หน้าเว็บ

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

พระอาจารย์ชยสาโร – สัจจานุรักษ์

 พระอาจารย์ชยสาโร – สัจจานุรักษ์

          https://youtu.be/FGXhqO3jGI8?si=PLS1zgZ0rdHFwRgT




          นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อาระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

          นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อาระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อาระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

พุทธัง ธัมมัง สังฆัง อะนุตตะรัง ปัชชะยัง นะมะสามิ.

วันก่อน อาตมาอ่าน บทความเกี่ยวกับโครงงานใหม่ ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในอเมริกา มหาวิทยาลัยนี้ชื่อดีมาก คือ Wake Forest University. Wake ก็ตื่น ก็ forest เป็นป่า เป็นชื่อของวัดป่าได้. แต่โครงงานนี้มีชื่อว่า the honesty project น่า...น่าสนใจมาก ก็เป็นโครงงานเพื่อ...เพื่อค้นคว้าเรื่องความซื่อสัตย์ ตอนนี้ก็รับสมัครผู้ที่จะขอทุนทำวิทยานิพนธ์ เรื่องความซื่อสัตย์ น่าจะเป็นในแง่จริยศาสตร์ แง่จิตศาสตร์ อ่า ก็แล้วแต่ อาจารย์ที่เป็น เป็นศาสตราจารย์ ที่เป็น อ่า ผู้ก่อตั้ง ได้กล่าวว่าใน 10, 20 ปีที่ผ่านมาก็มีการค้นคว้าอยู่กับการโกหก มากพอควร แต่ก็ยังไม่ค่อยมีการค้นคว้าในเรื่องความซื่อสัตย์.

แล้วอาตมาก็... นึกถึงข้อพิจารณาของอาตมาเองในเรื่อง เรื่องความรู้สึก ที่แตกต่าง ในเมื่อเราเสนอหลักธรรมทางจริยศาสตร์...ทางจริยธรรม ในแง่ลบ ในแง่บวก ซึ่งคิดในเรื่องนี้มานานแล้ว ถึงเป็นเหตุที่เราเพิ่มคำแปล ในบทสมาทานศีล คือไม่เอาแค่ว่าเรา งดจากการฆ่าสัตว์ งดการลักขโมย เป็นต้น แล้วก็มีการกล่าวถึง อุดมการณ์ หลักการ สิ่งที่เราเชิดชู สิ่งที่เราตั้งเป็นเป้าหมายชีวิต ที่หวังว่าจะได้ด้วยการ...อ่า ด้วยการรักษาศีล แต่ละข้อ.

ซึ่งในเรื่องการเปลี่ยนพฤติกรรม นั้นก็มีทั้งด้านลบ ด้านบวกด้วย คือหลังๆนี้ก็จะมีการเน้นในเรื่อง positive thinking เรื่องการคิดทางบวก อะไรก็ทางบวก อาตมาไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะว่าในการคิดในทางบวก ต้องรู้จักกาลเทศะ แล้วคิดในทางบวกนี้ก็เหมาะสมในบาง...ในบางโอกาส ไม่เหมาะสมในบางโอกาส ในการคิดในแง่ลบ ก็เช่นเดียวกัน ยกตัวอย่าง ถ้าเรากำลังคิด กำลังพิจารณาเรื่องโครงงานใดโครงงานหนึ่ง ซึ่งจะต้องมีการลงทุน ถ้าเราคิดทางบวกมากเกินไป อาจจะนำไปสู่การ...การทำวงานที่ไม่ได้ผล เพราะกำลังเราไม่พอ หรือว่าเรามองข้ามปัญหาต่างๆ แล้วก็มองในทางบวกซะ อย่าไปคิดมาก เด่วมันก็ดีไปเอง การที่คิดทางบวกก็เลยกลายเป็นการประมาทได้ คือพยายามไม่คิด ไม่มอง ไม่พิจารณา อุปสรรคและข้อบกพร่องหรือจุดอ่อน ก็ถือว่าเรามีจิตบริสุทธิ์ เพราะเราหวังดี แล้วเอาความรู้สึกที่ดีของเราเป็นข้ออ้าง โดยหวังว่า พลังของความดีต้องชนะอุปสรรคทั้งปวง โดยปริยาย ซึ่งอาตมาว่า เป็นได้บ้าง.

ความเชื่อมั่น การมองในทางบวก ก็เป็นกำลัง แต่ถ้าหากเราไม่แก้ปัญหาไปด้วยแล้วก็จะเป็นปัญหามากขึ้น และในที่สุดจะทำให้เราผิดพลาดหรือเราล้มเหลวได้ ฉะนั้นในระหว่างเตรียมตัวเตรียมที่จะทำอะไรสักอย่าง ในการมองในแง่ลบ จะดีจะถือว่ารอบคอบ สิ่งที่อาจจะเป็นปัญหาต่อไป สิ่งเราต้องระมัดระวัง ทั้ง ๆที่คุยในเรื่องนี้ จิตใจจะไม่ค่อยเบิกบาน และอาจจะรู้สึกเสียกำลังใจ รู้สึกเริ่มท้อแท้ใจ ต้องอดทน เพราะจำเป็น แต่เมื่อเราตกลงแล้วว่าจะทำอะไรสักอย่าง มุ่งมั่นในการทำงานนี้ การที่เรามองในทางบวกแล้วก็ไม่ให้จิตใจ เบื่อหน่าย ท้อแท้กับอุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน. ทีนี้ในการคิดในทางบวกก็มี อ้า มีประโยชน์มากเหมือนกัน และสรุปแล้วว่าจะต้องให้...ให้พอดีกัน สมดุลกัน ระหว่างจิตทางบวกจิตทางลบ เพื่อจะให้คิดหรือจะเห็นตามความเป็นจริง.

ในเรื่องของจริยธรรมในการประพฤติก็เหมือนกัน ถ้าเรา อ่า ถ้าเรา...เน้นที่ ผลที่ต้องการ หรือมองทางบวกมากว่า ต้องการให้เป็นคนที่พูดดีพูดงาม พูดเป็นรประโยชน์ อ่า พูดอย่างสุภาพอ่อนน้อมและพูดในอุดมการณ์ต่างๆ ทีนี้การที่จะใช้เป็นเครื่องระลึกของสติ ในชีวิตประจำวัน จะยาก เพราะอุดมการณ์นี้มักจะเป็นเรื่องกว้างๆ เป็นภาพรวมมาก แต่ในรายละเอียดหรือในการตั้งสติให้ทันกิเลส หรือว่าให้เราสามารถทำและพูดในสิ่งที่เหมาะสม ในชีวิตประจำวัน ในการที่เรามีขอบเขตที่ชัดเจนว่า อันนี้ไม่ได้ อันนี้ไม่ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดๆ เพราะเรา...เราต้องยอมรับว่า เราทุกคนพร้อมที่จะเข้าข้างตัวเอง และสามารถ...ปั่น สามารถนวดสิ่งที่ไม่มีเหตุผล ให้กลายเป็นสิ่งที่มีเหตุผลได้ภายหลัง สามารถพิสูจน์กับตัวเอง โกหกตัวเอง ว่าสิ่งที่ทำจริงๆแล้วมันก็สอดคล้องกับภาพรวม บางทีต้องอนุโลมรายละเอียด ซึ่งอาจจะไม่สู้จะดี เพื่อจะเข้าถึงสิ่งที่เป็นเป้าหมาย ความคิดอย่างนี้เราจะเจอกันบ่อยๆ.

ในภาษาอังกฤษมีสำนวน มีสำนวนหนึ่งว่า the ends justify…the ends justify means. end แปลว่าเป้าหมาย means คือวิธีการ justify ก็คือทำให้...ทำให้ถูกต้อง พิสูจน์ว่าถูกต้อง หมายถึงว่า เมื่อเราดูการกระทำ การพูด จะดูเฉพาะการกระทำการพูดนั้นไม่ได้ จะต้องดูว่าผลที่เกิดขึ้น ถ้าผลดี งั้นก็เป็นการพิสูจน์ว่าสิ่งนั้นต้องดี เพราะได้ผลดี นี้มในเป็นข้ออ้างของคน ในหลายๆเรื่องที่ทำให้เกิดความเสียหาย ว่า...เพราะคนมั่นใจว่า สิ่งเค้าต้องการเป็นสิ่งที่ดี เพราะฉะนั้นวิธีการที่เค้าต้องทำเพื่อจะได้สิ่งที่ดีนั้น อาจจะไม่ดีบ้างก็ได้ ต้องยอม อ่า เพราะไม่ยังงั้นสิ่งที่ดีจะไม่เกิดขึ้นซะที เนี่ยะ คนทั่วโลกก็เอาความคิดแบบนี้เป็นข้ออ้าง ในการทำความไม่ดี และก็เป็นความไม่ดีจริง และเป็นความไม่ดีเพื่อความดีในที่สุด เพราะฉะนั้น จะว่าไม่ดี อ่า มันก็ไม่ถูก.

ทางพุทธธรรมเรา ไม่ยอมรับ ในความคิดอย่างนี้ เพราะความไม่ดีเป็นกรรม และการที่หวังว่าทำความไม่ดีบ้างเพื่อจะได้ความดีเป็นผล ความดีที่เป็นผลนั้นอาจจะเกิดขึ้นได้ แต่จะอยู่ได้ไม่นาน จะเปราะบาง เพราะความดีที่เกิด หรือว่าสิ่งที่ดีหรือสิ่งที่ต้องการ ที่เกิดจากการกระทำที่ไม่ดีนั้น เหมือนจะมีจุดพินาศฝังอยู่ในตัวของมันเอง ก็หมายถึงว่า จะอยู่ได้ไม่นาน เพราะผลกรรมที่เราทำในการแสวงหาสิ่งนั้น ย่อมปรากฏ ฉะนั้นคนที่ใช้ความรุนแรงเพื่อจะได้สิ่งที่เค้าถือว่าดี ในที่สุดก็มักจะแพ้ต่อความรุนแรง เพราะความรุนแรงก็กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนถือว่า เอ้อ ใช้ความรุนแรงก็ได้ผลนะ อันนี้ก็เป็นกรรมอย่างหนึ่ง.

ฉะนั้นทางพุทธธรรมของเรา เราจึงเน้นศีล 5 ข้อก่อน ใช่มั้ยว่า สิ่งเหล่านี้ตายตัวแน่นอน ไม่ว่าด้วยเหตุการณ์ใดๆก็ตาม ไม่ว่าเพื่อจุดประสงค์อะไรก็ตาม เราไม่ละเมิด ถ้าเอา...เอาเด็ดขาดอย่างนี้แล้ว ทำให้โอกาสที่จะโกหกตัวเอง โอกาสที่จะหลอกลวงตัวเอง โอกาสที่จะหาเหตุผลทีหลัง เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ทำ ก็ดีอยู่เหมือนกัน จะน้อยลงไปมาก ฉะนั้นพุทธองค์ในเรื่องการสื่อสาร พุทธองค์ก็ได้เน้นเรื่องการไม่โกหก แต่ถ้าด้าน...อีกด้านหนึ่ง ก็เรื่องสัจจะบารมี ต้องการจะเจริญด้วยสัจจะบารมี ด้วยการไม่โกหก.

ทีนี้ในชีวิตประจำวัน เราจะตั้งสติให้เป็นผู้มีสัจจะตลอดทั้งวัน เจริญด้วยสัจจะบารมีตลอดทั้งวัน ในภาคปฏิบัติมันยาก ไม่รู้จะทำยังไง เอ่อ ดังนั้นในภาคปฏิบัตินี่เราจะเน้นทางลบมากกว่า ว่า...ว่า เราจะไม่พูดสิ่งที่ไม่จริงเป็นอันขาด คือการที่ ใน เอ่อ ในบทความที่อ่านเรื่องโครงงาน อ่า ซื่อสัตย์ มีนักเขียนคนหนึ่งที่เขาเขียนบันทึก เป็นhonestly journalได้ทุกวัน เขาจะทบทวนว่า วันนี้ได้โกหกหรือไม่ได้โกหก มากน้อยแค่ไหน แล้วก็ อ่า แล้วก็รู้สึกว่า พอทำเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องสำคัญ มาเป็นกิจจะลักษณะอย่างนี้ ทำให้ง่ายขึ้น คือในการวิจัยก็พบว่า คนทั่วไป อันนี้หมายถึงชาวอเมริกันนะ ไม่ใช่คนไทย อาจจะน้อยกว่ามากกว่าก็ไม่รู้ แต่คนอเมริกันโดยทั่วไป ในการสนทนา 20 นาที 60%ของคน จะโกหก แล้วโกหกโดยเฉลี่ย 3 ครั้ง เอ่อ 60% โกหก 3 ครั้ง ภายใน 20 นาที แต่ที่น่าสังเกตก็คือ คนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับว่า ตัวเองโกหก ต้อง...คือต้องถ่ายวิดีโอ ให้เค้าดูวิดีโอเอาเอง เค้าจึงจะต้องยอมรับ เพราะไม่มีใคร ทุกคนก็ถือว่าการไม่โกหกก็ดี อ่า แต่ว่าอดโกหกไม่ได้ ก็เลยพยายามไม่รับรู้ก็มี หรือว่าแปล...แปลความหมายของสิ่งที่ทำที่พูด ให้เข้าข้างตัวเองก็มี.

ในการที่เราตั้งเป้าหมายชีวิตว่า ต้องการเป็นผู้มีสัจจะ ต้องการเป็นผู้ซื่อสัตย์ เอ๊ะ ก็ทำให้จิตใจรู้สึกเบิกบานทันทีนะ มันรู้สึกดี เอ้อ ใช่ ข้าพเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ มันรู้สึกดีนะ แต่ในภาคปฏิบัติเราก็ต้องเน้น ในเรื่องการ...การไม่โกหก ทีนี้การโกหก มีมากหลายประการ แล้วก็มีเหตุผลหลายประการ มีสาเหตุที่คนเราโกหก ก็เริ่มตั้งแต่เรื่องของกามตัณหา คืออยากได้ อยากได้อะไรสักอย่าง คือถ้ากามตัณหาเราจะเน้นที่วัตถุ และโดยเฉพาะเงิน และแต่เงิน...และแต่เงินเพราะอะไร? เงินคืออะไร? เงินก็คืออำนาจ คืออำนาจที่เราจะได้สิ่งที่อยากได้ เพราะฉะนั้นบางคน เอ่อ สมัครงานก็เขียนซีวีใช่มั้ย? บอกเพียงว่าจบจากมหาวิทยาลัยนั่นนี่อย่างนี้ก็มี ทั้งที่ไม่เคยจบ เรียน 1 ปีแล้วก็เลิกเรียน แต่ว่าเวลาสมัครงานเขียนว่าจบ อันนี้ก็ตัวอย่างง่ายๆที่ว่า อยากได้ตำแหน่ง อยากได้งาน แล้วก็แต่ง แต่งซีวี ให้ตัวเองดูให้ดีกว่าที่เป็นจริง ที่พบบ่อยที่สุดนะ พวกโกหกเรื่องภาษี การเลี่ยงภาษีกลายเป็นเรื่องธรรมดาซึ่งขน...จนกลายเป็นว่า ใครไม่เลี่ยงภาษี ไม่...ไม่โกงเรื่องภาษี ถือว่าไม่เก่งไม่ฉลาด จะเป็นภาษีที่ดิน ภาษี โอ๊ะ ทุกๆภาษีเลย.

ทีนี้เรื่องของ อ่า สาเหตุที่ทำให้การโกหก และการโกง มีมาก หรือว่าข้ออ้าง ข้องอ้างในที่...ที่จะมีน้ำหนักมาก ว่าทุกคนเค้าทำกัน เพราะฉะนั้นเราต้องทำ ถ้าคนไม่ทำ เราก็ไม่ทำ แต่เพราะทุกคนทำ เอราอาจจะปนกับ กลัวว่าคนอื่นจะหาว่าเราโง่ ถ้าเราไม่ทำ ก็กลายเป็นว่า คนไม่มีหลักการ ไม่มีสัจจะ อยู่ในใจ ใช่มั้ย? จะโกหก จะโกง ไม่ได้เอาว่าถูกหรือผิด เป็นตัวตัดสิน แต่เอาว่า คนอื่นเค้าทำหรือเปล่าเป็นหลัก กลัวจะเสียเปรียบคนอื่น ที่เค้าได้ กลัวว่าตัวจะไม่ได้เหมือนคนอื่นเค้า เพราะฉะนั้นการที่เราขาดความคิดทางบวกก็คือ มีความต้องการเป็นผู้มีสัจจะ ที่จะสร้างสัจจะบารมี ฉะนั้นก็ทำให้การพิจารณาในราก ถูกหรือผิด อาจจะน้อยลง และก็รับอิทธิพลจากสิ่งแวดล้อมและบุคคลรอบข้างมากขึ้น ฉะนั้น อยากได้ กลัวว่าถ้าพูดความจริงแล้วไม่ได้ อันนี้ก็เป็นสาเหตุที่โกหก จะเป็นมากเป็นน้อยก็อย่างว่า ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา.

คำว่าธรรมดานี้เรียกว่าเป็นคำน่าสนใจมาก เพราะว่าเป็นคำลึกซึ้งเหลือเกินนะ เรียกว่าเป็นธรรมดา ตามเหตุตามปัจจัย แต่ถ้าใช้ในสำนวนคนทั่วไป ก็หมายถึงว่า เป็นสิ่งที่ทุกคนทำ เพราะฉะนั้นก็ควรจะยอมรับ แต่สิ่งที่ทุกคนทำ มันไม่ใช่ว่าจะดีเสมอไป ฉะนั้นเราก็ต้องมีหลักในเรื่องความดีความชั่ว ที่ไม่ขึ้นอยู่กับค่านิยมของสังคม หรือคนรอบข้าง.

ทีนี้ นอกจากอยากได้ คือที่กลัวจะพลัดพราก ฉะนั้นถ้าพูดความจริง บางสิ่งบางอยู่ที่มีอยู่จะหายไป อาจจะน้อยไป ก็เลยต้องโกหก และในทางวัตถุ ในทางกามนั้นก็โกหกเพื่อจะได้สิ่งที่อยากได้ และหรือว่าเพื่อจะป้องกันไม่ให้พลัดพรากจากสิ่งที่ได้แล้ว ไม่อยากให้หายไป แต่การโกหก ในการพูดเท็จนี่จะ ส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องภวตัณหามากกว่า คือการที่จะปกป้อง หรือจะสร้างภาพลักษณ์ขึ้นมา รักษา...รักษาภาพลักษณ์เอาไว้ ถ้าพูดความจริงก็กลัวว่าเค้าจะไม่ชอบเรา เค้าจะรังเกียจ เค้าจะดูถูก เค้าจะหัวเราะเยาะ ต้องการให้เค้ามองเราอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วก็ต้องโกหกเพื่อจะรักษาความรู้สึกที่ดี เมื่อเค้าเคารพเรา เมื่อเค้ารักเรา เมื่อเค้าเอาเราเป็นตัวอย่างอะไรก็แล้วแต่ ต้องการภาพลักษณ์ ต้องการความรู้สึกจากคนอื่น เลยกลัวสิ่งนั้นจะหายไป.

หรืออยากดังอยากเด่น ในเรื่องการโกหกเพื่อดูเด่นกว่าคนอื่น นี้บางทีก็เริ่มต้น อ่า ด้วยการโกหกเล็กๆน้อยๆ แล้วก็อยู่ไปอยู่มา เลยถอนตัวออกจากการโกหกไม่ได้ แต่ผู้โกหกยิ่งใหญ่คนหนึ่งในสิบกว่าปีที่ผ่านมา ก็ผู้หยิงชาวอเมริกัน คนนี้น่าสนใจ เขาชื่อว่าเอลิซาเบธ โฮล์ม1 ไม่ทราบว่าใครเคยได้ยินชื่อบ้างมั้ย? เป็นนักธุรกิจ อายุ 20 กว่ามั้ง เค้าทำบริษัทที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีการแพทย์ คือทำวิธีตรวจเลือด โดยเอาเลือดแค่หยดสองหยด แล้วก็มีวิธีที่จะตรวจและได้ผลภายใน 30 นาที ก็เรียกว่าเป็นปฏิวัติในการแพทย์ ก็จะทำให้ค้าใช้จ่ายในการตรวจเลือดลด 100-200 เท่า แล้วก็ทำให้เร็ว แล้วก็ตรวจได้ทุกโรค แล้วผู้หญิงคนนี้น่าสนใจคือ เค้าไปฝึกให้เสียงเค้าต่ำลง

1https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%98_%E0%B9%82%E0%B8%AE%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%A1

พูดเสียงเหมือนผู้ชาย แล้วก็แต่งตัวเหมือนสตีฟฟ์ จ็อป สร้างภาพลักษณ์ เชื่อมั่นในตัวเอง แต่งตัวเท่ เสียงแบบ...ผู้ชาย ดูในYouTubeสิ ดูได้ อ่า ภายในไม่กี่ปีเนี่ยะ ก็ทำให้บริษัทนี่อยู่ใน...อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ มีราคาตั้ง 300 ล้านดอลลาร์ ต่อมาปรากฏว่า การตรวจของเขานี้ ไม่จริง เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งหมด แล้วคนฉลาด คนระดับนักธุรกิจชั้นผู้ใหญ่เนี่ยะ เป็นคนลงทุนพวกอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในสังคมนะ โดนหมดเลย ตอนนี้เค้าติดคุกแล้ว บริษัทที่มีราคา 300 ล้านตอนนี้ก็ศูนย์ ไม่...ไม่มีอีกแล้ว แต่เท่าที่ทราบตอนเบื้องต้นน่ะ เค้าเป็นคนopener แล้วก็มีความคิดว่า วิธีการของเขานี้ ดีมากๆ จึงต้องเชื่อ แล้วต้องให้คนลงทุนต้องเชื่อ พูดเก่งมาก พูดให้คนเชื่อตาม แล้ว...พอทำไปแล้ว เริ่มปรากฏว่า ไอ้วิธีการของเขาไม่ดีเหมือนที่คิด แล้วก็ต้องเอาเลือดหนึ่งหยดสองหยด เอาไปผสมกับสารเคมี แล้วก็ไปตรวจเหมือนกับตรวจธรรมดา แต่เค้ามี...มีวิธีอะไรที่คนก็ไม่รับรู้ ก็แต่ว่า ก็เป็นสิ่งที่ไม่ เอ่อ sustainable ไม่ยั่งยืน ในที่สุดคนก็ต้องค้นพบว่า วิธีการตรวจของเขานี้ ไม่ตรงกับที่ตรวจวิธีเดิม และมีความผิดพลาด.

          และสิ่งที่ ไอ้การหลอกคนนะ ก็ปรากฏว่า ไอ้คนที่อยู่ในกรรมการบริษัทนี้ ก็เป็นผู้มีชื่อเสียงในสังคมมาก และเป็นผู้ที่มีสติปัญญามาก กว่าควร...แล้วถามว่าทำไมคนฉลาดจึง...จึงหลงได้? ก็มีคำถามเพราะว่าทุกคนนะ ในสังคมไม่ว่าสังคมไหนก็ตาม จะมองซ้ายมองขวา ถ้าคนฉลาดมองซ้ายว่า คนนี้ฉลาดมาก คนขวาก็คนฉลาด ที่ว่าเค้าคงจะตรวจไปแล้ว เค้าคงจะรู้ดีแล้วว่า น่าไว้ใจ ทุกคนก็มองคนอื่นว่า เอ่อ เค้า...เค้าเก่งเค้าฉลาด ถ้าเค้า...ถ้าไม่ดีน่ะ คนดีก็คงไม่อยู่ในกรรมการ ทุกคนก็ดูคนอื่น แต่ไม่ได้ดูตัวเอง แล้วไม่ได้ระมัดระวัง ไม่รอบคอบ.

แล้วในเรื่องความงมงายเราก็พบว่าสิ่งที่ต้องระวังที่สุดน่ะ ก็ 1) คนหน้าตาดี 2 แต่งตัวดี 3) พูดคล่อง พูดด้วยความเชื่อมั่นสูง  สิ่งเหล่านี้ก็ควรจะเป็นไฟแดงนะ เพราะเราจะเชื่อใครก็ต้องรู้ว่า สิ่งเหล่านี้มีผลกับจิตใจ ทำให้ความระมัดระวังจะลดน้อยลง เพราะเราถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของคนเก่ง แต่จะเป็นหรือไม่เป็นนี่ ก็ไม่แน่ไม่นอน.

ฉะนั้นการโกหกนี้ เราก็มีเพื่อ อ่า เพื่อจะได้สิ่งที่อย่ากได้ อันนี้ของอลิซาเบธ โฮล์ม เริ่มต้นเค้าอาจจะมีอุดมการ เชื่อมั่นว่า เทคนิคของเขา เทคโนโลยีของเขาดีจริง ตอนหลัง...เพราะเขาโกหกไว้ก่อน เพื่อจะได้คนลงทุน ตอนหลังปรากฏว่าไม่ดีเหมือนที่คิด แล้วก็เลิกโกหกไม่ได้ ดังนั้นเรื่องของภาพพจน์ ภาพลักษณ์ ในสังคม ต้องรักษาไว้ แล้วไม่งั้นก็เป็นเรื่องของภาพลักษณ์ของเพื่อน และผู้ที่มีบุญคุณต่อเรา บางทีเราเองก็ไม่คิดจะโกหกกเพื่อตัวเอง แต่โกหกเพื่อคนอื่น เฉพาะในเมืองไทย ผู้มีบุญคุณ ไม่งั้นก็โกหกเพื่อองค์กร เพื่อบริษัท เพื่อสถาบัน.

ใน...ยุโรป ในอเมริกา  10-20 ที่ผ่านมาน่ะ ที่...ที่คนเบื่อหน่ายศาสนา มากที่สุด และก็เรื่องที่บาทหลวงเมื่อแม่ชีมี อ่า มี abuse มี อ่า ทารุณทางเพศกับ...อ่า กับเด็กจำนวนมาก แต่ที่คนรู้สึกว่า ทำใจไม่ได้แล้วก็ไปเลิกนับถือเลย ก็เพราะปรากฏว่าในเกือบทุกเรื่อง ทางผู้ใหญ่ในสถาบัน ทราบแต่ไม่จัดการ เพราะกลัวศาสนาจะเสียชื่อ ก็เลยบาทหลวงที่เคยเอากับเด็กคนหนึ่งในเมืองนี้ ย้ายไปอยู่ปีหนึ่งก็มีเรื้องซ้ำเดิม ก็ย้ายๆๆๆ อ่า บาทหลวงคนน่ะมีพฤติกรรมอย่างนี้ 20-30 ปีด้วย ผู้ใหญ่ทราบตลอด แต่เพราะบาทหลวงคนนี้มีชื่อเสียง เรียกว่าเพื่อปกป้องชื่อเสียงของวาติกัน ของสถาบัน ปิดบังอำพราง ในที่สุดแล้วความจริงออกมา แล้วความ...การเสียชื่อของศาสนาก็ยิ่งไปกันใหญ่ ฉะนั้นไอ้เรื่องการโกหกเพื่อป้องกัน ชื่อเสียง ในที่สุดแล้วมันจะเป็นแรงจะกลับมามีผลร้ายยิ่งกว่าถ้าเราเปิดเผยความจริงตั้งแต่ต้น.

ฉะนั้น การ...การโกหกเนี่ยะ เราต้องตั้งสติ แล้วก็เป็นเรื่องการฝึกสติที่ดีมาก เพราะเช่นนั้นว่า ในเจตนาที่จะโกหก อ่า เป็นอกุศลอยู่เสมอ ฉะนั้นการตั้งอธิษฐานหรือว่าตั้งสัจจะว่าจะไม่โกหก ไม่ว่าในเรื่องใดก็ตาม จะทำให้เรามีสติทันเจตนา อันเป็นอกุศล ซึ่งมีตั้งแต่กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา ส่วนเรื่อง อ่า เรื่องที่ทุกคนคงค้านหรือยังไม่ ยังไม่มั่นใจในเรื่องไอ้การโกหกเล็กๆน้อยๆ เพื่อรักษาน้ำใจ อ่า ซึ่งเรื่องนี้ยัง...อย่างว่าบางทีไอ้...เริ่มต้นด้วยการโกหกเล็กๆน้อยๆเพื่อรักษาน้ำใจ แต่มันกลายเป็นนิสัยที่จะไม่พูดความจริง แล้วมันจะค่อยๆขยายตัว จากสีขาวเป็นสีเทา สีเทากลายเป็นสีดำในที่สุด เพราะว่าเราชินกับการพูดในสิ่งที่เรารู้ว่าไม่เป็นจริง ในบาง...บางเหตุการณ์ อ่า เมื่อเรามีความเห็นว่า สมควร ไอ้ที่ว่าความเห็นว่าสมควร เราไว้ใจไม่ได้ เพราะบางทีเราคิดว่าเรากลัวเค้าจะเสียใจ แต่ที่จริงมันกลัวว่าเค้าจะไม่พอใจเราก็มี แล้วก็กลัวว่าเค้าจะไม่ชอบเราก็มี  คือไอ้กิเลสมันจะแทรกแซงเข้ามาได้ตลอด ทั้ง ๆที่เราบอกตัวเองว่า เป็นวายร้าย เป็นสิ่งที่เราต้องพูดเพื่อเค้าไม่เสียใจ.

ทีนี้การโกหกเพื่อเอาใจก็ไม่ยาก ทีนี้พูดความจริงแบบขวานผ่าซากก็ไม่ยากเหมือนกัน บางคนก็ชอบ แต่สิ่งที่นักภาวนาเราต้องการก็คือ ไม่โกหก แต่พูดอย่างไร? จึงจะไม่โกหก ในบาง...บางกรณีนี้อาจจะมีประเด็นเพิ่มว่า ไม่โกหกด้วย ไม่ให้เค้าเสียน้ำใจด้วย เราจะพูดอย่างไร? ก็กลายเป็นการพัฒนาปัญญานกาปั ในการสื่อสารอยู่ในตัว คือโกหกแบบ เอาเรื่องผ่านไปให้เค้าสบายใจ ง่ายมาก พูดความจริงให้เค้าเสียใจก็ง่าย ไม่มีการภาวนาไม่มีการขัดเกลา ไม่มีการพัฒนาจิตใจ แต่ว่าไม่โกหกด้วย ไม่ให้เค้าเสียใจด้วย หรือว่าให้เสียใจให้น้อยที่สุด อันนี้ก็เป็นเรื่องการปฏิบัติในชีวิตประจำวัน บางทีเรา...เราก็ไปบอกว่า ถ้าความจำความจริงเค้าจะทำใจไม่ได้ แต่เราแน่ใจหรือ? เรารู้ได้ยังไง? แล้วไม่ใช่การดูถูกเขารึ? แล้วเรื่องที่เราว่าเล็กน้อย ถ้าต่อมาเค้าทราบ ว่าเรื่องนี้เราโกหกเค้า ว่ากลัวเค้าจะเสียใจ สิ่งที่เค้าจะจำได้ว่า คนนี้จะโกหกเราได้เมื่อเขาเห็นสมควรจะโกหก ใช่มั้ย?

นี่มันต่างกันมาก ที่เราดูว่าบางทีไม่อาจจะไม่...บางสิ่งบางอย่างอาจจะไม่พูด แต่ว่าถ้าพูดเนี่ยะ ไม่เคยโกหก โอ้ ไว้ใจ สบายใจ ใช่มั้ย? ทีนี้การ...ไอ้ศีลข้อนี้นะ จะไม่โกหก ศีลข้ออื่นก็จะ...จะรักษาง่ายขึ้น แล้วก็มันจะมีความสัมพันธ์กัน เช่นศีลข้อที่ 3 นะ ถ้าศีลข้อที่ 3 นี่ถ้ารักษาศีลข้อที่ 4 เนี่ยะ ศีลข้อที่ 3 นี่มั่นคง เพราะ(การผิด)ศีลข้อที่ 3 นี้ต้องโกหกจึงจะได้ ต้องปิดบังอำพราง ถ้ารักษาศีลข้อที่ 4 แล้วจะช่วย ยังไงเราก็ไม่โกหก .

ฉะนั้น ในวัฒนธรรมไทยเรานี้แล้ว เราก็ยังมีความละเอียดอ่อนในเรื่องนี้ ซึ่งข้อที่ อ่า อังกฤษอเมริกาไม่มี นั้นก็คือการยิ้ม แหละก็คือถ้าหากว่าใครถามอะไรที่เราไม่สะดวกจะตอบ เราก็ยิ้ม เราก็รู้กันว่า อ้อ ถามสิ่งที่เค้าไม่พร้อมจะตอบ จบ จบง่าย จบได้ในหลายเรื่อง อยากจะรักษานี้ไว้ เราก็ยิ้มไว้แล้วว่า ไม่สะดวกพูด วิธีออกนะถ้าคนถาม และคนส่วนใหญ่นั้นมีสมาธิสั้นมากนะ เวลาเค้าถามอะไร เราไม่สะดวกจะตอบ ถ้าไม่ยิ้มนะ ย้อนถาม อ่า เค้าถามเราก็ย้อนถาม เค้าก็ลืมไปเลยเพราะสมาธิเค้าสั้นเหลือเกิน ก็ที่จริงเค้าก็ไม่ต้องการคำตอบ เค้าก็พูดอยู่อย่างนั้นละนะ พูดตามธรรมเนียม ฉะนั้นก็ขอให้...ให้ ในช่วงนี้ไอ้เรื่องการพูดพิง พูดโกหกนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่มาก ใหญ่ขึ้นทุกวัน  ไอ้เรื่อง fake news กับการที่...

ก่อนหน้านี้นะ ถ้าใครโกหกถ้าเป็นผู้นำประเทศ จะเป็นนักการเมืองชั้นผู้ใหญ่ ถ้าโกหกแล้วเค้าพิสูจน์ว่าโกหก ก็เป็นว่า ต้องลาออก เรียกว่าเป็นเรื่องใหญ่ นี่แต่ทุกวันนี้ ไม่เลย เพราะว่า ในยุคประชาธิปไตยเสื่อมทั่วโลก มันก็กลายเป็นว่า คนก็รู้ว่า ถ้าโกหกแล้ว แล้วก็ไม่ยอมรับว่าโกหก แต่เราสามารถทำให้พวกเราเชื่อเราได้ ก็อยู่ได้ ก็ไม่ต้องพูดความจริงก็ได้ เพียงแต่ว่าเรารักษาพรรคพวกของเรา ให้จงรักภักดี มันก็อยู่ได้ ฉะนั้นตอนนี้ไม่มีใครกลัวการโกหก แล้วก็กล่าวว่าอีกฝ่ายหนึ่งต่างหากที่โกหก เพราะฉะนั้นความ...แม้แต่คำว่าความจริงคืออะไร ในปัจจุบันนี้ก็กลายเป็น กลายเป็นปริศนาที่คนตอบไม่ค่อยจะได้ ดังนั้นกลายว่า โอ้ะ ใครจะไปรู้ความจริง ไม่มีใครรู้หรอก ว่าใครจริง ฝ่ายนี้ก็บอกว่า ฝ่ายนี้ก็ว่า เราจะเชื่อใครกลายเป็นว่า เชื่อฝ่ายตัวเอง เชื่อพรรคพวกตัวเอง.

เพราะฉะนั้นไอ้ทุกวันนี้ การใช้เหตุผลบนฐานแห่งความจริงที่เป็นจุดรวมของสังคม ทุกวันนี้ชักจะหายไป โดยเฉพาะในอเมริกา อังกฤษ เห็นได้ชัดเลย ฉะนั้นไอ้การที่เรากลับมาเน้นที่ สัจจะ และเน้นที่ ศีลข้อที่ 4 เนี่ยะ รู้สึกว่าจะเป็นเรื่องที่ สำคัญมาก แล้วก็ไม่ควรจะมองข้าม ว่า โอ้ ถ้าอยู่ในวัดน่ะ จะได้อยู่หรอก ถ้าอยู่ในโลกที่เป็นจริง มันเป็นไปไม่ได้  อันนี้ไม่จริงนะ คือไอ้คนที่ไม่โกหก แล้วก็อยู่ได้ เอาตัวรอดได้ เจริญงอกงามได้ ก็มี มีพอเป็นตัวอย่างบ้าง แต่มันไม่ใช่อุดมการณ์จนเกินไป เพราะทุกคนก็ต้องการเพื่อน ต้องการคู่ครอง ต้องการผู้ทำงานด้วยกัน ต้องการลูกค้า ต้องการเจ้านายที่ ซื่อสัตย์ ใช่มั้ย? เพราะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ มีความไว้วางใจกันที่ไหน ก็มีความเจริญตรงนั้น.

เอาละ วันนี้ก็คงพอสมควรแก่เวลา.

สาธุ สาธุ สาธุ

https://youtu.be/FGXhqO3jGI8?si=NcXHIcxvROG-zDU8

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น