หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2564

จิตที่ฝึกดีแล้ว - บทนำ

 (จาก บทนำ โดย ลามะทุบเท็น โซปะ ริมโปเช หน้า ๒๗ ของหนังสือ “จิตที่ฝึกดีแล้ว-การตรึกในความจริง ความรัก และความสุข”(The Transformed Mind: Reflections on truth, love and happiness) โดย องค์ทะไลลามะ/ผู้แปล เพ็ญนภา หงส์ทอง.)

          คำสอน ลาน-ริม คือสารัตถะแห่พุทธศาสนาสายทิเบต เป็นหัวใจของวัชรยานและเป็นแกนหลักที่ทำให้เกิดหลักคำสอนที่เราใช้สอนในศูนย์ดุสิต หลักพื้นฐานของ ลาน-ริม คือความเข้าใจว่าจิตหรือกระแสแห่งการรับรู้ของปัจเจกบุคคลนั้นไม่มีจุดเริ่มต้น และนับแต่กาลที่ไม่มีจุดเริ่มต้นมาแล้วที่จิตของสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงล้วนมีมลทินด้วยอวิชชา อุปาทาน และความเกลียดชัง อิทธิพลของความคิดด้านลบเหล่านี้พาให้พวกเราก่ออกุศลกรรม ซึ่งผลขอมันคือการที่ต้องประสบกับความทุกข์ เช่นการต้องเกิดใหม่ในสภาพอันโหดร้าย ทุกข์ทรมาน เจ็บป่วยและความโชคร้ายต่างๆที่จะเกิดกับเราและผู้อื่น แต่แม้ความคิดอกุศลจะคงอยู่เช่นนั้นเสมอ มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ถาวรในใจของเรา ความคิดอกุศลเหล่านี้สามารถถูกกำจัดอย่าถอนรากถอนโคนได้ด้วยวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสม เผยให้เห็นธรรมชาติอันประภัสสรของจิต และปลดปล่อยบุคคลให้พ้นจากความทุกข์ตลอดไป

         แลวอะไรคือวิธีการที่ถูกต้องเหมาะสม นั่นหมายรวมถึงการพัฒนาจิตด้วยวิธีการปฏิบัติตามคำสอน ลาน-ริม วิธีการหนึ่งที่จะเข้าใจสิ่งเหล่านี้คือการพิจารณาแก่นคำสอนของขั้นตอนสู่หนทางแห่งการหลุดพ้นในแง่จูงใจจากประสบการณ์ตรงของเรา ดังต่อไปนี้

         นับแต่กาลอันไร้จุดเริ่มต้น ชีวิตทีผ่านมาในอดีตชาตินับไม่ถ้วน ข้าพเจ้าต้องเวียนตายเวียนเกิดในสังสารวัฏหรือภพภูมิแห่งทุกข์ทั้งหกของการเวียนว่ายตายเกิด ในที่สุดครั้งนี้ข้าพเจ้าก็ได้เกิดในภพภูมิมนุษย์อย่างสมบูรณ์ ที่มีอิสรภาพแปดประการ และความสมบูรณ์สิบประการ ปัจจัยเหล่านี้หยิบยื่นโอกาสที่ไม่มีใดเสมอเหมือนเพื่อกอรปกิจให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เปี่ยมด้วยความหมาย เช่นการ

  เป็นคุณค่าอันสูงสุดของความเป็นมนุษย์ตามแนวทางวัชรยาน เคียบเจ โชปะ ริมโปเช เขียนไว้ว่า อิสรภาพแปดประการ (http://www.lamayeshe.com/indexphp?sect=article&id=232&chid=331)

๑)    การไม่ได้เกิดในนรก

๒)    การไม่ได้เกิดเป็นเปรต

๓)    การไม่ได้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน

๔)    การไม่ได้เกิดเป็นอนารยชน

๕)    การไม่ได้เกิดเป็นพรหม เทวดา ที่มีอายุยาวนานนับกัลป์

๖)    การไม่ได้เกิดเป็นคนนอกศาสนา

๗)    การไม่ได้เกิดบนแผ่นดินที่ไม่มีพระพุทธเจ้า

๘)    การไม่ได้เกิดเป็นคนโง่

และความสมบูรณ์สิบประการ  8nv

(http://lamayeshe.com/index.php?sect=article&id=232&chid=332)

๑)    การได้เกิดมาเป็นมนุษย์

๒)    การได้เกิดในดินแดนแห่งพุทธศาสนา

๓)    การได้เกิดมามีร่างกายสมบูรณ์ อวัยวะครบถ้วน

๔)    การไม่ได้ก่ออนันตริยกรรม คือกรรมอันหนักห้าประการ ได้แก่ ฆ่ามารดา ฆ่าบิดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำพระพุทธเจ้าห้อเลือด และทำให้สงฆ์แตกแยก

๕)    อุทิศ(ตนเพื่อพระธรรม โดยเฉพาะพระธรรมคำสอน ลาม-ริม

๖)    การได้เกิดร่วมสมัยกับพระพุทธเจ้า

๗)    การได้เกิดในยุคที่พระธรรมได้รับการค้นพบแล้ว

๘)    การได้เกิดในยุคที่ยังมีพระธรรมคำสอนที่สมบูรณ์

๙)    การได้เกิดมาแล้วมีโอกาสได้เรียนรู้พระธรรม

๑๐)  การเกิดมาถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติที่จำเป็นต่อการปฏิบัติตามพระธรรมคำสอน

บรรลุธรรมเพื่อประโยชน์แห่งสรรพสัตว์ การเป็นอิสระจากวัฏจักรแห่งทุกข์ที่ไม่มีจุดเริ่มต้นหรืออย่างน้อยทำให้มีชีวิตในอนาคตที่ดีขึ้นในวัฏสงสาร ถ้าหากครั้งนี้ข้าพเจ้าปล่อยเวลาให้เสียไปโดยไม่เกิดประโยชน์อีกครั้ง ด้วยการปล่อยให้ตัวเองยึดติดับความสะดวกสบายในชีวิตนี้ ข้าพเจ้าก็จะทำลายโอกาสอันประเมินค่าไม่ได้นี้อย่างสิ้นเชิง

         ชีวิตที่มีคุณค่าเช่นนี้มิใช่ได้มาง่าย แต่เป็นผลของการปฏิบัติธรรมในอดีตหลายภพหลายชาติของข้าพเจ้า เช่นการมีศีลบริสุทธิ์ การมีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และการสวดมนต์ขอพรเพื่อผู้อื่นด้วยใจบริสุทธิ์ ดังนั้นจึงไม่ง่ายที่จะได้มีชีวิตเช่นนี้อีก ข้าพเจ้าจึงต้องไม่ยอมเสียโอกาสอันหาไดยากที่จะทำเพื่อตนเองและผู้อื่นเช่นนี้

         ยิ่งไปกว่านั้น ชีวิตนี้สั้นนัก วันหนึ่งข้าพเจ้าต้องตายอย่างแน่นอนเพียงแต่ไม่ทราบว่าความตายจะมาถึงเมื่อใด ชีวิตก็สั้นลงเรื่อยเร็วกว่าที่ข้าพเจ้าจะจินตนาการได้ โดยไม่มีการหยุดพักแม้แต่ขณะหนึ่ง และเมื่อข้าพเจ้าตายก็ไม่มีสิ่งใดนอกจากธรรมะที่ปฏิบัติไว้จะช่วยได้ทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าทำเพื่อให้ได้มา ทั้งอำนาจ ตำแหน่งฐานะ และทรัพย์สมบัติ ล้วนแต่จะขัดขวางโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นในชาติถัดไป ดังนั้นข้าพเจ้าจึงต้องปฏิบัติธรรม เพียงธรรมะเท่านั้นในเวลานี้

         หากข้าพเจ้าไม่ได้ปฏิบัติธรรม และยังคงประกอบอกุศลกรรมไม่ได้ชำระกรรมอันมากมายที่ได้กระทำไว้ทั้งในชาตินี้และอดีตชาติ ข้าพเจ้าก็จะเกิดใหม่ในภพภูมิที่ต่ำกว่าเดิม คือในนรก(นรกภูมิ) หรือเป็นเปรตที่หิวโหย(เปรตภูมิ) หรือภพภูมิของสัตว์เดรัจฉาน(เดรัจฉานภูมิ) ซึ่งไม่สามารถจะหลีกหนีให้หลุดพ้นออกมาได้ และก็จะต้องประสบกับทุกข์ยากจะทนได้อีกต่อไป หากข้าพเจ้าต้องตายลงในตอนนี้ใครจะบอกได้ว่าข้าพเจ้าจะไม่ประสบกับชะตากรรมเช่นนั้น ข้าพเจ้าอาจพบตัวเอบอยู่ในสภาพอันน่าสัพรึงกลัวนี้ที่ใดที่หนึ่ง

         แล้วใครที่จะชี้นำข้าพเจ้าได้ในเวลาที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดนี้ พระรัตนตรัยคือพระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์ เท่านั้นที่เป็นความหวังของข้าพเจ้า เพราะฉะนั้นด้วยความกลัวในทุกข์อันเกิดจากภพภูมิเบื้องต่ำทั้งสาม และด้วยศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมต่อการชี้นำของพระรัตนตรัย ข้าพเจ้าขอพึ่งพระรัตนตรัยเพื่อสรณะ แล้วพระรัตนตรัยจะปกป้องข้าพเจ้าได้อย่างไร ก็ด้วยการเผยให้เห็นหนทางที่จะหลุดจากความทุกข์ทั้งมวล แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวข้าพเจ้าว่าจะเลือกเดินตามทางนั้นหรือไม่ สาระสำคัญของสิ่งเหล่านี้อยู่ที่การเฝ้าสังเกตกฎแห่งกรรม

         กรรมเป็นสิ่งที่แน่นอน กรรมดีนำมาซึ่งความสุข กรรมชั่วนำมาซึ่งความทุกข์ ดังนั้นข้าพเจ้าจึงต้องประกอบแต่กรรมดีแหลีกเลี่ยงกรรมชั่วอย่างสุดความสามารถ ด้วยการปฏิบัติเช่นนี้อย่างน้อยข้าพเจ้าจะได้เกิดในภพภูมิที่สูงขึ้น

         แต่การได้เกิดในภพภูมิที่สูงขึ้นยังไม่พอ ประสบการณ์จากการได้เกิดเป็นมนุษย์ในปัจจุบันชาติ ทำให้ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ว่าแม้แต่ในภพภูมิเบื้องสูงก็ยังมีทุกข์อันยิ่งใหญ่ การเจ็บป่วย การบาดเจ็บ การแก่ะการตาย การไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนา การสูญเสียสิ่งที่มี การประสบกับส่งอันไม่เป็นที่รักที่พอใจ ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนของสังสารวัฏล้วนแต่เป็นทุกข์ เพราะข้าพเจ้าจะมีแต่ความไม่มั่นคง เสี่ยงต่อความทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่ง และไม่มีทางได้รู้ว่าทุกข์ใดจะเกิดขึ้นเมื่อไร เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจะต้องปลดปล่อยตนเองออกจากวัฏจักรแห่งการตายและการเกิดที่ควบคุมไม่ได้นี้ให้ได้อย่างสิ้นเชิง เพื่อเข้าถึงสันติสุขอันเป็นนิรันด์แห่งพระนิพพาน

         แต่ทั้งสองอย่างนี้ก็ยังไม่เพียงพอการยึดติดกับสันติสุขส่วนตัวและการมุ่งแสวงหาเพียงเพื่อตนเองเป็นความเห็นแก่ตัวและโหดร้ายอย่างที่สุด สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงล้วนต้องการแสวงหาความสุข หลีกหนีความทุกข์ เราต่างก็เหมือนกันตรงจุดนี้ ดังนั้นข้าพเจ้าเพียงผู้เดียวกับพวกเขาซึ่งมีจำนวนนับไม่ถ้วน ความสุขของพวกเขาจึงสำคัญกว่าความสุขส่วนตัวของข้าพเจ้า อีกทั้งความสุขทั้งมดของข้าพเจ้า ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทั้งที่เกิดจากความรื่นรมย์ที่เล็กน้อยที่สุดเช่นสายลมเย็นแผ่วเบาในวันที่อากาศร้อน ไปจนถึงการเดินทางสู่ปีติอันไม่มีสิ้นสุดของการหลุดพ้นล้วนขึ้นกับสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น ไม่เพียงเท่านั้นสรรพสัตว์ทุกผู้ต่างเคยเป็นมารดาของข้าพเจ้ามาแล้วหลากหลายครั้งนับไม่ถ้วน ต่างมีเมตตาต่อข้าพเจ้าประดุจมารดาเลี้ยงดูบุตร ดังนั้นด้วยเหตุผลเหล่านี้และอื่นๆอีกมากมาย ข้าพเจ้าจักตอบแทนเมตตานี้อย่างสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ด้วยการนำพาสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงเข้าสู่การหลุดพ้นสูงสุดแห่งพุทธภาวะ

         อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ข้าพเจ้าเองก็แทบจะไม่สามารถพาตนเองให้พ้นจากทุกข์ แม้แต่จะพาผู้อื่นสู่ความสุขอย่างสามัญยังเป็นเรื่องยากยังไม่ต้องพูดถึงการหลุดพ้น มีเพียงอริยบุคคลเท่านั้นที่จะสามารถพาผู้อื่นเข้าสู่พุทธภาวะได้ ดังนั้นเพื่อที่จะตอบแทนเมตตาของผู้อื่น ข้าพเจ้าจะต้องบรรลุการหลุดพ้นให้ได้ก่อน ข้าพเจ้าจึงจำเป็นต้องมีครูผู้ถึงพร้อม ต้องศึกษา ใคร่ครวญ และปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นี่คือหนทางที่มีความหมายที่สุดในการใช้ชีวิตของข้าพเจ้า และนี่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าจักทำ



        

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น