หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2568

ริชาร์ด วูลฟ์ฟ - วิกฤตการณ์ของความไม่เสมอภาค

ริชาร์ด วูลฟ์ฟ - วิกฤตการณ์ของความไม่เสมอภาค

Wolff Responds: "The Crisis Of Inequality" Dated September 10, 2025

          https://youtu.be/PVGg0T9kIyM?si=WKnMGLKupHhwB5WW

          ขอต้อนรับเพื่อนทั้งหลายสู้อีกตอนหนึ่งของรายการ “วูลฟ์ฟ ตอบสนอง”. ผมเรียกตอนนี้ว่า “วิกฤตการณ์ความไม่เสมอภาค”. และผมทำเช่นนั้นก็เพราะว่าผมรู้ว่าความไม่เสมอภาคนั่นแทบไม่ใช่ปัญหาใหม่. และผมรู้ว่าส่วนใหญ่ของพวกคุณก็ดูเหมือนจะรแวดระวังถึงมันกันอยู่ว่า ความไม่เสมอภาคนั้นได้เลวร้ายลงให้เห็นได้อย่างแน่ชัด. ความไม่เสมอภาค ทางเศรษฐกิจ ก็เป็นที่แน่นอนเลยว่ามีมาที่สหรัฐอเมริกาในหลายปีที่ผ่านมานี้.  (Welcome friends to another edition of Wolff Responds. I call this one “Crisis of Inequality. And I do that because I know that inequality is hardly a new problem. And I know that most of you are likely aware that inequality has definitely been getting worse. Economic inequality for sure in the United States in recent years.)

          ผมหยิบเอาหัวข้อนี้ขึ้นมาและเพ่งสนใจบนมันไปกับพวกคุณในอีกสองสามนาทีข้างหน้านี้เพราะว่ามันเป็นได้ไปถึงวิกฤตการณ์จริงจังกับสัดส่วน, ระดับทั้งหลายของความไม่เสมอภาคโดยปราศจากแบบอย่างทางประวัติศาสตร์, และการกระตุ้นเตือน อย่างเลวร้ายที่สุดของความขื่นขม, การแบ่งแยกอย่างรุนแรง, และความไม่ยุติธรรม.  คุณสามารถจินตนาการได้. และดังนั้น, ผมจำเป็นที่จะต้องเพ่งสนใจให้พวกเราทั้งหมดลงไปที่มัน.   (I’m picking this topic and focusing on it with you for the next few minutes because it is really reaching crisis proportions, levels of inequality without historical precedent, provocative of the worst kind of bitterness, splitting, injustice. You could imagine. And so, I need to focus all of us on it.)

          สองเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมานี้ได้นำเรื่องนี้กลับคืนบ้านมาสู่ผม และผมคิดว่าพวกเขาทั้งสองเป็นเครื่องหมายถึงการทุจริตทางสังคม ซึ่งระดับทั้งหลายเหล่านี้ของความไม่สเมอภาคกำลังผลิตสร้างอยู่. เป็นเช่นความไม่เสมอภาคอย่างสุดขีดที่บ่อยครั้งได้ผลิตสร้างปัญหาทั้งอล่ายอย่างแท้จริงในอดีตที่ผ่านมา.  (Two recent events brought this home to me and I think they are both signs of the social corruption that these levels of inequality are producing. As extreme inequality has often produced real problems in the past.)

          คุณก็ทราบกัน, ตุลาการศาลสูงสุด, ลูอิส แบรนดิส เมื่อหลายปีก่อนได้สร้างแถภลงการฉบับหนึ่งที่กลายเป็นโด่งดังมีชื่อเสียง. มันไปอย่างหยาบๆดุดันเหมือนอย่างนี้. คุณไม่สามารถมีสังคมอันทันสมัยได้, เขาเขียน, ด้วยการผสมผสานความไม่เสมอภาคเท่าเทียมกันไว้กับระบอบประชาธิปไตย.  (You know, the Supreme Court Justice1, Louis Brandise2 years ago made a statement that became famous. It goes roughly like this.  You can’t have in modern societies, he wrote, a combination of inequality and democracy.)

          1https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90

          2  https://en.wikipedia.org/wiki/Louis_Brandeis

ถ้าคุณมีความไม่เสมอภาคเท่าเทียม, คุณกำลังที่จะสูญเสียความเป็นประชาธิปไตยของคุณ.  (If you have inequality, you’re going to lose your democracy.)

หรือพูดอีกอย่างอื่นได้ว่า, ถ้าคุณต้องการระบอบประชาธิปไตยจริงๆ, คุณก็ต้องที่จะขับไล่ความไม่เสมอภาคเท่าเทียมนี้อออกไป. เอาละ, เขาได้พูดมัน. ผู้คนได้รู้ว่าเขาหมายถึงอะไรบางอย่าง, แต่ไม่มีใครในตอนนั้นซึ่งมีหนน้าที่ของประเทศนี้ในการจัดการชีวิตเศรษฐกิจ ได้ทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับมัน.  และปล่อยให้ผมทำนั่นให้กระจ่างชัดโดยการมองไปที่ซึ่งเราเป็นกันอยู่ในวันนี้, การบรรลุถึงสุดยอดของอะไรที่ได้เป็นและไม่ได้ทำมันในอดีต.  (Or to put it the other way, if you want real democracy, you’re going to have to do away with inequality. Well, he said it. People knew he was on to something, but nobody since then in charge of this country’s economic life has done anything about it. And let me make that clear by looking at where we are today, the culmination of what was and was not done in the past.)

ดังนั้น, ผมเริ่มต้นด้วยสองสิ่งที่ได้ปลุกเร้าผม.  อย่างแรกคือข้อเสนอที่ได้ทำขึ้นโดยคณะกรรมการบริหารของบริษัททุนนิยมหนึ่ง, หนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก, เทสลา คอร์โปเรชั่น, รายที่สร้างยานพาหนะไฟฟ้าอันมีชื่อเสียง. พวกเขาได้เสนอให้กับCEO – ประธานบริหารของพวกเขาเองผู้ที่, ผมเชื่อว่าเป็นหนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการบริหารนั้นด้วยเช่นกัน, ค่าตอบแทนการทำงานโดยห่อรวมเข้าด้วยกัน(ค่าจ้าง/เงินเดือน/โบนัส/รวมทั้งผลประโยชน์ตอบแทนอื่นที่ไม่เป็นตัวเงิน)ที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับไปถึง 10 ปีข้างหน้า ประมาณมูลค่าถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์.  (So, I begin with two things that provoked me. The first was the offer made by the board of directors of a capitalist corporation, one of the largest in the world, the Tesla Corporation, the one that makes the famous electric vehicles. They offered to their own CEO who is, I believe a member of their board as well an unprecedented pay package over the next 10 years amounting to $1 trillion.)

ไม่เคยมีใครได้รับค่าจ้างเป็นเงินช่วงเวลา 10 ปีอย่างมหาศาลในการเป็นผู้นำบริษัทถึงขนาดนี้มาก่อน. มร. มัสก์ได้เป็นที่รูจักกันดีเพราะว่าเขาได้เป็น CEO ซึ่งร่ำรวยที่สุดในโลก ผู้ที่ความมั่งคั่งส่วนตัวได้ถูกประมาณกันว่าในพิสัยของ 300 ถึง 450 พันล้านดอลลาร์. พูดได้อีกอย่างอื่น, นี้เป็นเงินเดือนสูงสุดที่ไม่เคยมีใครได้รับการมอบให้กันมาก่อนในฐานะ CEO, แสดงให้เห็นต่อคุณว่าการเมืองและเศรษฐกิจในระบอบทุนนิยมสมัยใหม่ได้ขึ้นไปถึงจุดนี้แล้ว. เราได้ภาพประกอบที่ชัดเจนยิ่งของระบอบทุนนิยมนั่น, เป็นระบบที่ทำให้คนรวยได้ร่ำรวยมากยิ่งขึ้น และที่เหลือทั้งหมดของเราไม่ได้อะไรมากนัก. คิดถึงมันสิ.  (No one has ever paid that amount of money over a 10-year period as a corporate leader. Mr. Musk is already well known because he’s already the richest CEO in the world whose personal wealth is estimated in the range of 300 to 450 billion dollar. In other words, this unprecedented peak salary more than ever given to a CEO before shows you that politics and economics in modern capitalism have reached this point. We get a stark illustration that capitalism, is a system that makes the rich richer and the rest of us not so much. Think about it.)

หนึ่งล้านล้านดอลลาร์สำหรับ มร. มัสก์ เป็นเงินมากกว่าที่ได้ถูกใช้จ่ายโดยสหรัฐอเมริกา, ผมกำลังจะพูดถึงกระทรวงป้องกันประเทศ, แต่ มร. ทรัมป์ ได้เปลี่ยนแปลงมันเป็นกระทรวงสงครามไปแล้ว. เงินหนึ่งล้านล้านดอลลาร์นั้นมากยิ่งกว่างบประมาณประจำปีนี้ของกระทรวง. และสหรัฐอเมริกานั้นเป็นที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกสำหรับการใช้จ่ายเงินอย่างมากกับการทหารยิ่งประเทศอื่นใดในโลกด้วยขอบเขตอันมหึมา.   (A trillion dollars for Mr. Musk is more money than is spent by the United States, I was about to say defense department, but Mr. Trump has changed it to be War Department. A trillion dollars is more than their annual budget this year. And the United States is famous around the world for spending more money on the military than any other country in the world by an enormous margin.)

และแน่นอนว่า, นั่นรวมไปถึงรัสเซีย, จีน, และประเทศอื่นใดทั้งหลายที่ดูถูกว่าเป็นเช่นศัตรู. นี่ถือว่าเป็นความต่ำช้าลามกหยาบคายยิ่ง. การให้คนที่ร่ำรวยที่สุดในโลกเป็นตอบแทนเบ็ดเสร็จรวมที่รวยที่สุดสำหรับข้างหน้าไปอีกสองสามปี เป็นตลกที่สยดสยองขวัญยิ่งสำหรับผู้คนที่ไม่อาจจะหัวเราะได้. คุณก็รู้, ผู้คนข้างมากหลักใหญ่ของโลกนี้, ผู้คนข้างมากหลักใหญ่ของสหรัฐอเมริกาผู้ซึ่งกำลังเจอกับเวลาอันหนักหนาสาหัสที่ต้องทำให้จบด้วยการพบกัน, มร. มัสก์จะไม่รู้อันใดหรือถึงเรื่องนั่นว่าด้วยความมั่งคั่งที่เขามี, ถ้าเขาไม่ได้มีเงินเพิ่มขึ้นเลยสักสลึงในชีวิตของเขา, เขาก็จะยังคงเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอยู่ดี.   (And of course, that includes Russia, China, and any of the other countries that are referred to as adversaries. This is obscene. Giving the richest man on earth the richest pay package for the next few years makes a horrible joke for the people who aren’t laughing. You know, the majority of the people in the world, the majority of the people in the United States who are having an ever-harder time making ends meet, Mr. Musk wouldn’t know anything about that with the wealth he has. If he didn’t never get another nickel in his life, he’d still be the richest person in the world.)

แต่แทนที่จะเป็นการใช้เงินหนึ่งล้านล้านดอลลาร์เพื่อที่จะช่วยเหลือมวลมหาผู้คนผู้ที่น่าจะสามารถถูกช่วยเหลือได้อย่างมากกับเงินหนึ่งล้านล้านดอลลาร์นั้น, เราไม่ได้กำลังจะทำมัน. เราไม่ได้กำลังจะช่วยเหลือพวกเขาเลย. เรากำลังที่จะยินยอมให้บริษัทหนึ่งที่จะเอา, ของอภัยผมด้วย, เอาทรัพย์สินมูลค่ามั่งคั่งหนึ่งล้านล้านไปให้มันชายผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก. มันจริงๆแล้วได้เอาลมหายใจของคุณไปและมันน่าจะเป็นเช่นนั้น.  (But instead of using a trillion dollars to help the masses of the people in this world who could be helped a lot by a trillion dollars, we’re not going to do it. We’re not going to help them. We’re going to allow a corporation to take, excuse me, a trillion dollars’ worth of wealth and give it to the richest man. It really takes your breath away and it should.)

อย่างที่สอง ที่สะดุดตาของผมคือกระทรวงแรงงาน, สำนักงานสถิติแรงงานแห่งสหรัฐ ได้ปรับตัวเลขเมื่อปีที่แล้ว, ข้อมูลราย 12 เดือนเกี่ยวกับการสร้างสรรค์งานและโดยพื้นฐานได้บอกกับเราว่า มันเป็นความผิดพลาดที่ไหนสักแห่งในระหว่างงานอาชีพทั้งหลายครึ่งล้านและหนึ่งล้านงาน ที่เราเคยได้สร้างสรรค์กันมาเก่าก่อนและเติมเต็มโดยคนอเมริกัน ไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว. (The second thing that caught my eye was the is labor departments, the Bureau of Labor Statistics3 revised the last year’s, 12 months of data about job creation and basically told us that it was a mistake that somewhere between half a million and a million jobs we were old had been created and filled by Americans hadn’t been.)

3 https://en.wikipedia.org/wiki/Bureau_of_Labor_Statistics

มันเป็นความผิดพลาด. สองสามวันก่อน, มร. ทรัมป์ได้ไล่หัวหน้าของสำนักงานสถิติแรงงานนี้ออกจากงาน. แล้วเขาก็จะไล่คนที่เขาแต่งตั้งให้ทำหน้าที่แทนนี้ด้วยไหม? เขามองตัวเลขทั้งหลายไม่เข้าใจรึ?  ผมไม่. คุณรู้ไหมว่าทำไม? เพราะว่าทั้งปีที่แล้วซึ่งผ่านมา, ถ้าคุณได้ใส่ใจสนใจต่อรายงานการทางการเงิน, นี่ก็คือที่ได้หมายเลขหนึ่งของเรื่องราวที่พูกันซ้ำๆซากๆกันมาตลอด.  (It was a mistake. Few days ago, Mr. Trump fired the recent head of the Bureau of Labor Statistics. Will he fire the one he put in her place? Is he not with the numbers? I’m not. You know why? Because over the last year, if you’ve paid attention to financial reporting, here was the number one story repeated over and over again.)

คนอเมริกันต้องถูกละเลยเพิกเฉย.  คนอเมริกันต้องได้รับข้อมูลข่าวสารที่แย่มากๆ. คนอเมริกัน, ทำไม? เพราะว่าคนอเมริกันได้กำลังพูดต่อนักดทำโพลทั้งหลายผู้ที่สร้างความรบกวนรำคาญในการที่จะถามว่า เศรษฐกิจนั้นไม่ดีและสถานการณ์เศรษฐกิจของพวกเขากำลังน่ารังเกียจยิ่ง.   (The American people must be ignorant. The American people must be poorly informed. The American, why? Because the American people were saying to every pollster who bothered to ask that the economy was not good and their economic situation is lousy.)

กว่าสัปดาห์สุดท้ายที่ผ่านมา, โพลกัลลอปได้เทแสดงออกมาว่า 75% ของคนอเมริกันได้ขอแสดงความคิดเห็นของเขาในเรื่องอนาคตทางเศรษฐกิจว่าไม่ได้ดีเท่าที่ให้เห็นในปัจจุบันของพวกเขา. สิ่งทั้งหลายไม่ได้ดีและกำลังเลวร้ายยิ่งขึ้น. แต่ไม่เลย, กว่าปีสุดท้ายที่ผ่านมา, เราได้รับการบอกว่านักเศรษฐกิจทั้งหลายนั้นก็รู้, ผู้นำธุรกิจทั้งหลาย, พวกเขาได้แสดงความยินดีเฉลิมฉลองกันและกันกับดินเนอร์หัวละ 100 ดอลลารั้งหลายเกี่ยวกับว่าเศรษฐกิจได้ดีกันขนาดไหน. ไม่, มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น. มากมายของพวกเราได้พูดกันว่า, “โอ้, ใช่มันเป็น. มวลมหาผู้คนเป็นบางคราวไม่เข้าใจกันไปเองว่าพวกมันนั้นดีกันอย่างไร.”   (Over the last week, the Gallop pill showed that 75% of the American people pled think their economic future is not as good as their present. Things are not good and getting worse. But no, over the last year, we were told the economists know, the business leaders, they were congratulating each other over $100 dinners about how good the economy was. No, it wasn’t. Many of us said, “Oh, yes it was. The mass of people is somehow not understanding how good they have it.”)

โอ, ใช่, พวกมันได้เป็น. คุพวกณ, ผู้นำทั้งหลายของระบบนี้, คือพวกที่เล่นตลกหลอกตัวคุณเอง. บางทีจินตนาการไปเองว่าพวกคุณได้กำลังเล่นตลกหลอกพวกเราที่เหลือทั้งหมดนี้กันอยู่, แต่คุณไม่ได้ทำ. ก๊วนทั้งหมดนั้น, ไม่ใช่แค่ผม, นักดเศรษฐศาสตร์ทั้งหลายทั้งปวงและคนอื่นๆได้เป็นสิ่งสำคัญ. พวกเขาไม่ได้เข้าไปมีบทบาทในกสนเลานมากนัก. สื่อทั้งหลายที่ได้ถูกครอบครองโดยผู้คนเศรษฐียิ่งนัก ผู้ที่ก็จำเป็นต้องรักษาการเฉลิมฉลองนี้ต่อไปกัน.   (Oh, yes, they did. You, the leaders of this system, were the ones fooling yourself. Maybe imagining you were fooling the rest of us, but you didn’t. A whole bunch, not just me, a whole of economists and others were critical. They weren’t given much play. The media are owned by the very rich people who need to keep this celebration going.)

แต่ความจริงของสาระสำคัญก็คือเราอาศัยอยู่ในระบบเศรษฐกิจที่ได้ปผลิตสร้างและผลิตสร้างซ้ำความไม่เสมอภาคเท่าเทียม. ส่วนบนยอด 1, ครึ่งหนึ่งของ 1%ของคนอเมริกัน, ผู้คนของชนอเมริกัน, เป็นเจ้าของครึ่งหนึ่งของความมั่งคั่งในประเทศนี้. ส่วนบนยอดนั้น 10% เป็นเจ้าของ 80% ของส่วนแบ่งของหุ้นทั้งหลายทั้งหมดและพันธบัตรทั้งหลาย. มวลมหาผู้คนของเรา, ส่วนหลักใหญ่ของผู้คนของเรากำลังมีเวลาของความยากลำบากหนักหนาสาหัสที่ได้ยากลำบากยิ่งขึ้นไปอีก และนั่นต่ำตมโสมมสามานย์ยิ่งนัก.  (But the fact of the matter is we live in an economic system that produces and reproduces inequality. The top 1, half of 1% of American, of American’s people own half the wealth in the country. The top 10% own 80% of all the shares of stocks and bonds. The mass of our people, the majority of our people are having a very hard time that’s getting harder and that’s obscene.)

เรามีระบบที่ผลิตสร้างความไม่เสมอภาคเท่าเทียม และนั่นต่ำตมโสมมสามานย์. ในการที่มีเศรษฐีพันล้านเป็นประธานาธิบดีของเราได้เอาบุคคลผิดๆซึ่งมาจากชุมชนสังคมผิดๆด้วยคุณค่าทั้งหลายผิดๆ และให้มาดำรงตำแหน่งทั้งหลายในการปฏิบัติหน้าที่นี้.  และมันไม่ได้เป็นแม้กระทั่งว่าผมตั้งใจที่จะเลือกว่าเอาแต่ มร. ทรัมป์นี้นะ, ผมไม่ได้ทำเช่นนั้น.  (We have a system that produces inequality and that’s obscene. To have a billionaire as our president puts the wrong person coming from the wrong community with the wrong values and positions in charge. And it’s not as though I mean to pick out Mr. Trump. I don’t.)

มากมายเหลือเกินของผู้สมัครลงเลือกตั้งทั้งหลายผู้ที่ไม่ได้เป็นเศรษฐีพันล้านด้วยตัวพวกเขาเอง, ถึงแม้ว่าพวกเขาหวังจะเป็นเช่นนั้น, พึ่งพาอยู่กับเงินบริจาคทั้งหลายจากเศรษฐีพันล้านทั้งหลาย. พึ่งพาอยู่กับล็อบบี้ยิสต์ทั้งหลาย จ้างและจ่ายโดยพวกเศรษฐีพันล้านทั้งหลาย. พึ่งอยู่กับถังความคิดทั้งหลายจัดทำและเสนอเอกสารให้ เหมือนเช่นบอกว่าทั้งปีที่แล้วซึ่งผ่านมานั้นเศรษฐกิจทั้งหลายของพวกเขาอยู่ในรูปร่างที่ดีเมื่อมันนั้นอย่างกระจ่างแจ้งกันอยู่, ดังที่เห็นกันในตอนนี้, ว่าไม่ใช่เช่นนั้น. และเราอย่างกระจ่างชัดว่ามีคนอเมริกันมากมายได้กำลังบอกแก่เราว่ามันไม่ใช่. แต่พวกเขาเมินเฉยปัดทิ้งไปด้านข้างตามใจชอบอย่างสะดวก. แรงผลักดันทั้งหลายของพวกเขาเป็นที่น่าสงสัย. ความซื่อสัตย์ของพวกเขาได้ถูกกล่าวหาว่าไม่เป็นจริง. ทำไม?   (Too many of the other candidates who may not to be billionaires themselves, although they hope so, depend on donations from the billionaires. Depend on lobbyists4 hired and paid by the billionaires. Depending on think tanks5 issuing documents like telling is over the last year their economies are in great shape when it clearly, as we now see, wasn’t. And we clearly had many Americans telling us it wasn’t. But they conveniently brushed aside. Their motives were suspected. Their honesty was impuged. Why?)

4 Lobbyists (นักล็อบบี้) คือ บุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่รับจ้างเพื่อโน้มน้าวหรือชักจูงผู้มีอำนาจทางการเมือง เช่น สมาชิกสภา เจ้าหน้าที่รัฐบาล หรือผู้มีอิทธิพลในหน่วยงานรัฐ เพื่อให้สนับสนุนหรือตัดสินใจในทิศทางที่ผู้ว่าจ้างต้องการ โดยอาจทำผ่านการสื่อสาร การให้ข้อมูล การสร้างข้อโต้แย้ง หรือการให้ข้อเสนอแนะ เพื่อผลักดันกฎหมาย ข้อบังคับ หรือนโยบายให้เป็นไปตามเป้าหมายของกลุ่มผลประโยชน์ที่ว่าจ้าง 

5 Think Tanks หรือ สถาบันคลังสมอง คือ องค์กรที่ทำงานวิจัยและวิเคราะห์เชิงนโยบายสาธารณะ เพื่อเสนอแนวคิดและข้อเสนอแนะที่เป็นรูปธรรมให้กับผู้กำหนดนโยบาย สื่อมวลชน ภาคธุรกิจ หรือสาธารณชนทั่วไป โดย Think Tanks มักจะมีจุดยืนทางอุดมการณ์ที่ชัดเจน หรืออาจเป็นกลางก็ได้ ขึ้นอยู่กับประเภทของสถาบัน โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ มีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายสาธารณะ ผ่านการเผยแพร่ผลงานวิจัย การจัดเวทีอภิปราย และการสร้างความรู้ความเข้าใจในประเด็นที่ซับซ้อน. 

ดังนั้น, นั่นคือเราสามารถฟังต่อเรื่องทำให้เชื่อนี้ได้ไม่มีจบสิ้น ที่ส่งผ่านไปเพื่อเป็นความเห็นของผู้ทีตำแหน่งหน้าที่เหล่านั้น. มันเป็นวิกฤตการณ์ในตอนนี้เพราะว่ามันได้ไปตามทางนั้นไกลเกินไปแล้ว. ชนรุ่นใหม่ที่กำลังผุดขึ้นมาเป็นใครก็ตามที่คุณไม่สามารถพูดว่า, “ดูที่ มร. มัสก์ กับหลายร้อยพันล้านของเขาสิ, บ้านทั้งหลายของเขา, เรือยอชท์ทั้งหลายของเขา, คฤหาสน์ทั้งหลายของเขา, ของเขา, ของเขา, ยานอวกาศของเขา กำลังทะยานเข้าไปสู่...” ในขณะที่คุณไม่สามารถจ่ายค่าเล่าเรียนวิทยาลัย. ครอบครัวของคุณไม่สามารถจะมีบ้านที่เหมาะสมได้.  (So, that we could listen to the endless make-believe that passes for the opinions of those in charge. It’s a crisis now because it’s gone way too far. A new generation is emerging to whom you can’t say, “Look at Mr. Musk with his hundreds of billions, his homes, his yachts, his mansions, his, his, his spaceships going into the, while you can’t pay for college. Your family can’t afford a proper home.)

เพื่อนของผมคนหนึ่งไม่นานมานี้ได้ส่งใบโฆษณาสำหรับบริษัทหนึ่งมาให้ผม ว่าจะเรียก Pad Split หรือว่าSplit Pad ดี. มันสำหรับผู้คนที่ไม่สามารถจ่ายค่าโรงแรม/โมเต็ลได้จริงๆแค่หนึ่งคืน. พวกเขาสามารถในตอนนี้ทำงานกับอินเตอร์เน็ตเชื่อมต่อกับบริษัทที่จะยัดคุณไปอยู่กับเตียงของใครบางคนเพื่อหนึ่งคืน, เพื่อใช้เงินน้อยกว่า.  (A friend of mine recently sent me an advertisement for a company either called Pad Split or Split Pad. It’s for people who can’t really afford a motel for a night. They can now work with an internet connected company that’ll stick you in somebody’s bedroom for a night, for less money.)

คุณเห็นมั้ย, เพราะว่าคุณจะไม่มีอพาร์ตเม้นท์. คุณจะไม่มีครัว. คุณจะไม่ต้องมีอะไรอื่นใดนอกไปจากเตียงนอนและหลังคา ที่คุณจะไม่เปียกปอนเวลาฝนตกในระหว่างกลางคืน. เรากำลังปรับจัดเศรษฐศาสตร์ต่อความไม่เสมอภาคเท่าเทียมที่ระบอบทุนนิยมมอบของขวัญให้กับเรา. และมันเป็นของขวัญที่คอยมอบให้อยู่ตลอดไปอีกไหม? คุณพนันได้เลย.  (You see, because you won’t have an apartment. You won’t have a kitchen. You won’t have anything other than the bed and the roof so you don’t get rained on during the night. We are an economy adjusting to the inequality that capitalism’s gift to us. And is it a gift that keeps on giving? You bet.)

และที่สุดสัมบูรณ์ที่มันให้แก่เราคือการทุจริตทางการเมือง ที่เราเห็นกันได้อยู่ทั้งหมดรายรอบตัวเรา. มร. มัสก์ให้ มร. ทรัมป์หลายร้อยของหลายล้านดอลลาร์. เพื่อให้เขา. เพื่อให้ชายผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก, มันไม่ได้หมายความอะไร. เปลี่ยนแค่กระเป๋าใส่. แต่มันได้ปรับรูปทรงของประเทศเรา, ไม่ใช่รึ? คุณต้องเห็นด้วยกับการนั้นไม่ว่าคุณจะชอบ มร. ทรัมป์ หรือไม่?   (And the ultimate it gives us is the political corruption we see all around us. Mr. Musk gave Mr. Trump hundreds of millions of dollars. For him. For the richest man in the world, it meant nothing. Pocket change. But it shaped our country, didn’t it? You have to agree to that whether you like Mr. Trump or not.)

พวกเขากำลังซื้อ. พวกเขากำลังซื้อนักการเมืองทั้งหลาย. และคุณกับผมก็รู้ถึงมันดี. ซ้ายและขวา. ธุรกิจใหญ่กำลังซื้อผู้คน มันต้องการที่จะเห็นในสำนักงานรัฐ และทำให้แน่ใจว่าจะคอยอยู่วงนอกการรวมรวมกวาดเงินของพวกเขา, การพยายามอย่างสิ้นหวังที่จะกอบกู้อาชีพทางการเมืองของ แอนดรูว์ คัวโม ภายหลังจากที่เขาพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งขั้นต้นเป็นตัวแทนพรรคอย่างราบคาบต่อ โซริน แมนดานี ที่ในนิวยอร์ค ซิตี้, เป็นอีกปรากฏการณ์อันน่าตื่นใจหนึ่งที่จะไปต่อ. ถ้าคุณไม่ได้ต้องการเงินที่จะทำงานการเมืองของคุณ, ที่ปรับรูปทรงชีวิตของคุณ, ได้มีชีวิตอยู่ในนั้น, คุณไม่ได้ต้องการจะมีระบบที่ผลิตสร้างและผลิตสร้างซ้ำๆอย่างสม่ำเสมอในความไม่เสมอภาคเท่าเทียม.   (They’re buying. They’re buying the politicians. And you and I know it. Left and right, up and down. Big business buys the people it wants to see in office and makes sure to keep out the gathering of the money, desperately trying to salvage the political career of Andrew Cuomo6 after he’s been soundly defeated by Zorin Mandani7 in New York City, is just another spectacle GO. If you don’t want the money to run your politics, which shapes the life you, live in, then you can’t have a system that constantly produces and reproduces inequality.)

6 https://en.wikipedia.org/wiki/Andrew_Cuomo

7 https://en.wikipedia.org/wiki/Zohran_Mamdani

แต่นั่นคืออะไรที่ระบอบทุนนิยมที่ได้เป็นมาตลอด, และนั่นคืออะไรที่ระบอบทุนนิยมเป็น.  แน่นอนว่า, ในบางครั้งผู้คนนั้นสามารถลุกขึ้นมาต่อสู้และชั่วขณะหนึ่งความไม่เสมอภาคเท่าเทียมนั้นก็ลดถอยลง. นั่นได้บังเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาในสมัยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ของปี 1930 เมื่อผู้คนที่ดำเนินการประเทศนี้ได้โยนผูคนหลายนล้านออกไปจากงาน, ทำลายหลายล้านของบริษัทเล็กๆที่กำลังพยายามที่จะอยู่รอด.  (But that’s what capitalism always was, and that’s what capitalism is. Sure, sometimes the people can rise up and for a while lessen the inequality. That happened in the United States in the Great Depression8 of the 1930s when the people who run this country threw millions of people out of work destroyed millions of little companies trying to survive.)

8 The Great Depression (ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่) คือ วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่รุนแรงและยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยเริ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) และขยายผลกระทบไปทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการว่างงาน ความยากจน และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงตลอดทศวรรษ 1930 จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2484. 

แล้วเราก็ได้มีการชุมนุมเคลื่อนไหวในประเทศนี้ของผู้คนที่ได้เข้าร่วมสหภาพทั้งหลาย หนทางที่พวกเขาไม่เคยมีมาก่อน หรือตั้งแต่การไปร่วมกับพรรคการเมืองสังคมนิยมทั้งหลาย, หรือพรรคคอมมูนิสต์ และเครือญาติทั้งหลายนั้น, ทั้งหมดทำงานด้วยกันและแล้วความไม่เสมอภาคเท่าเทียมในประเทศนี้ได้หดตัวลงไปข้ามยุคสมัย 1930. มองดูมันสิ ถ้าคุณไม่เคยได้รู้ข้อจริงอันนี้. เรามีความไม่เสมอภาคเท่าเทียมลดลงมั้ย?  (And we have a movement in this country of people joining unions the way they never had before or since joining socialist parties, communist party and those folks all worked together and then inequality in this country shrank across the 1930s. Look it up if you’ve never known this fact. Could we have less inequality?)

เย้, เราสามารถทำได้. แต่ความผิดพลาดใหญ่โตได้ทำโดยเหล่าผู้คน, เหล่าผู้คนอเมริกันดีๆในยุคปี 1930 ผู้ได้ลดความไม่เสมอภาคเท่าเทียมนี้ลงได้, พวกเขาไม่เคยก้าวขึ้นไปได้ถึงการจะจบสิ้นระบอบทุนนิยมนี้ได้เลย. ดังนั้น, อะไรที่ได้มาตลอด 75 ปีสอนเราบ้าง? การได้ปล่อยมิ้งให้นายทุนทั้งหลายอยู่ปฏิบัติหน้าที่ของธรุกิจทั้งหลายของพวกตน, รวบรวมกวาดกำไรทั้งหมดที่เราได้สร้างสรรค์ขึ้นมาในฐานะแรงงานของพวกเขา ให้เข้าไปสู่กำมือของพวกเขา. พวกเขาใช้กำไรทั้งหลายเหล่านั้นมารื้อแก้เป็นสัญญาใหม่ (Yeah, we could. But a big mistake was made by those people, those good American people in the 1930s who reduced inequality. they never took the step of ending capitalism. So, what has the last 75 years taught us? Having left the capitalists in charge of their businesses, gathering into their hands the profits all of us create as workers for them. They use those profits to undo the New Deal9, to undo what was achieved in the 1930s.)

9https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88

ดังนั้น, เราไม่ได้ลดการผลิตสร้างความไท่เสมอภาคเท่าเทียมนี้ลงไปเลย, จินตนาการกันได้ว่ามันได้ยิ่งเลวร้ายหนักขึ้นในทุกวันนี้. นี่คือวิกฤตการณ์. มันคือปัญหาเก่าแก่, มันเป็นในระดับใหม่ของวิกฤตการณ์ของปัญหานั้น. และมันมีความสำคัญต่อเราทั้งหมดที่จะต้องเข้าใจมัน, ที่จะบีบบังคับมัน, และที่จะทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับมัน.  (So, we don’t have reduced inequality. Instead, we have the most extreme inequality, imaginable getting worse each day. This is a crisis. It’s an old problem, but it’s new level of crisis in that problem. And it’s important for us all to understanding it, to face it, and to do something about it.)

ถ้าการแทรกแซงนำเสนอเช่นนี้ได้กระแทกใจคุณว่าเป็นสิ่งทีคุณค่าได้, โปรดแบ่งปันวิดีโอนี้กับผู้อื่นทั้งหลาย, เพื่อนทั้งหลายของคุณ, เพื่อนบ้านทั้งหลายของคุณ, ครอบครัวของคุณ, ใครคนใดก็ตามผู้ที่อาจได้สนใจน่าที่จะให้แก่พวกเขาในอะไรบางอย่างที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้. และแน่นอน, ถ้าคุณสามารถช่วยเราแบ่งปันค่าใช้จ่ายทั้งหลายในการจัดทำรายการนี้, แค่ไปที่เว็บไซท์ของเรา democracyatwork.info, แล้วคุณจะพบว่ามีหลายหนทางในการทำได้ด้วย และโปรดกรุณาทราบว่า มันจะเป็นที่ชมชื่นใจของเราอย่างยิ่ง. ขอบคุณ.   (If interventions like this strike you as valuable, please share this video with others, your co-workers, your friends, your neighbors, your family, anyone who might be interested would give them something to think about. And of course, if you can help us to pay some of the costs of doing this, just go to our website, democracyatwork.info, and you can find ways of doing that as well and please know it would be much appreciated. Thank you.)

 https://youtu.be/PVGg0T9kIyM?si=2HHkcTk3dPKK4kMa

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น