อย่างไรที่ 5 บริษัทกำลังคอยทำให้โลกอยู่ในสงคราม
How 5 Companies
Are Keeping The World At War
https://youtu.be/lDB3L23UMCQ?si=OIhOdPUB5NH5AIIM
บทนำ
(Intro)
นี่นะ,
คุณได้เห็นทันทีก่อนแล้ว. สหรัฐอเมริกาบุกรุกราน; สหรัฐอเมรอิกาถอนทัพ. ฉันหมายความว่า, จำอัฟกานิสถานได้มั้ยฦ
สงครามนั้นเป็นความหายนะอย่างสัมบูรณ์สุด. แต่มันได้เป็นแจ็คพ็อตสำหรับิผู้รับเหมาทั้งหลายด้านการป้องกันประเทศของสหรัฐ.
และในตอนนี้, ด้วยสงครามทั้งหลายในกาซ่าและยูเครา,
พวกเขากำลังทำมันมากกระทั่งยิ่งขึ้นไปอีก. ทั้งๆที่แทบไม่มีกองทหารสหรัฐอเมริกาอยู่นื้นที่นั้นเลย. (Look, you’ve seen it before.
The US invades; the US withdraws. I mean, remember Afghanistan? That war was an
absolute disaster. But it was a jackpot for US defense contractors1. And
now, with the wars in Gaza and Ukraine, they’re making even more. Despite
having hardly any US troops on the ground.)
1 "US defense contractors" แปลว่า บริษัทหรือผู้รับเหมาด้านการป้องกันประเทศของสหรัฐอเมริกา ซึ่งหมายถึง
องค์กรหรือธุรกิจที่จัดหาผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯ
- ผู้รับเหมาด้านการป้องกันประเทศ
(defense
contractor):คือธุรกิจที่ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ อากาศยาน เรือ ยานพาหนะ
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือให้บริการ เช่น โลจิสติกส์ การฝึกอบรม
การสนับสนุนทางเทคนิค และการสื่อสาร
แก่หน่วยงานทหารหรือหน่วยข่าวกรองของรัฐบาล
(Abby Martin):
ผู้ทำกำไรทั้งหลายจากสงครามมักจะชนะเสมอ,
ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร. (War profiteers always win, regardless
of the outcome.)
ถึงแม้ว่าอิทธิพลทั่วโลกของอเมริกากำลังรอคอยอยู่,
เครื่องจักรสงครามของมันก็คอยที่จะเติบโตแข็งแรงยิ่งขึ้นและแข็งแรงยิ่งขึ้นอยู่เรื่อย
ๆ. (Even though America’s
global influence is waiting, its war machine keeps growing stronger and
stronger.)
ดูทีมันได้ถูกเขียนที่ตรงนี้สิ. USA. พวกเหล่านี้คืออาวุธทั้งหลายของอเมริกาทางด้านหลังของฉัน. (Look what is written here. USA.
These are the American weapons behind me.)
ในวิดีโอนี้,
เราจะมาแกะห่อหุ้มว่ายักษ์ใหญ่ความมั่นคงของอเมริกันได้ช่วยสร้างกลุ่มอุตสาหกรรมทางทหารสมัยใหม่
และทำไมแบบจำลองของพวกเขาสามารถสร้างกำไรได้มากเหลือเกิน,
ไม่ว่าจะมีชีวิคมากมายทั้งหลายได้สูญสิ้นไปเท่าไหร่. (In this
video, we’ll unpack how American defense giants helped build the modern military-industrial
complex2
and why their model is so profitable, no matter how many lives are lost.)
2 https://en.wikipedia.org/wiki/Military%E2%80%93industrial_complex
อุตสาหกรรทการป้องกันประเทศสหรัฐ (The US Defense Industry)
สหรัฐไม่ได้ชนะสงครามทั้งหลายส่วนใหญ่ที่ทันได้สู้รบตั้งแต่ปี 1945. มันคอยแต่จบลงในแบบเสมอ
หรือว่าพ่ายแพ้ไปอย่างสิ้นเชิง. และกระนั้น,
หนึ่งกลุ่มที่มักจะโผล่ออกมานำหน้าอยู่เสมอ. คืออุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของสหรัฐ.
ได้รับกำไรอย่างมากมายขนาดไหนในเส้นนี้, บริษัทการป้องกันประเทศสหรัฐทั้งหลายได้เล่นในแบบขาหนักในการที่สงครามทั้งหลายเหล่านี้และเป้าประสงค์ของพวกเขาได้ถูกตีกรอบไว้. (The US hasn’t won most of the wars
it’s fought since 1945. It keeps ending up in a stalemate or being defeated
entirely. And yet, one group always comes out ahead. The US defense industry. Given
how much profit is on the line, US defense companies play a heavy hand in how
these wars and their purpose are framed.)
อะไรที่เราทำคือช่วยชีวิตทั้งหลาย. มันปกป้องสันติภาพและประชาธิปไตยไปทั่วทั้งโลก. (What we
do saves lives. It protects peace and democracy throughout the world.)
(Abby Martin): สิ่งนี้ไม่สามารถเป็นที่ไกลได้กว่าความสัจจริง. รัฐบาลสหรัฐอเมริกาคือกกองกำลังชั้นแนวหน้าของความไม่มั่นคง
ความรุนแรง และการทำลายล้างด้านสิ่งแวดล้อม.(This
couldn’t be further from the truth. The United States government is the leading
force of instability violence, and environmental destruction.)
กลุ่มอุตสาหกรรมทางทหาร (The Military Industrial Complex3)
3 "The
Military Industrial Complex" แปลว่า กลุ่มอุตสาหกรรมทหาร (หรือ
คอมเพล็กซ์อุตสาหกรรมการทหาร) ซึ่งหมายถึง ความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างกองทัพ
อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และนักการเมือง ที่ต่างได้รับผลประโยชน์ร่วมกันในการส่งเสริมการใช้จ่ายทางทหารและนโยบายที่เกี่ยวกับความมั่นคง
คำนี้เป็นที่รู้จักจากสุนทรพจน์อำลาของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์
ที่เตือนถึงอิทธิพลของกลุ่มนี้ที่มีต่อสังคม
แอบบี้ มาร์ติน เป็นนักข่าวสายสืบสวนและผู้สร้างสรรค์ของ the Empire Files, สื่อช่องทางอิสระที่ชำแหละการทำงานข้างในของจักรวรรดิอเมริกา.
รายงานของเธอเกี่ยวข้องกับความจริงขนานหนัก. สงครามเป็นธุรกิจ และเป็นธุรกิที่กำลังแตกบานอย่างรวดเร็วยิ่ง.
(Abby Martin is an
investigative journalist and the creator of the Empire
Files, an independent media outlet that dissects the inner working of US
Empire. Her reporting engages with the hard truth. War is a business and
business is booming.)
แอบบี้ มาร์ติน(Abby
Martin): กลุ่มอุตสาหกรรมทางทหารเล่นในบทหลักในการิกำหนดรูปร่างนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา.
(The military-industrial complex plays the center role in
shaping American foreign policy. It is the shaper of US foreign policy.)
พิธีกร: และแบบจำลองธุรกิจนี้ก็ใช้การได้จริง. ในปี 2023, บริษัทการป้องกันประเทศทั้งหลายของสหรัฐอเมริกาได้ทำเงินเกือบหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ในการขาย
ด้วยสถิติ 765 พันล้านดอลลาร์ของนั่นมีที่มาโดยตรงจากสัญญาทั้งหลายกับรัฐบาล.
นี่คือทางตรงไปทางเดียวซึ่งเงินมีปลายทางที่อุ้งมือของพวกเขาทั้งหลาย. เมื่อสหกฐอเมริกาลงคะแนนให้ส่งความช่วยเหลือทางทหารไปนอกประเทศ,
เหมือนเช่นที่อิสราเอลหรือยูเครน, ส่วนใหญ่ของเงินนั้นก็ไปสู่ผู้ผลิตอาวุธอเมริกันทั้งหลาย.
ไม่ว่ามันจะเคยเป็นเงินทุนสนับสนุนอาวุธใหม่ทั้งหลาย หรือนับรวมที่ถูกส่งมาจากธนาคารกลางสหรัฐ,
มันโดยพื้นฐานแล้วเสนอให้ในรูปของเงินอุดหนุนแก่บริษัทสำหรับสัญญาป้องกันประเทศทั้งหลายนั้น.
(And this business model
works. In 2023, US defense companies made almost a trillion dollars in sales
with a record $765 billion of that coming directly from government contracts.
Here’s one way that money ends up in their hands. When the US votes to send
military aid abroad, like to Israel or Ukraine, most of that money goes to
American arms makers. Whether it gets used to fund new weapons or reckoning those
sent from US reserves, it basically serves as a form of corporate welfare2 for defense
contractors.)
2 "corporate welfare" แปลว่า สวัสดิการเพื่อภาคเอกชน หรือ เงินอุดหนุนบริษัท หมายถึง
มาตรการที่รัฐจัดให้แก่ภาคเอกชน เช่น การลดหย่อนภาษี หรือเงินอุดหนุน
เพื่อส่งเสริมให้เอกชนจัดสวัสดิการให้แก่พนักงาน
หรือเพื่อจูงใจให้ธุรกิจดำเนินการในลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม.
แอบบี้ มาร์ติน(Abby
Martin): มันเติมเชื่อเพลิงให้กับความขัดแย้งทั้งหลาย. ฉันหมายความว่า, คุณดูที่กาซ่าและยูเครน.
Raytheon, Lockheed Martin, Boeing, ทั้งหมดของหุ้นของพวกเขาได้พุ่งระเบิดเถิดเทิง.
กำไรของพกวเขาเป็นที่มหาศาลในปี 2023 และ 2024, ทำไม? เพราะว่าสงครามมหาวินาศ,อันสบดสยองทั้งหลายนั้น,
ผู้ถือหุ้นทั้งหลายของพวกเขาได้ผลตอบแทนมหึมาบนสงครามเหล่านั้น. (It
fuels the conflicts. I mean, you look at Gaza and Ukraine. Raytheon3, Lockheed
Martin4,
Boeing5,
all of their stocks exploded. Their profits were massive in 2023 and 2024, why?
Because these horrific, catastrophic wars, their shareholders had huge returns
on those wars.)
3 เรย์เธียน
(Raytheon) เป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีและความมั่นคงที่เน้นการผลิตอาวุธ ขีปนาวุธ
และระบบป้องกันประเทศ โดยเป็นธุรกิจหนึ่งของ RTX
ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ก่อตั้งในปี 1922 และปัจจุบันเป็นผู้นำในการพัฒนาโซลูชันป้องกันประเทศยุคใหม่
เช่น ระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธ ระบบเซ็นเซอร์ขั้นสูง และโซลูชันด้านอวกาศ.
5https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%87
พิธีกร: มันคือความจริง. ในปีที่ติดตามมาภายหลังจากการบุกรุกรานของรัสเซียเข้าไปในยูเครน,
ราคาหุ้นสำหรับ General Dynamics สูงขึ้นไปเกือบถึง 31%. หนึ่งปีภายหลังที่ฮามาสบุกนำการโจมตีกับอิสราเอล,
(It’s true. In the year
following Russia’s initial invasion of Ukraine, the stock price for General Dynamics6 rose
nearly 31%. One year after the Hamas led attacks on Israel, Lockheed Martin saw
an increase of over 54%. And of course, the other top contractors benefited in
their own ways, too. These companies aren’t just making money; they’re becoming
too powerful to stop.)
6 General
Dynamics คือ บริษัทข้ามชาติชั้นนำของสหรัฐอเมริกา ในอุตสาหกรรมการบิน อวกาศ
และการป้องกันประเทศ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเรสตัน รัฐเวอร์จิเนีย
และเป็นที่รู้จักจากการผลิตเครื่องบินเจ็ตธุรกิจ กัลฟ์สตรีม (Gulfstream) รถถัง M1 เอเบรมส์ (Abrams) และเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์
บริษัทดำเนินงานผ่าน 5 ส่วนหลัก ได้แก่ การบินและอวกาศ
ระบบทางทะเล ระบบการต่อสู้ เทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยี
ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์
ได้คาดการณ์อันโด่งดังในปัญหานี้ ย้อนไปในปี 1960. เขาเป็นผู้บัญญัติคำว่า “กลุ่มอุตสาหกรรมทางทหาร”นี้ขึ้นมาในระหว่างสุนทรพจน์สุดท้ายของเขาในฐานะประธานาธิบดี.
“เราต้องเฝ้าระวังต่อการได้มาซึ่งอิทธิพลอันไม่สมควรของเรา, ไม่ว่าได้แสวงหาหรือไม่ได้แสวงหา
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมทางทหาร. ศักยภาพของการเพิ่มความหายนะวิบัติขึ้นของพลังอำนาจที่ผิดยังคงมีอยู่และจะมีอยู่ต่อไป.”
(President Eisenhower
famously predicted this problem back in the 1960s. In fact, he coined the term
military-industrial complex during his final speech as president. “We must car
guard against the acquisition of our unwarranted influence, whether sought or
unsought by the military-industrial complex. The potential for the disastrous
rise of misplaced power exists and will persist.”)
เขาพูดถูก.
ในวงันนี้, แค่ 5 บริษัทอเมริกันก็โดดเด่นขึ้นนำในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศไปทั่วโลก.
Lockheed Martin, Raytheon, Boeing,
Northrup Grumman, และ General
Dynamics. (He
was right. Today, just 5 US companies dominate the entire global defense
industry. Lockheed Martin, Raytheon, Boeing, Northrup
Grumman, and General Dynamics.)
แอบบิ มาร์ติน(Abby
Martin): เอาละ, สหรัฐอเมริกาคือผู้จำหน่ายอาวุธไปทั่วโลก. การจำหน่ายของสหรัฐเป็นเกือบ
50%ของอาวุธทั้งหมดบนดาวเคราะห์นี้. ไม่มีประเทศใดอื่นที่จะคู่ขนานเท่าเทียมอำนาจทางทหารและตั้งมั่นฝังแน่นของอะไรประเภทกลุ่มอุตสาหกรรมทางทหารเช่นนี้ได้ไปกว่าจักรวรรดิอเมริกา. (Well, the United States
is the global arms supplier. The US supplies almost 50% of all the weapons on
the planet. There is no other country that parallels the military power and
entrenchment of this kind of military-industrial complex other than the US
Empire.)
พิธีกร: และการครอบงำอย่างหนึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความแค่มีอิทธิพล.
มันหมายถึงว่าพวกเขาได้กำไรจากเหือบจะทั้งหมดของความขัดแย้งหลักใหญ่บนโลกนี้. และนั่นก็ไม่ได้เป็นอุบัติเหตุ.
มันได้ถูกออกแบบขึ้น. เอา NATO เป็นตัวอย่าง. ย้อนไปในยุคปี
1990, ผู้รับเหมาสัญญาการป้องกันประเทศของสหรัฐทั้งหลายได้ล็อบบี้อย่างหนักที่จะขยายเขตNATO. ไม่ใช่ด้วยเหตุผลความมั่นคงทั้งหลายเท่านั้น,
แต่ยังเป็นการที่จะเปิดตลาดใหม่ทั้งหลายขึ้นมาด้วยเช่นกันเพื่อธุรกิจของพวกเขา. อะไรก็ตามที่รัฐสมาชิกใหม่ได้เข้าร่วมกับNATO, พวกเขาก็ย่อมต้องการที่จะสร้างความทันสมัยให้กับกองทัพทั้งหลายของพวกเขา,
โดยปกติแล้วก็ด้วยการซท่ออาวุธทั้งหลายของอเมริกัน. (And that kind of dominance doesn’t
just mean influence. It means they profit from nearly major conflict on Earth.
And that’s no accident. It’s by design. Take NATO for example. Back in the
1990s, US defense contractors lobbied hard to expand NATO. Not just for
security reasons, but also to open up new markets for their business. Whatever
a new member state joined NATO, they were required to modernize their
militaries, usually by buying American weapons.)
และมันก็ใช้ได้ผล. ในวันนี้,
สหรัฐจัดส่งสินค้าในราว 2/3 ของอาวุธทั้งหลายของNATO. แค่เอายูเครนเป็นตัวอย่าง,. ตั้งแต่สงครามยูเครนได้เริ่มต้น,
ความต้องการได้พุ่งพรวด. ในปี 2024 เพียงลำพัง, อุปกรณ์ทางทหารสหรัฐอเมริกาได้ถูกขายไปยังรัฐบาลต่างประเทศทั้งหลาย,
ได้กระโดดขึ้นไป 25%. ทำสถิติถึง 319 พันล้านดอลลาร์. (And it worked. Today, the US
supplies about 2/3 of NATO’s weapons. Just take Ukraine for example. Since the
war in Ukraine began, demand has surged. In 2024 alone, US military equipment
sales to foreign governments, has jumped 25%. Hitting a record $319 billion.)
แอบบี้ มาร์ติน(Abby
Martin): กองทัพสหรัฐอเมริกาได้ความช่วยเหลือหลายพันล้านดอลลาร์แก่ประเทศทั้งหลายอย่างเช่นอียิปต์
และอิสราเอล และยูเครน และอูกันดา.
แต่มันทมาด้วยเงื่อนไขทั้งหลาย. (The
US military gives billions of dollars in military aid to countries like Egypt
and Israel and Ukraine and Uganda. But it comes with conditions.)
พิธีกร: นี้ได้ถูกเรียกไปด้วยว่าความช่วยจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา บ่อยครั้งต้องการให้ประเทศทั้งหลายเหล่านั้นใช้เงินไปกับอาวุธสหรัฐอเมริกาทั้งหลาย,
ไม่ว่าเงินช่วยเหลือนั้นเพื่อใครก็ตาม. ในความจริงแล้ว, อาวุธสหรัฐทั้งหลายได้ถูกใช้ในที่ทั้งหลายเหกมือนเช่นในกาซ่าและเวสต์แบ็งค์,
มันเป็นปกติที่รัฐบาลสหรัฐที่เป็นผู้จ่ายให้กับพวกเขา. (This so-called aid from the US
government often requires countries to spend that money on US weapons, no
matter who the aid is for. In fact, US weapons are used in places like Gaza and
the West Bank, it’s usually the US government that paying for them.)
แอบบี้ มาร์ติน(Abby Martin): ดูชาวปาเลสไตนิ์ที่ในกาซ่าคุ้ยเขี่ยขยะและขุดผ่านซากปรักแอละการพบลูกระเบิดทั้งหลายที่ผลิตทำโดย
Raytheon และ Boeing. (Seeing the Palestinians in Gaza scavenge and dig
through the rubble and finding bombs that are made from Raytheon
and Boeing.)
“เราไม่สามารถออกไปข้างนอกได้.
ทุกแห่งเป็นอันตราย. มีการทิ้งระเบิดทุกแห่ง, และเราอาจบาดเจ็บได้. พวกเขาฆ่าวัยเด็กของเราแล้ว.” (“We can’t go out. Everywhere is
dangerous. Bombing is everywhere, and we could get hurt. They killed our
childhood.)
“ชีวิตตอนนี้ได้เค็มไปด้วยความหวาดกลัว,
สะพรึงกลัวและหวาดผวา. ฉันคอยแต่ค้นหาที่ซึ่งปลอดภัยที่จะพากลูกๆของฉันไป.สภาวะจิตใจของพวกเขากำลังแบกรับมากยิ่งไปกว่าที่พวกเขาจะสามารถจัดการได้.”
(Life now is filled with fear,
terror and panic. I keep searching for a safe place to take my children. Their mental state is carrying more than their age can handle.)
“ความฝันทั้งหลายของเราได้ถูกทำลายไปแล้ว. เราไม่มีพลังงาน.
เราเหนื่อย.”(Our dreams are destroyed. We have no
energy. We are tired.)
แอบบี้ มาร์ติน(Abby Martin): มันป่วยไข้.
เลือดเปื้อนอยู่บนมือของเรา. ฉันไม่รู้ว่าเราจะสามารถฟื้นคืนมาได้อย่างไร.
ฉันไม่รู้ว่ามนุษยชาติสามารถที่จะได้ฟื้นคืนจากอะไรที่เราได้ยอมให้มันสะสมถมทับที่เกิดขึ้นในกาซ่าได้อย่างไร.
และสำหรับผู้คนที่พูดว่า, “โอ้, มันแค่อยู่ห่างไปไกล. เราไม่ได้มีอะไรต้อวงไปทำด้วยกับมัน.”
ไม่ได้อยู่ไกลไปจากความจริงได้หรอก. มันคือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอเมริกา-อิสราเอล
และมันได้ถูกผลักดันและเกื้อหนุนขึ้นโดยผู้รับเหมาสัญญาป้องกันประเทศสหรัฐอเมริกา
และพวกเขาทำกำไรจากกระสุนปืนและระเบิดที่ได้ถูกทิ้งลงมาบนเด็กทารกทั้งหลายเหล่านั้น.
(It’s sick. The blood is on
our hands. I don’t know how we can ever recover. I don’t know how humanity can ever
recover from what we’ve collectively allowed to happen in Gaza. And for people
to say, “Oh, it’s just far away. We have nothing to do with it.” Couldn’t be
further from the truth. It’s a US-Israel genocide and it’s pushed and propped
up by US defense contractors and they profit off evert bullet and every bomb
that’s dropped on those babies.)
ความช่วยเหลือของสหรัฐอเมริกาแก่อิสราเอล (US Aid to Israel)
และท่อส่งผลกำไรนั้นได้ถูกประจำที่มานานหลายทศวรรษ. ตั้งแต่ปี 1948, สหรัฐอเมริกาได้ส่งไปกว่า
300 พันล้านดอลลาร์ในการช่วยเหลือต่างประเทศยังอิสราเอล,
มากบิ่งกว่าประเทศอื่นใด. ส่วนใหญ่ของการนั้นมาในรูปของการสงเคราะห์ประจำปีทั้งหลายที่อิสราเอลต้องใช้จ่ายไปกับอาวุธทั้งหลายของอเมริกัน.
(And that pipeline of profit has been in place for decades. Since
1948, the US has sent over $300 billion in foreign aid to Israel, more than any
country. Most of that comes in the form of annual grants that Israel has to
spend on American weapons.)
ตัวอย่างเช่น, ระบบป้องกันขีปนาวุธโดมเหล็กขแองอิสราเอลได้เป็นเหมืแองทองคำสำหรับบริษัททั้งหลายอย่างเช่น
Raytheon ที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนทั้งหลายของมัน. และเมื่อความตึงเครียดไต่เลื่อนสูงขึ้นอักครั้ง,
สภาคองเกรสก็เติมเงินสนับสนุนขึ้นทางด่วนไปยังอิสราเอลมากยิ่งขึ้นอีก.
และวงจรนั้นก็ดำเนินต่อไป. ดังนั้น, ความช่วยเหลือที่เป็นโดยพื้นฐานคือสงเคราะห์ต่อผู้รับเหมาสัญญาการป้องกันประเทศของสหรัฐฺนั่นเอง. (For example, Israel’s Iron
dome missile defense system7 has been a gold mine for companies like Raytheon that produce its parts. And when tensions
escalate again, Congress fast tracks more funding to Israel. And the cycle
continues. So, this aid is basically a subsidy to American defense
contractors.)
7 https://en.wikipedia.org/wiki/Iron_Dome
การโจมตีของอิสราเอลต่อกาซ่าและการหนุนหลังของสหรัฐอเมริกาที่ทำให้พวกเขาดำเนินต่อไปได้โดยไม่มีปลายสุดที่เป็นจริงให้เห็นภาพเลย.
และนั่นหมายความว่าการไหลบ่าจากท่อปลายเปิดของิกำไรสำหรับบริษัทอเมริกันทั้งหลายที่จัดส่งสินค้าอุปทานทั้งหลายใหกับกองทัพอิสราเอล.
และนี้ก็ไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งเดียวให้เห็น. กาซ่าเป็นตัวอย่างล่าสุด.
ตั้งแต่ปี 2001, สหรัฐอเมริกาใช้เงิน 14 ล้านล้านดอลลาร์ไปกับสงคราม. (Israel’s attacks on Gaza and the
US backing that enables them are continuing with no real end in sight. And that
means an open-ended stream of profit for the US corporations that are supplying
the Isarel’s military. And this isn’t a one-off. Gaza is just the latest
example. Since 2001, the US spent $14 trillion on war. Nearly half of that went
to private defense contractors.)
ในระหว่างช่วงคาบเวลานั้น, อาฟกานิสถานได้กลายเป็นสงครามที่ยาวนานที่สุดของประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาแบบจำลองธุรกิจของกำไรอันไร้ที่สิ้นสุดสำหรับอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ. (During this period of time,
Afghanistan became the longest war in US history and a business model of
endless profit for the defense industry.)
“NATO และกองกำลังขาติอื่นกำลังดำเนินต่อไปกับการทิ้งระเบิดถล่มใส่ผู้คนของเราและดำเนิการฆ่าผู้คนของเราต่อไปง” (NATO and other foreign troops are
continuing their bombardment on our people and continuously kill our people.)
“ผมได้มาที่นี่เพราะว่าผู้คนสองรายได้ถูกพลีชีพ.
การกระทำนี้ได้ถูกดำเนินต่อไปโดยคนอเมริกัน.” (I came here because
two people were martyred. This action was carried out by the Americans.)
พิธีกร: แต่การที่จะเข้าใจอย่างแท้จริงว่า
5 บริษัทป้องกันประเทศเหล่านี้ได้มาจบลงกับอิทธิพลอำนาจทั้งหมดนี้ได้อย่างไร,
เราต้องย้อนกลับไปที่ยุคปี 1990. (But
to really understand how these five defense companies ended up with all the
leverage, we have to go back to the 1990s.)
“สองปีที่แล้ว,
ผมได้วางแผนที่จะตักงบใช้จ่ายทางทหารที่ได้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยอันใหม่.
แต่ในตอนนี้ปีนี้ด้วยจักรวรรดิคอมมูนิสต์ได้จากไป, ขบวนการนั่นสามารถที่จะถูกเร่งรัดเร็วขึ้น.” (Two years
ago, I began planning cuts in military spending that reflected the changes of
the new era. But now this year with imperial communism gone., that process can
be accelerated.)
เมื่อสงครามเย็นได้สิ้นสุดลง,
รัฐบาลสหรัฐได้คาดหวังว่างบประมาณในการป้องกันประเทศของมันจะหดตัวลง.
มันได้ตัดสินใจที่จะส่งเสริมให้ผู้รับเหมาสัญญาป้องกันประเทศ 51 รายเดิมที่มีอยู่ได้ควบรวมกิจการเข้าด้วยกัน,
ส่งสัญญาณว่าเป็นเพียงหนทางเดียวเท่านั้นที่บริษัทในมือไม่กี่รายจะอยู่รอดได้ในยุคสมัยอันใหม่นี้.
ดังนั้น, ใน 1993, เพนตากอนได้เชิญผู้บริหารบริษัทกิจการป้องกันประเทศทั้งหลายมาทานดินเนอร์ที่น่าจะในภายหลังได้ถูกขนานนามว่า
“the Last Supper – อาหารมื้อสุดท้าย.” (When the Cold War was ending, the
US government expected its defense budget to shrink. It decided to encourage
the 51 existing defense contractors to merge, signaling that only a handful of
firms would survive the new era. So, in 1993, the Pentagon invited top defense
executives to a dinner that would later be dubbed as the
Last Supper.)
อะไรที่ได้ตามมาก็คือคลื่นของการควบรวมทั้งหลายที่ให้การเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาในทุกวันนี้เป็น
5 บิ๊ก. แต่การรวมบริษัทนั่นก็มาด้วยราคาต้องจ่ายหนึ่ง.
ด้วยการที่มีผู้เล่นเพียงน้อยรายเหลืออยู่ในเกม, บริษัทเหล่านี้ ในตอนนี้ได้หลอมรวมพลังอำนาจเข้มข้นชึ้น. (What followed was a wave of
mergers that gave rise to today’s big 5. But that consolidation came at a cost.
With so few players left in the game, these companies now wield immense power.)
แอบบี้ มาร์ติน(Abby
Martin): กลุ่มอุตสาหกรรมทางทหารไม่ได้สนใจใยดีเกี่ยวกับการเอาชนะสงครามทั้งหลาย.
สหรัฐอเมริกาไม่ได้สนใจใยดีเกี่ยวกับการชนะสงครามที่อาฟกานิสถาน.
พวกเขาแต่ต้องการที่จะคอยทำให้มันมีต่อไป.
(The military-industrial complex doesn’t care about
winning wars. The US doesn’t care about winning the Afghanistan war. They just wanted to keep it going.)
พิธีกร: และพวกเขาได้ในอะไรที่พวกเขาต้องการ.
กระทั่งในภายหลังที่มีการถอนกำลังทหี่ออกจากอาฟกานิสถานแล้ว,
งบประมาณการป้องกันประเทศไม่ได้หกดตัวลง. ในที่ข้อจริงแล้ว, มันเติบโตขึ้นเกือบ 14% ใน3 ปีภายหลังที่สงครามสิ้นสุดลง.
(And they got what they wanted. Even after the withdrawal from
Afghanistan, the defense budget didn’t shrink. In fact, it’s grown nearly 14%
in the 3 years after the war ended.)
แอบบี้ มาร์ติน(Abby Martin): มันเป็นเพราะผู้รับเหมาสัญญาป้องกันประเทศทั้งหลายมักจะชนะเสมอ.มีความจำเป็นต้องการอยู่เสมอที่จะมีการคุกคามอีกอันอื่นบนเส้นขอบฟ้า.
คอมมูนิสม์, การก่อการร้าย, จีน.
มีอยู่เสมอที่ต้องเป็นการคุกคาม เพื่อหาเหตุผลที่ดีให้กับการใช้จ่ายมวลหาศาลเหล่านี้. (It’s because the defense
contractors always win. There always needs to be another threat on the horizon.
Communism, terrorism, environmentalism, China. There always has to be a threat
to justify these mass expenditures.)
งบประมาณป้องกันประเทศสหรัฐ (US Defense Budget)
และในตอนนี้เรากำลังมองดูที่งบประมาณหนึ่งล้านล้านดอลลาร์.
ในวันนี้, สหรัฐใช้จ่ายมากขึ้นกับการปกป้องประเทศยิ่งกว่า 9
ประเทศทั้งหลายรวมกัน. และทุกๆปีงบประมาณป้องกันประเทศของสหรัฐยืดขยายโดกยมีการตรวจสอบจาสกสาธารณะน้อยมาก.
ตรงกันข้ามกับการมีราคามหาศาลขนาดนี้,
กระทรวงกลาโหมได้ล้มเหลวในการตรวจสอบการใช้จ่ายทางการเงินติดต่อกันมาถึง 7 ปีแล้ว.
นั่นหมายความว่ามันไม่ส่ามารถพิสูจน์รับรองได้ว่าเงินทุนส่วนใหญ่ของมันได้ถูกใช้ไปอย่างไร.
แต่งบประมาณทั้งหลายในป้องกันประเทศนั้นเป็นแค้ยอดของก้อนน้ำแข็งมหึมา. ในความจริง.
(And now we’re looking at a trillion-dollar budget. Today, the US
spends more on defense than the next 9 countries combined. And every year the
US defense budget expands with very little public scrutiny. Despite this
massive price tag, the defense department has actually
failed its financial audit 7 years in a row. That means it hasn’t even been
able to prove how most of its funds were used. But the defense budgets is just
the tip of the iceberg. In fact,)
แอบบี้ มาร์ติน(Abby
Martin): ในความจริง, ผู้รับเหมาสัญญาอาวุธทั้งหลายนี้ได้ใช้เงินไปอย่างมากเหลือเกินในการว่าจ้างนักล็อบบี้ทั้งหลาย,
700 รายหรือมากกว่านั้นในแต่ละปี. นั่นมากไปกว่า หนึ่งนักลอบบี้ต่อสมาชิกแต่ละคนของสภาคองเกรส.
แต่มันก็ไม่ได้แค่นั้น. (In
fact, these weapons contractors spend so much money and employ hundreds of
lobbyists, 700 or more per year. That’s more than one lobbyist per every member
of Congress. But it’s not just that.)
ในความจริง, 80% ของพยานผู้เชี่ยวชาญที่ไค่สวนต่อสภาคองเหกรสได้ถูกจ่ายอย่างแท้จริงโดยผู้ผลิตสร้างอาวุธทั้งหลายเพื่อล้อบบี้ให้กับพฤติกรรมของพวกเขา. (In fact, 80% of expert witness
who testify to Congress are actually paid by arms makers to lobby on their
behalf.)
แอบบี้ มาร์ติน(Abby
Martin): ทั้งหมดของเรื่องตลกนี้. มันคือการแสดงหนึ่งทั้งหมด. ดังนั้น,
เราผู้จ่ายภาษีทั้งหลายคือผู้สงเคราะห์สนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศนี้.
อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศได้ว่าจ้างนักลอบบี้ทั้งหลายที่จะไปต่อและแสดงบนยอดเนินนั้น
และเสแสร้งแบบว่าพวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญอิสระ. และจริงๆแล้ว,
มันทั้งหกมดคือเกมขนาดโต, ไม่ใช่หรือ? และมันทำตลกกับเรา. (All
of this is a joke. It’s all a show. So, we the taxpayers subsidize the defense
industry. The defense industry hires lobbyists to go and perform on the hill
and pretend like they’re independent experts. And really, it’s all just a big
game, isn’t it? And the joke’s on us.)
พิธีกร: พวกเขาลอบบี้สภาคองเกรสที่จะคงสงครามไว้ต่อไป.
และเมื่อบางคนของพวกเขากระทั่งช่วยดำเนินการสงครามเหล่านี้จากข้างในของเพนตากอนของมันเอง.
มีโครงงานช้างในของกองทัพที่ซึ่งหลายร้อยของเจ้าหน้าที่กองทัพดัวยตำแหน่งชั้นระดับนำอย่างแท้จริงเข้าไปอยู่ในธุรกิจผู้รับเหมาสัญญาป้องกันประเทศและได้รับตำแหน่งฝึกฝนงานทั้งหลาย.
พวกเขานั่งอยู่ที่นั้นเป็นหลายเดือน, บางครั้งมากยิ่งไปกว่าหนึ่งปี เป็นดุจลูกจ้างในการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาล.
แล้วพวกเขาก็กลับมายังรัฐบาลในขณะที่ยังคงตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่กองทัพนั้นอยู่. (The lobby Congress to keep wars
going. And then some of them even help run these wars from inside the Pentagon
itself. There’s a program inside the military where hundreds of military
officers with very elite positions actually go into defense contractor
businesses and get internships. They sit there for months, sometimes more than
a year as active-duty government employee. Then they go back to they go back to
the government while still in active-duty military positions,)
แอบบี้ มาร์ติน(Abby Martin): มันคือท่อสงทางตรงจากรัฐบาลไปยัง
MIC. – กลุ่มอุตสาหกรรมทางทหาร.
ไม่ต้องเอ่ยไปถึง, อดีตเจ้าหน้าที่กองทัพระดับสูงผู้ที่เกษียณอายุซึ่งบ่อยครั้งต่อไปและรับใช้ยังคณะกรรมการบริหารทั้งหลายของ
5 บิ๊กนั้น. (It’s a
direct pipeline from the government to the MIC. Not to mention, former
high-level military officials who retire often go on and serve on the boards of
the big 5.)
พิธีกร: แล้ว,
เย้, เส้นระหว่างกลาโหมสมหรัฐและบริษัทที่ทำการค้าขายด้านความมั่นคงเพื่อผลกำไรทั้งหลายได้กลายเป็นพร่าๆมัวๆในทุกวันนี้.
แต่ค่าใช้จ่ายแท้จริงมายังเหล่าผู้ที่อาศัยอยู่ในที่ซึ่งระเบิดตกลงมา. (So, yea, the line between the
US military and for-profit defense companies is becoming blurrier every day.
But the real cost comes to those who live where the bombs fall.)
แอบบี้ มาร์ติน(Abby Martin): มันอยู่บนบ่าของเรา.
เราคือเด็กๆของจักรวรรดินี้และนี้คือรัฐบาลของเรา. เราเท่านั้นคือผู้ที่จะสามารถหยุดมันได้. (It is on our shoulders. We are the
children of the Empire and this is our government. We are the only ones who can
stop this.)
พิธีกร: มันหันออกมาเป็นว่าคำเตือนของไอเซนฮาวร์
ได้เป็นความจริงเหลือเกิน. มีเพียงผู้คนที่ตื่นระวังและมีความสามารถรู้ได้ที่สามารถตามทันอำนาจของกลุ่มอุตสาหกรรมทางทหารนั้นที่กำลังกำหนดนโยบายสหรัฐ. (It turns out Eisenhower’s
warning was all too real. Only an alert and knowledgeable population can
counter the military-industrial complex’s power to shape US policy.)
แอบบี้ มาร์ติน(Abby Martin): ดิฉันเชื่อว่ายิ่งมากขึ้นที่เราได้ตื่นรู้ขึ้นด้วยมุมมองที่เป็นสากล
ที่ซึ่งเราสามารถมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวฉันท์พี่น้อง,
ไม่ว่าที่ไหนซึ่งเราอาศัยอยู่,
ไม่ว่าอะไรที่เป็นกำแพงกั้นทางภูมิศาสตร์ที่เราได้ถูกกำหนดบังคับไว้,
เราก็จะไม่สามารถถูกหยุดยับยั้งได้. (I
truly believe that the more of us wake up with an internationalist perspective
where we can have solidarity for our brothers and sisters, no matter where they
live, no matter what geographical barriers that they’re imposed by, we will be
unstoppable.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น