วราวุธ แถลงการณ์ภาษาอังกฤษ เรียกร้องประชาคมโลก ประณามกัมพูชา
https://youtu.be/Rg60dZVUYag?si=f-Vv5RsdqpeexPMm
*
วราวุธ ศิลปอาชา ( ไทย : วราวุธ
ศิลปอาชา ; RTGS : วราวุธ ศิลปอาชา ) เป็นนักการเมืองไทยและปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ภายใต้รัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน
ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2566 ก่อนหน้านี้เขาเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในคณะรัฐมนตรีชุดที่ 2ของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์
จันทร์โอชา
** https://en.wikipedia.org/wiki/Varawut_Silpa-archa
ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย, สมาชิกทั้งหลายของสื่อมวลชน, สวัสดีครับ.
ในนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
แห่งประเทศไทย, ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดของเรา, ความเจ็บแค้นของเรา,
และความสามัคคีอันไม่เปลี่ยนแปลงของเรา ต่อเหยื่อทั้งหลาย, ครอบครัวทั้งหลายของพวกเขา,
และผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมดโดยการโจมตีอย่างป่าเถื่อน, เจตนาอันโหดร้ายที่ได้ยิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนคนไทยทั้งหลายโดย
กัมพูชา. (Ladies
and gentlemen, members of the press, สวัสดีครับ. On behalf of the Ministry of
Social Development and Human Security of Thailand, I express our deepest
sorrow, our outrage, and our unwavering solidarity with the victims, their
families, and all affected by the cruel, deliberated attacks launched by
Cambodia on Thai civilian areas.)
นี่ไม่ใช่แค่เป็นการละเมิดพรมแดนทั้งหลาย.
มันเป็นการละเมิดต่อมนุษยชาติ. ในวันที่ 16 และวันที่ 23 ของเดือนกรกฎาคม, ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทั้งหลาสยได้ถูกนำมาวางฝังที่ดินแดนไทย.
พวกมันไม่ได้แค่ทำให้ทหารทั้งหลายบาดเจ็บง่ายๆแค่นั้น. พวกมันได้ปล้นขาจากชายไทน 2
รายไปจากพวกเขา, ปล้นชีวิตความเป็นอยู่ทั้งหลายของพวกเขา, และปล้นอนาคตทั้งหลายที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยได้จินตนาการไว้.
(This is not just
the breach of borders. It is a breach of humanity. On the 16th and
the 23rd of July, anti-personal landmines1 were planted on Thai soil. They
did not simply injure soldiers. They robbed 2 Thai men of their limbs, their
livelihoods, and the futures they once imagined.)
1
https://en.wikipedia.org/wiki/Anti-personnel_mine
และราวกับว่านั่นยังไม่เพียงพอ, อีกหนึ่งวันถัดมา 24
ของเดือนกรกฎาคม, ความรุนแรงก็ได้ข้ามเส้นที่ไม่สามารถถูกเพอิกเฉยได้เข้ามา.
พลเรือนทั้งหลายได้ถูกเป็นเป้าหมาย, โยปราศจากการแจ้งเตือน, ปราศจากความเมตตา.
ไม่มีมีละเว้นแม้กระทั่งเด็กทั้งหลาย. ร้านสะดวกซื้อ, โรงพยาบาล,
สถานที่ทั้งหลายที่เราทังหมดทราบดีว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
ได้กลายเป็นฉากของความสยดสยอง. (And as if that were not enough,
just a day later on 24th of July, the violence crossed the line that
cannot be ignored. Civilians were targeted, without warning, without mercy. Not
even children were spared. A convenience store, a hospital, places we all know
as partly daily life were turned into scenes of horror.)
ในท่ามกลาง 13 ผู้คนที่ถูกฆ่าเป็นเด็กชายอายุ 9 ขวบ 2
รายและเด็กหญิงอายุ 15 ปีหนึ่งราย. พวกเขาไม่ได้ตายที่ในสนามรบ. พวกเขาตายในขณะใช้ชีวิตอยู่อย่างง่ายๆ.
ถวามฝันทั้งหลายของพวกเขา, อนาคตทั้งหลายของพวกเขาได้ถูกลบออกไปในไม่กี่วินาที. (Among the 13 killed were two
9-year-old boys and a 15-year-old-girl. They did not die in the battlefield.
They died while simply living. Their dreams, their futures obliterated in
seconds.)
กว่า 30 รายอื่นได้รับบาดเจ็บ. มารดาทั้งหลายสูญเสียลูก.
ปู่ต้องฝังศพหลาน. พ่อทั้งหลายตอนนี้ยืนอยู่ข้างเตียงเฝ้าดูคนที่พวกเขารักต่อสู้เพื่อรอดชีวิต
หรือกำลังเรียนรู้ที่จะอยู่กับการสูญเสียแขนขาได้อย่างไร. อะไรที่ได้ถูกขโมยไปจากครอบครัวทั้งหลายเหล่านี้ไม่สามารถถูกฟื้นคืนกลับมาได้ด้วยคำพูดทั้งหลาย
หรือการนิ่งเงียบ. (Over
30 others were injured. Mothers lost sons. Grandparents buried grandchildren.
Fathers now stand besides hospital beds watching their loved ones fight to
survive or learning to live with missing limbs. What was stolen from these
families cannot be restored by words nor by silence.)
นี้ไม่ใช่เป็นความเสียหายโดยบังเอิญไม่ได้ตั้งใจ. นี้คืออาชญากรรมต่อศักดิ์ศรีมนุษยชาติ.
เหล่านี้คือการกระจายการโจมตีทำลายความมั่นคงปลอดภัยต่อผู้คนธรรมดาและสร้างความหวาดกลัวเข้าไปในชุมชนทั้งหลายที่อยู่กันโดยสันติสุข. (This is not collateral damage. This is a crime against human
dignity. These attacks have shattered the sense of safety for ordinary people
and cast fear into peaceful communities.)
ความทุกข์นี้ไม่ใช่เป็นนามธรรม. มันไม่ใช่ตัวเลข. มันเป็นส่วนตัว.
มันเป็นถาวรและไม่ยุติธรรม. (This suffering is not abstract. It is not number. It is
personal. It is permanent and it is unjust.)
เราประนามการทำทั้งหลายเหล่านี้อย่างที่สุดและในเงื่อนไขที่ไม่มีการผ่อนปรนใด.
นี่คือการบุกโจมตีโดยตรงต่ออธิปไตยของประเทศไทย และเป็นการละเมิดอย่างรุนแรงต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
(We condemn
these acts in the strongest and most unrelenting terms. This is a direct
assault on Thailand sovereignty and a grave violation of International Humanity
Law2.)
2 https://blogs.icrc.org/th/2022/07/27/ihl-ihrl/
กัมพูชาต้องถูกบังคับให้รับผิดชอบต่อการกระทำเยี่ยงนี้ภายใต้อนุสัญญาเจนีวา
และพิธีสารเพิ่มเติมทั้งหลายของอนุสัญญานี้. อีกทั้งอนุสัญญาออตตาวาต่อต้านทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล,
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก, บัญญัติที่ 10 และ 11, และ ปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรีแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ 69 (CSW69) (Cambodia must be held
accountable under the Geneva Convention3 and their additional protocols.
The Ottawa Convention Banning Landmines4, the Convention on the Rights of
the Child5,
Article 38. The Convention on the Rights of Persons with Disabilities, Article
10 and 11, and the political declaration of the 69th session of the
UN Commission on the Status of Women6.)
4 https://en.wikipedia.org/wiki/Ottawa_Treaty
6
ปฏิญญาทางการเมืองของการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรีแห่งสหประชาชาติ
สมัยที่ 69 (CSW69) คือเอกสารที่ประเทศสมาชิกสหประชาชาติได้ร่วมกันรับรอง ซึ่งมุ่งเน้นที่การเคารพ ปกป้อง และส่งเสริมสิทธิ ความเสมอภาค
และการเสริมพลังอำนาจให้กับผู้หญิงและเด็กหญิงทุกคน ปฏิญญานี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นการประชุมเพื่อทบทวนความคืบหน้าในการปฏิบัติตามปฏิญญาปักกิ่งและแผนปฏิบัติการ ซึ่งเป็นแผนงานด้านความเสมอภาคทางเพศที่สำคัญที่สุด นอกจากนี้
การประชุม CSW69 ยังเป็นโอกาสสำคัญในการประเมินความท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
(SDGs) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป้าหมายที่ 5 เกี่ยวกับความเสมอภาคทางเพศ และการเสริมพลังสตรี ภายในปี 2030
เราขอเรียกร้องต่อชุมชนชาวโลก, ขออย่าได้หันหลังหนี. อย่า.
อย่าได้ยังคงนิ่งเงียบ เพราะว่าในการเผชิญหน้าต่อความป่าเถื่อนโหดเหี้ยมเช่นนี้, ก็คือการสมรู้ร่วมคิด.
(We called on the international community, do not turn away.
Do not remain silent because in the face of such brutality, silence is
complicity.)
ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ขอเรียกร้องให้กัมพูชา หยุดการกระทำโดยเจตนาร้ายทั้งหมดนี้ในทันที. เคารพต่ออธิปไตยของประเทศไทย,
และแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มเปี่ยมต่อความเสียหายที่ไม่อาจชดเชยใดได้ ที่ได้เกิดขึ้นต่อผู้บริสุทธิ์
เพื่อเห็นแก่สันติสุข, เพื่อเห็นแก่ความยุติธรรม, และเพื่อเห็นแก่เด็กทั้งหลายเหล่านั้นผู้ที่จะไม่มีวันเจริญเติบโตขึ้นอีกต่อไป. (The Ministry of Social Development and Human Security of Thailand
demands that Cambodia immediately seize all hostile actions, respect Thailand’s
sovereignty, and take full responsibility for the irreparable harm caused to
innocent lives for the sake of peace, for the sake of justice, and for the sake
of those children who will never grow up.)
ขอบคุณครับ. (Thank you. ขอบคุณครับ.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น