คัมภีร์ที่ สาม
ผู้พยากรณ์
ไม่มีสตรี, ไม่มีบุรุษ,
ไม่มีเด็กได้เคยสนิทสนมอย่างลึกกับพระบิดาของข้า.
ที่ใกล้ชิดที่สุดที่ใครคนใดได้เคยมาถึงความสนิทสนมโดยบังเอิญกับ จักรพรรดิ
ปาดิชาห์ เป็นสัมพันธภาพที่ถูกเสนอให้โดยเคานท์ ฮาสิมีร์ เฟนริง,
สหายจากวัยเด็ก. มาตรขนาดแห่งมิตรภาพของเคานท์ เฟนริงอาจถูกได้พบเห็นอย่างแรกในสิ่งในแง่บวก: เขาลดทอนความสงสัยทั้งหลายของราชสำนักแลนด์สราอาดิให้น้อยลงหลังจากเหตุการณ์
อาราคิส. มันเสียค่าใช้จ่ายไปมากกว่าหนึ่งพันล้านโซลาริสในสินบนทั้งหลายของเครื่องเทศ,
ดังที่พระมารดาของข้าลอก, และมีของขวัญทั้งหลายอื่นอีกด้วยเช่นกัน: ทาสหญิง, เครื่องราชย์, และอิสริยยศแห่งตำแหน่ง. หลักฐานหลักอย่างที่สองแห่งมิตรภาพเคานท์เป็นแง่ลบ.
เขาปฏิเสธที่จะฆ่าชายผู้หนึ่งถึงแม้ว่ามันได้อยู่ภายในความสามารถทั้งหลายของเขาและพระบิดาของข้าได้บัญชามัน.
ข้าจะเชื่อมโยงเรื่องนี้ในขณะนี้.
---“เคานท์ เฟนริง: เค้าโครงรูปลักษณ์”
โดย เจ้าหญิง อีร์อูลาน
ท่านบารอน
วลาดิมีร์ ฮาร์คอนเนนเดือดดาลลงไปตามระเบียงทางเดินจากห้องชุดส่วนตัวของเขา,
จีบปากจีบคอผ่านแผ่นผืนแสงตะวันยามบ่ายแก่ที่เทลงมาจากหน้าต่างสูงทั้งหลาย.
เขาผลุบโผล่และม้วนบิดในเครื่องพยุงแขวนทั้งด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง.
ผ่านครัวส่วนตัวเขาไปอย่างพายุ---ผ่านห้องสมุด,
ผ่านห้องต้อนรับขนาดเล็กและเข้าไปในโถงพักหน้ามุขของคนรับใช้ทั้งหลายที่เครื่องผ่อนคลายอารมณ์ยามเย็นได้ถูกเข้าที่ทางแล้ว.
กัปตันยามรักษาการณ์,
ไออาคิน เนฟุด, นั่งยองอยู่บนเก้าอี้นวมข้ามห้องโถงนั้นไป,
อาการมึนเมาจากฤทธิ์เซมูตาอยู่ในใบหน้าแบนราบของเขา, เสียงโหยหวนครวญคร่ำของดนตรีเซมูตารายรอบตัวเขา.
คณะของเขาเองนั่งอยู่ใกล้ๆเพื่อที่จะสนองคำบัญชาของเขา.
“เนฟุด!” ท่านบารอนคำราม.
ผู้คนตะเกียกตะกายลุกขึ้น.
เนฟุดยืน, ใบหน้าของเขาสงบอยู่ด้วยฤทธิ์ยาเสพติดนั้นแต่ด้วยทับหน้าของความซีดเผือดที่บอกถึงความหวาดกลัวของเขา.
ดนตรีเซมูตาได้หยุดลงแล้ว.
“ฝ่าบาทบารอน,”
เนฟุดพูด. มีเพียงยานั้นที่คอยทำให้เกิดความสั่นเทาออกมาในน้ำเสียงของเขา.
ท่าบารอนกวาดสายตาตรวจสอบใบหน้านั้นที่รายรอบตัวเขา,
มองเห็นท่าทีตื่นคลั่งอยู่ในความนิ่งเงียบในพวกเขา. เขาหันความสนใจของตนกลับมาที่เนฟุด,
และพูดในเสียงดุจใยไหม.
“นานเท่าไหร่แล้วที่เจ้าได้เป็นกัปตันยามรักษาการณ์ของข้า,
เนฟุด?”
เนฟุดกลืนน้ำลาย. “ตั้งแต่ อาร์ราคิส,
ฝ่าบาท. เกือบสองปี.”
“และเจ้ามักจะได้เตรียมการป้องกันอันตรายต่อตัวข้ามาเสมอไหม?”
“นั่นเป็นความปรารถนาอย่างยิ่งของข้า,
ฝ่าบาท.”
“แล้วงั้น,
ฟียด์-เราธาอยู่ที่ไหน?” ท่านบารอนคำราม.
เนฟุดหดตัว. “ฝ’บาท?”
“เจ้าไม่พิจารณาถึงฟียด์-เราธามีอันตรายต่อตัวข้ารึ?”
อีกครั้ง, น้ำเสียงนุ่มรื่นใยไหม.
เนฟุดเลียริมฝีปากของตนด้วยลิ้นของเขา.
บางอย่างของความมึนมัวแห่งเซมูตาหายไปจากดวงตาของเขา. “ฟียด์-เราธาอยู่ในเขตทั้งหลายของพวกทาสขอรับ,
ฝ่าบาท.”
“กับพวกผู้หญิงอีกแล้ว,
ฮึ?”ท่านบารอนตัวสั่นด้วยความพยายามของการกดข่มโทสะ.
“แน่นอนเลย,
มันน่าจะเป็นว่าเขา---“
“เงียบเถอะ!”
ท่านบารอนไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวเข้าสู่โถงหน้ามุขนั้น,
สังเกตเห็นว่าคนเหล่านั้นได้ถอยหลังไป, เปิดพื้นที่เป็นนัยให้ว่างรอบตัวของเนฟุด,
กำลังแยกตัวเองของพวกตนออกจากเป้าของความพิโรธ.
“ข้าไม่ได้สั่งการเจ้าให้รู้ชัดตลอดเวลาหรอกหรือว่า
ทายาท-บารอนอยู่ที่ไหน?” บารอนถาม. เขาเคลื่อนเข้าใกล้ไปอีกก้าว.
“ข้าไม่ได้บอกกับเจ้าหรือ ว่าเจ้าต้องรู้อย่างชัดเจนว่า ทายาท-บารอนกำลังพูดอะไรอยู่ที่ตอลดเวลานั้น---และกับใคร?”
อีกก้าว. “ข้าไม่ได้บอกกับเจ้าหรือ
ว่าให้เจ้ารายงานกับข้าทุกเมื่อที่เขาไปยังเขตของพวกทาสหญิง?”
เนฟุดกลืนน้ำลาย.
เหงื่อกาฬหลั่งไหลออกมาที่หน้าผากของเขา.
ท่านบารอนกุมเสียงของตนราบเรียบ,
เกือบแทบปราศจากการเน้นใดทั้งสิ้น: “ข้าไม่ได้บอกสิ่งทั้งหลายเหล่านี้แก่เจ้าหรือ?”
เนฟุดผงกศีรษะรับ.
“และข้าไม่ได้บอกเช่นนั้นว่าให้เจ้าได้ตรวจตราทางเด็กชายทั้งหมดที่ส่งมาให้ข้าและว่าเจ้าต้องทำเช่นนั้นด้วยตนเอง....โดยตรง?”
อีกครั้ง,
เนฟุดผงกศีรษะรับ.
“แล้วเจ้า,
โดยบังเอิญ, ไม่เห็นตำหนิด่างดวงบนขาอ่อนของรายหนึ่งที่ส่งให้ข้าเมื่อตอนเย็นนี้หรือ?”
ท่านบารอนถาม. “มันเป็นไปได้หรือที่เจ้า---”
“ท่านลุง.”
บารอนหมุนตัวกลับ, จ้องยังฟียด์-เราธาที่กำลังยืนอยู่ในช่องประตู.
การปรากฏของหลานตนที่นี่,
ในตอนนี้---ท่าทางรีบเร่งของชายหนุ่มไม่สามารถที่จะปิดบังได้นัก---ทั้งหมดเผยให้เห็นอย่างมาก.
ฟียด์-เราธามีระบบสายลับของตนเองจับจ้องอยู่กับท่านบารอน.
“มีร่างหนึ่งอยู่ในโถงวังของข้าที่ข้าปรารถนาให้ถูกขนย้ายออกไป,”
ท่านบารอนพูด,
และเขาเอามือของตนคงอยู่ไว้กับอาวุธยิงขีปนาวุธในภายใต้เสื้อคลุมของตน,
ขอบคุณที่โล่ห์พลังของเขานั้นเป็นที่ดีที่สุด.
ฟียด์-เราธาชำเลืองดูสองยามรักษาการณ์ที่อยู่ติดผนังด้านขวามือ,
พยักหน้า. สองคนนั้นปลดตนเอง, ลนลานออกไปทางประตูและลงไปตามโถงยังวังของท่านบารอน.
เจ้าสองคนนั่นรึ? ท่านบารอนคิด. อ้า,
เจ้าอสูรหนุ่มนี้ยังมีอีกมากที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการสมคบคิด!
“ข้าทึกทักเอาว่าเจ้าคงทิ้งอะไรจากมาไว้อย่างสันติสุขในเขตทาสนั่นนะ,
ฟียด์,” ท่านบารอนพูด.
“ข้าได้กำลังเล่นคีออฟ(cheops* - หมากรุกปิระมิด
9 ชั้น)อยู่กับนายกองทาส,” ฟียด์-เราธา
*
https://dune.fandom.com/wiki/Cheops
พูด,
และเขาคิด. เกิดอะไรผิดพลาดไปรึ?
เจ้าเด็กชายที่ข้าได้ส่งไปให้ลุงของข้าได้ชัดเจนเลยว่าฆ่าเจ้านั่นไปแล้ว. แต่เจ้านั่นเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบในงานนี้.
กระทั่งฮาวัตเองก็ไม่สามารถทำการเลือกให้ดีกว่านี้ได้.
เจ้าเด็กนั่นสมบูรณ์แบบ!
“เล่นหมากรุกปิระมิด,” บารอนพูด.
“ช่างน่ารักจริง. เจ้าชนะไหม?”
“ข้า.....อาห์, ใช่, ท่านลุง.”
และฟียด์-เราธาดิ้นรนที่จะยับยั้งความกระวนกระวาย.
ท่านบารอนดีดนิ้วของตน, “เนฟุด,
เจ้าปรารถนาจะถูกฟื้นฟูต่อความกรุณาอันดีของข้าไหม?”
“ขอรับท่าน, ข้าต้องทำอะไรหรือ?” เนฟุดพูดเสียงสั่นรัว.
“นั่นไม่สำคัญแล้วในตอนนี้,” ท่านบารอนพูด.
“ฟียด์ได้เอาชนะนายกองทาสที่หมากรุกปิระมิด. เจ้าได้ยินนั่นไหม?”
“ใช่.....ขอรับท่าน.”
“ข้าปรารถนาให้เจ้าเอาสามคนมาและไปที่นายกองทาส,”
ท่านบารอนพูด. “การ์โรติ์เจ้านายกองทาส.
นำร่างมันมาหาข้าเมื่อเจ้าได้ได้ทำเสร็จสิ้นนั่นแล้วข้าอาจจะดูว่ามันได้ทำอย่างเหมาะสม.
เราไม่สามารถมีนักเล่นหมากรุกไร้ฝีมือเช่นนี้ในการจ้างงานของเราได้.”
ฟียด์-เราธากลายเป็นหน้าซีดเผือด,
ขยับไปข้างหน้าหนึ่งก้าว. “แต่, ท่านลุง, ข้า---”
“ทีหลัง, ฟียด์,” ท่านบารอนพูด,
และโบกมือ. “ทีหลัง.”
ยามรักษาการณ์สองคนผู้ที่ได้ออกไปยังที่วังพำนักของบารอนเพื่อจัดการร่างของเด็กชายทาสนั้นเดินโซเซผ่านประตูห้องโถงมุขด้วยหามสิ่งนักมาในระหว่างพวกเขา,
แขนลาก. ท่านบารอนเฝ้าดูจนกระทั่งพวกนั้นได้ออกไปพ้นสายตา.
เนฟุดก้าวขึ้นมาข้างร่างของบารอน.
“ท่านปรารถนาจะให้ข้าฆ่านายกองทาส, ในตอนนี้หรือ, ฝ่าบาท?”
“เดี๋ยวนี้,” บารอนพูด.
“และเมื่อเจ้าทำเสร็จสิ้นแล้ว, เพิ่มเจ้าสองคนที่เพิ่งผ่านไปนั่นไปในรายการด้วย.
ข้าไม่ชอบวิธีที่มันลากร่างนั่น. ใครก็ควรจะทำงานเยี่ยงนี้อย่างประณีต. ข้าจะปรารถนาได้เห็นซากของพวกมัน,
ด้วย.”
เนฟุดพูด, “ฝ่าบาท,
มีสิ่งใดที่ข้าได้---”
“ทำอย่างที่นายของเจ้าได้บัญชาไป,” ฟียด์-เราธาพูด.
และเขาคิด: ทั้งหมดที่ข้าสามารถวังได้ในตอนนี้คือการที่จะรักษาหนังศีรษะของข้าเองไว้ได้.
ดี!
ท่านบารอนคิด. เขายังรู้ว่าจะตัดความเสียหายทั้งหลายของเขาอย่างไร. และท่านบารอนยิ้มอยู่ข้างในให้กับตนเอง,
คิด:
เจ้าหนุ่มนี้รู้, ด้วยเช่นกัน,
ว่าอะไรจะทำให้ข้าชอบใจและเป็นเรียนรู้ให้เร็วมากที่สุดที่จะอยู่ในที่ที่ความโกรธของข้านั้นไม่ร่วงลงไปใส่เขา.
เขารู้ว่าข้าต้องเก็บถนอมเขาเอาไว้.
ใครอื่นอีกล่ะที่ข้ามีผู้ที่สามารถรับบังเหียนทั้งหลายที่ข้าต้องทิ้งไว้ให้สักวันหนึ่ง?
ข้าไม่มีผู้อิ่นที่สามารถทำได้. แต่เขาต้องเรียนรู้!
และข้าต้องถนอมรักษาตัวข้าขณะที่เขากำลังเรียน.
เนฟุดให้สัญญาณคนมาช่วยตน,
นำพวกนั้นออกประตูไป.
“เจ้าจะเป็นเพื่อนข้าไปที่โถงวังของข้าหน่อยได้ไหม,
ฟียด์?” ท่านบารอนถาม.
“ข้าเป็นของท่านตามบัญชา,”
ฟียด์-เราธาพูด. เขาโค้งคำนับ, คิด: ข้าโดนจับแล้ว.
“เจ้านำไปก่อน,”
บารอนพูด, และเขาชี้ไปที่ประตู.
ฟียด์-เราธาบ่งบอกถึงความกลัวของเขาโดยแต่เพียงการลังเลใจที่เปล้าเปลือยที่สุดเท่านั้น.
ข้าได้ล้มเหลวอย่างที่สุดรึ? เขาถามตนเอง. เขาจะแทงมีดอาบยาพิษใส่ด้านหลังของข้า.....อย่างช้าๆผ่านโล่ห์นี้มั๊ย?
เขามีผู้สืบทอดทางเลือกอื่นแล้วรึ?
ให้เขาได้มีประสบการณ์ชั่วขณะเช่นนี้ของความสยดสยอง,
บารอนคิดขณะที่เขาเดินตามไปทางด้านหลังหลานของเขา.
เขาจะสืบทอดจากข้า, แต่ก็ในเวลาที่ข้าเป็นผู้เลือก.
ข้าจะไม่ให้เขาได้โยนข้าทิ้งไปจากสิ่งที่ข้าสร้างมันขึ้นมาเอง!
ฟียด์-เราธาพยายามที่จะไม่เดินซวนเซ.
เขารู้สึกว่าผิวหนังมีขนลุกชันที่ด้านหลังของเขาราวกับว่าตัวมันเองก็กังขาใจว่าเมื่อไหร่การฟาดฟันจะหวดลงมา.
กล้ามเนื้อของเขาต่างเขม็งตึงและคลายลงสลับกันไป.
“เจ้าได้ยินข่าวล่าสุดจากอาร์ราคิสแล้วหรือยัง?”
ท่านบารอนถาม.
“ยังไม่,
ขอรับ ท่านลุง.”
ฟียด์-เราธาบังคับตนเองไม่หันกลับทางด้านหลัง.
เขาเลี้ยวลงไปตามโถงออกจากเขตปีกคนรับใช้.
“พวกนั้นมีผู้พยากรณ์คนใม่หรือผู้นำทางศาสนาของอะไรบางอย่างในกลุ่มของพวกฟรีเมน,”
ท่านบารอนบอก. “พวกนั้นเรียกเขาว่า มวด’ดิบ. ตลกมาก, จริงนะ.
มันมีความหมายว่า “หนู”. ข้าบอกกับแร็บบานให้ปล่อยพวกนั้นมีลัทธิศาสนานั่นไป.
มันจะช่วยคอยทำให้พวกนั้นอาศัยอยู่ได้.”
“นั่นน่าสนใจมาก,
ท่านลุง,” ฟียด์-เราธาพูด.
เขาเลี้ยวเข้าไปสู่ระเบียงส่วนตัวยังเขตวังของลุงของเขา, กังขา: ทำไมเขาคุยถึงเรื่องลัทธิศาสนา?
มีบางเล่ห์เหลี่ยมนัยยะอะรับข้ารึ?
“ใช่แล้ว,
มันไม่ใช่รึ?” ท่านบารอนพูด.
พวกเขาเข้ามาในวังของบารอนผ่านส่วนต้อนรับสังสรรค์รับรองเข้าไปยังโถงนอน.
ร่องรอยทั้งหลายของการดิ้นรนต่อสู้ได้ต้อนรับพวกเขาที่นี่—โคมแขวนลอยอยู่ผิดที่ทาง,
ฟูกเตียงลงมาอยู่บนพื้น, ม้วน-คลายอารมณ์คลี่ไหลกระจายเปิดอยู่เหนือขาตั้งเตียง.
“มันเป็นแผนการที่ชาญฉลาด,”
ท่านบารอนพูด.
เขาคงร่างของตนให้อยู่ในโล่ห์ป้องกันเปิดทำงานขึ้นไปถึงระดับสูงสุด, หยุด,
เผชิญหน้ากับหลานชายของตน. “แต่ไม่ฉลาดพอ. บอกข้าสิ, ฟียด์,
ทำไมเจ้าไม่จู่โจมใส่ข้าให้ล้มลงไปด้วยตัวของเจ้าเอง? เจ้าได้มีโอกาสอยู่เพียงพอ.”
ฟียด์-เราธาพบว่าเก้าอี้แขวนลอย,
บรรลุผลในการข่มจิตใจขณะที่เขานั่งลงไปในมันโดยปราศจากการบอกสั่ง.
ข้าต้องกล้าหาญในตอนนี้, เขาคิด.
“ท่านสอนกับข้าเองว่ามือของตนเองนั้นต้องให้สะอาดไว้อยู่เสมอ,”
เขาพูด.
“อ้า,
ใช่,” ท่านบารอนพูด. “เมื่อเจ้าเผชิญหน้าต่อจักรพรรดิ, เจ้าต้องสามารถที่จะพูดความจริงได้อย่างเต็มที่ว่าเจ้าไม่ได้ทำกรรมอันใดนั้น.
นังแม่มดที่ข้อศอกของจักรพรรดิจะได้ยินคำพูดของเจ้าและรู้ว่าถึงคำพูดนั้นของพวกเขาเป็นความจริงหรือเป็นความเท็จ.
ใช่. ข้าได้เตือกเจ้าถึงในเรื่องนั้นแล้ว.”
“ทำไมท่านไม่เคยซื้อเบเน
เกสเสอริตมาสักรายหนึ่งเลยล่ะ? ท่านลุง?” ฟียด์-เราธาถาม. “มีสัจวจนะกรอยู่ข้างกายท่าน---”
“เจ้ารู้รสนิยมของข้าดี!” ท่านบารอนสอดขัด.
ฟียด์-เราธาศึกษาลุงของตน, พูด: “กระนั้น,
สักรายหนึ่งก็จะมีค่าได้สำหรับ---”
“ข้าไม่ไว้ใจพวกมัน!” ท่านบารอนกร่น.
“และหยุดพยายามที่จะเป็นเรื่องซะที!”
ฟียด์-เราธาพูดเสียงอ่อน:
“ตามแต่ท่านปรารถนา, ท่านลุง.”
“ข้าจำได้ถึงตอนที่ในสนามสังเวียนเมื่อหลายปีก่อน,”
ท่านบารอนพูด. “มันดูเหมือนว่าที่วันนั้นเจ้าทาสได้ถูกเตรียมมาเพื่อฆ่าเจ้า.
นั่นเป็นความจริงอย่างที่มันเป็นหรือ?”
“มันผ่านมานานแล้ว,
ท่านลุง. อย่างไรก็ตาม, ข้า---”
“อย่าได้บ่ายเบี่ยง,
ได้โปรด,” บารอนบอก, และความเขม็งตึงในน้ำเสียงของเขาเผยถึงการบังคับตนกับความโกรธของเขา.
ฟียด์-เราธามองที่ลุงของเขา, คิด: เขารู้,
มิเช่นนั้นเขาคงไม่ถาม.
“มันเป็นการแสร้งตบตา,
ท่านลุง. ข้าได้เรียบเรียงมันเพื่อทำลายความเชื่อถือต่อนายกองทาสของท่าน.”
“ฉลาดมาก,”
ท่านบารอนพูด. “กล้าหาญ, ด้วย. เจ้าทาสแกลดิเอเตอร์เกือบจัดการเจ้าได้,
ไม่ใช่รึ?”
“ใช่.”
“ถ้าเจ้าได้มีไหวพริบและความละเอียดอ่อนที่เข้ากันได้กับความกล้าหาญเยี่ยงนั้น,
เจ้าก็จะเป็นที่น่าเกรงขามอย่างแท้จริง.” ท่านบารอนส่ายศีรษะของเขาจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง.
และดังเช่นที่เขาได้ทำมากมายครั้งตั้งแต่ตั้งแต่วันร้ายแรงมหันต์บนอาร์ราคิส,
เขาพบว่าตัวเขาเองกำลังสำนึกเสียใจต่อการสูญเสียไปกับไพเตอร์, เมนทาตนั้น.
ได้เคยมีชายผู้ประณีต, ละเอียดอ่อนอย่างโหดเหี้ยม. มันไม่ได้ช่วยชีวิตเขาได้,
กระนั้น. อีกครั้ง, ท่านบารอนส่ายศีรษะของตน. โชคชะตาเป็นบางครั้งที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้.
ฟียด์-เราธาชำเลืองมองไปรอบๆโถงนอนนี้,
ศึกษาถึงสัญญาณของการต่อต่อสู้ดิ้นรน,
สงสัยว่าลุงของเขาได้เอาชนะได้อย่างไรต่อเจ้าทาสนั้นที่พวกเขาได้จัดเตรียมมันมาอย่างระมัดระวังยิ่งนัก.
“ข้าเอาชนะมันได้อย่างไรหรือ?”
บารอนถาม. “อาห์-ห-ห, ที่นี้, ฟียด์---ให้ข้าได้เก็บงำอาวุธบางอย่างที่จะพิทักษ์ตัวข้าในอายุชราของข้านี้ไว้เถิด.
มันดีกว่าที่เราใช้เวลานี้ที่จะทำการเคาะเจรจาต่อรองกัน.”
ฟียด์-เราธาจ้องมองเขา. การต่อรอง!
เขาหมายถึงเก็บข้าไว้เป็นทายาทของเขาอย่างแน่นอน, งั้น.
ไม่เช่นนั้นทำไมต้องเจรจาต่อรอง. หนึ่งเจรจาต่อรองกันด้วยความเท่าเทียมหรือเกือบจะเท่าเทียมกัน!
“ต่อรองอะไรหรือ,
ท่านลุง?” และฟียด์-เราธาได้รู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่น้ำเสียงของเขายังคงสงบและมีเหตุผล,
การทรยศที่ไม่มีปีติยินดีอันใดที่ท่วมท้นตนเองอยู่.
ท่านบารอน,
ด้วยเช่นกัน, สังเกตได้ถึงการควบคุมนั้น. เขาพยักหน้า. “เจาเป็นวัสดุที่ดี, ฟียด์.
ข้าไม่ต้องการจะเสียเปล่าไปในวัสดุที่ดี. เจ้าดื้อรั้น, อย่างไรก็ตาม,
ในการปฏิเสธที่จะเรียนรู้คุณค่าแท้จริงของข้าที่มีต่อเจ้า. เจ้ามีทิฐิมานะ.
เจ้าไม่เห็นว่าทำไมข้าควรจะถูกถนอมรักษาเอาไว้ดุจใครบางคนของความเป็นสิ่งล้ำค่าสูงสุดต่อเจ้า.
นี่.....” เขาแสดงท่าทางไปยังหลักฐานของการต่อสู้ในโถงนอนนั้น.
“นี่เป็นความโง่เขลา. ข้าไม่ให้รางวัลต่อการโง่เขลาใด.”
เข้าไปถึงจุดนั่นเถอะ,
เจ้าแก่โง่! ฟียด์-เราธาคิด.
“เจ้าคิดกับข้าว่าเป็นเช่นเจ้าแก่โง่,”
ท่านบารอนพูด. “ข้าต้องตักเตือนเจ้าในเรื่องนั้น.”
“ท่านพูดถึงเจรจาต่อรอง.”
“อ้า,
ความไม่อดทนของวัยหนุ่ม,” ท่านบารอนพูด. “เอาละ, นี่เป็นเนื้อหาสาระของมัน,
งั้น: เจ้าจะหยุดการพยายามอันโง่เขลาเหล่านี้กับชีวิตของข้า. และข้า,
เมื่อเจ้าพร้อมสำหรับมัน, จะก้าวออกไปด้านข้างตอบแทนความมีน้ำใจของเจ้า. ข้าจะเกษียณตนเองไปสู่ตำแหน่งที่ปรึกษา,
ปล่อยให้เจ้าในที่นั่งของอำนาจ.”
“เกษียณหรือ,
ท่านลุง?”
“เจ้ายังคงคิดว่าข้าเป็นเจ้าโง่,”
บารอนพูด, “และนี้คือที่เป็นการยืนยันมัน, เอ๋?
เจ้าคิดว่าข้ากำลังขอร้องเจ้า! ก้าวอย่างระมัดระวังไว้, ฟียด์.
เจ้าแก่โง่ผู้นี้มองทะลุเห็นเข็มที่ซ่อนที่เจ้าได้ฝังเอาไว้ในขาอ่อนของเจ้าเด็กทาสนั่น.
พอดีกับตรงที่ข้าจะเอามือของข้าวางลงไปบนมัน, เอ๋? แรงกดเล็กน้อยที่สุดและ---จึ๊ก!
เข็มยาพิษจิ้มในฝ่ามือของเจ้าแก่โง่!
อ้าห์-ห-ห-, ฟียด์.....”
ท่านบารอนส่ายศีรษะของเขา,
คิด:
มันจะไม่ได้ผล, ด้วยเช่นกัน. ถ้าฮาวัตไม่ได้เตือนข้าก่อน. เอาละ,
ปล่อยให้เจ้าหนุ่มนี้เชื่อว่าข้าได้เห็นแผนการร้ายนี้ด้วยตนเองไป. ในวิธีนี้,
ข้าทำ. ข้าเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตฮาวัตจากการพังพินาศของอาร์ราคิส.
และเจ้าหนุ่มนี้จำเป็นที่ต้องเคารพนับถือมหาศาลยิ่งขึ้นต่อความสามารถที่เหนือกว่าของข้า.
ฟียด์-เราธายังคงนิ่งเงียบอยู่,
ดิ้นรนต่อสู้อยู่กับตัวเอง. นี่เขากำลังแสดงความจริงใจอยู่รึ?
นี่เขาตั้งใจที่จะเกษียณตนเองจริงๆรึ? ทำไมจะไม่ล่ะ?
ข้าแน่นอนว่าจะได้สืบทอดต่อจากเขาในวันหนึ่งถ้าข้าเคลื่อนไปอย่างระมัดระวัง.
เขาไม่สามารถอยู่ไปชั่วนิรันดร์ได้.
บางทีมันเป็นการโง่เขลาที่จะพยายามไปรีบเร่งกระบวนการ.
“ท่านพูดถึงเจรจาต่อรอง,”
ฟียด์-เราธาพูด. “อะไรคือข้อผูกมัดที่เราต้องทำเพื่อรัดยึดมันไว้?”
“เราจะสามารถไว้วางใจกันได้อย่างไร,
เอ๋?” ท่านบารอนถาม. “เอาละ, ฟียด์, สำหรับเจ้า: ข้ากำลังจัดวางธูเฟอร์
ฮาวัตที่จะเฝ้าจับตามองต่อเจ้า. ข้าไว้วางใจความสามารถเมนทาตทั้งหลายของฮาวัตในเรื่องนี้.
เจ้าเข้าใจข้าหรือไม่? และสำหรับตัวข้า, เจ้าจะต้องรับข้าเอาไว้ในความศรัทธา.
แต่ข้าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ไปชั่วนิรันดร์, ใช่ไหม, ฟียด์?
และบางทีเจ้าควรจะเริ่มต้นที่จะระแวงในตอนนี้ว่ามีหลายสิ่งที่ข้ารู้ในสิ่งที่เจ้าควรจะรู้.”
“ข้าให้ท่านด้วยข้อผูกมัดของข้าและอะไรที่ท่านให้ต่อข้าหรือ?”
ฟียด์-เราธาถาม.
“ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป,”
ท่านบารอนพูด.
อีกครั้ง,
ฟียด์-เราธาศึกษาลุงของตน. เขาตั้งฮาวัตมาคุมข้า!
เขาจะพูดว่าอย่างไรถ้าข้าบอกกับเขาว่าฮาวัตเป็นผู้วางแผนเล่ห์กลกับแกลดิเอเตอร์นั้นที่มีราคาเป็นนายกองทาสของเขา?
เน่าจะพูดว่าข้าได้กำลังโกหกในการพยายามนี้ที่จะลดความน่าเชื่อถือของฮาวัต.
ไม่, ธูเฟอร์ผู้แสนดีเป็นเมนทาตและได้เข้ามามีส่วนในชั่วขณะนี้.
“เอาละ,
เจ้าจะพูดว่าอย่างไรล่ะ?” ท่านบารอนถาม.
“ข้าจะพูดอะไรได้?
ข้ายอมรับ, แน่นอน.”
และฟียด์-เราธาคิด: ฮาวัต! เขาเล่นทั้งสองปลายต่อต้านตรงกลาง.....มันเป็นเช่นนั้นรึ?
เขาย้ายมาที่ค่ายของลุงข้าเพราะว่าข้าไม่ได้ปรึกษาหารือเขาในการพยายามเรื่องเจ้าเด็กทาสนี้รึ?
“เจ้าไม่ได้พูดสิ่งใดเลยเกี่ยวกับการจัดวางฮาวัตให้คอยเฝ้าดูเจ้า,”
ท่านบารอนพูด.
ฟียด์-เราธาทรยศต่อความโกรธด้วยการพ่นลมหายใจจมูกบานออกมา.
ชื่อฮาวัตได้เป็นสัญญาณอันตรายหนึ่งในครอบครัวฮาร์คอนเนนมานานหลายปีแล้ว.....และในตอนนี้มันได้มีความหมายใหม่: ยังคงอันตรายอยู่.
“ฮาวัตคือของเล่นที่เป็นอันตราย,”
ฟียด์-เราธาพูด.
“ของเล่น! อย่าทำเป็นโง่.
ข้ารู้ว่าอะไรที่ข้ามีในฮาวัตและวิธีที่จะควบคุมมันอย่างไร. ฮาวัตมีอารมณ์อย่างลึกทั้งหลาย,
ฟียด์. ชายผู้ที่ปราศจากอารมณ์ทั้งหลายนั้นเป็นผู้ที่ต้องน่ากลัว.
แต่อารมณ์อย่างลึก.....อาห์, ตอนนี้,
คนเหล่านั้นสามารถถูกดัดลงมาหาความจำเป็นต้องการของเจ้าได้.”
“ท่านลุง,
เข้าไม่เข้าใจท่าน.”
“ใช่,
นั่นกระจ่างพอ.”
เพียงหนังตาที่กระตุกวูบวาบเท่านั้นที่ทรยศต่อช่องทางของความขุ่นเคืองผ่านฟียด์-เราธา.
“และเจ้าก็ไม่ได้เข้าใจฮาวัต,”
ท่านบารอนพูด.
หรือไม่ก็เจ้าด้วยเช่นกัน! ฟียด์-เราธาคิด.
“ใครกันที่ฮาวัตกล่าวโทษสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันของเขานี้?”
ท่านบารอนถาม. “ข้ารึ? อย่างแน่นอนละ. แต่เขาเป็นเครื่องมือของอะไทรดิสและเอาชนะข้ามาหลายปีจนกระทั่งจักรวรรดิยื่นมือเข้ามา.
นั่นคืออย่างไรที่เขาเห็นมัน. ความเกลียดของเขาต่อข้าคือสิ่งไม่น่าสนใจในตอนนี้. เขาเชื่อว่าเขาสามารถเอาชนะข้าเมื่อไรก็ได้.
การเชื่อเช่นนี้, เขาก็ถูกเอาชนะ.
สำหรับข้าที่กำกับความสนใจของเขาไปที่ซึ่งข้าต้องการมัน---ต่อต้านจักรวรรดิ.”
ความตึงเครียดของการได้รู้สิ่งใหม่ขีดเส้นตรงแน่นข้ามผ่านหน้าผากของฟียด์-เราธา,
บีบเรียวริมฝีปากของเขา. “ต่อต้านจักรพรรดิรึ?”
ปล่อยให้หลานรักของข้าได้ลองลิ้มรสชาติของการนั้น,
ท่านบารอนคิด.
ปล่อยให้เขาพูดกับตัวเขาเอง. “จักรพรรดิ ยด์-เราธา ฮาร์คอนเนน!”
ให้เขาถามตัวเขาเองว่านั่นมีมูลค่ามากเท่าไร.
อย่างแน่นอนที่มันต้องเป็นมูลค่าคุ้มกับชีวิตของหนึ่งลุงเฒ่าผู้สามารถทำความฝันนั้นได้ผ่านมา!
อย่างช้าๆ,
ฟียด์-เราธาเลียริมฝีปากตนเองด้วยลิ้นของเขา. มันสามารถเป็นความจริงในอะไรที่เจ้าเฒ่าโง่กำลังพูดอยู่รึ?
ได้มีอะไรมากกว่าที่นี้ที่ได้ดูเหมือนจะเป็น.
“และอะไรที่ฮาวัตต้องจะทับเรื่องนี้?”
ฟียด์-เราธาถาม.
“เขาคิดว่าเขาใช้เราที่จะทำลายล้างของการล้างแค้นของเขาเอากับองค์จักรพรรดิ.”
“และเมื่อนั่นสัมฤทธิ์ผลแล้วล่ะ?”
“เขาไม่ได้คิดโพ้นเลยไปกว่าการล้างแค้นของเขา.
ฮาวัตคือชายผู้ที่ต้องรับใช้ผู้อื่น,
และไม่ได้กระทั่งรู้เรื่องนี้เกี่ยวกับตัวเขา.”
“ข้าได้เรียนรู้อย่างมากจากฮาวัต,”
ฟียด์-เราธาเห็นด้วย, และรู้สึกถึงสัจในคำนั้นขณะที่เขาพูดพวกมันออกไป. “แต่ยิ่งข้าเรียนรู้มากเท่าไร,
ข้าก็ยิ่งรู้สึกว่าเราควรจัดการเขา.....โดยเร็วด้วย.”
“เจ้าไม่ชอบความคิดในการเฝ้าดูของเขาต่อเจ้าหรือ?”
“ฮาวัตเฝ้าดูทุกคนอยู่แล้ว.”
“และเขาอาจเอาเจ้าขึ้นสู่บัลลังก์.
ฮาวัตเป็นคนฉลาดหลักแหลม. เขาเป็นสิ่งอันตราย, หลอกลวง. แต่ข้าจะยังไม่ระงับการให้ยาแก้พิษจากเขา.
ดาบนั้นอันตราย, ด้วยเช่นกัน, ฟียด์. เรมีฝักดาบสำหรับรายนี้, ด้วย.
ยาพิษในตัวเขา. เมื่อเราเพิกถอนยาแก้พิษ, ความตายก็จะสวมฝักลงใส่เขา.
“ในทางหนึ่ง,
มันเหมือนกับสนามสังเวียน,” ฟียด์-เราธาพูด. “กลลวงภายในกลลวงภายในกลลวงทั้งหลาย.
ท่านเฝ้าดูที่ได้เห็นหนทางที่เจ้าแกลดิเอเตอร์เรียนรู้, หนทางซึ่งเขามอง, วิธีที่เขาถือมีดของเขาอย่างไร.”
เขาพยักหน้าให้กับตนเอง,
มองเห็นว่าคำพูเหล่านี้ทำความพอใจให้กับลุงของเขา, แต่ก็คิด: ใช่! เหมือนในสนามสังเวียน! และที่ล้ำหน้าไปก็คือจิตใจ!
“ตอนนี้เจ้ามองเห็นแล้วสินะว่าเจ้าจำเป็นต้องการข้าอย่างไร,”
ท่านบารอนพูด. “ข้ายังไม่หมดการใช้ประโยชน์, ฟียด์.”
ดาบที่ต้องถูกไร้คมจนกว่าเขาจะทื่อเกินไปที่จะใช้งาน,
ฟียด์-เราธาคิด.
“ใช่, ท่านลุง,” เขาพูด.
“และตอนนี้,” ท่านบารอนพูด, “เราจะลงไปที่เขตพักพวกทาส,
เราสองคน. และข้าจะเฝ้าดูตอนที่เจ้า, ด้วยมือของเจ้าเอง,
ฆ่าผู้หญิงทุกคนในปีกรื่นรมย์ใจนั้น.”
“ท่านลุง!”
“ยังมีผู้หญิงอื่นอีก, ฟียด์.
แต่อย่างทีข้าได้บอกไว้ว่า เจ้าจะทำผิดพลาดอย่างม่ใส่ใจกับข้าไม่ได้.”
ใบหน้าของฟียด์-เราธาดำคล้ำ. “ท่านลุง,
ท่าน---”
“เจ้าจะยอมรับโทษทัณฑ์ของเจ้าและเรียนรู้บางอย่างจากมัน.”
ท่านบารอนพูด.
ฟียด์-เราธาพบกับการจ้อมองอย่างอิ่มอกอิ่มใจในแววตาของลุงของตน.
และข้าต้องจดจำไว้กับคืนนี้, เขาคิด. และการจดจำมัน,
ข้าต้องจำถึงคืนอื่นๆอีก.
“เจ้าจะไม่ปฏิเสธ,” บารอนบอก.
เจ้าสามารถทำอะไรได้ถ้าข้าปฏิเสธ,
เจ้าแก่? ฟียด์-เราธาถามตนเอง.
แต่เขารู้ว่าอาจจะเป็นการลงทัณฑ์บางอย่างอื่นอีก, บางทีจะฉลาดยิ่งกว่าอันนี้, ไม้คานโหดเหี้ยมอย่างยิ่งที่จะดัดงอเขา.
“ข้ารู้เจ้าดี, ฟียด์,” ท่านบารอนพูด.
“ว่าเจ้าจะไม่ปฏิเสธ.”
เอาละ, ฟียด์-เราธาคิด. ข้าจำเป็นต้องการเจ้าในตอนนี้.
ข้าเห็นนั่น. การเจรจาต่อรองได้ทำลงไปแล้ว. แต่ข้าจะไม่จำเป็นต้องมีเจ้าตลอดไปเสมอ.
และ.....สักวันหนึ่ง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น