หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

แฟรงค์ เฮอร์เบิร์ต - ดูน พิภพทราย(19)

 

มีตำนานว่าขณะที่ ดยุค ลีโต อะไทรดิส ตายนั้น มีดาวตกพุ่งพาดผ่านไปในท้องฟ้าเหนือวังที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษบนดาวคาลาดาน.

---เจ้าหญิงอีร์อูลาน: “อารัมภบท ถึงประวัติวัยเด็กของ มวดดิบ”

 

บารอน วลาดิมีร์ ฮาร์คอนเนน ยืนที่จุดทัศนาของยานลำเลียงภาคพื้นดินที่เขาใช้เป็นป้อมบัญชาการ. นอกออกไปจากท่าจอดยานเขามองเห็นแสงจากเปลวเพลิงส่องสว่าง อาราคีน. ความสนใจของเขาเพ่งจับอยู่ที่กำแพงโล่ห์พลังซึ่งห่างออกไปที่ซึ่งอาวุธลับของเขากำลังทำงานของมัน.

ปืนใหญ่ที่ระเบิดยิง.

เหล่าปืนนั้นแทะเล็มไปที่อุโมงค์ซึ่งทหารสู้รบของดยุคถอยร่นเข้าไปเป็นที่มั่นคูร่องสุดท้าย. ลามเลียกัดวัดระยะเข้าไปอย่างช้าๆของแสงเจิดจ้าสีส้ม, ละองโปรยปรายของเล่าก้อนหินและฝุ่นอยู่ในแสงสว่างเป็นระยะๆ---และทหารของดยุคกำลังถูกปิดผนึกไว้ให้ตายด้วยความอดอยาก, ถูกจับเหมือนพวกสัตว์ที่ติดอยู่ในรูโพรง.

บารอน รู้สึกได้ถึงเสียงเคี้ยวบดในระยะไกล---เสียงกระหน่ำกลองขยายมาสุ่เข้าผ่านทะลุโลหะของเรือยาน: บรูมพ์...บรูมพ์. แล้วก็: บรูมพ์-บรูมพ์!

ใครจะคิดถึงการคืนชีพของกองทหารปืนใหญ่ในวันเวลาของโล่พลังเช่นนี้ได้รึ? ความคิดนั้นหัวเราะครึ่กครั่กอยู่ในใจของเขา. แต่มันเป็นที่คาดเอาไว้ได้ว่าทหารของดยุคจะวิ่งหนีเข้าไปในโพรงอุโมงค์เหล่านั้น. และจักรพรรดิก็จะชื่นชมความฉลาดของข้าในการสงวนชีวิตของกองกำลังพันธมิตรของเราไว้ได้.

เขาปรับแต่งหนึ่งในเครื่องพยุงลอยตัวทั้งหลายที่พิทักษ์ร่างอวบอ้วนของเขาต่อต้านกับการดึงของแรงโน้มถ่วง. ยิ้มกรีดย่นปากของเขา, ดึงเส้นรอยทั้งหลายของกลีบแก้มที่ย้อยลงมาของเขา.

น่าเสียดายที่สูญเปล่าไปในทหารสู้รบเช่นนี้ของเจ้าดยุค, เขาคิด. เขายิ้มแหกกว้างขึ้นไปอีก, หัวเราะให้กับตนเอง. ความเสียดายที่ควรจะโหดร้าย! เขาพยักหน้า. ความล้มเหลวเป็น, โดยคำจำกัดความ, สิ่งไม่ควรค่าที่จะเก็บรักษาไว้. จักรวาลทั้งหมดนั่งอยู่ที่นั่น, เปิดให้กับผู้ที่สามารถทำการตัดสินใจที่ถูกต้อง. เหล่ามือกระต่ายไร้เชื่อมั่นต้องถูกเปิดเผย, ทำให้วิ่งไปหารูโพรงของพวกมัน. มีอื่นใดที่เจ้าจะควบคุมพวกมันและเลี้ยงพวกมันได้รึ? เขาเห็นพวกทหารสู้รบของตนเป็นดุจหมู่ผึ้งไล่ทิ่มต่อยฝูงกระต่าย. และเขาคิด: วันเวลาครวญเพลงอย่างหวานแผ่วเมื่อเจ้ามีฝูงผึ้งเพียงพอที่จะทำงานให้กับเจ้า.

ประตูหนึ่งเปิดออกทางดานหลังของเขา. บารอน ศึกษาเงาสะท้อนในจุดทัศนาดำมืดดุจราตรีนั้นก่อนที่จะหันร่างไป.

ไพเตอร์ เดอ วรายส์ ก้าวเข้ามาในห้องประชุมตามด้วย อัมมาน คูดู, กัปตันของยามรักษาการณ์ส่วนตัวของบารอน. มีการเคลื่อนไวของทหารแค่ที่ด้านนอกของประตู, ใบหน้าถึกกร้านของยามรักษาการณ์ของเขา, การแสดงออกอย่างระมัดระวังของพวกเขาดุจแพะแกะในการเห็นเขา.

บารอน หันตัวมา.

ไพเตอร์ แตะนิ้วที่หน้าผากในอาการทำความเคารพอย่างล้อเลียน. “ข่าวดี, ฝ่าบาท. พวกซาร์เดาการ์ได้นำตัวดยุคนั่นเข้ามาแล้ว.”

“แน่นอนสิที่พวกนั้นทำ,” บารอน พึมพำรัว.

เขาศึกษาหน้ากากขรึมมัวของความชั่วร้ายบนใบหน้าดุจสตรีของ ไพเตอร์. และดวงตาคู่นั้น: เงากรีดยาวเหล่านั้นของ สีฟ้าลึกในฟ้า-ฟ้าที่สุด.

ในไม่ช้าข้าต้องกำจัดเขาไป, บารอน คิด. เขาเกือบจะหมดสิ้นสุดความมีประโยชน์ของเขาแล้ว, เกือบถึงจุดของอันตรายอย่างแน่ชัดต่อตัวข้า. อย่างแรก, กระนั้น, เขาต้องทำตนให้ผู้คนของ อาร์ระคิส เกลียดชังเขา. แล้ว---พวกนั้นก็จะยินดีต้อนรับ ฟรีย์ด เราธา ที่รักของฉันว่าเป็นพระผู้มาโปรด.

บารอน เลื่อนความสนใจของตนมายังกัปตันยามรักษาการณ์---อัมมาน คูดู: เส้นกรรไกรที่กล้ามเนื้อกราม, คางเหมือนนิ้วรองเท้าบู้ต---ชายที่จะถูกไว้วางใจได้เพราะความร้ายกาจของกัปตันเป็นที่ได้รู้กัน.

“อย่าวแรก, เจ้าทรยศที่ให้ตัวดยุคมาแก่ข้าได้นั้นอยู่ที่ไหน?” บารอน ถาม. “ข้าต้องรางวัลแก่เจ้าทรยศนั้น.”

ไพเตอร์ หันร่างด้วยนิ้วเท้าหนึ่ง, ทำท่าทางให้กับยามด้านนอก.

มีการเคลื่อนไหวดำมืดเล็กน้อยตรงนั้นและ หยัว ก็เดินผ่านเข้ามา. อากัปกิริยาของเขาแข็งทื่อและผอมเกลียว.  หนวดเรียวห้อยอยู่ข้างริมฝีปากสีม่วง. มีเพียงดวงตาชราคู่นั้นที่ดูเหมือนมีชีวิต. หยัว เข้ามาหยุดที่สามก้าวในห้อง, เชื่อฟังในกิริยาบอกของ ไพเตอร์, และยืนอยู่ที่นั่นจ้องมองข้ามที่เปิดว่างไปยัง บารอน.

“อาห์-ห-ห ดร.หยัว.”

“ฝบาท ฮาร์คอนเนน.”

“เจ้าได้ให้ตัวดยุคแก่เราแล้ว, ข้าได้ยินมา.”

“ครึ่งหนึ่งของการต่อรองส่วนของข้า, ฝบาท.”

บารอน มองยัง ไพเตอร์.

ไพเตอร์ ผงกหน้ารับ.

บารอน มองกลับมายัง หยัว. “สัญญาต่อรองซื้อขาย, เอ๋? และข้า...” เขาถ่มคำพูดออกมา: “ข้าจะได้ทำอะไรให้เป็นการตอบแทนรึ?”

“ท่านจดจำได้ค่อนข้างดี, ฝบาท ฮาร์คอนเนน.”

และ หยัว ยอมให้ตนเองที่จะคิดในตอนนี้, ได้ยินความเงียบดังลั่นของนาฬิกาทั้งหลายในจิตใจของเขา. เขาได้เห็นเล่ห์ทรยศทั้งหลายในท่าทางของ บารอน. วรรณา ได้ตายไปแล้วจริงแท้---จากไปโพ้นเลยการเอื้อมถึงของพวกเขา. มิเช่นนั้น, ก็ยังคงเป็นจุดอ่อนของหมอผู้นี้. ท่าทางของ บารอน แสดงให้เห็นว่าไม่มีให้ยึดถือแล้ว; มันจบแล้ว.

“ข้าต้องทำรึ?” บารอน ถาม.

“ท่านได้ให้สัญญาไว้ว่าจะส่ง วรรณา ของข้ามาให้พ้นจากความทุข์ทรมานของเธอ..”

ลารอน พยักหน้ารับ. “โอ้, ใช่. ทีนี้ข้าจำได้แล้ว. ข้าก็ได้ทำเช่นนั้น. นั่นเป็นคำสัญญาของข้า. นั่นเป็นอะไรที่เราก้มให้แก่ ฐานะทางจักรวรรดิ. เจ้าไม่สามารถทนเห็น เบเน เกสเสอริต ของเจ้ากลิ้งเกลือกในเครื่องขยายความทรมานของ ไพเตอร์ ได้. เอาละ, บารอน วลาดิมีร์ ฮาร์คอนเนน รักษาคำสัญญาของเขาเสมอ. ข้าบอกแก่เจ้าว่าข้าจะปล่อยหล่อนเป็นอิสระจากความทุกข์ทรมานและอนุญาตให้เจ้าไปร่วมกับหล่อน. ก็ให้เป็นเช่นนั้นเถิด.” เขาโบกมือให้ ไพเตอร์.

ดวงตาสีฟ้าของ ไพเตอร์ กลายเป็นมันวาว. การเคลื่อนไหวของเขาดุจเหมือนแมวในการเปลี่ยนท่าทางทันใดของมัน. มีดในมือของเขานั้นวาววับดุจกรงเล็บขณะที่มันตวัดเข้าไปในหลัวของ หยัว.

ชายชราตัวแข็งทื่อ, ไม่ได้ละความสนใจของเขาจาก บารอน.

“ไปร่วมกันหล่อนซะ!” บารอน ถ่ม.

หยัว ยืน, แกว่งไกว. ริมฝีปากของเขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังชัดถ้อยคำ, และน้ำเสียงของเขาออกมาใสนจังหวะพิกลเป็นระยะ: “ท่าน...คิด...ท่าน...เอา...ชนะ...ข้า. ท่าน...คิดว่า...ข้า...ไม่...ได้...รู้...อะไร...ที่ข้า...แลก...เพื่อ...วรรณา...ของข้า.”

เขาโค่นลง. ไม่ค้อมงอลงหรือทรุดลงไปนุ่มนวล. มันเหมือนกับการล้มลงของต้นไม้.

“ไปร่วมกับหล่อนซะ,” บารอน ทวนซ้ำ. แต่คำพูดของเขาเป็นเหมือนเสียงสะท้อนที่อ่อนแรง.

หยัว ได้เติมเต็มเขาด้วยสัมผัสรู้ของลางังหรณ์. เขาหวดความสนใจของตนกลับมาที่ ไพเตอร์, มองดูชายผู้นั้นเช็ดคมมีดของตนกับเศษผ้า, มองดูท่าทางเยิ้มย่องของความพึงใจในดวงตาสีฟ้าคู่นั้น.

แล้วนั่นสินะที่เขาได้ฆ่าด้วยมือของเขาเองอย่างไร, บารอน คิด. มันดีที่ได้รู้.

“เขา ได้ ให้ตัวดยุคกับเรารึ?” บารอน ถาม.

“อย่างแน่นอน, ฝ่าบาท,” ไพเตอร์ บอก.

“งั้นก็เอาตัวเขามาที่นี่!

บารอน มองลงไปที่ หยัว. จากวิธีที่ชายคนนั้นได้ล้มลงไป, น่าจะสงสัยว่าเป็นไม้โอ๊คในร่างของเขาแทนที่จะเป็นกระดูก.

“ข้าไม่มีวันจะนำตนเองไปไว้ใจกับคนทรยศได้หรอก,” บารอน พูด. “ม่แม้กระทั่งคนทรยศที่ข้าสร้างขึ้นมา.”

เขาชำเลืองดูราตรีคลุมของจุดทัศนา. ถุงดำแห่งความสงัดนิ่งข้างนอกนั้นคือของเขา, บารอน รู้ดี. ไม่มีเสียงกระหน่ำของปืนใหญ่ใส่ถ้ำคูหาในกำแพงโล่ห์นั้นอีกแล้ว; อุโมงค์โพรงนั้นได้ถูกปิดผนึก. เกือบในทันใด, จิตใจของ บารอน ไม่สามารถคิดนึกอะไรได้มากไปกว่าความงดงามที่เปล่งความว่างเปล่าของความดำมืด. นอกนั้นแล้วมันคือสีขาวบนความดำมืด. แผ่นสีขาวบนสีดำ. จานเคลือบสีขาว.

แต่มันยังคงมีความรู้สึกของสงสัยคาดเดาอยู่.

อะไรหรือที่เจ้าหมอเฒ่านั้นพูดหมายความถึง? แน่นอน, เขาอาจจะรู้ได้ถึงอะไรจะบังเกิดขึ้นกับตัวเขาในท้ายสุด. แต่เศษของความคิดทำเขาได้ปราชัย: “ท่านคิดว่าได้เอาชนะข้า.”

เขาหมายถึงอะไร?

ดยุค ลีโต อะไทรดิส ได้ถูกนำผ่านประตูเข้ามา. แขนของเขาถูกมัดไว้ด้วยโซ่. ใบหน้าเรียวดุจเหยี่ยวนั้นเปรอะเลอะด้วยฝุ่น. เครื่องแบบของเขาถูกฉีกขาดตรงที่ใครบางคนได้เฉือนเอาตราประดับยศของเขาไป. มีรอบรุ่งริ่งที่เอวของเขา, ซึ่งเข็มขัดโล่พลังได้ถูกกำจัดออกไปอย่างแรกโดยไม่ได้ถอดเครื่องแบบของเขาเสียก่อน. ดวงตาของดยุควาวนิ่ง, เหมือนคนเสียสติ.

“ไง-ง-ง-ง-ง,” บารอน พูด. เขาลังเล, สูดหายใจเข้าลึก. เขารู้ดีว่าเขาได้พูดดังเกินไป. ชั่วขณะนี้, ยึกภาพมายาวนาน, ได้สูญเสียบางอย่างของรสชาติของมันไป.

เวรเลยกับคำสาปแช่งของเจ้าหมอผ่านไปชั่วนิรันดร์หมดเลย!

“ข้าเชื่อว่า ดยุคผู้แสนดีนี้ได้ถูกวางยา,” ไพเตอร์ พูด. “นั่นคือวิธีที่ หยัว จับตัวเขามาให้เราอย่างไร.” ไพเตอร์ หันไปที่ ดยุค. “เจ้าถูกวางยารึ, ดยุคที่รักของข้า?”

เสียงนั้นไกลห่างออกไป. ลีโต สามารถรู้สึกได้ถึงโซ่นั้น, ความปวดของกล้ามเนื้อ, ริมฝีปากที่แตกแห้งของเขา, แก้มที่กำลังไหม้ของเขา, รสชาติแห้งผากของความกระหายกระซิบกรวดทรายของมันอยู่ในปากของเขา. แต่เสียงนั้นมัวทึมทึบ, หลบซ่อนอยู่ด้วยผ้าห่มฝ้าย. และเขาเห็นได้แต่เพียงร่างสลัวผ่านผ้าห่มคลุมปิดนั้น.

“แล้วกับเรื่องผู้หญิงกับชายนั่นล่ะ, ไพเตอร์?” บารอน ถาม. “มีคำบอกใดมารึยัง?”

ลิ้นของ ไพเตอร์ แลบเลียผ่านริมฝีปากของเขา.

“เจ้าได้ยินบางอย่างมา!” บารอน ตวาด. “อะไร?”

ไพเตอร์ เหลือบมองกัปตันยามรักษาการณ์, กลับมาที่ บารอน. “ทหารที่ถูกส่งไปทำงานนี้นั้น---พวกมัน...อาห์...ได้...อาห์...ถูกพบ.”

“เอาละ, พวกมันรายงานทุกอย่างเป็นที่น่าพึงใจ?”

“พวกมันตายแล้ว, ฝบาท.”

“แน่นอนล่ะว่ามันต้องตาย! อะไรที่ข้าต้องการรู้คือ---”

ใบหน้าของ บารอน เปลี่ยนไปเป็นเกรี้ยวกราด. “แล้วผู้หญิงกับเด็กชายนั่นล่ะ?”

“ไม่มีวี่แวว, ฝบาท, แต่มีหนอนทรายหนึ่ง. มันมาขณะที่บริเวณเกิดเหตุกำลังถูกตรวจสอบ. บางทีมันอาจเป็นอย่างที่เราคาดหวังไว---อุบัติเหตุหนึ่ง. บางที---”

“เราไม่ยุติงานกับความอาจจะเป็นได้ทั้งหลาย, ไพเตอร์. เกิดอะไรขึ้นกับยานธ็อปเปอร์ที่หายไป? นั่นชี้บอกอะไรสักอย่างกับ เมนทาต ของข้าไหม?”

“คนหนึ่งของ ดยุค ชัดเจนว่าได้หลบหนีในยานนั้น, ฝบาท. ได้ฆ่านักบินของเราแล้วหนีไป.”

“คนไหนของ ดยุค หรือ?”

“การฆ่าที่สะอาด, เงียบ, ฝบาท. ฮาวัต, อาจจะเป็นได้, หรือไม่ก็เจ้า ฮัลเล็ค ผู้นั้น. อาจจะเป็นได้ว่า ไอดาโฮ. หรือหัวหน้าหมวดระดับยอด.”

“อาจจะเป็นได้ทั้งนั้น,” บารอน กร่น. เขาเหลือบมองไปที่ร่างแกว่งไกว, ถูกวางยาของ ดยุค.

“สถานการณ์อยู่ในมือ, ฝบาท,” ไพเตอร์ พูด.

“ไม่, มันไม่ได้เป็น! เจ้านักพิภพนิเวศน์วิทยาโง่เง่านั่นอยู่ที่ไหน? เจ้า คายน์ส นี้อยู่ที่ไหน?”

“เราได้สั่งการไปแล้วยังที่ซึ่งจะพบตัวเขาและเขาได้ถูกเรียกสั่งให้ตามตัวมา,” ฝบาท.”

“ข้าไม่ชอบวิธีที่ ผู้รับใช้ของจักรพรรดิ กำลังช่วยเหลือเราแบบนี้,” บารอน บ่นพึมพำ.

คำพูดพวกเขาผ่านผ้าห่มฝ้ายนั้นเข้ามา, แต่บางส่วนของพวกนั้นเผาไหม้ในจิตใจของ ลีโต, ผู้หญิงและเด็กชายนั้น---ไม่มีวี่แวว. พอล และ เจสสิกา ได้หนีไปได้. และชะตากรรมของ ฮาวัต. ฮัลเล็ค, และ ไอดาโฮ ยังคงอยู่ในการไม่รู้. ยังคงมีความหวัง.

“แหวนตราประทับของดยุคนั่นอยู่ที่ไหน?” บารอน ถามสั่ง. “นิ้วของเขาเปล่าเปลือย.”

“เจ้าซาร์เดาการ์ บอกว่ามันไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาเมื่อตอนที่เขาถูกจัดการ, ฝ่าบาท,” กัปตันยามพูด.

“เจ้าฆ่าเจ้าหมอคนนั้นเร็วเกินไป,” บารอน พูด. “นั่นเป็นความผิดพลาด. เจ้าควรจะได้เตือนข้าเสียก่อน, ไพเตอร์. เจ้าเคลื่อนไหวหุนหันเกินไปสำหรับสินค้าของกิจการเรา.” เขาถลึงตาขมึงกร่น. “อาจจะเป็นได้ทั้งนั้น.”

ความคิดนั้นห้อยแขวนเหมือนคลื่นไซน์เสียงในจิตใจของ ลีโต: พอล และเจสสิกา หนีไปได้! และมีบางอย่างใสความทรงจำของเขา: การต่อรอง. เขาเกือบจะสามารถจำมันได้.

ฟันซี่นั้น!

เขาจำได้ถึงส่วนของมันแล้วในตอนนี้: แก๊สพิษเม็ดนั้นฝังรูปอยู่ในฟันซี่ที่ถูกถอนออกไปนั่น.

ใครบางคนนั้นได้บอกเขาให้รอคอยจนกระทั่งเขาได้อยู่ใกล้ชิดกับเจ้าบารอนนี้. ใครได้บอกกับเขารึ? เขาไม่สามารถจำขึ้นมาได้.

“อีกนานเท่าไหร่ที่เขายังคงอยู่ในการถูกวางยานี้รึ?” เจ้าบารอนถาม.

“บางทีอีกหนึ่งชั่วโมง, ฝบาท.”

“บางที,” บารอน บ่นพึม, อีกครั้ง, เขาหันไปสู่ราตรีนอกหน้าต่างอันดำมืด. “ข้าหิวแล้ว.”

นั่นแหละเจ้าบารอน, ร่างคลุมเครือสีเทาพร่านั่น, ลีโต คิด. ร่างที่เต้นระบำไปๆมาๆ, แกว่งไกวในอาการเคลื่อนไหวของห้อง. และห้องก็แผ่ยืดออกและหดตัว. มันเริ่มสว่างจ้าขึ้นและมืดลงมากขึ้น. มันม้วนเข้าไปสู่ความดำมืดและจางหายไป.

เวลากลายมาเป็นลำดับของชั้นเปลือกเยื่อสำหรับ ดยุค. เขาปลิวลอยปล่อยผ่านทะลุมันไป. ข้าต้องรอคอย.

มีโต๊ะอยู่ตัวหนึ่ง. ลีโต มองเห็นโต๊ะนั้นได้ค่อนข้างชัดเจน. และชายร่างอวบอ้วน, น่าสะอิดสะเอียนอยู่ที่อีกด้านข้างของโต๊ะ, อาหารที่เหลือกองอยู่ตรงหน้าของเขา. ลีโต รู้สึกว่าตนเองกำลังนั่งอยู่ในเก้าอี้ตรงข้ามชายอ้วนนั้น, รู้สึกได้ถึงโซ่, และแถบรัดยึดตัวเขาที่ชาเหน็บของเขาเข้ากับเก้าอี้นั้น. เขาระแวดระวังว่าได้มีทางผ่านของเวลาไป, แต่ความยาวนานของมันนั้นหนีหายไปจากเขา.

“ข้าเชื่อว่าเขากำลังฟื้นคืนขึ้นมาแล้วขอรับ, ท่านบารอน.”

น้ำเสียงดุจใยไหม, เจ้าคนนั้น. เจ้า ไพเตอร์ นั่น.

“ข้าเห็นได้เช่นนั้น, ไพเตอร์.”

เสียงรัวต่ำทุ้ม: เจ้าบารอน.

ลีโต สัมผัสรู้ถึงความคมชัดที่เพิ่มขึ้นของสิ่งรายรอบตัวของเขา. เก้าอี้ใต้ร่างของเขากลายเป็นแน่นหนาขึ้น, ผ้าปิดตาได้ชัดคมขึ้น.

แล้วก็เห็นเจ้าบารอนชัดกระจ่างในตอนนี้. ลีโต เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของมือของชายนั้น: แตะจับจีบเจ้าระเบียบ---ที่เชิงขอบของจาน, ที่ด้ามของช้อน, นิ้วมือไล่ไล้ไปตามแก้มกรามอวบย้วย.

ลีโต เฝ้าดูการเคลื่อที่ของมือนั้น, จับใจอยู่ในมัน.

“เจ้าสามารถได้ยินข้าได้, ดยุค ลีโต,” บารอน พูด. “ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถได้ยินข้า. เราต้องการจะรู้จากเจ้าว่าจะหาตัวสนมและเด็กที่เจ้าสืบทอดพันธุ์ไว้กับหล่อนผู้นั้น.”

ไม่มีวี่แววการหลบหนี ลีโต, แต่คำพูดพวกนั้นเป็นการล้างของความสงบนิ่งผ่านเขาไป. ถ้ามันเป็นความจริง, งั้น: พวกมันก็ไม่ได้ตัว พอล กับ เจสสิกา.

“นี่ไม่ใช่เกมเด็กเล่นกันที่เราเล่นอยู่,” บารอน กระหึ่มรัว. “เข้าต้องรู้นั่นดี.” เขาเอนร่างเข้ามาหา ลีโต, ศึกษาใบหน้านี้. มันทำความปวดร้าวให้กับ บารอน  ที่สิ่งนี้ไม่สามารถถูดจัดการได้อย่างส่วนตัว, แค่ระหว่างพวกเขาทั้งสอง. การมีผู้อื่นเห็นราชนิกูลอยู่ในความทุกข์ทรมานเช่นนี้—มันทำให้เกิดแบบอย่างที่เลวต่อจารีตประเพณี.

ลีโต สามารถรู้สึกถึงความเข้มแข็งกำลังคืนกลับมา. และตอนนี้, ความทรงจำถึงฟันซี่ปลอยืนเด่นออกมาในจิตใจของเขาเหมือนรั้วขวางอยู่กลางทุ่งราบ. แค็ปซูลรูปเส้นประสาทภายในฟันซีนั้น---แก๊สพิษ---เขาจำได้แล้วว่าใครเป็นผู้เอาอาวุธมรณะนี้ใส่เข้าไว้ในปากของเขา.

หยัว.

ความทรงจำหมอกคลุมด้วยฤทธิ์ยาของการมองเห็นร่างปวกเปียกถูกลากผ่านเขาในห้องนี้ลอยแขวนเหมือนไอน้ำในจิตใจของ ลีโต. เขารู้ดีว่ามันได้เป็น หยัว.

“เจ้าได้ยินเสียงนั่นไหม, ดยุค ลีโต?” บารอน ถาม.

ลีโต เริ่มสำนึกรู้กับเสียงคล้ายกบร้องนั้น, เสียงคร่ำครวญครางของใครบางคนที่เจ็บปวดรวดร้าว.

“เราจับตัวคนหนึ่งของพวกเจ้าที่ปลอมแปลงเป็นฟรีเมนได้,” บารอน พูด. “เราทะลวงการปลอมแปลงนั้นได้ค่อนข้างง่ายดาย: ดวงตาไงล่ะ, รู้ไหม. เขายืนกรานว่าเขาได้ถูกส่งไปอยู่ในหมู่พวกฟรีเมนเพื่อสอดแนมลับกับพวกนั้น. ข้าได้อาศัยอยู่มาชั่วเวลาหนึ่งบนดาวเคราะห์นี้, ญาติที่รัก. ใครก็ไม่ไปสอดแนมเอากับพวกเศษสวะขยะของทะเลทรายนั่นหรอก. บอกข้าสิ, เจ้าซื้อความช่วยเหลือของพวกมันรึ? เจ้าส่งผู้หญิงของเจ้ากับบุตรชายไปยังพวกมันรึ?”

ลีโต รู้สึกอัดแน่นในหน้าอกของเขา. ถ้า หยัว ส่งพวกเขาไปยังทะเลทรายแอ่งนั้น...การค้นหาจะไม่หยุดจนกว่าพวกมันจะเจอ.

“เถอะ, น่า,” บารอน พูด. “เราไม่มีเวลามากนักและความเจ็บปวดนั้นรวดเร็ว. กรุณาอย่านำมันมาสู่เรื่องนี้, ดยุค ที่รักของข้า.” บารอน เงยหน้าขึ้นมองยัง ไพเตอร์ ผู้ยืนค้ำอยู่เหนือไหล่ของ ลีโต. “ไพเตอร์ ไม่ได้มีเครื่องมือทั้งหมดของเขาอยู่ที่นี่, แต่ข้าแน่ใจว่าเขาสามารถด้นกลอนสดได้.”

“การด้นกลอนสดนั้นบางครั้งก็ดีที่สุด, ท่านบารอน.”

เสียงดุจใยไหม, ที่กำลังบอกเป็นนัยนั่น! ลีโต ได้ยินอยู่ที่หูของเขา.

“เจ้าได้มีแผนการฉุกเฉิน,” บารอน พูด. “ผู้หญิงและเด็กชายของเจ้านั้นถูกส่งตัวไปที่ไหนรึ?” เขามองดูที่มือของ ลีโต. “แหวนของเจ้าหายไป. เจ้าเด็กชายนั่นได้มันไปรึ?”

บารอน เงยหน้าขึ้น, จ้องเข้าไปในดวงตาของ ลีโต.

“เจ้าไม่ตอบ,” เขาพูด. “เจ้าจะบังคับให้ข้าต้องทำในสิ่งที่ข้าไม่ได้ต้องการจะทำรึ? ไพเตอร์ จะใช้วิธีการทั้งหลายที่ง่าย, ตรงๆ. ข้าเห็นด้วยว่าพวกมันในบางคราก็ดีที่สุด, แต่มันไม่ดีที่ว่า เจ้า นั้นเป็นตัวรับโทษกับสิ่งทั้งหลายเช่นนี้.”

“ไขสัตว์ร้อนๆที่บนหลัง, บางที, หรือที่บนหนังตา,” ไพเตอร์ พูด. “บางทีบนส่วนอื่นของร่างกายนี้. มันได้ผลเป็นพิเศษเมื่อตัวรับโทษไม่รู้ว่าที่ไหนที่ไขสัตว์ร้อนๆนั้นจะราดลงถัดไป. มันเป็นวิธีที่ดีและก็มีอะไรที่งดงามในลวดลายของแผลพองขาวบนหนังเปล่าเปลือย, เอ๋, ท่านบารอน?”

“วิจิตรเลิศ,” บารอน พูด, และเสียงของเขาฟังดูเปรี้ยวขื่น.

เจ้านิ้วลูกไล้เหล่านั้น! ลีโต เฝ้าดูมืออวบอ้วน, อัญมณีแวววาวบนมืออวบอูมเยี่ยงเด็ก---กรีดกรายจู้จี้.

เสียงของความเจ็บปวดผ่านเข้ามาทางประตูด้านหลังของเขากัดแทะประสาททั้งหลายของ ดยุค. ใครกันที่ถูกพวกมันจับตัวไว้? เขากังขา. จะเป็น ไอดาโฮ ล่ะรึ?ณ

เชื่อข้าเถิด, ญาติที่รัก,” บารอน พูด. “ข้าไม่ได้ต้องการมันให้มาเป็นเช่นนี้.”

“เจ้าคิดถึงคนนำประสาทสาส์นทั้งหลายที่กำลังวิ่งแข่งไปขอความช่วยเหลือซึ่งไม่สามารถมาได้,” ไพเตอร์. “มีกองกำลังปืนใหญ่ในการนี้, รู้ไหม.”

“เจ้าเป็นศิลปินที่เลอเลิศ,” บารอน ขู่คำราม. “ตอนนี้, มีมรรยาทที่จะเงียบลงซะ.”

ลีโต ทันใดนั้นหวนนึกได้ถึงสิ่งที่ เกอร์นีย์ ฮัลเล็ค ได้เคยพูดไว้ครั้งหนึ่ง, เมื่อเห็นภาพของ บารอน:และข้าได้ยืนเหนือผืนทรายของทะเลและเห็นสัตว์ร้ายโผล่ขึ้นมาจากท้องทะเล...และบนศีรษะทั้งหลายของเขานั้นคือนามของผู้หมิ่นศาสน์.

“เราสูญเวลาไปเปล่าๆ, ท่านบารอน,” ไพเตอร์ พูด.

“บางที.”

บารอน พยักหน้า. “เจารู้ดี, ลีโต ที่รักของข้า, เจ้าจะบอกเราในที่สุดว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน. มีระดับของความเจ็บปวดที่จะซื้อเจ้า.”

เขาเกือบจะพูดถูกต้องมากที่สุด, ลีโต คิด. ถ้ามันไม่ได้เป็นเพราะฟันซี่นั้น...และความจริงที่ว่าข้าเองก็ไม่รู้จริงๆว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน.

บารอน หยิบเอาเนื้อชิ้นมันลื่นขึ้นมา, กดชิ้นเล็กๆนั้นเข้าไปในปากของเขา, ดูดช้า, กลืนลงไป. เราต้องพยายามลองเปลี่ยนเรื่องใหม่, เขาคิด.

“สังเกตดูว่าผู้เป็นรางวัลนี้ที่ได้ปฏิเสธว่าเขามีไว้เพื่อรับจ้าง,” บารอน พูด. “สังเกตดูเขา, ไพเตอร์.”

และ บารอน คิด: ใช่! ดูเขาที่นั่น, ชายนี้ผู้ที่เชื่อว่าเขาไม่สามารถถูกซื้อตัวได้. ดูเขาเหนี่ยวรั้งอยู่ที่นั่นโดยหุ้นหนึ่งล้านของเขาที่ขายไปในทุกวินาทีไหลรินของชีวิตของเขา1 ถ้าเจ้าดึงตัวเขาขึ้นมาในตนนี้และเขย่าเขา, ขาก็จะมีเสียงรัวอยู่ข้างใน. ว่างเปล่าหมดแล้ว! ขายหมดแล้ว! จะแตกต่างอะไรไปอีกถ้าเขาจะตายไปในตอนนี้?

เสียงหมอกมัวในฉากหลังได้หยุดลง.

บารอน เห็น อัมมาน คูดู, กัปตันยามรักษาการณ์, ปรากฏขึ้นในประตูทางเข้าตรงข้ามของห้อง, ส่ายศีรษะของตน. ผู้ถูกจับตัวไม่ได้ผลิตข้อมูลที่จำเป็นต้องการ. อีกความล้มเหลว. ถึงเวลาที่จะเลิกถ่วงเวลากับเจ้าดยุคโง่นี้แล้ว, เจ้าคนโง่เง่าเขลาเปียกปวกผู้ที่ไม่ได้ตระหนักถึงว่านรกมากมายแค่ไหนที่กล้ำกรายเข้ามาแสนใกล้ตัวเขา---เพียงแค่เมื่อประสาทชาด้านหนานี้จากไป.

ความคิดนี้ทำให้ บารอน สงบใจลง, ก้าวข้ามความไม่เต็มใจของเขาที่จะให้ราชนิกูลถูกทัณฑ์อันเจ็บปวดทรมาน. เขาเห็นตนเองทันทีนั้นดุจศัลยแพทย์ขยับลองไม่สิ้นสุดกับกรรไกรตะขอชำแหละทั้งหลาย---ตัดหน้ากากทั้งหลายออกไปจากเหล่าคนโง่, เผยให้เห็นนรกภายใต้นั้น.

พวกกระต่าย, ทั้งหมดเลยของพวกนี้.

และพวกมันหมอบงอเยี่ยงไรเมื่อพวกมันเห็นสัตว์ร้ายล่ากินเนื้อ!

ลีโต จ้องมองข้ามโต๊ะไป, สงสัยว่าทำไมเขาต้องรอคอย. ฟันซี่นั้นสามารถจบสิ้นมันทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว. กระนั้นก็ยังคง---ได้เป็นสิ่งที่ดีและมากมายของชีวิตนี้. ขาพบว่าตนเองจำได้ถึงว่าวเสาอากาศลอยห้อยแขวนอยู่ในเปลือกสีฟ้าของท้องฟ้าแห่ง คาลาดาน, และ พอล กำลังหัวเราะด้วยความรื่นรมย์กับภาพของมันนั้น. และเขาจำได้ถึงพระอาทิตย์รุ่งอรุณของที่นี่บน อาร์ราคิส นี้---สีสันชั้นภูมิของกำแพงโลห์เหลืองงอมโดยหมอกฝุ่น.

“แย่จังเลย,” บารอน พึมพำ. เขาดันตนเองถอยกลับออกจากโต๊ะ, ยืนข้นอยางแผ่วเบาในเครื่องพยุงแขวนลอยของเขาและลังเล, มองเห็นการเปลี่ยนแปลงมาสู่ร่างของ ดยุค. เขาเห็นชายคนนั้นสูดหายใจเข้าลึก, แนวกรามนูนสันขึ้น, การกระเพ อมของกล้ามเนื้อตรงนั้นเมื่อ ดยุค เม้มปากเข้าหากันปิดแน่น.

เขาช่างกลัวข้าเช่นไรนัก! บารอน คิด.

ตื่นตระหนกด้วยความกลัวที่ว่า บารอน อาจจะหนีเขาไป, ลีโต กัดอย่างแรงลงบนแค็ปซูลฟันซี่นั้น, รู้สึกได้ว่ามันแตกออก. เขาเปิดปากของตนออก, ขับเอาไอละอองจากการกัดที่เขาสามารถลิ้มรสของมันได้ขณะที่มันก่อรูปบนลิ้นของเขา. บารอน เริ่มเล็กลง, ร่างที่ถูกเห็นในอุโมงค์อัดแน่น. ลีโต ได้ยินเสียงหอบหายใจดังอยู่ข้างหูของเขา---เสียงดุจใยไหมนั้น: ไพเตอร์.

มันได้จัดการเขาไป, ด้วย!

“ไพเตอร์! เป็นอะไรรึ?”

เสียงระรัวทุ้มต่ำนั้นดูไกลห่างออกไป.

ลีโต สัมผัสรู้ถึงความทรงจำทั้งหลายม้วนผ่านไปในจิตใจของเขา---ยายแก่รั้นพึมพำบ่น. ห้ง, โต๊ะ, บารอน, ดวงตาน่ากลัวคู่นั้น---สีฟ้าในสีฟ้า, ดวงตา---ทั้งหมดอัดแน่นเข้าหากันรายรอบตัวเขาในสมมาตรที่ย่อยยับ.

มีชายร่างหนึ่งที่สวมบู้ทยื่นปลายงอน, ชายดุจตุ๊กตาร่วงล้มลง. ชายดุจตุ๊กตาได้จมูกหักพับไปยังด้านซ้าย: เครื่องทำจังหวะผิดธรรมดาถูกตีติดไปตลอดกาลที่การเริ่มต้นหวดหงายขึ้น. ลีโต ได้ยินเสียงแตกของเครื่องเคลือบ---ช่างไกลไป---เสียงคำรามในหูของเขา. จิตใจของเขาเป็นถังรั่วไม่มีปลายก้น, ตักจับเอาทุกสิ่ง. ทุกสิ่งที่ได้เคยเป็นมา: ทุกเสียงร้องตะโกน, ทุกเสียงกระซิบ, ทุกเสียง...ของความเงียบสงัด.

ความคิดหนึ่งยังคงอยู่กับเขา. ลีโต เห็นมันในแสงสว่างไร้รูปร่างบนรัศมีทั้งหลายของความดำมืด: วันเวลาที่เลือดเนื้อก่อรูปร่างและเลือดเนื้อในวันเวลาที่ก่อรูปร่าง. ความคิดนั้นกระแทกเข้าใส่เขาด้วยสติรู้ของสัมปชัญญะที่เขารู้ดีว่าเขาไม่มีวันอธิบายได้.

ความเงียบสงัด.

บารอน ยืนหลังพิงอยู่กับประตูส่วนตัวของเขา, สถานที่หลบภัยของเขาเองด้านหลังของโต๊ะ. เขาเหวี่ยงมันปิดใส่กับห้องที่เต็มไปด้วยคนตายนั้น. สัมผัสรู้กับการเข้าห้อมล้อมของฝูงทหารยามรักษาการณ์รอบเขา. ข้าหายใจมันเข้าไปไหม? เขาถามตนเอง. อะไรก็ตามที่มันอยู่ในห้องนั่น, มันได้จัดการข้า, ด้วยหรือเปล่า?

เสียงต่างๆกลับคืนมายังเขา.....และเหตุผล. เขาได้ยินใครบางคนตะโกนสั่งการ---หน้ากากป้องกันแก๊ส.....ปิดประตูเอาไว้.....ให้พวกเครื่องเป่าลมเปิดทำงานเอาไว้.

คนอื่นๆร่วงลงรวดเร็ว, เขาคิด. ข้ายังคงกำลังยืนอยู่. ข้ายังคงกำลังหายใจอยู่. นรกไร้ปราณี! นั่นมันใกล้มาก!

เขาสามารถวิเคราะห์มันได้ในตอนนี้. โล่พลังของเขาได้เปิดทำงานอยู่, ตั้งไว้ต่ำแต่ก็ยังคงเพียงพอที่จะหน่วงช้าการสับเปลี่ยนโมเลกุลข้ามกำแพงสนามไฟฟ้ากั้นนี้มาได้. และเขาได้ดันตนเองออกห่างมาจากโต๊ะนั้น.....นั่นและเสียงหอบหายใจตื่นตระหนกของ ไพเตอร์ ที่ได้นำเอากัปตันยามรักษาการณ์นั้นพุ่งเข้ามาในมรณะของตนเอง.

โชคบังเอิญและการเตือนจากการหอบหายใจของคนที่กำลังตายนั้น---เหล่านี้ได้ช่วยชีวิตของเขา.

บารอน ไม่ได้รู้สึกสำนึกขอบคุณใดต่อ ไพเตอร์. เจ้าโง่นั้นได้ทำให้ตัวเองถูกฆ่า. และเจ้ากัปตันยามรักษาการณ์ปัญญาอ่อนนั่น! เจ้านั่นบอกว่าเขาได้ตรวจตราทุกคนก่อนนำตัวพวกมันเข้ามาปรากฏต่อหน้าท่านบารอน! แล้วมันเป็นไปได้อย่างไรสำหรับเจ้าดยุคนั้น.....? ไม่มีการเตือนภัย. ไม่แม้กระทั่งจากเครื่องตรวจหาพิษเหนือโต๊ะนั้น---จนกระทั่งมันสายเกินไป. เป็นได้อย่างไรกัน?

เอาละ, ไม่สำคัญแล้วตอนนี้, บารอน คิด, จิตใจของเขากำลังแน่นเข้าที่ทาง. กัปตันยามรักษาการณ์คนถัดไปจะเริ่มต้นด้วยการค้นหาคำตอบต่อคำถามพวกนี้.

เขาเริ่มระแวดระวังได้ถึงกิจกรรมที่มากขึ้นลงไปที่โถง---รอบตรงมุมที่อีกประตูอื่นที่เปิดเข้าห้องแห่งมรณะนั้น. บารอน ดันตนเองห่างออกไปจากประตูของตนเอง, ศึกษาข้ารับใช้ทั้งหลายที่ติดตามรอบตัวเขาอยู่. พวกนั้นยืนจ้องมองอยู่ที่นั่น, นิ่งเงียบ, รอคอยปฏิกิริยาของ บารอน.

ท่านบารอนจะโมโหโกรธาไหม?

และ บารอน ได้ตระหนักเพียงแค่สองสามวินาทีได้ผ่านไปตั้งแต่การบินของเขามาจากห้องสยองขวัญนั้น.

ยามบางคนได้ดึงอาวุธเข้ามาเล็งไปยังที่ประตูนั้น. บางรายกำกับความดุร้ายของพวกตนไปยังโถงอันว่างเปล่าที่เหยียดขยายออกไปยังเสียงต่างๆรอบมุมห้องด้านขวามือของพวกเขา.

ชายผู้หนึ่งก้าวยาวๆอ้อมหัวมุมนั้นเข้ามา,หน้ากากป้องกันแก๊สห้อยสายรัดคล้องอยู่ที่คอของเขา, ดวงตาของเขามุ่งอยู่ที่เครื่องตรวจจับพิษทั้งหลายอยู่เหนือศีรษะเรียงไปตามระเบียงทางเดิน. เขามีผมสีเหลือง, ใบหน้าแบนราบด้วยดวงตาสีเขียว. เส้นสายบางชัดแผ่เป็นรังสีจากริมฝีปากอันหนาของเขา. เขาดูเหมือนสัตว์น้ำบางชนิดที่อยู่ผิดที่ทางในหมู่พวกที่เดินอยู่บนพื้นดิน.

บารอน จ้องมองการเข้ามาหาของชายนั้น, หวนนึกได้ถึงชื่อ: เนฟุด. ไออาคิน เนฟุด. จ่าสิบโทยามรักษาการณ์. เนฟุด เสพติดอยู่กับ เซมูต้า(semuta* – ยาเสพติดที่สกัดจากการเผาไม้elacca), ส่วนผสานของดนตรี-ยาที่บรรเลงตนเองอยู่ในจิตสำนึกส่วนลึก. สิ่งของที่มีประโยชน์ของข้อมูลข่าวสาร, นั่น.

https://dune.fandom.com/wiki/Semuta

ชายนั้นหยุดลงที่เบื้องหน้าของ บารอน, ทำความเคารพ. “ระเบียงทางเดินปลอดภัยแล้วขอรับ, ฝบาท. ข้าได้อยู่เฝ้าดูที่ข้างนอกและเห็นว่ามันต้องเป็นแก๊สพิษ. เครื่องระบายอากาศทั้งหลายในห้องของท่านได้ดึงอากาศเข้าไปจากระเบียงทางเดินเหล่านี้.” เขาชำเลืองขึ้นไปดูเครื่องตรวจเหนือศีรษะของ บรอน. “ไม่มีสิ่งพวกนั้นหลบออกมาได้. เราได้ให้ห้องถูกทำความสะอาดหมดแล้วในตอนนี้. อะไรคือคำสั่งการทั้งหลายของท่านขอรับ?”

บารอน จำได้ถึงน้ำเสียงของชายผู้นี้---คนผู้ซึ่งได้ใช้ตะโกนออกคำสั่งทั้งหลาย. มีประสิทธิภาพ, เจ้าจ่าสิบโทนี้, เขาคิด.

“พวกนั้นตายกันหมดอยู่ในที่นั่นรึ?” บารอน ถาม.

“ขอรับ, ฝบาท.”

เอาละ, เราต้องปรับแต่ง, บารอน คิด.

“อย่างแรก, “เขาพูด, “ให้ข้าแสดงความยินดีต่อเจ้า, เนฟุด. เจ้าเป็นกัผตันคนใหม่ของยามรักษาการณ์ของข้า. และข้าหวังว่าเจ้าจะรับใส่หัวใจในบทเรียนนี้ที่ได้ถูกเรียนรู้จากชะตากรรมของผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งนี้มาก่อนเจ้า.”

บารอน เฝ้าดูความตระหนักรู้เติบโตขึ้นในตัวยามพิทักษ์คนใหม่นี้ของเขา. เนฟุด รู้ดีว่าเขาไม่มีวันจะเสพยาเซมูต้านั้นอีกแล้ว.

เนฟุด พยักหน้ารับ. “ฝ่าบาท ทราบดีว่าข้าจะอุทิศตนเองทั้งปวงต่อความปลอดภัยของท่าน.”

“ใช่. เอาละ, กับธุระงานการ. ข้าสงสัยว่าเจ้าดยุคมีบางอย่างในปากของเขา. เจ้าจะค้นหาให้เจอว่าบางอย่างนั้นคืออะไร, มันถูกใช้ได้อย่างไร, ใครเป็นช่วยเขาให้เอามันใส่ไว้ที่นั่น. เจ้าจะต้องใช้ทุกๆการเตรียมการป้องกัน---”

เขาหยุดชะงักลง, โซ่แห่งความคิดของเขาแตกกระจายไปด้วยการรบกวนในระเบียงทางเดินด้านหลังของเขา---ยามทั้งหลายที่ประตูที่ต่อไปยังลิฟท์จากระดับชั้นล่างของยานรบนี้กำลังพยายามจะหยุดยั้งนายพัน บาชาร์ ร่างสูงผู้ที่ได้เพิ่งพุ่งพรวดออกมาจากลิฟท์นั้น.

บารอน ไม่สามารถจัดวางใบหน้านายพันบาชาร์นี้ได้: ผอมเรียวและมีปากเหมือนรอยกรีดในหนังสัตว์, จุดหมึกแฝดเป็นดวงตา.

“เอามือของเอ็งออกไปจากข้า, เจ้าพวกกินซากศพ!” ชายนั้นคำราม, และเขาชนใส่พวกยามนั้นแยกแหวกไปทางด้านข้าง.

อาห์-ห-ห, หนึ่งในพวกซาร์เดาการ์, บารอน คิด.

นายพันบาชาร์ก้าวยาวๆเข้ามาหา บารอน, ผู้ซึ่งดวงตาหรี่เป็นรอยกรีดเรียวเล็กของความหวาดหวั่น. เจ้าหน้าที่ซาร์เดาการ์นี้เติมเต็มเขาด้วยความไม่สบายใจง พวกเขาทั้งหมดดูจะเหมือนกับว่าเป็นญาติโยมของ ดยุค.....ดยุค คนก่อน. และกิริยามรรยาทของพวกเขาที่มีต่อ บารอน.

นายพันบาชาร์นั้นฝังรากตนเองลงครึ่งก้าวในตรงหน้าของ บารอน, มือท้าวสะเอว. ยามรักษาการณ์ห้องล้อมเขาในอาการกระตุกไหวไม่แน่ใจตนเอง.

บารอน สังเกตได้ในการไม่ทำความเคารพนั้น, การหมิ่นแคลนในอากัปกิริยาของซาร์เดาการ์, และความไม่สบายใจของตนเริ่มเติบโตขึ้น. มีเพียงแค่หนึ่งกองพันของพวกเขาอยู่ในท้องที่---สิบกองร้อย---เสริมกำลังให้กองทหารทั้งหลายของ ฮาร์คอนเนนส์, แต่ บารอน หลอกลวงตนเอง. หนึ่งกองพันนีสามารถได้อย่างสมบูรณ์ที่จะหันเข้าใส่ ฮาร์คอนเนนส์ และถล่มราบคาบพวกเขาทั้งหมดได้.

“บอกคนของท่านด้วยว่าพวกมันไม่ต้องมาห้ามข้าจากการเข้าพบท่าน, บารอน,” ซาร์เดาการ์นั้น ตะคอก. คนของข้านำ ดยุค อะไทรดิส มาให้ท่านก่อนที่ข้าจะสามารถถกเถียงชะตากรรมของเขากับท่านได้. เราจะถกเถียงกันในตอนนี้.”

ข้าต้องไม่สูญเสียหน้าต่อหน้าคนของข้า, บารอน คิด.

“แล้วไง?” เป็นคำเยือกเย็นที่ถูกควบคุมไว้, และ บารอน รู้สึกภูมิใจในมัน.

“จักรพรรดิของข้าได้มอบหมายให้ข้าทำให้แน่ใจว่าพระญาติผู้สูงศักดิ์ของพระองค์จะตายอย่างหมดจดไม่มีการเจ็บปวดทรมาน,” นายพันบาชาร์นั้นพูด.

“ดยุคนั้นได้ตายแล้ว,” บารอน งับคืน, และเขาโบกมืออนุญาตให้ผู้นั้นพักได้.

นายพันบาชาร์ยังคงฝังรากเผชิญหน้า บารอนนี้อยู่ . ไม่กระพริบตาหรือผ่อนกล้ามเนื้อที่เขาได้รับทราบว่าเขาได้รับการอนุญาตให้ยืนตามสบายได้นั้น. “อย่างไรรึ?” เขาขู่กร่น.

จริงๆเลย! บารอน คิด. นี่มันเกินไปแล้ว.

“ดวยมือของตนเอง, ถ้าเจ้าต้องรู้,” บารอน พูด. “เขากัดยาพิษตนเอง.”

“ข้าต้องเห็นร่างของเขาในเดี๋ยวนี้,” นายพันบาชาร์พูด.

บารอน ยกสายตาจ้องของเขาไปยังเพดานในท่าเสแสร้งกระฟัดกระเฟียดขณะที่ความคิดของเขากำลังวิ่งแข่งกัน. ห่าเวรเอ๊ย! สายตาคมกริบของพวกซาร์เดาการ์จะต้องเห็นห้องนั้นให้ได้ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนไป!

เดี๋ยวนี้,” ซาร์เดาการ์ คำราม. “ข้าจะดูมันด้วยตาของตนเอง.”

ไม่มีการป้องกันมันได้เลย, บารอน ตระหนักรู้. ซาร์เดาการ์นี้จะเห็นมันได้ทั้งหมด. เขาจะรู้ว่า ดยุค ได้ฆ่าคนของ ฮาร์คอนเนน.....นั่น บารอน เกือบที่จะหลบหนีพ้นมาได้อย่างเฉียดฉิว. มีหลักฐานของเศษที่เหลือของอาหารดินเนอร์บนโต๊ะนั้น, และดยุคตายที่ห่างไปจากมันอยู่ในท่ามกลางซากปรักพังรอบร่างเขา.

ไม่มีการป้องกันมันได้เลย.

“ข้าจะไม่ยอมชะลอไปแน่,” นายพันบาชาร์ ขู่.

“เจ้าไม่ได้ถูกชะลอออกไปหรอก,” บารอน พูด, และเขาจ้องเข้าไปในดวงตาดำใสของเจ้าซาร์เดาการ์นั้น. “ข้าไม่ได้ซ่อนอะไรต่อ จักรพรรดิ.” เขพยักหน้าให้กับ เนฟุด. “ท่านนายพันบาชาร์จะไปดูทุกอย่าง, ในทันทีนี้. พาเขาไปเข้าไปทางประตูที่เจ้ายืนเฝ้า, เนฟุด.”

“ทางนี้, ขอรับ.” เนฟุด พูด.

อย่างช้าๆ, อวดดี, เจ้าซาร์เดาการ์นั้นเคลื่อนที่ไปอ้อม บารอน, แทรกบ่าแหวกผ่านยามพิทักษ์ที่รายล้อมนั้นไป.

เหลืออดแท้, บารอน คิด. ทีนี้, องค์จักรพรรดิก็จะรูว่าข้าได้พลาดพลั้งไปอย่งไร. เขาจะจดจำมันได้ถึงมันเป็นเช่นเครื่องหมายของความอ่อนแอ.

และมันกำลังเจ็บปวดทรมานที่ตระหนักรู้ว่าจักรพรรดินั้นและซาร์เดาการ์ของพระองค์เป็นเหมือนเช่นเดียวกันในการหมิ่นแคลนความอ่อนแอ. บารอน เคี้ยวกัดริมฝีปากล่างของตน, ปลอบโยนตนเองว่าจักรพรรดิ, อย่างน้อยที่สุด, ก็ไม่ได้เรียนรู้ถึง อะไทรดิส ได้จู่โจมต่อ ไกดี ไพร์ม, การพังทลายของโกดังฮาร์คอนเนนเก็บเครื่องเทศทั้งหลายที่นั่น.

ห่ากินเอ๊ยเจ้าดยุคปลาไหล!

บารอน เฝ้ามองการล่าถอยกลับไปนั้น---เจ้าซาร์เดาการ์ผู้หยิ่งยะโสและ เนฟุด ผู้ล่ำสัน, ทรงประสิทธิภาพ.

เราต้องปรับแต่ง, บารอน คิด. ข้าจะต้องเอา แรบบาน มายังดาวเคราะห์ห่าเหวนี้อีกครั้ง. ปราศจากการยับยั้งใด. ข้าต้องใช้เลือดฮาร์คอนเนนของข้าเองที่จะเอา อาร์ราคิส เข้าไปในสถานะที่เหมาะเจาะสำหรับการยอมรับใน ฟีย์ด-เราธา. ห่ากินเจ้าไพเตอร์นั่น! เขาน่าจะเอาตัวเองไปถูกฆ่าก่อนที่ข้าได้หมดสิ้นอะไรกับเขาแล้ว.

บารอน ถอนหายใจ.

และข้าต้องส่งข่าวทันทีไป เทิลอีแล็กซ์ เพื่อ เมนทาต ใหม่อีกหนึ่ง. พวกนั้นไม่ต้องสงสัยเลยได้ว่าจะมีรายใหม่พร้อมสำหรับข้าในตอนนี้.

หนึ่งในยามพิทักษ์ข้างตัวเขาไอออกมา.

บารอน หันไปหาชายนั้น. “ข้าหิว.”

“ขอรับ, ฝบาท.”

“และข้าปรารถนาที่จะเพลิดเพลินใจในระหว่างที่จ้ากำลังทำความสะอาดกวาดเก็บห้องนั้นและศึกษาความลับของมันให้กับข้า.” บารอน กร่นรัวพึมพำ.

ยามพิทักษ์นั้นลดสายตาลงต่ำ. “อะไรคือการเพลิดเพลินที่ฝบาทปรารถหนาหรือ?”

“ข้าจะอยู่ในโถงประทับนอนของข้า,” บารอน พูด. “นำเจ้าหนุ่มที่เราซื้อจากบน กามอนท์ นั้นมาให้ข้า, คนที่มีดวงตาน่ารัก. มอมยาเขาดี. ข้าไม่รู้สึกอยากจะปล้ำฟัดอะไร.”

“ขอรับ, ฝบาท.”

บารอน หันจากไป, เริ่มเคลื่อนด้วยการกระเด้ง, ก้าวกระเพื่อมด้วยเครื่องพยุงลอยไปยังห้องโถงทั้งหลายของตน. ใช่, เขาคิด.  คนที่มีดวงตาน่ารัก, คนที่ดูเหมือนกันมากกับ พอล อะไทรดิส.

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น