หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2567

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย – ตอบปัญหาธรรม (3) การปฏิบัติสมถกรรมฐานจะทำให้หยุดอยู่แค่นี้?

 หลวงพ่อพุธ ฐานิโย – ตอบปัญหาธรรม  (3) การปฏิบัติสมถกรรมฐานจะทำให้หยุดอยู่แค่นี้?

          https://youtu.be/AwPOJkp7z_8?si=lsP-tyk3MJqzhATI

          *https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%93_(%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%98_%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A2)



ถาม(3):   ข้อ 3 การปฏิบัติสมถกรรมฐาน จะทำให้หยุดอยู่แค่นี้ไม่ไปสู่วิปัสสนาจริงหรือ?

ตอบ(3):   สมถกรรมฐาน ต่อบาทวิปัสสนากรรมฐานได้ อ่า อันนี้อาตมาได้อธิบายแล้วตอนที่...ที่กำลังแสดงธรรม ถ้าหากว่าผู้ปฏิบัตินั้นติดอยู่ในสมถะ ติดอยู่ในสุข ของความเป็นสมถกรรมฐานนั้น แล้วไม่พยายามที่จะทำจิตให้เข้าขึ้นสู่ภูมิวิปัสสนากรรมฐาน ก็หมายความว่าทำจิตให้สงบนิ่งเป็นอัปปนาสมาธิ พอจิตออกจากอัปปนาสมาธิแล้วปล่อย ปล่อยเลย ปล่อยโอกาสไม่ตาม เรียกว่าไม่ติดตามโอกาส อย่างจิตสงบนิ่งเป็นอัปปนาสมาธิ พอจิตออกมาแล้วปล่อยให้พรวดๆๆๆ ออกมาแล้วก็เลิกทันที อันนี้จิตไม่มีโอกาสก้าวขึ้นสู่ภูมิวิปัสสนากรรมฐาน.

          แต่พอว่าจิตถอนออกจากอัปปนาสมาธิหรือสมถะแล้ว ก็เกิดความคิด ตั้งสติกำหนดตามรู้ความคิดนั้น จิตจะเข้าไปสู่ภูมิวิปัสสนากรรมฐานได้ โดยไม่ต้องยกเอาอนิจ...อ่า รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ มาพิจารณา เพราะโดยธรรมชาติแล้ว เมื่อจิตถอนออกมาจากอัปปนาสมาธิ จิตจะรู้สึกว่ากายปรากฏ ในเมื่อกายปรากฏจิตก็ย่อมรู้กายคือรูป แล้วเมื่อจิตรู้กายคือรูป จิตก็ย่อมรู้เวทนา เพราะเวทนาเกิดจากรูปคือกาย แล้วจิตก็จะรู้สัญญาเพราะไอ้ความทรงจำต่างๆที่ผ่านเข้ามาทางทวาร 6 นั้น จิตย่อมจดจำเอาไว้ แล้วก็วิญญาณในเมื่อรู้สิ่งใดขึ้นมาก็เกิดความรู้ขึ้นมาซึ่งเรียกว่าวิญญาณ เมื่อรู้แล้วคิดปรุงแต่งในสิ่งนั้นๆ มันก็กลายเป็นตัวสังขาร.

          เพราะฉะนั้นการกำหนดดูรูปนาม ที่คำว่ารูปดับนามเกิด รูปดับนามเกิด หมายถึงว่า ในขณะที่เรากำหนดรู้รูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณอยู่ เมื่อจิตยังไม่มีสมาธิอย่างละเอียดแนบเนียน เรายังรู้สึกว่ากายปรากฏอยู่ ลมหายใจยังมีอยู่ เมื่อจิตสงบเป็นสมาธิละเอียดเข้าไปแล้ว จิตจะปล่อยวางความมีรูปคือกาย ในเมื่อปล่อยวางความมีรูปคือกาย รูปหายไป เวทนาหายไป สัญญาหายไป รูปดับ จิตไม่ได้พัวพันกับรูปเวทนาสัญญา อารมณ์มันน้อยลง จิตจึงเด่นขึ้นมาเรียกว่า นามเกิด.

          ทีนี้ภายในจิตอันนั้น ในขั้นนี้ยังเหลืออยู่แต่ สังขารกับวิญญาณ แล้วจิตก็จดจ้องอยู่ ในสิ่งที่รู้ ในส่วนละเอียดอยู่อย่างนั้น จิตตอนนี้อยู่ในอัปปนาสมาธิอยู่ในฌานเหมือนกัน บางท่านอาจจะเข้าใจผิดว่า จิตอยู่ในอัปป-นาสมาธิในขั้นสมถะนี่ มันจะไม่มีความรู้อะไรเลย ย่อมจตะเข้าใจอย่างนั้น แต่คว่ามจริงแล้ว สมถะในขั้นต้นนี่ เป็นแต่เพียงปฐมจิต ปฐมวิญญาณมโนธาตุ สติยังไม่เป็นมหาสติ จึงไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ภูมิวิปัสสนากรรมฐานได้ นอกจากจะฝึกหัดพร้อมนึกปรับปรุงปฏิปทาเอาเอง จนกว่าจิตจะสามารถเดินโดยลำพังของตนเองได้.

          แต่ถ้าหากว่าจิตผ่านการพิจารณามาอย่างช่ำชองแล้ว จิตย่อมจะสงบลงไปสู่อัปปนาสมาธิปรากฏว่าตัวหายไปหมดแล้ว แล้วยังมีสิ่งที่รู้ปรากฏขึ้นมาอยู่ สิ่งที่รู้อันนี้จะเรียกว่าอะไร ก็เรียกไม่ได้ มันมีแต่สิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่เท่านั้น อันนี้เป็นความรู้ในขั้นโลกุตระ เรียกว่าอยู่เหนือโลก ความรู้ที่มีชื่อเรียกนี่ เรียกว่าความรู้ในขั้นโลกีย์ ความรู้ที่ไม่มีชื่อเรียก ไม่มีสมมติบัญญัติ เป็นความรู้ที่อยู่ในขั้นโลกุตระ ย่อมไม่มีสมมติบัญญัติ อันเป็นสัจธรรม.

          ทีนี้การ เอ่อ ในเมื่อทำสมถะชำนิชำนาญแล้ว การต่อวิปัสสนากรรมฐานเนี่ยะ การต่อวิธีง่ายๆก็คือ คอยจ้องวเลาจิตถอนออกจากอัปปนาสมาธิ เกิดความคิดแล้วตามรู้ความคิด นี่อย่างหนึ่ง ถ้าไม่อย่างนั้น ก่อนที่จะทำความสงบให้เป็นสมถะ ให้พิจารณารูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ ในแง่แห่งพระไตรลักษณ์คือไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ด้วยความคิดเอาคิดเอาคิดเอา ตามที่เราจำได้มา แล้วตอไปก็ ในขณะที่ค้นคิดพิจารณาอยู่นั้น จิตอาจจะสงบลงไปในระหว่าง ก็ปล่อยให้จิตสงบไป ในเมื่อจิตสงบลงไปถ้าหากว่าจิตมีพลังพอที่จะปฏิวัติตัวไปสู่ภูมิความรู้ในขั้นวิปัสสนาได้ จิตจะดำเนินความรู้ไปเอง คือมีความรู้ผุดขึ้นมาผุดขึ้นมาเอง อันนี้ขอให้คำตอบเพียงแค่นี้.

มามากไป ตอบไปแล้ว หึหึ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น