิ้น

         เหตุที่ต้องขับลมปราณออกจากร่างกายจนหมดสิ้นก่อนที่จะเรนิ่มต้นท่าที่สามเป็นความสามัญของชีวิต เพราะชีวิตทั้งหลายเริ่มต้นด้วยการหายใจเข้าก่อน นั่นคือก่อนที่จะหายใจเข้ามีความว่างเปล่าภายในปอด เมื่อชีวิตเริ่มขึ้นแล้วลมปราณจึงเข้าสู่ร่างกาย เหตุนี้ก่อนเริ่มต้นของทั้งสามท่าจึงต้องทำให้ปอดว่างเปล่า คือก้าวไปสู่จุดเริ่มต้นของชีวิตนั่นเอง

         จากนั้นจึงเริ่มท่าที่สามด้วยการค้อยๆ เอาฝ่ามือขวาทาบตรงทรวงอก เอาฝ่ามือซ้ายทาบบนหลังฝ่ามือขวา พร้อมๆกดับการเกร็งกำลังสูดลมปราณเข้าสู่ร่างกายอย่างเต็มที่ด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอประสานกัน และจิตกำหนดความรู้สึกไม่คลาดเคลื่อนห่างเหแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียสว ในขณะที่มือทั้งสองปแระกบอยู่ที่หน้าอกเสร็จ ลมปราณก็จะเข้าเต็มปอดพอดีจากนั้นจึงเกร็งกำลังเคลื่อนฝ่ามือทั้งสองโดยรอบทรวงอกในลักษณะวงกลมวนตามเข็มนาฬิกาอย่างช้าๆ หนักแน่น พร้อมๆกับการขับพิษออกทางปราณในท่วงทำนองและจังหวะที่ขนานพร้อมๆกัน

         ฝ่ามือทั้งสองกดวนรอบทรวงอกครบสามรอบก็จะเป็นจังหวะพอดีกับการขับปราณออกจนหมดสิ้น จากนั้นจึงค่อยๆเลื่อนฝ่ามือทั้งสองในท่าที่ประกบกดันอยู่เหมือนเดิมไปตั้งอยู่ที่บริเวณสะดือ พร้อมๆกับการดูดพลังปราณเข้าปอดอย่างเต็มที่ถึงที่สุด เคลื่อนฝ่ามือทั้งสองถึงเวณรอบสะดือเสร็จก็จะต้องดูดพลังปราณเข้าปอดเต็มที่พร้อมกัน จากนั้นค่อยๆขับพิษออกทางราณ ประสานกับการเคลื่อนฝ่ามือทั้งสองวนขวาโดยรอบสะดือทั้งรอบในและรอบนอก คือในรอบรัศมี ๓ องคุลีและรอบรัศมี ๑ คืบ วนครบ ๓ รอบให้เสร็จพร้อมกับการขับปราณออกจากปอดจนหมดสิ้น

         เสร็จแล้วงจึงค่อยๆเคลื่อนฝ่ามือทั้งสองลงไปสู่บริเวณท้องน้อย พร้อมๆกับการดูดพลังปราณเข้าสู่ร่างกาย เหมือนกับที่ทรวงอกและสะดือ แล้วปฏิบัติเช่นเดียวกับทั้งสองแหล่งพลังนั้น

         ได้แสดงเรื่องพลักเอกธาตุสมควรแก่การแล้ว ถือเสียว่าเป็นการรู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม หรือแม้จะลองปฏิบัติก็ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ต้องตกเป็นทาสของการซื้อหาอุปกรณ์ เหมือนกับการออกกำลังกายแบบฝ่ายตะวันตก แต่ประโยชน์ที่จะได้ใหญ่หลวงยิ่งนัก

         ขอความมีสุขภาพอนามัยที่ดี ความมีอายุยืนนาน จงบังเกิดแก่ท่านทั้งปวงที่ได้ทดลองฝึกพลังเอกธาตุถ้วนหน้ากัน.




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น