ในการที่จะพยายามเข้าใจถึง มวด’ดิบ โดยปราศจากการเข้าใจถึงศัตรูจวบจนวันตายของเขา,
พวก ฮาร์คอนเนนส์, ก็เหมือนกับการพยายามมองเห็น ความสัจจริง
โดยปราศจากการรู้ถึง อวิชชา.
มันเป็นการพยายามที่จะเห็น แสงสว่าง โดยปราศจากการรู้ถึง ความมืด. มันไม่สามารถเป็นไปได้.
--จาก “คู่มือของ มวด’ดิบ” โดย
เจ้าหญิง อีร์อูลาน
เป็นลูกทรงกลมผิวสูงๆต่ำๆของพิภพ,
ส่วนหนึ่งอยู่ในเงามืด, กำลังหมุนไปในภายใต้แรงส่งของมืออวบอ้วนที่แวววาวโดยธำมรงค์. ลูกโลกนั้นตั้งอยู่บนขาตั้งรูปทรงอิสระที่ผนังด้านหนึ่งของห้องซึ่งปราศจากหน้าต่างอันผนังอื่นๆนั้นแสดงงานแปะติดของม้วนคัมภีร์หลากสี,
ฟิล์มหนังสือ, เทปและม้วนเทปรีล.
แสงเรืองรองในห้องนี้มาจากลูหลายกบอลทองคำแขวนอยู่ในสนามพลังเคลื่อนที่.
โต๊ะรูปไข่ที่ผิวหน้าเป็นไม้อีแลคคากลายเป็นหินดุจหยก-ชมพู
ตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของห้อง.
เหล่าเก้าอี้รูปหลายทรงลอยแขวนรายล้อมมันอยู่,
สองตัวของพวกมันมีผู้นั่งอยู่.
หนึ่งนั้นนั่งอยู่โดยผู้เยาว์ผมดำอายุราวสิบหกปี,
ใบหน้ากลมและด้วยดวงตาขุ่นขมึง. อีกอันหนึ่งรองรับชายร่างสะโอดสะอง, เตี้ยกับใบหน้ายวนยั่ว.
ทั้งสองผู้เยาว์จ้องไปยังลูกโลกและชายที่กึ่งซ่อนอยู่ในเงามืดที่กำลังหมุนมัน.
เสียงหัวเราะในลำคอดังมาจากข้างลูกโลกนั้น. เสียงทุ้มต่ำรัวรุมออกมาจากการหัวเราะ: “นั่นล่ะมัน,
ไพเตอร์ ---กับดักมนุษย์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์. และเจ้าดยุคได้มุ่งหน้าเข้าไปในกรามอ้าของมัน. นี่มันไม่ใช่สิ่งทอันสง่างามยิ่งใหญ่ที่ข้า,
บารอน วลาดิมีร์ ฮาร์โคเนน, ทำหรอกรึ?
“อย่างแน่นอนยิ่ง,
ท่านบารอน,” ชายนั่นกล่าว.
เสียงของเขาเปล่งออกมาในสำเนียงทุ้มหวาน, ราวกับดนตรี.
มืออวบอ้วนยื่นลงไปบนลูกโลกทรงกลมนั้น,
หยุดยั้งการหมุนของมัน. ตอนนี้,
ดวงตาทุกคู่ในห้องสามารถเพ่งจับที่พื้นผิวไร้เคลื่อนไหวและเห็นได้ว่ามันเป็นลูกโลกทรงกลมที่ทำให้กับนักสะสมผู้มั่งคั่งหรือบรรดาผู้ครองดาวเคราะห์แห่ง
จักรวรรดิ.
มันได้มีตราประทับแกะด้วยมือของ จักรวรรดิ อยู่บนมัน. เส้นรุ้งและเส้นแวงถูกฝังวางเอาไว้ด้วยลวดทองคำขาวละเอียดงามดุจเส้นผม.
ขั้วโลกทั้งสองติดตั้งไว้ด้วยเพชรน้ำนมสีเมฆอันงดงาม.
มืออวบอ้วนนั้นเคลื่อนขยับ,
ไล่ไปตามรอยรายละเอียดของพื้นผิว.
“ข้าเชิญพวกเจ้าให้ตรวจดู,” เสียงต่ำนั่นรัวรุมขึ้น. “ตรวจดูอย่างใกล้ชิด, ไพเตอร์, และเจ้า,
ด้วยเช่นกัน, ฟีย์ด-เราธา, ที่รักของข้า: จากหกสิบองศาเหนือถึงเจ็ดสิบองศาใต้---คลื่นระลอกชั้นเลิศนี้.
สีสันของพวกมัน:
มันไม่ได้ทำให้เจ้าหวนนึกไปถึงคาราเมลหวานๆรึ?
และไม่มีที่ไหนที่เจ้าจะได้เห็นทะเลสาบสีฟ้าหรือแม่น้ำหรือท้องทะเล. และขั้วโลกที่น่ารักเหล่านี้---ช่างเล็กเหลือเกิน. ใครจะผิดพลาดกับสถานที่นี้ได้รึ? อาร์ระคิส!
โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยิ่ง.
การจัดตั้งอันสุดยอดสำหรับชัยชนะอันโดดเด่น.”
รอยยิ้มสัมผัสริมฝีปากของ
ไพเตอร์. “และที่จะคิด, ท่านบารอน:
จักรพรรดิปาดิชาห์
เชื่อว่าเขานั้นได้ยกดาวเคราะห์เครื่องเทศของท่านนี้ให้แก่เจ้าดยุค. ช่างเผ็ดแสบนัก.”
“นั่นเป็นประโยคที่ไร้สาระยิ่ง,”
บารอน ก่นรัว. “เจ้าพูดนี่เพื่อสร้างความสับสนให้กับหนุ่ม ฟีย์ด-เราธา,
แต่มันไม่มีความจำเป็นที่จะทำให้หลานของข้าสับสน.”
ชายหนุ่มใบหน้าขุ่นเคืองขยับส่ายอยู่ในเก้าอี้ของเขา,
ลูบไล้ไล่เนียนรอยย่นของชุดรัดรูปลีโอตาร์ดที่เขาสวมอยู่.
เขาหยัดขึ้นนั่งตัวตรงในทันทีที่เสียงแตะเบาๆดังที่ประตูในผนังด้านหลังของเขา.
ไพเตอร์
คลี่ร่างจากเก้าอี้ของเขา, ข้ามไปยังประตู, แงะมันเปิดอ้าออกพอที่จะรับเอากระบอกสื่อสาร. เขาผปิดประตู,
คลี่ม้วนกระบอกออกและตรวจตรามัน.
เสียงหัวเราเหะหะดังมาจากเขา, อีกอัน.
“ว่าไง?”
บารอน ถามสั่ง.
“เจ้าโง่นั่นตอบรับเรา,
ท่านบารอน!”
“เมื่อไหร่กันที่พวกอะไทรดิสปฏิเสธโอกาสที่เปิดช่องให้ล่ะรึ?” บารอน ถาม.
“เอาละ, เขาว่าอะไรมา?”
“เขาไร้มรรยาทมากเลย,
ท่านบารอนง แจ้งเรียกท่านว่า ‘ฮาร์คอนเนน’---ไม่มี ‘ฝ่าบาทพระญาติที่รัก,’ ไม่ใส่ยศศักดิ์, ไม่มีเลย.”
“มันเป็นชื่อที่ดี,”
บารอน ก่นคำราม, และน้ำเสียงของเขาทรยศต่อความแสร้งอดทนนั้น. “ลีโต ที่รักนั้นพูดว่าอะไร?”
“เขาบอกว่า: ‘ข้อเสนอของเจ้าในการพบกันนั้นขอปฏิเสธ.
ข้าได้ผ่านพบการปลิ้นปล้อนของเจ้ามาแล้วและผู้คนทั้งหลายนี้ทราบกันดี.’”
“แล้ว?”
บารอน ถาม.
“เขาบอกว่า: ‘ศิลปะของการจองเวรยังคงมีผู้ยกย่องยอมรับกันอยู่ในจักรวรรดินี้.’ เขาลงนามมันว่า ‘ดยุคเลโต แห่ง อาร์ระคิส.’” ไพเตอร์ เริ่มต้นหัวเราะ. “แห่ง
อาร์ราคิส! โอ้, คุณพระ!
นี่ช่างหรูหราเกินไปแล้ว!”
“เงียบเถอะ,
ไพเตอร์,” บารอน บอก, และผู้หัวเราะหยุดลงทันทีดั่งโดนปิดสวิทช์. “จองเวร, งั้นรึ?” บารอน ถาม. “อาฆาต, เอ๋? และเขาใช้คำโบราณที่ดูดีที่ช่างหรูหราตามประเพณีเพื่อทำให้แน่ใจว่าข้ารู้ว่าเขาหมายถึงมัน.”
“ท่านเสนอแนะถึงสันติภาพ,”
ไพเตอร์ พูด. “รูปแบบนั้นเป็นที่ยอมรับกัน.”
“สำหรับ
เมนทาต, เจ้าพูดมากเกินไป, ไพเตอร์,” บารอน บอก.
และเขาคิด: ข้าต้องทิ้งจากเจ้านี่ไปในไม่ช้านี้.
เขาอยู่นานเกินไปแล้วสำหรับประโยชน์ที่เขามี. บารอน จ้องข้ามห้องไปยังมือสังหาร เมนทาต,
มองเห็นรูปโฉมเกี่ยวกับเขาที่ผู้คนส่วนมากจะสังเกตได้ในที่แรก: ดวงตา, เงามัวของสีฟ้าเป็นริ้วอยู่ในสีฟ้า,
ดวงตาที่ปราศจากสีขาวในพวกมันเลยทั้งสิ้นง
รอยยิ้มวาบขึ้นมาบนใบหน้าของ
ไพเตอร์. มันเหมือนเช่นหน้ากากความบูดบึ้งภายใต้ดวงตาคู่นั้นคล้ายหลุมรู. “แต่, ท่านบารอน!
อย่าได้ทำให้การล้างแค้นนั้นงดงามมากขึ้น.
มันคือการได้เห็นแผนการทรยศที่เลอเลิศมากที่สุด: ที่ ทำ
ให้ดยุคเลโต แลกเปลี่ยน คาละดาน กับ
ดูน---และปราศจากทางเลือกอื่นใดเพราะจักรพรรดิได้บัญชามันลงมา. ท่านนี้ช่างซุกซนมาก!”
ด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ,
บารอน กล่าว: “เจ้ามีของเสียพ่นจากปากของเจ้าแล้ว, ไพเตอร์”
“แต่ข้ากำลังมีความสุข,
ท่านบารอนของข้า. ในขณะที่ท่าน.....ท่านถูกสัมผัสโดยความริษยา.”
“ไพเตอร์!”
“อ้า-อ้า,
ท่านบารอน! มันช่างน่าไม่โทมนัสหรอกหรือที่ท่านไม่อาจจะคิดโครงร่างแผนนี้ขึ้นมาได้ด้วยตัวท่านเอง?”
“สักวัน
ข้าจะให้เจ้าถูกรัดคอหอย, ไพเตอร์.”
อย่างแน่นอนเลย,
ท่านบารอน. ในที่สุด!
แต่การกระทำแบบนั้นไม่เคยสูญเปล่า, เอ๋?”
“เจ้าได้กำลังเคี้ยว
เวริตี้ หรือว่า เซมูตา อยู่หรือ, ไพเตอร์?”
“ความสัจจริงที่ปราศจากความกลัวสร้างความแปลกใจให้กับท่านบารอน.”
ไพเตอร์ พูด. ใบหน้าของเขาดึงลงไปสู่หน้ากากบิดเบี้ยวเหมือนการ์ตูนล้อเลียน. “อา, ฮ๊ะ! แต่เห็นมั๊ยล่ะท่าน, บารอน, ข้ารู้ดังเช่น เมนทาต
เมื่อไรท่านจะส่งเพชฌฆาตมา. ท่านจะรั้งกลับเอาไว้ก่อนตราบนานเท่าที่ข้ายังมีประโยชน์. การเคลื่อนที่เร็วขึ้นจะเป็นที่เสียเปล่าและข้าก็ยังมีประโยชน์อยู่มาก.
ข้ารู้ว่าอะไรคือที่ท่านได้เรียนรู้จากพิภพดูนที่น่ารักนั่น---อย่าเสียอะไรไปเปล่าประโยชน์. จริงมั๊ย, ท่านบารอน?”
บารอน
ยังคงจ้องมองไปที่ ไพเตอร์.
ฟีย์ด-เราธา
บิดกายอยู่ในเก้าอี้ของเขา. นี่ช่างโต้เถียงโง่เง่ากันสิ้นดี! เขาคิด. ณลุงของข้าไม่เคยได้พูดคุยดีๆกับ เมนทาต
ของเขานอกไปจากโต้เถียงกัน.
พวกเขาคิดว่าไม่มีอะไรจะทำนอกไปจากฟังการโต้เถียงของพวกเขาล่ะรึ?
“ฟีย์ด,”
บารอน พูด.
“ข้าบอกกับเจ้าให้ฟังและเรียนรู้เมื่อข้าเชิญเจ้ามาในที่นี้. เจ้ากำลังเรียนรู้อยู่ไหม?”
“ขอรับ,
ท่านลุง.” น้ำเสียงนั้นอ่อนน้อมอย่างระมัดระวัง.
“บางครั้งข้าก็สงสัยอยู่ในเรื่อง
ไพเตอร์,” บารอน พูด.
“ข้าทำให้เกิดการเจ็บปวดโดยไม่มีความจำเป็น,
แต่เขา.....ข้าสาบานได้ว่าเขายินดีปรีดาในการนั้นของมัน. สำหรับตัวข้าเองแล้ว,
ข้าสามารถรู้สึกสงสารใจไปกับ ดยุคเลโตที่น่าสมเพชนั่น. ดร.หยัว จะเคลื่อนไหวเข้ากับเขาในไม่ช้านี้,
และนั่นจะเป็นจุดจบของ ตระกูลอะไทรดิส ทั้งหมด.
แต่แน่ใจได้เลยว่า เลโต จะรู้ได้ว่ามือของใครกันที่ควบคุมกำกับเจ้าแพทย์ผู้ว่านอนสอนง่ายนี้.....และรู้ได้ว่านั่นจะเป็นสิ่งที่น่าสยดสยองนัก.”
“แล้วทำไมท่านถึงไม่กำกับเจ้าแพทย์ผู้นั้นให้จิ้มกริชไคนด์จัลเข้าไประหว่างซี่โครงของเขาอย่างเงียบๆและได้ประสิทธิผลไปเลยล่ะ?
ไพเตอร์ ถาม. “ท่านพูดถึงความสงสารนี่,
แต่---“
“เจ้าดยุคนั่น
ต้อง รู้ได้เมื่อข้าล้อมกรอบรอบมหันตภัยของเขา,”
บารอน กล่าว. “และ มหาราชสำนัก
อื่นๆต้องได้เรียนรู้ถึงมัน.
ความรู้นั่นจะทำให้พวกเขาหยุดชะงัก.
ข้าจะได้รับห้องว่างอีกนิดที่จะดำเนินยุทธการ. ความจำเป็นนั้นชัดเจน,
แต่ข้าไม่เห็นจะต้องชื่นชอบมันด้วย.”
“ห้องว่างที่จะดำเนินยุทธการ,”
ไพเตอร์ เหน็บแนม. “ท่านก็ได้รับสายพระเนตรของจักรพรรดิจับจ้องมายังท่านอยู่แล้ว,
ท่านบารอน.
ท่านเคลื่อนไหวอย่างกล้าหาญ.
สักวันหนึ่งองค์จักรพรรดิก็คงจะส่งกองทหารหนึ่งหรือสองของ ซาร์เดาการ์
ลงมายังที่ ไกดิ ไพร์ม นี้
และนั่นจะเป็นจุดจบของ บารอน วลาดิมีร์ ฮาร์คอนเนน.”
“เจ้าเองก็อยากจะได้เห็นเช่นนั้น,
ไม่ใช่หรอกรึ, ไพเตอร์?” บารอน ถาม.
“เจ้าคงอยากรื่นรมย์ในกหารได้เห็นกองพลแห่ง ซาร์เดาการ์
ปล้นสะดมภ์ผ่านเมืองทั้งหลายของข้ามาและถล่มดูดกินปราสาทนี้. เจ้าน่าจะรื่นรมย์กับนั่นแน่.”
“ท่านบารอน
จำเป็นต้องถามไถ่ด้วยรึ?” ไพเตอร์ กระซิบ.
“เจ้าควรจะได้เป็น
บาชาร์ แห่งกองพลนั่น,” บารอน พูด.
“เจ้าสนใจมากเกินไปในเลือดและความเจ็บปวด.
บางทีข้ารวดเร็วเกินไปกับสัญญาของข้าในการแย่งชิง อาร์ระคิส.”
ไพเตอร์
เดินย่องย่างอย่างจริงจังเข้าไปในห้องอีกห้าก้าว, หยุดตรงที่เบื้องหลังของ ฟีย์ด-เราธา. มีบรรยากาศเขม็งเครียดขึ้นในห้อง,
และชายหนุ่มเงยขึ้นมอง ไพเตอร์ ด้วยรอยย่นกังวลใจ.
“อย่าได้ล้อเล่นกับ
ไพเตอร์, ท่านบารอน,” ไพเตอร์ พูด.
“ท่านได้ให้สัญญาไว้กับข้าเรื่อง ท่านหญิงเจสสิกา. ท่านสัญญาจะให้นางแก่ข้า.”
“เพื่ออะไรรึ,
ไพเตอร์?” บารอน ถาม.
“เพื่อความเจ็บปวดรึ?”
ไพเตอร์
จ้องไปที่เขา, ลากดึงความเงียบสงัดออกมา.
ฟีย์ด-เราธา
เคลื่อนเก้าอี้แขวนลอยของเขาไปอีกด้านหนึ่ง, พุด: “ท่านลุง,
ข้าต้องอยู่ด้วยหรือ? ท่านบอกว่าท่านจะ---“
“ฟีย์ด-เราธา
ที่รักของฉันเริ่มไม่อดทนแล้ว,” บารอน บอก.
เขาเคลื่อนไหวอยู่ในท่ามกลางเงามืดข้างๆลูกโลกนั้น. “อดทนไว้, ฟีย์ด.” และเขาก็หันความสนใจของเขากลับมาที่
เมนทาตผู้นั้น. “แล้วเชื้อสายของเจ้าดยุคนั่นล่ะ,
เจ้าเด็ก พอล, ไพเตอร์ ที่รักของฉัน?”
“กับดักนั้นจะนำเขามาให้ท่าน, ท่านบารอน,”
ไพเตอร์ พึมพัม.
“นั่นไม่ใช่คำถามของข้า,”
บอรอน บอก. “เจ้าน่าจะจำได้ว่าเจ้าได้คาดการณ์บอกไว้ว่าพวกแม่มดเบเน
เกสเสอริตนั้นจะคลอดออกมาแต่ธิดาทั้งหลาย. เจ้าคาดไว้ผิดสินะ, เอ๋, เมนทาต?
“ข้าไม่ผิดบ่อยครั้งนัก,
ท่านบารอน,” ไพเตอร์ พูด,
และเป็นครั้งแรกที่น้ำเสียงของเขามีความหวาดกลัวเจอปนออกมา. “ให้แก่ข้าดังว่า:
ข้าไม่ผิดบ่อยครั้งนัก.
และท่านก็ทราบด้วยตัวท่านเองว่าพวกเบเน
เกสเสอริตนี้ให้กำเนิดธิดาเป็นส่วนใหญ่.
กระทั่งสนมขององค์จักรพรรดิเองก็ผลิตแต่เพียงธิดาเท่านั้น.”
“ท่านลุง,”
ฟีย์ด-เราธา พูด, “ท่านได้บอกไว้ว่ามีอะไรบางอย่างสำคัญที่นี่สำหรับข้าที่จะ—“
“ฟังหลานของข้าบอกสิ,”
บารอน พูด. “เขาทะเยอทะยานที่จะขึ้นปกครองตำแหน่งบารอนนี้ของข้า,
กระนั้นเขาก็ยังไม่สามารถปกครองตนเองได้.”
บารอน ขยับหมุนอยู่ข้างลูกโลกนั้น, เงามืดทมึนในหมู่เงา. “เอาล่ะ, งั้น, ฟีย์ด-เราธา ฮาร์คอนเน่,
ข้าหมายเรียกเจ้ามาที่นี่ด้วยหวังที่จะสอนเจ้าสักเล้กน้อยถึงปัญญา. เจ้าได้สังเกตเห็น เมนทาตแสนดีของเรานี้หรือไม่?
เจาน่าจะได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากการแลกเปลี่ยนวาทะกันนี้.”
“แต่,
ท่านลุง---“
“เมนทาต
ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคนหนึ่ง, ไพเตอร์, เจ้าไม่คิดว่ายังงั้นหรอก, ฟีย์ด?”
“ใช่,
แต่---“
“อา! จริงเลย แต่! แต่เขาบริโภคเครื่องเทศมากไป, กินมันเหมือนยังกับเป็นลูกกวาด. ดูดวงตาของเขาสิ!
เขาน่าจะออกมาจากเหล่าแรงงานอาร์ระคีนเลยล่ะนั่น.
ประสิทธิภาพ, ไพเตอร์, แต่
เขายังคงใช้อารมณ์และโน้มเอียงที่จะระเบิดอารมณ์พุ่งพล่านดาลใจออกมา. ประสิทธิภาพ, ไพเตอร์, แต่ เขายังสามารถผิดพลาดได้.”
ไพเตอร์
พูดในน้ำเสียงทุ้มต่ำ, ขุ่นเคือง:
“ท่านเรียกหาข้ามาที่ข้างในนี้เพื่อที่จะเย้ยหยันประสิทธิภาพของข้าด้วยคำวิพากษ์วิจารณ์หรือ,
ท่านบารอน?”
“เย้ยหยันประสิทธิภาพของเจ้ารึ? เจ้ารู้จักข้าดียิ่งกว่านั้น, ไพเตอร์. ข้าปรารถนาแค่เพียงให้หลานของข้าได้เข้าใจถึงขีดจำกัดของ
เมนทาต.”
“ท่านกำลังฝึกฝนผู้มาแทนที่ข้าได้แล้วหรือ?”
ไพเตอร์ ร้องถาม.
“แทนที่
เจ้า? ทำไมล่ะ, ไพเตอร์, ที่ไหนที่ข้าจะสามารถค้นหา เมนทาต ใดอื่นที่เชี่ยวชาญเล่ห์อุบายและมีพิษร้ายเยี่ยงท่านได้ล่ะ?”
“ก็ที่เดียวกันกับที่ท่านได้พบตัวข้านั่นแหละ,
ท่านบารอน.”
“บางทีข้าน่าจะไปหาที่นั่น,”
บารอน พริ้วพร่ำ.
“เจ้าดูไม่นิ่งเท่าไรนักเมื่อเร็วๆนี้.
และยังเครื่องเทศที่เจ้ากินนั่นอีก!”
“ความพึงใจของข้านี้มีราคาแพงไปหรือ,
ท่านบารอน? ท่านทัดทานพวกนั้นล่ะหรือ?”
“ไพเตอร์
ที่รักของฉัน,
ความรื่นรมย์พึงใจของเจ้านั้นคืออะไรที่มัดโยงเจ้าเอาไว้กับข้า.
ข้าจะไปทัดทานค้านต่อสิ่งนั้นได้เช่นไรกัน?
ข้าแค่เพียงแต่หวังให้หลานของข้าได้ตรวจตราสังเกตเห็นเรื่องนี้กับตัวเจ้า.”
“งั้นข้าก็เป็นสินค้าแสดงตัวอย่างอยู่,”
ไพเตอร์ พูด. “ให้ข้าเต้นรำด้วยไหม?
หรือให้ข้าแสดงความหลากหลายในสารัตถะประโยชน์ต่างๆของข้าออกมาสำหรับท่านฟีย์ด-เราธา
ผู้โด่งดังโดดเด่น---“
“ใช่เลย,” บารอน พูด. “เจ้ากำลังถูกจัดแสดง. ตอนนี้, จงเงียบซะ.” เขาชำเลืองยัง ฟีย์ด-เราธา,
สังเกตเห็นริมฝีปากของหลานชายของเขา,
ที่เต็มอิ่มและและแบะยื่นริมฝีปากล่างออกมาให้เห็น, เครื่องหมายสายพันธุ์ของตระกูลฮาร์คอนเนน,
ตอนนี้บิดเบี้ยวเล็กน้อยด้วยความขบขัน.
“นี่คือ เมนทาต, ฟีย์ด.
มันได้ถูกฝึกฝนและปรับสถานะเพื่อแสดงหน้าที่ทั้งหลายที่แน่นอน. ความจริงคือมันถูกบรรจุลงไปในร่างกายของมนุษย์,
อย่างไรก็ดี, ต้องอย่าได้มองข้ามไป. ข้อด้อยที่จริงจังนัก, นั่น.
ข้าในบางครั้งคิดว่าคนโบราณพร้อมด้วยเครื่องจักรคิดได้ทั้งหลายของพวกเขานั้นมีความคิดที่ถูกต้อง.”
“พวกนั้นคือของเล่นเมื่อเปรียบกับข้า,”
ไพเตอร์ คำรามขู่. “ท่านเองนั่นแหละ,
ท่านบารอน, ที่สามารถทำให้ได้ผลดีกว่าพวกเครื่องจักรพวกนั้น.”
“บางทีนะ,”
บารอน พูด. “อา, เอาละ.....”
เขาสูดลมหายใจลึก, เรอออกมา. “ทีนี้,
ไพเตอร์,
แสดงโครงร่างให้กับหลานชายของข้าถึงรายละเอียดประกอบที่โดดเด่นของการรณรงค์ของเราที่มีต่อราชสำนักอะไทรดิสนั่นซิ. ทำหน้าที่ประโยชน์ของ เมนทาต ให้กับเรา,
ถ้าเจ้าจะกรุณา.”
“ท่านบารอน,
ข้าได้เตือนท่านแล้วว่าอย่าได้ไว้วางใจคนวัยเยาว์เกินไปในข้อมูลข่าวสารนี้. การสังเกตตรวจตราของข้าเรื่อง---“
“ข้าจะเป็นผู้พิจารณาตัดสินเรื่องนี้เอง,
บารอน บอก. “ข้าให้คำสั่งแก่เจ้า,
เมนทาต. แสดงหนึ่งในสารัตถะประโยชน์อันหลากหลายของเจ้าออกมา.”
“งั้นก็เป็นไปตามบัญชา,”
ไพเตอร์ พูด. เขาหยัดร่างขึ้น,
ประหนึ่งเป็นทีท่าแปลกไปของความมีศักดิ์ศรี---ราวกับว่ามันเป็นหน้ากากอีกอันหนึ่ง,
แต่คราวนี้ครอบคลุมลงไปทั้งร่างของเขา.
“ในสองสามวันตามเวลามาตรฐาน, ครอบครัวทั้งหมดของดยุคเลโตจะขึ้นยานประจำเส้นทางของ
สมาพันธ์อวกาศ ไปยัง อาร์ราคิส.
สมาพันธ์จะขนส่งพวกเขาไปลงที่นครแห่งอาร์ราคีนมากกว่าที่จะพาไปยังนครคาร์ธัจของเรา. เมนทาตของดยุค, ธูเฟอร์ ฮาวัต,
คงจะได้พิจารณาไตร่ตรองแล้วว่า อาร์ราคีน นั้นง่ายกว่าในการป้องกัน.”
“ฟังให้ดีนะ,
ฟีย์ด,” บารอน พูด. “สังเกตถึงแผนการที่อยู่ในแผนการในแผนการอีกที.”
ฟีย์ด-เราธา
ผงกศีรษะรับ, คิดว่า: เรื่องนี้เป็นเช่นนั้นมากกว่า.
ปีศาจชรานี้กำลังอนุญาตให้ข้าเข้าไปในเรื่องลับอะไรในที่สุด.
เขาต้องตั้งใจหมายให้กับข้าจริงๆที่จะเป็นทายาทของเขา.
“มีความเป็นไปได้ที่คู่ขนานกันไปหลายอย่าง,”
ไพเตอร์ พูด. “ข้า บ่งชี้ว่า
ราชสำนักอะไทรดิส จะไปที่ อาร์ราคิส.
เราต้องไม่, อย่างไรก็ตาม, เมินเฉยต่อความเป็นไปได้ที่ ดยุคนั้น
ได้ติดต่อทำสัญญากับสมาพันธ์ที่จะย้ายเขาไปยังสถานที่แห่งความปลอดภัยด้านนอกของ
ระบอบ.
ผู้อื่นในสถานการณ์เหมือนกันเช่นนี้จะได้กลายเป็น ราชสำนักที่ทรยศ,
พาครอบครัวฝ่าอะตอมิคและโล่ห์กำบังและหลบหนีออกไปพ้นจาก ราชอาณาจักร.”
“เจ้าดยุคนั่นยะโสทะนงเกินไปกว่าจะเป็นคนเช่นนั้น,”
บารอน บอก.
“มันคือความเป็นไปได้,”
ไพเตอร์ พูด. “ผลกระทบสัมบูรณ์สำหรับเราน่าจะเป็นเช่นเดียวกัน,
อย่างไรก็ดี.”
“ไม่,
มันจะไม่เป็น!” บารอน กร่นคำราม.
“ข้าต้องได้ตัวเขาตายและสิ้นสุดตระกูลของเขา.”
“นั่นเป็นความน่าจะเป็นสูงสุด,”
ไพเตอร์ พูด. “มีการตระเตรียมที่แน่นอนซึ่งจะบ่งชี้ให้เห็นกันได้เมื่อ
ราชสำนัก ใดจะทำการหลบหนี. ดยุคนั้นปรากฏว่ามิได้กระทำการอะไรในเรื่องเหล่านี้.”
“ดังนั้น,”
บารอน ถอนหายใจ. “ว่ามันต่อไป, ไพเตอร์”
“ที่
อาร์ราคีน,” ไพเตอร์ พูด, “ดยุคนั้นและครอบครัวของเขาจะเข้าไปอยู่ที่ใน ทำเนียบ,
ที่ไม่นานมานี้เคยเป็นบ้านของ เคานท์ และ คุณหญิง เฟนริง.”
“เอกอัคราชทูต
ของ พวกลักลอบของเถื่อน,” บารอน หัวเราะในลำคอ.
“เอกอัคราชทูต ของอะไรนะ?” ฟีย์ด-เราธา ถาม.
“ลุงของท่านพูดตลกน่ะ,”
ไพเตอร์ บอก. “ท่านเรียก เคานท์ เฟนริง
ว่า เอกอัคราชทูต ของ พวกลักลอบของเถื่อน, ชี้แนะถึงความสนใจของจักรพรรดิในปฏิบัติการลักลอบทั้งหลายบน
อาร์ราคิส.”
ฟีย์ด-เราธา
หันการจ้องมองอย่างฉงนใจไปยังลุงของเขา. “ทำไมรึครับ?”
“อย่าได้ทึ่มนัก,
ฟีย์ด,” บารอน เหน็บกลับ. “ตราบนานเท่าที่
สมาพันธ์ ยังคงมีผลกระทบ อยู่นอกการควบคุมของจักรวรรดิ,
จะเป็นอย่างอื่นไปได้เช่นไรกันล่ะ? พวกสายลับและพวกมือสังหารจะเคลื่อนไหวในเรื่องนี้เป็นอย่างอื่นได้เช่นไรล่ะ?”
ปากของ
ฟีย์ด-เราธา ทำท่าไร้เสียงออกมาว่า “โอ-ว-ว-ว.”
“เราได้จัดแจงปรับกลอุบายไว้ที่
ทำเนียบ นั้น.” ไพเตอร์ พูด.
“จะมีการพยายามกระทำต่อชีวิตของทายาทตระกูลอะไทรดิส---ความพยายามซึ่งจะสำเร็จได้.”
“ไพเตอร์,”
บารอน คำรณ, “เจ้าได้บ่งชี้--- ”
“ข้าได้บ่งชี้ว่าอุติเหตุสามารถบังเกิดขึ้น,”
ไพเตอร์ พูด.
“และการพยายามนั้นต้องปรากฏหลักฐานอย่างเพียงพอ.”
“อา,
แต่เจ้าหนุ่มนั่นมีเรือนร่างที่ช่างแสนหวานยิ่งนัก,” บารอน พูด. “แน่นอน, เขามีศักยภาพที่เป็นอันตรายมากว่ากบิดาของเขา.....ด้วยการฝึกฝนของมารดาแม่มดนั่นต่อเขา. สตรีอัปรีย์! อา, เอาละ, กรุณาว่าต่อไป, ไพเตอร์”
“ฮาวัต
จะได้พยากรณ์คาดคะเนว่าเราวางสายลับลวงพรางเอากับเขาไว้,” ไพเตอร์ พูด. “ที่ต้องสงสัยชัดเจนคือ ดร.หยัว, ผู้ที่คือสายลับของเราจริงแท้. แต่ ฮาวัต ได้สอบสวนและค้นพบว่านายแพทย์ของเรานี้สำเร็จการศึกษามาจาก
โรงเรียนสิกขา ด้วย การปรับสภาวะของจักรวรรดิ---น่าจะปลอดภัยเพียงพอที่จะปรนนิบัติแม้ต่อองค์
จักรพรรดิ เอง.
คลังสินค้ายิ่งใหญ่ได้จัดตั้งไว้บน การปรับสภาวะของจักรวรรดิ. มันได้รับการคาดคะเนเอาว่านั่นเป็นการปรับสภาวะสัมบูรณ์ที่ไม่สามารถแก้ย้ายออกไปได้นอกเสียจากฆ่าผู้นั้นไปเสีย. อย่างไรก็ดี,
ดังที่ใครบางคนครั้งหนึ่งได้สังเกตพบ,
การได้รับไม้คานที่เหมาะสมคุณก็สามารถยกได้กระทั่งดาวเคราะห์. เราได้ค้นพบไม้คานที่สามารถขยับนายแพทย์ผู้นี้ได้.”
“อย่างไรรึ?”
ฟีย์ด-เราธา ถาม. เขาได้พบว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นที่น่าจับใจยิ่ง. ทุกคน รู้กันดีว่าคุณไม่สามารถแปรเปลี่ยน
การปรับสภาวะของจักรวรรดิ ได้.
“เอาไว้คราวอื่น,”
บารอน บอก. “ต่อไปสิ, ไพเตอร์.”
“ในตำแหน่งของ
หยัว,” ไพเตอร์ พูด, “เราจะลากเป้าหมายที่น่าสนใจมากที่สุดข้ามวิถีของ ฮาวัต. ความกล้าหาญมากของเป้าหมายนี้จะแนะนำตัวเธอเองเรียกความสนใจของ
ฮาวัต.”
“เธอรึ?”
ฟีย์ด-เราธา ถาม.
“ตัว
คุณหญิงเจสสิกา เอง,” บารอน บอก.
“มันไม่ล้ำเลิศหรอกรึ?”
ไพเตอร์ ถาม. “จิตใจของ ฮาวัต
จะถูกเต็มล้นไปด้วยการคาดการณ์นี้มันจะลดทอนสารัตถะความสามารถของเขาในฐานะ เมนทาต
ลง. เขาอาจจะกระทั่งพยายามที่จะฆ่าเธอ.” ไพเตอร์ ย่นหน้า, แล้ว:
“แต่ข้าไม่คิดว่าเขาจะสามารถดำเนินการมันได้.”
“เจ้าไม่อยากให้เขาทำได้สินะ,
เอ๋?” บารอน ถาม.
“อย่าเบี่ยงเบนสมาธิของข้า,”
ไพเตอร์ พูด. “ขณะที่ ฮาวัต
ถูกอัดงานล้นมือกับคุณหญิงเจสสิกา,
เราก็จะแปรเปลี่ยนเขาไปไกลต่อด้วยการรุกฮือของเหล่ากองกำลังรักษาการณ์สองสามเมืองและอะไรทำนองนั้น. พวกนี้จะถูกกำราบลง.
ดยุคนั้นต้องเชื่อว่าเขาได้รับความปลอดภัยในระดับมาตรฐานแล้ว. แล้ว, เมื่อเวลาสำคัญนั้นสุกงอม,
เราจะส่งสัญญานแก่ หยัว และเคลื่อนเข้าไปด้วยกองกำลังหลักของเรา.....อ้า.....”
“ว่าต่อไป,
บอกเขาไปทั้งหมดของมันเลย,” บารอน พูด.
“เราจะเคลื่อนเข้าไปอย่างแข็งแกร่งโดยสองกองพลแห่ง
ซาร์เดาการ์ พรางไปในชุดแต่งกายฮาร์คอนเนน.”
“ซาร์เดาการ์!” ฟีย์ด-เราธา
สูดลมหายใจ.
จิตใจของเขาเพ่งไปยังกองกำลังทหารมฤตยูของจักรวรรดิ,
พวกนักฆ่าที่ปราศจากเมตตา, ทหารบ้าคลั่งของจักรพรรดิ ปาดิชาห์.
“เจ้าเห็นไหมว่าข้าไว้วางใจเจ้าอย่างไร,
ฟีย์ด,” บารอน บอก.
“ไม่มีวี่แววของเรื่องนี้ต้องได้เลยออกไปถึง มหาราชสำนัก อื่น, มิเช่นนั้น แลนด์สราอาด
อาจจะรวมตัวกันต่อต้าน ราชสำนักจักรวรรดิ และมีเหตุจรารลวิบัติขึ้นมา.”
“จุดหลักสำคัญก็คือ,”
ไพเตอร์ พูด, “เรื่องนี้เป็น : ตั้งแต่ราชสำนักฮาร์คอนเนนได้ถูกใช้ให้ทำงานสกปรกของ จักรวรรดิ,
เราก็ได้รับความได้เปรียบที่แท้จริง.
มันเป็นความได้เปรียบที่อัยตราย, อย่างเป็นที่แน่นอน, แต่ถ้าใช้อย่างระมัดระวัง,
ก็จะนำราชสำนักฮาร์คอนเนนมั่งคั่งยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเหล้าราชสำนักอื่นใดใน
จักรวรรดิ.”
“เจ้าไม่มีความคิดใดได้แน่ถึงความมั่งคั่งมากมายที่เกี่ยวข้อง,
ฟีย์ด.” บารอน พูด.
“ไม่มีในจินตนาการอันเร่าร้อนของเจ้า.
เพื่อเริ่มต้น, เราจะได้อำนาจอำนวยการกำกับที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ใน โชอัม
กัมปะนี.”
ฟีย์ด-เราธา
ผงกศีรษะรับ.
ความมั่งคั่งเป็นเรื่องหนึ่ง. โชอัม
เป็นกุญแจไปสู่ความมั่งคั่ง, แต่ละราชสำนัก
ได้จรับเพียงจุ่มหยดจากหีบสมบัติของบริษัทไม่ว่าอะไรก็ตามที่มันสามารถอยู่ภายใต้อำนาจของการอำนวยการกำกับ. บรรดาผู้อำนวยการกำกับของ โชอัม
เหล่านั้น---พวกเขาเป็นหลักฐานที่แท้จริงของอำนาจทางการเมืองใน จักรวรรดิ,
ส่งผ่านด้วยการแลกเปลี่ยนอำนาจการออกเสียงภายใน แลนด์สราอาด นั้น
ในการที่มันสร้างความสมดุลย์ของตนเองต่อ จักรพรรดิ และ ผู้สนับสนุน ของพระองค์.
“ดยุคเลโต,”
ไพเตอร์ พูด, “อาจจะพยายามที่จะหนีหลบไปยังเหล่า ฟรีเมน
กากเดนใหม่ตามแนวตะเข็บของทะเลทราย.
หรือบางทีเขาอาจจะพยายามที่จะส่งครอบครัวของเขาเข้าไปสู่ความปลอดภัยในจินตนาการนั่น.
แต่วิถีทางนั้นถูกปิดกั้นโดยหนึ่งในบรรดาสายลับขององค์จักรพรรดิ---นักนิเวศพิภพวิทยา. ท่านอาจจะจำเขาได้---ไคนสิ์.”
“
ฟีย์ด จำเขาได้,” บารอน พูด.
“ว่าถึงมันต่อไปเถอะ.”
“ท่านไม่ได้พูดเหลวไหลได้สวยงามมากเลย,
ท่านบารอน.” ไพเตอร์ ว่า.
“ว่ามันต่อไป,
ข้าบัญชาเจ้า!” ยารอน คำรามลั่น.
ไพเตอร์
ยักไหล่. “ถ้าเหตุการณ์เป็นไปตามที่ถูกวางแผนไว้,”
เขาพูด. “ราชสำนักฮาร์คอนเนน จะได้อำนาจกึ่งศักดินาบน
อาร์ราคิส ภายในหนึ่งปีมาตรฐาน.
ลุงของท่านจะได้รับการแจกจ่ายของศักดินานั้น. สายลับส่วนตนของท่านบารอนเองจะปกครอง
อาร์ราคิส.”
“กำไรมากยิ่งขึ้นไปอีก,”
ฟีย์ด-เราธา พูด.
“จริงแท้,”
บารอน พูด. และเขาคิด: มันก็แค่นั้น. เราคือผู้ที่ปราบ อาร์ราคิส
ให้อ่อนน้อม.....นอกเสียจากพวกสุนัขพันธุ์ทางฟรีเมนสองสามฝูงที่หลบซ่อนอยู่ตามริมขอบทะเลทราย.....และเหล่านักลักลอบของเถื่อนอ่อนน้อมบางรายที่มุ่งมาปักหลักยังพิภพนี้ดุจดังเหล่ากรรมกรพื้นเมือง.
“และ
มหาราชสำนัก จะได้รู้ว่าท่านบารอนได้ทำลายตระกูลอะไทรดิส,” ไพเตอร์ พูด. “พวกเขาจะรู้.”
“พวกเขาจะได้รู้,”
บารอน สูดลมหายใจ.
“น่ารักที่สุดของทั้งปวง,”
ไพเตอร์ พูด, “คือว่าเจ้าดยุคนั่นจะได้รู้, ด้วยเช่นกัน. เขารู้ในตอนนี้. เขาสามารถรู้สึกได้ถึงกับดักนี้.”
“มันคือความจริงที่ว่าเจ้าดยุคนั้นก็รู้,”
บารอน พูด, และน้ำเสียงของเขาบ่งถึงความเศร้าใจในนนั้น.
“เขาไม่อาจช่วยอะไรได้แต่ก็รู้.....ยิ่งน่าสมเพชมากขึ้นไปอีก.”
บารอน
ขยับเคลื่อนออกมาและไปจากลูกโลกดาวอาร์ราคิส.
ขณะที่เขาหลบออกมาจากเงามืดเหล่านั้น, ร่างของเขาปรากฏเอาเต็มขนาด---อ้วนแน่นและวาววาม. และด้วยก้อนมหึมาอยู่ภายใต้ความยับย่นของชุดคลุมเข้มมืดของเขานั้นเผยให้เห็นทั้งหมดของความอ้วนนี้ได้ถูกพยุงไว้บางส่วนโดยเครื่องเกราะหนุนลอยกับเนื้อหนังของเขา. เขาอาจจะหนักสองร้อยกิโลมาตรฐานในความเป็นจริง,
แต่เท้าของเขาน่าจะรองรับนั้นไว้ไม่มากไปกว่าห้าสิบจากทั้งหมด.
“ข้าหิวแล้ว,” บารอน พึมพัม,
และเขาถูกริมฝีปากอันอวบยื่นของตนด้วยมือสวมแหวนพราว, จ้องลงมายัง ฟีย์ด-เราธาผ่านทะลุหนังตาอวบอูมนั้น. “ส่งใครไปเอาอาหารมาที, ที่รัก. เราจะกินกันก่อนที่เราจะเลิก.”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น