1) จากบทเทศน์ธรรม “พุทธศาสนา กับ อฑวิตะ เวฑานตะ - อะไรคือความแตกต่าง?” ของท่าน สวามี ตถัตมานันฑะ (Swami Tadatmananda)
From “Buddhism
vs Advaita Vedanta—What's the Difference?”
(- ต้องขอบอกว่า เจตนาของการเขียน/แปลบางอย่างต่อไปนี้, กระผมมีจุดมุ่งอยู่ที่อยากจะรู้ว่า "อะไรคือ ชีวิต หรือ จิต หรือ วิญญาณ หรือ ชีวาตมัน (mind and soul)? และทำงานกับ "กายร่าง(the body)อย่างไร? แบบว่า - เกิดขึ้นอย่างไร? และมีอยู่่อย่างไร? อะไรแบบนั้น, เพราะตอนนี้มาถึงบั้นปลายที่ไม่ต้องทำงานให้ใครผู้ใดอีกแล้ว.)
ก) advaita (อไทฺวตะ) – ประกอบด้วยสองคำสันสกฤต คือ
“อ(a)” - เป็นคำอุปสรรค(prefix) มีความหมายว่า
“ไม่” (non- อ-)
“ฑวิตะ(dvaita)”
มีความหมายว่า “ทวิภาวะ” (duality - ลักษณะการอยู่เป็นคู่ที่แบ่งแยกไม่ได้)
ดังนั้น
อฑวิตะ หรือ อทวิภาวะ ก็แปลว่า เอกภาวะ หรือ สภาวะความเป็นหนึ่งเดียวก็ได้
แต่ถึงแม้ว่าจะแปลกันเป็นส่วนใหญ่ว่า
“ไม่ใช่ภาวการณ์อยู่เป็นคู่” หรือ “เอกนิยม” ที่ตรงข้ามกับ “ทวินิยม” https://www.baanjomyut.com/library_2/extension-1/the_meaning_of_the_ontology/05.html#
ที่เป็นศาสตร์ของ “ภววิทยา(ontology**)”
ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของ “อภิปรัชญา(Metaphysics***)”
**
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A0%E0%B8%A7%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2
แต่
advaita นั้นมีความหมายในระดับสูง ว่า “non-secondness”
หมายถึง ไม่มีอะไรที่เป็นความเป็นจริงอื่นใดอีกนอกเหนือไปจาก พรหมัน(no
other reality than Brahman****)
****
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99
ซึ่งเป็นเหมือน
สภาวะอันเป็นที่สุด ที่ไม่มีส่วนใดเปลี่ยนแปลงไปอีกแล้ว. หรือสภาวะอันเป็น “จริงขั้นสูงสุด”(ultimate
reality) ปรมัตถสัจ. อันเป็นความเชื่อของชนอารยัน-อินเดีย/ฮินดู-พราหมณ์
มาโดยตลอดในเรื่อง “ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมาโดยตลอดของสรรพสิ่งต่างๆ”. สภาวะอุดมคติสูงสุดที่มนุษย์ดิ้นรนจะไปให้ถึงนี้เรียกว่า
“ปรมาตมัน” ซึ่งก็คือ วิญญาณสากลหรือ ความจริงอันสูงสุดหรือ พรหมัน(Brahman). อันเป็นที่รวมของวิญญาณย่อยๆทั้งหลายที่เรียกว่า อาตมัน (the
soul). คือชีวิตที่เกิดขึ้นด้วยวิญญาณ หรือเรียกอีกอย่างกันว่า ชีวาตมัน.
http://www.siamganesh.com/guidetobrahman.html
ทั้งนี้
คำว่า “อาตมัน”นี้เป็นภาษาสันสกฤต, ถ้าเป็นภาษาบาลีคือ “อัตตา”. (ในคัมภีร์อุปนิษัทอธิบายไว้ว่า อัตตาเป็นตัวตนเล็ก
ๆ รูปร่างเหมือนคน อาศัยอยู่ในหัวใจเวลาปกติ และหนีออกจากร่างกายไปในเวลานอนหลับ
หรือในเวลาสงบแน่นิ่ง เมื่ออัตตานั้นกลับมาสู่ร่างเหมือนเดิม ชีวิตและการเคลื่อนไหวจึงเกิดขึ้นเป็นไปตามเดิม
ในเวลาตายอัตตาก็จะหนีออกจากร่าง
ไปใช้ชีวิตในอมตะของตนเองวนเวียนไปอย่างนี้โดยไม่มีสิ้นสุด
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%B2
ในศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าเรียกความเชื่อเรื่องอัตตาว่าสัสสตทิฐิ ถือเป็นมิจฉาทิฐิอย่างหนึ่ง และเรียกว่าอัตตวาทุปาทาน ซึ่งถือเป็นความยึดมั่นถือมั่นประการหนึ่ง”)
...หุหุหุ...แค่คำแรกที่ว่า Advaita ก็กินความหลังยาวไกลแหล่ว...
ศจ. ริชาร์ด คิง(professor
Richard King) ศาสตราจารย์ในด้านพุทธและเอเชียศึกษา, พบคำว่า “อฑวิตะ
– advaita”นี้ปรากฏที่แรกอยู่ในบริบทของคัมภีร์พระเวท(Vedantic
context)ในกาพย์ “มัณฑุกยะ อุปนิษัท(Mandukya
Upanishad*****) ซึ่งเป็นบทที่สั้นที่สุดของคัมภีร์อุปนิษัท(Upanishad
- คัมภีร์สุดท้ายของพระเวท).
...ทีนี้ก็จะเป็นเรื่องของ
อุปนิษัท - เวฑันตะ – Vedanta...
ข) Vedanta (เวทานตะ) “เวทานตะ (เวทานฺต)”
เป็นคำภาษาสันสกฤต
ของคำสมาส เวท (คำนามของธาตุ วิทฺ) + อนฺต (สุดท้าย) คือ Veda + anta. มีความหมายว่า “ส่วนท้ายสุดของพระเวท” ก็คือ คัมภีร์”อุปนิษัท(Upanishad)นั้นเอง, ที่เป็นวรรณกรรมส่วนท้ายสุดของคัมภีร์พระเวท.
เวฑันตะ หรือ “เวทานตะ
– Vedanta)” เป็น “ปรัชญาฮินดูที่ตั้งอยู่บนหลักการของคัมภีร์พระเวท
แล้วคัมภีร์อุปนิษัทตึงเริ่มต้นหรือเกิดขึ้นหลังจากนั้น; เวทานตะ
แบ่งออกเป็น ๒ สำนักใหญ่ คือ อไทฺวตะ เวทานตะ ของศังกราจารย์ และวิศิษฏาไทฺวตะ
ของรามานุชา.” - จากหนังสือ “พจนานุกรมปรัชญา อังกฤษ-ไทย เรียบเรียง: เจษฎา ทองรุ่งโรจน์”
ทีนี้ก็ต้องกล่าวถึงท่านศังกราจารย์ต้นกำเนิดสำนัก
Advaita Vedanta นี้.
จากหนังสือ “พจนานุกรมปรัชญา อังกฤษ-ไทย
เรียบเรียง: เจษฎา ทองรุ่งโรจน์” เช่นเดียวกัน
“Sankaracaraya หรือ Sankara หรือ Shankara หรือ ศังกราจารย์
(700 – 750):
นักปรัชญาและนักเทววิทยาชาวอินเดีย, มีชื่อเสียงในสำนักปรัชญาอไทฺวตะ เวทานตะ,
ซึ่งความคิดของเขายังเป็นกระแสหลักของความคิดของชาวอินเดียสมัยใหม่,
ด้วยคำอธิบายเกี่ยวกับพรมสูตร(Brahma sutra)
และคัมภีร์อุปนิษัท(Upanishad), ซึ่งยืนยันความคิดของเขาในเรื่องความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลงนิรันดรแต่เพียงอย่างเดียวหรือ
ปรมัตถสัจ(ultimate reality) ที่เรียกว่า พรหมัน(Brahman) และ มายา(illusion) ของเอกภาพในพหุภาพ หรือวิเภทภาพ(ความเหมือนในความต่าง)
ตลอดจนสคุณพรหมันหรือชีวะหรือวิญญาณ: ผู้เขียน The
Doctrine of Advaita: The Commentary on the “Brahman Sutra” and on The Principal
Upanishads.”
แหะแหะแหะ...หิวข้าวแล้ว...อันว่าคัมภีร์”อุปนิษัท”
หรือ “เวฑันตะ – Vedanta” เป็นความที่ยืดยาวและลึกซึ้งของชนอารยัน-อินเดีย
มาก. เกินกว่าที่กระผมจะบังอาจนำมาชี้แนะได้.
ทั้งนี้,
ดังที่บอกไว้ตอนต้นเรื่องแล้วว่า, กระผมมีเจตนาแต่เพียง “อยากรู้”ว่า ชีวิต หรือ
จิต นี้เกิดขึ้นมาและทำงานเช่นไรกับ”กายร่าง-body”, เท่านั้น. ไม่ได้บังอาจจะไปถึงเรื่องว่า อะไรคือ “ปรมัตถสัจ” หรือ “อริยสัจ”
แต่อย่างใด.
จึงต้องยุติเรื่องความหมายและที่มาของสำนัก อฑวิตะ
เวฑันตะ(Advaita Vedanta)ไว้แค่นี้.
เพื่อไปอ่าน/ฟัง/แปลว่า ท่าน สวามี ตถัตมานันฑะ (Swami Tadatmananda) อธิบายเรื่องของความเป็น “ชีวิต/จิต/วิญญาณ” แตกต่างจากศาสนาพุทธไว้อย่างไร?...
พุทธศาสนา
นั้น คงไม่ต้องอธิบายอะไรกันแล้วนะครับ. อยากรู้ก็ต้องไปศึกษากันเอาเอง. เน๊าะ.
(มีต่อ
2)..../ )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น