หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

การหัวเราะ หุหุหุ อันล้ำเลิศ - ไอแซค อาสิมอฟ

1
การหัวเราะ หุหุหุ อันล้ำเลิศ

แฮนลีย์ บาร์แทรม เป็นแขกเชิญ, ในคืนนั้น, ของ สมาคมพ่อหม้ายแมงมุมดำ, ที่พบปะกันเดือนละครั้งในความเงียบสงัดดุจผีสิงและคำสาบานถึงตายของพวกเขาที่มีต่อสตรีใดที่บังอาจรุกล้ำเข้ามา—สำหรับหนึ่งราตรีต่อเดือนนั่น, ในทุกอัตรา.
          จำนวนของผู้เข้าร่วมมักแปรเปลี่ยนได้: สมาชิกห้าคนปรากฏอยู่ในโอกาสนี้.
          จอร์ฟฟรีย์ อวาลอน เป็นเจ้าภาพสำหรับเย็นนี้. เขาร่างสูง, มีหนวดที่ขลิบเล็มไว้อย่างประณีตและเคราเล็กๆ, ขาวมากกว่าจะสีดำในตอนนี้, แต่กับด้วยผมที่เกือบดำจนมากกว่าที่เคยเป็น.
          ในฐานเจ้าภาพ, เป็นภาระหน้าที่ของเขาที่จะเสนอการดื่มอวยที่เป็นเครื่องหมายการเริ่มต้นของดินเนอร์เฉพาะการนี้. ด้วยเสียงดัง, และด้วยเพลิดเพลิน, เขากล่าว, “แด่ราชาโคลเฒ่าแห่งความทรงจำอันศักดิ์สิทธิ์. ขอให้ปี่ของเขาอยู่ชั่วนิรันดร์, ชามของเขาเต็มเปี่ยมตลอดกาล, นักซอทั้งหลายของเขาแข็งแรงตลอดกาล, และขอให้เราทั้งปวงจงได้รื่นรมย์ดุจดังพระองค์ตลอดชีวิตทั้งปวงของเขาเทอญ.”
          แต่ละคนต่างเปล่งเสียงร้อง, “สาธุ,” แตะริมฝีปากของเขาเพื่อดื่ม, แล้วนั่งลง. อวาลอน วางเครื่องดื่มของเขายังด้านข้างจานของเขา.  มันเป็นแก้วที่สองของเขาและตอนนี้เต็มอยู่เพียงครึ่งอย่างชัดเจน. มันจะอยู่เช่นนั้นไปตลอดการดินเนอร์และจะไม่ถูกแตะต้องอีกเลย. เขาเป็นนักกฎหมายสิทธิบัตรและเขาแบกมันมาสู่สังคมชีวิตของเขาทุกพลความของงานของเขา. หนึ่งและครึ่งของการดื่มเป็นที่เที่ยงตรงชัดในอะไรที่เขาอนุญาตตนเองสำหรับโอกาสเยี่ยงนี้.
          โธมัส ทรัมบุลล์ โครมครามขึ้นมาทางบันไดในนาทีสุดท้าย, ด้วยเสียงตามเคยร้องมาว่า “เฮนรี่, สก็อตช์และโซดาสำหรับชายที่กำลังจะตายด้วย.”
          เฮนรี่, เป็นบริกรซึ่งทำหน้าที่สารัตถะนี้มาหลายปีแล้วในตอนนี้(และไม่มีนามสกุลสำหรับพ่อหม้ายแมงมุมดำคนใดที่เคยได้ยินและใช้), มีสก็อตช์และโซดาอยู่ในความพร้อมเรียบร้อยแล้ว. เขาดูราวหกสิบแต่ใบหน้าของเขานั้นไร้ริ้วรอยยับย่นและเงียบขรึม. เสียงของเขาดูเหมือนถอยระยะไกลออกไปเมื่อเขาพูด. “ตรงนี้แล้วครับ, มร.ทรัมบุลล์”
          ทรัมบุลล์ พบเห็น บาร์แทรม ในทันทีและบอกกับ อวาลอน ที่ด้านข้าง, “แขกเชิญของตุณรึ?”
          “เขาร้องขอที่จะมา,” อวาลอนบอก, ในราวเกือบกระซิบเท่าที่เขาจะจัดการได้. “เป็นเกลอที่น่ารัก. แล้วคุณจะชอบเขา.”
          ดินเนอร์ในตัวมันเองคละเคล้ากันไปดุจเดียวกับกิจกรรมของ พ่อหม้ายแมงมุมดำ ตามปกติที่เป็น. เอ็มมานูเอล รูบิน, ผู้ที่มีเคราอีกคน—เบาบางและยุ่งเหยิงอันหนึ่งใต้ปากที่เปิดอ้ากว้างฟันเต็ม—ได้ทำลายกล่องของนักประพันธ์ออกมาและละโมบให้รายละเอียดของเรื่องราวที่เขาเพิ่งทำเสร็จ. เจมสิ์ เดรค, ด้วยใบหน้าสี่เหลี่ยม, มีหนวดแต่ไร้เครา, กำลับสอดแทรกด้วยความทรงจำทั้งหลายของเรื่องราวอื่นๆ, ขนานเชื่อมโยงคู่กันไป. เดรค เป็นนักเคมีอินทรีย์แต่เขามีความรู้ระดับสารานุกรมของนิยายชั้นต่ำ.
          ทรัมบุลล์, ในฐานผู้เชี่ยวชาญถอดรหัส, พิจารณาตัวเขาเองให้เขาไปอยู่วงในของคณะที่ปรึกษารัฐบาลและนำมันเข้าไปในหัวของเขาเพื่อเป็นที่รุนแรงกับการประกาศทางการเมืองของ มาริโอ ก็อนซาโล่.  “ให้ตายห่าดิ่,” เขาตะโกน, หนึ่งในอารมณ์ประนามผู้อื่นอันน้อยนิดของเขา, “ทำไมคุณไม่ทิ่มอยู่กับสหายปัญญาอ่อนของคุณและกระสอบป่านทั้งหลายของคุณแล้วปล่อยให้กิจการทั้งหลายของโลกไว้กับใครที่ดีกว่าของคุณซะล่ะ?”
          ทรัมบุลล์ ไม่ได้ฟื้นขึ้นมาจาก ศิลปะการแสดงเดี่ยวของ ก็อนซาโล่ ตอนต้นเริ่มของปีนั้น, และ ก็อนซาโล่ เข้าใจในเรื่องนี้ดี, หัวเราะออกมาอย่างธรรมชาติอารมณ์ดี, และพูดว่า, “แสดงให้ผมดูมาดิ่ว่าใครล่ะที่ดีกว่า. บอกมาสักชื่อหนึ่ง.”
          บาร์แทรม, ร่างสั้นและท้วม, กับผมที่ม้วนเป็นลอนๆ, เกาะแน่นอยู่กับบทของเขาในฐานแขกเชิญ. เขาฟังทุกๆคน, ยิ้มกับทุกๆคน, และพูดน้อย.
          ในที่สุดก็ถึงเวลาเมื่อ เฮนรี่ ได้รินกาแฟและเริ่มต้นที่จะวางของหวานตรงหน้าแขกรับเชิญแต่ละคนด้วยอาการชำนาญปานเล่นกลที่ฝึกฝนมาดี. มันเป็นในชั่วขณะนี้เองที่ประเพณีการบดเค้นของแขกเชิญได้คาดหวังว่าจะเริ่มขึ้น.
          ผู้สอบถามนำคนแรก, เกือบเป็นตามประเพณี (ในโอกาสเหล่านั้นเมื่อเขาได้อยู่ร่วมด้วย) ก็คือ โธมัส ทรัมบุลล์. ใบหน้าดำคล้ำของเขา, ยับย่นราวกับขุ่นใจมายาวนาน, มองดูโกรธเกรี้ยวเมื่อเขาเริ่มขึ้นด้วยคำถามเปิดที่ไม่เคยแปรเปลี่ยน: “มร.บาร์แทรม, คุณให้เหตุผลการมีอยู่ของคุณว่าเช่นไร?”
          บาร์แทรม ยิ้ม. เขาพูดด้วยความแม่นยำเมื่อเขาบอก, “ผมไม่เคยได้พยายามทำ. ลูกค้าของผม, ในเหตุโอกาสเหล่านั้นที่ผมสร้างความพึงพอใจให้, พบว่าการมีอยู่ของผมนั้นสมควรแล้ว.”
          “ลูกค้าของคุณรึ?” รูบิน พูด. “คุณทำงานอะไรหรือ, มร.บาร์แทรม?
          “ผมเป็นนักสืบเอกชน.”
“ดี,” เจมสิ์ เดรค ว่า. “ผมไม่คิดว่าเราจะเคยมีสักรายหนึ่งมาก่อน. แมนนี่, คุณน่าจะได้ข้อมูลที่ถุกต้องบางอย่างสำหรับการเปลี่ยนแปลงเมื่อคุณเขียนถึงพวกบรรดาชายกร้าวแกร่งเห่ยๆนั่น.”
          “คงไม่จากผมหรอกครับ,” บาร์แทรม พูดอย่างรวดเร็ว.
          ทรัมบุลล์ ถลึงตาใส่. “ถ้าคุณไม่รังเกียจนะ, ท่านสุภาพบุรุษ, ในฐานะนักบดเค้นที่ได้รับมอบหมาย, กรุณาปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผม. มร.บาร์แทรม, คุณพูดถึงเหตุโอกาสเหล่านั้นที่คุณได้ให้ความพึงพอใจ. คุณมักจะให้ความพึงพอใจได้เสมอรึ?”
          “มีบางครั้งที่เหตุสาระถูกโต้แย้งบ้างครับ,” บาร์แทรม พูด. “ที่จริงแล้ว, ผมอยากที่จะบอกกับพวกคุณในค่ำนี้เกี่ยวกับเหตุโอกาสหนึ่งซึ่งน่าฉงนถามเป็นพิเศษยิ่ง.  มันอาจจะกระทั่งเป็นหนึ่งในพวกคุณน่าจะเป็นประโยชน์ในการเชื่อมโยงด้วยนั้น. ด้วยเช่นนั้นในใจที่ผมขอร้องเพื่อนที่แสนดีของผม เจฟฟ์ อวาลอน ให้เชื้อเชิญผมมายังการพบปะนี้, เมื่อผมได้เรียนรู้รายละเอียดขององค์กรนี้. เขาเอื้อเฟื้อและผมยินดียิ่ง.”
          “คุณพร้อมในตอนนี้ที่จะถกถึงความพึงพอใจอันน่าสงสัยที่คุณให้หรือไม่ได้ให้, ในคดีที่น่าจะเป็นแล้วไหม?”
          “ครับ, ถ้าคุณจะอนุญาตผม.”
          ทรัมบุลล์ มองดูคนอื่นๆเพื่อหาสัญญานที่ไม่เห็นพ้อง. ดวงตาโดดเด่นของ ก็อนซาโล่ถูกจับจ้องยัง บาร์แทรม ในขณะที่เขาพูด, “เราสอดแทรกบ้างได้ไหม?” อย่างรวดเร็ว, และด้วยการตวัดอย่างมัธยัสถ์อันน่ายกย่อง, เขากำลังวาดภาพล้อเสมือนบุคคลของ บาร์แทรม บนด้านหลังของบัตรเมนูอาหาร. มันจะถูกนำไปร่วมกับอันอื่นๆของแขกรับเชิญที่น่าจดจำและสวนสนามอย่างห้าวหาญขึ้นไปเรียงต่อแถวบนผนังเหล่านั้น.
          “ด้วยเหตุผลครับ,” บาร์แทรม บอก. เขาหยุดชั่วขณะเพื่อจิบกาแฟของเขาและพูโต่อไป, “เรื่องราวนี้เริ่มต้นด้วย แอนเดอร์สัน, ผู้ซึ่งผมจะกล่าวถึงในแบบนั้น. เขาเป็น พนักงานสอบซื้อ –แอค
ควิสิเตอร์.”
          “พนักงานสอบสวน -อินควิสิเตอร์ อ่ะรึ? ก็อนซาโล่ ถาม, ขมวดคิ้ว.
          “พนักงานสอบซื้อครับ. เขาหาสิ่งของมา, เขาเป็นเจ้าของพวกนั้น, เขาซื้อพวกนั้นมา, เขาเลือกหยิบพวกนั้นขึ้นมา, เขาสะสมพวกนั้น. โลกเคลื่อนไปในทิศทางหนึ่งเดียวด้วยความนับถือต่อเขา; มันเคลื่อนไปยังเขา; ไม่เคยหันหนีไป. เขามีบ้านหลังหนึ่งที่ข้างในท่วมท้นไปด้วยวัตถุเหล่านั้น, มีคุณค่าหลากหลายยิ่ง, เข้ามาวางไว้และไม่เคยเคลื่อนย้ายอีกเลย. ผ่านมาหลายๆปี, มันเติบโตหนาแน่นยิ่งขึ้นและวิวิธพันธุ์, ไม่คละเคล้าเข้าด้วยกันอย่างน่าทึ่งใจ. เขายังเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ, ผู้ที่ผมจะเรีนกเขาแค่เพียง แจ็คสัน.”
          ทรัมบุลล์ ขัดแทรกขึ้น, ขมวดคิ้ว, ไม่ใช่เพราะมีอะไรต้องทำให้ขมวดถึง, แต่เพราะว่าเขามักจะขมวดมัน. เขาพูด, “นี่เป็นเรื่องจริงรึ?”
          “ผมเล่าแต่เรื่องจริงครับ,” บาร์แทรม บอกช้าๆและชัดถ้อยคำ. “ผมขาดแคลนจินตนาการในการที่จะโกหก.”
          “นี่ถือเป็นความลับรึเปล่า?”
          “ผมจะไม่บอกเรื่องราวในวิธีนั้นเพื่อทำให้มันถูกจำออกมาได้ง่ายๆ, แต่ถ้ามันถูกจำกันได้, มันก็ควรถือเป็นความลับนะครับ.”
          “ผมติดตามไปในสิ่งเงื่อนไขนั้น,” ทรัมบุลล์, “แต่ผมหวังที่จะยืนยันแก่คุณว่าอะไรที่ถูกพูดกันภายในผนังทั้งหลายของห้องนี้จะไม่มีวันถูกพูดซ้ำอีก, หรือถูกอ้างอิงไปถึง, ไม่ว่าอย่างไรถึงจะเพียงในกลุ่ม, ข้างนอกผนังเหล่านี้ของมัน. เฮนรี่ เข้าใจในเรื่องนี้, ด้วยเช่นกัน.”
          เฮนรี่ ผู้ที่กำลังเติมลงสองถ้วยกาแฟ, ยิ้มเล็กน้อยและค้อมศีรษะของเขาในเชิงเห็นด้วย.
          บาร์แทรม ยิ้มด้วยเช่นกันและว่าต่อไป, “แจ็คสัน มีโรคอย่างหนึ่งด้วย, เช่นกัน. เขาเป็นคนซื่อตรง; อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และล้ำลึกในความซื่อตรงนั้น. คุณลักษณะนี้ซึมแพร่กระจายไปในจิตวิญญาณของเขาราวกับว่า, จากตอนช่วงวัยเด็ก, เขาได้ถูกหมักไว้อยู่ในความซื่อสัตย์เหล่านี้.
          “สำหรับชายเยี่ยง แอนเดอร์สัน, มันเป็นประโยชน์อย่างมากที่สุดที่ได้มี แจ็คสัน ผู้ซื่อตรงเป็นหุ้นส่วน, สำหรับธุรกิจของพวกเขา, ซึ่งผมระมัดระวังที่จะไม่บรรยายถึงในรายละเอียด, สัญญาที่ต้องประสงค์กับสาธารณะ. สัญญาในเช่นนั้นไม่ใช่สำหรับ แอนเดอร์สัน, เพราะความเป็นนักสอบซื้อยืนขวางทางอยู่. ด้วยแต่ละวัตถุที่เขาสอบซื้อได้มา, รอยยับย่นเล็กน้อยของเล่ห์เหลี่ยมเข้ามาในใบหน้าของเขา, จนกระทั่งมันดูเหมือนใยแมงมุมที่ทำให้แมลงวันทุกตัวตื่นตกใจที่ได้เห็น. มันเป็นเจ็คสัน, ผู้ซื่อตรงและพิสุทธิ์, ผู้ที่เป็นชายเบื้องหน้า, และผู้ซึ่งบรรดาหม้ายทั้งปวงต่างรีบเร่งเข้ามาหาพร้อมพับเงินเล็กๆน้อยๆของพวกเขา, และเหล่าเด็กกำพร้ากับสลึงเฟื้องของพวกเขานั้น.
          “ในอีกด้านหนึ่ง, แจ็คสัน พบสิ่งที่ขาดไม่ได้ของ แอนเดอร์สัน, ด้วยเช่นกัน, ด้วยบรรดาความซื่อสัตย์ทั้งหมดของเขา, บางทีเพราะว่ามัน, ไม่มีความลับพิเศษในการทำให้หนึ่งดอลลาร์กลายเป็นสอง. ทิ้งไว้ให้กับตัวเขาเอง, เขาควรจะ, แท้จริงแล้วไม่ได้ตั้งใจที่จะทำเลย, สูญเสียทุกเซนต์ที่ไว้วางใจในตัวเขาไปและน่าจะดังนั้นถูกบังคับอย่างรวดเร็วให้ฆ่าตัวของเขาเองในฐานะแบบน่าสงสัยของการชดใช้คืน. มือของ แอนเดอร์สัน นั้นยื่นไปหาเงินตรา, อย่างไรก็ดี, ในฐานะปุ๋ยสำหรับดอกกุหลาบทั้งหลาย, และเขาและ แจ็คสัน ได้, ร่วมกัน, ผนึกกันคว้าชัยชนะ.
          “กระนั้นก็ไม่มีสวรรค์ใดดำเนินไปโดยไม่สุดสิ้น, และคุณลักษณะการมะรุมมะตุ้มนั้น, ทิ้งไว้กับตัวมันเอง, จะล้ำลึก,กว้างใหญ่,และเติบโตมากขึ้นสุดๆ. ความว่อตรงของ แจ็คสัน เติบตัวเป็นสัดส่วนยักษ์ใหญ่ตพะหง่านค้ำจน แอนเดอร์สัน, เพราะความฉลาดมุ่งร้ายทั้งหมดของเขา, ในบางครั้งก็ถูกดันให้ถอยหลังไปยังกำแพงและบีบบังคับให้เข้าไปสู่การสูญเสียทางเงินตรา.  ในทำนองเดียวกัน, การสอบซื้อสะสมของ แอนเดอร์สันวอนไชรูพรุนไปยังความลึกเยี่ยงสุดนรกที่ แจ็คสัน, เพราะความมีจริยธรรมทั้งปวงนั้นของเขา, พบว่าตัวเขาเองบางโอกาสก็บิดผันเข้าไปสู่ภารกิจที่ต้องตั้งคำถาม.
          “โดยธรรมชาติแล้ว, ในขณะที่ แอนเดอร์สัน ไม่ชอบสูญเสียเงิน, และ แจ็คสัน ชิงชังนิสัยการพ่ายแพ้, ความเยือกเย็นเจริญเติบโตขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง. ในสภาวะการณ์เช่นนั้น, ผลกำไรชัดเจนว่าทอดนอนอยู่ด้านของ แอนเดอร์สัน, ผู้ซึ่งจัดวางไม่มีข้อจำกัดใดกับการกระทำของเขา, ในขณะที่ แจ็คสัน รู้สึกว่าตัวของเขาเองถูกมัดติดโยงยึดอยู่กับข้อบัญญัติของจริยธรรม.
          “อย่างแยบยล, แอนเดอร์สัน ทำงานและยักย้ายจนกระทั่ง, ในท้ายสุด, แจ็คสัน ผู้ซื่อสัตย์น่าสงสารพบว่าตนเองถูกบีบบังคับให้ขายส่วนของเขาที่เหลือของความเป็นหุ้นส่วนภายใต้สถานะภาพการไร้กำไรที่เป็นไปได้อย่างมากที่สุด.
          “การสอบซื้อสะสมของแอนเดอร์สัน, เราอาจพูดได้ว่า, ได้ถึงจุดขีดสุด, เพราะเขามีกรรมสิทธิ์ควบคุมคนเดียวในธุรกิจนั้น. มันเป็นความตั้งใจของเขาที่จะเกษียณตนเองในตอนนี้, ทิ้งให้ทุกวันดำเนินไปโดยลูกจ้าง, และพาตนเองยุ่งเกี่ยวกับไม่มีอะไรไกลไปกว่าการต้องการเก็บลงเป๋าในผลกำไรของมใน. แจ็สัน, ในทางตรงกันข้าม, ถูกทิ้งไว้กับความไม่มีอะไรมากไปกว่าความซื่อสัตย์ของเขา, และขณะที่ความซื่อสัตย์นั้นเป็นคุณลักษณะที่น่ายกย่องสรรเสริญ, มันมีราคาเล็กกระจิ๋วในโรงรับจำนำ.
          “ในที่ประเด็นนี้เอง, คุณสุภาพบุรุษ, ที่ผมได้เข้าไปในภาพนั้น....อ้าห์, เฮนรี่, ขอบคุณครับ.”
          แก้วของบรั่นดีได้ถูกส่งวางไปให้โดยรอบ.
          “คุณไม่ได้รู้จักกับคนพวกนี้ที่จะเริ่มต้นด้วยรึ?” รูบิน ถาม, ดวงตาเฉียบคมของเขากระพริบวับแวบ.
          “ไม่เลยครับ,” บาร์แทรม บอก, สืดดมอย่างละเมียดที่บรั่นดีและแค่สัมผัสมันดไปที่ริมฝีปากบนของเขา, “กระนั้นผมก็คิดว่าหนึ่งในพวกคุณในห้องนี้รู้จัก. มันก้หลายปีมาแล้ว.
          “ครั้งแรกที่ผมพบ แอนเดอร์สัน ก็เมื่อเขาเข้ามายังสำนักงานของผมอย่างร้อนระอุ. ผมต้องการให้คุณค้นหาว่าผมสูญเสียอะไรไป,” เขาบอก.  ผมเคยเกี่ยวข้องทำมาหลายคดีของการถูกขโมยในอาชีพของผมและดังนั้นผมจึงบอกว่า, ตามธรรมชาติ, แค่บอกมาว่าคุณสูญเสียอะไรสิครับ? อและเขาตอบมาว่า, “ห่ากินสิ! พวก, นั่นแหละที่ผมเพิ่งขอให้คุณค้นหาให้ไงล่ะ.
          “เรื่องราวออกมาค่อนข้างเลอะเทอะ. แอนเดอร์สัน และ แจ็คสัน ได้ทะเลาะกันอย่างเข้มข้นจนน่าแปลกใจ. แจ็คสัน ได้หลุดโทสะ, อย่างทีคนซื่อสัตย์จะสามารถเป็นได้เมื่อเขาค้นพบว่าจริยธรรมของเขานั้นไม่มีโล่ห์กันไว้ได้ต่อเล่ห์ร้ายของอีกฝ่ายหนึ่ง. เขาสาบานว่าจะแก้แค้น, และ แอนเดอร์สัน ยักไหล่ใส่นั่นแล้วหัวเราะ.”
          “จงระวังความโกรธของผู้อดกลั้น,” อวาลอน เอ่ยอ้างคติ, ด้วยบรรยากาศของการค้นคว้าแม่นยำที่เขานำมาแม้ในกระทั่งแถลงความไร้ศักยภาพอันน้อยที่สุดของเขา.
          “เช่นกันที่ผมได้ยินมา,” บาร์แทรม พูด, “ถึงแม้ว่าผมไม่เคยได้มีโอกาสที่จะทดสอบหลักคำสอนนั้น. หรือไม่ก็, ชัดเจนเลยว่า, แอนเดอร์สัน ก็เช่นกัน, เพราะเขาไม่มีความกลัวเกรงในตัว แจ็คสัน. ดังที่เขาอธิบาย, แจ็คสัน นั้นช่างโรคจิตซื่อตรงและช่างบ้าคลั่งในการยึดถือกฎหมายเสียจรไม่มีโอกาสที่เขาจะลื่นไหลลงไปหาการกระทำผิดกฎหมายใดๆได้. หรืออะไรเช่นนั้นที่ แอนเดอร์สันคิด. มันกระทั่งไม่บังเกิดกับตัวเขาที่จะถามขอให้ แจ็คสัน เอากุญแจสำนักงานมาคืน: บางอย่างทั้งหมดที่น่าจะสงสัยมากกวยิ่งกว่าในเมื่อสำนักงานนั้นได้ถูกตั้งอยู่ในบ้านของ แอนเดอร์สัน, ในท่ามกลางทรัพย์สินสรรพสิ่งกองพะเนินท่วมอยู่ในนั้น.
          “แอนเดอร์สัน นึกย้อนขึ้นได้ถึงการละเลยนี้เมื่อสองสามวันก่อนหลังจากการทะเลาะกัน, เพราะ, เมื่อกลับจากงานนัดในตอนก่อนเย็น, เขาพบว่า แจ็คสัน อยู่ในบ้านของเขา. แจ็คสัน ได้ถือกระเป๋าเอกสารเก่าๆ, ที่เขาเพิ่งปิดมันลงไปตอนที่ แอนเดอร์สันก้าวเข้าไปในสำนักงานพอดี; ปิดลงอย่างรีบร้อนตื่นตกใจ, ในสายตาของ แอนยเดอร์สัน.
          “แอนเดอร์สัน ขมวดิ้วแล้วพูดว่า, อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้, “แกกำลังทำอะไรในที่นี่?”
          “เอาเอกสารมาคืนบางอันที่เคยเป็นของฉันแต่ตอนนี้เป็นของแกไปแล้ว,” แจ็คสัน บอก, “และเอากุญแจสำนักงานมาคืนให้.” ด้วยการเอ่ยถึง, เขายื่นมือส่งกุญแจให้, ชี้ไปที่เอกสารบนโต๊ะ, และดันหมุนปุ่มล็อครหัสบนกระเป๋าเอกสารแบนๆของเขาด้วยนิ้วที่ แอนเดอร์สัน สามารถสาบานได้ว่าเห็นมันสั่นระริกเล็กน้อย. แจ็คสันมองไปรอบๆห้องด้วยอาการที่ปรากฏออกมาต่อ แอนเดอร์สัน ให้ต้องสงสัยใคร่รู้, เกือบเป็นความพึงใจอย่างลับๆ, ยิ้มแล้วพูดว่า, “ฉันคงจะไปแล้วตอนนี้.” เขากระทำต่อไปเช่นดังว่านั้น.
          “มันไม่จนกระทั่งได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถของแจ็คสัน หมุนเลี้ยวตัวและแล้วก็ถอยไปไกลห่างแล้วที่เขาปลุกเร้าตนเองใวห้ตื่นจากภวังค์ที่สะกดเขาให้งวยงงงันอยู่ได้. เขารู้ว่าเขาถุกขโมย, และในวันต่อมาเขาก็มาพบผม.”
          เดรค กัดริมฝีปากของตน,หมุนแก้วที่เหลือบรั่นดีอยู่ครึ่งหนึ่ง, แล้วพูด, “ทำไมไม่ไปหาตำรวจล่ะ?”
          “มีอะไรละเอียดซับซ้อนอยู่ครับ,” บาร์แทรม บอก. “แอนเดอร์สัน ไม่รู้ว่าอะไรถูกหเอาไปง เมื่อการถูกขโมยปักลงไปที่ใจของเขา, เขารียตรงไปที่ตู้เซฟ. สิ่งที่บรรจุอยู่ในนั้นปลอดภัยครบถ้วน. เขากระโจนกลับมาที่โต๊ะของเขา. ไม่มีอะไรที่ดูเหมือนขะขาดหายไป. เขาวิ่งเข้าวิ่งออกไปยังแต่ละห้อง. ทุกอย่างดูเหมือนจะอยู่ครบในที่ตั้งเท่าที่เขาจะสามารถบอกได้ง”
          “เขาแน่ใจในเรื่องนี้รึ?” ก็อนซาโล่ ถาม.
          “เขาก็ไม่อาจมั่นใจนัก. บ้านนั้นน่ะถูกตกแต่งอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบด้วยสารพัดหลากสิ่งวัตถุที่เขามีแล้วเขาก็จดไม่ได้หมดครบถ้วนในสิ่งที่เขาครอบครองไว้. เขาบอกกับผม, ยกตัวอย่าง, ครั้งหนึ่งเขาสะสมนาฬิกาโบราณหกลายเรือน. เขาเอาพวกนั้นไว้ในลิ้นชักเล็กๆในห้องหนังสือของเขา; หกเรือนด้วยกัน. ทั้งหกเรือนนั้นอยู่ตรงนั้น, แต่เขาถูกกวนใจด้วยความจำเลือนลางว่าเขาเคยมีเจ็ดเรือน. ตลอดชีวิตของเขา, เขาไม่สามารถจำลงไปได้ให้แน่ชัด. ที่จริงแล้ว, มันเลวร้ายยิ่งไปกว่านั้น, เพราะหนึ่งในหกเรือนนั้นดูเหมือนจะแปลกตาไปกับตัวเขา. มในอาจจะเป็นว่าเขานั้นมีอยู่หกเรือนก็จริงแต่อันหนึ่งมีราคาด้อยกว่าได้ถูกเอามาสับเปลี่ยนแทนอันที่มีค่ามากกว่า? บางอย่างของแบบนี้เองที่ทวนซ้ำตัวมันเองโหลครั้งในทุกซอกทุกมุมและทุกสิ่งทุกอย่างของสิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น. ดังนั้นเอาจึงมาหาผม---“
          “เดี๋ยวก่อนสักครู่,” ทรัมบุลล์ พูด, เอามือของเขาวางลงอย่างแรงบนโต๊ะ. “อะไรทำให้เขามั่นใจนักว่า แจ็คสัน ได้เอาอะไรไปสักอย่างแน่ๆ?”
          “อ้า,” บาร์แทรม พูด, “นั่นเป็นส่วนที่น่าตรึงใจของเรื่องราวนี้. การปิดลงของกระเป๋าเอกสาร, และรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยลึกลับของ แจ็คสันในขณะที่มองไปรอบๆห้อง, เข้ามาบริการตัวมันเองที่จะปลุกเร้าความสงสัยของ แอนเดอร์สัน, แต่ขณะที่ประตูปิดตามหลังของเขา, แจ็คสัน หัวเราะ หุหุหุ. มันไม่ใช่เป็นการหัวเราะตามปกติ.....แต่ผมจะขอให้ แอนเดอร์สัน บอกมันในคำของเขาเอง, เท่าที่ผมจดจำเอาไว้ได้.
          บาร์แทรม,เขาพูด, ผมได้ยินหัวเราะในลำคอแบบนั้นมามากมายหลายหนในชีวิตของผม. ผมองก้หัวเราะในลำคอแบบนั้นด้วยตนเองมานับพันครั้ง. มันเป็นหัวเราะในลำคอที่มีลักษณะพิเศษ , น่าจดจำยิ่งนัก, อันที่ไม่ปิดบัง. มันเป็นการหัวเราะ หุหุหุ ที่ล้ำเลิศ; มันเป็นเสียงหัวเราะ หุหุหุ ของคนผู้ที่ได้อะไรบางอย่างที่เขาต้องการมันอย่างมากในราคาที่แพงลิบลิ่วสำหรับคนอื่น. ถ้าใครก็ตามในทั่วทั้งโลกนี้รู้ว่าหัวเราะ หุหุหุ เช่นนั้นและสามารถจดจำมันได้, แม้กระทั่งเบื้องหลังประตูที่ปิดไว้, ชายผู้นั้นก็คือตัวของผมเอง. ผมไม่สามารถคิดผิดได้. แจ็คสัน ได้เอาบางอย่างของผมไปและปลาบปลื้มในมันอย่างยิ่ง!
          “ไม่มีข้อถกเถียงค้านกับคนที่เห็นอะไรไปในประเด็นเช่นนั้นได้. เขาดุจตกเป็นทาสต่อความคิดของการถูกเป็นเหยื่อและ, ที่จริงแล้ว, ผมก็ต้องเชื่อเขา. ผมต้องคาดหวังว่าสำหรับทั้งหมดของโรคพยาธิความซื่อสัตย์แล้ว, เขาได้ถูกล่อหลงโดยแว่บหนึ่งในชั่วชีวิตของความอดกลั้น, เข้าไปสู่การลักขโมย. สิ่งที่ช่วยล่อลวงให้เขาหลงนี้คงต้องเป็นความรู้ที่ได้จาก แอนเดอร์สัน. เขาต้องได้รู้ถึงความตั้งใจของ แอนเดอร์สัน ที่จะถือยึดแม้ในสิ่งที่น้อยค่าที่สุดที่ได้ตกเป็นของเขา, และตระหนักได้ว่าความเจ็บปวดนี้จะขยายลงไปลึกขึ้นและเลยไกลไปจากมูลค่าของสิ่งที่ได้เอาไป, ไม่ว่าความหาศาลที่สิ่งมีค่านั้นจะได้มีก็ตาม.
          รูบิน พูด, “บางทีมันคือกระเป๋าเอกสารที่เขาถือไป.”
          “ไม่, ไม่, นั่นเป็นของ แจ็คสัน. เขาเป็นเจ้าของมันมาหลายปีแล้ว. และนั่นล่ะที่คุณเจอปัญหา. แอนเดอร์สัน ต้องการให้ผมค้นหาออกมาว่าอะไรที่ถูกเอาไป, เพราะจนบัดนี้เขาเองก็ไม่อาจระบุว่าวัตถุใดที่ถูกขโมยและแสดงให้เห็นว่าวัตถุเป็นอะไร, หรืได้เคยเป็น, อยู่ในการครอบครองของ แจ็คสัน ในตอนนี้. งานของผม, งั้น, คือตรวจค้นทั่วบ้านของเขาและบอกกับเขาว่าอะไรหายไป.”
          “นั่นจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ? ถ้าตัวของเขาเองก็ไม่สามารถบอกได้?” ทรัมบุลล์ กร่น.
          “ผมก็ชี้ออกมาเช่นนั้นให้กับเขา, “ บาร์แทรม พูด, “แต่เขากำลังคลั่งและไร้เหตุผล. เขาเสนอข้อตกลงที่เป็นเงินก้อนมหาศาล, ชนะหรือแพ้;ค่าธรรมเนียมที่สุดหล่อเหลามาก, จริงแท้เลย, และเขาวางส่วนแบ่งขนาดพอสมควรของมันเป็นมัดจำด้วย. มันชัดเจนว่าเขาขุ่นเคืองเกินเลยไปจากขนาดวัดของการจงใจดูหมิ่นต่อการสืบซื้อของเขา. ความคิดที่ว่ามือสมัครเล่นไม่ใช่นักสืบซื้ออย่าง แจ็คสัน ควรจะกล้าต่อต้านเขาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดของแรงตัณหาของเขานี้ได้ขับเคลื่อนเขา, ในแง่มุมหนึ่งเดียว, คือบ้า, และเขาได้เตรียมพร้อมที่จะไปต่อยังค่าใช้จ่ายใดๆที่จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งพ้นไปจากชัยชนะในท้ายสุด.
          “ตัวของผมเองนั้นค่อนข้างจะเป็นคนทั่วไป. ผมยอมรับค่ามัดจำและค่าธรรมเนียมนั้น. ว่าไปแล้ว, ผมก็มีเหตุผล. ผมได้มีวิธีการของผม. ผมเอาคำถามถึงบัญชีรายการประกันภัยขึ้นมาเป็นอย่างแรก. ทั้งหมดนั้นล้าสมัย, แต่พวกนั้นก็ให้ได้กำจัดพวกเฟอร์นิเจอร์และบรรดาสิ่งของใหญ่ๆที่อ่าจเป็นเหยื่อการลักขโมยของ แจ็คสัน ออกไปได้, เพราะทุกอย่างที่อยู่ในบัญชีรายการยังคงอยู่ที่ในบ้านนั้น.”
          อวาลอน แทรกขัดขึ้น. “พวกนั้นถูกกำจัดออกไปอยู่แล้ว, ในเมื่อวัตถุที่ถูกขโมยน่าจะใส่ลงไปในกระเป๋าเอกสารของเขาใบนั้นได้.”
          “เงื่อนไขที่ได้ตั้งไว้ว่าเป็นเช่นนั้นจริงแท้ที่กระเป๋าเอกสารนั้นถูกใช้ไปในการขนย้ายสิ่งของนั้นออกไปจากบ้าน,” บาร์แทรม ชี้ออกมาอย่างอดทน. “มันก็อาจเป็นเหยื่อล่อได้ง่าย, ก่อนหน้าการกลับมาบ้านของ แอนเดอร์สัน, แจ็คสัน สามารถได้ให้รถตู้แวนขนย้ายมาที่ประตูแล้วขนเอาแกรนด์ เปียโน ก็ได้ถ้าเขาเลือกสิ่งนั้น, แล้วก็ทำทีเป็นปิดกระเป๋าเอกสารต่อหน้าของ แอนเดอร์สัน เพื่อหลอกชักนำเขาไปอีกทาง.
          “แต่ไม่ต้องไปสนใจนั่นหรอกครับ. มันไม่ได้เป็นเหมือนเช่นั้น. ผมพาเขาเดินไปทั่วบ้านห้องแล้วห้องเล่า, เรียงลำดับอย่างเป็นระบบในการพิจารณาไล่ตั้งแต่พื้นห้อง, ผนัง, และเพดาน, ศึกษาชั้นหิ้งทั้งหมด, เปิดออกทุกประตู, ตรวจพิจารณาทุกชิ้นของเฟอร์นิเจอร์, ค้นทั่วทุกจุดของทุกตู้. ไม่แม้กระทั่งจะทิ้งเว้นห้องใต้หลังคาและชั้นใต้ดิน. ไม่เคยมีมาก่อนที่ แอนเดอร์สัน ได้ถูกบังคับให้ตรวจพิจารณาทุกสิ่งของสะสมอันมากมายและมหาศาลเขาเช่นนี้เพื่อดูว่าที่ไหนสักแห่ง, สักอย่างไร, สิ่งของบางชิ้นนั้นอาจจะกระตุกความทรงจำของเขาถึงบางสิ่งของอันเคยคู่เคียงกันนั้นไม่ได้อยู่ที่นั่น.
          “มันเป็นบ้านที่ใหญ่โตมาก, อันไม่ผสมผสานเข้าได้กันเลยหลังหนึ่ง, บ้านไร้จุดจบเลย. มันใช้เวลาเราไปหลายวัน, และ แอนเดอร์สัน ผู้น่าสงสารก็สับสนมึนงงมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวัน.
          “ผมจู่โจมถัดไปจากจุดจบของอีกฝ่ายอื่น. มันเป็นที่ชัดว่า แจ็คสัน ได้สุขุมรอบคอบหยิบเอาบางอย่างที่ไม่น่าสังเกตได้, บางทีสิ่งเล็กๆ; แน่ใจว่าบางอย่างที่ แอนเดอร์สัน จะไม่ติดถึงได้ง่ายๆและดังนั้นเองไม่ใช่บางอย่างที่เขาผูกพันต่ออย่างใหญ่หลวง. ในอีกด้านหนึ่ง, มันฟังดูเข้าท่าที่จะคาดว่ามันเป็นบางอย่างที่ แจ็คสัน น่าจะอิยากที่จะเอามันออกไป, และซึ่งเขาน่าจะคิดว่ามันมีค่า. จริงแท้แล้ว, การกระทำของเขานี้น่าจะให้ความพึงพอใจแก่เขาเป็นอย่างมากที่สุด. ถ้าแอนเดอร์สัน, ด้วยเช่นกัน, พบว่ามันมีค่ามาก---เมื่อใดที่เขาตระหนักรู้ว่ามันคืออะไรนั่นที่หายไป. อะไรล่ะ, งั้น, ที่มันน่าจะเป็น?”
          “ภาดวาดชิ้นเล็ก,” ก็อนซาโล่ พูดอย่างกระหาย, “ที่ แจ็คสัน รู้ว่าเป็นของแท้ของ เซซานนิ์, แต่ซึ่ง แอนเดอร์สัน คิดว่ามันเป็นของปลอม.”
          “แสตมปืดวงหนึ่งจากงานสะสมของ แอนเดอร์สันล” รูบิน พูด, “ที่ แจ็คสัน ได้รู้ว่ามีการแกะบล็อคพิมพ์ผิดพลาดแต่หายากยิ่ง.” เขาครั้งหนึ่งเคยได้เขียนนิยายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นในแง่มุมนี้ไว้พอดี.
          “หนังสือเล่มหนึ่ง,” ทรัมบุลล์ พูด, “ที่ข้างในเนื้อหาที่เป็นความลับซ่อนไว้ของครอบครัวและด้วย, ขึ้นอยู่กับเวลา, แจ็คสัน สามารถใช้มันแบล็คเมล์ แอนเดอร์สัน.”
          “รูปภาพอันหนึ่ง,” อวาลอน พูดแบบละคร, “ที่ แอนเดอร์สันได้ลืมไปแล้วแต่ที่มีอะไรแบบว่าเป็นหวานใจเก่าๆซึ่ง, ในที่สุด, เขาก็จะหวังจะมีโชคได้ซื้อมันคืนกลับมา.”
          “ผมไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ในธุรกิจอะไรกัน,” เดรค พูดอย่างครุ่นคิด, “แต่มันอาจจะเป็นได้ว่าเป็นอะไรประเภทที่ไม่มีราคาค่างวดบางอย่างกลับปรากฏว่าความจริงแล้วกลายเป็นมีค่ามหาศาลสำหรับคู่แข่งและขับดันให้ แอนเดอร์สัน ล้มละลายได้, ผมจำได้ถึงคดีหนึ่งที่เป็นสูตรเคมีสำหรับ ไฮดราโซ-ตัวกลาง---”
          “ก็พอกลเพียงพอ,” บาร์แทรม พูด, ขัดหยุดขึ้นอย่างหนักแน่น, “ผมได้คิดตรองแจ่ละอันของความเป็นไปได้ทั้งหลายมาแล้ว, และผมไล่เรียงแต่ละอย่างกับ แอนเดอร์สัน. มันเป็นที่ชัดเจนว่าเขาไม่มีรสนิยมในศิลปะและงานแต่ละชิ้นที่เขามีก็เป็นของปลอมขยะจริงๆ, และไม่ผิดพลาดแน่. เขาไม่ได้สะสมแสตมป์, และถึงแม้ว่าเขาจะมีหนังสือหลายเล่มและไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่าเล่มไหนได้หายไป, เขาสาบานว่าเขาไม่ได้ซ่อนความลับของครอบครัวอะไรไว้ที่ไหนที่ซึ้งมันจะมีค่ากระแทกใจนักแบล็คเมล์ใด. หรือว่าเขาได้มีหวานใจเก่าแก่อะไรนั่นด้วย, ในเมื่อตอนสมัยเด็กหนุ่มๆ เขาได้จำกัดตนอยู่แค่สตรีมืออาชีพผู้ซึ่งภาพถ่ายเหล่านั้นเขาก็ไม่ให้รางวัลอะไร. สำหรับความลับในทางธุรกิจของเขานั้น, มันเป็นประเภทที่อยู่ในความสนใจของรัฐบาลมากไกลเสียยิ่งเกินกว่าคู่แข่งรายใด, และทุกอย่างของประเภทนั้นก็ได้ถูกเก็บห่างไกลพ้นสายอันสัตย์ซื่อของ แจ็คสัน ในทีแรกอยู่แล้ว และยังคงอยู่ในเซฟ(หรือไม่ก็ไปอยู่ในกองไฟเสียนาน)เป็นอย่างที่สอง. ผมได้คิดถึงความเป็นไปได้อย่างอื่นๆอีก, แต่, ในทีละอย่าง, พวกนั้นก็ถูกซัดคว่ำลงไปจนหมด.
          “แน่นอน, แจ็คสัน อาจจะทรยศด้วยตัวเอง. เขาอาจจะผลิบานเป็นมั่งคี่งขึ้นมาในทันใด, และในการค้นพบถึงแหล่งของความมั่งคั่ง, เราก็น่าจะเรียนรู้ได้ถึงอัตลักษณ์ของสิ่งที่ถูกขโมยไป.
          “แอนเดอร์สัน แนะเรื่องนี้ด้วยตนเองและจ่ายอย่างฟุ่มเฟือยที่จะใหฟ้ที่การเฝ้าดูจับตามองตลอดยี่สิบสี่ชั่วโม.กับ แจ็คสัน. มันไร้ประโยชน์. ชายคนนั้นใช้ชีวิตอยู่อย่างโง่ทึบและประพฤติตนชัดเจนอย่างที่คุณจะหวังได้จากใครบางคนที่อดออมไม่มีอะไรเพื่อดำรงตน.  เขาอาศัยอยู่อย่างตระหนี่, และ, ในที่สุด, รับเอาทำงานที่ต่ำต้อย, ที่ซึ่งความซื่อสัตย์ของเขาและอากัปกิริยาส่งให้เขาอยู่ในฐานะไปได้ดี.
          “ในที่สุดแล้ว, ผมมีก็แต่ทางเลือกอันเดียวที่เหลืออยู่---”
          “เดี๋ยว, เดี๋ยวล “ ก็อนซาโล่ บอก, “ให้ผมเดาก่อน, ให้ผมเดา,” เขายกแก้วขึ้นดกอะไรเหลืออยู่ที่เป็นบรั่นดีของเขา, ส่งสัญญานให้ เฮนรี่ ขออีก, แล้วว่า, “คุณไปถาม แจ็คสัน!
          “ผมถูกยั่วยวนใจอย่างแรงกล้าที่จะทำ,” บาร์แทรม พูดอย่างคร่ำครวญ, “แต่นั่นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย. มันไม่ทำกันเช่นนั้นในอาชีพอย่างผมที่จะแม้กระทั่งพูดเป็นนัยในการกล่าวหาโดยปราศจากหลักฐานของอะไรสักอย่าง. ใบประกอบอาชีพนั้นค่อนข้างเปราะบาง. และในกรณีใดก็ตาม, เขาก็แค่ปฏิเสธง่ายๆในเรื่องขโมยนี้, ถ้าถูกกล่าวหา, แล้วก็เลยตั้งการ์ดปกป้องกันอาชญากรรมอะไรของตนเองขึ้นอีกด้วย.”
          “แล้ว, งั้น...,” ก็อนซาโล่ พูดเว้นวรรคว่าง, และค่อยหายไป.
          คนอื่นๆอีกสี่ย่นคิ้วกันไปทีละคน, แต่ก็มีเพียงความเงียบแค่นั้น.
          บาร์แทรม, ได้รอคอยอย่างสุภาพ, พูดขึ้นว่าล” คุณไม่ต้องเดาหรอกครับ, ท่านสุภาพบุรุษ, เพราะพวกคุณไม่ได้อยู่สายอาชีพนี้. คุณรู้อะไรเท่าที่คุณอ่านในเชิงโรแมนติค, และดังนั้นคุณก็คิดว่าสุภาพบุรุษอย่างเช่นตัวผมมีจำนวนไม่จำกัดของทางเลือกทั้งหลายและคลี่คลายได้หลากหลายในคดีทั้งหมด. ผม, เอง,  อยู่ในสายอาชีพนี้, รู้ดีถึงอีกอย่างอื่น. ท่านสุภาพบุรุษ, ทางเลือกเดียวที่ผมได้มีเหลืออยู่ก็คือสารภาพถึงความล้มเหลว.
          “แอนเดอร์สัน จ่ายผม, อย่างไรก็ดี, ผทจะให้เครดิตแก่เขาให้มากที่สุดในเรื่องนั้น. เมื่อถึงเวลาที่ผมกล่าวลากับเขา, เขาสูญน้ำหนักตัวไปสิบปอนด์. มีความว่างเปล่าให้เห็นอยู่ในดวงตาของเขาและ, เมื่อตอนที่เขาสั่นมือกับผม, ดวงตาคู่นั้นเคลื่อนไปรอบๆห้องที่เขาอยู่ในนั้น, ยังคงมองหา. เขาพึมพัม, “ผมบอกคุณแล้เวว่าผมไม่มีทางจะเข้าใจผิดไปได้กับเสียงหัวเราะในลำคอนั่น. เขาต้องเอาอะไรบางอย่างไปจากผม.
          “ผมเห็นเขาในหนึ่งหรือสองโอกาสหลังจากนั้น. เขาไม่เคยหยุดมองหา; เขาไม่เคยค้นพบในวัตถุที่หายไปนั้น. เขาไปค่อรนข้างลงเขา. เหตุการณ์ที่ผมได้บรรยายนี้ใช้เวลาเกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน, และเมื่อเดือนที่แล้ว, เขาได้เสียชีวิตลง.”
          มีความเงียบสั้นอยู่ขณะ. อวาลอน พูดขึ้นว่า, “โดยปราศจากได้ค้นพบวัตถุที่หายไปนั้นรึ?”
          “โดยปราศจากการค้นพบมัน.”
          ทรัมบุลล์ พูด, อย่างไม่เห็นด้วย, “คุรกำลังมาหาเราเพื่อให้ช่วยคุณกับปัญานั้นในตอนนี้รึ?”
          “จะว่าไปแล้ว, ครับผม. โอกาสนี้ดีเกินกว่าจะพลาดไปอีกได้. แอนเดอร์สัน ได้เสียชีวิตไปแล้วและไม่ว่าอะไรก็ตามที่ได้พูดภายในผนังเหล่านี้จะไม่ออกไปไกลที่ไหนอีก, เราทั้งหมดตกลงเห็นด้วยกัน, ดังนั้นผมขออนุญาตในตอนนี้ถามอะไรที่ผมไม่สามารถถามมาก่อนได้...เฮนรี่, ผมขอไฟหน่อยครับ?”
          เฮนรี่, ผู้ที่ได้ฟังอยู่มาตลอดด้วยชนิดคล้อยตามใจในภวังค์, นำเอากล่องไม้ขีดไฟขึ้นมาแล้วจุดมันให้กับบุหรี่ของ บาร์แทรม.
          “ขออนุญาตให้ผมได้แนะนำคุณ, เฮนรี่, ต่อผู้ที่คุณได้รับใช้อย่างมีประสิทธิผล.....ท่านสุภาพบุรุษ, ขออนุญาตให้ผมได้แนะนำต่อพวกคุณ, เฮนรี่ แจ็คสัน.”
          มีชั่วขณะช็อคอย่างปรากฏชัดขึ้นมาแล้ว เดรค พูด, “แจ็คสัน ผู้นั้นอ่ะนะ.”
          “ใช่เลยครับ,” บาร์แทรม พูด. “ผมรู้ว่าเขาได้ทำงานที่นี่และเมื่อผมได้ยินว่ามีสมาคมที่พวกคุณมาประชุมกันในเดือนละครั้ง, ผมต้องขอร้องอ้อนวอน, ค่อนข้างไร้ยางอาย, เพื่อให้รับเชิญมา. มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่ผมสามารถพบสุภาพบุรุษที่ได้หัวเราะ หุหุหุ อย่างล้ำเลิศเอาไว้, และทำเช่นนั้นภายใต้สถานภาพทั้งเบิกบานและสุขุมรอบคอบ.
          เฮนรี่ ยิ้มและค้อมศีรษะของเขายอมรับ.
          บาร์แทรม พูด, “มีเวลาหนึ่งในช่วงของการสอบสวนเมื่อผมไม่สามารถช่วยได้แต่สงสัย, เฮยนรี่, ไม่ว่า แอนเดอร์สัน อาจจะได้คิดผิดและไม่ว่านั่นอาจจะเป็นไปได้ว่าไม่มีการขโมยอะไรเลย. เสมอเลยนะว่า, อย่างไรก็ดี, ผมก็หวนคิดกลับมายังสาเหตุเรื่องของการหัวเราะ หุหุหุ ที่ล้ำเลิศ, และผมก็เชื่อใจในการตัดสินของ แอนเดอร์สัน.”
          “มันเป็นอะไรที่มีมูลค่านะ, ผมสันนิษฐาน.”
          “มันเป็นอะไรที่มีมูลค่ามหาศาลและไม่มวันใดผ่านไปโดยปราศจากที่ผมคิดถึงการขโมยนั้นและยินดีปรีดาในความจริงนั่นว่าชายผู้ชั่วร้ายนั้นไม่มีวันได้คืนอีกต่อไปในอะไรที่ผมเอาไป.”
          “แล้วคุณก็ฉวยโอกาสปลุกเร้าความสงสัยของเขาเพื่อที่คุณจะได้รับความยินดีปรีดานั่น.”
          “ใช่, ครับ.”
          “แล้วคุณก็ไม่ได้กลัวว่าจะถูกจับ?”
          “ไม่แม้แต่สักนิดเดียว, ครับผม”
          “พระเจ้าเถอะล”,” อวาลอน คำรามขึ้นมาทันใด, เสียงของเขาทะยานสูงยังกับจะแหกทะลวงลำคอขึ้นไปดัง.  “ผมพูดมันอีกครั้ง. จงระวังความโกรธของผู้อดกลั้น. ผมเป็นผู้อดกลั้นคนหนึ่ง, แล้วผมเบื่อกับการสืบสวนตรวจสอบไม่รู้จบนี้แล้ว. จงระวังความโกรธของผม, เฮนรี่.  อะไรที่คุณถือมันไปในกระเป๋าเอกสารนั่น?”
          “ทำไมล่ะครับ, ไม่มีอะไรเลย, ครับ,” เฮนรี่ พูด. “มันว่างเปล่า.”
          “สวรรค์ช่วยผมด้วย! คุณเอามันไปซ่อนที่ไหนอีกล่ะ, อะไรก็ตามที่ถูกคุณเอามันไปจากเขา?”
          “ผมไม่ต้องเอามันไปซ่อนที่ไหนหรอก, ครับผม.”
          “อ้าว, แล้วงั้น, อะไรที่คุณเอาของเขาไป?”
          “ก็แค่ความสงบสุขในจิตใจของเขาเท่านั้นแหละ, ครับ,” เฮนรี่ พูดอย่างนุ่มนวล.



คำแถลงส่งท้าย
          เรื่องนี้ปรากฏครั้งแรกในเดือนมมกราคม 1972 ของนิตยสารเรื่องลึกลับของเอลเลอรี่ ควีน.
          มันสอนให้ผมถึงบทเรียนของเป้าประสงค์, ด้วยเช่นกัน, ในเหตุสาระของลูกโซ่ของตรรกะการอนุมาน. ผมมักจะคิดว่าความง่ายดายกับการถักทอสานนิยายเชิงสืบสวนในใยข่ายอันเหนียวแน่นของตรรกะของพวกนั้นนั้นชัดเจนเกินไป; ที่ในชีวิตจริงมักจะมีช่องโหว่อยู่รูเบ้อเริ่มมากมาย.
          บางครั้ง, รูเหล่านั้นปรากฏกระทั่งในนิยายเหล่านั้น. หลังจาก “การหัวเราะ หุหุหุ อันล้ำเลิศ” ได้ปรากฏขึ้น, ผู้อ่านรายหนึ่งเขียนมาบอกกับผมว่าผมได้ละทิ้งที่จะระบุว่ากระเป๋าเอกสารของ แจ็คสันนั้นเป็นของเขาเองจริงๆ, และนั่นมันอาจได้เป็นกระเป๋าเอกสารที่เขาได้ขโมยไป. นั่นไม่เคยได้บังเกิดกับผมมาก่อนและเช่นนั้น, แน่นอนล่ะ, มันไม่ได้บังเกิดกับตัวละครบทใดในเรื่องนี้.
          สำหรับในหนังสือนี้, ผมได้เพิ่มเติมสองสามบรรทัดเพื่อดูแลในความเป็นไปได้นั้น. (นั่นแสดงให้คุณเห็นอยู่, จะว่าไปแล้ว, ว่าผู้อ่านทั้งหลายนั้นแทบจะไม่ได้เพียบพร้อมไปด้วยคำถามที่สร้างปัญหา, ดังที่อารัมภบทนี้ดูเหมือนจะแสดงนัยไว้แล้ว. บางครั้งพวกเขาก็มีประโยชน์อย่างมาก, และผมก็ชื่นชมในโอกาสเหล่านั้นอย่างยิ่ง.)


จากหนังสือชื่อ tales of the black widowers ของ Isaac Asimov


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น