เบอร์นี แซนเดอร์ส - จากที่นี่ เราจะไปที่ไหน?
Where Do We Go From Here?
https://youtu.be/70nHmlapu7w?si=8IASt1L5MqNBIPtc
ขอขอบคุณอย่างมากกับการมาร่วมกันกับผม.
คืนนี้เรากำลังจะทำกิจวัตรเรื่องข่าวร้าย,
ข่าวดีกัน. ดังนั้นจงอยู่กับผม.
เราจะเริ่มออกตัวกันด้วยข่าวร้าย(We
start off with the bad news), ที่ค่อนข้างเลวร้าย, แต่เราก็กำลังจะได้ตอนจบที่มีความสุขมากขึ้น(but
we are going to get to a happier ending).
ให้ผมเริ่มต้นโดยแค่การบอกกับคุณในอะไรที่ผมรู้ไปแล้ว,
และนั่นก็คือว่า ภายใต้โดนัลด์ ทรัมป์, ประเทศนี้ได้พุ่งอย่างรวดเร็วไปยังคณาธิปไตย,
ไปยังลัทธิอำนาจนิยม, ไปยังโจราธิปไตย,
ไปยังอย่างมากและมากยิ่งขึ้นของความไม่เสมอภาคในความมั่งคั่ง. (Let me begin by just telling you
what you already know, and that is that under Donald Trump, this country is
hurtling rapidly toward Oligarchy1, toward Authoritarianism2, toward
Kleptocracy3,
and toward more and more income and wealth inequality).
นั่นคืออะไรที่กำลังบังเกิด.
(That is what is happening).
พวกคุณทั้งหมดคงจำกันได้, ว่าอับราฮัม ลินคอล์นได้พูดถึง รัฐบาลของประชาชน,
โดยประชาชน, และเพื่อประชาชน. ผมคิดว่ามันกระจ่างชัดมากที่มุกวันนี้ เรามี
รัฐบาลของชนชั้นเศรษฐีพันล้าน, โดยเศรษฐีพันล้าน, และเพื่อเศรษฐีพันล้าน. (You’ll all remember, that Abraham
Lincoln talked about a government of the people, by the people and for the
people. I think it is very clear that today we have a government of the billionaire
class, by the billionaire class, and for the millionaire class.)
อีลอน มัสก์อุดหนุน 277 ล้านดอลลาร์เพื่อที่จะให้ทรัมป์ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี.
และเขาก็ได้รับรางวัลด้วยตำแหน่งสำคัญมากที่สุดในรัฐบาล. พูดได้อีกอย่างอื่นคือ,
เขาจ่ายเงินออกไปและเขาก็ได้อะไรที่เขาได้จ่ายไปเพื่อมัน. (Elon musk contributed $277 million
to get Trump elected president. And he is rewarded with the most important
position in government. In other words, he put out the money and he got what he
paid for.)
ทรัมป์ ได้เสนอชื่อ 13 เศรษฐีพันล้านขึ้นไปเป็นหัวหน้าหน่วยงานรัฐต่างๆ.
ดังนั้น, ส่วนใหญ่ทั้งหมดคนพวกนั้นผู้ที่กำลังบริหารจัดการรัฐบาลก็คือเศรษฐีพันล้านทั้งหลาย.
หลายปีมาแล้ว, ดังที่ผมคิดว่าพวกคุณก็ทราบดี, ผมได้พูดถึงเรื่องอยบ่างไรที่ประเทศของเรากำลังเคลื่อนไปสู่สังคมรูปแบบคณาธิปไตย.
และผมรู้ว่าผู้คนได้มีความกังขาใจทั้งหลายของพวกเขากันอยู่. (Trump also
nominated 13 other billionaires to head various government
agencies. So, most all the guys who are running the government are
billionaires. For many years, as I think you know, I have been talking about
how our country is moving toward an oligarchic form of society. And I know that
people had their doubts.)
ว่าเบอร์นีกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? (What is Bernie
talking about?)
เอาละ, ไม่อีกต่อไปแล้ว.
ผู้คนในตอนนี้มองเห็นว่าอะไรที่กำลังดำเนินไปอยู่ตรงหน้าของพวกเขาเลย. พวกเขากำลังมองเห็นชนชั้นเศรษฐีพันล้านกำลังจัดการเป็นรัฐบาลของเราอยู่ในตอนนี้แล้ว.
แต่มันไม่ได้เป็นเพียงแค่คณาธิปไตย และรัฐบาลของคนร่ำรวยมาก
ที่ผมเป็นกังวลถึง. มันมีการเคลื่อนอย่างรวดเร็วไปหาลัทธิอำนาจนิยม. (Well,
not anymore. People now see what’s going on right in front of them. No secret
about it. They’re seeing the billionaire class running our government right
now. But it’s not just oligarchy and a government of the
very rich that I’m concerned about. It is a very rapid
movement toward Authoritarianism).
แทบทุกวัน, ทรัมป์กำลังช่วงชิงอำนาจทั้งหลายของสภาคองเกรส/
รัฐสภาสหรัฐ. เขากำลังจบสิ้นโครงงานทั้งหลายที่สภาคองเกรสได้เห็นสมควรไปแล้ว,
และเขากำลังกำจัดองค์กรรัฐทั้งหลาที่เขาไม่มีอำนาจที่จะกำขัดออกไป. ไกลขึ้นไปอีก,
เขาได้ฟ้องร้องดำเนินคดีสื่อชั้นนำทั้งหลายอย่างเช่น ABC, CBS, Meta, และ the Des Moines
Register, สำหรับเรื่องราวและการกระทำทั้งหลายที่เขาไม่ชอบ. (Virtually every day, Trump is
usurping the powers of Congress4. He is ending programs
that Congress appropriated, and he’s getting rid of agencies that he has no
power to get rid of. Further, he has sued major media outlets like ABC, CBS, Meta,
and the Des Moines Register, for stories and actions that he didn’t like.)
และในตอนนี้คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อของสหรับฯ
– FCC กำลังสอบสวน PBS และNPR,
และเขากำลังข่มขจู่ที่จะถอนเงินสนับสนุนจากรัฐสำหรับบรรดาสื่อชั้นนำทั้งหลายเหล่านี้.
นี่เป็นที่กระจ่างชัดของการโจมตีอย่างมโหฬารกับบทบัญญัติการแก้ไขรัฐธรรมนูญสหรัฐ
ครั้งที่ 1 และอิสรภาพของการแสดงออก. เขาไม่ชอบอะไรที่บางสื่อกำลังพูด,
และเขากำลังข่มขู่พวกนั้น. (And now his FCC5 investigating
PBS and NPR, and he’s threatening to withhold federal funding for these vitally
important media outlets. This is clearly a massive attack on the First
Amendment6
and freedom of expression. He doesn’t like what some media are saying, and he
is intimidating them.)
5 https://en.wikipedia.org/wiki/Federal_Communications_Commission
ข้อความนั้นชัดเจนว่า. เฮ้, ข้าเป็นเจ้านาย.
เอ็งอย่ากล้ามาวิจารณ์ข้า. (The message is clear. Hey, I’m the
Boss. Don’t you dare criticize me.)
แต่มันไม่ใช่เพียงแค่สภาคองเกรสและสื่อที่เขากำลังตามล่า.
เขายังดำเนินการโจมตีอย่างมโหฬารกับระบบตุลาการ. อย่างไม่น่าเชื่อ,
เขาได้พยายามอย่างแท้จริงที่จะถอดถอนผู้พิพากษาทั้งหลาย ผู้ซึ่งพิพากษาตัดสินที่เขาไม่ชอบ.
(But it’s not just Congress and the media that he’s going after. He’s
also waging a massive attack against the judicial system. Unbelievably, he is actually
trying to impeach judges who render decisions that he doesn’t like.)
คิดถึงมันสิ. มีผู้คนจำนวนเล็กน้อยมากผู้ที่กำลังเฝ้าดูการถกอภิปรายในคืนนี้
คิดว่าการพิพากษาของศาลฎีกาสูงสุดกับองค์กรพลเมืองสหรัฐ (องค์กรอนุรักษ์นิยมไม่แสวงหากำไร
ที่เอาชนะศาลฯ ในการที่ศาลวินิจฉัยว่ากระทำผิดในการออกเงินสนับสนุนการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง)
หรือในคดีกรณี โร กับ เวด(คดีสิทธิของผู้หญิงในการทำแท้ง)
เป็นตัวอย่างที่ดีของการตัดสินใจ. (Think about it. Very few people who
are watching this discussion tonight thought that the supreme court’s decision on
Citizen United7 or Roe v Wade8 were good decisions.)
7 https://en.wikipedia.org/wiki/Citizens_United_(organization)
ในความจริงแล้ว, ในมุมมองของผม, พวกนั้นคือการตัดสินใจทั้งหลายที่เป็นความหายนะ.
แต่เราเป็นประเภทหัวเก่า. เราเชื่อในหลักนิติธรรม. นั่นคืออะไรที่ได้บังเกิดขึ้น.
ประธานาธิบดีได้แต่งตั้งบุคคลเหล่านี้ให้ดำรงตำแหน่งในศาลสูงสุด/ ศาลฎีกา.
เราไม่ได้ไปรอบๆแล้วพูดว่า, เฮ้, คุณต้องถอดถอนหัวหน้าผู้พิพากษาโรเบิร์ตส์และสมาชิกทั้งหลายอื่นๆ.
การตัดสินใจที่แย่มาก. นั่นไม่ใช่หนทางที่ รัฐธรรมนูญอเมริกันทำงาน. (In
fact, in my view, they were disastrous decisions. But we’re kind of old
fashioned. We believe in the rule of law. That what happened. President
appointed these people to the supreme court. We didn’t go round saying, hey,
you got to impeach Chief Justice Roberts and the other members. Terrible
decision. That’s not the way the American Constitutions works.)
และนั่นคืออะไรที่เราเชื่อ.
เราอย่างที่จริงแล้วเชื่อถือในรัฐธรรมนูญ. แต่มันไม่ใช่แค่สภาคองเกรส
หรือสื่อ หรือตุลาการ ที่ทรัมป์กำลังไล่ล่า. เขาในตอนนี้เปิดฉากโจมตีอย่างรุนแรงต่อมหาวิทยาลัยหลัก/ใหญ่ทั้งหลาย
ที่กำลังสอนหลักสูตรทั้งหลาย หรือยอมให้มีกิจกรรมทั้งหลายซึ่งเขาไม่ชอบ.
หลายปีมานี้, เราได้ยินการพูดคุยเชิงอนุรักษ์ทั้งหลายเกี่ยวกับการกระจายอำนาจปกครองของรัฐบาล,
เอารัฐบาลออกไปจากหลังของผู้คน. เราได้ยินเกี่ยวกับการศึกษาว่าเป็นประเด็นของท้องถิ่น,
และในตอนนี้เราก็ได้มีประธานาธิบดีผู้ที่กำลังบอกต่อฮาวาร์ด, โคลัมบี,
พรินสตัน และอื่นๆว่า พวกเขาสามารถหรือไม่สามารถทำอะไร. (And
that’s what we believe. We actually believe in the constitution. But it’s not
just Congress or the media or the judiciary that Trump is going after. He’s now waging a vitriolic attack against major universities
that are teaching courses or allowing activities he doesn’t like. For years, we
have heard conservatives talk about decentralized government, getting the government off the backs of the people. We’ve
heard about education being a local issue, and now we have
a president who is telling Havard, Columbia, Prinston and others what they can or
cannot do.)
ในวิธี่ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและอย่างน่ากลัวยิ่ง,
เจ้าหน้าที่ทั้งหลายของรัฐบาลกลางได้ตะครุบตัวนักศึกษาต่างชาติทั้งหลาย,
เหวี่ยงพวกเขาเข้าไปในรถทั้งหลายที่ไม่มีตราเครื่องหมายอะไร และได้นำพวกเขาไปยังสถานกักขังควบคุมตัวทั้งหลาย.
และอะไรคือข้อหาอาชญาของพวกเขาหรือ? อะไรที่พวกเขาได้กระทผิดที่สมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนี้หรือ?
(In an absolutely unconstitutional and frightening way, federal
agents have grabbed foreign students, thrown them into unmarked cars and taken
them to detention facilities. And what is their crime? What have they done that
deserves that kind of treatment?)
เอาละ, ในอย่างน้อยที่สุดเหตุกรณีหนึ่ง,
ผู้หญิงคนหนึ่งได้เขียนบทความวิจารณ์อิสราเอล. อีกเหตุกรณีอื่นอีกอันหนึ่ง,
บางคนได้ไปเข้าร่วมการชุมนุมเดินขบวนทั้งหลาย. คุณตะครุบตัวผู้คนจริงๆออกไปจากถนน,
เหวี่ยงพวกเขาเข้าไปในรถที่ไม่มีตราเครื่องหมายทั้งหลาย, พากพวกเขาไปยังศูนย์ควบคุมกักตัวทั้งหลาย
เพราะว่าพวกเขาได้แสดงความคิดมุมมองทางการเมือง, เช่นนั้นหรือ? (Well, in at least one case, a
woman wrote an article critic of Israel. In another case, somebody attended a demonstration.
Do you really grab people off the street, thrown them into unmarked cars, take
them to detention centers because they expressed a political point of view?)
และที่อย่างไม่น่าเชื่อก็คือ,
เขากำลังไล่ล่าบริษัทกฎหมายทั้งหมายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา. บริษัทกฎหมายยักษ์ใหญ่.
คุณสามารถจินตนาการได้ไหมถึงประธานาธิบดีกำลังข่มขู่บริษัทกฎหมายหนึ่ง
เพราะว่าพวกเขาเป็นตัวแทนของลูกความของพวกเขา หรือทำบางอย่างที่คุณไม่ชอบ? และทรัมป์ได้ยังตัดสินใจที่ว่า
เขาจำเป็นที่จะนำสงครามด้านวัฒนธรรมเข้ามาในอเมริกา. เขาได้ทำตนเองตัวเขาเองขึ้นเป็นประธานคณะกรรมการของศูนย์วัฒนธรรมเคนเนดี.
(And unbelievably, he is going after law firms that oppose him. Giant
law firm. Can you imagine a president threatening a law
firm because they represented a client or did something that you don’t like?
And Trump has also decided that’s he needs to lead the culture war in America.
He has made himself Chairman of the Board of the Kennedy Center.)
ดังนั้น, ถ้าคุณเติมกิจกรรมการกระทำทั้งหลายทั้งหมดนี้ขึ้นมา,
และผมเพิ่งแค่พูดคุยถึงส่วนเล็กๆของอะไรที่เขาได้ทำไปแล้ว,
มันก็ทำให้สิ่งหนึ่งกระจ่างชัดขึ้นอย่างมากๆ. ทรัมป์มีความเคารพนักถือเพียงเล็กน้อยต่อรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา
และต่อหลักนิติธรรม. (So, if you add all of these activities
up, and I’m just talking about a small part of what he has done, it makes one
thing very, very clear. Trump has very little respect for the Constitution of
the United States and for the rule of law.)
เขาต้องการอำนาจมากและมากยิ่งขึ้นเพื่อตัวเขาเองและเพื่อนเศรษฐีพันล้านทั้งหลายของเขา.
เขาต้องการที่จะเป็นผู้นำของประชาชาติระบอบอำนาจนิยม. และที่จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่และเลวร้ายลงไปอีก,
ทรัมป์และมัสก์กำลังเร่งรีบพยายามอย่างรวดเร็วในการที่จะแบ่งแยกและทำลายหน่วยงานของรัฐบาลกางทั้งหลาย
ที่ให้บริการแก่ครอบครัวชนชั้นกลางและคนยากจน. (He wants
more and more power for himself and his fellow billionaires. He wants to lead
an authoritarian nation. And to make a bad situation even worse, Trump and Musk
are rapidly trying to dismember and destroy federal agencies that serve working
families and the poor.)
มัสก์ได้ปลดคนทำงานกว่าหลายพันคนที่ศูนย์บริหารประกันสังคม,
ซึ่งจะทำให้มันยากหนักหนายิ่งขึ้นสำหรับผู้สูงอายุและทำให้ไม่สามารถได้รับสิทธิ์ทั้งหลายที่พวกเขาได้จ่ายเงินไปเพื่อมัน.
มันเป็นการโขมตีอย่างมโหฬารค่อการประกันสังคม. (Musk has laid
off thousands of workers at the Social Security Administration, which will make
it harder for the elderly and disable to get the benefits that they paid for.
It’s a massive attack against Social Security.)
ทรัมป์และมัสก์ยังได้ตัดสินใจที่จะปลดลูกจ้างบางส่วน 83,000 ที่องค์การทหารผ่านศึก,
ซึ่งจะหมายความว่าชายและหญิงทั้งหลายผู้ที่ชีวิตของพวกเขาที่แนวหน้าที่จะปกป้องประเทศของเรา,
เหล่าทหารผ่านศึกทั้งหลายของเราจะมองเห็นความเสื่อมโทรมของการดูแลสุขภาพซึ่งพวกเขาได้รับอยู่ที่องค์การทหารผ่านศึก
และตามเวลาที่เหมาะสมของผลประโยชน์ทั้งหลายที่เจาได้รับ. (Trump and
Musk have also decided to lay off some 83,000 employees at the Veterans
Administration, which will mean that men and women who their lives on the line
to defend our country, our veterans will see a deterioration in the health care
they receive at the VA and the timeliness of the benefits that they earned.)
และแล้ว, บนยอดสุดของทั้งหมดนั้น,
ทรัมป์และสหายพรรครีพับลิกันทั้งหลายนตอนนี้กำลังทำงานร่างกฎหมายปรองดองชนาดใหญ่
ที่จะสร้างการตัดงบประมาณมหาศาลในโครงการประกันการสุขภาพ, การศึกษา,
โภชนาการ, ฯลฯ. ที่จะทำอะไรหรือ? (And then, on top of all of
that, Trump and his Republican colleagues are now working on a huge
reconciliations bill which will make massive cuts to Medicaid9, education,
nutrition, etc. to do what?)
9 https://www.hiso.or.th/hiso/picture/reportHealth/nn_report8_8.pdf
ทำไมพวกเขากำลังทำการตัดงบประมาณเช่นนี้? ก็เพื่อที่จะยกเลิกการเก็บภาษี
1 ล้านล้านดอลลาร์ให้กับพวกคน 1%. ดังนั้น, ดังนั้น, นั่นคือที่ซึ่งเราอยู่ตรงไหน.
นั่นคือาวร้าย. และทั้งหมดในทั้งหมด, มันค่อนข้างเป็นสถานการณ์ที่น่าหดหู่. (Why
are they making these cuts? In order to give $1 trillion in tax breaks to the
1%. So, that’s where we are. That is the bad news. And all in all, it is pretty
dismal situation.)
ดังนั้น, ในตอนนี้ขออนุญาตผมให้คุณด้วยบางข่าวดี,
บางอันที่เป็นข่าวดีอย่างมาก. และนั่นเป็นกว่าเดือนสุดท้ายที่ผ่านมา ผมและสหายรัฐสภาของผม,
อเล็กซานดรา โอคาสิโอ-คอร์เตซ, ได้เดินทางไปทั่วประเทศนี้ในอะไรที่ผมได้เรียกว่า
การตระเวนต่อสู้กับคณาธิปไตย. (So,
now let me give you some good news, some very good news. And that is over the
last month I and my House colleague, Alexandra Ocasio-Cortez, have been
travelling the country in what I’ve called a Fighting Oligarchy tour.)
ผมได้ไปยังเนบราสกา, ไอโอวา,
วิสคอนซิน, มิชิแกน, เนวาดา, โคโลราโด และ อะริโซนา.
และผลการชุมนุมได้เป็นที่พิเศษยิ่ง. ในเดนเวอร์, เราได้มีมากกว่า 34,000
ผู้คนออกมาชุมนุม, การรณรงค์ชุมนุมที่ใหญ่ที่สุดที่ผมได้เคยเป็นส่วนหนึ่งด้วย.
และอะไรที่ผมได้เรียนรู้จากทั้งหมดของการรณรงค์จัดชุมนุมและพบปะประชุมทั้งหลายเหล่านี้
แล เป็นหลายพันและหลายพันของผู้คน, นั่นคือผู้คนของประเทศเรากำลังป่วยไข้และเบื่อหน่ายกับลัทธิทรัมป์นิยม.
(I’ve been to Nebraska, Iowa, Wisconsin, Michigan, Nevada, Colorado
and Arizona. And the turnouts have been extraordinary. In Denver, we had more
than 34, 000 people turnout, the largest rally I have ever been a part of. And
what I have learned from all of these rallies and meeting thousands and
thousands of people, is that the people of our country are sick and tired of
Trumpism.)
พวกเขาเบื่อหน่ายกับระบอบคณาธิปไตย.
พวกเขาได้เบื่อหน่ายกับลัทธิอำนาจนิยม, และพวกเขาได้เตรียมตัวที่จะต่อสู้กลับคืน.
และ(มควรจะบอกกับพวกคุณ, แค่เพื่อเอ่ยถึง, ผมกำลังจะเข้าไป, นอกตะวันตกนั่น,
ในสัปดาหก์หน้า. ในหนึ่งสัปดาห์ครึ่งหรือราวนั้น, เรากำลังจะไปที่แคลิฟอร์เนีย
และมลรัฐทางตะวันตกทั้งหลาย และเรากำลังจะดำเนินต่อไปที่จะรณรงค์ชุมนุมผู้คนอเมริกัน
ที่จะยืนหยัดขึ้นมาสู้กับลัทธิทรัมป์นิยมและความหยิ่งยะโสดูถูกของเขาต่อประชาธิปไตยอเมริกัน.
(They are tired of oligarchy. They are tired of authoritarianism,
and they are prepared to fight back. And I should tell you, just to mention,
I’m going to be in, out west, next week. In a week and a half or so, we’re
going to California and other western states and we are going to continue to
rally the American people to stand up to Trumpism and his contempt for American
democracy.)
และให้ผมให้ข่าวดีมากๆอีกชิ้นหนึ่งกับพวกคุณ.
และนั่นที่ในรายการคืนวันอังคาร, ซูซาน ครอว์ฟอร์ดยกเอาเรื่องของอีลอน
มัสก์ และ 25 ล้านดอลลาร์ที่เขาใช้จ่ายในการที่จะชนะได้ที่นั่งในศาลสูงสุดรัฐวิสคอนซิน.
(And let me give you another very good piece of good news. And that
is on Tuesday night, Susan Crawford took on Elon Musk and the $25 million that
he spent to win a seat on the Wisconsin Supreme Court.)
และผมต้องการให้คุณทั้งหมดที่จะจดจำไว้ว่านั่นแค่ห้าเดือนที่ผ่านมานี้เอง,
ทรัมป์ได้ชัยชนะอย่างหวุดหวิดที่ในวิสคอนซิน. และแค่วันอื่นถัดมา, มิส.
ครอว์ฟอร์ดได้ชัยชนะอย่างแข็งแรง. เขาชนะโดยสิบคะแนน. ค่อนข้างเป็นชัยชนะที่ดีในรัฐที่ทรัมป์ได้เพิ่งชนะมาห้าเดือนก่อนหน้านี้.
(And I want you all to remember that just five months ago, Trump won
a narrow victory in Wisconsin. And just the other day, Ms. Crawford won
strongly victory. He won by ten points. Pretty good victory in a state that
Trump had won just five months before.)
กับรายการคืนวันอังคารด้วยเช่นกัน,ในสองเขตการเลือกตั้งวุฒิสมาชิก
ในฟลอริดา, ที่ซึ่งทรัมป์ได้ชัยชนะด้วย 30 คะแนน, ผู้สมัครแข่งขันของพรรคเดโมแครตขณะที่แพ้,
ก็ตัดช่องว่างลงเป็นแบ่งครึ่ง. ก็ไม่เลวนัก. (Also on Tuesday night, in
two Congressional districts10 in Florida, where Trump had won by 30 points,
Democratic candidates while losing, cut that margin in half. Pretty good.)
10 https://en.wikipedia.org/wiki/Congressional_district
ดังนั้น, จากที่นี่เราจะไปที่ไหนกัน?
(So, where do we go from here?)
ผมคิดว่าคำตอบนั้นค่อนข้างชัดเจน.
เราจะต้องทำการศึกษากัน. เราจะต้องจัดตั้งองค์กร. เราจะต้องที่จะต่อสู้สวนกลับอย่างมีประสิทธิภาพและปัญญา.
และถ้าเราทำเช่นนั้น, ในมุมมองของผม, เรากำลังจะไปสู่ชัยชนะในสิ่งนี้. (I think the answer is quite
obvious. We have got to educate. We’ve got to organize. We’ve got to fight back
effectively with discipline and intelligence. And if we do that, in my view,
we’re going to win this thing.)
และในตอนนี้, ผมควรที่จะบอกคุณ,
เราไม่ได้แต่เพียงทำการรณรงค์จัดชุมนุมไปทั่วประเทศเท่านั้น. เราก็ยังจ้างผู้ประสานงานจัดตั้งทั้งหลายที่ระดับรากหญ้าทั้งหลาย
ที่จะมาช่วยเราสร้างทำอะไรที่เป็นเช่นโครงสร้างพื้นฐานของรากหญ้าทั้งหลายที่เราจำเป็นต้องการถ้าเรากำลังจะประสบความสำเร็จ.
และขอให้ผมแค่ได้เอ่ยถึงในที่นี้, เมื่อแค่สองสามชั่วโมงที่ผ่านมา, ผมได้โทรศัพท์กับเพื่อนๆทั้งหลายของเราในเขตเลือกตั้งแรกของไอโอวา.
ผมได้เคยไปยังนครไอโอวาเมื่อเดือนที่แล้ว และเราได้พี่น้องทั้งหลายได้ออกมากัน.
เราได้รายชื่อทั้งหลาย, เราได้อี-เมล์ทั้งหลาย. เราได้โทรศัพท์. และเราได้คืนนี้เพียงที่ผ่านมาเล็กน้อย,
ผู้คนกว่า 500 คนในเขตเลือกตั้งแรกของไอโอวาได้อยู่ในสายโทรศัพท์,
และเกือบทั้งหมดของพวกเขาได้ลงทะเบียนที่จะได้งานในการทำงานเพื่อช่วยเราในการจัดตั้งองค์กร,
ที่จะเดินเคาะประตูทั้งหลาย, ที่จะจัดประชุมทั้งหลาย, ฯลฯ. (And right now, I should tell you,
we are not only doing rallies around the country. We are also hiring organizers
at the grassroots level to help us build the kind of grassroots infrastructures
that we need if we’re going to be successful. And let me just mention here, that
just a few hours ago, I was on the phone with our friends in the first district
of Iowa. I had been to Iowa City last month and we got a
whole lot of folks coming out. We got names, we got
e-mails. We called up. And we had tonight just a few ago,
over 500 people in the first district of Iowa on the telephone, and almost all
of them signed up to get to work to help us organize, to knock on doors, to
hold meetings, etc.)
และเรากำลังกำลังจะมีผู้จัดตั้งองค์กรทั้งหลายทั่วทั้งหมดประเทศ,
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเลือกตั้งทั้งหลายที่พรรครีพับลิกันสมาชิกสภาคองเกรสได้ชนะเป็นเสียงส่วนใหญ่เล็กน้อย.
และเรากำลังจะทำให้แน่ใจว่าทั้งหมดของผู้คนในเขตเลือกตั้งทั้งหลายเหล่านั้น
ที่ได้รับชัยชนะโดยพรรครีพับลิกันโดยส่วนต่างเพียงเล็กน้อย, พวกเขาได้รู้กันกันอย่างคึกโครมและภูมิใจว่าพวกเขากำลังที่จะได้ยินจากผู้เลือกตั้งทั้งหลายของพวกเขาเอง,
ว่าพวกเขาต้องไม่ลงคะแนนให้กับการลดการเก็บภาษีพวกเศรษฐีพันล้านทั้งหลาย
โดยการตัดงบประมาณการประกันสุขภาพและโครงการทั้งหลายอื่นๆครอบครัวคนทำงานทั้งหลายจำเป็นต้องการอย่างไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก.
(And we are going to have organizers all over the country, especially
in districts where Republican members of Congress won by slim majorities. And
we’re going to make sure that all of the people in those districts that were
won by Republicans with small margins, they know loudly and proudly they’re going to hear from their constituents, that they must
not vote to give huge breaks to billionaires by cutting Medicaid and other
programs that working families desperately need.)
ดังนั้น, ใช่แล้ว, ให้ผมได้ซื่อตรงต่อคุณ,.
พวกคณาธิปไตยทั้งหลายนั้นมีอำนาจเต็มเปี่ยมใหญ่โต. ไม่มีถ้าทั้งหลาย, แต่และอาจจะทั้งหลายเลย. พวกเขามีเงินจำนวนมากมายไร้ที่สิ้นสุด.
พวกเขาควบคุมเศรษฐกิจของเรา. พวกเขาเป็นเจ้าของมากมายหลายสื่อ, และพวกเขามีอิทธิพลมโหฬารเหนือระบบการเมือง. (So, yes, let me be very
honest with you. The oligarchs are enormously powerful. No ifs, buts and maybes.
They have endless amounts of money. They control our economy. They own much of
the media, and they have enormous influence
over our political system.)
แต่จากก้นบึ้งของหัวใจผม, ผมได้มั่นใจว่า
ถ้าเราชาญฉลาดและรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นอย่างดี,
พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะเราได้. (But
from the bottom of my heart, I am convinced that if we are smart and if we are
well organized, they can’t be defeated.)
ถ้าเรายืนหยัดด้วยกัน และไม่ปล่อยให้พวกเขาแบ่งแยกเราออกจากกัน
ด้วยสีผิวของเรา, หรือที่ที่เราเกิด, หรือศาสนาของเรา,
หรือรสนิยมทางเพศของเรา, ถ้าเรานำผู้คนของเรามาร่วมกันรอบประเด็นวาระที่ใช้การได้สำหรับผู้คนมากมาย
และไม่ใช่แค่คนเพียงเล็กน้อย, ไม่มีอะไรในโลกที่จะสามารถหยุดยั้งเราได้.
เราสามารถเอาชนะได้. เราสวามารถเอาชนะได้. ดังนั้น,
ขอให้เราไปข้างหน้าร่วมกัน. (If
we stand together and not let them divides us up by the color of our skin, or
where we were born, or our religion, or our sexual orientation, if we bring our
people together around an agenda that works for the many and not just the few,
there is nothing in the world that can stop us. We can win. We will win. So,
let us go forward together.)
ขอเราจงมาสร้างการเคลื่อนไหวนั่น
ที่เราจำเป็นต้องการเป็นที่สุด. (Let’s build
that movement that we desperately need.)
ขอเราจงมาเอาชนะ ลัทธิทรัมป์นิยม
กันเถิด. ขอขอบคุณพวกคุณทั้งหมดเป็นอย่างยิ่ง. (Let’s
defeat Trumpism. Thank you all very much.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น