อลัน วัตต์ส - การดำรงอยู่/ละครจักรวาล
Existence | The Cosmic
Drama - Alan Watts, Carl Sagan, Neil deGrass Tyson
https://youtu.be/ztPqSNdNf6g?si=vFKdh4WDsQnd5Eb_
“เรียนรู้ที่จะรักคำถามทั้งหลายในตัวของพวกมันเอง
เพราะที่มีอยู่ในนั้นคือ
เมล็ดพันธุ์ทั้งหลาย
ของ
ความอยากรู้และความสงสัยทั้งหมด.”
คาร์ล ซากัน(Carl Sagan1): สำนึกเหตุผลของผมคือว่า วิธีคิดเชิงวิทยาศาสตร์(my sense is
that the scientific way of thinking) เป็นการถามถึงบางส่วนผสมอันละเอียดอ่อนของความสนับสนุนอย่างสร้างสรรค์ในความคิดใหม่ทั้งหลาย และการตรวจสอบข้อสงสัยอย่างเข้มงวดมากที่สุดในความคิดใหม่และเก่าทั้งหลายนั้น (questioning some delicate mix of creative encouragement of new ideas and the most rigorous and skeptical scrutiny of new
and old
ideas).
นีล
ดีกราสสิ์ ไทสัน(Neil deGrasse Tyson2การเติบโตใหญ่มากขึ้นทั้งหลายของพื้นที่ความรู้(the
larger grows the area of knowledge), การโตใหญ่ขึ้นที่พื้นที่นั้นเจริญเติบโตขึ้น,
แค่จำเอาไว้,
ช่างเติบโตเหลือเกิน(so too
grows)ปริมณฑลของเราแห่งอวิชชา(our perimeter of ignorance).
มันอาจจะเป็นมากเท่ามากนั่นตามที่เราคิดว่าเรารู้(it may be that as much as we think, we know it), เรารู้มากเท่าที่สิ่งทั้งหลายมีมากยิ่งขึ้นซึ่งเรียนรู้อย่างสัมบูรณ์สิ้นทั้งหมดที่เรารู้(we know as much as the more things that we ultimately learn all we know).
เราอาจถูกจุ่มอาบชุ่มอยู่ในศูนย์กลางของอวิชชาอันไม่มีที่สิ้นสุด(we
may be steeped in the center of infinite ignorance).
ผมคิดอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับคำถามทั้งหลายนั้นที่เราไม่รู้ที่จะถาม(I
think often about the questions we do not know to ask),
เพราะว่าการสำรวจค้นพบทั้งหลายยังไม่มาถึง(because discoveries yet to come).
แต่เมื่อพวกมันมาถึงก็เอาเราไปวางไว้ในภาพทัศน์ใหม่(but
when they arrive will put us in a new vista), สถานที่ใหม่ที่จะยืน
ให้เราสามารถที่จะมองเห็นคำถามทั้งหลาย(a new place to stand enabling us
to see questions). ไม่ได้ฝันและไม่ได้จินตนาการถึง
ก่อนที่เราจะได้ไปถึงที่นั้น(undreamt of and unimagined before we
got there).
ดังนั้นเมื่อผมนอนตื่นอยู่ในตอนกลางคืนอีกครั้ง,
ผมขบคำนึงถึงว่าคำถามทั้งหลายชนิดไหนซึ่งวางอยู่ไกลเกินเราเอื้อมไปถึง.
เพราะว่าคำถามทั้งหลายที่เรากระทั่งไม่ได้รู้ว่าจะตั้งท่าทางอย่างไรนั้น
พวกเขาอยู่ที่นั่น. เหล่านั้นไม่ได้เป็นที่น่าสนใจกับผมอีกต่อไป.
เพราะว่าเรารู้ว่าจะถามคำถามนั้นอย่างไร. ผมต้องการจะรู้ถึงคำถามที่โพ้นเลยการเอื้อมถึงของทุกคน(I
want to know the question that is beyond everyone’s reach).
คาร์ล
ซากัน(Carl Sagan): ผมหมายถึงว่า,
เราต้องการที่จะได้คิดเกี่ยวกับการเป็นเช่นเด็กๆถูกเอาใจใส่โดยผู้สร้างสรรค์อันทรงอำนาจเบ็ดเสร็จและมีเมตตา(we
want to be thought of as children being cared for by an omnipotent and
benevolent creator).
ผมหมายถึงว่า,
คิดถึงบรรดาสิ่งไม่แน่นอนทั้งหลาย
และความวุ่นวายและความตื่นตระหนกทั้งหลายของชีวิตของเรา(think
of all the uncertainties and turmoil and terrors of our life),
ที่น่าจะถูกทำให้น่าตื่นตระหนกน้อยลง, ถ้าเรื่องนี้ได้เป็นความจริง(if
this were true).
อลัน วัตต์ส(Alan
Watts3): และกระนั้นในเวลาเดียวกัน,
ผมไม่ได้รู้สึกเหมือนกับที่ผู้คนอื่นอีกมากมายเหลือเกินได้รู้สึก,
ว่าผมเป็นคนชาวต่างชาติหรือคนแปลกหน้าในโลกนี้(that I’m a foreigner or a
stranger in this world)
3 https://en.wikipedia.org/wiki/Alan_Watts
ผมรู้สึกในมันราวกับว่า, ในหนทางเดียวกันกับเมื่อคุณมองเห็นดอกไม้และทุ่ง. มันอย่างเป็นจริงที่ทุ่งทั้งปวงมีดอกไม้เต็ม(it’s really that the whole field flowering), เพราะว่าดอกไม้นั้นไม่สามารถมีอยู่ในสถานที่เฉพาะได้โดยปราศจากสิ่งแวดล้อมพิเศษทั้งหลายของทุ่งนั่นที่มันมี(because the flower couldn’t exist that particular place without the special surroundings of the field that it has). คุณพบได้แต่เพียงดอกไม้ในสิ่งแวดล้อมทั้งหลายเท่านั้นที่จะสนับสนุนพวกมัน.
แล้วในหนทางเดียวกัน,
คุณจะได้แต่เพียงพบมนุษย์ทั้งหลายบนดาวเคราะห์ของประเภทนี้(so in
the same way you only find human beings on a planet of this kind),
กับด้วยบรรยากาศประเภทนี้(with an atmosphere of this kind),
กับด้วยอุณหภูมิประเภทนี้(with temperature of this kind),
ได้จัดหาโดยดวงดาวเพื่อนบ้านที่สะดวกสบาย(supplied by a surrounding neighboring
star).
และดังนั้นเช่นเดียวกับดอกไม้ที่เป็นการบานออกดอกของทุ่ง(and so
just the flower is a flowering of the field). ผมรู้สึกว่าตนเองเป็นบุคคลหนึ่ง,
ที่เป็นการวางคน, ผู้คนของจักรวาลทั้งปวง(I feel myself as a person a
manning, peopling the whole universe).
ในคำพูดอีกอย่างหนึ่ง,
ผมดูเหมือนว่าเป็นทุกสิ่งอื่น(I seem like everything else)ที่เป็นศูนย์กลางแบบว่าคือกระแสน้ำวน(to be
a center a sort of vortex)ที่อยู่พลังงานทั้งปวงของจักรวาล(at
which the whole energy of the universe),
ตระหนักในตัวมันเองมีชีวิตขึ้นมา(realize itself comes alive).
อะไรแบบว่าประเภทรูรับแสงผ่านทะลุที่จักรวาลทั้งปวงเป็นสำนึกรับรู้ของตัวมันเอง(a sort
of aperture through which the whole universe is conscious of itself).
ในคำพูดอีกอย่างหนึ่ง, ผมไปด้วยกับมันเป็นเช่นศูนย์กลางของเส้นรอบวงกลม/ปริมณฑล(I go
with it as a center to a circumference),
มุมมองจากจุดยืนอันยาวนานได้ถูกสรุปย่อโดยนักปรัชญา เอมมานูเอล คานท์(the
long-standing view is summarized by the philosopher Emmanuel Kent4),
ที่ว่า ปราศจากมนุษย์แล้วการสร้าวงสรรค์ทั้งปวงก็จะเป็นแค่
ความป่าเถื่อนอันอุดมสมบูรณ์,
สิ่งที่น่ารำคาญและไม่มีที่สิ้นสุดจุดจบ(without man the whole of
Creation would be a mere wilderness, a thing in vain and have no final end),
ได้ถูกเปิดเผยออกเป็นสิ่งโง่เขลาเอาตามอำเภอใจตน(is revealed to be self-indulgent
folly).
หลักของความธรรมดาสามัญ(a
principle of mediocrity)ดูเหมือนว่าจะประยุกต์เอากับสถานการณ์ทั้งหลายทั้งหมดของเรา(seems
to apply to all our circumstances).
เราจะไม่รู้ได้ล่วงหน้าว่าหลักฐานนั้นจะเป็นที่ช่างซ้ำๆและละเอียดยิบไม่สอดคล้องได้กับโจทย์ของมนุษย์ทั้งหลายนั้น(we
would not have known beforehand that evidence would be so repeatedly and
thoroughly incompatible with the proposition of that human beings)ที่อยู่บนตรงกลางเวทีในจักรวาล(are at center stage in the
universe).
แต่การโต้วาทีทั้งหลายส่วนใหญ่ในตอนนี้ได้ลงหลักปักฐานอย่างแน่นอนเป็นที่ยอมรับในตำแหน่งที่อย่างไรก็ตามซึ่งเขจ็บปวด(but most of the debates have now been settled decisively in favor of a position that however painful)สามารถที่จะถูกจับใส่แค็ปซูลในประโยคหนึ่งเดียวได้ว่า(can be capsulated in a single sentence).
“เรายังไม่ได้ถูกให้รับบทนำในละครจักรวาล(we
have not been given the lead in the cosmic drama).”
บางทีบางคนอื่นได้ได้รับ,
บางทีไม่มีใครอื่นได้รับ(perhaps someone else has, perhaps no
one else has). ไม่ว่าในกรณีใด,
“เรามีเหตุผลที่ดีสำหรับความนอบน้อมถ่อมตน(we
have good reason to humility).”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น