ริชาร์ด วูลฟ์ฟ – “ผมได้บอกคุณแล้วว่าอะไรบางอย่างกำลังมา และตอนนี้มันมาถึงที่นี่แล้ว...
“I Told You Something is Coming & Now It's Here…”
- Richard Wolff
https://youtu.be/F6y8C864i3w?si=5FxHucFNP4FfrThw
ความขัดแย้งภายในทั้งหลายของโครงงานเศรษฐกิจของมรใ
ทรัมป์, แล้วคุณก็จะมองเห็นว่าเรื่องนี้คืออะไรที่ผมได้บอกกับคุณไปแล้ว.
มันได้บังเกิดขึ้นไปทั่วทุกแห่ง, ไม่ใช่แต่เพียงกหำแพงภาษีสินค้านำเข้า,
แต่ด้วยการเนรเทศผู้อพยพทั้งหลายและอื่นๆอีกทั้งหลายนั้น. (The internal contradictions of the
economic program of Mr. Trump, then you’ll see that this is what I just told
you. It’s all over the place, not just the tariffs, but with deporting immigrants
and so on.)
คุณก็รู้,
ผลลัพธ์ที่ตามรองลงมาในที่นี้น่าที่จะทำให้รัฐบาลที่ใช้เหตุผลใดหยุดการนี้ลง. และข้อจริงที่ว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้กำลังจะหยุดการกระทำนี้ลง,
เอาละ, มองเห็นผลที่เกิดขึ้นได้.
ให้ผมพยายามวาดภาพอธิบายถึงความขัดแย้งนี้ให้กับคุณ,
ความบ้าคลั่งภายในประเทศของอะไรข้อเสนอที่ถูกเป็นอยู่นี้. (You know, the secondary
consequences here ought to make any rational government stop. And the fact that
this government isn’t stopping, well, draw the conclusion. Let me try to
illustrate the contradictions, internal craziness of what being proposed.)
และผมกำลังที่จะทำนั้นในสองหนทาง. ผมกำลังจะใช้อะไรที่เรามีกันเศรษฐกิจที่เรียกว่า
การวิเคราะห์เชิงอุปทานและอุปสงค์. ผมเป็นคนค่อนข้างมากไม่มีมารยา.
เราสอนนักเรียนทั้งหลายเป็นการเริ่มต้นที่จะทำความเข้าใจในวิชาเศรษฐศาสตร์, และแล้วผมก็กำลังที่จะใช้ความคิดเชิงเศรษฐศาสตร์เม็กซิกัน
ในเรื่องของมูลค่าส่วนเกิน, ที่ให้ข้อมูลดเชิงลึกทั้งหลายแก่คุณว่า
เครื่องมือทางอุปสงค์และอุปทาน ไม่ทำงานได้. (And
I’m going to do that in two ways. I’m going to use what we in economics calls
supply and demand1
analysis. I’m very simple minded. We teach students as a beginning to
understanding economics, and then I’m going to also use the Marxian economics
idea of surplus2, which
gives you insights that the supply and demand apparatus doesn’t.)
โอเค, ประธานาธิบดีบอกว่า, และได้ทำด้วยไปแล้ว, ในสัปดาห์แรกๆของการบริหารของเขา,
แสดงภาพให้เห็นเป็นการละครตราตรึงใจอย่างมากๆที่เขากำลังจะเนรเทศผู้อพยพทั้งหลายเข้าเมืองมาโดยไม่มีเอกสาร,
ที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของประเทศนี้บอกว่า, เรามีอยู่บางที่ในราว
12 ล้าน, 10 ถึง 15 ล้านในที่บางแห่งในนั้น. (Okay. The President says, and has
already, in the first weeks of his administration, illustrate dramatically that
he is going to deport undocumented immigrants, of which the Homeland Security
Department3 of this country says, we have somewhere
around 12 million, 10 to 15 million somewhere in there.)
3
https://en.wikipedia.org/wiki/United_States_Department_of_Homeland_Security
โอเค.
เรามามองกันไปที่อะไรที่เรื่องนี้อาจหมายไปถึง. ส่วนใหญ่แล้วผู้อพยพเข้าเมืองมาเหล่านี้จะไม่มีเอกสารถูกต้องอยู่แล้ว.
มีผู้คนในวัยทำงานหนุ่มสาวบ้างไหม? ใช่. พวกเขาบางคนนำลูกๆมาด้วยตอนที่พวกเขาเข้ามา,
แต่ส่วนมากจะไม่ได้ทำเช่นนั้น. และบางรายของพวกเขาก็ก็นำผู้สูงอายุของพวกเขามาด้วย,
แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ทำ. คนหนุ่มสาวชายและหญิงเหล่านี้คือผู้ที่สามารถเดินทางผ่านทะเลทรายและความยากลำบากซึ่งต้องถูกเกี่ยวข้องด้วยในการมายังที่นี่จากที่ใดก็ตาม.
ดังนั้น, พวกเขามาถึงที่นี่และพวกเขาได้รับทำงานเลวๆที่สุดทั้งหลาย. (Okay. Let’s take a look at what this
might mean. Mostly these are undocumented immigrants. Are young people of
working age? Yes. Some of them bring children when they come, but most don’t. And
some of them bring their elderly, but most don’t. These are young men and women
who can travel through the desert and take the hardships that are involved in coming
here from any. So, they arrive here and they take the worst jobs.)
และด้วยงานอาชีพที่เลวๆที่สุดทั้งหลายนั้น, ผมไม่ได้แค่หมายถึงเหล่านั้นที่มีค่าจ้างถูกๆเท่านั้นนะ,
แม้ว่านั่นจะเป็นประเด็นหลักใหญ่ในพวกเขา. ผมหมายถึงงานอาชีพทั้งหลายที่อันตรายด้วย,
งานอาชีพทั้งหลายที่ไม่ปกติ, งานอาชีพที่ผู้ว่าจ้างซึ่งข่มเหงก้าวร้าวหยาบคายตลอดเวลาอย่างมากในการทำงาน.
และเหตุผลที่พวกเขาได้งานอาชีพเหล่านั้นก็คือ เพราะว่า,
ไม่เหมือนผูทำงานที่เกิดในถิ่นนี้, พวกเขาจะไม่มีวันไปหาตำรวจเพื่อร้องทุกข์แจ้งความดำเนินคดีใดๆ
ถเพวกเขาต้องทำงานโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันอันตราย
หรือพวกเขาต้องทำงานเกินเวลามากหลายชั่วโมง, หรือพวกเขาต้องทำงานโดยปราศขากได้รับค่าจ้างที่พวกเขาได้รับคำมั่นสัญญาเอาไว้เมื่อเขามารับทำงานนี้. (And by worst jobs, I don’t just
mean those that are poorly paid, although that’s the majority of them. I mean
jobs that are dangerous, jobs that are irregular, jobs for employers that are
highly unscrupulous much of the time. And the reason they have those jobs is
because, unlike a native-born worker, they will never go to the police to
complain if they’re made to work without protective gear or they’re made to
work too many hours, or they are made to work without being given the pay that
they were promised when they undertook the job.)
ผู้ว่าจ้างทั้งหลาย, รู้ว่าพวกเขาไม่สามารถหลีกพ้นไปกับเรื่องนี้ได้
เพราะว่าพวกเขาได้ทำเช่นนี้มาเป็นนิรันดร์โดยตลอดกาลนาน, ซึ่งหมายความว่าผู้อพยพนั้นเป็นที่สามารถทำกำไรได้ในฐานะการเป็นลูกจ้าง
เพราะว่าสามารถเด็ดทิ้งพวกเขาเหล่านี้ไปเมื่อใดก็ได้, โดยอย่างพื้นฐานแล้ว. และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลทั้งหลายที่สหรัฐอเมริกาได้มักจะยินดีต้อนรับลูกจ้างทั้งหลายนี้มาเสมอ,
เพราะผู้ว่าจ้าวงทั้งหลายนั้นรู้ว่าคุณสามารถทำสิ่งทั้งหลายให้กับพวกเขาได้
แต่คุณทำให้ไม่ได้, ผมสามารถว่าต่อไปได้. (Employers, know that they can’t get away with this because they’ve been doing that forever
for time immemorial, which means that the immigrant is profitable as an employee
because you can rip them off, basically. And that’s one of the reasons that the
United States has always welcomed the employees, because the employers knew you
could do things with them you couldn’t otherwise, I could go on.)
คุณก็ยังยัดผู้คนเหล่านี้เข้าไปในเพื่อนบ้านเลวๆทั้งหลายได้
พร้อมกับบ้านพักห่วยๆอีกด้วย, เพราะพวกเขาไม่สามารถและจะไม่บ่นร้องอะไร. พวกเขาจะไม่เรียกร้องอะไรที่กฎหมายบอกว่าต้องหาให้พวกเขา
เพราะหวาดกลัวว่ามันจะเปิดตัวตนของพวกเขาเองที่ปกปิดเอาไว้
และพวกเขาก็จะถูกจับกุมโดยตำรวจได้. ตำรวจก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดีมากอีก,
เพราะด้วยเหตุผลบางประการ และอื่นๆอีกมากมาย. (You also cram these people into
the worst neighborhoods with the lousiest housing again, because they cannot
and will not complain. They will not demand what is legally available to them
for fear that it will blow their cover and they will be hassled by the police.
The police don’t treat them very well again, for the same reasons and so on.)
ดังนั้น, ผมกำลังจะไม่ไปถึงที่จะเอ่ยถึงอะไรที่มันหมายความถึงเป้าหมายผู้คนเหล่านี้,
มากมายของผู้คนเหล่านี้ได้ใช้เวลาหลายปีที่จุดก้นล่างของปีรามิดงานอาชีพในสหรัฐอเมริกา.
อะไรที่มันหมายถึงอย่างชัดเจนก็คือ, โดยตามหลักจริยธรรมและศีลธรรมแล้ว, การที่จะหิ้วพวกเขาขึ้นมาจากถนน,
เอาพวกเขาใส่กุญแจมือ, ที่กำลังถูกกระทำอยู่ในตอนนี้ และโยนพวกเขาไปที่ในเม็กซิโก
หรือโคลัมเบีย หรือที่ใดก็ตามซึ่งคุณสามารถกำหนดให้มีได้. (So, I’m
not going to mention what it means to target these people, many of whom have
spent years at the bottom of the jobs pyramid in the United States. What it
means exactly, ethically or morally to pick them up off the street, put them in
shackles, which is being done now and dropping them in Mexico or Columbia or
wherever you, you can impose that.)
แล้วนี่มันเข้ากันได้ดีกับชนคริสเตียน, ยิว, มุสลิม
หรือระบศาสนาอื่นใดได้ ตามที่ผมรู้มาหรือ? ผมปล่อยไว้ทิ้งไว้ให้ความลี้ลับทั้งหลายแห่งความว่ามนุษย์นั้นเคร่งศาสนากันมากอย่างไรพิจารณากันเอาเอง,
เป็นพิเศษ, ก็แล้วกัน. แต่ผมจะไม่เพ่งจุดสนใจลงไปในเรื่องนั้น. (The,
how this squares with Christian, Jewish, Muslim or any other religious system I
know of, I leave to the mysteries of how human beings are religious, extraordinary.
But I’m not focus on that.)
นี่คืออุปสงค์และอุปทาน. คุณกำลังลดอุปทานของแรงงานลงไป/ลดจำนวนแรงงานในการทำงาน.
คุณกำลังทำอย่างชัดเจนในการเอาผู้คนซึ่งได้เสนอและได้ส่งมอบแรงงานประสิทธิภาพทั้งสมองและกล้ามเนื้อทั้งหลาย
8 ชั่วโมงต่อวัน หรือมากกว่านั้นให้ได้ทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา.
หลายล้านคนของพวกเขากำลังถูกลากออกไปจากตลาดแรงงาน. ดังนั้น, อุปทาน/เสบียงในด้านแรงงานกำลังถูกตัดหั่น.
คุณไม่ได้แค่กำจัดคน 10 ล้านคนออกไป. มันกำลังจะทำให้เกิดผลกระทบปรากฏออกมา. (Here’s the supply and demand.
You are reducing the supply of labor. You’re literally taking people who had
offered and delivered labor effort brains and muscles 8 hours a day or more
across the Unites States. Millions of them are being withdrawn from the labor
market. So, the supply of workers is being cut. You don’t get rid of 10 million
people. It’s going to make an impact.)
ในอีกด้านหนึ่ง, คุณกำลังจัดเก็ยภาษีโดยตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าทั้งหลาย,
หมายถึงว่าสินค้าทั้งหลายที่ถูกผลิตนอกประเทศจะไม่ได้ถูกซื้อโดยคนอเมริกันทั้งหลายอีกต่อไป
เพราะว่าพวกนั้นกลายเป็นสิ่งราคาแพงมากขึ้น. มร. ทรัมป์ได้บอกว่า, ถึงเวลาในตอนนี้แล้ว,
เขาอาจจะด้วยเช่นกันจัดเก็บภาษีจากกำแพงภาษีสินค้านำเข้าถึง 25% ทั้งกับสินค้าของแคนาเดียนและเม็กซิโก. (On the other hand, you’re going to
impose tariffs, meaning that goods produced abroad will no longer be purchased
by Americans because they become more expensive. Mr. Trump has said, and by the
time these airs, he may well have imposed 25% tariffs on both Canadian and
Mexican goods.)
และอีกครั้ง, ผมจะว่านั่นคืออะไรที่เขาได้พูด. และ,
เขาได้สัญญาว่าจะทำนั่นมาก่อนหน้านี้แล้ว. ดังนั้น, การไม่สอดคล้อง เอ่อ
ละเมิดสนธิสัญญาทั้งหลายที่ได้ถูกลงนามแรกเริ่มโดย มร. คลินตันต่อ NAFTA
- ความตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ และแล้วก็ถูกแก้รื้อเขียนกันใหม่โดย
ทรัมป์ เองในการกดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกของเขา ด้วยชื่อใหม่. แต่มันโดยพื้นฐานคือตลาดร่วมระหว่างสหรัฐอเมริกา,
แคนาดา ทางด้านเหนือและเม็กซิโกทางด้านใต้. (And
again, I’ll that’s what he said. And, and he had promised to do that earlier.
So, the consistent uh that violates the treaties that were initially signed by
Mr. Clinton the NAFTA4 and
then rewritten resigned by Trump himself in his first presidency with a new
name. But it’s basically a common market between the United States, Canada, the
North, Mexico to the South.)
และแลบ้วมนัได้หมายความว่าสินค้าทั้งหลายสามารถเคลื่อนที่ไประหว่างพวกเขาโดยปราศจากการเสียภาษี,
ไม่มีภาษีได้ถูกประยุกต์ใช้แต่อย่างใดของสามประเทศ ต่อประเทศอื่นใดของกัน. เขากำลังล้มเลิกที่เขาไม่ได้มีการประชุมหารือร่วมกันให้ถกเถียงใดได้.
เขาไม่ได้มีการพบปะประชุมระหว่างผู้นำประเทศร่วมใดที่จะพูคุยกันก่อนเลย. มันเป็นการยกเลิกฝ่ายเดียว,
ที่เป็นความสุภาพที่สุดที่คุณสามารถทำได้แค่นี้. การละเมิดก็จะเป็นอีกประเด็นหนึ่ง,
ที่เป็นสนธิสัญญากับสองประเทศเพื่อนบ้าน. (And then it meant that goods could
move between them without tax, no tax being applied by any of the three
countries to any of the other. He’s abrogating that he’s not having a
conference to discuss it. He’s not having meetings with the leadership to talk.
It’s unilaterally abrogating, which is the politest you can put this. Violating
would be another term, this treaty with our two neighbors.)
มีการชุมนุมเคลื่อนไหวอย่างน่าสนใจ, ผมจะไม่กำลังไปพูดคุยเกี่ยวกับนั้น.
ผมกำลังที่จะสมมติเอาว่ามันไปผ่านในรูปหนึ่งยังอีกรูปอื่นอีก.สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลักใหญ่สำหรับทั้งสองประเทศเหล่านั้น.
ดังนั้นเอง, นี่คือการหวดอย่างแรงเข้าใส่พวกเขา เพราะว่าพวกเขากำลังมองเห็นอุปสงค์/ความต้องการสำหรับสินค้าของพวกเขาไปยังสหรัฐอเมริกาลดต่ำลง
เพราะว่าคนอเมริกันจำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นให้รัฐบาลของเขาเอง, ในกำแพงภาษีสินค้านำเข้า,
ภาษีศุลกากร, และนั่นทำให้มันราคาแพงมากขึ้นจากเหตุนั้น. (Interesting
move. I’m not going to talk about that. I’m going to assume it goes through in one
form or another. The United States is the major market for both of those
countries. Therefore, this is a big blow to them because they’re going to see
the demand for their exports to the United States drop because an American has
to pay his own government, the American government, the tariff, the tax, and
that makes it more expensive in the matter.)
ผมเพิ่งได้พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับรถไฟฟ้าจากจีนไปแล้ว.
ดังนั้น, มันกำลังจะทำร้ายพวกเขา. และ มร. ทรัมป์ไม่เคยได้ถกเถียงถึงความเจ็บปวดที่ได้ทำกับพวกเขาเลย,
ทำกับพวกเขาเหมือนกับว่าพวกเขาเลวร้าย. ผู้คนของพวกเขาและพูดว่า
มันได้จบสิ้นไปแล้ว เพราะว่าพวกเขายอมให้สารเฟนตานีล (เฟนทานิลเป็นโอปิออยด์สังเคราะห์ที่มีฤทธิ์แรงมากโดย ใช้เป็น ยา แก้ ปวดเป็นหลัก มีฤทธิ์แรงกว่าเฮโรอีน 30 ถึง 50 เท่าและแรงกว่ามอร์ฟีน 50 ถึง 100 เท่า [ 9 ]ประโยชน์ทางคลินิกหลักของ เฟนทานิล คือการจัดการความเจ็บปวดสำหรับผู้ป่วยมะเร็งและผู้ป่วยที่กำลังฟื้นตัวจากการผ่าตัดที่เจ็บปวด[ 10 ] [ 11 ]เฟนทานิลยังใช้เป็นยาสงบประสาท ด้วย) ที่จะมาผ่านประเทศของพวกเชาเข้ามาในสหรัฐอเมริกา.
สังเกตว่าคนที่เป็นใครกันผู้ที่ยินยอมให้พวกเขาเคลื่อนไหวเช่นนั้นได้,
ไม่ใช่ประเทศ, ซึ่งการเคลื่อนไหวนั้นได้ถูกกำกับ เพราะคนอเมริกันทั้งหลายนั้นต่างหากที่เป็นผู้ซื้อและบริโภคสิ่งนั้น
ที่ในระดับเป็นสถิติบันทึก. ต้องไม่มีเฟนตานิลนั่น, หืม, น่าวสนใจมาก. (I just went through with the
electric car from China. So, it’s going to hurt them. And Mr.
Trump never discusses the hurt done to them, deals with them as if they’re bad.
Their people and says there are all done because they allow fentanyl5 to
come through their countries into the United States. Notice the guy is the one who
allows them the movement, not the country, to which the movement is directed
because Americans buy and consume that stuff at a record level. No more pf
that. Hmm. Interesting.)
5 https://en.wikipedia.org/wiki/Fentanyl
ไม่, มร. ทรัมป์
บอก, มันยังเป็นการยอมรับของเขาด้วยเช่นกันที่จะย้ายฐานบริษัทอเมริกันกลับคืนฝั่งประเทศ,
ใช่มั้ย? เพราะมันแพงเกินไปที่จะนำสินค้าเข้ามาจาก แคนาดาหรือเม็กซิโก
ในความหวังว่ามันเป็นความหวังว่าผู้ผลิตนั้นจะกลับมายังสหรัฐ,
ทำมันขึ้นมาในประเทศเพราะว่าจะได้ไม่เจอกำแพงภาษีสินค้านำเข้า.
มันฟังดูใช้การได้. เอาละ. ผมกำลังที่จะถกเถียงอภิปรายถึงนั่นให้ชัดเชน และผมดีใจที่คุณกำลังยิ้ม
เพราะว่ามันจริงแล้วเป็นอะไรเด็กๆชัดเจนเลยที่ ผู้ผลิตในแคนาดาหรือเม็กซิโก
จะโง่เง่ากลับมาที่นี่กันเลยทันทีนี้, เพราะว่าเขาคงไม่รู้กันหรอกมั้งว่า มร.
ทรัมป์จะอยู่ไปได้อีกนานเท่าไหร่ในนโยบายนี้? เขาไม่รู้เลยว่ามันจะหายไปหรือไม่
เมื่อมร. ทรัมป์ได้หายตัวไปแล้ว? ดังนั้น,
และมันเป็นที่ราคาแพงมากด้วย. ดังนั้น,
เราก็ยังไม่ได้รู้ด้วยเช่านกันว่าบริษัทนั้นจะได้รับผลกระทบเช่นนี้จะทิ้งเม็กซิโกไป
และเคลื่อนที่ข้ามพรมแดนด้านใต้ของมันไปยังกัวเตมาลา หรือปรพะเทศอื่นๆอีกที่ไม่ได้โดนกำแพงภาษีสินค้านำเข้านี้.
(No. Mr. Trump says, it’s also he
admits to reshore American, right? Because of it’s too
expensive to bring the objects Canada or from Mexico in the hope it the hope is
that the producer will come back to the states, make it inside because there’s
no tariffs. It’s applicable. All right. I’m going to discuss the obvious and
I’m glad you’re smiling because it really is childishly obvious that a producer
in Canada or Mexico would be nuts to come here right away, because he doesn’t
know how long Mr. Trump will stay with this policy. He doesn’t know whether
it’ll disappear with when Mr. Trump disappears. So, and it’s very expensive. So,
we also don’t know whether the company affected like this will leave Mexico and
go across its southern border into Guatemala or another place which doesn’t
have it tariff.)
แต่แล้วทันไม่สามารถเสียการทำนั่นได้ เพราะมร. ทรัมป์ก็จะตามเอากำแพงภาษีสินค้านำเข้านี้ไปวางใส่กับสินค้าทั้งหลายของกัวเตมาลาด้วย.
ดังนั้น, เรามาสมมติกันไปได้เลยว่าบาง, บางการย้ายฐานกลับคืนมาฝั่งประเทศเราได้เกิดขึ้น.
ลางบริษัททั้งหลายที่ราคาขายสูงกว่าต้นทุนเพียงเล็กน้อยนั้นจะกลับเข้ามาที่สหรัฐอเมริกา
ผลิตสินค้าที่บ้านนี่,
นั่นคือเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นเป้าประสงค์ของเรื่องทั้งหมดนี้. (But then it can’t lose doing
that because Mr. Trump will put the tariffs on against Guatemalan goods. So,
let’s assume that some, some reshoring takes place. Some companies at the
margin will come in to the United States produce here at home the ostensible
goal and purpose of all of this.)
นั้นน่าจะหมายความถึงการเพิ่มขึ้นในอุสงค์ของแรงงาน
เพราะบรรดาบริษัททั้งหลายเหล่านี้ แทนที่จะจ้างแรงงานคนเม็กซิกันและคานาเดียนโดยการกลับมาประเทศ,
น่าที่จะต้องจ้างคนอเมริกันทั้งหลายแทน, ซึ่งก็คือเป้าหมายที่ชัดเจนในเรื่องนี้.
(That
would mean an increase in the demand for labor because those companies instead
of hiring Mexican and Canadian workers by coming back, would be hiring
American, which is the ostensible purpose.)
โอเค. อุปทานของแรงงานกำลังลดต่ำลงและอุสงค์ของแรงงานกำลังสูงขึ้น.
อะไรคือที่คาดว่าน่าจะทำด้วยการวิเคราะห์ถึงอุสงค์และอุปาทานเช่นนี้?
คำตอบคือ มันกำลังที่จะทำให้ยกค่าจ้างแรงงานสูงขึ้นอย่างมาก, ทำไมรึ?
เพราะว่าคุณไม่สามารถให้โกงราคาแรงงานคนอเมริกันโดยกำเนิด ตามวิธีที่คุณต่ำกว่าที่กำหนดไว้ได้.
ดังนั้น, ดังนั้น, คุณกำลังที่จะต้องจ่ายค่าจ้างทั้งหลาย, ที่คุณไม่เคยและต้องจ่าย.
ดังนั้น, ค่าจ้างทั้งหลายจะขึ้นไปสูงที่ในสหรัฐอเมริกา. (Okay.
The supply the labor is going down and the demand for labor is going up. What
is that supposed to do with demand and supply analysis? Answer it’s going to
raise wages a lot, why? Because you can’t rip off American born workers the way
you report. So, you’re going to have to pay wages, you never you’d have to. So,
wages will go up in the United States.)
เอาละ, เรามาว่ากันอีกสองก้าวขั้นและเราก็จะได้เสร็จกัน. ทำไมนายทุนทั้งหลายทั่วอเมริกาได้สนับสนุน
มร. ทรัมป์, ยินดีต้อนรับนั่น? ทำไมต้นทุนของแรงงานกำลังสูงขึ้นและกัดกินกำไรทั้งหลายด้วย?
(Well, let’s take two more steps
and we’re done. Why would capitalists across America who supported Mr. Trump,
welcome that? The cost of labor is going up and eating into their profits?)
(ดูเหมือนจะขัดแย้งกันในตัว..- พิธีกร) (Seems
like a contradiction…)
ลู,
แต่เราไม่ได้จบแค่นั้น. เพราะว่าเมื่อ มร. ทรัมป์ จัดเก็บภาษีแบบกำแพงภาษีสินค้านำเข้านั้นๆ,
หนึ่งในผลลัพธ์ที่ตำราทั้งหลายต่างเต็มไปด้วยเรื่องนี้, ได้เรียกว่าการตอบโต้.
ประเทศทั้งหลายอื่นๆสามารถที่จะตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าขึ้นมาใช้เหมือนเช่นที่เราทำ,
ซึ่งหมายความว่าบริษัททั้งหลายของอเมริกันผู้ส่งสินค้าออกกำลังที่จะมีปัญหาเดียวกัน.
พวกเขาไม่ได้กำลังที่จะมีตลาดในหนทางที่พวกเขาเคยมี เพราะว่าประเทศทั้งหลายได้ตอบโต้แก้เผ็ดบ้าง.
พวกเขานำเอากำแพงภาษีสินค้านำเข้าเอากัลป์สินค้าทั้งหลายจากอเมริกา,
และพวกเขาได้บอกว่า, ถ้าคุณนำเอากำแพงภาษีสินค้านำเข้านั้นมาใช้กับเรา,
เราก็จะตอบโต้. (Lou,
but we’re not done. Because when Mr. Trump imposes a tariff, one of that
results the textbooks are full of this, is called retaliation. Other countries
can put tariffs just like we can, which means American companies who export are
going to have the same problem. They’re not going to have a market the way they
used to because the countries retaliate. They put tariffs on goods from
America, and they’ve said, if you take a few tariffs us, we will retaliate.)
ดังนั้น, บริษัททั้งหลายที่จะมีค่าจ้างแรงงานสูงขึ้นในขณะที่พวกเขาไม่สามารถขายสินค้าในหนทางที่พวกเขาเคยทำได้.
นั่นคือการโดยต่อยด้วยหมดหนึ่ง-สองเข้าที่จมูก. ชนชั้นนายจ้าง, พวกเขาคือผู้ที่ให้งานกับเขา.
นั่นไม่ได้เป็นงานของเขาที่อยู่ในจิตใจทั้งหลายของพวกเขา. คุณจะจัดการรับมือกับมันอย่างไรในอะไรที่ผมได้อธิบายถึง? เอาละ, ไม่ใช่อะไรเพียงแค่นั้น, แต่ถ้าคุณนำเอากำแพงภาษีสินค้านำเข้ามาใช้และราคาสินค้าสูงขึ้น,
อะไรที่ครูสอนวรรณคดีทั้งหลายสอนก็คือ บริษัทที่ถูกปกป้องคุ้มครองทั้งหลาย,
ผู้ที่ชอบมัน, นั่นก็คือคุณนำเอากำแพงภาษีสินค้านำเข้ามาใช้
ดังนั้นคตู่แข่งแคนาเดียนของคุณไม่สามารถแข่งขันกับคุณได้อีกต่อไป,
และคู่แข่งเม็กซิกันของคุณก็ไม่สามารถ. อะไรที่คุณชักจูงคนอเมริกันอย่างมากด้วยราคา?
เพราะว่าถ้าผมขึ้นราคากับพวกเขา 10%, พวกเขาก็จะติดอยู่กับที่สินค้าแคนาเดียนทั้งหลายด้วย
25%ของกำแพงภาษีนั้น. ทุกคนกำลังจะต้องจ่ายผมเพิ่มอีก
10%มากขึ้น
เพราะว่าก็ยังดีกว่าทางเลือกอื่นที่จะสามารถทำได้. (So, the companies will have higher
wages to pay them while they can’t sell the way they used to. That’s a one-two
punch right in the nose of. The employer class, they’re the ones who gave him
the job. That’s not his job in their minds. How are you going to handle what I
just described? Well, what not only that, but if you put a tariff and the price
goes up, what the literature teaches is that the protected companies, the ones
who like it, that you put it tariffs so your Canadian competitor can’t compete
with your anymore, and your Mexican competitor can’t. What you induce the
Americans a great deal by prices? Because even if I raise them 10%, they stick
the Canadians with 25% tariffs. Everyone’s going to have to pay me my 10% more
because still better than the alternative can get.)
คุณก็รู้ว่าอะไรที่นั่นหมายถึง? คุณกำลังที่จะได้ภาวะเงินเฟ้อ.
มันเป็นไปได้ไหมว่าสิ่งอื่นทั้งหลายที่ผมไม่ได้มีเวลาพอ, แต่ผมจะทำให้ถ้าคุณต้องการ,
เราสามารถไปถึงนั่นได้ที่ว่าสิ่งทั้งหลายอื่นจะทำให้เป็นกลางกับสิ่งที่ผมเพิ่งได้พูดไป.
นั่นเป็นไปได้. นั่นคืออะไรที่ผมได้หมายความถึงในเรื่องวิธี ส่งบอลแบบเสี่ยงดวง
– Hail
Mary Pass. (You know what that means? You’re
going to get an inflation. Is it possible that other things which I don’t have time,
but I’m if you want to, we can go there that other things will neutralize what
I just said. That’s possible. That’s what I meant by a Hail Mary pass6.)
6 https://www.quora.com/What-is-the-meaning-of-He-threw-a-Hail-Mary-and-you-just-caught-it
อะไรที่เขากำลังทำเป็นที่ไร้สาระเชิงเศรษฐกิจอย่างยิ่ง. และเพราะเช่นนั้น,
บางทีการโต้แย้งกลับมาของเขา หรือใครบางคนผู้ที่ชาญฉลาดมากไปกว่าเขาอาจจะเป็นที่สามารถที่จะทำอย่างที่จะพูดกัน,
ใช่, แต่ถ้านี้, นี้และนี้บังเกิด, เอาละ, นั่นและนั่นก็เป็นไปได้.
มันมักจะเป็นไปได้เสมอ, แต่มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นตรรกะ/เป็นเหตุผลที่จะคาดหวัง,
และที่จะคาดหวังได้จากใครบางคนผู้ที่ไม่เคยเอ่ยถึงทั้งหลายใดเลยกับสิ่งทั้งหลายเหกล่านี้,
แม้กระทั่ง, ผมได้แสดงให้คุณเห็นแล้ว,
พวกนั้นเป็นอะไรที่ทำได้ง่ายเหมือนขนมพายแอปเปิ้ล. (What
he’s doing is ridiculous economically. And so, may be his rejoinder or someone
who’s smarter than him might be able to do is to say, yes, but if this, this
and this and this happen, well, that and that’s possible. It’s always possible,
but it’s not the logical thing to expect, and to expected from someone who
never mentions any of these things, even though, as I hope I’ve showed you,
they’re as simple as apple pie.)
ไม่มีความลี้ลับอะไรที่นี่. ไม่มีอะไรสลับซับซ้อนในวรรณกรรมภาษาเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้น
ที่เต็มไปทั้งหมดของเรื่องนี้สักคำเดียวของอะไรที่ผมได้เพิ่งพูดไปกับคุณ เป็นกำเนิดแรกต่อผม.
ไม่เลยทั้งสิ้น. (There is no mystery here. There’s nothing complicated in the
literature about those things is full of all of this not a word of what I just
said to you is original to me. Not at all.)
ดังนั้น, ทั้งหมดที่ผมสามารถบอกกับคุณได้ก็คือ,
ด้วยระดับของการโต้แย้งนี้, ที่พื้นฐานของอะไรที่ได้กำลังเสนอในที่นี้,
คุณกำลังมองเห็นปรากฏการณ์แปลกประหลาดตามความเป็นจริงที่ถูกคลี่เปิดกางออก. (So,
all I can tell you is, with this level of contradiction, at the basis of what
is being proposed here, you’re looking at a really strange phenomena unfolding.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น