ภาคผนวก
ภาคผนวก 1:
นิเวศวิทยา แห่ง ดูน
โพ้นเลยไปจากจุดวิกฤตภายในอวกาศจำกัดขอบเขต,
อิสรภาพถูกทำให้ลดน้อยลงในขณะที่ตัวเลขเพิ่มขึ้น. นี้เป็นสัจจริงของมนุษย์ทั้งหลายในอวกาศที่จำกัดขอบเขตของระบบนิเวศดาวเคราะห์เช่นที่มันเป็นโมเลกุลเยี่ยงก๊าซทั้งหลายในขวดแก้วปิดผนึก.
คำถามของมนุษย์ไม่ใช่ว่ามีอยู่มากมายเท่าใดซึ่งสามารถเป็นไปได้ที่จะรอดชีวิตภายในระบบนั้น,
แต่คือประเภทไหนของสิ่งมีชีวิตที่เป็นไปได้สำหรับเหล่าผู้ที่รอดชีวิต.
---ปาร์โดต์
คายนิ์ส, นักพิภพนิเวศวิทยา คนแรก แห่ง อาราคิส
ผลกระทบของอาร์ราคิสกับจิตใจของผู้มาใหม่โดยทั่วไปแล้วก็คือดินแดนที่ทรงพลังความแห้งแล้งอย่างท่วมท้น.
ผู้แปลกถิ่นอาจจะไม่คิดอะไรนักสามารถมีชีวิตอยู่และเจริญเติบโตได้ในที่เปิดโล่งกลางแจ้งนี้,
ว่านี้เป็นแผ่นดินรกร้างแท้จริงซึ่งไม่เคยได้มีความอุดมสมบูรณ์และไม่มีวันจะเป็น.
สำหรับปาร์โดต์ คายนิ์ส,
พิภพนี้แทบจะเป็นการแสดงออกถึงพลังงาน,
เครื่องจักรกลหนึ่งที่ถูกขับเคลื่อนโดยดวงอาทิตย์ของมัน. อะไรที่มันจำเป็นต้องการคือการเปลี่ยนแปลงรูปใหม่ให้เหมาะกับความจำเป็นต้องการทั้งหลายของมนุษย์.
จิตใจของเขาตรงไปยังประชากรมนุษย์ที่เคลื่อนไหวอย่างอิสระ, ฟรีเมน. ช่างเป็นการท้าทายยิ่ง! ช่างคือเครื่องมืออย่างยิ่งที่พวกเขาเป็น! ฟรีเมน:
กองกำลังทางนิเวศวิทยาและธรณีวิทยาแห่งศักยภาพอันเกือบไร้ขีดจำกัด.
คนตรงและเรียบง่ายในมากมายหลายหนทาง,
ปาร์โดต์ คายนิ์ส. ผู้ต้องหลีกหนีการควบคุมบังคับฮาร์คอนเนน?
ดีเลิศ. แล้วผู้แต่งงานกับหญิงฟรีเมนหนึ่ง. เมื่อเธอให้บุตรชายฟรีเมนหนึ่งคนแก่เขา,
คุณก็เริ่มต้นกับเขา, กับ เลียต-คายนิ์ส, และเด็กๆอื่น,
การสอนพวกเขาถึงความรู้ในทางนิเวศวิทยา,
การสร้างสรรค์ภาษาใหม่ด้วยสัญลักษณ์ทั้งหลายที่ติดอาวุธจิตใจที่จะจัดการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศทั้งปวงให้เหมาะสม,
ภูมิอากาศของมัน, ข้อจำกัดทางฤดูกาลของมัน,
และในท้ายสุดที่จะพังทะลุผ่านความคิดทั้งหมดของแรงกำลังเข้าไปสู่สัมปชัญญะอันพิศวงงงงวยแห่งคำบัญชา(order).
“มีความงดงามที่ได้สำนึกรู้อยู่ภายในของการเคลื่อนไหวและสมดุลบนดาวเคราะห์ใดๆที่มีมนุษย์-แข็งแรง,”
คายนิ์สพูด. “เจ้าเห็นในแก่นแท้ของอิทธิพลอันมีพลวัตรเสถียรงดงามต่อชีวิตทั้งหมด.
เป้าหมายของมันนั้นเรียบง่าย:
คือจะธำรงและผลิตสร้างรูปแบบทั้งหลายที่ถูกทำงานไปพร้อมกันของความหลากหลายทางชีวภาพอันยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้นและยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น.
ชีวิตปรับปรุงความสามารถทางกายและจิตใจของระบบที่ถูกปิดเพื่อจรรโลงชีวิต.
ชีวิต---ชีวิตทั้งหมด---อยู่ในการรับใช้ของชีวิต. ธาตุอาหารที่จำเป็นถูกทำให้สามารถหาได้ต่อชีวิตโดยชีวิตในความอุดมสมบูรณ์อันยิ่งใหญ่และยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้นดังที่การเพิ่มขึ้นทั้งของความหลากหลายของชีวิต.
ภูมิประเทศทั้งปวงได้มีชีวิตขึ้น,
เติมเต็มด้วยสัมพันธภาพและสัมพันธภาพทั้งหลายภายในสัมพันธภาพทั้งหลาย.
นี่คือการบรรยายของปาร์โดต์
คายนิ์สต่อชั้นเรียนของโพรงสิฐคามหนึ่ง.
ก่อนการบรรยายทั้งหลาย,
กระนั้นด้วย, เขาต้องโน้มน้าวชักจูงชนฟรีเมน.
ที่จะเข้าใจถึงสิ่งนี้ว่ามาเกี่ยวข้องอย่างไร, คุณต้องเข้าใจในคราแรกถึงเอกจิตอันมหาศาล,
ความไร้เดียงสาที่เขาได้เข้าไปสู่กับปัญหาใดๆ. เขาไม่ใด้ไม่มีประสบการณ์,
เขาแค่จะไม่ยินยอมให้ตนเองในสิ่งที่ทำให้ไขว้เขว.
เขาได้ออกสำรวจภูมิประเทศของอาร์ราคิสในรถภาคพื้นที่นั่งคนเดียวในตอนบ่ายร้อนวันหนึ่งเมื่อเขาพบโดยบังเอิญเข้ากับฉากทัศน์อันน่าสังเวชอันหนึ่ง.
หกมือสังหารฮาร์คอนเนนส์, มีอาวุธเต็มมือและโล่ห์พลัง, ได้ดักจับวัยรุ่นฟรีเมนสามคนไว้ในที่โล่งหลังกำแพง
โล่ห์พลังใกล้กับหมู่บ้านของวินด์แส็ค. กับคายนิ์สแล้ว,
มันเป็นสงครามติ๊ง-ต๊อง, เป็นเรื่องตลกโปกฮามากกว่าแล้วกลายเป็นจริง,
จนกระทั่งเขาเพ่งความสนใจไปบนความจริงที่ว่าพวกฮาร์คอนเนนส์นั้นตั้งใจที่จะฆ่าพวกฟรีเมน.
ถึงตอนนี้, หนึ่งในวัยรุ่นได้ล้มลงไปด้วยหลอดเลือดแดงเสียหายหนัก,
มือสังหารสองคนก็ล้มลงไปด้วยเช่นกัน,
แต่มันยังคงเหลืออยู่อีกสี่คนอาวุธครบกับอีกฝ่ายสองวัยรุ่น.
คายนิส์ไม่ใช่คนกล้า; เขาแค่มีเอกจิต –
จิตใจยึดอยู่เรื่องเดียวและกลัวเกรงต่ออันตรายใด. พวกฮาร์คอนเนนส์กำลังฆ่าฟรีเมน.
พวกเขากำลังทำลายเครื่องมือที่เขาได้ตั้งใจที่จะใช้ในการสร้างดาวเคราะห์นี้ขึ้นใหม่! เขากดปุ่มเปิดโล่พลังของตนเอง, เดินลุยเข้าไปและล้มสองฮาร์คอนเนนส์ด้วยการลอบกัดก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวว่ามีใครคนใดอยู่ข้างหลังพวกตน.
เขาหลบมีดดาบที่แทงเข้ามาจากหนึ่งในคนอื่นๆ, เขากรีดคอชายผู้นั้นด้วยกระบวนท่า อ็องเตรสซูริ์,
และทิ้งมือสังหารที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวให้กับสองวัยรุ่นฟรีเมนนั้น,
หันความสนใจเต็มที่ไปเพื่อช่วยเหลือเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ที่พื้นดิน.
และการช่วยชีวิตหนุ่มนั้นของเขา.....ขณะที่ฮาร์คอนเนนส์คนที่หกถูกฆ่าทิ้งไป.
บัดนี้ที่นี่ก็เป็นเช่นหลุมตัวอ่อนหนอนทราย(sandtrout*)แล้ว! พวกฟรีเมนไม่รู้ว่าทำอะไร
* https://dune.fandom.com/wiki/Sandtrout
กับคายนิ์สดี. พวกนั้นรู้จักว่าเขาเป็นใคร, แน่นอนละ.
ไม่มีใครมาถึงยังอาร์ราคิสโดยปราศจากแฟ้มข้อมูลเต็มที่เพื่อค้นหาหนทางของมันเข้าไปในที่มั่นป้อมปราการทั้งหลายของฟรีเมน.
พวกนั้นรู้จักเขาดี: เขาคือข้าราชการแห่งจักรวรรดิ.
แต่เขาได้ฆ่าฮาร์คอนเนนส์!
ผู้ใหญ่ทั้งหลายอาจจะยักไหล่และ,
ด้วยบางความรู้สึกเสียใจ, ส่งร่มเงาของเขานี้ไปร่วมกับหกคนที่ตายไปบนพื้นนั้น. แต่ฟรีเมนนี้เพิ่งมีประสบการณ์รับรับรู้ของวัยเยาว์และทั้งหมดที่พวกเขาสามารถมองเห็นได้คือที่พวกเขาเป็นหนี้ข้าราชการแห่งจักรวรรดิผู้นี้เป็นบุญคุณถึงชีวิต.
คายนิ์สติดอยู่สองวันต่อมาในสิฐคาม(sietch*)หนึ่งที่มองลงมาเห็นวินด์ พาส(Wind Pass).
* https://dune.fandom.com/wiki/Sietch
สำหรับเขาแล้ว, มันทั้งหมดเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง. เขาพูดคุยกับพวกฟรีเมนเกี่ยวกับเรื่องน้ำ,
เกี่ยวกับนูนทราย(dunes)ที่ถูกฝังสมอยึดไว้โดยหญ้า,
เกี่ยวกับสวนปาล์มทั้งหลายที่เต็มไปด้วยอินทผาลัม(date palms), เกี่ยวกับคานัต(qanat*s – อุโมงค์ส่งน้ำโบราณ)ทั้งหลายที่ไหลข้ามผ่าน
* https://hmong.in.th/wiki/Qanat
ทะเลทราย. เขาคุยแล้วก็คุยแล้วก็คุย.
รายรอบเขาเกิดความดุเดือดขึ้นอย่างที่คายนิ์สไม่เคยพบเห็นมาก่อน.
จะทำอะไรดีกับชายบ้าบอผู้นี้หรือ? เขารู้ถึงตำแหน่งแห่งหนของสิฐคามใหญ่หลักแห่งหนึ่งแล้ว.
ทำอะไรดี? คำพูดอะไรทั้งหลายของเขา, ชายบ้าผู้นี้คุยถึงสวรรค์ที่บนอาร์ราคิสหรือ?
แค่คุย. เขาได้รู้มากเกินไปแล้ว. แต่เขาก็ฆ่าฮาร์คอนเนนส์! อะไรคือภาระหนักกับน้ำ? เมื่อไหร่ที่เราเป็นหนี้สิ่งใดๆต่อจักรวรรดิหรือ?
เขาฆ่าฮาร์คอนเนนส์. ใครก็สามารถฆ่าฮาร์คอนเนนส์ได้. ข้าเองก็ได้ทำมันมาแล้ว.
แต่นี่เป็นการพูดคุยอะไรกันถึงดอกไม้ทั้งหลายเบ่งบานบนอาร์ราคิส?
ง่ายดายมาก.
ที่ไหนล่ะที่มีน้ำสำหรับการนี้?
เขาบอกว่ามันอยู่ที่นี่! และเขาได้ช่วยชีวิตสามคนของพวกเรา.
เขาได้ช่วยชีวิตสามคนโง่ผู้เอาตัวเองไปอยู่ในหนทางของฮาร์คอนเนนส์เป็นอย่างแรก.
และเขาได้เห็นมีดกริชคริสไคไน้ฟ(crysknife)!
การตัดสินใจอันจำเป็นยิ่งนั้นได้รู้กันมานานลายชั่วโมงแล้วก่อนที่มันจะถูกเอ่ยออกมาเป็นเสียง.
ตัฟ(tau* - ความเชื่อทางศาสนา/เวทย์อาคม)ของสิฐคาม(seitch)บอกสมาชิกของมันว่าอะไร
* https://dune.fandom.com/wiki/Tau
ที่พวกเขาต้องทำ;
แม้กระทั่งความจำเป็นอย่างโหดเหี้ยมซึ่งถูกรู้จักกันดี.
นักรบที่มีประสบการณ์ถูกส่งออกไปพร้อมมีดศักดิ์สิทธิ์เพื่อที่จะทำงานหนึ่ง. สองคนน้ำ(watermen)ติดตามเขาไปเพื่อเอาน้ำจากร่าง.
ความจำเป็นอันโหดเหี้ยม.
มันเป็นที่เคลือบแคลงใจนักว่าคายนิ์สกระทั่งเพ่งความสนใจอยู่กับผู้-อาจเป็น-เพชฌฆาตของเขาหรือไม่.
เขากำลังพูคุยอยู่กับกลุ่มคนที่แพร่กระจายอยู่รอบตัวของเขาที่ในระยะห่าง-ระวัง.
เขาเดินไปขณะที่พูด: เป็นวงกลมระยะสั้น, ชี้แนะออกท่าทาง.
น้ำในที่โล่ง, คายนิ์สพูด. เดินไปในที่โล่งโดยปราศจากสติลล์สูท.
น้ำสำหรับหยดมันออกมาจากสระ! พอร์ตีกุลส์(portyguls*
– ผลส้ม).
* https://www.glossaria.net/en/dune/portyguls
คนมีด(knifeman)ออกมาเผชิญหน้ากับเขา.
“ปลดเปลื้องตัวของเจ้า,” คายนิ์สพูด,
และพูดคุยต่อไปเกี่ยวเครื่องดักลมอย่างลับทั้งหลาย, เขาปัดผ่านชายนั้นเดินไป.
หลังของคายนิ์สยืนเปิดโล่งให้กับการันตามพิธีกรรมนั้น.
อะไรที่ดำเนินไปในจิตใจของผู้-อาจเป็น-เพชฌฆาตไม่สามารถถูกรู้ได้ในตอนนี้.
เขาในที่สุดได้ฟังต่อคายนิ์สและเชื่อมันหรือ? ใครรู้ได้?
แต่อะไรที่เขาได้ทำคือแก่นแท้ของบันทึก. อูเลียตเป็นชื่อของเขา, เลียต
ผู้แก่กว่า. อูเลียตเดินไปสามก้าวและร่วงลงอย่างไตร่ตรองบนมีดของตนเอง,
กระนั้นเช่น “ปลดเปลื้อง”ตัวเขาเอง. ฆ่าตัวตายหรือ? บางคนพูดว่า ไช-ฮูลุดเคลื่อนย้ายเขาไป.
พูดเกี่ยวกับนิมิตทั้งหลาย!
จากชั่วขณะนั้น, คายนิ์สได้แต่ชี้ให้เห็น,
พูด “ไปที่นั้น.” เผ่าฟรีเมนทั้งหลายทั้งปวงได้ไป. ผู้ชายตาย, ผู้หญิงตาย,
เด็กๆตาย. แต่พวกเขาได้ไป.
คายนิ์สกลับไปยังงานที่น่าเบื่อทั้งหลายของจักรวรรดิ,
อำนวยการกำกับสถานีทดสอบทางชีววิทยา. และตอนนี้, ฟรีเมนเริ่มต้นที่ปรากฏอยู่ในหมู่บุคลากรของสถานี.
พวกฟรีเมนมองซึ่งกันและกัน. พวกเขาแทรกซึม”ระบบ,”
ความเป็นไปได้ที่พวกเขาไม่เคยได้พิจารณาถึง. เครื่องมือทั้งหลายของสถานีได้เริ่มต้นการค้นพบหนทางของพวกเขาเข้าไปในโพรงสิฐคามทั้งหลาย---คัตเตอเรย์ส(cutterays
- เครื่องตัดด้วยเลเซอร์ขนาดเล็ก)ที่ถูกใช้ที่จะขุดลงไปใต้ดินแอ่งจับเก็บน้ำและเครื่องดักลมทั้งหลาย.
น้ำ
เริ่มถูกกักเก็บในแอ่งทั้งหลายนั้น.
มันกลายไปปรากฏสู่ฟรีเมนว่าคายนิ์สนั้นไม่ใช่คนบ้าใดอย่างที่สุด,
แค่บ้าเพียงพอที่จะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์. เขาเป็นหนึ่งแห่งอุมมา(umma
– ผู้พยากรณ์/ศาสดา),
พี่น้องแห่งศาสดาพยากรณ์ทั้งหลาย. เงาแห่งของอูเลียตถูกก้าวหน้าไปสู่ซาดัส(sadus*
- ตุลาการศักดิ์สิทธิ์), ฝูงชนแห่ตุลาการสรวงสวรรค์.
* https://scifi.fandom.com/wiki/Sadus
คายนิ์ส – กำกับ, คายนิ์สผู้มุ่งมั่นอย่างดุร้าย---รู้ดีว่าการค้นคว้าวิจัยที่ถูกจัดระบบอย่างสูงเป็นการรับประกันว่าจะไม่ได้ผลิตสร้างอะไรขึ้นมาใหม่.
เขาจัดตั้งหน่วยทดลองขนาดเล็กด้วยการแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอในข้อมูลสำหรับผลตอบรับแบบทานสลีย์(Tansley
effect)อันรวดเร็ว,
* http://www.kodaengineering.com/news/2016/4/10/the-tansley-effect
ปล่อยให้แต่ละกลุ่มค้นหาเส้นทางของตัวมันเอง.
พวกเขาต้องเก็บรวบรวมสะสมหลายล้านของข้อเท็จจริงขนาดจิ๋ว.
เขาได้จัดระบบการทดสอบทั้งหลายแต่เพียงแบบแยกจากกันและไหลผ่านอย่างหยาบเพื่อที่จะเอาความยากลำบากทั้งหลายของพวกเขาเข้าไปในทัศนมิติ.
การเก็บตัวอย่างดินแบบคอริ์
แซมพลิง(core sampling*)ถูกทำไปทั่วทุกหนทุกแห่งตลอด
*https://ebook.lib.ku.ac.th/ebook27/ebook/20150106/files/basic-html/page97.html
แถบชนบทห่างไกลเมืองทั้งหลาย(the bleds). แผนภูมิตารางทั้งหลายถูกพัฒนาขึ้นบนกระแสเส้นทางยาวทั้งหลายของสภาพอากาศที่ถูกเรียกว่าภูมิอากาศ.
เขาค้นพบว่าในเข็มขัดแถบกว้างนั้นบรรจุอยู่โดยเส้น 70-องศาทั้งหลาย,
เหนือและใต้, อุณหภูมิทั้งหลายมานานหลายพันปีไม่ออกไปพ้นนอกพิสัย(สัมบูรณ์) 254-332 องศาเลย, และนั่นคือเข็มขัดนี้ที่ได้เป็นฤดูกาลทั้งหลายที่พืชพันธุ์เจริญงอกงามอันยาวนานที่ซึ่งพิสัยอุณหภูมิจาก
284 ไปถึง 302 องศาสัมบูรณ์: พิสัย “โบนันซ่า(bonanza - ขุมทรัพย์)สำหรับชีวิตที่ปรับสภาพนิเวศน์(terraform life).....เมื่อใดที่พวกเขาสามารถคลี่คลายปัญหาเรื่องน้ำได้.
เมื่อไหร่เราจะคลี่คลายมัน?
ฟรีเมนถาม. เมื่อไหร่ที่เราจะได้เห็นอาร์ราคิสเป็นสรวงสวรรค์?
ตามมรรยาทการตอบของครูผู้สอนต่อเด็กผู้ได้ถามผลรวมของ
2 บวก 2, คายนิ์สบอกพวกเขา: จากสามร้อยไปถึงห้าร้อยปี.
ชนกลุ่มน้อยหนึ่งอาจจะร้องโหยหวนอย่างท้อแท้ใจ.
แต่ฟรีเมนได้เรียนรู้มาอย่างอดทนจากผู้คนด้วยแซ่ฟาดทั้งหลาย.
มันเป็นที่นานกว่าเล็กน้อยจากที่พวกเขาได้คาดหวัง,
แต่พวกเขาทั้งหมดสามารถที่จะมองเห็นวันอันปีติสุขนั้นว่ากำลังมา.
พวกเขาขึงขันแน่นสายรัดทั้งหลายของพวกเขาและกลับไปทำงาน. ด้วยวิธีใดก็ตาม,
ความผิดหวังนั้นทำให้ภาพทัศน์ของสวรรค์เป็นจริงยิ่งขึ้น.
ความยุ่งยากบนอาร์ราคีนไม่ใช่กับน้ำ,
แต่กับความชื้น. สัตว์เลี้ยงทั้งหลายเกือบไม่เป็นที่รู้จัก,
ปศุสัตว์หาได้ยาก. ผู้ลักลอบสินค้าเถื่อนบางรายจ้างลาทะเลทรายท้องถิ่น, คูลอน(kulon*), แต่
* https://dune.fandom.com/wiki/Kulon
ราคาค่าน้ำนั้นสูงกระทั่งเมื่อสัตว์ทั้งหลายนั้นต้องเหมาะพอดเข้ากันได้กับชุดสติลล์สูทที่ดัดแปลงแล้ว.
ความคิดของคายนิ์สในเรื่องการติดตั้งโรงงานที่ย่อยสลายเพื่อกู้คืนน้ำจากไฮโดรเจนและออกซิเจนที่ถูกกักปิดอยู่ในหินพื้นเมือง,
แต่ปัจจัยค่าใช้จ่ายของพลังงานนั้นสูงไกลเกินไป. ขั้วโลกของดาวเคราะห์(ถูกเมินเฉยให้ความรู้สึกที่ลวงผิดในเรื่องความมั่นคงของน้ำที่พวกเขาให้กับพวกปีออน(pyons*
- ชนชั้นล่างของศักดินา)มีปริมาณน้อยเกินไปสำหรับโครงการของเขา.....และเขาได้คาดถึงที่ที่น้ำจะต้องมีเอาไว้แล้ว.
มีการเพิ่มขึ้นที่สอดคล้องกันของความชื้นที่พิกัดเมอริเดียน(meridian
attitudes*), และในกระแสลมที่ชัดเจน.
เบาะแสเบื้องต้นในความสมดุลอากาศนี้เอง---23 เปอร์เซ็นต์ออกซิเจน,
75.4 เปอร์เซ็นต์ไนโตรเจนและ .023
เปอร์เซ็นต์คาร์บอนไดออกไซด์---กับร่องรอยของก๊าซทั้งหลายอยู่ในส่วนที่เหลือ.
มีพืชรากท้องถิ่นที่หาได้ยากซึ่งเติบโตอยู่เหนือระดับ
2,500 เมตรในเขตอุณหภูมิตอนเหนือ. หัวพืชที่ยาวในดินสองเมตรให้น้ำได้ถึงครึ่งลิตร.
และนั่นคือพืชทั้งหลายที่แปลงสภาพกับทะเลทราย:
ต้นที่แข็งอึดทนกว่าแสดงสัญญาณของความเจริญเติบโตถ้าได้ถูกเพาะปลูกในแนวแถวความกดอากาศต่ำด้วยเครื่องกรองน้ำค้างทั้งหลาย(dew
precipitators).
แล้วคายนิ์สก็เห็นแอ่งเกลือ.
ยาน’ธ็อปเตอร์ของเขา,
กำลังบินอยู่ระหว่างสถานีไกลออกไปบนชนบทนอกเขตเมืองthe bled), ได้ถูกพัดออกไปนอกเส้นทางบินโดยพายุ.
เมื่อพายุนั้นได้ผ่านไปแล้ว,
มีแอ่งกระทะหนึ่ง---ที่ลุ่มกว้างใหญ่รูปไข่ราวสามร้อยกิโลเมตรตามแกนยาว---สีเขาเหลือบสะท้อนแสงน่าประหลาดใจในทะเลทรายที่เปิดโล่งนั้น.
คายนิ์สลงสู่พื้นจอดยาน, ชิมรสผิวหน้าของแอ่งกระทะที่พายุได้ทำความสะอาดไว้นั้น.
เกลือ.
ตอนนี้, เขาแน่ใจ.
เคยมีน้ำอยู่ในที่เปิดโล่งบนอาร์ราคิส---ครั้งหนึ่ง.
เขาเริ่มต้นตาวจสอบซ้ำอีกครั้งในหลักฐานของบ่อน้ำที่แห้งผากนั้นที่การไหลรินออกมาของน้ำได้เคยปรากฏออกมาและหายไป,
ไม่เคยกลับมา.
คายนิ์สจัดกลุ่มใหม่ของนักชลศาสตร์ฟรีเมนที่ถูกฝึกฝนฝนแล้วในการที่จะทำงาน; เบาะแสสำคัญ, แผ่นเหนียวชิ้นเล็กชิ้นน้อยของสาระสำคัญของภารกิจพวกเขาบางครั้งถูกพบอยู่กับมวล-เครื่องเทศภายลังจากพายุพัดเป่า.
นี้ได้ถูกพิจารณาว่าน่าจะมาจากเยี่ยงนิยายของ “ตัวอ่อนหนอนทราย(sandtrout)” ในนิทานทั้งหลายของชนฟรีเมน.
ขณะที่ข้อเท็จจริงทั้งหลายได้เติบโตไปเป็นหลักฐาน,
สิ่งมีชีวิตหนึ่งก็โผล่พรวดออกมาเพื่ออธิบายแผ่นเหนียวชิ้นเล็กชิ้นน้อยทั้งหลายเหล่านี้---แมงมวนทรายที่ดักกั้นน้ำเข้าไปในกระเปาะเจริญพันธุ์ทั้งหลายภายในชั้นหินรูพรุนที่อยู่ชั้นต่ำกว่าใต้เส้น
280 องศา(สัมบูรณ์).
“ตัวขโมย-น้ำ”ได้ตายไปเป็นหลายล้านในแต่ละการระเบิดของเครื่องเทศ.
การเปลี่ยนแปลงห้าองศาในอุณหภูมิที่สามารถฆ่ามันได้. ผู้รอดชีวิตจำนวนเล็กน้อยได้เข้าไปในถุงน้ำคร่ำสำหรับสภาวะกึ่งจำศีลเพื่อที่จะโผล่เข้าไปในหกปีเป็นดั่งตัวเล็ก(ราวสามเมตรยาว)ของหนอนทรายทั้งหลาย.
จากการเหล่านี้, มีเพียงจำนวนเล็กน้อยที่หลบเลี่ยงพี่ๆขนาดโตทั้งหลายและกระเป๋าน้ำปฐมเครื่องเทศ(pre-spice
water)ทั้งหลายที่จะโผล่ไปเป็นการโตเต็มวัยเป็นดุจ
ไช-ฮูลุด ยักษ์(giant shai-hulud), (น้ำนั้นเป็นพิษต่อ ไช-ฮูลุดดั่งที่ฟรีเมนต่างรู้กันดีมานานจากการจมแช่
“หนอนแคระ”ที่หายากของ ไมเนอร์ เอิร์ก ที่จะผลิตสร้างสารปลุกสัมปชัญญะเชื้อปฏิชีวนะเสพย์ติดที่พวกเขาเรียกว่า
“ชีวะวารี - น้ำแห่งชีวิต”. “หนอนแคระ”นั้นคือรูปร่างดึกดำบรรพ์ของ
ไช-ฮูลุด ที่ไปถึงความยาวหนึ่งของแค่เพียงราวเก้าเมตร.)
ตอนนี้พวกเขาได้วัฏจักรสัมพันธภาพนี้:
ผู้สร้างตัวน้อย(little maker)ไปสู่ ปฐม-มวลเครื่องเทศ(pre-spice mass); ผู้สร้างตัวน้อย ไปสู่ ไช-ฮูลุด; ไช-ฮูลุด
ไปสู่การโปรยหว่านเครื่องเทศนั้นลงไปที่เป็นเช่นการป้อนอาหารสิ่งมีชีวิตจุลลินทรีย์ทั้งหลาย(microscopic
creatures)ที่ถูกเรียกว่า แพลงตอนทะเลทราย(sand
plankton); แพลงตอนทะเลทรายนั้น, เป็นอาหารให้กับ ไช-ฮูลุด, เติบใหญ่, ซุกแอบ, กลายเป็นผู้สร้างน้อยทั้งหลาย.
คายนิ์สและผู้คนของเขาหันความสนใจขอพวกเขาจากสัมพันธภาพอันยิ่งใหญ่นี้และเพ่งมุ่งอยู่กับจุล-นิเวศวิทยา(micro-ecology). อย่างแรก, สภาพอากาศของพื้นผิวทรายมักจะขึ้นไปถึงอุณหภูมิของ
344° ถึง 350° (สัมบูรณ์).
ต่ำลงไปหนึ่งฟุตในดินมันอาจเป็น 55° เย็นกว่า; หนึ่งฟุตเหนือพื้นดิน, 25° เย็นกว่า.
ใบไม้ทั้งหลายหรือเงามืดดำสามารถสร้างหาให้อีก 18° ของความเย็น.
ถัดไป, ธาตุอาหารทั้งหลาย: ในทะเลทรายของอาร์ราคิสส่วนใหญ่คือสิ่งที่หนอนทรายขับถ่ายออกมา;
ฝุ่น(คือปัญหาแท้จริงที่มีทั่วทุกแห่งของที่นั่น)ถูกผลิตสร้างโดยพื้นผิวที่คืบคลานอย่างต่อเนื่องนั้น,
“การโลดเต้น”เคลื่อนที่ของทราย. เม็ดหยาบทั้งหลายถูกพบบนด้านตามทิศทางลมทั้งหลายของนูนทราย(dunes). ด้านที่ต้านลมจะละเอียดเนียนอัดแน่นและแข็ง. นูนทรายเก่าแก่จะเป็นสีเหลือง(จากการถูกออกซิไดซ์),
นูนทรายวัยรุ่นจะเป็นสีสันของหินต้นกำเนิด---มักจะเป็นสีเทา.
ด้านตามทิศทางลมของนูนทรายเก่าแก่ทั้งหลายจัดหาให้ซึ่งพื้นที่เพาะปลูกแรก.
พวกฟรีเมนเล็งเป้าหมายแรกสำหรับวัฏจักรของหญ้าทนแล้ง(poverty
grass*)ด้วยเยื่อขนอ่อน(peatlike
hair cilia)ที่จะสานเข้าด้วยกัน,
ปูรองและจับยึดนูนทรายทั้งหลายนั้นโดยการกีดกันลมของอาวุธใหญ่ของมัน, เม็ดทรายซึ่งสามารถเคลื่อนที่ได้.
เขตปรับตัวทั้งหลายนี้ถูกทอดวางออกไปในทะเลทรายลึกทางตอนใต้ไกลจากผู้เฝ้าดูของฮาร์คอนเนน.
หญ้าทนแล้งที่กลายพันธุ์ทั้งหลายถูกปลูกเป็นอันดับแรกไปตามด้านตามทิศทางลม(ด้านลาดโค้งเว้า-
slipface)ของนูนทรายทั้งหลายที่ถูกเลือกซึ่งยืนพาดข้ามเส้นทางของมุ่งตะวันตกอันยืนยงทั้งหลาย.
ด้วยผิวหน้าทิศทางตามลมถูกทิ้งสมอยึดลง,
ผิวหน้าด้านต้านลมเติบโตสูงขึ้นและสูงยิ่งขึ้นและหญ้านั้นก็เคลื่อนไล่ตามไปทุกฝีก้าว.
สันทรายยักษ์ทั้งหลาย(giant sifs - นูนทรายที่เป็นสันโค้งเว้า)ของมากไปกว่า 1,500
เมตรความสูงได้ถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีนี้.
เมื่อกำแพงกั้นนูนทรายทั้งหลายนี้ได้ขึ้นไปถึงความสูงที่พอเพียงแล้ว,
ผิวน้าด้านต้านลมก็ถูกปลูกด้วยหญ้าคา(sword grass)ทั้งหลายที่อึดทนกว่า.
แต่ละโครงสร้างบนฐานหนึ่งราวเกือบจะหนาเป็นหกเท่าของความสูงของมันได้ถูกทิ้งสมอลง –
ถูกตรึงแน่น.
ทีนี้,
พวกเขาก็เข้ามาสู่การปลูกพืชที่ลึกยิ่งขึ้น---พืชล้มลุก(ephemerals) - เช่น ขนห่าน(chenopods), แห้วหมู(pigweeds), และผักโขม(amaranth)ในการเริ่มต้น - แล้วจึงเป็น ดอกไม้กวาด(scotch
broom), ถั่วลูปินคลุมดิน(low
lupin), เถายูคาลิปตัส(vine
eucalyptus – ชนิดนี้ปรับปรุงมาจากของคาลาดานทางภาคเหนือไกล),
ทามาริสก์แคระ(dwarf tamarisk*), สนชายฝั่ง
(shore pine*)---แล้วไปสู่การปลูกพืชเติบโตในทะเลทรายของจริงทั้งหลาย:
แคนดีลิลลา
* https://isecosmetic.com/wiki/Pinus_contorta
(candelilla1), กระบองเพชรซากัวโร(saguaro2), และ บิส-นาจา(bis-naga3), กระบองเพชรถัง(the barrel
1 https://www.candelilla.org/?page_id=528
2https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A3
cactus). ที่ซึ่งมันจะสามารถเติบโตได้, พวกเขาแนะนำ คาเมล
เสจ(camel sage4),
หญ้าต้นหอม
3 https://en.wikipedia.org/wiki/Barrel_cactus
4 https://en.wikipedia.org/wiki/Larrea_tridentata
(onion
grass5), หญ้าขนนกโกบี(gobi feather
grass6), อัลฟัลฟ่าป่า(wild alfalfa7), เบอโร บุช
5 https://en.wiktionary.org/wiki/onion_grass
6 https://www.dreamstime.com/dry-grass-steppe-landscape-gobi-desert-mongolia-image146664125
7 https://en.wikipedia.org/wiki/Alfalfa
(burrow bush8), แซนด์ เวอร์บีนา(sand verbena9), อีฟนิ่ง พริมโรส(evening primrose10), อินเซนส์ บุช(incense bush11), สโม๊ค ทรี(smoke tree12), และพุ่มครีโอโซต(creosote bush13).
8 https://en.wikipedia.org/wiki/Ambrosia_dumosa
9 https://en.wikipedia.org/wiki/Abronia_(plant)
10 https://www.wildflower.org/plants/result.php?id_plant=OEBI
11 https://davisla.wordpress.com/category/incense-bush/
12 https://en.wikipedia.org/wiki/Cotinus
13 https://en.wikipedia.org/wiki/Larrea_tridentata
พวกเขาหลังจากนั้นก็พลิกหันไปหาชีวิตของสัตว์ที่จำเป็น---สิ่งมีชีวิตในรูโพรงทั้งหลายเพื่อที่จะเปิดดินนั้นและเติมอากาศมัน:
หมาจิ้งจอกจิ๋ว(kit fox14), จิงโจ้หนู(kangaroo mouse15),
14 https://en.wikipedia.org/wiki/Kit_fox
15 https://en.wikipedia.org/wiki/Kangaroo_mouse
กระต่ายทะเลทราย(desert hare16), เต่าทราย(sand terrapin).....และผู้ล่า(predators)เพื่อที่จะคอยรักษาพวกมันเอาไว้ให้อยู่รอด: เหยี่ยวทะเลทราย(desert
hawk), นกฮูกแคระ(dwarf
owl), นกอินทรีและนกฮูกทะเลทราย(eagle
and desert owl);
และแมลงทั้งหลายเพื่อเติมเต็มช่องโพรงทั้งหลาย
ที่พวกเหล่านี้ไม่สามารถเอื้อมเข้าไปถึงได้: แมงป่อง(scorpion), ตะขาบ(centipede), แมลงมุมแทร็ปดอร์(trapdoor
spider16), ต่อหลุมและไส้เดือน(biting
wasp and wormfly).....และค้างคาวทะเลทราย(desert
bat)ที่จะคอยเฝ้าดูพวกนี้.
ตอนนี้ก็มาถึงเวลาของการทดสอบอันวิกฤติ: อินทผาลัม(date palms), ฝ้าย(cotton),
แตง(melons), กาแฟ(coffee), พืชสมุนไพร(medicinals)---มากกว่า 200
ชนิดของพืชอาหารที่ถูกคัดเลือกเพื่อที่จะทดสอบและปรับปรุง.
สิ่งที่ผู้ไม่รู้ในเรื่องนิเวศวิทยาไม่ได้ตระหนักถึงเกี่ยวกับระบบนิเวศน์,”
คายนิ์สพูด, “คือที่มันเป็นระบบ. ระบบ!
ระบบที่ธำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพอันเคลื่อนไหวไหลลื่นอย่างแน่นอนที่สามารถถูกทำลายโดยการก้าวเดินที่ผิดพลาดในแค่หนึ่งช่องว่าง.
ระบบมีระเบียบการ, การไหลลื่นจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง.
ถ้าบางอย่างกั้นเขื่อนการไหลนั้น, ระเบียบการนั้นก็พังลง.
ผู้ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนอาจพลาดไม่เห็นการพังลงนั้นจนกระทั่งมันสายเกินไป.
นั่นคือทำไมสารัตถะหน้าที่ของนิเวศวิทยาคือการเข้าใจถึงผลสืบเนื่องที่จะตามมา.”
“พวกเขาได้บรรลุถึงระบบนั้นหรือ?
คายนิ์สและผู้คนของเขาเฝ้าดูและเฝ้าคอย.
ฟรีเมนในตินนี้รู้ถึงอะไรที่เขาได้หมายถึงโดยการคาดการณ์ปลายเปิดไว้ที่ห้าร้อยปี.
รายงานขึ้นมาจากสวนปาล์มทั้งหลาย:
ที่ชายขอบทะเลทรายของการเพาะปลูก,
แพลงตอนทะเลทรายกำลังเป็นพิษผ่านการมีปฏิสัมพัทธ์กับรูปร่างใหม่ของชีวิต. เหตุผล: โปรตีนเข้ากันไม่ได้. น้ำที่เป็นพิษก่อรูปขึ้นที่นั้นซึ่งชีวิตอาร์ราคิสไม่ควรไปแตะต้อง.
เขตกั้นแห้งแล้งถูกรายล้อมไว้ด้วยการเพาะปลูกนั้นและกระทั่งไช-ฮูลุดก็จะไม่เข้าไปบุกรุกมัน.
คายนิส์ลงไปยังสวนปาล์มนั้นด้วยตนเอง---การเดินทางยี่สิบเครื่องตบพื้น(ในเสลี่ยงเหมือนคนเจ็บหรือแม่อธิการเพราะว่าเขาไม่เคยได้กลายเป็นผู้ขี่ทะเลทราย).
เขาได้ทดสอบเขตกั้นแห้งแล้งนั้น(มันกลิ่นเหม็นโชยไปถึงสวรรค์)และได้กลับขึ้นมาด้วยรางวัลพิเศษ,
ของขวัญจากอาร์ราคิส.
การเพิ่มเข้าไปของกำมะถันและไนโตรเจนคงรูปได้พลิกเปลี่ยนเขตกั้นแห้งแล้งนั้นไปเป็นแปลงเพาะปลูกอันอุดมสมบูรณ์สำหรับชีวิตที่แปลงสภาพ.
การเพาะปลูกสามารถก้าวหน้าไปตามเจตจำนง!
“สิ่งนี้เปลี่ยนเวลานั้นไหม?”
ฟรีเมนถาม.
คายนิ์สกลับไปหาสูตรเกี่ยวกับดาวเคราะห์ของเขา.
เครื่องดักลมทั้งหลายอยู่ในความมั่นคงปลอดภัยดีแล้วในตอนนั้น. เขาใจเปิดกว้างกับความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นได้ของเขา,
รู้ดีว่าเขาไม่สามารถขีดเส้นบรรจงล้อมรอบปัญหาทางนิเวศวิทยาทั้งหลายได้.
การคลุมดินของพืชจำนวนหนึ่งจำเป็นต้องถูกจัดวางไว้ด้านข้างเพื่อยึดนูนทรายทั้งหลายไว้ให้เข้าที่: อาหารบริโภคจำนวนแน่นอนหนึ่ง(ทั้งมนุษย์และสัตว์), จำนวนแน่นอนหนึ่งที่จะปิดกั้นความชื้นในระบบรากทั้งหลาย(root
system)และที่จะป้อนน้ำออกมาเข้าไปในพื้นที่แห้งแล้งที่อยู่รายรอบทั้งหลายนั้น.
พวกเขาได้ทำแผนที่จุดความเย็นพเนจรทั้งหลายบนทุ่งโล่งชนบทห่างไกลนั้นแล้วในคราวนี้.
จะต้องก่อรูปเข้าไปในสูตรคำนวณนั้นได้. กระทั่งไช-ฮูลุดก็ได้มีที่ทางตำแหน่งอยู่ในแผนที่ตารางทั้งหลาย.
เขาต้องไม่มีวันถูกทำลาย, มิเช่นนั้นเครื่องเทศอันมั่งคั่งก็จะจบสิ้นลง. แต่”โรงงาน”ย่อยสลายภายในของเขากับความเข้มขนมหาศาลทั้งหลายของอัลดีไฮด์(aldehydes*
- สารประกอบอินทรีย์)และ
กรดทั้งหลายของมัน, เป็นแหล่งกำเนิดยักษ์ของออกซิเจน. หนอนขนาดปานกลาง(ราว
200 เมตรยาว)ขับปล่อยออกซิเจนออกมาเข้าไปในชั้นบรรยากาศมากเท่าๆกับสิบตารางกิโลเมตรของผิวพื้นการสังเคราะห์แสงของพืชสีเขียวทั้งหลาย.
เขาให้กิลด์ได้พิจารณา.
ติดสินบนเครื่องเทศให้พวกกิลด์เพื่อการป้องกันดาวเทียมตรวจอากาศและผู้เฝ้าดูอื่นๆทั้งหลายในท้องฟ้าแห่งอาร์ราคิสที่ได้ส่วนแบ่งตามสัดส่วนหลักทั้งหลายไปแล้วนั้น.
หรือการที่พวกฟรีเมนจะถูกเมินเฉยได้.
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง, ฟรีเมน, พร้อมด้วยเครื่องดกลมและผู้ถือครองที่ดินนอกเกณฑ์ทั้งหลายของพวกเขาที่มาสมาคมกันรอบแหล่งน้ำ,
ฟรีเมนด้วยความรู้เชิงนิเวศใหม่ของพวกเขาและความฝันถึงการวัฏจักรพื้นที่กว้างใหญ่ของอาร์ราคิสผ่านระยะขั้นทุ่งหญ้าไปสู่ป่าใหญ่.
จากตารางทั้งหลายโผล่ขึ้นเป็นรูปร่าง.
คายนิ์สรายงานมัน. สามเปอร์เซ็นต์. ถ้าพวกเขาสามารถได้สามเปอร์เซนต์ของธรรมชาติพืชสีเขียวบนอาร์ราคิสเกี่ยวพันเข้าไปในรูปขององค์ประกอบคาร์บอนทั้งหลาย,
พวกเขาจะมีวัฏจักรของตนเอง-ที่ยั่งยืน.
“แต่อีกยาวนานเท่าไรหรือ?”
ฟรีเมนถามเรียกร้อง.
“โอ้, นั่น: ราวสามร้อยกับอีกห้าสิบปี.”
ดังนั้นมันเป็นความสัจจริงดังที่อัมมา(umma - ผู้บ้าคลั่ง)ผู้นี้ได้พูดไว้ในตอนเริ่มต้น: สิ่งนี้จะไม่มาถึงในชั่วชีวิตของคนใดที่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้,
หรือในชั่วชีวิตของหลานแปดรุ่นของพวกเขาได้ล่วงลับไป, แต่มนัจะมาถึง.
งานนั้นยังดำเนินต่อไป: ก่อสร้าง, ปลูกพืช, ขุดดิน, ฝึกสอนเด็กๆ.
แล้วคายนิ์ส-เจ้าคนบ้าก็ถูกฆ่าในคูหาถ้ำแห่งแอ่ง
พาสเตอร์.
ถึงในตอนนี้บุตรชายของเขา,
เลียต-คายนิ์ส, อายุสิบเก้าปี, ฟรีเมนเต็มตัวและเป็นผู้ขี่ทะเลทรายผู้ซึ่งได้ฆ่าไปมากยิ่งกว่าหนึ่งร้อยคนของฮาร์คอนเนนส์. ผู้ได้รับแต่งตั้งโดยจักรวรรดิสำหรับการที่คายนิ์สผู้อาวุโสได้ประยุกต์ไว้ในนามของบุตรชายตนได้ถูกส่งมอบในฐานะแก่นสารของเส้นทาง.
โครงสร้างชนชั้นอันแข็งกระด้างของระบบศักดินาสวามิภักดิ์ได้เป็นเจตจำนงอยู่ในระเบียบการอย่างดีในที่นี่.
บุตรชายได้ถูกฝึกฝนปฏิบัติที่จะสืบทอดต่อบิดานี้.
เส้นทางได้ถูกจัดตั้งเมื่อถึงตอนนี้,
นักนิเวศวิทยา-ฟรีเมนทั้งหลายได้ถูกเล็งเป้าหมายไปตามวิถีของพวกเขา.
เลียท-คายนิ์สแค่เพียงต้องคอยเฝ้าดูและถองดันและแอบสืบความลับกับพวกฮาร์คอนเนนส์.....จนกระทั่งวันหนึ่งที่ดาวเคราะห์ของเขาได้ถูกทำให้เจ็บปวดทรมานโดย
วีรบุรุษ ผู้หนึ่ง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น