เบอร์นีย์ แซนเดอร์ส – ระบอบคณาธิปไตย ไม่ได้เป็นปรากฏการณ์แค่คนรัสเซีย. มันได้ดำรงอยู่ที่นี่ในสหรัฐอเมริกา นี้แหละ.
Oligarchy1 is not just a
Russian phenomenon. It exists right here in the USA.
https://youtu.be/sP2uyVqSnNs?si=C7QDa40wtGtP8Lvp
คุณรู้มั้ย, มันแบบว่าตลกสิ้นดี เมื่อนักการเมืองทั้งหลาย, พวกสื่อได้พูดถึงรัสเซียและวลาดิมีร์ ปูติน, พวกเขามักจะใช้คำว่า “คณาธิปไตย.” พวกเขาพูดถึงว่าคณะบุคคลกลุ่มหนึ่งของรัสเซียได้มีอำนาจมหึมาอย่างไรภายใต้ปูติน. แต่ก็แปลกประหลาดเพียงพอ, คำศัพท์คณาธิปไตยนี้แทบจะไม่เคยถูกใช้อธิบายกับอะไรที่กำลังบังเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา หรือในความเป็นจริง, กับอะไรที่กำลังบังเกิดขึ้นทั่วโลก. (You know, it is a kind of funny when politicians, the media talk about Russia and Vladimir Putin, they often use the word “oligarchy.” They talk about how the oligarchs of Russia have enormous power under Putin. But strangely enough, the term oligarchy is very rarely used to describe what’s happening in the United States or in fact, what’s happening around the world.)
แต่ลองเดาดูว่าอะไร? คณาธิปไตย เป็นปรากฏการณ์ทั่วโลก และมันได้มีศูนย์บัญชาการอยู่ที่นี่เอง
ที่ในสหรัฐอเมริกา. (But guess what? Oligarchy is a global
phenomenon and it is headquartered right here in the United States.)
นี่คือข้อจริงของเรื่องนี้, และเราไม่พูดถึงกับมันให้มากๆ, แต่นี้คือความเป็นจริง,
เศรษฐีพันล้านผู้มั่งคั่งอย่างไม่น่าเชื่อจำนวนน้อยนิด
เป็นเจ้าของและควบคุมอย่างมากๆในเศรษฐกิจทั่วโลกนี้. ในยุคนี้. จบการถกเถียงได้เลย.
(The fact of the matter is,
and we don’t talk about it very much, but this is the reality, a small number of
incredibly wealthy billionaires own and control much of the global economy.
Period. End of discussion.)
และอย่างเพิ่มขึ้น, พวกเขาเป็นเจ้าของและควบคุมรัฐบาลของเรา
ผ่านการทุจริตในระบบการใช้เงินหาเสียงเลือกตั้ง. ตั้งแต่ปี 2020, ผู้คน 5
พันล้านทั่วทั้งโลกได้กลายเป็นยากจนลง, ขณะที่เศรษฐีพันล้านที่ร่ำรวยที่สุดของโลก
5 รายมีทรัพย์สมบัติของพวกเขามากขึ้นกว่าสองเท่าที่อัตรา 14 ล้านต่อชั่วโมง. (And
increasingly, they own and control our government through
a corrupt campaign finance system. Since 2020, 5 billion people all over the
world have become poorer, while the world’s five richest billionaires have more
than doubled their fortunes at rate 14 million per hour.)
และฟังเรื่องนี้: อีลอน มัสค์, ชายผู้มั่งคั่งที่สุดในโลก, ได้เพิ่มอีก 120
พันล้านดอลลาร์ในทรัพย์สมบัติของเขาแค่ตั้งแต่วันเลือกตั้งเป็นต้นมา.
เข้าใจนั้นไหม? 120 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่วันเลือกตั้งมา, ในขณะที่เจฟฟ์
เบซอส, ชายหมายเลขสอง, เขาเพียงแค่กลายมารวมขึ้นอีก 67
พันล้านดอลลาร์เท่านั้นในเดือนที่แล้ว. และมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก,
เขากลายมาเป็นรวยขึ้น 90 พันล้านดอลลาร์ในเพียงแค่ปีนี้. (And listen to
this: Elon Musk, the world wealthiest man, has added $120 billion to his
fortune just since Election Day. Got that? $120 billion since Election Day,
while Jeff Bezos, number, number two guy, he only became $67 billion richer in
the last month. And Mark Zuckerberg, he became $90 billion richer this year
alone.)
ในการพูดได้อีกอย่าง, ผู้คนบนส่วนยอดผู้ที่ได้ร่ำรวยอย่างเป็นปรากฏการณ์แล้ว
ได้กลายเป็นรวยยิ่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ. กว่าทศวรรษในอดีต, ผู้มั่งคั่งที่สุดเป็น
1% ของประชากรโลก มีความร่ำรวยเพิ่มขึ้นรวมกัน 42
ล้านล้านดอลลาร์กับความมั่งคั่งใหม่นี้, ในขณะที่ความมั่งคั่งของครึ่งล่างของสังคมไม่ได้ขยับตัวเลย.
(In the other words, the people on top who are already phenomenally rich
are becoming incredibly richer. Over the past decade, the wealthiest 1% of the
global population amassed $42 trillion on new wealth, while the wealth of the
bottom half of society barely budged.)
ในความเป็นจริงแล้ว,
ดังเช่นทุกวันนี้, ส่วนบนยอด 1%
เป็นเจ้าของความมั่งคั่งมากกว่า 95% ของผู้คนบนโลกนี้.
อย่างน่าเจ็บแค้นใจ, ผู้คนที่มั่งคั่งที่สุดในโลกกำลังหลบซ่อนขึ้นไปอีก 32
ล้านล้านดอลลาร์ ซุกไว้ที่สวรรค์นอกประเทศในการหนีภาษี เหมือนเช่น เคย์แมน
ไอส์แลนด์ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการจ่ายส่วนแบ่งอย่างเป็นธรรมในภาษีของรัฐบาลทั้งหลายทั่วไปทั้งโลก.
(In fact, as of today, the top 1% owns more wealth than 95% of the
people on this earth. Outrageously, the wealthiest people in the world are
stashing up to $32 trillion in offshore tax like Cayman Islands in order to
avoid paying their fair share of taxes the governments all over the world.)
ในการพูดได้อีกอย่างอื่น, รัฐบาลทั้งหลายไม่มีงบประมาณเพียงพอ,
และผู้คนเหล่านี้หลบหนีไปซุกไว้เป็นล้านล้านในสวรรค์ของเลี่ยงภาษีทั้งหลาย.
ในขณะเดียวกัน, ส่วนผู้ร่ำรวยและมีอำนาจมากก็ได้ใช้เงินจริงที่จะปกป้องความมั่งคั่งอันเหลือเชื่อของพวกเขา,
โดยการซื้อการเลือกตั้งทั้งหลายของเรา. (In the other words, governments
are underfunded, and these people, stash trillion in tax havens. Meanwhile, the
uber rich do spend money to protect their incredible wealth. They do it by
buying influence and, increasingly, by buying our elections.)
เศรษฐีพันล้านทั้งหลายในสหรัฐอเมริกาเป็น 0.0005%
ชองประชากร. นั่นไม่ใช่ผู้คนมากมาย. กระนั้นพวกเขาได้ลงบัญชีค่าใช้จ่ายเป็น 18% ของการบริจาคค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งแก่พรรคการเมืองของปี 2024. ผู้คนจำนวนน้อยนิดใช้จ่ายเงินก้อนโตเพื่อซื้อการเลือกตั้ง.
แค่ 150 ครอบครัวเศรษฐีพันล้านได้ใช้จ่ายเกือบ 2 พันล้านในการที่จะซื้อการเลือกตั้งทั้งหลายของเราที่เพิ่งผ่านมา.
(Billionaires in the United
States are .0005% of the population. That ain’t a lot of people. Yet they
accounted for 18% of 2024 electoral spending. Tiny number of people spending
huge amounts of money to buy elections. Just 150 billionaire families spent
nearly $2 billion to buy our recent elections.)
อีลอน มัสค์เพียงรายเดียวได้ใช้เงินอย่างน้อยที่สุด 277 ล้านดอลลาร์เพื่อหนุนหลังโดนัลด์
ทรัมป์. นั่นได้อย่างไร? ชายผู้หนึ่ง, 277 ล้านดอลลาร์. และเราได้เห็นผลลัพธ์ทั้งหลายของการลงทุนนั้น
ทำงานได้อย่างดีสวยหรูสำหรับเขาจริงๆ. ผู้รับเหมารายหลักด้านการป้องกันทั้งหลาย,
ได้ใช้เงินกว่า 38 ล้านดอลลาร์ในวงจรการเลือกตั้งนี้. (Elon Musk alone spent at least $277
million to back Donald Trump. How’s that? One guy, $277 million. And we saw the
results of that investment working pretty good for him. The major defense
contractors, spent over $38 million this election cycle.)
และคุณรู้อะไรไหม? พวกเขากำลังจะมีเงินงบประมาณทางทหาร
1 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยการใช้เงินสูญเปล่าและทุจริตในมัน. และคณะกรรมการกิจการสาธารระอเมริกาและอิสราเอล,
กลุ่มกองทุนของเศรษฐีพันล้าน, ได้ใช้จ่ายเงินกว่า 100 ล้านดอลลาร์เพื่อเอาชนะสมาชิกสภาคองเกรสที่ได้วิพากษ์ติเตียนต่อรัฐบาลขวาสุดโต่งของเนทันยาฮู,
ในอิสราเอล และสงครามอันสยดสยองที่พวกเขากำลังขับเคี่ยวกันอยู่ที่ในกาซ่า.
(And you know what? They’re going to have $1 trillion military budget
with enormous amounts of waste and fraud in it. And AIPAC2- [The
American Israel Public Affairs Committee], a billionaires-fund
super PAC, spent over $100 million to defeat members of
Congress who were critical of the extremist right-wing Netanyahu government, in Israel and the horrific war they are
waging in Gaza.)
2 https://en.wikipedia.org/wiki/AIPAC
เพื่อนๆทั้งหลายของผม, คุณไม่ต้องได้ปริญญาตรี PhD ในด้านรัฐศาสตร์
ที่จะเข้าใจนั่นได้ว่า, นี่ไม่ใช่ประชาธิปไตย. นี่ไม่ใช่หนึ่งคน, หนึ่งคะแนนเสียง.
นี่ไม่ใช่เราทั้งหมดมาร่วมกันที่จะตัดสินใจอนาคตของเรา. (My friends, you don’t have to be a
PhD in political science to understand that, this is not Democracy. This is not
one person, one vote. This is not all of us coming together to decide our
future.)
นี่เป็นระบอบคณาธิปไตย. (This is oligarchy3.)
*
การปกครองบนโครงสร้างอำนาจที่บิดเบี้ยว อำนาจกระจุกอยู่กลุ่มบุคคลส่วนน้อยอย่างชะงัด
บุคคลเหล่านี้อาจเป็นชนชั้นเจ้า ชนชั้นเศรษฐี ผู้มีการศึกษา
หรือผู้นำฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายทหาร
รัฐเช่นว่านี้มักถูกควบคุมโดยตระกูลมีชื่อเสียงไม่กี่ตระกูลซึ่งส่งผ่านอิทธิพลของตระกูลจากรุ่นสู่รุ่น
อย่างไรก็ตาม
การสืบทอดอำนาจในระบอบคณาธิปไตยอาจไม่จำเป็นต้องสืบทอดอำนาจผ่านทางสายเลือดเสมอไป
ในมุมมองของผม, ประเด็นในเรื่องระบอบคณาธิปไตยนี้ เป็นประเด็นสำคัญมากที่สุดที่กำลังเผชิญหน้าต่อประเทศของเราและโลก
เพราะว่ามันสัมผัสลงกับทุกสิ่งทุกอย่างอื่นๆ. มันแตะต้องลงไปบนการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ,
แตะต้องลงบนการดูแลสุขภาพ, แตะต้องกับ ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้แรงงานหรือไม่ซึ่งกำลังที่จะมีมาตรฐานการครองชีพต่ำลง,
แตะต้องกับไม่ว่าเราจะสามารถทำได้หรือไม่ ในการขจัดความยากจน. (In
my view, this issue of oligarchy is the most important issue facing our country
and world because it touches on everything else. It touches on climate change,
touches on healthcare, touches on whether or not working people are going to
have a decent standard of living, touches on whether or not we can eliminate
poverty.)
และอะไรที่เรากำลังที่จะทำในตอนนี้ได้กว่าหลายเดือนมาแล้ว,
เรากำลังที่จะทำอีกหลายโครงงานจำนวนมาก ในการสำรวจตรวจค้นว่าคณาธิปไตยทั่วโลกทำงานหน้าที่กันอย่างไร,
ว่าอำนาจที่คนร่ำรวยได้มีเหนือระบบเศรษฐกิจของเราและเหนือชีวิตการเมืองทั้งหมดในชีวิตเราได้อย่างไร.
(And what we are going to be doing now is over the coming months, we
are going to be doing a number of programs exploring how global oligarchy
functions, the power that very rich have over our economy and overall political
life.)
เรากำลังที่จะพูดถึงคุยถึงดินแดนหลบภาษี/ดินแดนภาษีต่ำทั้งหลาย
ที่พวกเขาใช้และหลบเลี่ยงกันอย่างไรในการไม่ต้องจ่ายภาษีทั้งหลายให้เป็นธรรม. และเราจะทำการพูดคุยเกี่ยวกับบทบาทชนิดใดที่คณะอำนาจทั้งหลายนี้ได้แสดงในการกลับมาบริหารประเทศของทรัมป์.
(We’re going to be talking about the tax havens4 they use and
how they avoid paying their fair share of taxes. And we will be talking about
the kind of role that the oligarchs play in the coming Trump administration.)
เรากำลังจะนำออกมาด้านหน้าของผู้คนบางรายที่ปราดเปรื่องจริงๆ ในประเทศนี้และทั่วโลก
ผู้ที่รู้เกี่ยวกับประเด็นนี้. ดังนั้น, มันเป็นเนื้อหาที่สำคัญ,
และผมหวังว่าคุณจะได้ติดตามไปด้วยกัน. ดูแลตนเองครับ สวัสดี. (We’re
going to bring forth some of the really smartest people in this country and
around the world who know about this issue. So, it’s important stuff, and I
hope you will follow along. Take care. Bye bye.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น