มันได้ถูกกล่าวไว้ว่า
ดยุค ลีโต มืดบอดตนเองต่อภัยอันตรายทั้งหลายของ อาร์ราคิส,
ว่าเขาได้เดินอย่างไม่ใส่ใจเข้าไปในหลุม.
จะไม่ใช่เป็นมากกว่าหรือที่จะชี้แนะว่าเขาได้มีชีวิตยาวนานเหลือเกินในการปรากฏของอันตรายสุดยิ่งที่เขาได้เข้าใจผิดต่อการเปลี่ยนแปลงในของมันหรือ?
หรือว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เขาเสียสละสักการะตนเองเพื่อบุตรชายของเขาอาจจะได้พบชีวิตที่ดีกว่า?
หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ว่า ท่านดยุค เป็นชายที่ไม่ง่ายต่อการถูกหลอกลวง.
---จาก “มวด’ดิบ:
คำวิจารณ์ทั้งหลายของครอบครัว” โดย เจ้าหญิง อีร์อูลาน
ดยุค
ลีโต อะไทรดิส เอนร่างพิงราวกำแพงอิฐของหอคอยควบคุมลานบินนอก อาร์ราคีน.
ดวงจันทร์แรกของราตรี, เหรียญเงินกลมแบนอันหนึ่ง, แขวนลอยดีอยู่เหนือเส้นขอบฟ้าทิศใต้.
ใต้มัน, หน้าผาหยักเป็นฟันซี่แหลมของ กำแพงโล่ ส่องแสงวาวดุจเคลือบไว้ด้วยน้ำแข็งส่องทะลุหมอกฝุ่นมา.
ทางซ้ายมือของเขา, แสงไฟของ อาร์ราคีน เรืองรองอยู่ในหมอก---เหลือง...ขาว...ฟ้า.
เขาคิดถึงหน่วยสังเกตการณ์ที่ตั้งอยู่ในตอนนี้เหนือขึ้นไปตราสัญลักษณ์ของเขาปรากฏอยู่ทั่วสถานที่ที่เต็มมไปด้วยผู้คนของดาวเคราะห์นี้: จักรพรรดิ ปาดิชาห์ ผู้สูงส่ง
ได้แต่งตั้งข้าให้มาครอบครองดาวเคราะห์นี้และยุติการขัดแย้ง.
พิธีกรรมทางการของมันสัมผัสเขาด้วยความรู้สึกของความโดดเดี่ยว.
ใครกันที่ถูกทำให้โง่เขลาโดยความเคร่งครัดกฎหมายบัดซบนั้นล่ะหรือ? ไม่ใช่พวกฟรีเมน,
อย่างแน่ชัด. หรือ ราชสำนักรอง ผู้ควบคุมการค้าภายในของ
อาร์ราคิส.....และเป็นพวกสัตว์ฮาร์คอนเนส์ทั้งหลายที่เกือบเป็นคน.
พวกมันได้พยายามที่จะเอาชีวิตบุตรชายของข้า!
ความโกรธนั้นยากที่จะเก็บกดเอาไว้.
เขาเห็นแสงไฟของยานที่กำลังเคลื่อนที่ตรงมายังสนามลานบินจาก
อาร์ราคีน. เขาหวังว่ามันเป็นยามรักษาการณ์และกองทหารขนส่งที่นำ พอล มาหา. การล่าช้านี้น่ารำคาญถึงแม้ว่าเขาจะรู้ถึงการที่มันถูกโผล่ขึ้นมาจากการเตือนภัยในส่วนของกองร้อยของ
ฮาวัท.
ดีกว่าที่จะเลื่อนช้าออกไปด้วยการระวังภัย...
ร้อยโทนั่นเป็นมือดีคนนึ่ง,
เขาเตือนตนเอง. ชายที่ถูกนับไว้ในการเลื่อนตำแหน่ง, จงรักภักดีครบถ้วน.
“จักรพรรดิ ปาดิชาห์ ผู้สูงส่ง ของเรา...”
ถ้าผู้คนของนครกองรักษาการณ์อันเสื่อมทรามลงก็คงสามารถมองเห็นได้จากบันทึกส่วนตัวของจักรพรรดิที่มายัง
“ท่านดยุคผู้สูงศักดิ์”---การพาดพิงอย่างหมิ่นแคลนยังผู้คลุมหน้าชายและหญิง
“...แต่อะไรอื่นอีกคือใครต้องคาดหวังว่าพวกป่าเถื่อนนั้นที่มีฝันหาญกล้าของพวกตน ของการที่ได้อยู่นอกของกฏระเบียบรักษาปลอดภัยของชนชั้นวรรณะ(faufreluches)?”
https://dune.fandom.com/wiki/Faufreluches
ดยุค
รู้สึกในชั่วขณะนี้ถึงความฝันที่รักสุดของเขาคือการจบสิ้นและไม่ต้องคำนึงถึงอีกต่อไปในกฏระเบียบมรณะนั้น.
เขามองขึ้นไปและพ้นเลยจากฝุ่นยังดวงดาวที่ไม่กระพริบเหล่านั้น, คิดว่า: ในรายรอบหนึ่งในแสงน้อยๆเป็นวงเหล่านั้นคือ คาลาดาน.....แต่ข้าจะไม่มีวันได้เห็นบ้านของข้าอีก.
ความโหยหาถึง คาลาดาน เป็นความปวดร้าวขึ้นมาฉับพลันในทรวงอกของเขา. เขารู้สึว่ามันไม่ได้มาจากข้างในตัวของเขาเอง,
แต่มันเอื้อมลงมาหาเขาจาก คาลาดาน.
เขาไม่อาจนำตนเองให้เรียกแผ่นดินแห้งแล้งรกร้างของ อาร์ราคิส
นี้ว่าเป็นบ้านของเขาได้, และเขาก็สงสัยว่าเขาจะได้ทำเช่นนั้นหรือไม่.
“ปอดของข้าลิ้มรสอากาศของ เวลา
พัดพาอดีตไปในผืนทราย.....”
เอาละ,
เกอร์นีย์น่าจะพบน้ำตกทรายเต็มไปหมดในที่นี่, ดยุค คิด. ตอนกลางของที่รกร้างโพ้นเลยออกไปจากหน้าผาแสงจันทร์เยือกแข็งนั้นคือทะเลทราย---ก้อนหินไร้พืช,
นูนทราย, และฝุ่นพัดปลิว, ที่รกร้างอันแปลกตาแห้งแล้งที่มีนี่และมีนั่นอยู่ตามริมขอบของมันและบางทีกระจัดกระจายผ่านทะลุมันไป,
คือกลุ่มทั้งหลายของ ฟรีเมน. ถ้าอะไรก็ตามที่ซื้ออนาคตของสายตระกูล อะไทรดิส
ได้, พวกฟรีเมนนี้อาจะเป็นมัน.
การจัดหาให้ของพวกฮาร์คอนเนนส์ไม่ได้จัดการให้มีอิทธิพลต่อแม้กระทั่งพวกฟรีเมน,
ด้วยเพราะแผนการดั่งยาพิษของพวกมัน”
พวกมันได้พยายามที่จะเอาชีวิตบุตรชายของข้า!
เสียงรองเท้าโลหะข่วนเขี่ยสั่นสะเทือนผ่านทะลุหอคอยมา,
เขย่าราวกำแพงอยู่ใต้แขนของเขาที่จับมัน. บานเกล็ดกันระเบิดหย่อนลงตรงหน้าของเขา,
ปิดกั้นทัศนียภาพนั้น.
ยานกระสวยกำลังเข้ามา,
เขาคิด. ถึงเวลาที่ต้องลงไปข้างล่างและเริ่มทำงานต่อแล้ว.
เขาหันไปยังบันไดที่ด้านหลังของเขา, เขามุ่งหน้าลงไปยังห้องประชุมใหญ่,
พยายามที่จะยังคงนิ่งสงบเช่นตนที่เขาลงบันไดมา,
จัดเตรียมใบหน้าสำหรับรับการเผชิญหน้าที่กำลังมาถึง.
พวกมันได้พยายามที่จะเอาชีวิตบุตรชายของข้า!
พวกทหารเข้ามาคุคั่งกันแล้วจากลานสนามบินเมื่อเขาไปถึงห้องโดมสีเหลือง.
พวกเขาแบกถุงอวกาศพาดอยู่ที่ไหล่,
ตะโกนและเอะอะโวยวายเหมือนเด็กนักเรียนทั้งหลายที่กลับมาจากเที่ยววันหยุด.
“เฮ้! รู้สึกนั่นใต้พวกหมาของแกมั๊ย? นั่นแรงโน้มถ่วง,
พวก!” “มี G มากแค่ไหนที่ที่นี่ดึงเอาไว้อ่ะ?
รุ้สึกหนักแท้.”...”เก้าต่อสิบของ G ตามตำราอ่ะ.”
คำพูดระดมยิงกัน้ขามไปทั่วห้องใหญ่โตนั้น.
“แกได้มองดีๆเห็น
รูนี้ตอนกำลังมาไหม? ที่ไหนล่ะของจะให้ปล้นได้ในที่นี้ควรจะมี?”
“พวกฮาร์คอนเนนส์เอามันไปเหมิ่ดแหล่ว!”
“ข้าขอแค่น้ำฝักบัวร้อนๆกับเตียงนุ่มๆ!” “นายไม่ได้ยินรอกรึ,
ไอ้โ.? ไม่มีน้ำให้อาบหรอกเว้ยที่ข้างล่างนี่. นายถูตูดของนายด้วยทรายอ่ะแหละ! “เฮ้! ยังงั้นแหละ! ท่านดยุค!”
ดยุคก้าวออกจากบันไดเข้าไปในห้องที่เงียบลงในทันทีนั้น.
เกอร์นีย์
ฮัลเล็ค ก้าวยาวๆตามแถวขึ้นมาที่ด้านหน้า, ถุงพาดอยู่ที่ไหล่ข้างหนึ่ง,
คอของพิณบาลิเส็ทเก้าสายถูกกุมแน่นอยู่ในมืออีกข้างของเขา.
เป็นมือที่มีนิ้วยาวและหัวแม่มือใหญ่,
เคลื่อนไหวทั้งหลายได้อย่างละเอียดที่ดึงเอาดนตรีอันประณีตสะเทือนอารมณ์นั้นออกมาจากพิณบาลิเส็ท.
ดยุค
มองดู ฮัลเล็ค, อย่างชื่นชมยกย่องในร่างทึ่มอัปลักษณ์ของชายผู้นี้,
สังเกตได้ถึงดวงตาเศษแก้วคู่นั้นที่มีประกายวาวของสติปัญญาอันดุดัน.
นี่คือชายผู้ที่มีชีวิตอยู่นอกชนชั้นวรรณะในขณะที่ยังเชื่อฟังทุกกฏเกณฑ์ของพวกมัน.
พอล เรียกเขาว่าอะไรนะ?
“เกอร์นีย์,
ผู้องอาจ.”
ผมสีบลอนด์มัดเล็กๆของ
ฮัลเล็ค ลากข้ามไปตามจุดรกร้างบนศีรษะของเขา.
ปากอันว้างของเขาถูกบิดเบี้ยวไปสู่ยิ้มเย้ยเยาะอันพึงใจ,
และแผลเป็นของแส้เถาอิงค์ไวน์*พาดผ่านแนวกรามของเขาดูจะขยับเขยื้อนได้เหมือนมีชีวิตของมันเอง.
บรรยากาศทั้งปวงของเขาคือความไม่เป็นทางการ, ไหล่ตั้งเข้ารูปของสมรรถนะ.
เขาขึ้นมายังดยุคและค้อมคำนับ.
https://dune.fandom.com/wiki/Inkvine
“เกอร์นีย์,”
ลีโต พูด.
“ใต้เท้า,”
เขาชี้ด้วยพิณบาลิเส็ทไปยังทหารเหล่านั้นในห้อง. “นี่คือหน่วยสุดท้ายของพวกเขา. ข้าเองก็ต้องการให้พวกนี้ได้เข้ามาในคลื่นแรก,
แต่.....”
“ยังคงเหลือพวกฮาร์คอนเนนส์ให้เจ้าอยู่,”
ดยุค บอก. “เดินออกมากับข้า, เกอร์นีย์, ไปหาที่ที่เราต้องคุยกัน.”
“ตามบัญชาท่าน,
ใต้เท้า.”
พวกเขาเคลื่อนไปยังเวิ้งเล็กๆด้านข้างตู้น้ำหยอดเหรียญขณะที่พวกทหารกระสับกระส่ายกันอยู่ในห้องใหญ่.
ฮัลเล็ค ทิ้งถุงของเขาลงที่มุมหนึ่ง, ยังกุมพิณบาลิเส็ทไว้.
“มากกี่คนที่ท่านสามารถให้กับ
ฮาวัต ได้?” ดยุค ถาม.
“ธูเฟอร์
เดือดร้อนอยู่รึ, ขอรับ?”
“เขาสูญเสียไปแค่เจ้าหน้าที่สองราย,
แต่คนให้แนวที่ยอดเยี่ยมเรากับที่พวกฮาร์คอนเนนส์จัดวางเอาไว้ที่นี่.
ถ้าเราเคลื่อนเร็วเราอาจจะได้มาตรการของความปลอดภัย, ระยะหายใจที่ได้เราต้องการ.
เขาต้องการคนมากเท่าที่ท่านจะสามารถแบ่งให้ได้---คนที่จะไม่หยุดยั้งให้กับงานมีดเล็กๆ.”
“ข้าสามารถให้เขาได้ด้วยสามร้อยคนที่ดีที่สุดของข้า,”
ฮัลเล็ค พูด. “ให้ข้าส่งไปให้เขาได้ที่ไหน?”
“ที่ด่านประตูหลัก.
ฮาวัต ได้ให้เจ้าหน้าที่รอรับพวกเขาอยู่.”
ให้ข้าจัดการมันทันทีเลยไหม,
ขอรับ?”
“ในสักครู่นี้.
เรามีปัญหาอีกอย่าง. ผู้บัญชาการสนามบินจะรั้งยานกระสวยนั้นไว้ที่นี่จนกว่าจะรุ่งเช้าเพื่อการทดสอบเบื้องต้น.
พวก กิลด์ ไฮไลเนอร์ ที่นำเรามากำลังทำธุรกิจของมันกันอยู่ต่อไป,
และยานกระสวยคาดว่าจะทำการติดต่อกับยานขนส่งสินค้าที่กำลังขนบรรทุกเครื่องเทศขึ้นอยู่.”
“เครื่องเทศของเรา,
ใต้เท้า?”
“เครื่องเทศของเรา.
แต่ยานกระสวยก็จะยังบรรทุกบางส่วนของนักล่าเครื่องเทศจากรัฐบาลเก่าด้วย.
พวกนั้นเลือกจะที่จากไปพร้อมกับการเปลี่ยนเจ้าศักดินาและ ตุลาการของถ่ายโอนได้อนุญาตมันแล้ว.
นี่เป็นพวกคนงานที่ทีค่า, เกอร์นีย์, ราวแปดร้อยคนของพวกเขา. ก่อนที่ยานกระสวยออกไป,
ท่านต้องชักจูงบางคนของพวกเขาให้สมัครรับเกณฑ์กับเรา.”
“ชักจูงอย่างแรงได้ขนาดไหน,
ขอรับ?”
“ฉันต้องการความเต็มใจที่จะร่วมมือของพวกเขา,
เกอร์นีย์. คนพวกนั้นมีประสบการณ์และทักษะที่เราจำเป็นต้องการ.
ความจริงที่ว่าพวกเขากำลังจากไปนั้นชี้แนะว่าพวกเขาไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเครื่องจักรพวกฮาร์คอนเนนส์.
ฮาวัต เชื่อว่ายังมีบางคนร้ายที่ปลูกฝังอยู่ในกลุ่มนั้น,
แต่เขาก็มองเห็นมือสังหารอยู่ทุกเงามืด.”
“ธูเฟอร์
ได้เจอกับเงาที่ก่อผลอย่างมากมาตลอดเวลาของเขา, ใต้เท้า.”
“และมีบ้างที่เขาไม่ได้เจอ.
แต่ฉันคิดว่าผู้ถูกปลูกฝังแฝงนิ่งอยู่ในฝูงคนที่กำลังออกไปน่าจะแสดงถึงอะไรที่จินตนาการมากไปของพวกฮาร์คอนเนนส์.”
“เป็นไปได้,
ขอรับ. คนพวกนี้อยู่ที่ไหนหรือ?”
“อยู่ที่ที่ชั้นล่างนี้,
ในห้องพักคอย. ฉันแนะนำให้ท่านลงไปและเล่นบรรเลงสักหนึ่งหรือสองเพลงกล่อมจิตใจพวกนั้นให้อ่อนลง,
แล้วค่อยเปิดการกดดัน.
ท่านอาจจะเสนอตำแหน่งที่มีอำนาจแก่ใครในพวกนั้นที่มีผ่านการคัดเลือก.
เสนอยี่สิบเปอร์เซนต์สูงกว่าค่าจ้างที่พวกเขาเคยได้รับภายใต้พวกฮาร์คอนเนนส์.”
“ไม่มากไปกว่านั้นหรือ,
ขอรับ? ข้ารู้มาว่าพวกฮาร์คอนเนนส์จ่ายไม่ดี. และกับคนที่มีเงินยุติงานตุนอยู่ในกระเป๋าพวกเขาและกิเลสที่อยากออกไปตระเวณติดอยู่กับพวกเขา...เอ้อ,
ขอรับ, ยี่สิบเปอร์เซนต์น่าจะยากที่จะดูเหมาะกับการจูงใจให้อยู่ต่อ.”
ลีโต พูดอย่างหงุดหงิด:
“งั้นก็ใช้ดุลพินิจของท่านเองในกรณีพิเศษเฉพาะ.
แค่จำเอาไว้ว่าท้องพระคลังนั้นใช่ว่าไม่มีวันหมดสิ้น.
ยึดเอายี่สิบเปอร์เซ็นต์ไว้เมื่อใดก็ตามที่ท่านสามารถทำได้.
เราจำเป็นต้องการคนขับยานเครื่องเทศเป็นพิเศษ, คนสแกนสภาพอากาศ,
คนงานนูนทราย---ใครก็ตามที่มีประสบการณ์การเปิดทราย.”
“ข้าเข้าใจแล้ว,
ขอรับ. ‘พวกเขาทั้งหมดจะมาเพื่อหาความโหด: ใบหน้าของเขาจะเชิดยกกระดกกลืนลมตะวันออก,
และพวกเขาจะรวบรวมเอาไว้ด้วยความหลงใหลของทราย.’ ”
“คำคมที่เร้าใจมาก,”
ดยุค พูด. “เปลี่ยนคนของท่านนั้นให้เป็นนายร้อย. ให้เขาได้รับน้ำเล็กน้อยตามกฏวินัย,
แล้วก็ให้พวกนั้นนอนตอนกลางคืนในค่ายทหารติดกับสนาม.
เจ้าหน้าที่สนามจะกำกับพวกเขาเอง.
และอย่าลืมกำลังคนสำหรับ ฮาวัท.”
“สามร้อยจากมือดีที่สุด,
ขอรับ.” เขาหยิบถุงอวกาศของเขาขึ้นมา.
“ข้าจะรายงานต่อท่านได้ที่ไหนเมื่อข้าเสร็จสิ้นบทเพลงของข้าแล้ว?”
“ข้าจะยึดเอาห้องประชุมกรรมการชั้นบนของที่นี่.
เราจะระชุมคณะทำงานกันที่นั่น.
ข้าต้องการปรับเปลี่ยนระเบียบการเคลื่อนกระจายกำลังกันใหม่ด้วยยานหุ้มเกราะออกไปเป็นอันดับแรก.”
ฮัลเล็ค
หยุดลงในอาการ ที่กำลังหันจากไป, สบสายตาของ ลีโต. “ท่านกำลังคาดหวังจะเจอชนิดนั่นของเรื่องเดือดร้อนหรือ,
ขอรับ? ข้าคิดว่า ตุลาการของการถ่ายโอน เสียอีก.”
“การยุทธที่เปิดเผยและลับ,”
ดยุค พูด. “จะมีเลือดไหลหลั่งเต็มทั่วที่นี่ก่อนที่เราจะผ่านไปได้.”
“และน้ำที่สูเจ้าตักขึ้นมาจากแม่น้ำจะกลายเป็นเลือดนองเหนือแผ่นดินเหือดแหงนี้,”
ฮัลเล็ค ยกสุภาษิต.
ดยุค
ถอนหายใจ. “รีบกลับมา, เกอร์นีย์.”
“ดีมากขอรับ,
ใต้เท้า.” รอยแผลเป็นจากแซ่ย่นยับเป็นคลื่นตามรอยยิ้มของเขา. “ ‘จงนิ่ง, ดุจล่าเถื่อนในทะเลทราย, ส่วนข้านั้นจะเดินหน้าไปทำงาน.’ ” เขาหันไป, ก้าวย่างไปยังศูนย์กลางของห้อง, หยุดลงเพื่อถ่ายทอดคำสั่งทั้งหลายของเขา,
อย่างเร่งรีบผ่านไปยังคนเหล่านั้น.
ลีโต
สั่นศีรษะของเขาและถอยกลับออกไป. ฮัลเล็ค
นี้เป็นความน่าทึ่งใจอย่างต่อเนื่องตลอด---หัวที่เต็มไปด้วยบทเพลง, สุภาษิต, และวลีดอกไม้...และหัวใจของมือสังหารเมื่อมันมาถึงตอนที่ต้องจัดการกับพวกฮาร์คอนเนนส์.
ในทันทีนั้น,
ลีโต ทำตนผ่อนคลายลงในการเดินทแยงข้ามไปยังลิฟท์นั้น,
รับทราบการทำความเคารพด้วยการโบกมือไม่เป็นทางการ.
เขาจำทหารเสนารักษ์เผยแพร่ข่าวผู้หนึ่งได้,
หยุดลงเพื่อให้ข่าวแก่เขาที่จะได้แพร่ออกไปในหมู่ทหารในช่องทางทั้งหลาย:
พวกที่ได้นำผู้หญิงของตนมาคงอยากจะต้องการรู้ว่าผู้หญิงของตนนั้นปลอดภัยและจะไปพบได้ที่ไหน.
คนอื่นๆคงอยากจะรู้ว่าประชากรที่นี่ปรากฏอวดโอ่ออกมาว่ามีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย.
ดยุค
ตบแขนของเจ้าหน้าที่เผยแพร่นั้น, สัญญาณที่บ่งบอกว่าข่าวสารนี้จัดเป็นลำดับแรกบนสุดที่จะถูกกระจายออกไปในทันที,
แล้วเดิมข้ามห้องต่อไป. เขาพยักหน้าให้กับทหารเหล่านั้น, ยิ้ม,
แลกเปลี่ยนมุกล้อเล่นกันผู้ใต้บังคับบัญชา.
การบัญชาต้องดูน่าเชื่อมั่นเสมอ,
เขาคิด. ศรัทธาทั้งหมดนั้นนั่งขี่อยู่บนบ่าของเจ้าขณะที่เจ้าตกอยู่ในที่นั่งวิกฤติและไม่เคยแสดงมันออกมา.
เขาถอนหายใจออกมาผ่อนคลายใจเมื่อลิฟท์นั้นกลืนเขาเข้าไปและเขาสามารถหันมาเผชิญหากับประตูส่วนตัวทั้งหลายนั้น.
พวกมันได้พยายามจะเอาชีวิตบุตรชายของข้า!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น