ริชาร์ด วูลฟ์ฟ – “เศรษฐกิจมันไม่เสมอภาค, ไม่เสถียรภาพ, โง่สุดๆ!
Wolff Responds:
"It's the Unequal, Unstable Economy, Stupid!" October 30, 2024
https://youtu.be/ZIJR7-rX1DE?si=_JaXBvdQcuXBZhho
ยินดีต้อนรับเพื่อนทั้งหลายสู่รายการ Wolff Responds อีกครั้งหนึ่ง. ผมต้องการที่จะพูดคุยถึงการเลือกตั้ง, แน่นอนล่ะ, และอะไรที่ผมคิดว่าได้บังเกิดขึ้นในการรณรงค์หาเสียงนั้น. ผมเรียกสิ่งนี้ว่าสิ่งที่ตามมา. (I call this the following.) มันคือ เศรษฐกิจที่ไม่เสมอภาค, ไม่เสถียร, โง่สุดๆ! (It’s the unequal, unstable, stupid!) นั้นคือที่ผมหมายถึง. มันคือความเป็นจริง, สิ่งจริงๆเกี่ยวกับเศรษฐกิจ, นั่นที่กำลบังทำให้แตกต่างทั้งหมด (It’s the reality, the real thing about the economy that’s making all the difference.) และผมไม่คิดอีกด้วยไม่ว่าผู้สมัครแข่งขันคนๆไหนจะเข้าใจอะไรสักอย่างเกี่ยวกับมัน. แต่พวกเขาก็กำลังเล่นอยู่ในมันและกับมัน, และผลที่ออกมาของการเลือกตั้ง, ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม, จะแสดงมันให้ปรากฏ. เราว่ากันไปเลยนะ. (Here we go.)
ความเป็นจริงพื้นฐานของเศรษฐกิจนี้ในสหรัฐอเมริกา
ในการวิวัฒนะและก่อสร้างมากว่า 40 และ 50 ปีก็คือ,
มันเป็นความไม่เสมอภาคอย่างที่สุด. (The basic reality of
economy in the United States evolving and building over
the last 40 and 50 years is that, it is extremely unequal.) ทั้งหมดของศตวรรษที่
19 และ 20 ของสหรัฐอเมริกา ก่อสร้างขึ้นมาเป็นอะไรที่ได้ถูกเรียกขานกันอย่างระมัดระวังว่า
เศรษฐกิจคนชั้นกลางอันยิ่งใหญ่ของโลก. (Building up what was
self-consciously called the great middleclass economy of the world.)
เย้ มีผู้คนร่ำรวยส่วนน้อยที่บนยอดสุด และมีไม่กี่รายของชาวบ้านผู้น่าสงสารสิ้นหวังที่ก้นล่าง.
(A
few rich people at the top and a few desperate poor folks at the bottom.) แต่เราที่เหลือทั้งหมดทุกคนอยู่ในชนชั้นกลางอันยิ่งใหญ่
ที่ได้จากไปทั้งหมดแล้ว(That’s all gone).
50 ปีสุดท้ายที่ผ่านมานี้ได้จบสิ้นมันลงไปแล้ว (The last 50 years finished it off.)
เราเป็นประชาชาติของผู้คนอภิมหาร่ำรวยที่บนยอดสุด, พวกเขาในทางกลับกันได้รับค่าจ้างสูงลิ่วเป็นผปู้บริหารทั้งหลาย
ที่ผู้คนกลับเป็นผู้ทำงานแทนให้กับพวกเขา. และแล้วที่ก้นล่าง 80 หรือ 90% ผู้คนของเรากำลังดิ้นรนเพื่อทนรอดอยู่ต่อไป.
(We are now a nation of super rich people at the top, they in turn
hire highly paid Executives that’s the people who do their work for them. And then the bottom 80 or 90% of our people are struggling to
get by.)
นั่นคือความเป็นจริงและทุกคนจริงๆแล้วก็รู้ถึงมันดี. (That’s
the reality and everybody really knows it.)
มันเป็นความเสื่อมทรามสิ้นศรัทธาอย่างน่าสะพรึงกลัวสำหรับชนชั้นกลางอันกว้างใหญ่
ที่ไม่ว่าได้อยู่ในชั้นกลาง
หรือว่าเชื่อว่ามั่นสามารถที่จะไปถึงตรงนั้นในไม่ช้านี้. ตอนนี้เข้าใจแล้ว, คุณไม่ได้อยู่ในมันและมันไม่ได้มีอยู่ตรงนั้นอีกต่อไปแล้ว.
ไม่สำหรับคุณ ไม่สำหรับลูกๆของคุณ ด้วย และนั่นทำให้ผู้คนชาวอเมริกันทั้งหลาย
โกรธ, ขื่นขม, ขุ่นเคือง, กังวล, ในตอนนี้ที่เป็นกุญแจนั้น. (It is
a terrible letdown for the vast middle that either was in the middle or believe
it could get there pretty soon. Now understand, you’re not in it and it’s no longer
there. Not for you not for your children either and that makes the Americans
people angry, bitter, resentful, upset, now that’s the key thing.)
จำให้ขึ้นใจไว้ว่า อะไรที่มันทำต่อประชากร. ตอนนี้ได้เพิ่มเติมขเอเท็จจริงว่าระบบเศรษฐกิจของเรา,
ไม่ได้กำลังทำให้เราไม่เสมอภาคยิ่งขึ้น แต่ไม่เสถียรภาพอย่างสามารถพูดได้. เราโขยกเขยกจากภาวะเงินเฟ้อไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
เมื่อคุณไม่สามารถได้งานทำกระจัดกระจายออกไปกับช่วงระยะเวลาหนึ่งนั้น,
เมื่อคุณไม่สามารถจ่ายเงินซื้อสินค้าของชำราคาขึ้นๆลงๆของคุณได้. (Keep
in mind that’s what it does to a population. Now add the fact that our economic
system, is not making us more unequal but is unspeakably unstable. We wobble from
inflation to recession1 a
period of time when you can’t get a job interspersed with a period of time,
when you can’t afford your groceries up and down.)
* https://www.thansettakij.com/economy/530412
สถาบันทั้งหลายที่ได้ถูกคาดหวังว่าจะทำการป้องกันล่วงหน้าการที่ไม่มีเสถียรภาพนี้,
ธนาคารแห่งสหรัฐ, รัฐบาล, นั้นได้ล้มเหลว. ดีที่สุดที่พวกเขาสามารถทำได้ก็คือเอาเรากลับไปยังที่ซึ่งเราไม่ควรอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ในทีแรก.
ว้าว! เศรษฐกิจอันไม่เสมอภาคและไม่มีเสถียรภาพ
มากยิ่งไปกว่าก่อนที่จะเขย่าประชากรในหนทางที่มันไม่ได้เป็นกันมานานโขแล้ว. (The
institutions that were supposed to pre- prevent that instability, the Federal
Reserve, the government fail. Best they can do is get us back to where we
shouldn’t have been in the first place. Wow!
And unequal and unstable economy more so than before shaking up a population in
a way it hasn’t been for a long time.)
โอเค, นั่นคือปัญหาเศรษฐกิจที่แท้จริง, ตอนนี้ อะไรที่เรามีอยู่จริง,
เรามีรีพับลิกันและเดโมแครต, อะไรที่พวกเขากำลังจะทำในสถานการณ์นั้น,
อะไรที่พวกเขากำลังจะทำ? พวกเขากำลังจะทำอย่างไรในสถานการณ์นี้? (Okay,
that’s the real economic problem, now what do we have, we have Republicans and
Democrats what are they going to do in that situation, what are they going to
do? How are they going to work in this situation?)
นี่คือสิ่งที่ มร.ทรัมป์ได้ทำ. เขาผุดขึ้นมาในใจด้วยความรับสนองสองใหญ่อันหาญกล้า.
หนึ่งนั้นคือที่จะประกาศขับไล่ผู้ลักลอบเข้าประเทศทั้งหลายของเหล่าผู้คนยากจนจากทางใต้.
และอย่างที่สองคือ, ข้าคือราชาแห่งกำแพงภาษี, ข้าจะหวดจีนและรัสเซียด้วยกำแพงภาษีสินค้าขาเข้าทั้งหลาย.
(Here’s
what Mr. Trump has done. He’s come up with two big bold responses. One,
is to denounce immigration of those poor people from the south. And the Second
one is, I’m the Tariff King, I’m gonna slap China and Russia with
tariffs.)
นี่คืออะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับอะไรที่เขาพูด.
อะไรก็ตามที่เขาพูดเกี่ยวกับผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย
และอะไรก็ตามที่เขาทำเกี่ยวกับกำแพงภาษีสินค้านำเข้า, ไม่ใช่ไม่ได้ทำมันมาก่อน,
ซึ่งไม่สามารถและจะไม่ไปเกี่ยวข้องกับความไม่เสมอภาคและความไม่เสถียรภาพ
ที่เป็นปัญหาอันแท้จริงเลย. (Here is what’s interesting about what
he says. Whatever he does about immigration and whatever he does about tariffs
has not he’s done it before, cannot and will not deal with and inequality and
the instability which are the real problem.)
แต่พวกเขาอย่างเป็นสัญลักษณ์เครื่องหมายอะไร? ข้ากำลังปกป้องคนอเมริกันทั้งหลาย.
เขากำลังทุบตีบางอย่าง, ผู้คนต้องการถูกปกป้องจากความไม่เสมอภาคและความไม่มีเสถียรภาพนั่น
นี่คือความทุกข์ทางเศรษฐกิจที่คอยแต่จะเริ่มเลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ. พวกเขาต้องการการปกป้อง
และบางทีถ้าคุณทุบตีจีนด้วยกำแพงภาษีสินค้านำเข้า, และคุณหยุดการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
อย่างน้อยก็เป็นอะไรบางอย่างที่จะถูกปกป้อง. (But they are symbolically what? I’m
protecting Americans. He is hitting something; people want to be protected
from the inequality and the instability that this is economy suffers from that
keeps getting worse. They want protection and maybe if you hit China with
tariffs, if you stop the immigration at least something will be protected.)
มันจะไม่เลย. ประเทศที่มี 330 ล้านผู้คนจะไม่ไกด้รับผลกระทบเลย
ถ้าคุณมีผู้ลักลอบเข้าเมืองมามากขึ้นหรือน้อยลงสักหลายล้านคนที่ไม่มีเอกสารถูกต้อง.
พวกเขาแค่ไม่กระเทือนเป็นสาระพื้นฐานสำคัญใด. มันเป็นแค่เกมปลอมๆแต่ดูสะเทือนอารมณ์แบบละครแค่นั้น,
ข้ากำลังจะไล่คนหลายล้านออกไป. แล้ว, ก็มีกำแพงภาษีสินค้านำเข้าต่อจีน,
นั่นได้เริ่มต้นโดยเขาเมื่อ 10 ปีก่อนแล้ว. แล้วมันได้แก้ปัญหานั่นมั้ย? ไม่เลย! (It
won’t. A country of 330 million people will not be affected if we have a few
more or a few less millions of undocumented immigrants. They just don’t matter
to the basic issue. It’s a phony game but it’s looks dramatic, I’m gonna deport
millions of people. Then there’s the tariff against China, that was started
by him 10 years ago. Has it solved the problem? No!)
จีนได้ยังคงดำเนินต่อไปในการเติบโตเร็วกว่าสหรัฐอเมริกา?
ใช่เลย! ปีนี้จีนจะเจริญเติบโตยิ่งกว่าเป็นสองเท่าของความเร็วที่สหรัฐอเมริกา
และนั่นคือบรรทัดฐาน, ถ้าสิ่งใดที่มในได้เคยใหญ่กว่ามาก่อน.
การหวดด้วยกำแพงภาษีสินค้านำเข้าต่อจีน
ไม่ได้เปลี่ยนแปลงสิ่งใดเลยอย่างในพื้นฐานเกี่ยวกับความไม่เสมอภาคและความไม่มีเสถียรภาพนั้น.
(Has
China continued to grow faster than the United States? Yes! This year China
will grow more than twice as fast as the United States and that’s the norm, if
anything it’s been bigger before. Slapping tariffs on China doesn’t change
anything basically about the inequality and the instability.)
มันดูจะเป็นที่เร้าอารมณ์กินใจอย่างละคร, แต่ในอีกทางหนึ่ง,
คุณมีมิส แฮร์รีส. เธอไม่มีอะไรเลยที่ใหญ่โตและกล้าหาญ.
เธอกำลังจะให้มีการเปลี่ยนแปลงภาษีเล็กน้อยนิดหน่อยและทำให้ 400,000
ผู้คนจ่ายเพิ่มอีกนิดหน่อย. แต่เหล่านี้เป็นการปรับแก้เล็กๆทั้งหลาย, พวกเขาไม่ได้มองไปที่ใหญ่โตและตรึงคาตรึงใจเยี่ยงละคร
เพราะว่าพวกเขาไม่ได้เป็น. ต่อเครดิตของเธอ,เธอไม่ได้กำลังทำการพ่นถ่ายออกมาเหมือนวิธีที่
มร. ทรัมป์ทำด้วยการชี้นิ้วปลอมๆนี้ ข้ากำลังปกป้องพวกเจ้า! ไม่เลย! เขาไม่ได้ทำ.
มันดูเหมือนอะไรบางอย่างกำลังเกิดขึ้น. แต่กับมิส แฮร์รีส, ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรบังเกิดกับสิ่งนั้นมากนัก,
และว่ากันอย่างอย่างซื่อสัตย์, ก็คือไม่มีอะไรมากเลยในข้อเสนอของเธอ ที่สะกิดสะเการอบขอบๆทั้งหลายของระบบเศรษฐกิจ.
พวกเขาไม่ได้ชี้แสดงต่อคำถามพื้นฐานไม่ว่ารายใดหรือไม่สักรายของผู้สมัครแข่งขัน
กล้าที่จะยอมรับและบอกต่อประชาชนอเมริกัน. ว่า, นี่คืออะไรที่กำลังบังเกิดขึ้นกับพวกคุณ,
เรามีระบบเศรษฐกิจหนึ่งที่จริงๆแล้วไม่เสมอภาคและไม่มีเสถียรภาพ
และนั่นเป็นอะไรที่ฉันกำลังจะเข้าไปยุงกับมัน.(But it looks
dramatic, on the other hand you have Miss Harris. She has nothing big and bold.
She’s going to let the taxes change a little bit and make people above 400,000
pay a bit more. But these are small adjustments, they don’t look big and
dramatic because they aren’t. To her credit, she’s not making crap up the way
Mr. Trump does with his phony gestures I’m protecting you! No! he isn’t. It looks like something is happening. But with
Ms. Harris, it doesn’t look like much is happening to, and to be honest not
much is her proposals that Tinker around the edges of the economic system. They
don’t address this basic question either and neither candidate dares to admit
and say to the American people. Here’s what’s happening to you, we have an economic
system that really unequal and unstable and that’s what I’m gonna deal with.)
มิส แฮร์รีสควรได้ทำเรื่องนั้น.
เธอควรได้ทำ, เธอควรจะได้พูดว่า ฉันจะเปลี่ยนแปลงจริงๆในระบบภาษีของประเทศนี้.
เรากำลังจะเก็บภาษีกับพวกขาใหญ่เศรษฐีพันๆล้านทั้งหลาย. ว้าว! นั่นก็น่าจะเป็นคว่ามรับผิดชอบขนาดโตและไม่เหมือนกับที่เป็นของทรัมป์,
มันน่าจะได้เป็นความจริง, มันคืออะไรบางอย่างที่เราสามารถทำได้และมันสามารถทำสิ่งแตกต่างใหญ่โตได้.
(Miss Harris could have done
that. She could have, she could have said I’m Really Gonna Change the
tax system of this country. We’re going to tax the billionaires Big Time.
Wow! That would have been a large response and unlike Trump’s, it would have
been realistic, it’s something we can do and it can make a big difference.)
นั่นอาจจะได้ทำความแตกต่าง. เธออาจจะได้ทำสิ่งนั้น.
เธออาจจะได้ทำการเปลี่ยนแปลงการกระจายรายได้ในหนทางหลักใหญ่
และได้แสดงให้เห็นสิ่งนั้นต่อประชาชน. แล้วเธอก็น่าจะได้มีความกล้าหาญใหญ่โตในการปกป้องคุ้มครองอะไรที่ชนอเมริกันได้กังวลเป็นห่วงถึง.
แต่เธอเลือกที่จะไม่ทำสิ่งนั้น. เธอได้เลือกที่จะไปหาอัลาห์ เบอร์นีย์ แซนเดอร์ไหม,
ที่เธอควรจะไปหา? เธออาจจะได้ถอดปลั๊กความวิบัตินี้, แต่เธอไม่ทำ. (That might
have made a difference. She might have done that. She might have changed the
distribution of income in major ways and shown that to people. Then she would have
had a big bold protection of what Americans are concerned about. But she chose
not to do that. Had she chosen to go Allah Bernie Sanders, she might have? She
might have pulled it off, but she didn’t.)
แล้ว, เธอเลือกกฎของเสียงข้างน้อยอย่างปลอดภัยไว้ก่อน,
เธอได้เล่นอะไรประเภทเกมเปลี่ยนแปลงเล็กๆที่ มร. ไบเดนทำ. และทั้งรีพับลิกันส์และเดโมแครตส์ทำไว้
ก่อนหน้าที่ทรัมป์จะเข้ามาทำ. เขาโยนทิ้งทั้งหมดนั่น, ส่งมาพร้อมกับเรื่องใหญ่โตของการปกป้องชนอเมริกัน,
อย่างระมัดระวัในการที่จะหลีกเลี่ยง, แน่นอนว่า, ในการจะกล่าวโทษใส่ร้ายเสมอต่อนายทุนและธุรกิจขนาดใหญ่.
(So,
she took the safe marginal rule, she played the kind of small changed game that
Mr. Biden undertook. And that Republicans and Democrats before Trump undertook.
He threw all that away, came away with a big story of protecting Americans,
carefully to avoiding of course, always blaming capitalism and big business.)
ไม่ว่าผ้าสมัครแข่งขันรายใดกล้าที่จะทำสิ่งนั้น. มันเป็นกฎเหล็กของกฎเหล็กทั้งหลาย.
เหตุผลว่าชนชั้นกลางอเมริกันถึงจากไป, ก็คือเพราะว่านายจ้างนายทุนทั้งหลายของอเมริกาได้กำไรมากยิ่งกว่าโดยเคลื่อนย้ายการผลิตไปยังจีน.
จีนไม่ได้ทำการตัดสินใจที่พวกเขาได้ทำนั้น,
ถ้าคุณต้องการจริงๆที่จะปกป้องงานของคนอเมริกัน,
คุณก็ไม่สามารถจะปล่อยให้พวกนายทุนนายจ้างทั้งหลายได้ทำอะไรที่พวกเขาต้องการแต่กำไรเช่นนั้นได้.
(Neither
candidate dares do that. It’s an irony of ironies. The reason the American Middle
Class is gone, is because the capitalist employers of America got more profit
by moving production to China. China didn’t make that decision they did, if you
really want to protect the American job, you can’t let the capitalist employers
do what they want for profit.)
แต่นักการเมืองทั้งหลายที่เราได้ซื้อมาทั้งซ้ายและขวาไม่สามารถพูดมันได้.
ดังนั้น, พวกเขาทิ้งสนามนี้ไปและทำการเคลื่อนไหวว่าเชื่อในการละครชองทรัมป์.
และในการปรับแก้เล็กเหมือนแต่เก่าๆๆๆก่อนๆๆๆอีชองแฮร์รีส. แล้ว, ผลออกมาก็จะขึ้นอยู่กับว่าสาธารณชนอเมริกันจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่ออะไรที่ผู้คนพวกนี้พูด.
(But
our bought politicians left and right can’t say it. So, they left the field and
make -believe dramatic moves that’s Mr. Trump. And same old, same old, same old
small adjustments, that’s Miss Harris. So, the outcome will depend on how the
American public reacts to what these people say.)
และแม้กระทั่งปฏิกอิริยาทั้งหลายต่อข้อเท็จจริงว่า
อะไรอย่างแท้จริงที่กวนใจพวกเขาคือ อะไรยบางอย่างที่ไม่ทั้งผู้สมัครแข่งขันคนใด
ได้เตรียมตัวที่จะทำอย่างมากเกี่ยวกับถ้าทรัมป์ได้เข้ามาทำทั้งหมดของ บลา! บลา! บลา! นั่นที่เขาคุยไว้
จะมาสู่ไม่มีอะไรที่ชุมชนธุรกิจจะไม่ยอมให้เขาทำ. (And even more reacts
to the fact that what’s really bothering them is something neither candidate is
prepared to do much about if Trump gets in all of that Blah! Blah! Blah! That he
talks will come to nothing the business Community won’t let him.)
และถ้าแฮร์รีสชนะ, เธออาจจะทำบางอย่างของเหล่าการปรับแก้นิดหน่อยทั้งหลายนั้น,
แต่พวกนั้นจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงสถานการณ์พื้นฐานใดเลยเช่นกัน. ดังนั้น, เราจะตามไปในอีกสี่ปีจากนี้,
จนกว่าเราทั้งหมดจะแทรกแซงเข้าไปได้เป็นเช่นรมวลชนที่เราจะได้รื้อกลับมาใช้อีกครั้ง
ได้คำขออภัยในการเลือกตั้งเช่นนี้. (And if Harris wins, she may make
some of those marginal adjustments, but they won’t change the basic situation
either. So, we’ll go along and four years from now, unless we all intervene as
the mass of people we’ll have a rerun of this sorry excuse for an election.)
ถ้าการแทรกแซงก้าวก่ายทั้งหลายเยี่ยงนี้, กระแทกใจคุณเหมือนเช่นเคย,
กรุณาแบ่งปันพวกมันให้กับญาติมิตรอื่นทั้งหลายที่อาจจะสนใจและเรียนรู้บางอย่างให้ด้วย.
นั่นคือทำไมผมถึงทำพวกดนี้. และแน่นอน, พวกมันมีค่าใช้จ่ายเป็นเงิน,
และถ้าคุณสามารถช่วยออกค่าใช้จ่ายทั้งหลายนี้ให้เราได้. โปรดทราบว่านั่นเป็นสิ่งที่เรายินดีชื่นชมอย่างยิ่ง
ขอบคุณ. (If interventions like these, strike you as usual, please
share them with other folks that might be interested and learn something as
well. That why me make them. And of course, they cost money, and if you can help
us defray the costs. Please know that that will be appreciated as well. Thank
you.)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น