จิตสำนึก - การอธิบายอย่างงดงามใน 200 วินาที/ สวามี สารวะปรียานันฑะ
Consciousness
beautifully explained in 200 sec | Swami Sarvapriyananda at IIT Kanpur : 30 ก.ย. 2017
- Consciousness and the Mind-body problem appears as one of
the most difficult theories in philosophy. But Swami Sarvapriyananda makes it
so simple, anyone can relate and interpret from this.
- ปัญหาเรื่อง จิตสำนึก
และกาย-จิต ปรากฏเป็นหนึ่งในทฤษฎียากลำบากทั้งหลายของปรัชญา. แต่ สวามี สารวะปรียานันฑะ
ทำมันให้ง่ายยิ่ง, ใครก็สามารถเล่าต่อและแปลได้จากอันนี้.
สวามี: เป็น จิตสำนึก(consciousness), ชัยธัญญัม(chaithanyam).
คำว่า ชัยธัญญัม(chaithanyam1) ในภาษาสันสกฤต(Sanskrit) หรือ จิต(jit2).
1 https://www.shabdkosh.com/dictionary/sanskrit-english/chaitanyam/chaitanyam-meaning-in-english
ชัยธัญญัม(chaithanyam), จิต(it), เหล่านี้คือ”คำ”(words)ที่ถูกใช้และที่เขาพูดก็คือ, มี จิตสำนึก(a consciousness)ในคุณ(in you).
นี่คือชัยธัญญัม(chaithanyam). แล้วคุณก็มี (จิต)ใจ(a mind),
แล้วคุณก็มี กาย(a body).
จิตสำนึกนี้(this
consciousness)ส่องแสงอยู่ใน(จิต)ใจ(shines in
mind). และผ่านการนั้น(through that), ไปในร่างกาย(in
the body), ในอวัยวะทั้งหมดของ กาย(in all the organs
of the body)และคุณรู้สึกถึงจิตสำนึกนี้(feel this
consciousness).
นี้คือ
คำตอบ(the
answer).
ตอนนี้คำตอบตรงนี้คือ
สิ่งที่ต้องถูกสังเกตบันทึก(to be noted). นี้คือที่ครูนั้นแสดงให้เห็นถึงจิตสำนึก(the
teacher presents consciousness)ใน 5
รูปลักษณ์(five aspects).
5 จุดนี้(five points)ที่คุณต้องเข้าใจ(have
to understand)ที่ฉันชื่นชม(I appreciates).
อย่างแรกสุด(first of all), จิตสำนึก(all consciousness)
ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของร่างกายของคุณหรือ(จิต)ใจของคุณ(not
a part of your body or your mind).
จิตสำนึก(consciousness)ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของกายคุณ(your body) หรือใจคุณ(your
mind.
มันแยก(apart)จากกายของคุณและใจของคุณ(from your body and mind).
จุดนี้เอง,
มันเป็นความแตกต่างจากวิทยาศาสตร์(it’s different from science), เพราะว่า วิทยาศาสตร์สมัยใหม่(modern science)จะพูดว่า,
จิตสำนึก(consciousness)คือผลผลิตของร่างกายของคุณ(is
a product of your body), กระทั่ง(จิต)ใจของคุณก็เป็นผลผลิตหนึ่งของร่างกายของคุณ(even
your mind is a product of your body). (จิต)ใจ(mind)และจิตสำนึก(consciousness)ทั้งหมดคือผลผลิตของเราทั้งหลายของสมอง(the
brain).
นั่นคืออะไรที่นักจิตวิทยาจะพูด,
ในทุกวันนี้(that’s what psychology would say today).
แต่ในที่นี้, ครูนั้นจะบอกว่า, จิตสำนึก(consciousness)นั้นแยก(apart)จาก(จิต)ใจคุณและร่างกายคุณ(your
mind and your body).
ประเด็นแรก(first point), มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของร่างกายคุณ(not a part of your
body). มันไม่ใช่ผลผลิตของร่างกายคุณ(not a product
of your body).
ประเด็นที่สอง(second point), มันแยกจากกัน(apart)แต่มันแผ่ซ่านกระจายไปทั่ว(it
pervades)และ(มัน)ส่องสว่าง(illuminates)(จิต)ใจและกายนั้น(the mind and body).
จิตสำนึก(consciousness)แผ่ซ่านกระจายไปทั่ว(pervades)และส่องสว่าง(illumines)จิตใจและกาย(the mind and body), ทำให้มันสามารถทำหน้าที่ได้(enabling
it to function).
ประเด็นที่สาม(third point), จิตสำนึกนี้(this consciousness)ไม่ได้ถูกจำกัดโดยจิตใจและร่างกาย(is
not limited by the mind and body).
มันดำรงอยู่แยกออกจากจิตใจและร่างกาย(exists apart
from the mind and body)อีกทั้งมันไม่ได้ถูกจำกัดไปกับมัน(also
it’s not limited to it)ด้วยเช่นกัน. มันไม่ใช่บางอย่างที่นี้ในสมองอันพิเศษนี้(not
something here in this particular brain).
คุณรู้ว่า, ในส่วนของร่างกายนี้(in this part
of the body), มันไม่ได้ถูกจำกัดโดยร่างกายนี้(it’s
not limited by the body).
อย่างที่สี่(foruth), จิตสำนึกนี้(this consciousness)มันถูกรู้จัก(is
known), มันได้ถูกรู้ในหน้าที่ของการทำงานของจิตใจและร่างกาย(is
known in the functioning of the mind and body).
การทำงาน(the
functioning)ผ่านการทำงานของจิตใจและร่างกาย(through
the functioning of the mind and body)เราสามารถรู้ได้ถึงจิตสำนึก(we
can know consciousness)เราสามารถประสบรับรู้ถึงจิตสำนึกได้(we
can experience consciousness).
และประเด็นที่ห้า(the fifth), ประเด็นสุดท้ายซึ่งจะเป็นที่ยกย่องชื่นชม(the last point to be
appreciated)คือ ปราศจากจิตใจและร่างกาย(the
mind and body), จิตสำนึก(consciousness)ยังคงอยู่ที่นั่น, แต่มันไม่สามารถถู”รู้”(it cannot be known). มันไม่ถูกประสบรับรู้(it’s not experienced).
ตัวอย่าง(example), ประเด็นทั้งห้า(five points)นี้,
ฉันจะให้ตัวอย่างกับคุณ.
มีแสงสว่างที่นี่(there is light
here)จากหลอดไฟเหล่านี้ตรงนี้(from these tube lights here).
นี้คือมือของฉัน(here is my
hand)และแสงสว่าง(lights)กำลังถูกสะท้อนจากมือนี้(being
reflected from this hand).
โอเค,
มันกำลังถูกสะท้อนจากมือนี้.
แสงสว่างที่กำลังถูกสะท้อนจากมือนี้(which is
reflected from this hand). คุณสามารถเห็นได้ตรงนี้ว่า
แสงสว่างกำลังถูกสะท้อนจากมือนี้. แสงสว่างไม่ใช่ส่วนหนึ่งของมือนี้(the
light is not a part of this hand).
มันไม่ใช่ผลผลิตของมือนี้(it’s not a
product of this hand). โอเค,ประเด็นแรก(first point).
ประเด็นที่สอง(second point), คือมันแผ่ซ่านกระจายไปทั่วมือนี้(pervades the hand)และทำให้มือนี้สว่างขึ้น(illumines the hand).
ประเด็นที่สาม(third point), คือ ฉันสามารถเข้าใจแสงสว่างได้(I can understand the light).
หรือประเด็นที่สามคือ,
มันมีอยู่(exists). มันไม่ได้ถูกจำกัด(it’s not limited)โดยมือนี้(by
the hand)มากไปกว่ามืออื่น.
เช่นกันที่มันมีอยู่ทุกแห่งด้วยเช่นกัน(also it exists
everywhere).
และประเด็นที่สี่(the fourth
point)คือ, มันเป็นโดยการสะท้อนแสงในมือนี้(by the
reflection in this hand)ที่ฉันสามารถเข้าใจถึงแสงสว่างได้(that
I can understand the light).
แค่ในตรงนี้(ชี้ไปที่มืด),
ฉันไม่สามารถเข้าใจแสงสว่าง. แต่เมื่อฉันเอามือมาที่ตรงนี้ที่มีแสงส่องอยู่(put my hand in
shines), ฉันสามารถเข้าใจถึงแสงสว่าง. ฉันสามารถประสบรับรู้(I
can experience the light)เมื่อมันถูกสะท้อน(when it is
reflected).
และประเด็นสุดท้าย(the last point), น่าสนใจมาก(very interesting)คือ,
เมื่อฉันย้ายมือออก, แสงสว่างก็ยังคงอยู่ที่นั่น(the light is still there)ที่ไม่ได้ถูกประสบรับรู้(which is not experienced).
(ยื่นมือไปที่แสง) ตอนนี้มันถูกประสบรับรู้(is experienced), ตอนนี้มันไม่(ดึงมือกลับ).
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น