หลวงพ่อพุธ ฐานิโย – ตอบปัญหาธรรม (1) การกำหนดรู้ที่ลมหายใจ?, (2) ตายแล้วกลับมาเกิด?
https://youtu.be/AwPOJkp7z_8?si=lsP-tyk3MJqzhATI
...ความเป็นสามีภรรยา ความจริงของความเป็นเจ้าคนนายคน ความจริงก็ความเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของคน นี่ก็เหล่าธรรมะ อันเป็นของจริงที่เราทุกคนควรจะเรียนรู้ ในเมื่อเราเรียนรู้แล้วเรายอมรับสภาพความเป็นจริง ในความเป็นของเรา เพราะเรายอมรับสภาพความเป็นจริง เราจึงจะปฏิบัติหน้าที่ของเราโดยสมบูรณ์ การปฏิบัติหน้าที่โดยขาดตกบกพร่องเพราะเราไม่ยอมรับสภาพความจริงในสิ่งที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน.
ถาม(1): อีกปัญหาหนึ่ง
การกำหนดรู้ที่ลมหายใจ หมายความว่าอย่างไร?
กำหนดอย่างไร?
ตอบ(2): การกำหนดรู้ลงที่ลมหายใจ หมายถึงการกำหนดลงตรงที่
ลมสัมผัสที่ปลายจมูก ที่ผ่านออกผ่านเข้า ให้ทำความรู้สึกที่ตรงนี้ในเบื้องต้นก่อน เมื่อกำหนดอยู่ที่ตรงนี้
เมื่อจิตมีอาการสงบลงนิดหน่อย จิตอาจจะวิ่งตามลมเข้าวิ่งตามลมออก ก็ปล่อยให้จิตวิ่งตามลมเข้าตามลมออกอยู่อย่างนั้น
ขอให้จิตกำหนดรู้อยู่ที่ลมหายใจ แม้ลมหายใจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม ก็กำหนดรู้ที่ลมหายใจ
แม้ว่าลมหายใจจะปรากฏคล้ายๆกับว่า เป็นท่อยาวหรือเป็นควันเป็นอะไรแล้วแต่มันจะแสดงขึ้นมา
ก็ให้กำหนดรู้ลงที่จิต ตัวผู้กำหนดรู้ รู้อยู่ที่ลมหายใจอยู่อย่างเดียว
แล้วจิตจะค่อยสงบละเอียดลงไป ทีละน้อยทีละน้อย จนกระทั่งลมหายใจหายขาดไป
เมื่อลมหายใจหายขาดไปแล้ว ก็ไม่ทำ ไม่ต้องทำความตกใจ เมื่อลมหายใจหายไปแล้ว
จิตก็ไม่มี ไม่มีเครื่องรู้ จิตก็รู้ตรงที่จิตอย่างเดียว ก็กำหนดรู้ที่จิตเท่านั้น
จนกว่าจิตจะละเอียดลงไป.
ถึงแม้ว่าจิตจะไม่รู้ไม่เห็นอะไรก็ตาม ขอให้มีความสงบสว่างละเอียดลงไป
จนกระทั่งถึง อัปปนาสมาธิ1
1 https://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=%CD%D1%BB%BB%B9%D2&detail=on
ถาม(2):
ข้อที่สอง คนที่ตายไปแล้วกลับมาเกิดได้จริงหรือ? วิญญาณออกจากร่างไปสู่ร่างใหม่
เหมือนกับถอดเปลี่ยนเสื้อผ้าเก่าสวมชุดใหม่ แค่นั้นหรือ? หรืออย่างไร? โปรดอธิบาย.
ตอบ(2):
คนตายไปแล้วถ้าหากยังมีกิเลสเป็นเหตุให้เกิด ก็ต้องกลับมาเกิดอีก
แต่จะเกิดเป็นอะไรสุดแท้แต่กรรมที่ทำไว้ วิญญาณเป็นของกลาง
ถ้าตายไปแล้วจิตนี่...เอ่อ วิญญาณตัวนี้มันไปยึดอะไร
หรือเคยทำบาปทำกรรมอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่มีชีวิตเอาไว้ ถ้าบาปกรรมอันนั้นจะให้ผล
ก็ไปเกิดเป็นสิ่งนั้น.
ทีนี้ในเมื่อท่านถามถึงคนที่ตายไปแล้ว
กลับมาเกิดใหม่จริงหรือไม่? อันนี้จริง ความตายชองคนนี่ มีลักษณะ 2 อย่าง
ถ้าคนธรรมดาตาย ตายอยู่ในขณะที่จิตกำลังวุ่นวายไม่มีสมาธิ พอตายไปแล้วนี่ วิญญาณออกกจากร่าง
เค้าจะรู้สึกว่าเค้ามีตัว มีตัวติดไปด้วย แล้วเค้าจะไม่มีความรู้สึกว่า
ร่างกายที่เค้าเคยอาศัยอยู่แต่ก่อนนั้นเป็นของเขา แม้ว่าผู้ที่จะเอาศพเค้าไปเผาหรือไปฝังก็ตาม
เค้าไม่รู้เลยว่า เอาอะไรไปฝังไปเผา ก็เค้าไม่รู้ว่าเป็นกายเดิมของเขา
เค้าลืมหมดสิ้น เพราะว่าในคว่ามรู้สึกของเค้านั้น เค้ามีกายใหม่ติดตัวเค้าไปอยู่ อันนี้เป็นลักษณะของคนตายโดยธรรมดา.
ทีนี้ถ้าหากว่าคนตายในสมาธิ คนตายในสมาธินี่
ถ้าสมาธิที่จิตท่องเที่ยวอยู่ในกามาวจรกุศล2 พอตายปุ๊บลงไป ร่างเทวดา
ความรู้สึกในจิตของเขาก็กลายว่า เค้ามีร่างเป็นเทวดา แต่ถ้าผู้นั้นจิตอยู่ในฌาน
ตายปุ๊บลงไปนี่ จะ
2 https://www.dhamma-sutta.com/2020/12/blog-post_38.html
รู้สึกว่ามีแต่ดวงของจิตอันเดียวเท่านั้น
ไม่ปรากฏว่ามีร่างกาย อันนี้เกิดจากที่อาตมาได้เคยลองๆตายลองดูหลายครั้งหลายหนแล้วมันเป็นอย่างนั้น.
ส่วนที่จะมาเกิดใหม่นี้ มิได้หมายความว่า ตายจากคนแล้วมาเกิดเป็นคน
วิญญาณเป็นของกลาง ตายจากคนอาจจะได้เกิดเป็นสัตว์ก็ได้ สุดแท้แต่กรรม
ทีนี้ในเมื่อมาพูดถึงกรรมแล้ว ใคร่ที่จะทำความเข้าใจว่า บุญกับบาป
เป็นสิ่งที่มีค่าเท่ากัน บุญบาปมีค่าเท่ากันอยู่ที่ตรงไหน? อยู่ตรงที่ห่วงดวงจิตของสัตว์ให้ติดข้องอยู่ในวัฏสงสาร3
แต่แตกต่างกัน โดยการให้ผล บุญให้ผลเป็นสุข บาปให้ผลเป็นทุกข์ แต่คุณค่าที่ทำให้จิตของผู้ติดอยู่ในบุญหรือกับบาป
ให้ติดข้องอยู่ในวัฏสงสารนั้นมีค่าเท่ากัน เพราะฉะนั้นผู้ปฏิบัติธรรมเมื่อบรรลุอรหัตผลแล้ว
ต้องสลัดทิ้งทั้งบุญและบาป ถ้ายังเกาะบุญอยู่ก็ยังข้องอยู่ในวัฏสงสาร เกาะบาปอยู่ก็ยังข้องอยู่ในวัฏสงสาร
ยังไม่พ้น ต้องพ้นทั้งบุญและบาป อันนี้หลักฐานในพระไตรปิฎกกรุณาไปค้นดูเอา.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น