หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต - ดูน พิภพทราย (9)

 

มันได้ถูกกล่าวไว้ว่า ดยุค ลีโต มืดบอดตนเองต่อภัยอันตรายทั้งหลายของ อาร์ราคิส, ว่าเขาได้เดินอย่างไม่ใส่ใจเข้าไปในหลุม. จะไม่ใช่เป็นมากกว่าหรือที่จะชี้แนะว่าเขาได้มีชีวิตยาวนานเหลือเกินในการปรากฏของอันตรายสุดยิ่งที่เขาได้เข้าใจผิดต่อการเปลี่ยนแปลงในของมันหรือ? หรือว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เขาเสียสละสักการะตนเองเพื่อบุตรชายของเขาอาจจะได้พบชีวิตที่ดีกว่า? หลักฐานทั้งหมดบ่งชี้ว่า ท่านดยุค เป็นชายที่ไม่ง่ายต่อการถูกหลอกลวง.

         ---จาก “มวดดิบ: คำวิจารณ์ทั้งหลายของครอบครัว” โดย เจ้าหญิง อีร์อูลาน

 

                  ดยุค ลีโต อะไทรดิส เอนร่างพิงราวกำแพงอิฐของหอคอยควบคุมลานบินนอก อาร์ราคีน. ดวงจันทร์แรกของราตรี, เหรียญเงินกลมแบนอันหนึ่ง, แขวนลอยดีอยู่เหนือเส้นขอบฟ้าทิศใต้. ใต้มัน, หน้าผาหยักเป็นฟันซี่แหลมของ กำแพงโล่ ส่องแสงวาวดุจเคลือบไว้ด้วยน้ำแข็งส่องทะลุหมอกฝุ่นมา. ทางซ้ายมือของเขา, แสงไฟของ อาร์ราคีน เรืองรองอยู่ในหมอก---เหลือง...ขาว...ฟ้า.

         เขาคิดถึงหน่วยสังเกตการณ์ที่ตั้งอยู่ในตอนนี้เหนือขึ้นไปตราสัญลักษณ์ของเขาปรากฏอยู่ทั่วสถานที่ที่เต็มมไปด้วยผู้คนของดาวเคราะห์นี้: จักรพรรดิ ปาดิชาห์ ผู้สูงส่ง ได้แต่งตั้งข้าให้มาครอบครองดาวเคราะห์นี้และยุติการขัดแย้ง.

         พิธีกรรมทางการของมันสัมผัสเขาด้วยความรู้สึกของความโดดเดี่ยว. ใครกันที่ถูกทำให้โง่เขลาโดยความเคร่งครัดกฎหมายบัดซบนั้นล่ะหรือ? ไม่ใช่พวกฟรีเมน, อย่างแน่ชัด. หรือ ราชสำนักรอง ผู้ควบคุมการค้าภายในของ อาร์ราคิส.....และเป็นพวกสัตว์ฮาร์คอนเนส์ทั้งหลายที่เกือบเป็นคน.

          พวกมันได้พยายามที่จะเอาชีวิตบุตรชายของข้า!

          ความโกรธนั้นยากที่จะเก็บกดเอาไว้.

         เขาเห็นแสงไฟของยานที่กำลังเคลื่อนที่ตรงมายังสนามลานบินจาก อาร์ราคีน. เขาหวังว่ามันเป็นยามรักษาการณ์และกองทหารขนส่งที่นำ พอล มาหา. การล่าช้านี้น่ารำคาญถึงแม้ว่าเขาจะรู้ถึงการที่มันถูกโผล่ขึ้นมาจากการเตือนภัยในส่วนของกองร้อยของ ฮาวัท.

         ดีกว่าที่จะเลื่อนช้าออกไปด้วยการระวังภัย...

         ร้อยโทนั่นเป็นมือดีคนนึ่ง, เขาเตือนตนเอง. ชายที่ถูกนับไว้ในการเลื่อนตำแหน่ง, จงรักภักดีครบถ้วน.

         “จักรพรรดิ ปาดิชาห์ ผู้สูงส่ง ของเรา...”

         ถ้าผู้คนของนครกองรักษาการณ์อันเสื่อมทรามลงก็คงสามารถมองเห็นได้จากบันทึกส่วนตัวของจักรพรรดิที่มายัง “ท่านดยุคผู้สูงศักดิ์”---การพาดพิงอย่างหมิ่นแคลนยังผู้คลุมหน้าชายและหญิง “...แต่อะไรอื่นอีกคือใครต้องคาดหวังว่าพวกป่าเถื่อนนั้นที่มีฝันหาญกล้าของพวกตน ของการที่ได้อยู่นอกของกฏระเบียบรักษาปลอดภัยของชนชั้นวรรณะ(faufreluches)?”

 https://dune.fandom.com/wiki/Faufreluches

         ดยุค รู้สึกในชั่วขณะนี้ถึงความฝันที่รักสุดของเขาคือการจบสิ้นและไม่ต้องคำนึงถึงอีกต่อไปในกฏระเบียบมรณะนั้น. เขามองขึ้นไปและพ้นเลยจากฝุ่นยังดวงดาวที่ไม่กระพริบเหล่านั้น, คิดว่า: ในรายรอบหนึ่งในแสงน้อยๆเป็นวงเหล่านั้นคือ คาลาดาน.....แต่ข้าจะไม่มีวันได้เห็นบ้านของข้าอีก. ความโหยหาถึง คาลาดาน เป็นความปวดร้าวขึ้นมาฉับพลันในทรวงอกของเขา. เขารู้สึว่ามันไม่ได้มาจากข้างในตัวของเขาเอง, แต่มันเอื้อมลงมาหาเขาจาก คาลาดาน. เขาไม่อาจนำตนเองให้เรียกแผ่นดินแห้งแล้งรกร้างของ อาร์ราคิส นี้ว่าเป็นบ้านของเขาได้, และเขาก็สงสัยว่าเขาจะได้ทำเช่นนั้นหรือไม่.

         “ปอดของข้าลิ้มรสอากาศของ เวลา

          พัดพาอดีตไปในผืนทราย.....”

         เอาละ, เกอร์นีย์น่าจะพบน้ำตกทรายเต็มไปหมดในที่นี่, ดยุค คิด. ตอนกลางของที่รกร้างโพ้นเลยออกไปจากหน้าผาแสงจันทร์เยือกแข็งนั้นคือทะเลทราย---ก้อนหินไร้พืช, นูนทราย, และฝุ่นพัดปลิว, ที่รกร้างอันแปลกตาแห้งแล้งที่มีนี่และมีนั่นอยู่ตามริมขอบของมันและบางทีกระจัดกระจายผ่านทะลุมันไป, คือกลุ่มทั้งหลายของ ฟรีเมน. ถ้าอะไรก็ตามที่ซื้ออนาคตของสายตระกูล อะไทรดิส ได้, พวกฟรีเมนนี้อาจะเป็นมัน.

         การจัดหาให้ของพวกฮาร์คอนเนนส์ไม่ได้จัดการให้มีอิทธิพลต่อแม้กระทั่งพวกฟรีเมน, ด้วยเพราะแผนการดั่งยาพิษของพวกมัน

         พวกมันได้พยายามที่จะเอาชีวิตบุตรชายของข้า!

         เสียงรองเท้าโลหะข่วนเขี่ยสั่นสะเทือนผ่านทะลุหอคอยมา, เขย่าราวกำแพงอยู่ใต้แขนของเขาที่จับมัน. บานเกล็ดกันระเบิดหย่อนลงตรงหน้าของเขา, ปิดกั้นทัศนียภาพนั้น.

         ยานกระสวยกำลังเข้ามา, เขาคิด. ถึงเวลาที่ต้องลงไปข้างล่างและเริ่มทำงานต่อแล้ว. เขาหันไปยังบันไดที่ด้านหลังของเขา, เขามุ่งหน้าลงไปยังห้องประชุมใหญ่, พยายามที่จะยังคงนิ่งสงบเช่นตนที่เขาลงบันไดมา, จัดเตรียมใบหน้าสำหรับรับการเผชิญหน้าที่กำลังมาถึง.

         พวกมันได้พยายามที่จะเอาชีวิตบุตรชายของข้า!

         พวกทหารเข้ามาคุคั่งกันแล้วจากลานสนามบินเมื่อเขาไปถึงห้องโดมสีเหลือง. พวกเขาแบกถุงอวกาศพาดอยู่ที่ไหล่, ตะโกนและเอะอะโวยวายเหมือนเด็กนักเรียนทั้งหลายที่กลับมาจากเที่ยววันหยุด.

         “เฮ้! รู้สึกนั่นใต้พวกหมาของแกมั๊ย? นั่นแรงโน้มถ่วง, พวก!” “มี G มากแค่ไหนที่ที่นี่ดึงเอาไว้อ่ะ? รุ้สึกหนักแท้.”...”เก้าต่อสิบของ G ตามตำราอ่ะ.”

         คำพูดระดมยิงกัน้ขามไปทั่วห้องใหญ่โตนั้น.

         “แกได้มองดีๆเห็น รูนี้ตอนกำลังมาไหม? ที่ไหนล่ะของจะให้ปล้นได้ในที่นี้ควรจะมี?” “พวกฮาร์คอนเนนส์เอามันไปเหมิ่ดแหล่ว!” “ข้าขอแค่น้ำฝักบัวร้อนๆกับเตียงนุ่มๆ!” “นายไม่ได้ยินรอกรึ, ไอ้โ.? ไม่มีน้ำให้อาบหรอกเว้ยที่ข้างล่างนี่. นายถูตูดของนายด้วยทรายอ่ะแหละ! “เฮ้! ยังงั้นแหละ! ท่านดยุค!

         ดยุคก้าวออกจากบันไดเข้าไปในห้องที่เงียบลงในทันทีนั้น.

         เกอร์นีย์ ฮัลเล็ค ก้าวยาวๆตามแถวขึ้นมาที่ด้านหน้า, ถุงพาดอยู่ที่ไหล่ข้างหนึ่ง, คอของพิณบาลิเส็ทเก้าสายถูกกุมแน่นอยู่ในมืออีกข้างของเขา. เป็นมือที่มีนิ้วยาวและหัวแม่มือใหญ่, เคลื่อนไหวทั้งหลายได้อย่างละเอียดที่ดึงเอาดนตรีอันประณีตสะเทือนอารมณ์นั้นออกมาจากพิณบาลิเส็ท.

         ดยุค มองดู ฮัลเล็ค, อย่างชื่นชมยกย่องในร่างทึ่มอัปลักษณ์ของชายผู้นี้, สังเกตได้ถึงดวงตาเศษแก้วคู่นั้นที่มีประกายวาวของสติปัญญาอันดุดัน. นี่คือชายผู้ที่มีชีวิตอยู่นอกชนชั้นวรรณะในขณะที่ยังเชื่อฟังทุกกฏเกณฑ์ของพวกมัน. พอล เรียกเขาว่าอะไรนะ?

         เกอร์นีย์, ผู้องอาจ.

         ผมสีบลอนด์มัดเล็กๆของ ฮัลเล็ค ลากข้ามไปตามจุดรกร้างบนศีรษะของเขา. ปากอันว้างของเขาถูกบิดเบี้ยวไปสู่ยิ้มเย้ยเยาะอันพึงใจ, และแผลเป็นของแส้เถาอิงค์ไวน์*พาดผ่านแนวกรามของเขาดูจะขยับเขยื้อนได้เหมือนมีชีวิตของมันเอง. บรรยากาศทั้งปวงของเขาคือความไม่เป็นทางการ, ไหล่ตั้งเข้ารูปของสมรรถนะ. เขาขึ้นมายังดยุคและค้อมคำนับ.

https://dune.fandom.com/wiki/Inkvine

         “เกอร์นีย์,” ลีโต พูด.

         “ใต้เท้า,” เขาชี้ด้วยพิณบาลิเส็ทไปยังทหารเหล่านั้นในห้อง. “นี่คือหน่วยสุดท้ายของพวกเขา. ข้าเองก็ต้องการให้พวกนี้ได้เข้ามาในคลื่นแรก, แต่.....”

         “ยังคงเหลือพวกฮาร์คอนเนนส์ให้เจ้าอยู่,” ดยุค บอก. “เดินออกมากับข้า, เกอร์นีย์, ไปหาที่ที่เราต้องคุยกัน.”

         “ตามบัญชาท่าน, ใต้เท้า.”

         พวกเขาเคลื่อนไปยังเวิ้งเล็กๆด้านข้างตู้น้ำหยอดเหรียญขณะที่พวกทหารกระสับกระส่ายกันอยู่ในห้องใหญ่. ฮัลเล็ค ทิ้งถุงของเขาลงที่มุมหนึ่ง, ยังกุมพิณบาลิเส็ทไว้.

         “มากกี่คนที่ท่านสามารถให้กับ ฮาวัต ได้?” ดยุค ถาม.

         “ธูเฟอร์ เดือดร้อนอยู่รึ, ขอรับ?”

         “เขาสูญเสียไปแค่เจ้าหน้าที่สองราย, แต่คนให้แนวที่ยอดเยี่ยมเรากับที่พวกฮาร์คอนเนนส์จัดวางเอาไว้ที่นี่. ถ้าเราเคลื่อนเร็วเราอาจจะได้มาตรการของความปลอดภัย, ระยะหายใจที่ได้เราต้องการ. เขาต้องการคนมากเท่าที่ท่านจะสามารถแบ่งให้ได้---คนที่จะไม่หยุดยั้งให้กับงานมีดเล็กๆ.”

         “ข้าสามารถให้เขาได้ด้วยสามร้อยคนที่ดีที่สุดของข้า,” ฮัลเล็ค พูด. “ให้ข้าส่งไปให้เขาได้ที่ไหน?”

         “ที่ด่านประตูหลัก. ฮาวัต ได้ให้เจ้าหน้าที่รอรับพวกเขาอยู่.”

         ให้ข้าจัดการมันทันทีเลยไหม, ขอรับ?”

         “ในสักครู่นี้. เรามีปัญหาอีกอย่าง. ผู้บัญชาการสนามบินจะรั้งยานกระสวยนั้นไว้ที่นี่จนกว่าจะรุ่งเช้าเพื่อการทดสอบเบื้องต้น. พวก กิลด์ ไฮไลเนอร์ ที่นำเรามากำลังทำธุรกิจของมันกันอยู่ต่อไป, และยานกระสวยคาดว่าจะทำการติดต่อกับยานขนส่งสินค้าที่กำลังขนบรรทุกเครื่องเทศขึ้นอยู่.”

         “เครื่องเทศของเรา, ใต้เท้า?”

         “เครื่องเทศของเรา. แต่ยานกระสวยก็จะยังบรรทุกบางส่วนของนักล่าเครื่องเทศจากรัฐบาลเก่าด้วย. พวกนั้นเลือกจะที่จากไปพร้อมกับการเปลี่ยนเจ้าศักดินาและ ตุลาการของถ่ายโอนได้อนุญาตมันแล้ว. นี่เป็นพวกคนงานที่ทีค่า, เกอร์นีย์, ราวแปดร้อยคนของพวกเขา. ก่อนที่ยานกระสวยออกไป, ท่านต้องชักจูงบางคนของพวกเขาให้สมัครรับเกณฑ์กับเรา.”

         “ชักจูงอย่างแรงได้ขนาดไหน, ขอรับ?”

         “ฉันต้องการความเต็มใจที่จะร่วมมือของพวกเขา, เกอร์นีย์. คนพวกนั้นมีประสบการณ์และทักษะที่เราจำเป็นต้องการ. ความจริงที่ว่าพวกเขากำลังจากไปนั้นชี้แนะว่าพวกเขาไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเครื่องจักรพวกฮาร์คอนเนนส์. ฮาวัต เชื่อว่ายังมีบางคนร้ายที่ปลูกฝังอยู่ในกลุ่มนั้น, แต่เขาก็มองเห็นมือสังหารอยู่ทุกเงามืด.”

         “ธูเฟอร์ ได้เจอกับเงาที่ก่อผลอย่างมากมาตลอดเวลาของเขา, ใต้เท้า.”

         “และมีบ้างที่เขาไม่ได้เจอ. แต่ฉันคิดว่าผู้ถูกปลูกฝังแฝงนิ่งอยู่ในฝูงคนที่กำลังออกไปน่าจะแสดงถึงอะไรที่จินตนาการมากไปของพวกฮาร์คอนเนนส์.”

         “เป็นไปได้, ขอรับ. คนพวกนี้อยู่ที่ไหนหรือ?”

         “อยู่ที่ที่ชั้นล่างนี้, ในห้องพักคอย. ฉันแนะนำให้ท่านลงไปและเล่นบรรเลงสักหนึ่งหรือสองเพลงกล่อมจิตใจพวกนั้นให้อ่อนลง, แล้วค่อยเปิดการกดดัน. ท่านอาจจะเสนอตำแหน่งที่มีอำนาจแก่ใครในพวกนั้นที่มีผ่านการคัดเลือก. เสนอยี่สิบเปอร์เซนต์สูงกว่าค่าจ้างที่พวกเขาเคยได้รับภายใต้พวกฮาร์คอนเนนส์.”

         “ไม่มากไปกว่านั้นหรือ, ขอรับ? ข้ารู้มาว่าพวกฮาร์คอนเนนส์จ่ายไม่ดี. และกับคนที่มีเงินยุติงานตุนอยู่ในกระเป๋าพวกเขาและกิเลสที่อยากออกไปตระเวณติดอยู่กับพวกเขา...เอ้อ, ขอรับ, ยี่สิบเปอร์เซนต์น่าจะยากที่จะดูเหมาะกับการจูงใจให้อยู่ต่อ.”

         ลีโต พูดอย่างหงุดหงิด: “งั้นก็ใช้ดุลพินิจของท่านเองในกรณีพิเศษเฉพาะ. แค่จำเอาไว้ว่าท้องพระคลังนั้นใช่ว่าไม่มีวันหมดสิ้น. ยึดเอายี่สิบเปอร์เซ็นต์ไว้เมื่อใดก็ตามที่ท่านสามารถทำได้. เราจำเป็นต้องการคนขับยานเครื่องเทศเป็นพิเศษ, คนสแกนสภาพอากาศ, คนงานนูนทราย---ใครก็ตามที่มีประสบการณ์การเปิดทราย.”

         “ข้าเข้าใจแล้ว, ขอรับ. พวกเขาทั้งหมดจะมาเพื่อหาความโหด: ใบหน้าของเขาจะเชิดยกกระดกกลืนลมตะวันออก, และพวกเขาจะรวบรวมเอาไว้ด้วยความหลงใหลของทราย.

         “คำคมที่เร้าใจมาก,” ดยุค พูด. “เปลี่ยนคนของท่านนั้นให้เป็นนายร้อย. ให้เขาได้รับน้ำเล็กน้อยตามกฏวินัย, แล้วก็ให้พวกนั้นนอนตอนกลางคืนในค่ายทหารติดกับสนาม. เจ้าหน้าที่สนามจะกำกับพวกเขาเอง.  และอย่าลืมกำลังคนสำหรับ ฮาวัท.”

         “สามร้อยจากมือดีที่สุด, ขอรับ.” เขาหยิบถุงอวกาศของเขาขึ้นมา. “ข้าจะรายงานต่อท่านได้ที่ไหนเมื่อข้าเสร็จสิ้นบทเพลงของข้าแล้ว?”

         “ข้าจะยึดเอาห้องประชุมกรรมการชั้นบนของที่นี่. เราจะระชุมคณะทำงานกันที่นั่น. ข้าต้องการปรับเปลี่ยนระเบียบการเคลื่อนกระจายกำลังกันใหม่ด้วยยานหุ้มเกราะออกไปเป็นอันดับแรก.”

         ฮัลเล็ค หยุดลงในอาการ ที่กำลังหันจากไป, สบสายตาของ ลีโต. “ท่านกำลังคาดหวังจะเจอชนิดนั่นของเรื่องเดือดร้อนหรือ, ขอรับ? ข้าคิดว่า ตุลาการของการถ่ายโอน เสียอีก.”

         “การยุทธที่เปิดเผยและลับ,” ดยุค พูด. “จะมีเลือดไหลหลั่งเต็มทั่วที่นี่ก่อนที่เราจะผ่านไปได้.”

         “และน้ำที่สูเจ้าตักขึ้นมาจากแม่น้ำจะกลายเป็นเลือดนองเหนือแผ่นดินเหือดแหงนี้,” ฮัลเล็ค ยกสุภาษิต.

         ดยุค ถอนหายใจ. “รีบกลับมา, เกอร์นีย์.”

         “ดีมากขอรับ, ใต้เท้า.” รอยแผลเป็นจากแซ่ย่นยับเป็นคลื่นตามรอยยิ้มของเขา. “ จงนิ่ง, ดุจล่าเถื่อนในทะเลทราย, ส่วนข้านั้นจะเดินหน้าไปทำงาน. ” เขาหันไป, ก้าวย่างไปยังศูนย์กลางของห้อง, หยุดลงเพื่อถ่ายทอดคำสั่งทั้งหลายของเขา, อย่างเร่งรีบผ่านไปยังคนเหล่านั้น.

         ลีโต สั่นศีรษะของเขาและถอยกลับออกไป. ฮัลเล็ค นี้เป็นความน่าทึ่งใจอย่างต่อเนื่องตลอด---หัวที่เต็มไปด้วยบทเพลง, สุภาษิต, และวลีดอกไม้...และหัวใจของมือสังหารเมื่อมันมาถึงตอนที่ต้องจัดการกับพวกฮาร์คอนเนนส์.

         ในทันทีนั้น, ลีโต ทำตนผ่อนคลายลงในการเดินทแยงข้ามไปยังลิฟท์นั้น, รับทราบการทำความเคารพด้วยการโบกมือไม่เป็นทางการ. เขาจำทหารเสนารักษ์เผยแพร่ข่าวผู้หนึ่งได้, หยุดลงเพื่อให้ข่าวแก่เขาที่จะได้แพร่ออกไปในหมู่ทหารในช่องทางทั้งหลาย: พวกที่ได้นำผู้หญิงของตนมาคงอยากจะต้องการรู้ว่าผู้หญิงของตนนั้นปลอดภัยและจะไปพบได้ที่ไหน. คนอื่นๆคงอยากจะรู้ว่าประชากรที่นี่ปรากฏอวดโอ่ออกมาว่ามีผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย.

         ดยุค ตบแขนของเจ้าหน้าที่เผยแพร่นั้น, สัญญาณที่บ่งบอกว่าข่าวสารนี้จัดเป็นลำดับแรกบนสุดที่จะถูกกระจายออกไปในทันที, แล้วเดิมข้ามห้องต่อไป. เขาพยักหน้าให้กับทหารเหล่านั้น, ยิ้ม, แลกเปลี่ยนมุกล้อเล่นกันผู้ใต้บังคับบัญชา.

         การบัญชาต้องดูน่าเชื่อมั่นเสมอ, เขาคิด. ศรัทธาทั้งหมดนั้นนั่งขี่อยู่บนบ่าของเจ้าขณะที่เจ้าตกอยู่ในที่นั่งวิกฤติและไม่เคยแสดงมันออกมา.

         เขาถอนหายใจออกมาผ่อนคลายใจเมื่อลิฟท์นั้นกลืนเขาเข้าไปและเขาสามารถหันมาเผชิญหากับประตูส่วนตัวทั้งหลายนั้น.

         พวกมันได้พยายามจะเอาชีวิตบุตรชายของข้า!

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น