หน้าเว็บ

วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) - ชาวพุทธควรวางใจอย่างไร เมื่อมีข่าวไม่ดีในวงการสงฆ์ "

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยุตฺโต) - ชาวพุทธควรวางใจอย่างไร เมื่อมีข่าวไม่ดีในวงการสงฆ์ "

          https://youtu.be/_YTGAmB4zYI?si=7SKACWZkgmtET2lF

เวลานี้ก็ มีเหตุการณ์ที่เป็นข่าวคราวเรื่องในวงการพระสงฆ์ ซึ่งอาจจะทำให้ญาติโยม ไม่สาบายใจ แล้วก็ข้องจิต ขัดใจอยู่ ทำให้ขัดขวางแม้แต่การ ฟังธรรมด้วย ฉะนั้นก็เลยมาทำให้สว่างโล่งไปเสียก่อน

คือเรื่องเหตุการณ์ความไม่ดีไม่งาม อะไรที่เกิดขึ้นในวงการพระสงฆ์เนี่ยะ ก็เป็นเรื่องที่พุทธศาสนิกชน จะต้องรู้เข้าใจ ให้ปฏิบัติต่อมันให้ถูกต้อง ว่าที่จริงแล้วก็ ถือว่าเป็นปัญหา ปัญหานั้นเป็นเครื่องฝึกใจ แล้วเป็นเครื่องลับปัญญา เพราะฉะนั้นเมื่อเราใช้ให้เป็น เราก็พลิก แทนที่จะให้มันทำร้ายเรา เราก็กลับมาใช้ประโยชน์

อย่างเช่นเรื่องในวงการพระสงฆ์เวลาเนี่ยะ ถ้าเรามองด้วยปัญญา ในแง่หนึ่ง อาตมาเคยเขียนหนังสือมา หลายเรื่อง หลายครั้งแล้ว เรื่องประเภทเนี๊ยะเคยเกิดขึ้นมา ไม่ใช่ครั้งเดียวหรอก หลายท่านที่อายุมากๆก็ได้ผ่านเหตุการณ์พวกนี้มา เลวร้าย ก็ทำไง? แง่หนึ่งที่จะมองก็บอกว่า พระสงฆ์นี้ถือว่า จะเรียกว่า ใช้ภาษาฝรั่งเรียกว่าเป็น cream (หัวกะทิ - ผู้ถอดความ)ของสังคม ในแง่ของคุณธรรมจริยธรรม เอ๊อ แล้วถ้าสังคมของไทยเราเนี่ยะ แม้แต่ส่วนที่ถือว่าเป็นcream สุดยอดดีเนี่ยะ ยังแย่ขนาดนี้ แล้วสังคมไทยส่วนใหญ่จะไปถึงไหนแล้ว?

อันนี้กลายเป็นเครื่องเตือนเรานะ ว่าอย่าได้ประมาท ให้มาตรวจสอบตัวเองดู แล้วตื่นขึ้นมาเสีย เราอาจจะตกอยู่ในความประมาทมานาแล้ว สังคมไทยนี่ อาจจะฟอนเฟะ หรืออะไรไปอย่างรุนแรงแล้ว มันจะถึงขนาดนี้ มาถึงส่วนที่เป็นcreamนี่ มันแย่ไปด้วย  มันฟ้องแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าได้นอนใจ อย่ามัวถกเถียงกันว่า ว่างั้นว่างี้ โทษคนนั้นคนนี้ มาดูสังคมของตัวเองแล้วรีบ ตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นมา รีบหาทางแก้ไขกัน นี่แหละเป็นจุดที่ ๑ ที่ว่าจะให้เรา ตื่นตัวไม่ประมาท

แล้วก็มองว่า คนไทยทุกคน พุทธศาสนิกชน พุทธบริษัท ทั้งหมดเนี่ยะ เป็นเจ้าของพระพุทธศาสนา เป็นเจ้าของวัดวาอาราม พระพุทธศาสนาวัดวาอาราม ไม่ใช่เป็นของพระองค์ไหน แน่นอน เป็นของชาติของแผ่นดินทั้งหมด ฉะนั้นเรามีส่วนร่วมรับผิดชอบทุกคน ที่ต้องแก้ไข แล้วทำไมเราปล่อยอย่างนี้ล่ะ? ไอ้ที่มีเหตุร้ายอย่างนี้เกิดขึ้นน่ะ เพราะว่าชาวพุทธคนไทยเนี่ยะ ปล่อยปละละเลยหรือเปล่า? ตกอยู่ในความประมาท

สำรวจตัวเองให้ดีก็จะเห็นว่า มันเป็นอย่างนั้นด้วย อาตมาอยากจะเท้าความ แม้แต่ตั้งแต่เสียกรุง หมายถึงกรุงอยุธยาน่ะ ที่ถูกเผาเนี่ยะ แล้วดเรากู้ชาติ กู้แผ่นดินมาเนี่ยะ จนกระทั่งบัดนี้ เรายังไม่ได้ฟื้นตัวเท่าที่ควรเลยนะ ยังไม่ไปถึงไหน เพราะฉะนั้น ตื่นขึ้นมา แล้วก็ รีบสำรวจตัวเอง ลุกขึ้นมา ก้าวหน้าเดินต่อไป ตั้งตัวตั้งหลักให้ดี มันจึงจะไปได้

แล้วการที่จะดู แก้ปัญหาด้วยปัญญาเนี่ยะ ก็ถือว่า ๑) ก็ดูสภาพตัวเองอย่างที่ว่าเนี่ยะ แล้ว ๒) ก็สืบสาวเหตุปัจจัย การแก้ไขปัญหาแม้แต่ดูว่าปัญหามันเกิดมายังไง? ก็เกิดจากเหตุปัจจัย ที่ทำให้เกิดปัญหา แล้วจะแก้ไขยังไงก็ ต้องไปแก้ไขที่เหตุปัจจัยนั้นแหละ แล้วตอนนี้เหตุปัจจัยอะไร? ทางฝ่ายพระ ทางฝ่ายบ้านเมือง ทางฝ่ายประชาชน เนี๊ยะ มันมีเหตุกันทั้งนั้นแหละ

ทุกฝ่ายทำเหตุ เพราะฉะนั้นไปวิเคราะห์แยกแยะให้ดี เราก็จะเห็น แล้วเมื่อเห็นเหตุปัจจัยแล้ว เราก็เห็นทางแก้ไข เพราะฉะนั้นอันนี้ก็ฝากไว้ว่า อย่ามัวไปโศกเศร้าเสียใจ ทำใจไม่สบายว้าวุ่นขุ่นหมองใจ จะไปทางเหี่ยวแห้งหดหู่ หรือจะไปทางฟุ้งซ่าน ไม่พอใจวุ่นวายใจ อะไรก็ตาม ไม่เอาทั้งนั้น เอาอยู่ในความสงบหนักแน่น แล้วก็ให้ใจเนี่ยะ เป็นที่ทำงานอย่างดี เป็นที่ทำงานมีคุณภาพ สำหรับให้ปัญญามาทำงานอย่างได้ผล ฉะนั้น ต้องแยกอันนี้ให้ถูก

ใจเป็นที่ทำงานของปัญญา เรื่องอย่างนี้มาใจไม่ต้องยุ่ง ยกให้ปัญญา ปัญญาจัดการ แล้วก็ใจเราก็คอยตามดูด้วยความสบายใจว่า เอ้อ มันก้าวหน้าไป รู้ปัญหา รู้ปัจจัย เราก็สบายใจขึ้นแล้ว ใจมีแต่เรื่องต้องรับให้มันดี ไม่งั้นใจขุ่นมัวเศร้าหมอง ปัญญาก็พลอยทำงานไม่ได้ผลไปด้วย

เอาละ อันนี้ฝากไว้ ก็ขอให้โยมทุกท่าน ในโล่งโปร่งสบายซะ ไม่ต้องไปขุ่นมัวเศร้าหมองกับเรื่องนี้.

https://youtu.be/_YTGAmB4zYI?si=s8zrcqIydZU0XrCI

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น